เผอิญผมได้ไปอ่านกระทู้ "หลายเว็บเริ่มแบนการส่งของมาประเทศไทยแล้ว"
ที่
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,62955.0.html 
ผมเลยอยากจะขอเข้ามาอภิปรายในส่วนของอีเบย์ครับ
เพื่อให้อย่างน้อยๆ จะได้ไว้เป็นอุทาหรณ์สอนใจน้องๆที่จะเข้ามาทำตลาดในอีเบย์ว่า มีรุ่นพี่เลวๆไปก่อวีรเวรไว้อย่างไรบ้าง
และเพื่อให้เพื่อนๆ ได้มองเห็นปัญหาจากความไม่ซื่อสัตย์ของคนไทยบางกลุ่มครับ
เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่ออกมาเชิญชวนให้เพื่อนๆขายของผ่านทางอีเบย์ และก็พอจะเห็นถึงปัญหาการ"แบนคนไทย"มากขึ้นเหมือนกัน
จึงอยากจะเข้ามาให้ข้อมูลในขอบเขตของอีเบย์กันซักเล็กน้อย
เพื่อทำให้พวกเราตระหนักถึง ความสำคัญในการรักษาชื่อเสียงในระดับประเทศ
อย่าทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ซึ่งผมเองก็เป็นห่วงอยู่มากเหมือนกันครับ
เพราะนับวันเรามีแต่จะสร้างพวกนักขายหลอกเอาเงิน, โกงชาวบ้าน,หวังรวยลัด, ยึดสนามบิน, ทำลายชื่อเสียงระดับประเทศกันจนแทบล้นประเทศอยู่แล้ว
_________________________________________________________________________________________________
ผมนั่งดูอีเบย์อยู่ทุกวัน และผมก็มักจะเจอ ประกาศจากผู้ขายในต่างประเทศที่บอกว่าจะไม่ส่งสินค้าไปที่ประเทศนี้ ประเทศนั้นอยู่เสมอ
สำหรับอีเบย์นั้น อีเบย์ไม่ได้แบนเมืองไทยทั้งหมด,จะมีที่แบนจริงๆก็ จะเป็นผู้ขายไทยที่พยายามขายของลิขสิทธิ์,แบรนเนม
เพราะทางอีเบย์เชื่อว่า คนไทยไม่เคยขายของแท้,หรือต่อให้มีก็น้อยมาก จึงทำการแบนผู้ขายเพื่อเป็นการป้องกันผู้ซื้อเอาไว้ก่อน
แต่สำหรับในมุมของผู้ขายในอีเบย์นั้นก็ไม่ได้แบนเรา 100% หรอกนะครับ, มีแบนจริงๆก็ไม่เท่าไรหรอก
ที่ประเทศไทยเราโดนผู้ขายคนอื่นๆ แบนกันหนักๆ ก็พวกหมวดของร้อนครับ, เช่นอิเล็คโทรนิคไฮโซ, ของราคาแพงๆ
เผอิญผมอยู่ในเหตุการณ์ "โคตรคนไทยหลอกขายFlash Drive 16 GB" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยเราชื่อเหม็นระดับโลกด้วย
จึงขอนำมาเล่าคราวๆดังนี้
เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีคนไทยกลุ่มหนึ่ง วางประกาศขายเจ้าFlash Drive 16 GB ในราคาถูกเหลือเชื่อ ตัวล่ะไม่ถึงพัน เรียกว่าจริงๆตัวไม่กี่ร้อยบาทเอง
คนในอีเบย์เป็นหมื่นๆคน ต่างเข้ามารุมประมูลเจ้าสินค้าตัวนี้กันอย่างมืดฟ้ามัวดินกันทุกวัน เรียกว่า List ร้อนแทบจะเห็นควันลอยขึ้นมาเลย
ทุกชิ้นถูกประมูลกันไม่ต่ำกว่า 10-20 ครั้ง, และขายออก เฉลี่ยวันล่ะ 30-40 ชิ้น
ตัวผมก็กำลังอยากได้แฟลสไดรฟ์ใหม่อยู่พอดี แต่ผมคิดว่า ถ้าคนขายเป็นคนไทย ก็น่าจะหาซื้อมาจากแถวๆนี้แหล่ะ
ผมคิดว่าคนขายก็น่าจะไปซื้อมาจากห้างพันทิพ เยาฮัน และนำมาขายต่อในอีเบย์
ผมเลยโทรไปถามเพื่อนที่ชอบเดินสองห้างนี้เพื่อฝากซื้อมาใช้ซักตัว
ปรากฏเพื่อนผู้รู้ของผมบอกว่า ไอ้ 16 กิ๊กนี้ มันไม่มีจริง, ถึงมีก็ของปลอมแน่นอน
เพราะขนาดบริษัทใหญ่ๆอย่างโซนี่+คิงส์ตั้น, ยังไม่สามารถผลิตขายได้ในราคาถูกเป็นขี้แบบนี้เลย
อยากรู้เหมือนกันว่าผีที่ไหนผลิตมาขายได้ในราคาถูกแสนถูกขนาดนี้
ผมรีบกลับเข้าไปติดตามการขายในอีเบย์ต่อทันที และ ก็เป็นไปตามคาด
เจ้าของสินค้าคนไทยคนนี้ ปิดบัญชีหนีไปก่อนที่จะได้รับฟีดแบ็คแรก

(เพราะตัองรอส่งสินค้าไปอเมริกา 20 วัน, มันขายครบ 20 วันก็เปิดตูดแนบไปเปิดบัญชีใหม่
เพื่อเริ่มวงจรอุบาทใหม่แล้ว โดยไม่รอให้โดน Negative Feedback อันแรกด้วยซ้ำ)
ที่คนขายสามารถขี้โกงอยู่ได้นานโดยไม่มีใครจับได้เนี่ย เพราะเขาหลอกขายโดยใช้แฟลสไดร์ฟแบบ 1 กิ๊ก ซึ่งหาซื้อได้ในราคาถูกมากๆ
แต่กว่าคนซื้อในอีเบย์จะพบว่าเป็นแฟลสไดร์ฟปลอม ก็ต้องรอให้หน่วยความจำถูกใช้งานเกิน 1 กิ๊กซะก่อน
เจ้าเครื่องนี้ถึงจะเสีย โดยข้อมูลที่ใส่เกินมันจะหายไป
นึกดูซิครับ ส่วนใหญ่ใครๆก็ใช้เจ้ัาแฟลชไดรฟ์นี้เพื่อเก็บไฟล์เวิรด์,เอ็กเซล หรืองานเอกสารอื่นๆกันทั้งนั้น
แล้วจะต้องใส่ไฟล์เอกสารกี่ไฟล์ถึงจะเกิน 1 กิ๊ก,เรียกว่ากว่าจะรู้ตัวก็คงเป็นเดือนๆแล้วครับ

ซึ่งลูกค้าส่วนมากก็ไม่ค่อยสนใจ เพราะซื้อมาถูก
นึกว่ามันคงจะเสีย และก็ปล่อยไปโดยอาจจะไปซื้อของใหม่โดยคิดซะว่าตัวเองดวงไม่ดี
แต่เมื่อความแตก และข่าวเริ่มแพร่ออกไป, ทุกคนก็หยุดซื้อ (จะมีซื้ออยู่ก็พวกตกข่าวครับ น่าจะหาข้อมูลให้ดีก่อนซื้อนะเนี่ย)
แต่เรื่องมันไม่จบแค่นี้ครับ, ผู้ซื้อขายในอีเบย์ซึ่งอยู่ในหมวดอิเล็คทรอนิค มองว่า คนไทยไม่ซื่อสัตย์ และกลัวที่จะทำธุรกรรมในอนาคตด้วย
จึงได้เพิ่มรายชื่อประเทศไทยลงไปใน กลุ่มประเทศที่ไม่พึงปรารถนาครับ
ข่าวดีก็คือ แม้เราจะโดนเพ่งเล็งว่าเป็นกลุ่มผู้ไม่ซื่อสัตย์ แต่ก็จำกัดอยู่ในหมวดหมู่ของฮอตฮิต,แบรนเนม และพวกของร้อนเท่านั้น
แต่พวกขายกระดาษ ทิชชู่ ลูกอม ก็ไม่ได้ออกมาร่วมแบนประเทศเรา
เพราะเขา(คงยัง)ไม่เคยเจอผู้ขายไทยไปยักยอกเงินจากการซื้อทิชชู่ของเขา เขาก็ไม่รู้จะห้ามขายของคนไทยไปทำไม
แต่ถ้าเป็นพวกของร้อนและฮอตฮิตนั้น โจรมันชุมครับ.... ผู้ขายต้องป้องกันตัวเอาไว้ก่อน ไม่งั้นไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี
แต่ก็ไม่แน่นะครับ, อีกไม่นาน เราอาจจะได้เห็นผู้ขายทิชชู่ในอีเบย์ แบนผู้ซื้อจากไทย
เนื่องจากมีผู้ซื้อจากไทยจำนวนมากที่ไป Charge Back (ดึงเงินจากบัตรเครดิตคืน เมื่อผู้ขายส่งของออกมาแล้ว)ก็ได้ครับ

สิ่งที่ผมอยากจะฝากเพื่อนๆก็คือ
อย่าคิดสั้นครับ, คิดอะไรให้มันยาวๆ
เราเห็นตัวอย่างประเทศบางประเทศ ที่ส่งนายกฯออกไปชักชวนนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวในประเทศเพราะประชาชนกำลังจะอดตายเพราะไม่มีใครยอมมาเที่ยว
แต่นักท่องเที่ยวแค่ฟังชื่อประเทศก็แหยงแล้ว
เราคงไม่ต้องการให้มีนักขายที่ แค่เห็นชื่อว่าเป็นผู้ขายจากประเทศไหนแล้ว ผู้ซื้อผู้ขายก็เผ่นหนีกันกระเจิงแล้วหรอกครับ
ถ้าใครมีตัวอย่างวีรเวรของคนไทย ที่ไปก่อความเดือดร้อนให้คนอื่นนอกจากกรณีนี้ และการยึดสนามบิน ก็ช่วยเข้ามาเล่ากันบ้างนะครับ
จะได้เอาไว้เป็นอุทาหรณ์สอนคนไทยด้วยกันครับ :'(