เหมือนจุดประสงค์ คือ เอาไว้เช็คว่าไฟล์ไหนถูกแก้ไขโดยผู้ไม่หวังดีหรือป่าว
ถ้าถามผม ก็ดังนี้
1. ถ้าจะ share + เอาขึ้น github อย่า base64 หรือ ซ่อนโค๊ดด้วยวิธ๊อื่นๆ เลยคับ -*- ใช้วิธีกำหนด License ดีกว่า เช่นจะแชร์ ก็ MIT License ไปเลย (Love to share ดีกว่าครับ ทุกวันนี้ มี lib/framework ฟรีๆดีๆให้เราใช้มากมายเพราะการแชร์เนี่ยแหละครับ)
2. ผมว่าตอนนี้ มันยังสะกิดไม่ถูกจุดซะทีเดียวนะ เพราะ
2.1 มันไม่ได้แก้ root cause นะ แต่ก็ดีกว่าไม่มี แล้วถึงจะ detect เจอ มันก็ไม่ช่วยในการหาเลยว่ารูมันอยู่ตรงไหน
แล้วถ้าสมมติ มันดัง ก็ตามข้อต่อๆไปเลยครับ
2.2 ถ้าเค้าเข้ามาแก้ไฟล์ได้ = เค้าเห็นแน่ๆว่ามี mirror file อะไรซักอย่างอยู่ = แก้เล่นๆทุกไฟล์ = ไฟล์ที่ไม่ได้แก้แต่ถูก report มาพรึ่บนี่ปวดหัว แน่ๆครับ
2.3 หรือถ้าเค้าแก้ไฟล์ แล้วเรียก script/function ตัวนี้ได้นี่ เราก็ไม่รู้ตัวเลย
3. ผมว่ามันสร้าง junk file มากเกินไป ควรเปลี่ยนเป็น dump hash ไปใส่ ไฟล์เดียวแบบนี้
// dump.allfiels.php
return array(
'index.php' => 'Asafd8asdf5asfd',
'cart.php' => 'asDFadj;123'
//...
);
4. จากข้อ 2.3 + 2.4 ถ้าจะให้ดี ผมว่าควรทำงานแบบ remotely นะครับ เช่น run จาก pc ขึ้นไปกวาด hash บน server ลงมา อะไรแบบนี้ ถึงมันอาจจะทำงานช้ากว่าเยอะ แต่ผมว่า performance ไม่ใช่ประเด็น ไม่ควรไป concern
สรุป
ถึง script นี้ อาจจะยังไม่สามารถแก้ root cause หรือหา root cause ได้ตรงๆ แต่มันก็สามารถทำให้ developers รู้ได้ว่า มีรูรั่วนะ หรืออย่างน้อยก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ไว และอาจทำให้เกิดการ learning ทำให้ dev พัฒนา script ตัวเองได้ดีขึ้นครับ + ผมว่ามันต่อยอดได้นะ สู้ๆครับ