จากการที่ติดตามผลกระทบของการทำ SEO กับ Penguin Algorithm มาระยะหนึ่ง พบว่า On Page มีผลกระทบ น้อยกว่า Off Page
ที่กล่าวเช่นนี้เพราะจากการได้สร้างเว็บตัวอย่างโดยใช้โดเมนใหม่ๆ จดมาพร้อมกันจำนวนหนึ่ง ผลการทำสอบครั้งนี้ใช้เว็บภาษาไทยเป็นหลักก่อน
เพราะผมสามารถควบคุมเรื่องของ Unique content ได้ดีกว่าภาษาอังกฤษ จึงเลือกใช้เว็บภาษาไทยในการทดสอบ
จากการทดสอบพบว่า Unique Content หรือเนื้อหาไม่ซ้ำ เขียนเองมีความโดดเด่น ทำอันดับได้ง่ายมาก ในคีย์เวิร์ดกลางๆ ที่ไม่อ่อนเกินไป
เบื้องต้นนั้นผมเขียนบทความโดยไม่สนใจ On Page ปลีกย่อยอื่นๆ แต่ให้ความสนใจในเรื่อง keyword density ที่เหมาะสม โดยใช้ไม่เกิน 2%
จากเนื้อหาทั้งหมด โดยที่ไม่ใช้ Plugin SEO ช่วย ไม่เน้น META Tags ใดๆ เอาเนื้อหา+จำนวนคีย์เวิร์ดเป็นหลัก
ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ ทุกคีย์เวิร์ดเป้าหมายที่กลางๆ ค่อนไปทางแข็ง จากจำนวนคู่แข่ง ห้าแสน ถึง ห้าล้าน ยังคงทำอันดับได้ดี
โดยเพิ่มบทความทุกๆ 3-5 วันต่อครั้ง ครั้งละ 1 ถึง 3 บทความ เวลาผ่านไป 1 เดือนอันดับยังคงไม่แกว่งมาก
คงจะมีผลจากการที่เนื้อหาไม่ซ้ำ และ คีย์เวิร์ดชัดเจน การแกว่งของคีย์เวิร์ด บวก ลบ ไม่เกิน 10 อันดับซักครั้ง

จากนั้นเวลาผ่านไป 1 เดือนผมเริ่มทดสอบเรื่องของ Off Page ต้องเรียนตามตรงว่าผมไม่ได้อัด Backlinks ตามที่ต่างๆ
เพราะรู้แน่ชัดตั้งแต่ Panda Algorithm แล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ใดๆ การทำสอบผมจึงเรื่องการทดสอบจาก Network ส่วนตัวที่มี PR ขั้นต่ำ 3 ขั้นไป
โดยยึดหลักการหา Backlink จากเว็บที่มีเนื้อเกี่ยวข้องกันในทดสอบครั้งนี้ จากการทดสอบพบว่า
การเอา Backlink จากเว็บที่มีภาษาเดียวกัน และมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน พบว่า การทำอันดับนิ่งมากขึ้น บางคีย์เวิร์ดขยับขึ้นไปในอันดับที่ดีขึ้น
โดยสรุปคือมีผลดีอย่างชัดเจน

คราวนี้ทดสอบหา Backlink จากเว็บต่างภาษา แต่เนื้อหาเกี่ยวข้องในแนวเดียวกัน ซึ่งเมื่อก่อนมันตอบสนองดีเช่นกัน
แต่ผลจากการทดสอบครั้งนี้ใช้เวลาแค่ 2 วันเห็นผลทันตา อันดับของคีย์เวิร์ดเป้าหมายร่วงไปมากกว่า 50% แม้กระทั้งคีย์ที่ Niche จะเรียกว่าอ่อนๆ
ก็ยังร่วง ซึ่งเว็บอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ทดสอบแบบนี้ยังนิ่งเหมือนเดิม

ดังนี้จึงพอสรุปโดยส่วนตัวคร่าวๆ ว่า การหา Backlink ในปัจจุบันนี้ให้ระวังหน่อยนะครับ และจากกลุ่มตัวอย่างที่ผมทดสอบนั้น ผมเลี้ยง On Page โดยวิธีธรรมชาติ
จนมันยืนได้ด้วยตัวของมันเอง และให้เวลามันพอสมควร (อย่างน้อย 1 เดือน) จึงทำการทดสอบ Off Page เพื่อให้ผลออกมาค่อนข้างเชื่อถือได้ จะได้ไม่สับสนในขบวนการ Google Dance
ในระยะแรกๆ

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงแนวทางที่ผมทดสอบหยาบๆ เท่านั้นนะครับ ยังไม่ได้ละเอียดลงลึกในขบวนการ SEO ทั้งหมดนะครับ เพราะไม่ค่อยมีเวลามากนัก
คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ จึงนำลงมา Post หากไม่เป็นที่ชอบใจ หรือ กระทบต่อท่านใด ก็ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยใจจริงครับ และ ด้วยจิตคารวะ       
 

การแยก unit เป็นการทำเพื่อเราจะรู้ได้ว่า unit ใหนคลิกเยอะคลิกน้อย ราคาดีกว่ากันแค่ใหนครับ ไม่จำเป็นว่าต้องแยกหรือไม่ เราจะแยกหรือไม่แยกก็ได้ โค้ดเดียวกันที่สร้าขึ้นมาเราจะเอาไปติดเป็นหมื่นเว็บก็ได้ แต่เราจะไม่รู้ว่าเว็บใหนคลิกเยอะเว็บใหนคลิกน้อย และเว็บใหนค่าคลิกดีกว่ากัน

ผมคนนึงที่ตั้งเป้าไว้เหมือนกับหลายๆคนว่าจะต้องทำให้ได้วันละ 100+

เว็บไทย 100%



สู้สู้ครับ
 

เลือกโดเมนที่ต้องการตั้ง auto renew แล้วกดดร็อปดาว์นเมนูตามรูป แล้วกด Manage Domains แล้วก็ติ๊กเอาเครื่องหมายถูกโดเมนที่ต้องการปิด renew แล้วกด update auto-renew settings

http://whatpageofsearchamion.com/

ใส่ Keyword ใส่ url กด

พอดีอ่านเจอ อยากให้เป็นกำลังใจกับมือใหม่หรือคนที่ไม่ค่อยมีรายได้ครับ
เป็นเรื่องราวของเด็กอายุ19ปีที่เริ่มจะประสบความสำเร็จกับ Adsense เมื่อต้นปีนี้เอง
เรื่องโดย : Freeson
แปลโดย : Perapol
เครดิต : http://www.warriorforum.com/ad...e-per-month-here-my-story.html

ผมเริ่มต้นหาเงินจาก Adsense ตั้งแต่ 2009 ซึ่งผมหวังว่าจะประสบความสำเร็จกับมัน เพราะมันดูง่ายมาก แต่ความจริงมันช่างโหดร้าย มันดันไม่ง่ายอย่างที่ผมคิดไว้ ผมสร้างบล็อกจากบล็อกสป็อต แล้วก็แทบจะไม่มีความรู้SEOเลย แล้วก็เพราะว่าผมแทบไม่รู้อะไรเลยนี่แหละ ทำให้ช่วงสองสามเดือนแรกผมไม่ได้ตั้งใจเต็มที่ แล้วในที่สุดผมก็ได้ $100 แรกในเดือนมิถุนาปี2010 เรียกง่ายๆว่าใช้เวลา1ปีกว่าจะได้ $100 หลังจากนั้นผมก็พยายามหาความรู้เกี่ยวกับSEO มากขึ้นโดยเฉพาะ Keyword Research แต่ว่าผมก็ยังไม่ค่อยสำเร็จเท่าไร ผมได้รายได้เดือนละ $30-$50 จากบล็อกสป็อต และเว็บบล็อกฟรีต่างๆรวมถึงเว็บที่ให้เงินส่วนแบ่งเช่น hubpages ต่อมาในปี2011เดือนมีนาคม ผมได้ไอเดียเกี่ยวกับการสร้าง Niche Site (แปลว่าเว็บเฉพาะทางไม่ใช่เว็บเล็กๆอย่างที่หลายคนเข้าใจ) ซึ่งคราวนี้ผมเอาจริงสุดๆ ผมได้สร้างเว็บขนาดเล็กและขนาดกลางหลายเว็บ แต่ทว่าเทคนิคการสร้างแบ็คลิ้งของผมก็ยังอ่อนอยู่ ทำให้ผลที่ออกมาไม่น่าประทับใจอย่างที่คิด ทำให้ผมท้อแท้ห่อเหี่ยวไปนิดหน่อย แต่ว่ามีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเปลี่ยนไป และเปลี่ยนวิธีของผมด้วย

ผมเจอนัก Internet Marketer แถวบ้านในเดือนกันยา โดยเขาได้รายได้จากAdsenseเดือนละ $2,000+ จากเว็บเพียงเว็บเดียว ซึ่งเขาใจดีมาก ผมก็เลยโทรชวนเขามานั่งจิบกาแฟ แล้วเขาก็เลยแชร์ความลับและเทคนิคของเขาให้ผมรู้ เขาบอกว่า อย่าสร้างแต่เว็บเล็กๆ ให้สร้างเว็บใหญ่ๆ โดยที่มีคนเซิร์ชเดือนละ 15000 คนในUS แล้วก็มีCPCสูง ผมก็เลยเอาวะ ลุยก็ลุย ผมเลือกคีย์เวิร์ดที่มีคนเซิร์ช 20000+ในUS และมีCPC ที่ $2 ผมไม่กลัวคู่แข่งเลย ถึงแม้ว่าจะมี PR 6, 7ก็ตาม ผมเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า "กุเมพที่สุดละโว้ย" หลังจากนั้นผมเริ่มคิดค้นวิธีสร้างแบ็คลิ้งของตัวเองและซื้อโปรแกรมSEO แล้วก็เริ่มทำSEO อย่างบ้าคลั่ง ทุกเช้าที่ผมตื่นมาผมจะเช็คอันดับในGoogleเสมอ จนวันนึงเรื่องมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น!! เว็บผมติดอันดับหนึ่ง ในที่สุดสิ่งที่ผมฝันมา2เดือนก็เป็นจริง เว็บนี้ติดอันดับ1ในคีย์เวิร์ดหลักในเดือนพฤศจิกายน แล้วก็เริ่มทำเงินให้ผมจนผมแทบจะบ้า เพราะผมไม่เคยหาเงินได้มากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เพราะผมอายุแค่19และไม่มีงานประจำ ทำให้ผมจริงจังกับมันมาก

หมายเหตุ: ในเดือนธันวาเว็บของผมเริ่มที่จะติดอันดับในคีย์อื่นที่ใหญ่กว่า เช่น สมมติว่าคีย์หลักผมคือ"cheap laptop battery"ซึ่งติดอันดับ1 แต่คีย์"laptop battery" ก็ติดอันดับ3ด้วย มันสุดยอดมากๆ สุดท้ายเดือนธันวาผมได้ $600จากเว็บนั้นเว็บเดียว และในเดือนมกรานี้ผมได้ $1100+ จากเว็บนี้เว็บเดียวเช่นกัน

ผมได้สร้าง niche siteขึ้นมาอีก10เว็บในเดือนธันวา ซึ่งอยู่ในคนละnicheกัน แล้วก็คนละคีย์เวิร์ดกัน โดยเว็บเหล่านี้ มี Local search 9000-27000และในเดือนมกรามี2เว็บที่ติดท็อป5 และทำให้ผมได้อีก $300 ในเดือนมกรา ผมหวังว่าทุกเว็บจะทำเงินได้เหมือนเว็บแรกที่ผมทำ (รวยเละ)
และนอกจากนี้สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากความล้มเหลวและความสำเร็จคือ
   
-อย่ายอมแพ้ถึงแม้จะล้มเหลว เรียนรู้จากมันและลองใหม่อีกครั้ง
-ไม่มีความสำเร็จไหนได้มาง่ายๆ คุณต้องใช้สมอง เวลา และความทุ่มเทรวมทั้งการลงทุนด้วย

จบครับ
ข้อคิดที่ได้คือ - ให้ชวนเทพไปดื่มกาแฟ แล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป
ถ้าชอบอย่าลืม +1ครับ

Niche โดยความหมายก็คือ จำเพาะเจาะจง อธิบายความง่ายๆ เช่น
TV สินค้าตัวนี้โดยธรรมชาติตัวมันเองไม่สามารถเป็นเป็น Niche Market ได้
เพราะ TV เป็นที่นิยมของคนทุกกลุ่ม เด็กก็ชอบ ผู้ชายก็ชอบ ผู้หญิงก็ชอบ คนแก่ก็ชอบ
ถ้าจะต้องการให้ TV เป็น Niche Market ก็ต้องไปเจาะเน้นถึงลักษณะของตัว TV เอง
เช่น เจาะไปที่ลักษณะการใช้งาน หรือ ขนาด ก็จะทำให้มันเป็น Niche Market ได้

ตัวอย่างสินค้าที่ Niche Market ที่เห็นได้ชัดเจนเช่น สินค้าสำหรับคนพิการ
สินค้าสำหรับคนชราโดยเฉพาะ สินค้าหรับคนป่วย หรือสินค้าสำหรับคนถนัดซ้าย
อย่างที่ยกตัวอย่างมานี้ Niche Market แน่นอนครับ

พยายามมองภาพให้ดีนะครับอย่าสับสนเพราะตรงนี้เป็นหัวใจสำหรับในการทำ Affilite Marketing
มันมาก่อนคีย์เวิร์ดซะอีกครับ ลงอ่านบทความที่ผมเขียนไม่จบนี้ดูเล่นๆ นะครับ โชคดีทุกท่านครับ
==================================================

ทุกท่านที่ผ่านประสบการณ์ตรงนี้มาแล้วคงจำความรู้สึกตอนที่เข้าสู่วงการ เริ่มต้นเข้าสู่วงการ Affiliate Marketing ใหม่ๆ ตอนนั้นสับสนไปหมด เรื่มจาก มีคำถามว่า มันได้เงินจริงหรือ ,มันจะยากไหม ,เอาอะไรมาขายดี และอีกสารพัดคำถาม จากนั้นก็เริ่มค้นคว้าหาข้อมูล โดยเข้าบอร์ดนี้ ไป บอร์ดนั้น อ่านทุกกระทู้ ทุกบทความ ที่สนใจ อ่านจนสับสน ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง จนในที่สุดก็มาลงมติ การหา Keyword (คำที่ใช้ค้นหาผ่าน Search Engine) คือด่านแรกที่ต้องทำ

เมื่อมาถึงตรงนี้และเริ่มลุยการหา Keyword แบบเอาเป็นเอาตาย หลังจากที่งมอยู่นาน ก็หา Keyword เป็น (แต่ดีหรือไม่ นั้นเป็นอีกเรื่อง) คราวนี้ก็มาถึงเกิดความมั่นใจในระดับหนึ่งที่พร้อมจะลงมือลุย ก็จัดการค้นหาหมวดสินค้าขายดีมา คัดเอาที่มี Rating สูงๆ มีคนซื้อเยอะๆ ยิ่งเป็นสินค้าที่ดังๆ ยอดนิยม ยิ่งชอบ

เมื่อได้สินค้ามาแล้ว ก็ลงมือหา Keyword ตามทีฝึกมาได้ Keywords มาจำนวนหนึ่ง โอเค คราวนี้ก็ นึกว่าจะทำแบบไหนดี ฟังเค้าว่ามา ถ้าทำเว็บคุณภาพก็ทำมือ (ทำมือไม่ใช่ว่าจะคือคุณภาพ ถ้าไม่เข้าใจวิธีทำเว็บคุณภาพ) ถ้าทำเว็บปั่นก็หาสคริปแรกๆ ก็หาแบบที่พอหาง่ายๆมาใช้ก่อน เอ้าเอา WP-Robot นี้แหละหาง่ายดี

ที่เกรื่นมาทั้งหมดนี้มันก็ตัวผมคนหนึ่งนั้นแหละครับที่อยู่ในเคสนี้ และเพื่อนๆอีกหลายคนที่อยู่ในชะตากรรมเดียวกัน เมื่อสมัยก่อนมันก็ดีอย่างหนึ่งคือหาอะไรก็ยาก เทพก็มีน้อย ไม่พอยาไส้ ไม่ทราบว่าจะหันหน้าไปถามใคร เอ้าค้นหาเองลองเองนี่แหละดีที่สุด ถึงช้าแต่มั่นคง หนักแน่น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับทุกวันนี้สื่อด้านนี้มีมากมายเหลือเกิน เสพจนเลอ มีทั้งน้ำ ทั้งเนื้อ จนแยกไม่ถูกว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ เอ้ากลายเป็นข้อเสียไปเสียอีก เฮ้อ..ทำไมมันยุ่งยากอย่างนี้

เมื่อมาย้อนพิจารณาว่าขั้นตอนข้างต้นที่เกริ่นมานั้นมันถูกต้องหรือไม่ คำตอบคือ “ผิด” และผิดอย่างแรงเสียด้วย ผิดทั้งขั้นตอน และ ผิดทั้งวิธีคิด ผิดขั้นตอนคือ ข้ามการวิจัยตลาด ไปให้ความสำคัญ Keyword เสียก่อน ผิดที่สองคือวิธีคิด คือการที่เราไปนึกเอาสินค้าที่เราอยากขายเป็นตัวตั้ง โดยที่ไม่วิจัยตลาดให้ดี โอกาสสำเร็จยากกว่างมเข็มในบ่อน้ำ เปรียบเทียบก็เหมือนกับ เราต้องการจะไปขายของในตลาดสด เรารู้ว่าผัก ปลา เนื้อหมู ขายดี เราก็ตกลงขายพวกนี้แหละ พอเข้าไปขายจริงๆ เจอคู่แข่งที่เขี้ยวทั้งนั้น แต่ละเจ้ามีทั้งฐานลูกค้า แหล่งที่รับสินค้าที่ติดต่อกันมานาน รวมถึงกำลังการซื้อที่มีปริมาณมาก ต้นทุนก็ถูกกว่า ทำเลเค้าก็ดีกว่าเพราะอยู่มานาน ถ้าเทียบกับการทำเว็บก็คือ คู่แข่งทำมานาน มีอันดับที่ดีในผลการค้นหา มีค่า PR สูง ซึ่งเค้ามีความได้เปรียบเราแทบทุกประตู ทีนี้ย้อนกลับมาที่หนังชีวิตจริงอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าขาย ผัก ขายปลา ขายเนื้อ มันไม่เวิร์ก นักการตลาดที่ดี ก็ต้องสำเร็จตลาดหาช่องว่างของตลาด จนในที่สุดก็พบว่า หนังกบตากแห้งหาซื้อยากไม่มีคู่แข่ง หรือมีน้อยมาก ข้าวเกรียบงา ข้างโป่ง ไม่มีคู่แข่ง อย่างนี้เอามาขายได้สบาย

มีสุภาษิตหนึ่งที่กล่าวว่า “เป็นราชสีห์ในป่าเล็กๆ ยังดีกว่าเป็นสุนัขในเมืองใหญ่” พอนึกมองเห็นภาพสุนัขที่เดินก็ต้องระวัง เดินบนฟุตบาทก็เจอคนเบียด พอลงเดินข้างถนนก็เจอรถวิ่งจะเฉี่ยวเอา พอเข้าซอยก็เจอ สุนัขเจ้าถิ่นไล่กัด ภาพมันช่างเหมือนที่เราเลือกสินค้าผิด เลือกตลาดผิด ทำอะไรก็ยากไปหมด

ดังนั้นการที่จะทำ Affiliate Marketing ให้ประสบความสำเร็จเราต้องฝึกวิธีคิด ให้หลักแหลม คิดให้รอบคอบ ในขณะคิดงาน อย่ายืนบนความโลภ อย่าคิดถึงตัวเลขรายได้ ให้คิดแค่ว่า มันมีโอกาสขายได้หรือไม่ก็พอ นอกเรื่องมาเสียนาน คราวนี้มาเข้าสู่เนื้อหาจริงๆ กันดีกว่า
Affiliate Marketing คืออะไร?

ยังไม่จบครับ ยังมีต่อไปอีก ในเนื้อหาเรื่อง Affiliate Marketing ที่เข็มข้นมากกว่านี้ โปรดรอติดตามครับ…
   

เวบที่เคยทำเงินครับ

http://www.mikeyx.com ให้ดูไม่กลัวโดน coppy เพราะมันโดนเพนกวิ้น กลืนกินไปคอหอย