เก็บความรู้บ้าง

สุดยอดเลย

ลงนิดหน่อย พอลุ้น

ยังแจกอยู่ไหมครับ

เยี่ยมเลยครับ

ขอบคุณครับ

ทำแต่ได้ไม่กี่บาทเองครับ

Google มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งในระดับผู้บริหาร ซึ่งถือว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ Larry Page ถอยออกมาดูแลภาพรวม สละเก้าอี้ให้กับ Sundar Pichai อดีต Head ของ Android และ Chrome ขึ้นมากุมบังเหียนแทน จากการรายงานของ Recode




Pichai เข้ามาร่วมงานกับ Google ในปี 2004 และกลายมาเป็นมือขวาของ Larry Page ในที่สุด

ในขณะนี้ Pichai จึงอยู่ในฐานะผู้ควบคุมดูแลโปรดักต์หลักๆ ของ Google ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การค้นหา, แผนที่, วิจัย, Google+, แอนดรอยด์, Chrome, ระบบโครงสร้าง, การขายและโฆษณา และแอปพลิเคชั่น

Pichai เกิดในรัฐ Tamil Nadu ในประเทศอินเดีย จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีจาก Indian Institute of Technology Kharagpur

หลังจากนั้น Pichai ศึกษาระดับปริญญาโทที่ Stanford และ Wharton School ในเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้รับทุนการศึกษา Siebel Scholar และทุน Palmer Scholar

ปี 2004 Pichai เริ่มงานกับ Google ในตำแหน่ง Vice President of Product Management ดูแลทีมงานพัฒนา Google Chrome และระบบปฏิบัติการ

ด้วยระยะเวลาไม่นานนัก Pichai ก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบหลายโปรเจกต์มากขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้วก็ยังเกี่ยวข้องกับโปรดักต์ใน Google search ตั้งแต่ Firefox, Google Toolbar, Desktop Search, Gadgets, และ Gadget ต่างๆ ของ Google

เดือนกันยายนปี 2008 Pichai เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเปิดตัวที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จของ Chrome และในปี 2012 เขาก็รับหน้าที่เป็นผู้ดูแล Google Apps ด้วย หลังจาก Dave Girouard แยกตัวออกไปตั้งบริษัทของตัวเอง

หลังจากนั้นไม่นาน Pichai ก็ได้เข้ามาดูแล Android หลังจากผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Andy Rubin ก้าวลงจากตำแหน่งในปี 2013 โดย Chris Beckman อดีต Product Manager ของ Google กล่าวชื่นชมความสามารถของ Pichai ว่าเขามีศักยภาพในการเป็นผู้นำทีมที่แข็งแกร่งไปพิชิตโปรเจกต์ยากๆ ได้

Pichai จะเลือกคนเข้ามาในทีมเอง เป็นคนสอนงานและให้คำปรึกษา รวมทั้งยังเป็นคนที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับทีมด้วย โดยสรุปแล้ว ชื่อเสียงใน Google ของ Pichai และทีมถือว่าดีมาก เป็น Best of the best ทั้งในด้านการจัดการโปรดักต์ต่างๆ ของ Google และ Software engineering เพื่อสร้างคุณภาพให้กับการ Search ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของ Google

นอกจากนี้ Beckmann ยังบอกอีกว่า Pichai มักจะหลีกเลี่ยงการสร้างศัตรูหรือความขัดแย้งทางการเมืองในออฟฟิศ และเขาจะทำให้ประเด็นความขัดแย้งเหล่านั้นมาเป็นตัวผลักดันให้ทีมของเขาประสบความสำเร็จ โดยทำให้เกิดผลกระทบกับทีมอื่นๆ น้อยที่สุด

ตอนที่ Marissa Mayer ทำงานที่ Google ทีมของ Pichai อยู่ภายใต้การดูแลของ Mayer เขาเคยนั่งรอนอกห้องทำงานของเธอเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อดูคะแนน work-performance ที่เธอให้กับทีมของเขา ซึ่งใน Google เป็นที่รู้กันดีว่า Pichai เป็นคนที่มีทักษะในการจัดการทีมเป็นอย่างดี

ประวัติการทำงานที่น่าประทับใจของ Pichai ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีหลายๆ แห่งเข้ามาซื้อตัว หนึ่งในนั้นคือ Twitter แต่แน่นอนว่าเขาตอบปฏิเสธ นอกจาก Twitter แล้ว ก็ยังเคยมีข่าวลืออีกว่าชื่อของ Pichai อยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ สำหรับตำแหน่งซีอีโอของ Microsoft ตอนที่ Steve Balmer ประกาศลาออกไปเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2013
ที่มา : http://www.businessinsider.com...t-google-2014-10#ixzz3HM0rGmn1
Posted by Praimpat Trakulchokesatiean
thumbsup.in.th/

Instagram เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถแชร์ภาพด้วย Filter ที่มาให้เลือกอยู่มากมาย รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการขายสินค้าออนไลน์(และฝากร้าน)สำหรับคนไทยไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่สร้างปัญหาให้กับผู้ใช้งานก็คือการที่ไม่สามารถเข้าไปแก้ไขข้อความในภาพได้ ตอนนี้ Instagram เพิ่มคุณสมบัตินี้เข้าไปแล้ว(เสียที) โดยมีการบอกผ่าน Blog Instagram


อันที่จริงแล้วคุณสมบัตินี้น่าจะออกมาพร้อมๆ กับการเปิดตัวตั้งแต่เริ่มแรกและพร้อมกับการแก้ไขข้อความ Comment เพราะทุกครั้งหากมีการพิมพ์ผิดไป ก็มีทางเลือกเพียงสองทางคือ ต้องลบทิ้งไปเลย หรือปล่อยทิ้งไว้ โดยตอนนี้สามารถเข้าแก้ไขข้อความหรือ Caption ได้แล้วด้วยการแตะเข้าไป edit ได้ โดยข้อความที่ถูกแก้ไขแล้วจะเห็นเป็นคำว่า edited ครับ ซึ่งจะเห็น edited ก็ต่อเมื่อเข้าไปดู comment ทั้งหมดเท่านั้น อันนี้ผมชอบนะ ดูเนียนดี




ส่วนอีกอย่างที่เปลี่ยนไปก็คือ Explore ที่มีการเปลี่ยน icon จากเข็มทิศมาเป็นแว่นขยาย ซึ่งโดยปกติแล้ว Explore มีไว้คนหาคน, คำหรือ Hashtag ที่ต้องการดูภาพ ตอนนี้ตัว Instagram ล่าสุดจะเปลี่ยนมาเป็น 2 แทบหลักคือ Photos และ People โดย Photos จะเป็นการแสดงภาพโดยยึดจากคนที่เรา Follow อยู่ ซึ่งจะมีประโยค Based on people you follow อยู่ใต้ภาพนั้นและมีปุ่ม Follow ให้เราสามารถตามคนนั้นได้เลย โดยยังเป็นเหมือนกับ version ที่แล้วอยู่



อีกแท็บคือ People ซึ่งเปลี่ยนไป เพราะมันคือการดึงเอาภาพของคนที่จะแนะนำให้เราติดตามขึ้นมาให้ชมบนหน้านี้ด้วยพร้อมกับ 3 รูปล่าสุดของแต่ละคน โดยปัจจัยดึงคนขึ้นมาใช้มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคนที่คุณ Follow อยู่นั้นติดตามใครบ้าง, ใครที่ติดตามคุณอยู่, คุณชอบอะไรบน Instagram (น่าจะดูจาก Caption, สถานที่ที่ไป) และอื่นๆ จนได้ผลแสดงออกมาบนภาพนี้



ตอนนี้เปิดให้ update แล้วทั้งบน iOS และ Android ครับ

Posted by charathBank
http://thumbsup.in.th/2014/11/...ure-edit-caption-and-explorer/

ขอบคุณครับ

สวย น่าสนใจดีครับ

สวยครับ

ความคิดดีครับ

ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณครับ

วันสองวันนี้จะมีกระแสอะไรที่แรงไปกว่า “ลักเหนียวไก่” แล้ว ที่ไม่ว่าจะเปิดไปหน้า News Feed ของ Facebook หรือเข้าไปที่เพจของเพื่อนก็จะเจอการแชร์คลิปนี้หรือภาพนิ่งเกี่ยวกับสิ่งนี้ ด้วยเหตุนี้ผมเลยขอพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจากการสังเกตกระแสนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตบางอย่างในบทความนี้ครับ


ทำไมต้อง ”ลักเหนียวไก่” อะไรคือที่มา

เกิดจากการที่น้องผู้หญิงคนหนึ่งถูกขโมยข้าวเหนียวไก่ไป จึงตัดสินใจถ่ายคลิปวิดิโอที่กระจกเพื่อระบายอารมณ์ความโกรธแค้นว่าของสิ่งนี้ยังจะขโมยกันได้ ซึ่งหลังจากแชร์ออกไปในกลุ่มเล็กๆ เพื่อนๆ ของน้องก็แชร์ต่อไปอีก จนทำให้คลิปนี้กลายเป็นกระแสขึ้น จนถูกเรียกชื่อคลิปนี้ว่า “#ลักเหนียวไก่”

และด้วยกระแสนี้ทำให้เกิดรูปแบบการทำเป็นสิ่งต่างๆ ด้วยความสนุกและความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการทำคลิปล้อเลียนออกมา (เราขอไม่แชร์นะครับ), การทำภาพต่างๆ ออกมาล้อเลียนทั้งเป็น meme “ผมนี่…เลย” อันสุดฮิต และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งผมขอไม่แชร์นะครับ แต่ก็คงจะเห็นกันมามากแล้ว

พอมองมาที่แบรนด์ของไทย โดยปกติ เวลามีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจและเป็นกระแส เพจแบรนด์ทั้งหลายก็มักจะสร้างสิ่งที่ตัวเองมีผูกเป็นเรื่องราวให้เกี่ยวข้องกับกระแสในแบบ Real-Time เรื่องนี้คงจะมีสิ่งเกี่ยวข้องอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากเรื่องไก่ทั้ง KFC, Chester’s Grill โดยเมื่อเข้าไปสังเกตดูแล้วก็ไม่พบว่ามีโพสต์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องเลย นอกเสียจากที่จะมีแต่การเข้ามาสอบถามจากบรรดาแฟนๆ ด้วยคำถามเดิมๆ คือ “มีเหนี่ยวไก่ไหม” โดยทางเพจก็ทำการ “ขายของ” ตามปกติ

ส่วนบางเว็บไซต์เช่น Wongnai.com เลือก Content Marketing เกาะกระแส

การใช้ Content Marketing ในการเกาะกระแส จะต้องทำอย่างรวดเร็วและโดนใจผู้ที่ได้เห็นมากที่สุด และนี่ก็เป็นสิ่งที่ทาง Wongnai เว็บไซต์รีวิวอาหารเล็งเห็นจุดที่น่าจะเข้าไปได้ เลยเข้าไปเกาะกระแสเรื่องนี้ด้วยการเขียนเนื้อหาโดยการแนะนำ 10 ร้านข้าวเหนียวไก่บนหน้าเว็บไซต์ Wongnai.com ร่วมไปถึงการโพสต์บน Facebook ในช่วงเวลาที่ยังคงเป็นกระแสอยู่ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก



สิ่งที่ Wongnai ประสบความสำเร็จในการทำ Real-Time Marketing ก็คือ

-Wongnai ไม่ศูนย์เสียการเป็นแบรนด์ในการรีวิวอาหารของเว็บไซต์ไป เพราะทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม
-ยังเล่นอยู่ในช่วงที่ยังเป็นกระแส
-ตอบคำถามคนที่อยากรู้ว่ามีที่ไหนน่ากินบ้าง ด้วยการใช้ข้อมูลที่มีอยู่มาทำเป็น Content ใหม่
-เลือกเวลาโพสต์บน Facebook ในช่วงมนุษย์เงินเดือนกำลังหิว (เกือบ 4 โมงเย็น)
ส่วนผสมค่อนข้างลงตัวมากๆ ในการเล่นกับ Real-Time Marketing ของ Wongnai ประสบความสำเร็จอย่างมากครับ

และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังมีกระแสเหนียวไก่บนโลกออนไลน์และ Facebook ที่สร้างความคึกคักอย่างมาก

ถามว่าใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ก็คงจะเป็นผู้ขายข้าวเหนียวไก่ เพราะทุกคนต่างเรียกร้องอยากกินจนทำให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยใช่ไหมครับ

Posted by charathBank
http://thumbsup.in.th/2014/11/...ied-chicken-real-time-content/

เปลื่ยนแปลงตลอดสำหรับ facebook

ขอบคุณมากครับ