ไม่ได้มีสาระซะนานครับ
วันนี้มีเรื่องอยากจะถ่ายทอดให้เพื่อนๆได้นำไปใช้ในการทำธุรกิจหรือเริ่มต้นทำอะไรครับ มีเวลาว่างนิดหน่อยก็เลยพิมพ์ครับ
แนะนำตัวเองก่อน ตอนนี้ผมก็ทำอีคอมเมิร์ชครับ พูดง่ายๆก็ขายของออนไลน์นี่แหละ และมีหน้าร้านครับ ประสบการ์ณด้านนี้ ด้วยตัวเองราวๆสองปีครับ เมื่อก่อนขายตลาดนัดเป็นธุรกิจครอบครัวครับ แต่ก็ไม่ได้มาทางออนไลน์เท่าไหร่ ก็มีบ้างแต่ไม่ได้จริงจังครับ มาจริงจังช่วงหลังๆนี่เอง
คอมเมิรชบ้านเราการแข่งขันสูงครับ กำลังซื้อก็ถือว่าพอสมควรในบางชนิดสินค้า
หากว่าคิดจะเริ่มหรืออยากทำด้านนี้ มันมีอะไรที่ควรจะรู้บ้างผมจะบอกครับ
ทุน - สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดครับ การมีสินค้าจำนวนนึงนั้นต้องมีทุนหากไม่ใช่ดรอปชิบครับ ในแง่ของต้นทุนสินค้า การมีทุนมาก ก็จะได้สินค้าราคาส่งที่ต่ำกว่าครับ ด้วยปริมาณการซื้อที่จำนวนสูงตามไปด้วยเช่นกัน ผมยกตัวอย่างการนำเข้าสินค้าชนิดนึง ที่ 10 ชิ้น 50 บาทต่อชิ้น 50 ชิ้น ก็จะได้อีกเรตนึงที่ถูกลงมาอีก ไม่ต่องพูดถึงระดับยกลังหรือมากกว่านั้นครับ ต้นทุนราคาส่งก็จะถูกลงมาเช่นกัน แต่ก็ไม่ทุกอย่างไปนะครับ บางสินค้า ก็ได้เรตราคาส่งต่ำที่สุดตั้งแต่ไม่กี่ชิ้น อันนี้ก็แล้วแต่ผู้ผลิตนะครับ
ทุนในอีกมุมนึง คือเพื่อการตลาดครับ การโปตโมต ลงโฆษณา เบื้องต้นเราทำเองได้ครับไม่ต้องใช้ทุนมากมายนัก แต่ผลตอบรับมันจะสู้คนมีทุนสูงๆคนละแบบครับ จะขายอะไรก็ตามแต่ครับ หากเรามีทุนก็พอจะไปสู้รบปรบมือกะเจ้าตลาดเดิมได้บ้างครับ
ศึกษาสินค้า หรือรีเซริจตลาด - เรื่องสำคัญมากอย่างนึงครับ คนหาของมาขายมีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบครับ พบเห็นได้ตามเฟสเลย เครื่องสำอางค์ยันเครื่องมือช่าง หรือของกินมีแทบทุกอย่างครับ ก่อนที่จะคิดขายอะไร อยากให้ลองสำรวจดูก่อนครับ มีประโยนช์มากเลย สมมุติสินค้าตัวนึง มีกำลังต้องการของตลาดสูงมาก และมีผู้ขายน้อย เรื่องราคาโดยรวมก็อยู่ในแนวโน้มได้กำไรพอสมควร ถึงค่อยตัดสินใจทำครับ หรือไม่ก็กรณีพิเศษ เรารู้ว่ามีตลาดเฉพาะของสินค้าตัวนี้ ก็ข้ามขั้นตอนไปได้ครับ อย่างเช่นเครื่องสำอาง มีกลุ่มแม่บ้านหรือสาวๆออฟฟิสที่พูดคุยกันในกลุ่มอยู่แล้ว มีความต้องการอยู่แล้วอันนี้จะสบายหน่อยครับ ไม่ใช่ว่าอยากจะขายอะไรก็ขายได้เลย มันก็ขายได้แหละครับ แต่จะได้กำไรคุ้มค่าไหมนั่นอีกเรื่องครับ พยามยามศึกษากลุ่มลูกค้าด้วยก็ดีครับ บางทีมันเป็นเทรน เทรนจะมาเร็วไปเร็ว มายาวๆ หากเราคลุกคลีอยู่กับมันก็จะพอรู้บ้างครับ
คู่แข่งทางการค้า - แหม่ จะบอกว่าอย่าไปกลัวก็ไม่ได้ บางทีต้องกลัวครับ เมื่อก่อนผมก็ตาสีตาสาแหละ พอผู้ขายเยอะขึ้น การแข่งขันย่อมสูงขึ้นครับ แต่พอมีแล้วก็ต้องสู้กันไปตามสมควรครับ แต่ถ้าเราศึกษาเค้าหรือคนรอบๆไว้ก่อนแล้วจะดีมากครับ อย่างเช่นว่า สินค้าชนิดเดียวกัน เค้าขายอยู่ห้าร้อยนะ เราก็ควรจะขายราวๆนั้นแหละครับ แต่ต้องดูด้วยว่าเราคุ้มไหม บางทีลงไปแข่งด้วยแล้วไม่ได้อะไรเลยก็อย่าดีกว่า ของผมเคยมีเคสนึง มีการแข่งขันเรื่องราคาสินค้าตัวนึง ซึ่งปกติตลาดจะอยู่ที่ 600 บาท ต้นทุนอยู่ที่ 450 นี่คือราคาส่งมารตฐานและราคาขายปลีกทั่วไปนะครับ แต่มาวันนึง เค้าอยากจะขาย 450 เราจะทำยังไงละครับ (พวกล่อเท่าทุนเลย) ยอมรับว่าก็เครียดครับ เพราะสต็อกไว้อยู่นิดหน่อย แต่ก็นั่นแหละครับ คนซื้อเค้าก็ไม่ได้เสาะหาของถูกที่สุดอย่างเดียวเสมอไปครับ บางทีก็ด้วยคุณภาพและบริการของคนขายด้วยก็มี หรือด้วยเหตุผลอื่นก็มีครับ อย่างเช่นว่า คนขาย 450 ขายหมดไว แต่ตลาดยังต้องการอยู่ 600 เค้าก็ซื้อครับ แต่จะขายช้ากว่าแค่นั้นเอง บางทีผมก็ลดนะ แต่ก็ไม่ลดถึงขนาดนั้นครับ แตทั้งนี้ทั้งนั้นมันมีเรื่องอื่นเกี่ยวด้วยเสมอครับ เช่นต้นทุนสินค้าที่ต้องจมลงไปชั่วคราว หรืออาจจะยาวเลยก็ได้ มันน่าหนักใจอยู่ครับ คนมีทุนหนาๆบางทีรวยแล้วนะหล่ะ เราซื้อ เค้าซื้อของชนิดเดียวกัน แต่เค้าซื้อราคาส่งที่1000ชิ้น เราซื้อราคาส่งที่ 50 ชิ้น ต้นทุนต่างนี่ก็เอาเรื่องแล้วครับ การ Sale ลดราคา เค้าทำได้มากกว่า แต่หากสินค้าขายไม่ดี เค้าก็จะจมทุนสาหัสกว่าเรา มีทั้งดีและไม่ดีครับ
ไอข้างบนๆที่พิมพ์ๆนั่นก็นึกหัวข้อไม่ออกแล้วครับ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมพิมพ์ยาวๆแล้วลองไล่เรียงกันดูนะครับ
ขายของออนไลน์เป็นอะไรที่สนุกครับ สนุกเลยแหละมีออเดอร์เยอะๆแพ็คของส่ง มีลูกค้าประจำที่สั่งอยู่เรื่อยๆ คือได้เห็นกระแสเงินกับกำไรใครหล่ะจะไม่ดีใจครับ 5555 ทุกวันนี้ช่องทางการขายเยอะมากเหลือเกินครับ จะเฟสบุค จะยูทูป หรือเว็บขายดี บาลเบอะจริงๆ แต่คนที่ขายดีจริงๆเนี่ยมันไม่มากนักหรอกครับ บางคนอาจจะโชคดีหน่อยเข้ามาก็ตูมๆขายดีเลยก็มีครับ กลับกัน คนขายไม่ได้เลยมันก็มี
มันก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ บางคนก็ล้มเลิกไป บางคนก็ฝืนทำต่อไป จะบอกว่าหากไม่มีประสบการ์ณเลยทางด้านนี้ หรือไม่รู้อะไรเลย สาหัสครับ ด้วยเวลาเนี่ยแหละบางทีมันก็สอนเราเองครับ ไม่ก็เราไปขวนขวายหามันมา ครอบครัวผมและผมเองเคยขายของตลาดนัดครับ ก็ขายดีแหละขายเสื้อผ้าผญครับเมื่อก่อน ก็ขายอยู่เกือบๆ 10 ปีได้ครับ แต่ก็ถึงจุดสิ้นสุดเพราะตลาดฝืด ขายยาก กำลังซื้อน้อยลงมาก คู่แข่งเต็มตลาดไหนจะเรื่องราคาอีก ช่วงแรกๆกระแสเดรสเกาหลี ชุดแฟชั่นก็อปปี้ อะไรพวกนี้ร้านผมมีหมด ขายได้วันละเป็นหมิ่นด้วยกำไรครึ่งต่อครึ่ง แน่นอนครับ ก็มีคนทำตามจนเต็มตลาด ของจีนเพียบ จนขายได้วันละไม่กี่พันบาทด้วยกำไรที่น้อยลงกว่าเดิมหลายเท่า แล้วก็ถึงจุดเปลี่ยนครับ โละขายเสื้อผ้าทั้งหมด เคลียแรนส์เซลเลย เปลี่ยนโปรดักไปเปลี่ยนของแต่งบ้าน งานแฮนด์เมด ก็กลับมาดีขึ้นครับ แต่ด้วยเศรษกิจ เราก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามนั้นครับ จนมาถึงสินค้าอย่างสุดท้ายที่ขายอยู่จนปัจจุบันนี้ครับ เวลากับเศรษกิจมันสอนเราจริงๆครับ แต่ก็ต้องกล้าที่จะเปลี่ยนด้วยนะครับ หรือถ้าไม่กล้า ก็ต้องพัฒนาของเดิมให้ดีขึ้นครับ ดีพอที่จะแข่งขันกับคนอื่นๆได้
ตอนแรกๆเราก็รับตัวแทนช่วยขาย รับดรอปชิบมาช่วยโปรโมต แต่ก็ได้รู้เพิ่มครับว่าบางคนสักแต่จะทำโดยไม่รู้อะไรเลยก็มีครับ ไม่รู้แม้กระทั่งของที่จะขาย = = (แล้วจะเอาไปขายได้หรอฟะ)
สิ่งที่อยากจะเล่าก็มีราวๆนี้ครับ แต่ถ้าอยากปรึกษาอยากคุย ก็อินบ็อกได้เลยครับ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน หรือช่วยกันขาย เป็นสิ่งดีครับ เมื่อก่อนผมเป็นพ่อค้า-แม่ค้าตัวเล็กๆที่ขายของไปวันๆ หมดก็ไปรับมาใหม่ ไม่ได้อะไรครับ ได้กำไรก็หมุนๆไปใช้จ่าย ลงของเพิ่ม ปัจจุบันนี่คุยได้คุย ต่อได้ต่อ หาประโยชน์ให้ได้มากที่สุด บางครั้งก็คุยกับผู้ผลิตเลยด้วยซ้ำไปครับ จะบอกว่าผู้ผลิตสินค้า หรือผู้ขายส่ง เขาก็ต้องการขายเหมือนกันนี่ละครับ บางทีคุยกันได้ทางออกที่ดี แฟร์ๆ เราขายดี เค้าก็ได้ขายส่งให้เรา แถมบางทีก็ได้ราคาส่งที่ถูกโดยที่ไม่ต้องซื้อตามจำนวนอีก แหะๆ
แนะนำอื่นๆครับ จริงๆก็อยากจะพิมพ์มากกว่านี้ แต่บางทีก็นึกไม่ออกจริงๆครับ
เรื่องราคาเนี่ย ต้นทุนไม่เท่ากัน กำไรที่คิดก็ไม่เท่ากันทุกคนครับ เพราะงั้นให้คิดว่า ทำแบบไหนแล้วมันดีต่อเราและธุรกิจของเราครับ อย่างของผมเองเน้นแบบ ควิ๊กเซลซะมากกว่า คืออยากให้ขายออกไว กำไรนิดหน่อยก็พอ แต่บางสินค้าที่ต้องใช้ทุน การแข่งขันน้อย ก็บวกไปมากกว่าเดิมครับ อย่าคิดมากหากราคาของเราต่างกับคนอื่น ให้เพิ่มเติมเงื่อนใขเข้าไป เช่นการลดราคาเป็น % การแถมอะไรเล็กๆน้อยๆ เช่นส่งของฟรี คิดทางที่ดีที่สุดครับ แต่ก็ใช่ว่าราคาจะสุดโต่งแพงกว่าชาวบ้านทั้งหมดเลยมันก็ไม่ใช่นะงั้น 555
เป็นพ่อค้าแม่ค้าต้องทนหน่อยครับ เจอลูกค้าร้อยแปดพันเก้า มาทุกรูปแบบจริงๆบางทีมาเหมือนกับของแจกฟรี ก็คุยกับลูกค้าเอาครับ คุยไม่ไหวก็บายจ้าเลย
ตลาดที่น่าสนใจตอนนี้ก็มีเยอะครับ ผมยังมองไปถึงอนาคตเลยหากมีทุน อยากจะทำร้านของสะสม เพราะมันมีคุณค่าของมันในตัวครับ ของบางอย่างกาลเวลาก็ทำให้ราคามันสูงขึ้นด้วยตัวเองครับ แต่ใช่ว่าต้องรอหลายปีนะครับ พอดีทุนทับตัวเองตายก่อน ก็ต้องมีอย่างอื่นที่มันหมุนเวียนด้วยแหละครับ ยกตัวอย่างง่ายๆเลย ร้านกระเป๋า จะขายแต่ระดับบนๆ ใบละแพงๆอย่างเดียวก็ไม่ดีครับ กว่าจะขายออกแต่ละใบ ถึงกำไรจะคุ้มก็เถอะ เผลอๆใบถูกๆจำนวนใบที่ขายไปมากกว่าอาจจะได้กำไรมากกว่าหลายเท่าตัวก็เป็นไปได้ครับ
เรื่องทิ้งท้ายก็เป็นประสบการ์ณและความรู้หล่ะครับ อยากให้หาข้อมูลมากๆครับ ไม่ก็เสาะหาความต้องการครับ มีกำลังซื้อก็หมายถึงกำไรครับ อีกประการนึง พูดคุยปรึกษาเพื่อนๆหรือผู้ขายอื่นๆ เพื่อรับทราบถึงปัญหา หรือบางทีอาจจะได้อะไรดีๆกลับมาก็ได้ครับ ผมพิมพ์อะไรผิด ตกหล่นยังไงขอโทษด้วยนะ
อีคอมเมิร์ชยังเปิดกว้างสำหรับคนไทยนะผมว่า สู้ๆครับ