กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจ่อเชิญผู้บริหารตลาดกลางซื้อขายออนไลน์ ทั้งพันทิปมาร์เก็ต ขายดีดอทคอม ประกาศดอทคอม ประมูลดอทคอม และเว็บซื้อขายสินค้า มาหารือ ขอความร่วมมือให้ผู้ประกาศซื้อขายในเว็บต้องจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้ถูกต้อง เพื่อเป็นการยืนยันการมีตัวตน และป้องกันผู้บริโภคถูกหลอก ตั้งเป้าปี 59 มีผู้จดทะเบียนเพิ่มเป็น 4.5 หมื่นราย
น.ส.รัตนา เธียรวิศิษฎ์สกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนที่จะเชิญผู้บริหารตลาดกลางซื้อขายออนไลน์ชื่อดังที่เป็นคนกลางในการประกาศซื้อขายสินค้าออนไลน์ ทั้ง pantipmarket.com , kaidee.com , prakard.com , pramool.com , thaisecondhand.com และเว็บไซต์ที่รับประกาศซื้อขายเฉพาะสินค้า เช่น อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ กล้อง มือถือ เครื่องดนตรี เป็นต้น มาหารือ เพื่อขอความร่วมมือให้แจ้งสมาชิกที่เข้ามาทำการซื้อขายสินค้าและบริการในเว็บไซต์ ต้องมาจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมฯ เพื่อเป็นการยืนยันการมีตัวตนของผู้ประกอบการ และเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภค ป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวง
“ถึงเวลาที่ต้องจัดระเบียบการซื้อขายออนไลน์ทั้งระบบ เพราะขณะนี้มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับการซื้อขายออนไลน์ จึงต้องมีการวางระเบียบกฎเกณฑ์ให้ชัดเจน ต่อไปคนที่จะค้าขายออนไลน์ ต้องมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง ต้องยืนยันตัวตน เพราะไม่เพียงเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ค้าขาย แต่ยังช่วยป้องกันผู้บริโภคไม่ให้ถูกหลอกลวงด้วย”
น.ส.รัตนากล่าวว่า กรมฯ ยังได้ขอความร่วมมือไปยังตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น
www.thaicommercestore.com ,
www.thaitrade.com ,
www.tarad.com , weloveshopping.com ,
www.pantavanij.com และ lnwmall.com เป็นต้น ให้กำกับดูแลสมาชิกให้มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้ถูกต้อง หากไม่จดทะเบียนก็ขอให้พิจารณางดให้เข้ามาขายสินค้าในตลาดกลาง และได้ทำหนังสือถึงสมาคมการค้าต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศไทย และมีสมาชิกทำการค้าขายผ่านออนไลน์ ให้แจ้งสมาชิกให้จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย
ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าที่จะผลักดันให้มีผู้จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในปี 2559 ทั้งนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา เพิ่มเป็น 4.5 หมื่นราย หรือเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปัจจุบันที่มีการจดทะเบียนแล้ว 14,234 ราย แยกเป็น นิติบุคคล 3,710 ราย และบุคคลธรรมดา 10,524 ราย
น.ส.รัตนากล่าวอีกว่า กรมฯ จะเชิญหน่วยงานที่ดูแลด้านอี-คอมเมิร์ซ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มาหารือเพื่อกำหนดรูปแบบในการส่งเสริมเว็บไซต์ค้าออนไลน์ของไทย เพราะขณะนี้มีอยู่หลายเว็บไซต์ของรัฐ เช่น
www.thaicommercestore.com และ
www.thaitrade.com และเว็บไซต์ของภาคเอกชนอีกหลายเว็บไซต์ โดยจะมาหารือร่วมกันว่ารูปแบบเว็บไซต์ควรจะเป็นอย่างไร และจะส่งเสริมเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นได้อย่างไร
ส่วนการสนับสนุนให้การค้าขายออนไลน์ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น กรมฯ จะทำการเชื่อมโยงร้านค้าออนไลน์กับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ โดยจะจัดเวทีให้มีการพบปะและทำธุรกิจร่วมกัน เพราะเมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนของการขนส่ง โดยให้บริษัทขนส่งเข้ามารับช่วงต่อ ซึ่งจะทำให้การค้าขายออนไลน์ขยายตัวได้เร็วขึ้น
Credit :
http://www.manager.co.th/iBizC...News.aspx?NewsID=9580000139161