ผ่อนเดือนละ 3800
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย ที่กูรูเรื่องรถ (อ.พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ) เคยประเมินไว้ วันละ 200 บาท

ตกมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เดือนละหมื่น

ถ้าหลังจากมีรถ หาได้เพิ่ม 10000 ต่อเดือน ถือว่าโอเคคับ

ถ้าซื้อแล้วได้เวลา ได้ความสบายเพิ่มขึ้น แล้วทำให้ทำงานได้ดีขึ้น รายได้มากขึ้น ก็ซื้อครับ

แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องดูอีก 6 เดือนคับ ถ้าไม่ไหวก็ขายทิ้ง แต่จะขาดทุนเหมือนกัน


เพราะเมื่อมีรถค่าใข้จ่าย่จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอย่างน้อยวันละ 200 บาท ไม่รวมผ่อนนะคับ
ถ้าซื้อแล้วทำให้รายได้มากกขึ้น กว่า 200 บาทต่อวันก็ซื้อคับ

ถ้าไม่ใช่ก็ยอมรับสถาพในอนาคตคับ

ทำสามารถจ่ายเงินที่เซเว่นได้

เจ้าใหญ่เหรอเนี่ย

มายืนยันว่า เป็นเหมือนกัน

เดี๋ยวตามไปช่วยคับ

เหตุการณ์ มันเป็นอย่างนี้ครับ

ผมจ้างแม่บ้าน คนไทย พอบอกว่า วันละ 400 เค้าเดินหนี

พอหาแม่บ้านชาวอาเซียน (พม่า ลาว เขมร)
เค้ามา 2 คน พี่น้อง เค้ายื่นข้อเสนอเงินเดือน ต่อผมว่า
2 คน คิดวันละ 400

ในใจผมคิด ระหว่างรักชาติ กับ เงิน เลือกอะไร

แว่บเดียว ผมตอบเลย เลือก เงิน

แม่บ้านชาวอาเซียน ได้งานไป



ถัดมาอีก สักพักอยากได้ ตำแหน่งคอมพิวเตอร์
แม่บ้านอาเซียน 2 คนที่รับมา ไปชวนเพื่อนมาสมัครทำคอมพิวเตอร์
ถามเค้า ทำอะไรได้บ้าง เค้าตอบว่า หนูจบประมาณ ม.3 ถ้าเทียบในกับประเทศไทย
ภาษาอังกฤษหนูอ่านได้ หนูทำคอมได้ ขอแค่สอนหนู ฝึกหนูแค่นั้น
หนูขอเงินเดือน 12000 บาท ที่พักไม่ต้อง พักทีบ้านผมได้เลย

แต่ถ้า รับสมัครคนไทย เงินเดือน 12000 เค้าก็แทบไม่อยากจะมาทำ
ที่พักอาจต้องจัดให้ แล้วก็อะไรอีกต่างๆนานา

ในใจผมคิด ระหว่างรักชาติ กับ เงิน เลือกอะไร
แว่บเดียว ผมตอบเลย เลือก เงิน อีกแล้วคับ


เมือไหร่ เปิด AEC เต็มตัว คนไทยจะโดนตัดราคา เรื่องเงินเดือนมากกว่านี้

วิธีการเอาชนะชาวอาเซียนด้วยกัน คือ มีความสามารถมากกว่าเค้า

แต่ปัญหาาคือ 1 เรามีความสามารถมากกว่าเค้า หรือเปล่า

2. งานโดยส่วนใหญ่ ไม่ได้ใช้ความสามารถพิเศษอะไร
ถึงเราจะมีความสามารถมากกว่าเค้า แต่ไม่มีตำแหน่งงานแล้ว เราจะทำอะไร

แต่ก่อนยังไม่มีลูกน้อง ก็งงๆ ทำไมหลายที่ขึ้นป้าย ไม่รับคนไทยทำงาน

มาวันนี้ ต้องมีพนักงาน มีลูกน้อง รู้ซึ้งเลย

ลูกน้องคนไทย ความสามารถธรรมดา ทำๆแล้วก็พัก แต่ขอนู้นขอนี่ ในใจเค้ามีแต่ว่า บริษัทจะทำอะไรให้เค้า

ลูกน้อง พม่า เขมร ทำงานทุกชั่วโมงไม่มีพัก ทำไม่ได้ก็ถาม หัดทำจนได้ แอร์ เออ ไม่เอา ในใจเค้ามีแต่ เค้าจะทำอะไรให้บริษัท


เราเป็นเจ้าของ ก็คิดในใจระหว่าง ช่วยคนไทยด้วยกัน กับ ช่วยบริษัทตัวเองให้ก้าวหน้า เลือกอย่างไหน

สุดท้าย เพราะธุรกิจมีความเสี่ยง ตัวเราเองก็เสี่ยงกับการลงทุนอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายจิปาถะ สุดท้ายก็ต้องเลือกต่างชาติด้วยความจำเป็น

คนสมัยนี้แปลก มาของานเค้า มาขอรายได้จากเค้า แต่ถามว่าบริษัทจะง้อเค้าให้ทำงาน ด้วยผลประโยชน์อะไรบ้าง เหมือนสำคัญตัวเองผิด

แต่เจ้าของกระทู้ จะตรงข้าม เพราะโชว์ว่าตัวเองจะทำอะไรให้บริษัท

ประเทศเรามักมี ลอจิกผิดเพี้ยนยังไงไม่รู้

เหมือนประกันเวลาโทรมา พอเราไม่คุยด้วยก็บอกว่า รับฟังหน่อยไม่ได้เหรอ กลายเป็นเราผิดอีก

มีแต่ตัวเองเก่ง ดี แต่ไม่มีงานทำ มัน เก่ง กันยังไงไม่รู้

ถ้าเก่งจริงต้องเป็นเจ้าของบริษัท จะมาสมัครงานทำไม

คนไทยเรา เดินออกจากบ้าน ก็โทษคนอื่นตลอดเวลา

รอ AEC เปิดเมือไหร่ คนไทยได้เจอของจริงแน่

ไม่รู้จะดราม่า หรือ เปล่า

อันนี้ความจริงเลยครับ
บ้านแฟนก็โดน มันมาแชร์ยอดไปเกือบ 40%

ขายเลยครับ คุณ teeyaishop

อย่าสนใจพวกข่าวไม่ดี เกี่ยวกับ lazada ในสมัยก่อนครับ

ทำเมือไหร่ อีก 2 เดือน ยอดเพิ่มขึ้นอีก 1 แสนแน่นอนครับ

แต่ทนระบบ มั่วซั่วๆ ของเค้าหน่อยนะครับ


ที่แนะนำอันนี้ ให้ทำเป็นแบบเอาของเข้าไปขายนะครับ ไม่ใช่ affiliating

มี 3 องค์ตอนนี้

หลวงพ่อ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
หลวงพ่อ เจฟ เบซอส
หลวงพ่อ กู(เกิล) รุ่น ให้กูรวย

ขอบคุณ trudy เหมือนกันนะครับ ที่เติมไฟในการทำงานออนไลน์ ให้ทุกคนตลอดเวลา
ถ้าไม่มีคุณ trudy บอร์ดนี้คงเป็นบอร์ด ประกาศทวงงาน บอร์ดกระทู้จุกจิก บอร์ดอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่น่าเข้ามาดูเลย
ผมตามอ่านกระทู้ ของ คุณ trudy เติมไฟตลอดเวลา

จะว่าไปตอนนี้ ก็เหลือคุณ trudy กับ คุณ April และคุณ tv6 คุณ dekjot แล้วก็อีก 2-3 ท่าน ที่มาเป็นวิทยาทาน ด้านขายของออนไลน์ให้แก่คนอื่น
โดยไม่คิดตังค์ ซึ่งสมัยก่อนมี แบบนี้มากทำให้วงการช่วงนั้นพัฒนาไปมาก

กำไรต่อเดือน = กำไรต่อชิ้น x จำนวนที่ขายได้ x จำนวนตลาดที่วางขาย


สมการนี้ ทำให้เกิดสไตล์การขายหลายรูปแบบมาก

- บางคน กำไรต่อชิ้น สูงมาก / ขายไม่กี่ช้ินต่อเดือน ไม่ได้มีออเดอร์ทุกวัน / ขอขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น กลาง / เน้นจำนวนที่ขายได้ / ขายตลาดเดียว

- บางคน กำไรต่อชิ้น น้อย / เน้นจำนวนที่ชายได้ให้สูงมากๆ / ขายตลาดเดียว


ส่วนเมือไหร่จะออกแนวอุตสาหกรรม ก็จะมีเป้าหมาย คือ

- กำไรต่อชิ้น ก็ต้องสูง / จำนวนขายก็ต้องมาก / ขายหลายๆตลาด

คือ พยายามพัฒนามันทุกตัวแปรให้มีค่าสุงให้หมด ส่วนใหญ่ก็ต้องจ้างลูกน้อง มาช่วยทำ
ตัวเองเป็นคนกำหนดงานให้ลูกน้องในการทำให้ตัวแปรทุกตัวมีค่าสูงทั้งหมด

แต่ถ้าโมเดลนี้ จะไปคอขอด ผลกำไรจะขึ้นกับ เรือง การบริหารพนักงาน ซึ่งในประเทศไทยตอนนี้
เป็นปัญหาใหญ่มาก


หลากหลายสไตล์ เลือกตามที่ใจชอบ ตามที่ตัวเองต้องการ ตามวัย ตามนิสัย

แชร์ Plan ปีนี้ ด้วยครับ

facebook หลัก  2 เพจ ให้ได้ยอด เดือนละ 300,000 บาท/เพจ
facebook ย่อย 20 เพจ ให้ได้ยอด เดือนละ 20,000 บาท/เพจ

lazada   1 ร้าน ให้ได้ยอด เดือนละ 500,000 บาท

amazon.com
amazon.co.uk
amazon.de
amazon.it
amazon.es
amazon.fr

amazon แบบขายของไม่ใช่ affiliate ให้ได้ยอด เดือนละ 150,000 บาท / 1 ประเทศ

ebay.com
ebay.com.au
ebay.de
ebay.fe

ebay ให้ได้ยอด เดือนละ 50,000 บาท / 1 ประเทศ

ทั้งหมด รวมกันกลายเป็น บริษัท e-commerce ย่อมๆ

ธุรกิจ หลายช่องทาง หลายตะกร้า เพือให้ทนต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบันได้

เมื่อประมาณ 8-9 ปีที่แล้ว ตอนเริ่มขายใหม่ๆ ก็รู้สึกอย่างนี้

ตอนเริ่มขาย ebay ใหม่ๆ ขายสินค้าชิ้นหนึ่ง คิดว่า ไม่น่าจะขายได้ แต่ลงขายครั้งแรก ก็ขายได้เลย
ขายอีก 2-3 ครั้ง ก็ขายได้ แต่ก็ไม่เชือในตัวสินค้าเท่าไหร่ ก็เลยหยุด

ตอนนั้น otop กำลังดัง ก็เสียเวลาไปตามกระแส อยู่ 4-5 เดือน แล้วก็ไม่สำเร็จ

กลับมาทำตัวเดิม อีกครั้งก็ยังขายได้เหมือนเดิม หลังจากนั้นเลิกตามกระแส

จนตอนนี้ สินค้าตัวนั้นก็ยังขายอยู่ มียอดตอนนี้ ปาเข้าไป 13 ล้านแล้ว


หลังจากนั้น อะไรที่ตามกระแสเลิกขายหมด กลายเป็นเล่นแต่ niche market ทั้งหมด



ถ้าจะฝากบอก ก็คือ ตอนเริ่มขายใหม่จะเป็นอย่างนี้แหละครับ อย่าเชือ sense ตัวเอง เพราะมันเป็น sense ของคนซื้อ(ผู้บริโภค)
ไม่ใช่ sense ของคนขาย ขายสักพักหนึ่งครับ พอเริ่มคิดไม่เหมือนชาวบ้านมากขึ้นเท่าไหร่ แสดงว่าท่านกำลังพัฒนาเป็นผู้ขายมากขึ้นเท่านั้น
เพราะรอบๆข้างเราเป็นคนซื้อนะครับ ไม่ใช่คนขาย

 

20 บาท คับ

มาช่วยยกระดับบอร์ด ให้มีคุณภาพเหมือนเดิม

ไม่งั้นหลังๆ มีแต่ กระทู้ ตามทวงงาน ทวงหนี้ประจำวัน

ลูกน้องผมคนหนึ่ง บวก ลบ เลขยังผิด เลย
พอผมไปสอน ไปเตือน ก็มีอาการแอนตี้ใส่ ไม่รับการสอน
แค่บวก ลบ เลขผิด ผมยังเตือนไม่ได้เลย แล้วผมจะสอนอะไรได้

เพราะอะไรเค้าถึงแอนตี้การสอน
เพราะตอน ป.4 เค้าถูกด่าเรื่อง ไม่รู้จักตรีโกณมิติ

ทั้งๆที่ ป.4 เค้าควรจะเรียน อะไรที่ง่ายกว่านี้ เพื่อสร้างความั่นใจ รักในการเรียน
ก็ไปให้เค้าเรียนยากๆ พอเค้าไม่ได้ ก็ไปด่าเค้า
ก็เลยมีอาการแอนตี้การเรียนตั้งแต่เด็ก

homeschool ตอนนี้ส่วนใหญ่ทำในพวกผู้มีอันจะกินกัน กับ พวก ดร.ครับ
เพราะเวิร์ค หรือ ดีกว่า เรียนโรงเรียนนานาชาติ ราคาถูกกว่าครับ

การที่เป็นคนแปลกในสังคมไทย ให้ภูมิใจไว้นะครับ
ถ้าแปลกแล้ว ถูกตามหลักวิชา หลักการของแต่ละสาขา แล้วตัวเราพัฒนา
ก็แปลกไปเถอะครับ เพราะไอ้ที่เราเป็น และทำอะไรเหมือนกันตอนนี้
มันเฉพาะ Thailand only เฉพาะ 70 กว่าล้านคนนี้ในสุวรรณภูมินี้เท่านั้น
ส่วนคนบนโลกที่เหลือเค้ามองเราเป็นตัวตลกกันอยู่ครับ


ส่วนการที่ญาติเค้าเอาเข้าระบบโรงเรียนตอน 10 ขวบ
ให้เข้าใจใหม่ เราไม่จำเป็นต้องทำโฮมสคูล จนเด็กโตก็ได้
เพราะส่วนใหญ่เค้าเน้นกันที่เด็กเล็กครับ ที่ต้องการเซต ความรู้ วิธีคิด ภาษาให้ถูกต้อง
พอโตแล้วก็เข้าระบบไปปกติก็ได้
เพราะวิชาในระดับสูงๆ บางทีต้องใช้อุปกรณ์ หรือ พ่อแม่ไม่ถนัด ก็ต้องเอาเข้าไปครับ

ประเทศไทยเพี้ยน ตอนนี้ก็เพราะระบบการศึกษาของเด็กเล็กนั่นแหละครับ
สอนวิชาการของเด็กโตให้กับเด็กอนุบาล สอนวิชาเด็กมหาลัยให้เด็กมัธยม
แล้วช่วงเวลาที่เป็นเด็ก และปลูกฝัง สิ่งที่ดีหายไปไหน

เราเลยมีผู้คนที่เป็นผีดิบอยู่อย่างนี้

ไม่รู้จะดราม่า หรือเปล่า