ภาพยนตร์สายลับ เจมส์ บอนด์ 007 เป็นที่เฝ้าจับตาชมทุกครั้งจากคนดูทั่วโลก ที่โดยส่วนตัวผมแล้วไม่ได้ชื่นชอบติดตามนักเพราะเบื่อหน่ายกับฉากไล่ล่า โดยเฉพาะกับพระเอกหน้าตาย แดเนียล เคร็ก ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของ เจมส์ บอนด์ นั้นกลายเป็นผู้ร้ายมือลอบสังหารไป ไม่เหมือนกับ เพียร์ซ บรอสแนน ที่มีคาแรคเตอร์สุขุมลุ่มลึกเจ้าเสน่ห์กว่า บางทีมันอาจเป็นการจงใจของผู้สร้างที่อยากให้แฟนคลับของหนังอมตะเรื่องนี้ได้เห็นถึงด้านมือของพยัคฆ์ร้ายคนนี้กับหน่วยงานลับ MI6 ของเค้าในอีกมุมหนึ่งซึ่งสายลับมาดเท่ห์อาจเป็นเพียงบุคลิกที่ออกมาจากจินตนาการตามอย่างที่คนอังกฤษต้องการให้ชาวโลกมอง แต่ในความเก่งฉกาจมากด้วยไหวพริบปฏิภาณของเค้านั้นอันที่จริงเบื้องหลังมีทีมงานอาชีพอย่าง Q เด็กหนุ่มอัจฉริยะหน้าตาเนิร์ดๆ กับสาวผิวสีคอยสนับสุนนช่วยเหลือในทุกครั้งที่เค้าออกปฏิบัติการ
ใน Spectre องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้ายนี้ดูเหมือนจะมีความพยามจะปรับเปลี่ยนบริบทของเรื่องให้เข้ากับสถานการความขัดแย้งทางการเมืองในโลกยุคปัจจุบันแตกต่างจากปฏิบัติการของสายลับในยุคสงครามเย็นอย่างที่เคยมีมาตลอดทุกภาค เพื่อให้ บอนด์ และหน่วยงาน MI6 นั้นยังคงมีตัวตนอยู่ได้ในโลกสมัยใหม่ที่การโจรกรรมข้อมูลนั้นตกเป็นหน้าที่ของแฮ็กเกอร์ไปแล้วบั่นทอนความสำคัญของสายลับลงไป และทั้งฉากอาคารสถานที่ในกรุงโรม เม็กซิโก ขบวนรถไฟหรูกลางทะเลทรายที่ดูแอลเลแกนซ์กับรถยนต์ไฮเทคประจำตำแหน่งรุ่นใหม่ช่วยขับลุคสายลับชั้นสูงของ แดเนียล เคร็ก ได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่ เจมส์ บอนด์ ในสไตล์หนังคลาสสิกใช้ฉากสถานที่เป็นเวิลด์เฮอริเทจ สมบุกสมบันบุกไปในถิ่นทุรกันดารในประเทศโลกที่สามอีกแล้ว
ในหลายฉากหลายตอนของเรื่องมีจุดท้าทายศีลธรรมจรรยาและไฟราคะของ บอนด์ ด้วยกับผู้หญิงที่เค้ามีความสัมพันธ์ด้วยล้วนแล้วแต่เพื่อหลอกใช้หลอกล้วงเอาความลับ เผยให้เห็นด้านร้ายไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษจอมความเจ้าชู้อย่างที่เราเคยมอง ตั้งแต่ฉากจูบลูบไล้กับคุณนายแม่หม้ายที่พึ่งจะจัดงานศพสามีที่บอนด์พึ่งฆ่าตายไปไม่กี่วัน จนถึง ดร. แมเดรีน สวานจิตแพทย์หญิงซึ่งเป็นลูกสาวของสมาชิกองค์กรลับที่เค้าหมายจะฆ่า ที่ทั้งคู่ตกล่องปล่องชิ้นจำเป็นต้องออกไปผจญค้นหาองค์กรลับที่มีเครือข่ายระดับโลกนามว่า Spectre ร่วมกัน จนเกิดความสัมพันธ์ใกล้ชิดแนบเนื้อท่ามกลางอันตรายที่รุมล้อมจากสมุนองค์กรร้าย อันเป็นความผสมผสานทางอารมณ์ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจกับเรื่องราวอันสุดพลิกผันที่เป็นเหตุจากความรักและความไว้เนื้อเชื่อใจกันของทั้งคู่ และในท้ายสุดก็ปิดฉากลงด้วยเสียงระเบิดตูมตามกับความมีมนุษยธรรมของผู้ชนะซึ่งตัดสินใจไม่เอาชีวิตจอมบงการ แลดูน่าหมันไส้
ความเห็นของผมแล้วมันค่อนข้างชัดเจนที่ผู้สร้างภาพยนตร์ Spectre ต้องการจะปรับเปลี่ยนทัศนะมุมมองของคนดูที่มีต่อหนังสายลับสุดคลาสสิกเรื่องนี้ใหม่ให้ดำเนินอยู่ในบริบทโลกปัจจุบันและเพื่อยังคงสืบต่อเรื่องราวของหนังไปได้อีกเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแฟนหนังจะยินดีด้วยรึป่าว อย่างไรก็ตามควรจะให้คะแนนกับฉากใหม่ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจและกับการคัดเลือกนางเอกสุดสวยบอบบางเป็นที่น่าทะนุถนอมของทั้งคนดูและบอนด์ยิ่งนัก และภาพยนตร์ยังคงแฝงนัยยะทางการเมืองที่อังกฤษต้องการให้เห็นถึงบทบาทของตนโลดเล่นในเวทีโลกผ่านตัวละคร 007 ด้วยเช่นกัน