ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 15 16 [17]
321  ความรู้ทั่วไป / Amazon / Re: ทำยังงัยให้คนเข้าเว็บเยอะๆ(โพสมือ) เมื่อ: 20 สิงหาคม 2011, 00:08:05
pigg, bookmask, post free  ,webboard ,artitle ด้วยโปรแกรม ออโต้ฟิลฟอม และไอมาโค
seo, keyword
322  ความรู้ทั่วไป / E-commerce / Re: weloveshopping VS tarad คิดว่าเวบไหนดีกว่ากันครับ เมื่อ: 13 สิงหาคม 2011, 03:30:56
ผมเชียร์ เทพชอ็ปครับ  lnwshop.com  seo เจ๋ง เว็บสวย ลงสินค้าได้ไม่จำกัด และที่สำคัญ ฟรี
323  ความรู้ทั่วไป / SEO Blue Ocean / Re: Free Submit (มือ)ให้ฟรี (( ขอรับข้อมูล บทความทาง PM ครับ เดี่ยว Panda เห็น )) เมื่อ: 04 สิงหาคม 2011, 16:48:06
ส่งไปแล้วนะครับ ขอบคุณครับ
324  อื่นๆ / Cafe / กรรมทันตา "หนี" ( ดีมาก ๆ) เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2011, 12:57:21
กรรมทันตา "หนี" ( ดีมาก ๆ) ‏




ชีวิตคนเรานี่นะ เมื่อมีปัญหา
มันต้องต่อสู้ดิ้นรน มันต้องอดทน
กัดฟันสู้กันให้สุดฤทธิ์
แต่บางเรื่อง...สู้ยังไงก็ไม่ไหว
ขอแนะนำให้...หนี...ดีกว่า



เมื่อหลายเดือนก่อนนี้ ผมนั่งแท็กซี่ไปทำธุระ
แต่รถติดมาก..ก...แหง็กอยู่บนถนนอย่างยาวนาน
อันที่จริงตั้งแต่ก้าวขึ้นรถคันนี้แล้ว รู้สึกแปลกๆ บางอย่าง
ภายในรถ...มันสะอาดมาก มีกลิ่นดอกมะลิอ่อนๆ ชื่นใจด้วย
โชเฟอร์ที่ขับรถ ชื่อ...ลุงชัด
อายุน่าจะซักประมาณ 60 ปี แต่ยังดูแข็งแรงมาก
หลังจากที่ผมบ่นเรื่องรถติดพอแก้เบื่อแล้ว
สังเกตดู ลุงชัด แกรักรถที่แกขับมาก
มีผ้าสะอาด คอยเช็ดพวงมาลัย เช็ดกระจก เช็ดโน่นเช็ดนี่อยู่ตลอด
ก็อดชมเรื่องความสะอาดของรถไม่ได้
แกยิ้มภูมิใจ บอกว่าผ่อนหมดมาเกือบ 2 ปีแล้ว
เลยคุยกันเรื่องครอบครัว ซึ่งน่าสนใจมาก



ลุงชัด เป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่เกิด
อยู่ในย่าน...สลัมคลองเตย
ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ใจกลางแหล่งสลัม แต่ก็ถือว่าใกล้เคียง
แกเล่าว่า...แต่ก่อนโน้น คลองเตย ไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้
ไม่ได้เลวร้าย เหมือนนรกบนดิน อย่างในปัจจุบัน
แกโตมากับการมีอาชีพรับจ้างในตลาดคลองเตย
จนมาได้เมียเป็นคนอิสาน ขยันขันแข็ง
ช่วยกันสร้างตัวจนพอมีเงินซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ
แล้วเปิดร้านขายของชำ และอาหารตามสั่ง นิดๆ หน่อยๆ


โดยมีเมียเป็นตัวหลัก ส่วนแกก็คอยวิ่งซื้อของ
ทั้งเป็นแรงงานสารพัด กิจการก็ไปได้ราบรื่น
ที่สำคัญสิ่งที่ขายดีและมีกำไรอย่างงาม คือ...เหล้า เบียร์ บุหรี่
ลูกค้าซื้อไปสูบ ไปกินกันทุกบ้าน
ทั้งเหล้าขาว เหล้าโรง ทั้งกั๊ก แบน กลม
แต่ละวันขายเป็นลัง ๆ
กำไรจากพวกนี้วันละเกือบ 2 พันบาท




ต่อมาอีกหลายปี ละแวกบ้านของ ลุงชัด ก็เริ่มเปลี่ยนไป
มีแต่คนแปลกหน้า คนต่างถิ่นซัดเซพเนจรมาอยู่
ปัญหาต่างๆ ก็เริ่มมาจากคนเหล่านั้น
ความแออัดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการสร้างบ้านขึ้นอย่างมากมาย
ความยากจน ยาเสพติด เด็กกำพร้า คนพิการ โจรขโมย
ตบตีกันในครอบครัว เอดส์ โรคติดต่อร้ายแรง
น้ำเน่า น้ำท่วม ไฟไหม้ มลพิษ โรคจิต ฯลฯ สารพัด
แม้แต่คนในคลองเตยเอง ถ้าเดินผิดซอยก็มีโอกาสถูกจี้ได้เหมือนกัน




ลุงชัดมีลูกชาย 2 คน
พอลูกชายคนโตเริ่มเป็นวัยรุ่น ก็เริ่มมีปัญหา
เริ่มคบเพื่อนในละแวกสลัมด้วยกัน ริเป็นนักเลงพากันตั้งวงเหล้า
บรรยากาศในบ้านของ ลุงชัด ก็เริ่มเป็น...นรก
ข้าวของที่ซื้อไว้ขายก็เริ่มหาย เงินทองก็ถูกขโมยทุกวัน
จนในที่สุดจับได้ว่าลูกชายคนโต...ติดยาบ้า
ไถเงินแม่ทุกวัน เพื่อไปซื้อยาเสพติด
พอไม่ให้ก็เอะอะ จนหนักขึ้นถึงกับอาละวาด
ยังดีที่ลูกชายคนเล็ก เป็นเด็กรักดีคอยระวังป้องกันให้




ในบ้านที่มีคนติดยาบ้า ถึงจะแค่คนเดียวมันก็..นรก..เราดีๆ นี่แหละ
พอมันอยากยา อะไรก็เอาไม่อยู่
นานเข้าก็ถึงกับทุบตี...แม่
แล้วทุกวันมันก็ต้องไปเสพยาบ้า ทุกวัน
ไม่ต้องไปหาซื้อไกล แถวๆ บ้านนั่นแหละมากมายก่ายกอง
เงินทองที่ได้มาจากการขายของ ขายข้าวแกง และที่กำไรว่าดีนักหนา
มาจากการขาย เหล้า เบียร์ บุหรี่...ก็ถูกลูกชายคนโตไปซื้อยาบ้าหมด
วันไหนไม่ได้เสพ มีอันได้อาละวาดทุบข้าวของพังวินาศ




เหตุการณ์ดังขุมนรก ก็เป็นอยู่อย่างนั้นเป็นเดือน เป็นปี..
ลุงชัดกับลูกชายคนเล็กเคยช่วยกันจับไอ้ลูกขี้ยาไปโรงพยาบาล
ไปสถานบำบัดหลายแห่ง...แต่ก็ไม่ได้ผล
เพราะรอบบ้านแก มีแต่ยาเสพติดทั้งนั้น
สิ่งที่แย่จนทนไม่ไหว ก็คือการเห็นเมียถูกลูกชายอาละวาดทุบตี
ไอ้น้องชายก็คอยปกป้องระวัง พ่อ แม่
บางทีสุดทนก็ถึงกับเอามีดไล่ฟัน แทบจะฆ่ากันตาย




หลังจากทนทุกข์แสนสาหัสมานาน..
คืนวันหนึ่ง ลุงชัด ปรึกษากับเมียกันสองคน
แกอธิบายให้เมียฟังว่า...
ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างก็ต้องทนทุกข์กันอยู่อย่างนี้
ที่สำคัญซักวัน พี่น้องมันต้องฆ่ากันเองแน่นอน
ไอ้ลูกคนโตน่ะ ถึงจะรักมันมากแค่ไหนก็ไม่เสียดายหรอก
กลัวแต่ไอ้คนเล็กที่มันรักดี ถ้าไม่ถูกพี่มันฆ่า ก็อาจจะพลั้งมือฆ่าพี่มันตายซะก่อน
มันไม่ยุติธรรมเลย ถ้าลูกคนเล็กต้องไปติดคุกติดตะราง
เมียแกก็ถามว่า แล้วจะทำยังไงกันดี
แกก็พูดด้วยน้ำตา...ฉันขอเถอะนะ ชีวิตลูกคนนึง
...ฉันจะฆ่ามันเอง...
เมียแกก็น้ำตาร่วงถามว่า ไม่รักลูกมันเหรอ
แกก็ได้แต่บอกว่า...รักซิ แต่ก็รักลูกคนเล็กด้วย




เช้าวันรุ่งขึ้น ลุงชัด ก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวยอมเป็น ฆาตกร
ยอมที่จะฆ่าลูกที่ตัวรัก...เพื่อเมีย เพื่อลูกที่ดีอีกคนหนึ่ง
แต่ก่อนลงมือ แกไปวัดแถวบ้าน
ไปกราบพระประธาน เพื่อ...บอกกล่าวขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
แล้วในขณะที่กำลังพนมมือ มองหน้าพระประธานอยู่นั้น
ลุงชัด ก็นึกได้...กรรม และ ผลของกรรม


กรรมที่แกขาย เหล้า เบียร์ บุหรี่
ขายสิ่งชั่วร้าย สิ่งที่มอมเมาคนอื่นให้ติด ให้ขาดสติ
พอเมาเหล้า เมาเบียร์ แล้วก็อาละวาดขาดความเป็นคนด้วยกันทั้งนั้น
ลูกเมียคนอื่น...ก็ตกนรกอยู่ในบ้าน เหมือนกันกับครอบครัวของแก
ใช่แล้ว...กรรมที่แกก่อ ได้ย้อนมาสนองแกทันตาเห็น
ถึงจะถูกกฎหมาย แต่ก็ผิด...ศีลธรรม
กรรมชั่ว ได้ย้อนมาตอบแทนกันอย่างสาสม

ในทันทีที่ ลุงชัด ได้เห็นได้เข้าใจ...กฏแห่งกรรม
แกก็เสียใจอย่างที่สุด น้ำตาไหลอาบหน้าอยู่นาน..น..
พอระงับจิตใจได้แล้ว ก็นึกอธิษฐาน




...ขอคุณพระพุทธเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ช่วยให้ครอบครัวได้หนีพ้นบ่วงกรรมนี้ด้วยเถอะ
ต่อไปนี้จะเลิกทำชั่ว ทำผิด แล้วจะตั้งหน้ารักษาศีลห้า
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็จะรักษาศีลให้มั่นคง ตลอดชีวิต...




พอกลับมาบ้านแกเทเหล้า เบียร์ และเผาบุหรี่ที่มีทิ้งหมด
ใครห้ามก็ไม่ฟัง...
บอกกับเมีย และลูกชายทั้งสองคนให้เข้าใจว่าแกคิดอะไร
ไอ้ลูกชายคนโตก็ไม่พูดไม่จา...เดินออกจากบ้านไป
ไม่รู้ไปไหน...หายไปเลย




เวลาผ่านไปเกือบเดือน...
ลูกชายคนโตตัวร้าย ก็กลับมาพร้อมกับเด็กสาวคนหนึ่ง
แต่มาแปลก...มากราบเท้า พ่อ แม่
แล้วเล่าว่า...ออกจากบ้านไปหาซื้อยาบ้าเสพ เจอเด็กสาวคนนี้เร่ร่อนอยู่
เป็นเด็กกำพร้า พอเกิดมาก็ถูกทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล
ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ ไม่เคยได้รับความรัก ความอบอุ่น
เห็นแล้วสงสาร เห็นอกเห็นใจกัน แล้วเขาก็คิดได้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน
มีพ่อ มีแม่ มีน้องชาย ที่รักและคอยห่วงใย
คิดได้แล้วก็นึกอยากกลับตัว...อยากเลิกเป็นคนชั่วแล้วละ
จากวันนั้น ลูกชายตัวร้ายก็ตั้งอกตั้งใจ...อดยาด้วยตัวเอง
ใช้วิธีขังตัวเองอยู่ในห้องกับแฟนสองคน
พ่อ แม่ ก็คอยส่งข้าวส่งน้ำ ได้ยินแต่เสียงเด็กสาวคอยปลอบให้กำลังใจ
ให้อดทน บางครั้งอยากยาหนักๆ ถึงกับอาละวาด
เด็กสาวคนนั้นก็ใจเด็ด เอาไม้ฟาดกบาลเปรี้ยงเข้าให้หลายที
พอหลายๆ วันก็เริ่มอดยาบ้าได้
แต่ก็ยังมีปัญหา...
ไอ้เพื่อนชั่วๆ เลวๆ ที่อยู่แถวบ้านมันมาคอยชวนให้ไปเสพยาอยู่ตลอด
ถึงขั้นชวนไปเป็นคนขายด้วยซ้ำ



ลุงชัดแกใจเด็ด ตัดสินใจย้ายบ้าน...หนี
เอาเงินที่ได้จากการขายบ้าน ขายร้าน ไปหาเช่าอยู่ไกลถึงนนทบุรี
ให้เมียขายข้าวแกง โดยมีลูกชายและลูกสะใภ้ใจเด็ดเป็นลูกมือ
ส่วนตัวแกก็ไปหาเช่ารถแท็กซี่ขับเพิ่มรายได้
ในเวลาไม่นานพอเริ่มเข้าที่เข้าทาง กัดฟันดาวน์รถแท็กซี่ป้ายแดง
ตัวแกขยันมาก.ก..ขับเกือบ 16 ชั่วโมงต่อวัน ทุก..ก..วัน
ภายใน 3 ปีก็ผ่อนหมด
ลูกชายคนเล็กพอเรียนจบช่างยนต์ แต่ไม่อยากเป็นลูกจ้าง
ก็เลยดาวน์รถแท็กซี่ใหม่อีกคัน ช่วยกัน 2 แรง
เห็นบอกว่า...อีกไม่กี่เดือนก็จะผ่อนหมดแล้ว
เป้าหมายต่อไปก็จะ...ปลูกบ้านเอง




ผมถามว่า ไอ้ลูกชายตัวร้ายล่ะ เป็นยังไง
ลุงชัด บอก...โอ๊ย มันกลับตัวเป็นคนดีมีลูก 2 คน
พอมีลูกยิ่งขยันเป็นที่สุด
มันกราบแม่มันเกือบทุกวัน บอกเสียใจที่เคยทำร้ายแม่...
และก็รักน้องชายมาก พูดบ่อยๆ ว่าขอโทษที่พี่เคยเลวร้าย
ส่วนลูกสะใภ้ใจเด็ด ในชีวิตไม่เคยมีพ่อ มีแม่ ก็กราบแม่ผัวด้วย
ระลึกถึงพระคุณที่ไม่รังเกียจ และยังเมตตาให้อยู่ด้วยกัน
เพิ่งเคยสัมผัสความรัก ความอบอุ่น...ขอเป็นลูกด้วยคน
ลุงชัดบอกว่า แกคิดถูกที่ตัดสินใจ...หนี
หนีออกมาจากแหล่งชั่วร้าย เพราะเอาชนะมันไม่ไหว




ผมก็ถามว่า ทำไมคนขับแท็กซี่คนอื่นชอบบ่นว่าหาไม่พอกิน
ลุงชัด บอกว่ามีเคล็ดลับ...แกกับลูกคนเล็กทำเหมือนกัน
ทุกเช้าพอใส่บาตรแล้ว ก็จะนั่งสวดมนต์ในรถ...
แผ่เมตตา อุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และแม่ย่านางรถ ทู๊ก.ก..วัน
ทำให้ได้ผู้โดยสารไม่เคยขาด เจอแต่คน ดี ดี ทั้งนั้น




ไม่น่าเชื่อนะ...แค่ใส่บาตร และก็สวดมนต์ทุกวัน
แค่นี้ก็ทำมาหากินขึ้น หมดหนี้หมดสิน
สามารถสร้างตัวได้ทั้งครอบครัว
อานิสงส์แรงขนาดนี้...จริง จริง เหรอ.


อ้างอิงจาก fwd mail ครับ
เพิ่มเติม นอกจากใส่บาตร สวดมนต์ การรักษาศีลก็มีอานิสงค์มากๆ
สำหรับอาชีพที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไว้มีดังนี้
1 ขายสัตว์ให้เขาเอาไปฆ่า
2 ขายมนุษย์
3 ขายอาวุธ
4 ขายยาพิษ
5ขายสุรา เครื่องดองของมึนเมา(บุหรี่)

อาชีพเหล่านี้ เป็นอกุศล
325  Host and Domain / Host & Domain (register) / Re: .com ตอนนี้ที่ไหน ถูกบ้างครับ เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2011, 22:02:11
siamdomain.com
ของไทย
326  อื่นๆ / ประกาศหาลูกจ้าง-อยากซื้อ / Re: เรียนเชิญนักโพสเว็บ โพสประกาศครับ มีงานให้ทำคร้าบบ เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2011, 11:28:14
มารับงานครับ
327  ความรู้ทั่วไป / E-commerce / Re: เพื่อนๆที่ทำ pre-order จาก taobao ใช้บริการสั่งซื้อ/นำเข้าเวบไหนกันบ้างครับ เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2011, 12:15:55
ผมมีทีมงานที่จีนครับ ถ้าไง pm มาได้ครับ
328  พัฒนาเว็บไซต์ / CMS & Free Script / Re: ถ้าคุณจะทำเว็บขายของแบบง่ายๆ คุณคิดราคากันเท่าไหร่ครับ เมื่อ: 18 มิถุนายน 2011, 12:22:55
P m ไปแล้วเช่นกันครับ
329  อื่นๆ / Cafe / Re: ตัวอย่าง บุคคลที่ำทำธุรกิจออนไลน์แล้วประสบผลสำเร็จ เมื่อ: 18 มิถุนายน 2011, 00:44:49
คุณวรเศรษฐ์ เมธาอัครพัฒน์ ครับ  ผู้สอน หลักสูตรโรงเรียนสอนธุรกิจ นำเข้า-ส่งออกออนไลน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์เน็ต บิสสิเนส บอร์ดคาสติ้ง จำกัด หรือ ไอบีบี
330  อื่นๆ / Cafe / Re: โศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ ที่นำความเศร้าใจสู่แฟนบอลไทยทั้งชาติเกิดขึ้นแล้ว เมื่อ: 11 มิถุนายน 2011, 23:34:48
R.I.P.
331  อื่นๆ / ค้าๆขายๆ ( ห้ามใช้ Affiliate Link ) / Re: !!ขาย ร้านค้าออนไลน์ ในราคาโดนใจ เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2011, 20:59:17
จองด้วยคนครับ
332  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / Re: ท่านใดพอจะแนะนำผมได้มั้งครับ(ผมสงสารน้องเค้าครับ) เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2011, 19:42:24
ถ้่า รักจริงชอบจริง ไม่ว่าจะเรียนที่ไหน ก็ต้องเริ่ม ทำเงินจากเนตได้แล้ว เริ่มทำงานว่างั้นเถอะ ไม่ต้องรอเรียนจบก็ได้ ที่ผมหาตั้งจากเนตอยู่ทุกวันนี้ ผมก็ไม่เคยเรียนในห้องเรียน หาหนังสือตำรา มาอ่านมาทำ ติดปัญหาหาอ่านจากเวบบอร์ด หรือแหล่งต่างๆ เห็นด้วยกับคุณ lalulalalulalalaมากๆ เรื่องที่เรียนไม่ต้องซีเรียสมาก มันไม่ใช่จุดจบหรอกครับ สุดท้ายขอให้ได้ทำในสิ่งที่ชอบ และเลี้ยงตัวเองก็โอเคแล้ว
333  อื่นๆ / Cafe / Re: ใครไม่กินเหล้าเลยอย่างผมบ้างครับ(หาแนวร่วม) เมื่อ: 21 พฤษภาคม 2011, 19:29:47
สนับสนุน ไม่ดื่ม ไม่สูบครับ ดื่มมันบันทอนสุขภาพ บั่นทอนทรัพย์ครับ  wanwan023
334  อื่นๆ / Cafe / Re: เค้าว่ากันว่า....ปืนอันนี้...เจ้าของยิงไปแค่ครั้งเดียวเอง..แล้วไม่ได้ใช้อีกเลย เมื่อ: 12 เมษายน 2010, 23:10:23
คนทำคิดยังไงหว่า
335  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร ขำดี มีสาระ เมื่อ: 27 ธันวาคม 2009, 10:58:59


1. นิมนต์พระ


หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมาการยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดีรอซักพัก


พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่านการนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า "นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน" แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว
ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า "ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะนิมนต์เจ้าค่ะ" (ใช้คำไฮโซมาก)
มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า "นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์" (เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว)
การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณโยม
บางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง "นิ โมนน!!" (แง้ ทำไมต้องตะคอกด้วย - -")
การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วยถ้าอายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่
ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่พรรษามากก็เรียกหลวงตา
หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุงหลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ
อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า "นิมนต์ค่ะ หลวงลุง" ทำเอาเสียself จนอยากสึกออกไปทำ baby face
โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่ากวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ


2. จบ


อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะการจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐานการจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไปเคยมีโยมนิมนต์ไปรับบาตร ไอเราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่ ขอบอกว่านานมากกกกกกกนานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า "โยมขออะไรเราน้า?"


3. ถอดรองเท้า


ยืนด้วยเท้าเปล่าจริงๆแล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืนสูงกว่าท่านเพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้าซึ่งมีหลายประเภทเหมือนกัน


เช่นบางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -" (สูงกว่าเดิมอีก)
บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น (หนักกว่าเก่า)
เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า


พระ : "โยม อาตมาว่าโยมควรถอดรองเท้าใส่บาตรนะ"
โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า
โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ
พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยมโยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า
โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะอิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร


อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล (เรื่องขำขันขณะฉันเพล)พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่


4. ใส่บาตร


อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร
สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า


บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตรพระฉันไป เข้าห้องน้ำไปพวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า เห็นแก่ตัว หากินกับพระก็ฝากด้วยนะครับ เด๋วทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ


นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่าเคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ นำความร้อนได้ดี
ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไปเคยมีโยมใส่บาตรด้วย "กล้วย ๓ หวี"กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่าแต่นี่ใส่ "กล้วยหอม" (อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ)คิดดู "กล้วยหอม ๓ หวี" อยู่ในบาตร หนักมากกกก จนอยากบอกโยมว่า "โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง"
การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวมโยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!! นึกว่ากาลิเลโอกลับชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆก็ได้ 55)


5. รับพร


หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พรเราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม
เคยมีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว(ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก))
ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสมระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป


การใส่บาตรที่อยากแนะนำก็มีประมาณเท่านี้ขั้นตอนการทำบุญง่ายๆตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะ
เขียนโดย yayeenui
336  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / ความรัก เมื่อ: 27 ธันวาคม 2009, 10:55:34
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีครูกับลูกศิษย์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งใกล้กับสนามหญ้าอันกว้างใหญ่ ทันใดนั้นลูกศิษย์คนหนึ่งก้อถามขึ้นมาว่า
ลูกศิษย์ : อาจารย์คับ ผมสงสัยจังเลยว่า เราจะหาคู่แท้เราเจอได้ไงคับ อาจารย์บอกผมหน่อยได้ไหมคับ?
อาจารย์ : (เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะตอบ) อืม มันเป็นคำถามที่ยากนะ ในขณะเดียวกันมันก็เป็นคำถามที่ง่ายเหมือนกันนะ
ลูกศิษย์ : (นั่งคิดอย่างหนัก) อืม?....งงอะไม่เข้าใจ
อาจารย์ : โอเค งั้น เธอลองมองไปทางนั้นนะ ตรงนั้นน่ะ มีหญ้าเยอะแยะ เลยใช่ไหม เธอลองเดินไปหาหญ้าต้นที่สวยที่สุด แล้วเด็ดมาให้ครูสิ ต้นเดียวเท่านั้นนะ แต่ว่าเวลาเธอเดินเนี่ย เธอต้องเดินไปข้างหน้าอย่างเดียวนะ ห้ามเดินถอยหลัง เข้าใจไหม
ลูกศิษย์ : ได้เลยครับ จาน รอสักครูน่ะครับ (ว่าแล้ว ก้อวิ่งตรงไปยังสนามหญ้า) หลังจากนั้นไม่นาน....
ลูกศิษย์ : ผมกลับมาแล้วครับจาน
อาจารย์ : อืม...แต่ทำไมครูไม่เห็นต้นหญ้าสวย ๆ ในมือเธอเลยหละ
ลูกศิษย์ : อ๋อ คืองี้ครับจาน ตอนที่ผมเดินไปแล้วผมเจอต้นหญ้าสวย ๆ เนี่ยผมก้อก้อคิดว่า เออ เดี๋ยวก้อคงเจอต้นที่สวยกว่านี้ ดังนั้นผมก็เลยไม่เด็ดมัน แล้วผมก็เดินไปเรื่อยรู้ตัวอีกที มันก็สุดสนามหญ้าแล้ว ครับ จะเดินกลับก้อไม่ได้ เพราะจานสั่งห้ามไว้
อาจารย์ : นั่นแหละ คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตจริงหละ เรื่องนี้ต้องการที่จะสื่ออะไรกับเรา ต้นหญ้า ก็คือ คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวคุณ ต้นหญ้าที่สวยงาม ก็คือ คนที่คุณชอบ หรือคนที่ดึงดูดคุณนั่นแหละ ทุ่งหญ้า ก็คือ เวลา เวลาที่คุณจะหาคู่แท้ของคุณ อย่ามัวแต่เปรียบเทียบ แล้ว คิดว่าคงจะมีที่ดีกว่านี้ เพราะถ้าคุณมัวแต่เปรียบเทียบ คุณจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่าลืมว่า "เวลาไม่เคยย้อนกลับ" ไม่ใช่แค่ความรักเท่านั้น เรื่องนี้ ยังสามารถใช้ได้กับการหาคนที่จะมาทำงานร่วมกับคุณในชีวิต หรือ แม้กระทั่งงานที่เหมาะสมกับคุณ ดังนั้น มันจึงเป็นสัจธรรมที่ว่า "จงรัก และ ไขว่คว้า โอกาสที่คุณมีในขณะนี้ อย่ามัวแต่เสียเวลา บางครั้งคนเราก็มีโอกาสเลือกแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น" ...ความอบอุ่นเล็กเล็ก..ที่เกิดขึ้นใน..ใจ..คือ..ความรัก..
337  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / สาเหตุที่คนไม่รวย เมื่อ: 27 ธันวาคม 2009, 10:52:49
สาเหตุที่ทั่วโลกที่คนไม่รวย และไม่พอเพียง


1.เพราะเชื่อในพรหมลิขิตและชะตากรรม บางคนจนเพราะความคิด ต่อให้ถูกหวยซัก 20 ล้าน แป๊บเดียวเดี๋ยวก็จนเหมือนเดิม (~ไม่เชื่อลองดูข่าวพวกถูกล็อตเตอรี่แล้วจนเหมือนเดิมภายใน 2 ปีดูได้ ) และเชื่อแต่บุญกรรม วาสนา พระเจ้าบันดาลเท่านั้น ทุกอย่างเป็นพรหมลิขิต โทษฟ้าฝน ดูแต่คนอื่นที่รวยแล้วพร่ำเพร่อได้แค่ว่า "ถ้าฉันโชคดีแบบเขาก็คงเรวยไปแล้ว" มัวงอมืองอเท้า และรำพึง "~เป็นไป ตามพระเจ้ากำหนด"


2. อยู่ในวังวนที่ไม่มีทางออกมาได้ บางคนกลัวที่จะออกมาจากกฏที่ไม่มีทางออกมาได้เพราะไม่มี โอกาส เพราะเขาเกิดมาแบบนั้น เขาจึงขาดโอกาส เช่น ยาม ไม่สามารถออกมาทำอย่างอื่นได้นอกจากเฝ้า แต่หากขาดคนที่ทำอาชีพนี้ก็คงแย่เหมือนกัน (แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะเอามาเถียงกัน เพราะถ้าคุณพูดงี้ ทำไมคุณไม่ไปเป็นยามซะเองล่ะ?)


3. ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงคนเราถ้าอยู่นิ่งๆ มันไม่มีทางจะมีโอกาสเดินเข้ามาหาหรอก มันต้องเดินเข้าไป หาโอกาส ขายของอยู่ปากซอย มัวแต่รอให้คนเดินออกมาซื้อ แทนที่จะเข็นรถเขาไปขายถึงหน้าบ้าน เพื่อ เปลี่ยนแปลงตัวเองทำไมคนเรามีเวลาเท่ากัน 24 ชม. แต่บิล เกตส์ หรือ คนดังๆของโลกถึงรวยล้นฟ้า เพราะเขากล้าเปลี่ยนแปลงตั้งแต่แรกแล้วแม้ว่าใครจะว่าเขานอกคอกก็ตาม


4. อยากทำแต่งานที่ชอบและถนัด และรายได้เยอะ ชอบตีแบด วาดรูป ทำไปเถอะครับ แต่ขอให้มันหาเลี้ยงชีพได้ แบบ อ.เฉลิมชัย หรือ ลีโอนาโด ดาวินชี่ เถอะบางคนคิดว่า หากทำสิ่งที่เราชอบแล้ว สิ่งนั้นจะคุ้มครองเราเอง ซึ่งไม่ผิด แต่ทำไงก็ได้ครับขอให้มันเลี้ยงตัวเองได้เถอะเราหันไปดูพ่อแม่ที่เป็นหมอ ครู วิศวะ เราจะพบว่า แท้จริงเค้าอาจจะไม่ได้ชอบจริงๆก็ได้ แต่รายได้มันดีเขาเลยทำก็แค่นั้น


5. ชอบคิดว่าฉันยุ่งตลอดเวลา ไม่มีเวลากำหนดเป้าหมาย ขออยู่วันๆเถิด คนบางคนยุ่งตลอดเวลา วันๆชอบคิดว่ายุ่งทั้งวัน แต่รู้ตัวอีกทีก็อุตส่าห์มีเวลาเล่นเกมออนไลน์ หรือทำอะไรไร้สาระเสียแล้ว รู้อีกทีก็ว่างเสียแล้วมัวคิดว่าไม่มีเวลาแม้แต่จะวางแผนว่าชีวิตควรจะทำอย่างไร ก็เหมือนคนที่ขึ้นแทกซี่แต่ไม่บอกจุดหมายกับคนขับตั้งแต่แรกแล้ว อยู่ไปวันๆ กินเงินเดือนไปเรื่อยๆ เก็บเงินเป็นก้อนๆ กว่าจะทำอะไรเองก็จะรอให้คนเห็นด้วยทั้งโลก ก็ค่อยลงมือทำ แล้วพอแก่ก็ป่วย แล้วเอาเงินก้อนที่เก็บมารักษา พอไม่หายก็ตายไป



=================================

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนรวย


1. เงินนั้นชั่วร้าย เงินคือซาตาน และปีศาจ เงินนั้นไม่ชั่วร้าย แต่ความคิดที่หลงในเงินนั้นแหละคือความชั่วร้ายคนบางคนคิดว่าความมีทางโลกคือสิ่งที่หนักอึ้ง แต่ตัวเองก็ยังไม่บวชเสียที แต่โทษว่าเงินไม่สำคัญ คุณไม่มีเงิน จะเอาอะไรมาสร้างวัด แค่สวดมนต์วัดมันจะมีปูนหล่นมาจากฟ้าหรืออย่างไรไม่มีเงินคุณจะซื้ออาหารอะไรมาถวายพระ? จะให้กับใครได้?


2. พอเพียง คนชอบคิดคำว่าพอเพียงแปลว่า ต้องเลี้ยงควายในทุ่งนา สร้างบ่อปลา ทำแปลงผักปลูกเอง แต่แท้จริงแล้ว พอเพียงแปลว่า"เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ยึดหลักทางสายกลาง ที่ชี้แนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัวไปจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศ ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง มีความพอเพียง และมีความพร้อมที่จะจัดการต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งจะต้องอาศัยความรอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวัง ในการวางแผนและดำเนินการทุกขั้นตอน เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่เพียงการประหยัด แต่เป็นการดำเนินชีวิตอย่างสมดุลและยั่งยืน เพื่อให้สามารถอยู่ได้แม้ในโลกโลกาภิวัตน์ที่มีการแข่งขันสูง" แล้วการพอใจแล้วกับการอยู่ไปวันๆ ให้เป็นภาระพ่อแม่แล้วก็ตายไป คือพอเพียงจึงเป็นความคิดที่ผิดมหันต์


3. พร่ำบ่นว่าคนรวยเยอะไป น่าจะแบ่งปันบ้าง คนเหล่านี้หากมีความคิดแค่นี้ กำลังใช้ตรรกะโง่ๆมาคิด เพราะแค่คิดก็จนแล้ว"หากคนรวยน้อยกว่านี้ คนจนก็ต้องน้อยลงตาม" แล้วมันเกี่ยวกันได้อย่างไร?? หากคนรวยลดนั่นแปลว่าคนจนก้ยิ่งจนหนักไม่ใช่หรือ?


4. รอแต่รัฐอุ้มชู ไม่คิดช่วยตัวเอง คนที่คิดแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับ"ภาระ" ประเทศ ซึ่งทำให้ประเทศต้องคอยสูญเสียเงินจำนวนมากเพื่อมาดูแลคนที่วันๆ "งอมืองอเท้า" เหล่านี้ (ไม่นับคนขยันแต่จน) มิฉะนั้นแล้ว รัฐบาลจะชุดไหนชุดไหนมันก็ห่วย อยู่ดี


5. ผมมันโง่ ไม่รวยเหมือนมัน รอชาติหน้าดีกว่า ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะชาตินี้คุณก็โง่เหมือนเดิม และจะชาติไหนคุณก็ไม่รวย เพราะคุณไม่ได้ทำกุศลอะไรเพิ่มได้
ที่มา : fwd
เขียนโดย yayeenui
338  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / คุณรักแม่มากเท่าไร มาลองอ่านดู เมื่อ: 27 ธันวาคม 2009, 10:24:02
คุณรักแม่มากเท่าไร มาลองอ่านดู
เชื่อดิคำว่า"แม่"สั้นๆ มันมีความหมายมากกว่าสิ่งอื่นๆๆๆ
เเด่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่อว่าแม่
เมื่อคุณเกิดมาในโลกนี้ แม่อุ้มคุณไว้ในอ้อมอก คุณขอบคุณแม่ด้วยการเปล่งเสียงร้องไห้
เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ แม่ป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ คุณขอบคุณแม่โดยการร้องไห้งอแง
เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ แม่สอนให้คุณหัดเดิน คุณขอบคุณแม่ด้วยการวิ่งหนีทุกครั้งที่แม่เรียกหา
เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ แม่ทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก คุณขอบคุณแม่ด้วยการโยนจานลงบนพื้น
เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ แม่ให้ดินสอสีแก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการระบายสีเลอะเต็มบ้าน
เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ แม่แต่งชุดสวยๆ(หรือหล่อๆ)ให้คุณไปเที่ยว คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำชุดเลอะโคลน
เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ แม่ไปส่งคุณที่รร. คุณขอบคุณแม่ด้วยการร้องไห้ตะโกนว่า 'ไม่ไป... ไม่ไป... ไม่ไป...''
เมื่อคุณอายุ 7 ขวบ แม่ซื้อไอศกรีมให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว
เมื่อคุณอายุ 8 ขวบ แม่ซื้อลูกบอลให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำกระจกเพื่อนบ้านแตก
เมื่อคุณอายุ 9 ขวบ แม่สอนให้คุณเล่นเปียโน คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม
เมื่อคุณอายุ 10ขวบ แม่พาคุณไปเรียนพิเศษและพาไปงานวันเกิดเพื่อน คุณขอบคุณแม่ด้วยการกระโดดลงจากรถโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามอง
เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ แม่พาคุณกับเพื่อนไปดูหนัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการขอที่นั่งคนละแถว(หรือขอให้แม่ไม่ต้องดู)
เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ แม่เตือนคุณว่าอย่าดูทีวี ให้ตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมเข้าม.1  คุณขอบคุณแม่ด้วยการรอให้แม่ไปข้างนอกแล้วดูต่อโดยไม่อ่านหนังสือเลย
เมื่อคุณอายุ 13 ปี แม่บอกให้คุณตัดผม คุณขอบคุณแม่ด้วยการด่าแม่ว่า 'แม่นี่...ไม่มีรสนิยมเลย ไม่ต้องมายุ่งกะหนู(ผม)หรอก'
เมื่อคุณอายุ 14 ปี แม่จ่ายเงินซัมเมอร์แคมป์ที่แพงแสนแพงเพื่อให้คุณได้เรียนสิ่งที่ดีๆ คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เขียนจดหมายหาแม่ซักกะฉบับ
เมื่อคุณอายุ 15 ปี แม่กลับบ้านหลักงานเลิกอยากกอดคุณสักกอด คุณขอบคุณแม่ด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้องโดยไม่สนใจ
เมื่อคุณอายุ 16 ปี แม่สอนคุณขับรถ คุณขอบคุณแม่ด้วยการขับรถหนีแม่ไปเที่ยว
เมื่อคุณอายุ 17 ปี แม่จ่ายค่าเรียนกวดวิชาให้คุณได้เรียนเพิ่ม เพื่อหวังให้คุณเก่งและมีความรู้ คุณขอบคุณแม่ด้วยการให้แม่ส่งข้างนอกเพื่อจะได้ไม่อายเพื่อน
เมื่อคุณอายุ 18 ปี แม่ร้องไห้ในวันที่คุณจบชั้นมัธยม คุณขอบคุณแม่ด้วยการฉลองกับเพื่อนตั้งแต่ค่ำยันเช้า
เมื่อคุณอายุ 19 ปี แม่รอโทรศัพท์สายสำคัญจากคุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการใช้โทรศัพท์ตลอดคืนนั้น
เมื่อคุณอายุ 20 ปี แม่ถามว่าคุณมีแฟนรึยัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการตอบว่า 'แม่อย่ามายุ่งกะหนู(ผม)เลย'
เมื่อคุณอายุ 21 ปี แม่แนะนำอาชีพของแม่ให้คุณทำในอนาคตของคุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า 'หนู(ผม)ไม่อยากเป็นอย่างแม่'
เมื่อคุณอายุ 22 ปี แม่อยากกอดคุณในวันรับปริญญา คุณขอบคุณแม่ด้วยการไปกอดกับเพศตรงข้ามกับคุณโดยไม่กอดแม่ที่ท่านอยากกอดคุณ
เมื่อคุณอายุ 23 ปีแม่ซื้ออพาร์ตเม้นท์และเฟอร์นิเจอร์ให้แก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการว่ากับเพื่อนๆลับหลังว่า'มันช่างเชยและน่าเกลียดเสียนี่กระไร'
เมื่อคุณอายุ 24 ปี แม่บอกให้คุณพาแฟนของคุณมาหาแม่ เมื่อคุณพามา แม่ถามพวกคุณว่าอนาคตวางแผนไว้ว่าอย่างไร คุณขอบคุณแม่ด้วยการจ้องเขม็งและพูดว่า 'แม่จะมายุ่งอะไรกะหนู(ผม)อีกเนี่ย'
เมื่อคุณอายุ 25 ปี  (สำหรับผู้ชาย)แม่ช่วยออกค่าสินสอดให้กับคุณ และบอกกับคุณว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า'อายคนอื่นเขาน่า แม่'
                  (สำหรับผู้หญิง)แม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานให้คุณ และบอกว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า'หนูอยากไปอยู่ต่าง-ประเทศเพื่อจะได้สวีทกับแฟนโดยไม่มีแม่'
เมื่อคุณอายุ 30 ปี แม่โทรมาหาและแนะนำวิธีเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณแม่โดยการบอกว่า 'สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะค่ะแม่'
เมื่อคุณอายุ 40 ปี แม่โทรมาชวนคุณไปงานวันเกิดญาติ คุณขอบคุณแม่และญาติว่า 'ตอนนี้ไม่ว่างเลย'
เมื่อคุณอายุ 50 ปี แม่ชราและไม่สบาย อยากให้คุณดูแล คุณขอบคุณแม่ด้วยการบอกว่า 'มันเป็นภาระนะแม่ หนูมีงานอีกเยอะแยะ'
และแล้ววันหนึ่ง แม่จากคุณไปอย่างสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยทำมาก่อน จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ
โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่'แม่'
ไม่มีอะไรมาแทนแม่ได้ แม้ว่าบางคราวแม่จะไม่ใช่คนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรือเห็นด้วยกับคุณ แต่ก็คือ'แม่'ของคุณ และเชื่อได้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังคุณ ความกังวลของคุณ
ลองถามตัวเองดู คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้า ความกังวลใจไม่ว่าจากการงาน จากงานบ้าน หรือจากงานในครัวของแม่ไหม คุณเคยนึกถึงความทุกข์ของแม่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อคุณและทุกคนไหม
รักแม่ให้มาก แม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างการ เพราะเมื่อแม่จากไป จะเหลือเพียงความเสียใจและความทรงจำเท่านั้น

อย่าเพิกเฉยกับคนที่ใกล้หัวใจคุณที่สุด รัก"แม่"ให้มากกว่ารักตัวเอง แสดงให้แม่รู้ว่าคุณก็"รัก"ก่อนที่จะทำได้เพียงบอกรักกับ"รูป"ของแม่เท่านั้น

339  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / Re: Classified ลงประกาศซื้อขายฟรี เปิดตลาดโดยไม่ต้องกลัวเทศกิจ เมื่อ: 26 ธันวาคม 2009, 23:28:29
ฝากด้วยครับ 

ทำกิฟฟารีนออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้วคุณคลิก
ดูรายละเอียด และสมัครได้ที่นี่นะครับ
www.you-can-do.net/?refno=77094
340  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร ขำดี มีสาระ เมื่อ: 26 ธันวาคม 2009, 23:20:21
1. นิมนต์พระ


หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมาการยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดีรอซักพัก


พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่านการนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า "นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน" แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว
ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า "ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะนิมนต์เจ้าค่ะ" (ใช้คำไฮโซมาก)
มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า "นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์" (เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว)
การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณโยม
บางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง "นิ โมนน!!" (แง้ ทำไมต้องตะคอกด้วย - -")
การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วยถ้าอายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่
ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่พรรษามากก็เรียกหลวงตา
หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุงหลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ
อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า "นิมนต์ค่ะ หลวงลุง" ทำเอาเสียself จนอยากสึกออกไปทำ baby face
โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่ากวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ


2. จบ


อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะการจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐานการจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไปเคยมีโยมนิมนต์ไปรับบาตร ไอเราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่ ขอบอกว่านานมากกกกกกกนานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า "โยมขออะไรเราน้า?"


3. ถอดรองเท้า


ยืนด้วยเท้าเปล่าจริงๆแล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืนสูงกว่าท่านเพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้าซึ่งมีหลายประเภทเหมือนกัน


เช่นบางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -" (สูงกว่าเดิมอีก)
บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น (หนักกว่าเก่า)
เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า


พระ : "โยม อาตมาว่าโยมควรถอดรองเท้าใส่บาตรนะ"
โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า
โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ
พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยมโยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า
โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะอิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร


อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล (เรื่องขำขันขณะฉันเพล)พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่


4. ใส่บาตร


อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร
สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า


บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตรพระฉันไป เข้าห้องน้ำไปพวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า เห็นแก่ตัว หากินกับพระก็ฝากด้วยนะครับ เด๋วทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ


นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่าเคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ นำความร้อนได้ดี
ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไปเคยมีโยมใส่บาตรด้วย "กล้วย ๓ หวี"กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่าแต่นี่ใส่ "กล้วยหอม" (อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ)คิดดู "กล้วยหอม ๓ หวี" อยู่ในบาตร หนักมากกกก จนอยากบอกโยมว่า "โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง"
การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวมโยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!! นึกว่ากาลิเลโอกลับชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆก็ได้ 55)


5. รับพร


หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พรเราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม
เคยมีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว(ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก))
ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสมระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป


การใส่บาตรที่อยากแนะนำก็มีประมาณเท่านี้ขั้นตอนการทำบุญง่ายๆตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะ
เขียนโดย yayeenui


ทำกิฟฟารีนออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้วคุณคลิก
ดูรายละเอียด และสมัครได้ที่นี่นะครับ
www.you-can-do.net/?refno=77094

หน้า: 1 ... 15 16 [17]