ทำ Partner กับ Lazada, Zalora อยู่ครับ สินค้าประเภท Fashion และ Auto

ข้อดี
- เขาทำ seo คีย์สินค้าในหมวดหมู่ที่เราลงขายกับเขาให้ ยกตัวอย่างเช่น กระเป๋าคาดอก, อุปกรณ์ดูแลรถยนต์
- บางคีย์ยิง Adwords ให้เข้า Landing Page ของเข้าเลย แต่จะเป็นพวกคีย์ Brands ใหญ่ๆ เช่น Converse, กระเป๋า Herschel
- มีโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายตลอด

ข้อเสีย
- วางบิลนาน Laz วาง 10-12 วัน // Zalora วาง 45+ ทุนต้องหนา สายป่านยาว
- ถ้ามี Order เข้าแต่สินค้าไม่พร้อมส่งจะถูกปรับ
- เขาแชร์เอา Com บางหมวดสูง บางหมวดต่ำ
- กฎเยอะ แต่จะว่าไปก็เพื่อมาตรฐาน

สรุป
- เหมาะสำหรับคนที่ปรับตัวได้แบบผม ลองจินตนการว่าสมมติสาหร่ายเถ้าแก้น้อยไม่มี 7-11 แล้วคนส่วนใหญ่จะหาซื้อกินได้จากไหน
- ผมมองเห็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย
- ยอดขายเพิ่มจาก Channel เหล่านี้ 20-30%

ในฐานะคนที่ขายออนไลน์มา 5-6 ปี ต่อเนื่องหลังจาก Adsense&Amazon และ Aff หมดกระแสไป ปัจจุบันกำไรเพิ่มจาก5หลักเป็น6หลักต่อเดือนนับตั้งแต่ต้นปีมาครับ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปหลักๆคือพวก Marketplace เจ้าใหญ่อย่าง Lazada ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น หลักการที่ผมนำมาปรับตัวใช้ก็คือขอเป็นคู่ค้าดีกว่าเป็นคู่แข่งครับ ยิ่งช่วงนี้ Ali ของ JM กำลังมาแรงมากๆ อีก2-3ปีซัดกันแหลกแน่ครับตลาดออนไลน์ในไทย ใครไม่ปรับตัวแล้วมัวโทษแต่ปัจจัยภายนอกอย่างเดียวผมขอแนะนำแบบภาษาชาวบ้านเลยว่า "กลับบ้านไปนอนเหอะ"

ปล. ผมไม่ได้ขายสินค้าอย่างเดียว กระจายหาขายหลายๆอย่างครับ ตามกระแสบ้างหรือลองคิดให้แหวกแนวกว่าตลาดพื้นดูครับ สำหรับผมตอนนี้ Solution Online เมื่อถึงจุดที่มันอยู่ตัวแล้วเราก็สามารถปล่อยมันทำงานได้ อาจจะไม่ได้ถาวรตลอดไปแต่อย่างน้อยก็ซักช่วงเวลาพักใหญ่ๆเลยทีเดียว (ก็คงเหมือนอัลกอฯเนอะที่ปรับเป็นช่วงๆตามความเหมาะสม) ระหว่างนี้ผมก็ Simple is the best กำลังจะ Back to Basic ไปลองทำตลาดออฟไลน์ในฐานะยี่ปั๊วค้าส่งครับ

Host Plan 8GB ช้ามากเลยครับผม // WP ลงใหม่เป็นเว็บองค์กร DB ไม่หนัก B/W ไม่ใช้ รูปไม่เยอะ โหลดเป็น 10 นาทีเลยครับผม

น่าสนใจมากๆครับ ขอเว้นช่วงเซ็ทเดิมจากเจ้าอื่นให้ลิ้งค์นิ่งซักแปปนะครับผม

เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ที่ไม่แนะนำ : Hardware, อุปกรณ์ IT พวกที่ขายบน Zeer, Pantip, ตึกคอม เท่าที่รู้จักเจ้าของหลายๆคนบ่นว่าแย่ลงมากๆครับ

ในฐานะผู้ค้าคู่แข่งกับ Lazada นะครับ เท่าที่ได้ยินมา 95% ค่อนข้างสาปส่ง Lazada และ Zalora ครับ คือมาทำ Third Party แต่แบบวางบิลที 45 วันงี้ แล้วขายก็ตัดราคาชาวบ้านชาวช่องเละเทะไปหมดเลย  บางเจ้าปิดหนีเลยนะครับ แต่ผมสู้ครับ อาศัยหา Connection ต่างชาติหาของหารุ่นที่ Lazada ไม่มีเอามาแข่ง ...ที่สำคัญโทรมาขอทำ Third Party กับผมบ่อยมาก

เมื่อก่อนเคยคิดหาเป็นพวก Dropship กัยตัวแทน แต่แบบเห็นระบบที่คนทำแล้ว คือแบบ... ไม่พร้อมก็ไม่น่ามาเปิดรับเป็นระบบแบบนี้นะ ตัดสินใจจะออกไปแตะขอบฟ้าหาทุนมาลงเองเลย 2-3 แสนก็ว่ากันไป อุ่นใจกว่าเยอะ กำไรเต็มกว่าเยอะ มีสิ่งมากระตุ้นให้ต้องเร่งขายเองกว่าเยอะ

แค่สมัครยังปัญหาเยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นตัวแทนไปแล้วผมว่าเรื่องยาวกว่านี้แน่นอนครับ

ยอมใจเรื่อง Domain ครับ มันก็ตรงตามสุภาษิตไทยที่ว่า "ยิ่งอยู่นานยิ่งเก๋า" สำหรับในเรื่อง Backlink พวกเราคงมองว่าเป็นนามธรรมและเป็นเรื่องมโนภาพที่อธิบายกันได้พอสังเขปแต่ก็จับต้องและสัมผัสอะไรได้ไม่ชัดเจนจริงๆ ขึ้นอยู่กับว่าแนวทางใครแนวทางมันจริงๆ Guideline ก็ช่วยได้ซัก 30% ที่เหลือลองผิดลองถูกกันหมดเพราะสุดท้ายแล้วไม่มีใครที่ทราบหลัก Algorithm ที่แท้จริงของ Google และ Bot นอกจาก Developer ของ Google

ป.ล. แต่เรื่อง Keywordd ใน Anchor ที่เป็นเหมือนวลีจากคำว่า "ไทย" ในคำว่า "เพลงชาติไทย" นี่ถือเป็นเรื่องที่เราหลายคนอาจจะทราบกันแต่นึกไม่ออกกันใช่มั้ยครับ ยกตัวอย่างง่ายๆเลยก็ฟังค์ชั่น Suggest Keyword ในช่อง Search ของ Google นั่นแหล่ะครับที่พยายามดึง Relate ของคำโดยอ้างอิงจากวลี

ขอบคุณมากๆครับผม

อยากรออ่านเทคนิคเทพๆหลังจบการแข่งขันมากๆเลยครับผม 

Dropship ต้องดูร้านที่มีระบบ Support ดีๆถึงจะน่าลุยครับ จริงๆถ้ามีทุนเราก็น่าจะแบก Stock เพื่อจัดการเองน่าจะง่ายกว่าครับ กำไรเยอะกว่า แต่... เสี่ยงกว่าด้วยครับ อันนี้จากประสบการณ์ตรงเลย 

หลังๆมาเจอเอาซะ2ใน10เหมือนกันครับ 80% ลูกค้าดีหมด ดีถึงแบบว่าคุยกันไม่ถึง2นาทีก็ซื้อ ไลน์กันไม่เกิน 10 ประโยคก็ซื้อ แต่ไอ้บางคนเจอแบบไม่ดีก็ไม่ดีเลย ถามก็ถามอยู่นั้นไม่ซื้อซักที แบบถามเยอะมากๆจริงๆครับ แบบเราก็ไม่เหวี่ยงไม่อะไรอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่เอา น่าโมโหมากๆๆๆๆ นึกถึงแล้วยังเดือดอยู่เลย เสียเวลาพิมพ์อธิบายกับส่งรูปมากๆ

จัดไปครับ ขอบคุณมากๆครับผม

1 บทความที่เขียนส่งไป โพสลง 1 เว็บและ1 Link จาก 50 กว่าเว็บใช่มั้ยครับผม

ไม่ใช่ 1 บทความ/50เว็บ ถูกต้องมั้ยเอ่ย

เดี๋ยวจะส่งไปนะครับ

มีรองเท้าผ้าใบและนาฬิกาแต่อยู่ในเว็บเดียวกัน ส่งบทความแยกแต่ปลายทางเป็น Sub Page จาก Domain เดียวกันไม่เป็นไรใช่มั้ยครับผม

สินค้าประเภทแฟชั่น ราคา 1,900 + มีมาแทบทุกวันครับ นักเรียนม.ปลายหรือเทียบเท่า แต่ไม่ทราบที่มาของเงินนะครับ แต่คิดว่า 80% มาจากเงินเก็บของค่าขนม 20% มาจากผู้ปกครองครับ

ผมใช้ Ipad นะครับ วิธีก็คือใช้ App WPS Office ครับที่สีแดงๆ โดยการอัพไฟล์หรือส่งเมลล์ตัว Excell นั้นเข้าหาตัวเองก่อน จากนนั้นก็เข้า App WPS Office แล้วดึง Excell ลงมาที่แอพครับ ใช้ดีไม่หน่วงเลยครับผม ไม่รู้ว่าจะตรงจุดประสงค์ไหม ลองดูนะครับผม เข้าใจหัวอกพ่อค้าเหมือนกันครับ ^^

จัดแล้วคร้าบ ฝากด้วยคร้าบผม

จัดไปอีกรอบนะครับผม