ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

  แสดงกระทู้
หน้า: [1] 2 3
1  อื่นๆ / Cafe / เครื่องกลึง CNC Auto Loading เมื่อ: 09 มกราคม 2025, 13:37:14
เครื่องกลึง CNC Auto Loading
[/color][/b]

เครื่องกลึง CNC Auto Loading คือเครื่องกลึงที่ควบคุมด้วยระบบ CNC (Computer Numerical Control) และมีระบบการโหลดชิ้นงานอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการพึ่งพาแรงงานคนในการทำงาน ระบบ Auto Loading จะช่วยนำชิ้นงานเข้าสู่เครื่องกลึงและนำออกหลังจากกลึงเสร็จ โดยอัตโนมัติ


ส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องกลึง CNC Auto Loading
http://suthong.co.th/main/newsdetail/166
เป็นเครื่องจักรที่ทำงานด้วยโปรแกรม CNC สามารถตั้งโปรแกรมเพื่อควบคุมกระบวนการกลึง เช่น การตัด การเจาะ และการขึ้นรูปชิ้นงานที่ซับซ้อน

ระบบโหลดอัตโนมัติ (Auto Loading System)
Robot Arm หรือ Gantry Loader: แขนกลหรือระบบรางที่ใช้ในการจับและเคลื่อนย้ายชิ้นงาน

ระบบจับยึด (Gripper):ใช้สำหรับจับชิ้นงานเพื่อวางลงบนแท่นจับของเครื่องกลึง

ระบบเซ็นเซอร์:ตรวจสอบตำแหน่งและการวางชิ้นงานอย่างแม่นยำ

ซอฟต์แวร์ควบคุม
ใช้สำหรับตั้งค่าการทำงานและปรับเปลี่ยนโปรแกรมให้เหมาะสมกับการผลิต

ระบบลำเลียงชิ้นงาน (Conveyor System)
ใช้ลำเลียงชิ้นงานไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้ Robot Arm สามารถหยิบจับได้ง่าย

ข้อดีของเครื่องกลึง CNC Auto Loading
เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: ลดเวลาในการตั้งค่าและการหยุดเครื่อง
ลดต้นทุนแรงงาน:เนื่องจากไม่ต้องใช้คนในการโหลดชิ้นงาน
เพิ่มความแม่นยำ:ช่วยลดข้อผิดพลาดจากการทำงานของคน
ทำงานต่อเนื่อง:รองรับการผลิตจำนวนมากในเวลาอันสั้น
ลดเวลา Downtime:การโหลดอัตโนมัติช่วยลดการหยุดชะงักในกระบวนการผลิต
© 2024 เครื่องกลึง cnc Auto loading คือ | ติดต่อเรา 02-416-8779
2  อื่นๆ / Cafe / แนวโน้มนวัตกรรมเครื่องตัดโลหะในปี 2024 เมื่อ: 21 ธันวาคม 2023, 15:00:22
แนวโน้มนวัตกรรมเครื่องตัดโลหะ ในปี 2024แนวโน้มนวัตกรรมเครื่องตัดโลหะ ในปี 2024

จากเทคโนโลยีขั้นสูงสู่นวัตกรรมการตัดอย่างชาญฉลาดในโรงงานเพื่ออนาคตที่ยังยืน
อย่างที่เราทราบกันอยู่ว่าอุตสาหกรรมโลหะเป็นฟันเฟืองหลัก ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างชิ้นงานสำหรับการต่อยอดสู่ชิ้นงานในท้องตลาดมากกว่า 80% ที่เป็นโลหะ ทั้งเหล็ก สแตนเลส อลูมิเนียม เราทุกคนใช้งานกันอยู่ในทุกๆ วัน เช่นนั้นแล้ว อุตสาหกรรมเครื่องจักรโลหะจึงจำเป็นอย่างมากหนึ่งในนั่นก็คือ เครื่องตัดที่ทุกโรงงานการผลิตชิ้นงานจะต้องมีติดโรงงานอย่างน้อยก็ 1 เครื่อง และเพื่อรองรับการผลิตในยุค 4.0 เครื่องตัดเลเซอร์จึงถูกพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด มีฟังก์ชั่นที่หลากหลายให้เลือกใช้งาน โดยอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโลหะก็อย่างเช่น อุตสาหกรรมการก่อสร้าง ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์บรรจุภัณฑ์ การแพทย์ การพาณิชย์ การวิจัยวิทยาศาสตร์ สารสนเทศ และการทหาร ด้วยการพัฒนาที่ผ่านมาหลายยุคสมัยที่กล่าวมาข้างต้นถือว่าเป็นอุสาหกรรมที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยเลยก็ว่าได้
บทบาทสำคัญของเครื่องตัดเลเซอร์ในยุค 4.0

เครื่องตัดเลเชอร์เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมการผลิตมามากว่า 20 ปีแล้วตั้งแต่ยุคเริ่มการสร้างรถไฟฟ้า และสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งใช้โครงสร้างโลหะเป็นจำนวนมาก ทั้งโครงสร้างตัวอาคารรวมถึง งานตกแต่ง จำนวนมากและมีการใช้ชิ้นส่วนในตัดตัดแต่งที่ค่อนข้างสูง และความแม่นยำของชิ้นงานเพื่อความสวยงามการใช้เครื่องตัดโลหะ จึงถูกพัฒนารวมถึงนำเข้ามามามากในช่วงนี้ ถือเป็นการเปิดทางเครื่องตัดโลหะแผ่น Sheet Metal ของประเทศไทยในยุคนี้เลย เครื่องตัดเลเซอร์ถือว่าเป็นเครื่องจักรที่สามรถตัดงานได้เร็วและเที่ยงตรงที่สุด

ในช่วงเริ่มแรกเครื่องตัดเลเซอร์ที่เป็นที่นิยมจะเป็นเครื่องที่มีการผลิตและจำหน่ายมาจากทางฝากฝั่งยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งมีราคาค่อยข้างสูงแต่ด้วยเนื่องจากปัจจุบันนวัตกรรมการผลิตเครื่องตัดโลหะมีการพัฒนาอย่างมากทำให้เครื่องตัดเลเซอร์ในฝั่งจีนหรือไต้หวันมีประสิทธิภาพที่เทียบเท่าและเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากเพราะด้วยราคาที่มีส่วนด้วยและ รูปแบบและ นวัตกรรมก็เรียกได้ว่าเทียบเท่าสเปคฝั่งยุโรปได้เลย ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายได้ตามความต้องการ

หลักการเลือกใช้เครื่องจักรที่สำคัญหลักๆ จะมีส่วนประกอบการตัดสินใจ 3 อย่างด้วยกัน
  • ราคา
  • ความเร็ว
  • ความแม่นยำ
โดยการคำนึงหลักที่สำคัญที่สุดใน 3 อย่างนี้อาจจะเป็นความแม่นยำที่ควรคำนึงเป็นอันดับแรกเพราะว่าการตัดนั้่นไม่ได้เสร็จแค่เพียงตัดชิ้นงานออกมา แต่ทุกชิ้นงานจะต้องถูกนำไปประกอบตกแต่งเพิ่มเติมอีกทุกครั้งทำให้ความแม่นยำขนาดที่ต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมากในงานตัด
ซึ่งในการตัดที่แม่นยำของกระบวนการผลิต การออกแบบจะตอบสนองต่อการที่ใช้งานเครื่องที่ง่าย รวดเร็ว มีความแม่นยําสูง และประหยัดเวลาในการผลิต จึงทำให้เครื่องตัดไฟเบอร์เลเซอร์มีบทบาทที่สำคัญในอุตสาหกรรม ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ดังนี้

  • Fast Cutting speed up sheet cutting
  • Circle Centering locate the center on circular sheet metal and processing
  • One-Path FlyCut create fly cutting paths for any shapes to improve cutting efficiency
  • Scan-to-Import read drawings with a simple scan

นอกจากจะสามารถตัดเลเซอร์ได้แล้วเครื่องเลเซอร์ไฟเบอร์ถูกพัฒนาเพิ่มขึ้นไปอีกไม่ว่าจะเป็นการเชื่อม การเจาะ เครื่องแกะสลักไฟเบอร์เลเซอร์ เครื่องการทำความสะอาดโลหะด้วยไฟเบอร์เลเซอร์ บางเทคโนโลยี เครื่องตัดเลเซอร์เพียงเครื่องเดียวก็สามารถทำทุกอย่างได้ทั้งหมดแบบ 3 in 1 ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกคุ้มค่าที่จะลงทุนซื้อเครื่องแปรรูปโลหะ ซึ่งมีข้อได้เปรียบหลาย ๆ ด้าน เช่น ความเร็วสูง ความยืดหยุ่นสูง ประสิทธิภาพสูง คุณภาพดี ผลกระทบด้านความร้อนต่ำ มีฟังก์ชันการทำงานที่ทรงพลัง และมีความเป็นอัตโนมัติในระดับสูง


จากแต่ก่อนที่การตัดเลเซอร์มีข้อจำกัดด้านกำลังวัตต์ที่ต่ำทำให้ไม่สามารถตัดงานที่มีความหนาสูงได้ แต่ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องการทำให้กำลังวัตต์ในปัจจุบันสามารถใช้งานได้สูงไม่มีข้อจำกัด อาจจะ 12000W หรือแม้แต่บางเครื่องกำลังวัตต์มากสุงถึง 60000W ทำให้ตัดเหล็กได้มากกว่า 100 มิล หรืออาจจะมากกว่านั้นซึ่งการพัฒนายังคงถูกคิดค้นขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้การซื้อเครื่องตัดเลเซอร์เป็นอะไรที่สามารถพัฒนาไปได้ควบคู่กันไปกับนวัตกรรมใหม่ๆในการแปรรูป



การตัดเลเซอร์ในปัจจุบันเมื่อเทียบกับแต่ก่อนจะลดความซับซ้อนได้อย่างมาก มีการใช้งานการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์เข้ามาทำให้ลดการใช้งานมนุษย์ ลดอันตรายจากการทำงานได้มากขึ้น และสามารถขยายเวลาการทำงานได้มากกว่าเดิมโดยที่ประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำงานล่วงเวลาจากการใช้แรงงานมนุษย์ ลดการเหลือของแผ่นงานทำให้ได้งานมากที่สุดสูญเสียเนื้องานที่เหลือน้อยที่สุด โดยสามารถคำนวนและแก้ไขได้ก่อนที่จะลงตัดชิ้นงานจริง


ยิ่งเครื่องมีกำลังวัตต์ที่สูงก็จะช่วยให้งานสามารถตัดได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นและเครื่องสมัยใหม่ที่พัฒนาให้รักษาสิ่งแวดล้อมทำให้ถูกออกมาแบบมาให้มีระบบปิด สามารถตัดงานได้โดยไม่ก่อให้เกิดฝุ่นแลมลพิษต่อผู้ใช้งาน ทำให้เครื่องตัดไฟเบอร์เลเซอร์เป็นทีนิยมและเป็นที่จำตามองในยุคนี้เป็นอย่างมากต่อการผลิตชิ้นส่วนโลหะทั่วโลก


https://suthong.co.th/%E0%B8%8...B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%202024
3  อื่นๆ / Cafe / การใช้งานเครื่องตัดเลเซอร์โลหะในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เมื่อ: 06 ธันวาคม 2023, 09:46:40
การใช้งานเครื่องตัดเลเซอร์โลหะในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
อย่างแรกที่เราต้องคำนึงถึงคือหลักการทำงานเบื้องต้นของการใช้เครื่องตัดโลหะ
เครื่องตัดเลเซอร์โลหะคือเครื่องจักรที่ใช้พลังงานความร้ิอนจากลำแสงในการตัดโลหะ ลำแสงที่ถูกตั้งค่าให้โฟกัสที่วัสดุ ทำให้พื้นผิวในส่วนที่ถูกลำแสงยิงให่้้เกิดการหลอมละลาย และระเหยกลายเป็นไอส่งผลให้เกิดเป็นรอยการตัดตามขนาดและรูปร่างที่ต้ิองการ
ในรูปแบบการตัดเลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบันที่เห็นโดยทั่วไปคือ การตัดไฟเบอร์เลเซอร์ คือการอาศัยพลังงานแสงจากดเส้ยใยการนำแสงในการตัดโลหะ

คุณสมบบัติหลักๆ ของเครื่องตัดเลเซอร์มีดังนี้

  • เป็นเครื่องที่มีความแม่นยำสูง สามารถตัดโลหะตามรูปร่างและขนาดที่ต้องการได้
  • มีประสิทธิภาพสูง สามารถตัดงานได้รวดเร็วและประหยัดเวลาในการทำงาน
  • ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ลดการเกิดควันหรือฝุ่นละออง
การเลือกใช้เครื่องตัดเลเซอร์โลหะในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

  • การตัดโลหะสำหรับโครงสร้างอาคาร เครื่องตัดเลเซอร์โลหะถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมก่อสร้างสำหรับการตัดโลหะสำหรับโครงสร้างอาคาร เช่น โครงหลังคา โครงเสา คาน แผ่นเหล็ก ฯลฯ เครื่องตัดเลเซอร์โลหะสามารถตัดโลหะที่มีความหนาได้หลากหลายตั้งแต่ 0.1 ถึง 50 มิลลิเมตร ด้วยความแม่นยำสูง ส่งผลให้โครงสร้างอาคารมีความมั่นคงและแข็งแรง
  • การตัดโลหะสำหรับเฟอร์นิเจอร์ เครื่องตัดเลเซอร์โลหะยังถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์สำหรับตัดโลหะสำหรับเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ ราวบันได ฯลฯ เครื่องตัดเลเซอร์โลหะสามารถตัดโลหะให้มีรูปร่างและขนาดที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์มีดีไซน์สวยงามและทันสมัย
  • การตัดโลหะสำหรับงานตกแต่ง เครื่องตัดเลเซอร์โลหะยังถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมงานตกแต่งสำหรับตัดโลหะสำหรับงานตกแต่ง เช่น รั้ว ประตู หน้าต่าง ราวบันได ฯลฯ เครื่องตัดเลเซอร์โลหะสามารถตัดโลหะให้มีลวดลายที่สวยงามและโดดเด่น ส่งผลให้งานตกแต่งมีความหรูหราและสวยงามยิ่งขึ้น

ข้อดีของการใช้เครื่องตัดเลเซอร์โลหะในอุตสาหกรรมก่อสร้าง มีดังนี้

  • มีความแม่นยำสูง สามารถตัดโลหะให้มีรูปร่างและขนาดที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ
  • มีประสิทธิภาพสูง สามารถตัดโลหะได้อย่างรวดเร็วและประหยัดเวลา
  • ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เกิดควันหรือฝุ่นละออง
โดยสรุปแล้ว เครื่องตัดเลเซอร์โลหะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงและมีประโยชน์ในอุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นอย่างมาก ช่วยให้สามารถตัดโลหะได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม


https://suthong.co.th/main/newsdetail/155
4  อื่นๆ / Cafe / เครื่องจักรแห่งอนาคต เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2023, 13:54:30
เครื่องจักรแบบเก่าอุตสาหกรรมนั้นไม่เพียงพออีกต่อไปเพราะอนาคตของการผลิตมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น และมีความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น เทคโนโลยีต้องพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ
แรงกดดันในอุตสาหกรรมมีทั้ง ต้นทุนและความคุ้มค่า ประสิทธิภาพการผลิตเครื่องจักร CNC จึงน่าสนใจ เพื่อให้อุตสาหกรรมนั้นผลิตได้ตรงเป้าหมาย

⚙️เปลี่ยนไปใช้การผลิตแบบ High-Mix, High-volume
⚙️เน้นใช้งานเครื่องจักร CNC อเนกประสงค์เพื่อให้จบครบในเครื่องเดียว
⚙️เน้นระบบอัตโนมัติ CNC รวมถึงกระบวนการสนับสนุนต่าง ๆ
⚙️ใช้งานซอฟต์แวร์วางแผนการผลิตและจัดการทรัพยากร
⚙️เน้นเรื่องของการผลิตใหม่ และความพร้อมใช้งานของแรงงาน

5  อื่นๆ / Cafe / แก้วสามารถแกะสลักด้วยเลเซอร์ได้หรือไม่ เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2023, 09:04:36
ใช่ เครื่องแกะสลักด้วยเลเซอร์แก้วสามารถทำได้ ซึ่งเป็นการฝึกใช้เลเซอร์ในการแกะสลักวัตถุ ในทางกลับกัน การมาร์กด้วยเลเซอร์เป็นหมวดหมู่ที่กว้างขึ้นของวิธีการทิ้งรอยไว้บนวัตถุ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการแกะสลักแก้วได้กลายเป็นแอพพลิเคชั่นเลเซอร์ที่กำลังเติบโตและเป็นที่ต้องการ เครื่องแกะสลักเลเซอร์แก้วเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการจัดการและสร้างความสะอาดสวยงาม ให้ความยืดหยุ่นมากขึ้น เร็วขึ้นมาก และง่ายต่อการจัดการ
ความยาวคลื่นเลเซอร์ยูวีคือ 355nm ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงเลเซอร์เย็นซึ่งสามารถดูดซับด้วยแก้วได้ดีกว่า
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคการแกะสลักแก้วแบบดั้งเดิม เช่น การแกะสลักด้วยเครื่องจักรหรือการเป่าด้วยทราย การแกะสลักด้วยเลเซอร์สามารถทำซ้ำได้และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แกะสลักเลเซอร์แก้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้หมึกพิมพ์หรือไม่ก็เกี่ยวข้องกับบิตเครื่องมือที่ผิวสัมผัสการแกะสลักและสวมใส่ออกให้มันได้เปรียบกว่าการแกะสลักทางเลือกหรือการทำเครื่องหมายที่เทคโนโลยีหมึกพิมพ์หรือหัวบิตต้องถูกแทนที่อย่างสม่ำเสมอ

https://suthong.co.th/%E0%B8%8...%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88
6  อื่นๆ / Cafe / เครื่องกลึงขนาดเล็ก MINI CNC เมื่อ: 31 ตุลาคม 2023, 11:30:18
เครื่องกลึงขนาดเล็ก
เครื่องกลึงขนาดเล็ก เครื่องเครื่องกลึงที่จะเน้นการทำงานชิ้นงานที่ไม่ใหญ่มากเป็นชิ้นงานที่เป็นส่วนประกอบเล็กๆของเครื่องจักร โดยส่วนใหญ่จะเป็นเครื่อง CNC ที่เน้นการทำงานที่มีความละเอียดสูง และทำงานได้ในปริมาณที่มากๆ
โดยเครื่องกลึงขนาดเล็กจะมีความแต่ต่างอย่างชัดเจนในเรื่องของขนาดตัวเครื่องและชิ้นงานที่ทำออกมา โดยโรงงานส่วนใหญ่ที่เน้นการผลิตชิ้นงานมาก และไม่ถึงขั้นที่เป็นชิ้นงานชนาดใหญ่ก็จะเลือกใช้เครื่องกลึง CNC เครื่องเล็กหลายๆเครื่องมากกว่าการซื้อเครื่องขนาดใหญ่เพียงเครื่องเดียว ประกอบด้วยราคาที่ค่อยข้างจะห่างกันมากด้วยจึงเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจชของผู้ใช่งาน

เครื่องกลึงขนาดเล็กแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ

เครื่องกลึงแบบตั้งโต๊ะเป็นเครื่องกลึงแบบแมนนวนขนาดเล็ก จะมีน้ำหนักเบา เหมาะกับการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนมาก เน้นงานฝีมือที่ใช้ประสบการณ์การทำงานของช่างผู้ใช้เครื่องจักร

เครื่องกลึง Cncเป็นเครื่องกลึงขนาดเล็กที่ควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการกำหนดรูปร่างและขนาดของชิ้นงาน ทำให้สามารถผลิตชิ้นงานได้แม่นยำและรวดเร็ว

เครื่องกลึงขนาดเล็กมีการใช้งานหลากหลาย เช่น

  • สกรู
  • น็อต
  • ผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักร
  • ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
  • ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  • ผลิตชิ้นงานงานฝีมือ
อุปกรณ์เสริมของเครื่องกลึงขนาดเล็ก

  • เครื่องมือกลึง เช่น หัวกัด มีดกลึง ดอกเอ็นมิล
  • อุปกรณ์จับยึด เช่น คีมจับชิ้นงาน แท่นหนีบชิ้นงาน
  • อุปกรณ์ตัดเฉือน เช่น อุปกรณ์ป้อนชิ้นงาน อุปกรณ์ดูดฝุ่น
การดูแลรักษาเครื่องกลึงขนาดเล็ก

  • ตรวจสอบสภาพเครื่องกลึงเป็นประจำ หากพบความผิดปกติ ควรรีบแก้ไข
  • ทำความสะอาดเครื่องกลึงหลังจากใช้งานทุกครั้ง
  • เก็บรักษาเครื่องกลึงในที่แห้งและปลอดภัย
ข้อดีของเครื่องกลึงขนาดเล็ก ได้แก่

  • ขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สะดวกในการเคลื่อนย้าย
  • ต้นทุนไม่สูง
  • ใช้งานง่าย
ความปลอดภัยในการใช้งานเครื่องกลึงขนาดเล็ก

  • สวมอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้ง เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ รองเท้านิรภัย
  • ศึกษาคู่มือการใช้งานอย่างละเอียดก่อนใช้งาน
  • ระมัดระวังขณะใช้งาน ห้ามใช้งานเครื่องกลึงหากมีอาการเหนื่อยล้า

เครื่องกลึงขนาดเล็กเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับงานช่างต่างๆ สามารถเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณ



https://suthong.co.th/main/newsdetail/154
7  อื่นๆ / Cafe / โปรที่ใช้ในงานตัดเลเซอร์ เมื่อ: 26 ตุลาคม 2023, 15:12:29
โปรแกรมที่ใช้ในงานตัดเลเซอร์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

โปรแกรมออกแบบ ใช้สำหรับการออกแบบชิ้นงานที่ต้องการตัดเลเซอร์ โดยโปรแกรมออกแบบที่นิยมใช้ในงานตัดเลเซอร์ ได้แก่


AutoCAD เป็นโปรแกรมออกแบบ CAD ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถใช้ออกแบบชิ้นงานได้หลากหลายประเภท รวมถึงชิ้นงานที่ต้องการตัดเลเซอร์
SolidWorks เป็นโปรแกรมออกแบบ CAD สามมิติ ที่นิยมใช้สำหรับงานวิศวกรรมและการออกแบบผลิตภัณฑ์ สามารถใช้ออกแบบชิ้นงานที่ต้องการตัดเลเซอร์ได้เช่นกัน
CorelDraw เป็นโปรแกรมออกแบบกราฟิก ที่นิยมใช้สำหรับงานออกแบบตกแต่ง สามารถใช้ออกแบบชิ้นงานที่ต้องการตัดเลเซอร์ได้เช่นกัน
โปรแกรมสั่งตัด ใช้สำหรับแปลงไฟล์การออกแบบที่ได้จากโปรแกรมออกแบบเป็นไฟล์คำสั่งสำหรับเครื่องตัดเลเซอร์ โปรแกรมสั่งตัดที่นิยมใช้ในงานตัดเลเซอร์ ได้แก่


LaserCad เป็นโปรแกรมสั่งตัดเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย สามารถใช้ตัดวัสดุได้หลากหลายประเภท
EverCut เป็นโปรแกรมสั่งตัดเลเซอร์ที่พัฒนาโดยคนไทย สามารถใช้ตัดวัสดุได้หลากหลายประเภทเช่นกัน
LightBurn เป็นโปรแกรมสั่งตัดเลเซอร์ที่พัฒนาโดยชาวต่างชาติ สามารถใช้ตัดวัสดุได้หลากหลายประเภท
โปรแกรมตัดเลเซอร์แต่ละโปรแกรมจะมีจุดเด่นและข้อด้อยที่แตกต่างกันไป การเลือกโปรแกรมตัดเลเซอร์ควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้


ประเภทของวัสดุที่ต้องการตัด โปรแกรมตัดเลเซอร์บางโปรแกรมสามารถตัดวัสดุได้หลากหลายประเภท ในขณะที่บางโปรแกรมสามารถตัดวัสดุได้เฉพาะบางประเภท
ความซับซ้อนของชิ้นงาน โปรแกรมตัดเลเซอร์บางโปรแกรมสามารถตัดชิ้นงานที่มีความซับซ้อนได้ ในขณะที่บางโปรแกรมสามารถตัดชิ้นงานที่มีความซับซ้อนได้ยาก
ราคา โปรแกรมตัดเลเซอร์มีราคาที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและฟังก์ชันการใช้งาน
ตัวอย่างการใช้งานโปรแกรมตัดเลเซอร์


ตัดตัวอักษรหรือโลโก้บนวัสดุต่าง ๆ เช่น ไม้ พลาสติก อะคริลิก
ตัดฉลากหรือป้ายโฆษณา
ตัดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ตัดงานฝีมือหรืองานศิลปะ
นอกจากโปรแกรมตัดเลเซอร์แล้ว ยังมีอุปกรณ์และเครื่องมืออื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับงานตัดเลเซอร์ เช่น เครื่องตัดเลเซอร์ เลเซอร์หัวตัด เลเซอร์หัวแกะสลัก เลเซอร์หัวมาร์กเกอร์ เป็นต้น

https://suthong.co.th/main/newsdetail/119
8  อื่นๆ / Cafe / ‘โรบอทดิจิทัล’ การปรับตัวอนาคตการผลิตอย่างยังยืน เมื่อ: 20 ตุลาคม 2023, 15:37:42
"โรบอทดิจิทัล" การปรับตัวอนาคตการผลิตอย่างยังยืน

ตั้งแต่ในช่วงอดีตจนถึงปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาตลอดเวลา ยาวนานต่อเนื่องหลาย 10 ปี นับตั้งแต่จอร์จ ดีวอล (George Devol) และโจเซฟ เอ็นเกลเบอร์เกอร์ (Joseph Engelberger) ได้คิดค้นหุ่นยนต์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมตัวแรกของโลกได้ ในปี ค.ศ. 1961 เพื่อให้หุ่นยนต์ได้มีบทบาทเข้ามาทำงานในส่วนที่อันตรายแทนมนุษย์ จนในปัจจุบันการพัฒนาก้าวหน้ามาขึ้นทำให้เกิดหุ่นยนต์ที่มีการพัฒนาระบบการปฎิบัติการที่หลากหลายขึ้น เช่น หุ่นยนต์อเนกประสงค์, หุ่นยนต์เชื่อม, หุ่นยนต์จัดเรียงสินค้าและวัสดุ, หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย และหุ่นยนต์ขึ้นรูปพลาสติกซึ่งกลุ่มภูมิภาคเอเชียเป็นกลุ่มที่ใช้หุ่นยนต์มากที่สุดในโลกพบว่าการใช้หุ่นยนต์ เฉลี่ยเป็น 99 ตัว ต่อ แรงงาน 1 หมื่นคน
และประเทศไทยมีการใช้หุ่นยนต์ในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 60-70 ตัว โดยประเทศไทยได้เริ่มมีการใช้หุ่นยนต์มากขึ้นตั้งแต่ปี 2555 หลังน้ำท่วมใหญ่ทำให้โรงงานได้เกิดการลงทุนเครื่องจักรใหม่ และมีโอกาศเลือกใช้หุ่นยนต์ระบบอัตโนมัตมากขึ้น รวมถึงช่วงนั้นมีการปรับค่าแรงเพิ่มขึ้่น บวกกับปัญหาในช่วงนั้นขาดแคลนแรงงานจึงทำให้การนำหุ่นยนต์มาใช้กับระบบโรงงานแพร่หลายมากขึ้น

โรโบติกส์ และ Internet og things (IOTs) เป็นการพัฒนานวัตกรรมใหม่เข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบเดิมๆในยุค ดิจิทัล เพื่อลดเรื่องอุบัติเหตุและยิ่งไปกว่านั้นการเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 ยังเป็นตัวเร่งปรับทัศนคติ ให้ธุรกิจอยู่รอดและเดินหน้าต่อได้โดยการลดแรงงานมนุษย์ลง โดยเพิ่มหุ่นยนต์มาแทนที่ ซึ่งทำให้การผลิตจะต่อเนื่องไม่ว่าจะมีการจึ้นค่าแรงงานคนหรือระบบเศษรฐกิจในอนาคต ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มโรงงานการผลิตอาหารและยา เครื่องดื่ม อุตสาหกรรมการเกษตร โลจิสติกส์ ที่ตื่นตัวมากที่สุด ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงหากเกิดโรคระบาดอื่นๆหรือปัญหาแรงงานในอนาคตเป็นการปรับตัวสู่อนาคตที่จำเป็นต้องพึ่งแรงงานมนุษย์ให้น้อยลง และสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยี่ระบบหุ่นยนต์ในงานอุตสาหกรรมจะเดินหน้าต่อไปเพื่อคุณภาพที่ดีขึ้นของมนุษย์ แม้ในบางครั้งจะยังมีความกังวลว่าหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่มนุษย์หรือไม่ ก็เลี่ยงไม่ได้ว่าอาจจะมีบ้าง แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือหุ่นนยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมานั้น จะเข้ามาทำงานร่วมกับมนุษย์ ไม่ใช่เข้ามาแย่งงานมนุษย์ เนื่องจากมนุษย์เรามีความสามารถในการพัฒนา และเรียนรู้ที่จะพัฒนาศักยภาพของตนเองให้มีทักษะในด้านต่างๆมากขึ้นได้เสมอนั่นเอง

https://suthong.co.th/%E0%B8%8...%87%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B8%99
9  อื่นๆ / Cafe / ประวัติความเป็นมาของเครื่องจักร CNC(ข่าวสารอุตสาหกรรม) เมื่อ: 17 ตุลาคม 2023, 08:47:13
ประวัติความเป็นมาของเครื่องจักร CNC
เครื่องจักร CNC เป็นเครื่องจักรที่พัฒนามาจากเครื่องจักร NC เครื่องจักร NC เครื่องแรกถูกสร้างขึ้นไม่นานหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ในขณะนั้นบริษัทพาร์สันส์ เวอร์กของนายจอร์น พาร์สันส์ (John Parsons) เป็นบริษัทที่สามารถผลิตใบพัดเฮลิคอบเตอร์ได้เที่ยงตรงและรวดเร็ว โดยใช้เทคนิคการผลิต “ด้วยตัวเลข” (by-the-number) ผลิตเทมเพรท เทคนิคการผลิตด้วยตัวเลขคือการใช้เครื่องกัดเจาะรูตามตำแหน่งที่กำหนดไว้เป็นรูปร่างที่ต้องการคร่าวๆ จากนั้นจึงใช้คนแต่งละเอียดอีกครั้ง

นายบิล สตอท (Bill Stout) วิศวกรของบริษัทพาร์สันส์ เวอร์กได้เพัฒนาเทคนิคนี้โดยขียนชุดคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานด้านบัญชีในขณะนั้นคำนวณเพิ่มจุดเจาะจาก 17 จุดเป็น 200 จุดและใช้คนงานสองคนบังคับแกนของเครื่องกัดคนละแกนให้เคลื่อนที่ไปตามตารางที่สร้างขึ้นเพื่อเจาะรูตามตำแหน่งทั้ง200จุด ด้วยวิธีนี้เองที่ทำให้เวลาที่ใช้ในการแต่งละเอียดแผ่นเทมเพรทลดลงอย่างมากและแผ่นเทมเพรทที่ได้ก็มีความเที่ยงตรงสูง

ต่อมาบริษัทได้รับการติดต่อจากกองทัพอากาศสหรัฐให้ผลิตปีกเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีความซับซ้อนและเที่ยงตรงสูงกว่าที่เทคนิคการผลิตในสมัยนั้น(ช่วง ค.ศ.1940) จะทำได้ บริษัทพาร์สันส์ เวอร์กจึงได้เสนอให้สร้างเครื่องกัดที่ใช้เซอโวมอเตอร์ควบคุมแกนทั้งสามแกน ทางกองทัพตอบตกลง การสร้างเครื่องจักรNC เครื่องแรกจึงเริ่มขึ้น บริษัทพาร์สันส์ เวอร์กแบ่งงานออกแป็นสามส่วน โดยมีบริษัทซินเดอร์ (Snyder Corporation) ผลิตตัวเครื่อง บริษัทIBM ผลิตเครื่องอ่านเทปเจาะรู และ ห้องวิจัยด้านกลไกเซอโวของ MIT (Servo Mechanisms Laboratory of the Massachusetts Institute of Technology) ผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวกับกลไกเซอโว

ในขณะเดียวกันนั้นวิศวกรของบริษัท General Motor ได้ติดอุปกรณ์จับตำแหน่งและกลไกเซอโวเข้ากับเครื่องกลึงทำให้เครื่องกลึงสามารถบันทึกตำแหน่งในการเดินเครื่องผลิตงานด้วยคนในครั้งแรก จากนั้นจึงสามารถป้อนข้อมูลที่บันทึกกลับให้กลไกเซอโวเดินเครื่องผลิตงานชิ้นต่อไป เทคนิคการบันทึกแล้วเล่นกลับนี้ปัจจุบันยังคงใช้กับเครื่องวัดตำแหน่งแบบ CNC (CNC Coordinate Measuring Machine) และหุ่นยนต์อุตสาหกรรมบางประเภท

กองทัพอากาศเลือกที่จะสนับสนุนวิธีของพาร์สันส์เนื่องจากสามารถสร้างงานที่มีความซับซ้อนสูงกว่าโดยการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยคำนวณ และยังลดปัญหาการหยุกชงักของการผลิตเนี่องจากการนัดหยุดงานของคนงานอีกด้วย

ในเดือนกันยายนปีค.ศ.1952 MIT เปิดแสดงสาธิตเครื่องจักร NC เครื่องแรกของโลก
จอร์น พาร์สันส์ เสียชีวิตเมื่อวันพุธที่19เดือนเมษายนปี ค.ศ. 2007 มีอายุรวม 93 ปี

  • 1947 - จอร์น พาร์สันส์เริ่มทดลองใช้ระบบการผลิตด้วยตัวเลข
  • 1949 - จอร์น พาร์สันส์ เซ็นสัญญากับกองทัพอากาศสหรัฐเพื่อสร้างเครื่องจักร
  • 1952 – MIT สาทิตเครื่องจักร NC ครั้งแรกโดยการกัดงานที่ดอกกัดมีการเคลื่อนที่ ในสองแกนพร้อมกัน
  • 1955 – มีการจัดแสดงเครื่องจักร NC เพื่อการค้าเป็นครั้งแรก
  • 1957– เครื่องจักร NC ติดตั้งลงในสายการผลิตเป็นเครื่องแรก
  • 2007– จอร์น พาร์สันส์ เสียชีวิต เครื่องจักร NC ได้รับการพัฒนาเป็นเครื่องจักร CNC และมีการใช้งานอย่างแพร่หลาย

https://suthong.co.th/main/newsdetail/26
10  อื่นๆ / Cafe / เครื่องตัดเลเซอร์ที่รวมทุกอย่างไว้ในตัวเครื่อง เมื่อ: 13 ตุลาคม 2023, 09:05:09
เครื่องตัดเลเซอร์ที่รวมทุกอย่างไว้ในตัวเครื่อง
อย่างที่เรารู้กันว่าในตอนนี้การตัดเลเซอร์กลับมาเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และการใช้งานที่มีให้เลือกหลากหลายครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นเครื่องตัดเลเซอร์โลหะ เครื่องเลเซอร์ไม้ เครื่องเลเซอร์อะคริลิค รวมไปถึงงานรูปแบบต่างๆ ในอุตสาหกรรมการผลิต
แล้วรู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้ เครื่องตัดเลเซอร์ถูกพัฒนาโดยรวมทุกส่วนไว้ในตตัวเครื่องตัดเพียงตัวเดียวได้แล้ว และยังคงมาตราฐานการตัดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงว่าทำไม ผู้ผลิตถึงพยายามที่จะรวมอุปกรณ์ทุกส่วนไว้ในตัวเครื่องตัดเลเซอร์กัน และเป็นข้อดีอย่างไรต่อผู้ใช้งาน

อย่างแรกพื้นฐานที่เราต้องรู้คือเครื่องตัดเลเซอร์มีส่วนประกอบอะไร และมีอุปกรณ์แยกออกมาเป็นอะไรบ้าง?
  • ตู้ไฟเบอร์เลเซอร์ (Fiber Laser Source)
  • ระบบทำความเย็น (Water Chiller)
  • ระบบตัดด้วยแรงลม (Air Cutting System)
  • ระบบแก๊สต่างๆ (Gas Cylineders)
  • เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (Stabilizer)
  • ระบบดูดควัน (Dust Removal System)
ทั้งหมดที่แจ้งมาเป็นอุปกรณ์ที่ติดมากับเครื่องตัดเลเซอร์รุ่นก่อนๆ ซึ่งเครื่องตัดเลเซอร์โลหะรุ่นใหม่ๆ มักรวมทุกอย่างไว้ในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นระบบเลเซอร์ ระบบเคลื่อนที่ ระบบควบคุม และระบบระบายความร้อน ทำให้มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง และใช้งานง่ายขึ้น


เครื่องตัดเลเซอร์โลหะในปัจจุบันต้องรวมทุกอย่างไว้ในตัวเครื่อง เพราะมีเหตุผลหลักๆ ดังนี้
  • ความสะดวกในการใช้งาน ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม ทำให้สามารถเริ่มต้นใช้งานเครื่องได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เครื่องตัดเลเซอร์โลหะรุ่นเก่าจำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม เช่น โต๊ะตัด หัวตัดเลเซอร์ และระบบควบคุม การติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้อาจต้องใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถใช้งานได้ เครื่องตัดเลเซอร์โลหะรุ่นใหม่ๆ มักรวมทุกอย่างไว้ในตัวเครื่อง ทำให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นใช้งานเครื่องได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพียงเชื่อมต่อเครื่องเข้ากับแหล่งจ่ายไฟและคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้ก็สามารถเริ่มตัดชิ้นงานได้ทันที
  • ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น การออกแบบที่รวมทุกอย่างไว้ในเครื่องเดียวช่วยให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้การออกแบบที่รวมทุกอย่างไว้ในเครื่องเดียวช่วยให้ผู้ผลิตสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการเริ่มต้นใช้งานเครื่อง นอกจากนี้ การออกแบบที่รวมทุกอย่างไว้ในเครื่องเดียวยังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ ผู้ผลิตสามารถปรับแต่งเครื่องให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของตนได้ ซึ่งช่วยให้สามารถตัดชิ้นงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ความทนทานที่เพิ่มขึ้น การออกแบบที่รวมทุกอย่างไว้ในเครื่องเดียวช่วยให้สามารถปกป้องชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องจากความเสียหายได้การออกแบบที่รวมทุกอย่างไว้ในเครื่องเดียวช่วยให้สามารถปกป้องชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องจากความเสียหายได้ ชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องถูกติดตั้งอยู่ในตัวเครื่องอย่างแน่นหนา ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่ชิ้นส่วนเหล่านี้จะเสียหายจากการกระแทกหรือการสั่นสะเทือน นอกจากนี้ การออกแบบที่รวมทุกอย่างไว้ในเครื่องเดียวยังช่วยให้ผู้ผลิตสามารถซ่อมแซมเครื่องได้ง่ายขึ้น ผู้ผลิตสามารถเข้าถึงชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องได้ง่าย ซึ่งช่วยให้สามารถซ่อมแซมเครื่องได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

https://suthong.co.th/main/newsdetail/153
11  อื่นๆ / Cafe / ประโยชน์ของ สแตนเลส (ข่าวสารอุตสาหกรรม) เมื่อ: 09 ตุลาคม 2023, 08:46:37
 wanwan015
ประโยชน์ของ สแตนเลส - Stainless

การเลือกใช้วัสดุในการประกอบชิ้นงาน ถือเป็นสิ่งสำคัญลองมาพิจารณาดูกันว่าสเตนเลสดีอย่างไร ?

ความแข็งแกร่ง ทนทาน

  • คุณสมบัติเด่นอีกประการหนึ่งของสเตนเลส คือ ความแข็งแกร่งทนทาน สเตนเลสสามารถเพิ่มความแข็งได้ด้วยการขึ้นรูปเย็น
    ซึ่งใช้เพื่อออกแบบงาน โดยลดความหนา น้ำหนักและราคา ความต้านทานต่ออุณหภูมิสูงและอุณหภูมิต่ำ สามารถทนความร้อน
    หรือความเย็น รวมถึงการเปลี่ยนอุณหภูมิโดยฉับพลันได้ดี
  • สเตนเลสทุกตระกูลทนทานต่อการกัดกร่อน แต่จะแตกต่างกันไปตามส่วนผสมของโลหะ
    เช่น เกรดที่มีโลหะผสม ไม่สูง สามารถต้านทาน การกัดกร่อนในบรรยากาศทั่วไป ในขณะที่เกรดที่มีโลหะผสมสูงสามารถต้านทาน
    การกัดกร่อน ในกรด ด่าง สารละลาย บรรยากาศคลอไรด์ ได้เกือบทั้งหมด

ง่ายต่อการประกอบ หรือแปรรูป

  • สเตนเลสส่วนใหญ่สามารถ ตัด เชื่อม ขึ้นรูป ตบแต่งทางกล ลากขึ้นรูป ขึ้นรูปนูนต่ำได้ง่าย ด้วยรูปร่าง สมบัติ และลักษณะ
    ต่างๆของสเตนเลสช่วยให้ ผู้ผลิตสามารถนำสเตนเลสไปประกอบกับวัสดุอื่นๆได้ง่าย

ความสวยงาม

  • ด้วยรูปทรงและพื้นผิวที่หลากหลายรูปแบบที่สวยงาม ทำความสะอาดได้ง่าย ปัจจุบันสเตนเลสมีสีให้เลือกมากมายด้วย กรรมวิธี
    ชุบเคลือบผิวด้วยเคมี ไฟฟ้าสามารถทำให้สเตนเลสมีผิวสีทอง บรอนซ์ เขียว เงิน และสีดำ ทำให้สามารถเลือก ประยุกต์ใช้สเตนเลส
    ได้อย่างมากมาย นอกจากนี้ ความเงางามของ สเตนเลสในอ่างล้างจาน อุปกรณ์ประกอบอาหาร หรือ เฟอร์นิเจอร์ทำให้บ้านดูสะอาด
    และน่าอยู่อีกด้วย

ความปลอดภัย และถูกสุขลักษณะ

  • การทำความสะอาด การดูแลรักษาสเตนเลส และมีความเป็นกลางสูงจึงไม่ดูดซึมรสใดๆ เป็นเหตุผลสำคัญที่สเตนเลสถูกนำมา
    ใช้งานในงานโรง พยาบาล เครื่องครัว ด้านโภชนาการและด้านเภสัชกรรม เนื่องจากความทนทาน ต้องการการดูแลรักษาน้อย
    และค่าใช่จ่ายต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาการใช้ งาน การใช้อุปกรณ์เครื่องครัวสเตนเลสใน บ้านเรือนให้ความรู้สึกถึงความ
    ปลอดภัยแก่ผู้ใช้

ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

  • ● สเตนเลสเป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ และกว่า ของวัตถุดีที่ใช้ในการผลิตมาจากเศษเหล็ก


https://suthong.co.th/main/newsdetail/56
12  อื่นๆ / Cafe / เครื่องกลึงขนาดเล็กและเครื่องขนาดใหญ่(ข่าวสารอุตสาหกรรม) เมื่อ: 05 ตุลาคม 2023, 08:39:19
เครื่องกลึงขนาดเล็กและเครื่องขนาดใหญ่
เครื่องกลึงขนาดเล็กและเครื่องขนาดใหญ่ "ความแตกต่างและคุณสมบัติแบบไหนเหมาะกับงานของคุณ"
พื้นฐานแล้วเราควรที่จะรู้เรื่องเครื่องกลึงเบื้องต้นก่อนในบทความนี้เราจะมุ่งไปที่เครื่องกลึง CNC หรือ CNC Lathe Machine โดยเครื่องกลึงระบบนี้อย่างที่เรารู้กันว่า CNC คือการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เพื่อสร้างชิ้นงานตามที่เราต้องการ โดยเหมาะสำหรับงานที่มีความละเอียดและซับซ้อนสูง โดยส่วนประกอบหลักของเครื่องกลึง CNC จะประกอบดังนี้

  • ชุดการทำงาน (controller)มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของเครื่องทั้งหมด
  • ระบบกลไกในการเคลื่อนที่ (Drive Machines)มีหน้าที่ขับเคลื่อนแกนต่างๆ ภายในเครื่องกลึง
  • ตัวเครื่อง(Machine Body)ส่วนประกอบโครงสร้างที่รวมได้ทั้งภายใน และโครงสร้างภายในเครื่องกลึงทั้งหมด

โดยการทำงานหลักของเครื่อง CNC จะถูกควบคุมด้วยการสร้างระบบ G-code โดยใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ จากนั้นโปรแกรมจะถูกป้อนเข้าเครื่องกลึง CNC ผ่านเครื่องป้อนข้อมูล โดนจากนั้นเครื่องจักรจริงทำงานตามระบบที่ถูกป้อนเข้าโปรแกรม ทำให้เครื่องผลิตชิ้นงานได้ตามที่เราต้องการ

ข้อดีของเครื่องกลึง CNC
  • ทำงานได้รวดเร็วและมีความแม่นยำสูง
  • มีประสิทธิภาพในการงานที่มีความละเอียดสูง
  • สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง ทำให้ผลิตงานได้มากขึ้น
  • เครื่องแบบระบบ CNC เหมาะกับการทำงานที่มีจำนวนมากๆ

ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรกล, อุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์, อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ตัวอย่างงานที่นิยมใช้เครื่องระบบ CNC ได้แก่

  • การผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรกล เช่น ชิ้นส่วนเกียร์ ชิ้นส่วนเฟือง ชิ้นส่วนก้านสูบ เป็นต้น
  • การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ชิ้นส่วนชิป ชิ้นส่วนแผงวงจร ชิ้นส่วนตัวเก็บประจุ เป็นต้น
  • การผลิตชิ้นส่วนเครื่องประดับ เช่น แหวน กำไล สร้อยคอ เป็นต้น
  • การผลิตชิ้นงานศิลปะ เช่น ประติมากรรม รูปปั้น เป็นต้น
  • การผลิตชิ้นงานอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เช่น ชิ้นส่วนหุ่นยนต์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์การแพทย์ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้คือข้อมูลโดยรวมของเครื่องกลึง CNC ที่เราควรรู้เบื้องต้น และเครื่องกลึง CNC สามารถแบ่งย่อยออกมาเป็นทั้งเครื่องกลึงขนาดเล็ก และเครื่องกลึงขนาดใหญ่ งานของคุณเหมาะกับเครื่องกลึงบแบบไหนสามาถดูได้ตามข้อมูลด้านล่างนี้


ข้อแตกต่างระหว่างเครื่องกลึงขนาดเล็กและเครื่องกลึงขนาดใหญ่
เครื่องกลึงขนาดเล็ก

  • ขนาดเล็ก กะทัดรัด
  • ราคาถูกกว่า
  • ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการกลึงระดับสูง
  • เหมาะสำหรับงานขนาดเล็กและงานผลิตจำนวนมาก

เครื่องกลึงขนาดใหญ่

  • ขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก
  • ราคาแพงกว่า
  • ใช้งานยาก ต้องใช้ทักษะการกลึงระดับสูง
  • เหมาะสำหรับงานขนาดใหญ่และงานผลิตจำนวนมาก


เครื่องกลึงขนาดเล็กเหมาะกับงานประเภทใด

เครื่องกลึงขนาดเล็กเหมาะกับงานที่ไม่ใหญ่ มีขนาดเล็กเป็นงานที่เครื่องกลึงขนาดใหญ่ไม่สามารถจับชิ้นงานได้ โดยต้องคำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติม เช่น การกัด การเจาะ โดยเครื่องกลึงขนาดเล็กเหมาะกับงานหลายประเภท อย่างเช่น

  • ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
  • ชิ้นส่วนเครื่องประดับ
  • ชิ้นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์
  • ชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ทุกประเภท

เครื่องกลึงขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับงานประเภทต่อไปนี้

  • งานผลิตชิ้นงานขนาดใหญ่ เช่น ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ ชิ้นส่วนโครงสร้างอาคาร
  • งานผลิตชิ้นงานจำนวนมาก เช่น ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ชิ้นส่วนโครงสร้างอาคาร
  • งานผลิตชิ้นงานที่มีความซับซ้อน เช่น ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลที่มีรูปร่างขนาดใหญ่หรือมีร่องลึก


ตัวอย่างงานที่ใช้กับเครื่องกลึงขนาดเล็ก

  • การผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรกลขนาดเล็ก เช่น ชิ้นส่วนเกียร์ ชิ้นส่วนเฟือง ชิ้นส่วนก้านสูบ เป็นต้น
  • การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก เช่น ชิ้นส่วนชิป ชิ้นส่วนแผงวงจร ชิ้นส่วนตัวเก็บประจุ เป็นต้น
  • การผลิตชิ้นส่วนเครื่องประดับ เช่น แหวน กำไล สร้อยคอ เป็นต้น
  • การผลิตชิ้นงานศิลปะ เช่น ประติมากรรม รูปปั้น เป็นต้น
  • การผลิตชิ้นงานอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เช่น ชิ้นส่วนหุ่นยนต์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์การแพทย์ เป็นต้น
  • เครื่องกลึง CNC ขนาดเล็กสามารถทำงานได้กับวัสดุหลากหลาย เช่น โลหะ พลาสติก ไม้ เป็นต้น ขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องมือตัดที่ใช้

การเลือกเครื่องกลึงขนาดเล็กให้เหมาะสมกับชิ้นงาน ควรพิจารณาดังนี้
  • ขนาดของชิ้นงาน โดยเครื่องกลึงจะมีหัวจับชิ้นงานที่มีขนาดความยาวของหัวจับไม่เท่ากัน
  • วัสดุที่ใช้งาน โดยเครื่องกลึงถูกแบ่งออกมาสำหรับใช้งานได้หลากหลายประเภท เช่นเครื่องกลึงโลหะ เครื่องกลึงไม้ เป็นต้น
  • ฟังก์ชั่นการใช้งาน เครื่องกลึง CNC บางรุ่นมีฟังก์ชั่นการใช้งานเพิ่มเติม เช่นการกัด การเจาะชิ้นงาน

การเลือกเครื่องกลึงขนาดใหญ่ให้เหมาะสมกับงานนั้น ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

  • ขนาดของชิ้นงาน เครื่องกลึงขนาดใหญ่จะมีขนาดและน้ำหนักมาก ไม่สามารถกลึงชิ้นงานขนาดเล็กได้
  • วัสดุที่ใช้ เครื่องกลึงขนาดใหญ่บางรุ่นออกแบบมาเพื่อทำงานกับวัสดุบางชนิดโดยเฉพาะ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน เครื่องกลึงขนาดใหญ่บางรุ่นมีฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติม เช่น ฟังก์ชันการกัด ฟังก์ชันการเจาะ เป็นต้น

โดยสรุป การเลือกเครื่องกลึงให้เหมาะสมกับงานนั้น ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

  • ขนาดของชิ้นงาน
  • วัสดุที่ใช้
  • ฟังก์ชันการใช้งาน
  • งบประมาณ

หากงานที่ต้องการทำมีขนาดเล็ก ผลิตจำนวนมาก และต้องการความแม่นยำสูง เครื่องกลึงขนาดเล็กจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า หากงานที่ต้องการทำมีขนาดใหญ่ ผลิตจำนวนมาก และต้องการกำลังการผลิตสูง เครื่องกลึงขนาดใหญ่จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า


https://suthong.co.th/main/newsdetail/152
13  อื่นๆ / Cafe / เครื่องเจียระไน KENT No.1 in Taiwan เมื่อ: 29 กันยายน 2023, 15:40:55
เครื่องเจียระไน : Grinding
หมายถึง การเจียระไนเป็นการแปรรูปวัสดุด้วยการขัดสีด้วยคมตัดที่เป็นวัสดุแข็งที่ถูกยึดให้ติดกันด้วยตัวยึดและขึ้นรูปเป็นฟอร์มต่างๆ ซึ่งเรียนว่า "หินเจียระไน"

ประเภท ของเครื่องเจียระไน
การเจียระไนด้วยหินเจียระไนสามารถกระทำได้หลายแบบ โดยแบ่งประเภทของ เครื่องเจียระไนได้ตามลักษณะการใช้งานเป็นดังนี้
  • เครื่องเจียระไนตั้งโต๊ะ (Bench Grinder)
  • เครื่องเจียระไนตั้งพื้น (Floor Grinder)
  • เครื่องเจียระไนราบ (Surface Grinder)
  • เครื่องเจียระไนทรงกระบอก (Cylindrical Grinder)
  • เครื่องเจียระไนลับมีดตัดและเครื่องมือ (Cutter And Tool Grinder)

ส่วนประกอบหลัก ของเครื่องเจียระไน
มอเตอร์(Motor)
เป็นต้นกำลังขับล้อหินเจียระไนให้หมุนด้วยความเร็วรอบประมาร 1,500-2,000 รอบต่อนาที โดยมีเพลาต่อออกมาทั้งสองข้างเพื่อยึดล้อหินเจียระไน
ฝาครอบหินเจียระไน(Wheel  Guard)
เป็นฝาครอบล้อหินเจียระไนทั้งสองข้างเพื่อป้องกันอันตรายจากล้อหินเจียระไน ส่วนใหญ่จะทำด้วยเหล็กเหนี่ยวขึ้นรูป
ล้อหินเจียระไน (Grinding Wheel)
จะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือล้อหินเจียระไนชนิดหยาบและล้อหินเจียระไนชนดละเอียด จะยึดติดอยู่ อย่างละข้างของแกนมอเตอร โดยจะมีล้อหินเจียระไนชนิดหยาบ เพื่อเจียระไนหยาบช่วยให้เจียระไนได้เร็วขึ้น  และอีกข้างหนึ่จะใช้จับยึดล้อหินเจียระไนชนิดละเอียดเพื่อใช้เจียระไนผิวเรียบเพื่อเป็นการเจียระไนขั้นสุดท้าย ในการเลือกใช้ล้อหินเจียระไนจะต้องเลือกล้อหินเจียระไนให้ตรงกับชนิดวัสดุของมีดตัดที่จะนำมาลับเพราะวัสดุที่มีดตัดมีหลายประเภท เช่น มีดกลึงเหล็กรอบสูง(High Speed Steel)มีดกลึงคาร์ไบด์หรือมืดเล็บ(Carbide  Tool)
แทนรองรับงาน (Tool  Rest)
ทำหน้าที่รองรับงานหรือเครื่องมือวัดและยังช่วยทำหน้าที่ประคองมือผู้ปฏิบัติงานด้วยส่วนใหญ่ทำด้วยเหล็กหล่อขึ้นรูปหรือเหล็กเหนียว ควรตรวจสอบระยะห่างอยู่เสมอ ควรมีระยะห่างมากสุดไม่เกิน  2-3 มม. ถ้ามีระยะห่างมากชิ้นงานอาจจะหลุดลงไปในช่องทำให้เกิดอันตรายได้ล้อหินเจียระไนอาจจะแตกกระเด็นโดนผู้ปฏิบัติงานในขณะปรับระยะห่างระหว่างแท่นรองรับงานจะต้องปิดสวิตซให้ล้อหยุดนิ่งก่อน เมื่อตั้งระยะห่างเรียบร้อย แล้วต้องทำการทดสอบโดยการหมุนด้วยมือก่อนเพื่อป้องกันกรณีล้อหินเจียระไนแกว่งมากระแทกกับแท่นรองรับงาน
สวิตซ์เครื่อง(Switch)
มีไว้เพื่อควบคุมเครื่องเพื่อใช้สำหรับปิด-เปิดในเครื่องเจียระไนเครื่องหนึ่งอาจจะมสวิตซ์ เพิ่มเติมมากขึ้นก็ได้ เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติงาน
ภาชนะใส่น้ำระบายความร้อน (Water Pot)
ในขณะที่เจียระไนลับคมตัดมีดตัดชนิดต่างๆหรือเจียระไนชิ้นงานจะมีความร้อนเกิดขึ้นที่มีมีดตัดหรือใช้ชิ้นงานจะทำให้ร้อนมือและจะทำให้โครงสร้างวัสดุของมีดตัดเปลี่ยนไปจำเป็นจะต้องมีการระบายความร้อนโดยการจมลงในน้ำแล้วแกว่งไปมาเพื่อเป็นการระบายความร้อนได้เร็วขึ้น ตัวระบายความร้อนสำหรับเครื่องเจียระไนลับคมตัดนิยมใช้น้ำธรรมดาไม่จำเป็นต้องใช้น้ำหล่อเย็นเพราะจะทำให้ล้อหินเจียระไนทื่อเร็วต้องต่างหน้าล้อหินเจียระไนบ่อยขึ้นทำให้สิ้นเปลือง
กระจกนิรภัย (Safety Glass)
จะติดตั้งไว้ทั้งสองล้อเพื่อป้องกันเศษโลหะกระเด็นเข้าตาผู้ปฏิบัติงานเป็นที่ให้ผู้ปฏิบัติงานมองในขณะลับเครื่องมือตัด
ฐานเครื่อง(Base)
อยู่ส่วนล่างสุดของเครื่องมีหน้าที่รองรับส่วนต่างๆ ของเครื่องทั้งหมด ทำจากเหล็กหล่อใช้ยึดติดกับพื้นหรือโต๊ะ

เครื่องเจียระไนราบ : Surface Grinder
เครื่องเจียระไนราบ ใช้สำหรับลดขนาดงานในกระบวนกานผลิตครั้งสุดท้ายหลัง
ผ่านกระบวนการผลิตโดยการไสเพื่อขึ้นรูป หรืองานที่ผ่านการปรับปรุงคุณสมบัติด้วยความร้อนโดยการชุบแข็ง เครื่องเจียระไนราบ แบ่งการทำงานได้ 2 ลักษณะ คือ
  • เครื่องเจียระไนราบเพลาหมุนล้อหินเจียระไนแนวนอน เหมาะสำหรับปฏิบัติงานเจียระไนชิ้นงานที่มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยม
  • เครื่องเจียระไนราบเพลาหมุนล้อหินเจียระไนแนวดิ่ง เหมาะสำหรับปฏิบัติงานเจียระไนพื้นผิวงานในแนวราบ

https://suthong.co.th/main/newsdetail/51
14  อื่นๆ / Cafe / Machining Center เมื่อ: 26 กันยายน 2023, 09:16:11
ประเภทของเครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์
จากบทความข้างต้นว่า เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ คืออะไร จะเห็นได้ว่าเครื่องประเภทแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ถูกตีความไปได้หลากหลายแบบ หลากหลายประเภท โดยเราจะมาดูเรื่องรายละเอียดและส่วนประกอบหลักๆ ที่สำคัญของเครื่องกันนก่อนว่ามีส่วนไหนและทำหน้าที่อะไรบ้าง

ส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์

  • ตัวเครื่องคือ ส่วนของฐานที่รองรับชิ้นส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่องจักร
  • ฐานคือ พื้นที่การทำงานหรือตำแหน่งที่ผู้ใช้งานจะสามารถวางชิ้นงานลงไปเพื่อทำการกลึง เจาะหรือเจียรชิ้นงานให้เป็นไปตามแบบที่ต้องการ
  • แท่นหมุนคือ แท่นที่ถูกวางเพื่อจับชิ้นงานพลิกหมุนไปตามองศาต่างๆ ที่ผู้ใช้งานต้องการ
  • หัวกัดคือ หัวที่ใส่วัสดุเพื่อทำงานซึ่งในส่วนนี้จะสามารถเปลี่ยนถอด ใส่ได้หลากหลายรูปแบบตามประเภทของเครื่องจักร เพื่อสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • ระบบการควบคุมคือ หน้าจอการแสดงผล รวมถึงหน้าจอหรือโปรแกรมในการประมวลผลและรับคำสั่งเพื่อสร้างขิ้นงานของเครื่องจักรนั้นๆ
ซึ่งหลักๆ แล้วส่วนประกอบต่างๆ ผู้ใช้งานจะมีความรู้ในเครื่องจักรประเภทดังกล่าวอยู่บ้างแล้วก็ตาม แต่เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ก็ยังถูกแบ่งออกตามลักษณะการใช้งานอีกด้วย ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเครื่องแมชชีนนิ่งในประเภทต่างๆ ดังนี้


เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 3 แกน
เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 3 แกน เป็นเครื่องที่สามารถเคลื่อนที่ได้ตามชื่อคือจะสามารถเคลื่อนได้ 3 ทาง โดยเครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 3 แกนแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
  • เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์แนวนอน (Horizontal machining center) เป็นเครื่องจักรที่มีหัวกัดเคลื่อนที่ไปในแนวนอน โดยแกน X จะเคลื่อนที่ไปมาด้านซ้าย-ขวา แกน Y จะเคลื่อนที่ขึ้น-ลง และแกน Z จะเคลื่อนที่เข้า-ออก
  • เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์แนวตั้ง (Vertical machining center) เป็นเครื่องจักรที่มีหัวกัดเคลื่อนที่ไปในแนวตั้ง โดยแกน X จะเคลื่อนที่ไปมาด้านหน้า-ด้านหลัง แกน Y จะเคลื่อนที่ขึ้น-ลง และแกน Z จะเคลื่อนที่เข้า-ออก

เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 3 แกนมีข้อดีดังนี้
  • สามารถผลิตชิ้นงานได้หลากหลายรูปแบบ
  • มีความแม่นยำสูง
  • ทำงานได้อย่างรวดเร็ว


เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 4 แกน
เครื่องแมนชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 4 แกน (4-axis machining center) เป็นเครื่องจักรกลที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (CNC) ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ 4 แกน เหมาะกับงานที่มีการทำงานที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้น และต้องการงานที่รวดเร็ว ได้แก่
  • แกน X: เคลื่อนที่ในแนวนอน
  • แกน Y: เคลื่อนที่ในแนวตั้งฉากกับแกน X
  • แกน Z: เคลื่อนที่ในแนวตั้ง
  • แกนที่ 4: เคลื่อนที่ในแนวใดแนวหนึ่งหรือทั้งสองแนวในแนว X, Y, หรือ Z
เครื่องแมนชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 4 แกน สามารถใช้ในการกัด กลึง เจาะ และเชื่อมชิ้นส่วนงานได้หลากหลายประเภท เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูงและผลิตชิ้นส่วนงานที่มีรูปร่างซับซ้อน เช่น ชิ้นส่วนงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมการบิน และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ประเภทของเครื่องแมนชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 4 แกนเครื่องแมนชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 4 แกน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
เครื่องแมนชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 4 แกนแบบแกนหมุน (Rotary axis)เครื่องแมนชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 4 แกนแบบแกนหมุน จะมีแกนที่ 4 อยู่ในรูปแบบของหัวหมุน (Rotary head) ซึ่งสามารถหมุนชิ้นงานได้รอบแกน X, Y, หรือ Z เหมาะสำหรับงานที่ต้องการกลึงชิ้นงานที่มีรูปร่างซับซ้อน
เครื่องแมนชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 4 แกนแบบแกนเคลื่อนที่ (Moving axis)เครื่องแมนชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 4 แกนแบบแกนเคลื่อนที่ จะมีแกนที่ 4 อยู่ในรูปแบบของแกนเคาเตอร์เบ้า (Counterbore axis) ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ได้รอบแกน X, Y, หรือ Z เหมาะสำหรับงานที่ต้องการกัดหรือเจาะชิ้นงานที่มีรูปร่างซับซ้อน
ข้อดีของเครื่องแมนชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 4 แกน
  • สามารถใช้ในการกัด กลึง เจาะ และเชื่อมชิ้นส่วนงานได้หลากหลายประเภท
  • เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูงและผลิตชิ้นส่วนงานที่มีรูปร่างซับซ้อน
  • ช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการผลิต

เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 5 แกน
เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 5 แกน (5-axis CNC machining center) เป็นเครื่องจักรกล CNC ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ใน 5 แกน ได้แก่ แกน X, Y, Z, A, และ C แกน A และหมุนรอบแกน Z แกน C หมุนรอบแกน X เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 5 แกนมีความสามารถในการประมวลผลชิ้นงานที่มีรูปร่างซับซ้อนได้ เช่น ชิ้นงานที่มีมุมแหลม ชิ้นงานที่มีร่อง ชิ้นงานที่มีรูโค้ง เป็นต้น เครื่องจักรประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น งานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอากาศยาน ชิ้นส่วนการแพทย์ เป็นต้น
หลักการทำงานของเครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 5 แกน คือการเคลื่อนที่ของหัวกัดไปยังตำแหน่งต่างๆ บนชิ้นงานตามโปรแกรมควบคุม (NC program) โปรแกรมควบคุมนี้จะถูกเขียนขึ้นโดยวิศวกรหรือโปรแกรมเมอร์ โดยโปรแกรมควบคุมจะกำหนดทิศทาง ความเร็ว และระยะทางในการเคลื่อนที่ของหัวกัด เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 5 แกนมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน เช่น
  • เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 5 แกนแบบเพลานอน (Gantry) เหมาะสำหรับงานที่มีชิ้นงานขนาดใหญ่
  • เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 5 แกนแบบเพลาตั้ง (Vertical) เหมาะสำหรับงานที่มีชิ้นงานขนาดเล็ก
  • เครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 5 แกนแบบหัวกัดหมุน (Rotary) เหมาะสำหรับงานที่มีชิ้นงานที่ต้องหมุน
ข้อดีของเครื่องแมชชีนนิ่งเซ็นเตอร์ 5 แกน
  • สามารถประมวลผลชิ้นงานที่มีรูปร่างซับซ้อนได้
  • ช่วยให้ประหยัดเวลาและวัสดุ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
15  อื่นๆ / Cafe / วิธีการเลือกเครื่องตัดเลเซอร์อย่างไรให้เหมาะกับงานตัด เมื่อ: 21 กันยายน 2023, 10:47:30
วิธีการเลือกเครื่องตัดเลเซอร์อย่างไรให้เหมาะกับงานตัดเลเซอร์ของคุณ

วิธีการเลือกเครื่องตัดเลเซอร์อย่างไรให้เหมาะกับงานตัดเลเซอร์ของคุณ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่ายและช่วยประหยัดเวลาให้คุณอีกด้วย
คุณอาจจะต้องดูในหลายๆเรื่องอย่างเช่น ขนาดของโต๊ะตัดงาน ,พลังของเครื่องเลเซอร์, วัสดุความหนาของชิ้นงานของคุณ รวมถึงอุปกรณ์เสริมของเครื่องจักร
ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับการเลือกเครื่องตัดเลเซอร์เป็นอย่างมาก


งบประมาณของคุณ

งบประมาณเป็นปัจจัยหลักในการเลือกเครื่องตัดเลเซอร์อย่างมาก คุณต้องสำรวจงบประมาณหรือการลงทุนให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และสามารถรับได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่นำไปสู้การเลือกคุณภาพเครื่องตัดเลเซอร์ แบรนด์ และวัสดุของโครงสร้างเครืองตัดเลเซอร์
** เครื่องตัดเลเซอร์ในงบประมาณของคุณอาจจะรวมถึงการขนส่ง อุปกรณ์เสริม ปละการบำรุงรักษาที่อาจจะต้องคำนึงถึงตามาด้วย เช่น

  • เครื่องทำความเย็น สิ่งนี้เป็นอะไรที่สำคัญกับหลอดเลเซอร์อย่างมากยิ่งการตัดมีอุณหภูมิสูงเท่าใดการชดเชยอุณหภูมิก็ต้องมากขึ้นเท่านั้น เพื่อให้ตัวหลอดตัดมีความเย็นที่อุณหภูมิปกติ
  • ปั๊มลม ช่วยในเรื่องประสิธิภาพการตัดและลดเปลวไฟที่หัวนอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องการรักษาความสะอาดของเลนส์ตัด ป้องกันไม่ให้ควันเข้าสู่หัวฉีด
  • เครื่องดูดควัน เป็นส่วนหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะส่งผลถึงงบประมาณยังรวมถึงการประเมินคุณภาพอากาศโดยรอบของโรงงานคุณอีกด้วย
ตำแหน่งของเครื่องตัดเลเซอร์ 

ตำแหน่งที่จะวางเครื่องตัดเลเซอร์ มีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดงานของคุณซึ่งการวางตัดแหน่งควรคำนึงถึงการนำแผ่นขึ้นลง และการจัดเรียงชิ้นงานเมื่อแผ่นตัดเสร้จแล้ว ด้วยซึ่งจะเป็นการดูถึงลักษณตัวเครื่องการวางแผ่น และขนาดเครื่องเลเซอร์ที่จะสามารถวางได้
**ซึ่งการวางตำแหน่งในที่นี้รวมถึงการขนย้ายเครื่องระหว่างติตตั้งด้วยเช่นกัน ตัวอย่างถ้าหากว่าเครื่องตัดเลเซอร์ของคุณมีขนาดที่ใหญ่กว่าประตุทางเข้าคุณอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการถอดประกอบเครื่องเพิ่มเติมอีกด้วย
และเมื่อติดตั้งตัวเครื่องตัเลเซอร์เสร์จแล้วคุณต้องเกี่ยวกับตำแหน่งการวางอุปกรณ์เสริมของเครื่องตัดด้วยอย่างปั๊มลม ตัวดูดควันหรือเครื่องทำความเย็น ให้ไม่ใกล้และชิดกันมากเกินไปเพื่อลด การสั่นสะเทือน และการระบายความร้อนระหว่างตัดชิ้นงาน
**คำแนะนำคือคุณควรเว้นพื้นที่ด้านหลังและด้านข้างของเครื่องอย่างน้อย 12" (300mm)
ขนาดแผ่นสูงสุดที่คุณจะใช้ 

คุณอาจจะต้องคำนึงถึงงานตัด หรือขนาดที่คุณจะต้องตัดใหญ่สุดหรืองานที่คุณอาจจะต้องทำในอนาคต แต่ไม่ควรเลือก โอเวอร์มากไปเพราะมันจะทำให้งบประมาณของคุณเสียเปล่าโดยไม่จำเป็น
พลังเลเซอร์ 

กำลังเลเซอร์ต้องสอดคล้องกับความหนาของงานที่คุณต้องการตัด พลังเลเซอรเป็นเช่นเดียวกับโต๊ะตัดคือคุณไม่ควรเลือกโอเวอร์มากไปเพราะว่าส่วนนนี้ก็ส่งผลต่อราคาเครื่องตัดด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ควรน้อยไป เพราะว่าจะไม่สามารถรองรับการตัดชิ้นงานของคุณได้

นอกจากนี้เมื่อคุณได้พิจารณาจากตัวเครื่องตัดเลเซอร์โดยตรงแล้ว คุณควรพิจารณาอะไรอีก?
  • การรับประกันเครื่องจักรโดยทั่วไปเครื่องจะรับประกันอยู่ที่ 1 ปี จะดีกว่าถ้าหากคุณสามารถดูเครื่องที่รับประกันได้ยาวนานกว่า
  • ฟังก์ชั่นของเครื่องตัดงาน คุณควรดูเครื่องตัดเลเซอร์ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย ถ้าหากคุณต้องการความคุ้มค่า
  • โต๊ะตัดโดยทั่วไปจะมีเพียง 1 โต๊ะตัดหากคุณต้องการประหยัดเวลาการทำงานจะดีถ้าหากว่าคุณสามารถเลือกเครื่องตัดเลเซอร์ที่ มีสองโต๊ะเพื่อประหยัดเวลาในการทำงานมากขึ้น
  • คุณควรเลือกเครื่องจักรที่มีโครงสร้างที่แข็งแรงและทนทานต่อเรื่องไฟฟ้า เพราะการตัดเลเซอรเป็นงานที่ใช้กำลังไฟสูง วัสดุตัวเครื่องและอุปกรณ์ควรมีความแข็งแรงในด้านนี้
  • เครื่องจักที่คุณเลือกต้องมีการรับรองการองณ์กรที่น่าเชื่อถือ เพื่อเป็นหนึ่งในการรับรองว่าคุรได้จะได้เครื่องตัดเลเซอร์ที่ได้มาตราฐานสูงสุดในงานของคุณ

ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดนี้เราได้รวมไว้ที่เครื่อง เลเซอร์ FHBS เป็นเครื่องตัดเลเซอร์สัญชาติจีนที่เทียบเท่าคุณภาพทางยุโรป แต่มาพร้อมราคาที่ย่อมเยาว์ ซึ่งคุณสามารถเข้าเลือกชมได้ที่ เครื่องตัดเลเซอร์ FHBS

https://suthong.co.th/main/newsdetail/138
16  อื่นๆ / Cafe / เครื่องตัดเลเซอร์ และเครื่องตัดไฟเบอร์เลเซอร์คืออะไร เมื่อ: 16 กันยายน 2023, 13:18:32
เครื่องตัดเลเซอร์ และเครื่องตัดไฟเบอร์เลเซอร์คืออะไร

เครื่องตัดเลเซอร์ และเครื่องตัดไฟเบอร์เลเซอร์คืออะไร

ไฟเบอร์เลเซอร์คืออะไร? แนวคิดของเครื่องเลเซอร์ไฟเบอร์เลเซอร์ นั้นเหมือนความรู้ทางคณิตศาสตร์ในหนังสือสำหรับผู้ไม่มีความรู้ทางคณิตศาสตร์ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ยากที่จะเรียนรู้เลเซอร์ไม่ได้เป็นเพียงกล่องเล็ก ๆ ที่ยิงจุดสีแดง แต่ยังใช้ในกระบวนการผลิตจำนวนมาก สามารถใช้ตัดโลหะและอโลหะ แต่เครื่องตัดไฟเบอร์เลเซอร์ล่ะ? จากคำว่า “เครื่องจักร” เราสามารถเดาได้ว่ามันเป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเบนซินหรือไฟฟ้าเพื่อช่วยเหลือกิจกรรมการผลิตของมนุษย์ ซึ่งเราทุกคนคุ้นเคย และเครื่องนี้เหมือนกับเครื่องตัดซีโอทู


1. เลเซอร์คืออะไร?
คำจำกัดความ: มันไม่เหมือนแสงธรรมดาที่เกิดจากการปล่อยสสารโดยธรรมชาติ แต่เป็นการกระตุ้นการแผ่รังสีของสสารซึ่งเรียกว่าการขยายแสงโดยการกระตุ้นการปล่อยรังสี

ลักษณะ: มันมี 4 ลักษณะความสว่างสูงทิศทางเดียว เอกรงค์สูงและการเชื่อมโยงสูง คุณลักษณะเหล่านั้นช่วยให้ความเข้มข้นของพลังงานเพิ่มความแม่นยำและความยาวในการวัดทิศทางแสงแบบอินเตอร์เฟอโรเมตริกต่าง ๆ ฯลฯ

ตามการจำแนกประเภทของแถบแสงเลเซอร์แบ่งออกเป็นสามประเภท ได้แก่ อินฟราเรด (เลเซอร์ซีโอทู, เลเซอร์ไฟเบอร์และแย็กเลเซอร์), เลเซอร์สีเขียวและเลเซอร์รังสีอัลตราไวโอเลต

2.การตัดด้วยเลเซอร์ไฟเบอร์ทำงานอย่างไร?

การทำงานของเลเซอร์เกิดจากการใช้พลังงานความหนาแน่นพลังงานสูงซึ่งเกิดจากการโฟกัสด้วยเลเซอร์ มีตัวกลางที่ได้รับควรใส่ในช่องเลเซอร์สามารถเป็นของแข็งเช่นคริสตัลทับทิม, ของเหลวเป็นสารละลายย้อมสีหรือก๊าซเช่นส่วนผสมฮีเลียม – นีออนที่มีคุณสมบัติของการเปล่งแสงในความยาวคลื่นที่ต้องการเมื่อตื่นเต้น ในขณะที่แหล่งพลังงานสามารถทำให้เกิดการได้รับแสงปานกลางเพื่อเปล่งแสงในโพรงเลเซอร์

มันเกิดขึ้นเพราะอิเล็กตรอนในก๊าซถึงสถานะพลังงานที่สูงขึ้นโดยโมเลกุลที่น่าตื่นเต้นหรือใช้การปล่อย อย่างไรก็ตามเนื่องจากอิเล็กตรอนบางตัวจะกลับไปสู่สภาพพื้นดินตามธรรมชาติโดยการปล่อยแสงเพื่อใช้พลังงานส่วนเกินของพวกเขาเพราะพวกเขาต้องการสถานะนั้นซึ่งทำให้แสงถูกปล่อยออกมาแบบสุ่มในทุกทิศทาง และสามารถแก้ไขได้โดยใช้กระจกพวกเขาจำเป็นต้อง

ใส่ทั้งสองด้านของช่องเลเซอร์ด้วยการจัดตำแหน่งขนานที่แม่นยำ กระจกจะสะท้อนแสงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดสร้างรังสีของแสงที่ตั้งฉากได้อย่างสมบูรณ์แบบ และการสะสมของแสงตามแนวแกนของโพรงเลเซอร์ในที่สุดก็สร้างลำแสงเลเซอร์พลังงานสูงในขณะที่ความยากของการปล่อยก๊าซที่เกิดขึ้นเองสามารถทำได้โดยการกระตุ้นการปล่อยมลพิษ

ดังนั้นตอนนี้ลำแสงเลเซอร์จะถูกส่งและสะท้อนโดยเส้นทางแสงและมุ่งเน้นไปที่พื้นผิวของวัตถุที่ประมวลผลผ่านกลุ่มเลนส์โฟกัสเพื่อสร้างจุดที่มีความหนาแน่นพลังงานสูงและละเอียดซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพื้นผิวที่จะดำเนินการ และละลายหรือกลายเป็นไอของวัสดุที่จะนำไปแปรรูปที่อุณหภูมิสูงทันที เช่นเดียวกับปืนฉีดน้ำแรงดันสูงลำแสงเลเซอร์จะทำให้เกิดรูเล็ก ๆ และรูปแบบของรูปร่างโดยการเคลื่อนที่สัมพัทธ์อย่างต่อเนื่องภายใต้การควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์

ให้เราทำความเข้าใจกับสิ่งนี้ได้ง่ายกว่าการตัดด้วยเลเซอร์คล้ายกับเกมที่ทุกคนเล่นในวัยเด็กนั่นคือ“ กระดาษเผาไหม้แว่นขยาย” แว่นขยายเป็นเลนส์นูนซึ่งมีฟังก์ชั่นในการโฟกัสแสงที่ส่งผ่านเลนส์ไปยังจุดหนึ่งดังนั้นแสงแดดจะถูกเก็บรวบรวมโดยแว่นขยายที่ความยาวโฟกัส เมื่อแสงมาบรรจบกันความเข้มข้นของแสงอาทิตย์ ณ จุดนั้นจะเพิ่มขึ้นทำให้เกิดความร้อนและสามารถส่องกระดาษได้ นั่นแหละ! คำสำคัญของการตัดด้วยเลเซอร์คือเครื่องกำเนิดเลเซอร์ด้วยหลักการทำงานของการผลิตลำแสงเลเซอร์ความหนาแน่นพลังงานสูงและการรวบรวมบนพื้นผิวของชิ้นงานเพื่อให้พื้นที่ที่ถูกฉายรังสีด้วยจุดโฟกัสที่ละเอียดมากละลายและเป็นแก๊สทันที และการตัดอัตโนมัติจะเกิดขึ้นได้โดยการย้ายตำแหน่งการฉายรังสีเฉพาะจุดผ่านระบบกลไกควบคุมเชิงตัวเลข และระบบซีเอ็นซีที่ใช้สำหรับการตั้งค่าความดันของวาล์วลดความดัน, พลังการตัด, ปริมาณของก๊าซเสริม, พารามิเตอร์การควบคุมการเคลื่อนไหว, ความสูงของตัวเก็บประจุความสูงและแผนที่ตัวอย่างตัด ฯลฯ

กระบวนการดำเนินการทั้งหมดแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอนสำคัญ ก่อนอื่นจำเป็นต้องตรวจสอบว่าเตียง, แร็คเกียร์, ระบบขับเคลื่อน, ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์, ระบบปฏิบัติการ, ระบบตัด, อุปกรณ์เตือนภัยและส่วนประกอบอื่น ๆ ผิดปกติหรือไม่ หลังจากยืนยันข้อผิดพลาดให้เริ่มเครื่องและใช้เครื่องมือเช่นรถยกเพื่อวางวัสดุที่จะตัดบนแผ่นเข็ม ขั้นต่อไปคือการตั้งค่าพารามิเตอร์การตัดต่างๆและรูปแบบการตัดผ่านระบบควบคุมเชิงตัวเลข หลังจากการตั้งค่าเสร็จสิ้นการตัดจะเริ่มขึ้น จากนั้นหลังจากเสร็จสิ้นตัวอย่างการตัดจะถูกดู หากมีปัญหาใด ๆ ก็สามารถดีบั๊กและประมวลผลแล้วในปริมาณมาก เมื่อเครื่องหยุดทำงานจะต้องได้รับการบำรุงรักษาเป็นประจำและปิดเครื่องในเวลา ในเวลาเดียวกันควรรักษาเครื่องให้สะอาดและเป็นระเบียบและต้องวางวัตถุขนาดเล็กเช่นภาพวาดและวัสดุสิ้นเปลืองอย่างเป็นระเบียบ

3.ส่วนประกอบหลักของเครื่องตัดเลเซอร์ไฟเบอร์ออปติกคืออะไร?

เครื่องกำเนิดไฟเบอร์เลเซอร์ต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างแน่นอนแล้วคนอื่น ๆ ล่ะ? เยี่ยมเลยมาดูกัน เนื่องจากเครื่องจักรสำหรับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างมีการกำหนดค่าที่แตกต่างกันและการออกแบบพิเศษบางอย่างดังนั้นเราจะเริ่มต้นด้วยอุปกรณ์ปกติระบบซีเอ็นซีและซอฟต์แวร์


การตัดด้วยเลเซอร์หมายถึงการใช้ลำแสงเลเซอร์ความหนาแน่นสูงกำลังแรงสูงเพื่อส่องสว่างชิ้นงานทำให้วัสดุที่ฉายรังสีละลายอย่างรวดเร็วกลายเป็นไอระเหยระเหยหรือถึงจุดเผาไหม้ในขณะที่ตัดวัสดุหลอมเหลวโดยใช้ความร้อนสูง การไหลของอากาศความเร็วคู่กับลำแสงจึงตัดชิ้นงาน การตัดด้วยเลเซอร์เป็นหนึ่งในวิธีการตัดด้วยความร้อน การตัดด้วยเลเซอร์ใช้งานได้ด้วยการส่งเอาต์พุตของเลเซอร์กำลังแรงสูงโดยทั่วไปผ่านเลนส์ [laser optics] และ CNC (การควบคุมเชิงตัวเลขของคอมพิวเตอร์) ใช้เพื่อควบคุมวัสดุหรือลำแสงเลเซอร์ที่สร้างขึ้น เลเซอร์มีสามประเภทหลักที่ใช้ในการตัดด้วยเลเซอร์ เลเซอร์ CO2 เหมาะสำหรับการตัดน่าเบื่อและการแกะสลัก เลเซอร์นีโอดิเมียม (Nd) และนีโอดิเมียม yttrium-aluminum-garnet (Nd: YAG) เลเซอร์เหมือนกันในรูปแบบและแตกต่างกันเฉพาะในการใช้งาน Nd ใช้สำหรับการคว้านและในกรณีที่พลังงานสูง แต่ต้องการการทำซ้ำต่ำ เลเซอร์ Nd: YAG ถูกใช้เมื่อต้องการพลังงานสูงมากและสำหรับการคว้านและการแกะสลัก เลเซอร์ CO2 และ Nd / Nd: YAG สามารถใช้เชื่อมได้

ตามเครื่องกำเนิดเลเซอร์ที่แตกต่างกันเครื่องตัดเลเซอร์ทั่วไปในตลาดสามารถแบ่งได้เป็นสามประเภท:

เครื่องเลเซอร์ CO2 เครื่องตัดเลเซอร์ YAG (ของแข็ง) และเครื่องตัดเลเซอร์ไฟเบอร์ในหมู่พวกเขาเครื่องตัดเลเซอร์ CO2 คือ เหมาะสำหรับอโลหะ มันสามารถตัดวัสดุที่ไม่ใช่โลหะเช่นไม้อะคริลิค PP และลูกแก้วที่มีคุณภาพสูง แต่อัตราการแปลงโฟโตอิเล็กทริกของเลเซอร์ CO2 มีเพียงประมาณ 10% ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร ตัดชิ้นส่วนพิเศษอย่างสม่ำเสมอการโฆษณาการตกแต่งและวัสดุที่ไม่ใช่โลหะอื่น ๆ ที่มีความหนาไม่เกินสามมิลลิเมตรและวัสดุที่ไม่ใช่โลหะที่ไม่เกินยี่สิบมิลลิเมตรเหมาะสำหรับเครื่องตัดเลเซอร์ CO2 การตัดชิ้นงานที่มีรูปทรงการตัดที่ซับซ้อน แต่ปริมาณเล็กน้อยเหมาะสำหรับเครื่องตัดเลเซอร์ CO2 ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนและวงจรการผลิตแม่พิมพ์


https://suthong.co.th/main/newsdetail/122
17  อื่นๆ / Cafe / เครื่องตัดเลเซอร์ และเครื่องตัดไฟเบอร์เลเซอร์คืออะไร เมื่อ: 12 กันยายน 2023, 10:42:34
ไฟเบอร์เลเซอร์คืออะไร? แนวคิดของเครื่องเลเซอร์ไฟเบอร์เลเซอร์ นั้นเหมือนความรู้ทางคณิตศาสตร์ในหนังสือสำหรับผู้ไม่มีความรู้ทางคณิตศาสตร์ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ยากที่จะเรียนรู้เลเซอร์ไม่ได้เป็นเพียงกล่องเล็ก ๆ ที่ยิงจุดสีแดง แต่ยังใช้ในกระบวนการผลิตจำนวนมาก สามารถใช้ตัดโลหะและอโลหะ แต่เครื่องตัดไฟเบอร์เลเซอร์ล่ะ? จากคำว่า “เครื่องจักร” เราสามารถเดาได้ว่ามันเป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเบนซินหรือไฟฟ้าเพื่อช่วยเหลือกิจกรรมการผลิตของมนุษย์ ซึ่งเราทุกคนคุ้นเคย และเครื่องนี้เหมือนกับเครื่องตัดซีโอทู

1. เลเซอร์คืออะไร?

คำจำกัดความ: มันไม่เหมือนแสงธรรมดาที่เกิดจากการปล่อยสสารโดยธรรมชาติ แต่เป็นการกระตุ้นการแผ่รังสีของสสารซึ่งเรียกว่าการขยายแสงโดยการกระตุ้นการปล่อยรังสี

ลักษณะ: มันมี 4 ลักษณะความสว่างสูงทิศทางเดียว เอกรงค์สูงและการเชื่อมโยงสูง คุณลักษณะเหล่านั้นช่วยให้ความเข้มข้นของพลังงานเพิ่มความแม่นยำและความยาวในการวัดทิศทางแสงแบบอินเตอร์เฟอโรเมตริกต่าง ๆ ฯลฯ

ตามการจำแนกประเภทของแถบแสงเลเซอร์แบ่งออกเป็นสามประเภท ได้แก่ อินฟราเรด (เลเซอร์ซีโอทู, เลเซอร์ไฟเบอร์และแย็กเลเซอร์), เลเซอร์สีเขียวและเลเซอร์รังสีอัลตราไวโอเลต

2.การตัดด้วยเลเซอร์ไฟเบอร์ทำงานอย่างไร?


การทำงานของเลเซอร์เกิดจากการใช้พลังงานความหนาแน่นพลังงานสูงซึ่งเกิดจากการโฟกัสด้วยเลเซอร์ มีตัวกลางที่ได้รับควรใส่ในช่องเลเซอร์สามารถเป็นของแข็งเช่นคริสตัลทับทิม, ของเหลวเป็นสารละลายย้อมสีหรือก๊าซเช่นส่วนผสมฮีเลียม – นีออนที่มีคุณสมบัติของการเปล่งแสงในความยาวคลื่นที่ต้องการเมื่อตื่นเต้น ในขณะที่แหล่งพลังงานสามารถทำให้เกิดการได้รับแสงปานกลางเพื่อเปล่งแสงในโพรงเลเซอร์

มันเกิดขึ้นเพราะอิเล็กตรอนในก๊าซถึงสถานะพลังงานที่สูงขึ้นโดยโมเลกุลที่น่าตื่นเต้นหรือใช้การปล่อย อย่างไรก็ตามเนื่องจากอิเล็กตรอนบางตัวจะกลับไปสู่สภาพพื้นดินตามธรรมชาติโดยการปล่อยแสงเพื่อใช้พลังงานส่วนเกินของพวกเขาเพราะพวกเขาต้องการสถานะนั้นซึ่งทำให้แสงถูกปล่อยออกมาแบบสุ่มในทุกทิศทาง และสามารถแก้ไขได้โดยใช้กระจกพวกเขาจำเป็นต้อง

ใส่ทั้งสองด้านของช่องเลเซอร์ด้วยการจัดตำแหน่งขนานที่แม่นยำ กระจกจะสะท้อนแสงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดสร้างรังสีของแสงที่ตั้งฉากได้อย่างสมบูรณ์แบบ และการสะสมของแสงตามแนวแกนของโพรงเลเซอร์ในที่สุดก็สร้างลำแสงเลเซอร์พลังงานสูงในขณะที่ความยากของการปล่อยก๊าซที่เกิดขึ้นเองสามารถทำได้โดยการกระตุ้นการปล่อยมลพิษ

ดังนั้นตอนนี้ลำแสงเลเซอร์จะถูกส่งและสะท้อนโดยเส้นทางแสงและมุ่งเน้นไปที่พื้นผิวของวัตถุที่ประมวลผลผ่านกลุ่มเลนส์โฟกัสเพื่อสร้างจุดที่มีความหนาแน่นพลังงานสูงและละเอียดซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพื้นผิวที่จะดำเนินการ และละลายหรือกลายเป็นไอของวัสดุที่จะนำไปแปรรูปที่อุณหภูมิสูงทันที เช่นเดียวกับปืนฉีดน้ำแรงดันสูงลำแสงเลเซอร์จะทำให้เกิดรูเล็ก ๆ และรูปแบบของรูปร่างโดยการเคลื่อนที่สัมพัทธ์อย่างต่อเนื่องภายใต้การควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์

ให้เราทำความเข้าใจกับสิ่งนี้ได้ง่ายกว่าการตัดด้วยเลเซอร์คล้ายกับเกมที่ทุกคนเล่นในวัยเด็กนั่นคือ“ กระดาษเผาไหม้แว่นขยาย” แว่นขยายเป็นเลนส์นูนซึ่งมีฟังก์ชั่นในการโฟกัสแสงที่ส่งผ่านเลนส์ไปยังจุดหนึ่งดังนั้นแสงแดดจะถูกเก็บรวบรวมโดยแว่นขยายที่ความยาวโฟกัส เมื่อแสงมาบรรจบกันความเข้มข้นของแสงอาทิตย์ ณ จุดนั้นจะเพิ่มขึ้นทำให้เกิดความร้อนและสามารถส่องกระดาษได้ นั่นแหละ! คำสำคัญของการตัดด้วยเลเซอร์คือเครื่องกำเนิดเลเซอร์ด้วยหลักการทำงานของการผลิตลำแสงเลเซอร์ความหนาแน่นพลังงานสูงและการรวบรวมบนพื้นผิวของชิ้นงานเพื่อให้พื้นที่ที่ถูกฉายรังสีด้วยจุดโฟกัสที่ละเอียดมากละลายและเป็นแก๊สทันที และการตัดอัตโนมัติจะเกิดขึ้นได้โดยการย้ายตำแหน่งการฉายรังสีเฉพาะจุดผ่านระบบกลไกควบคุมเชิงตัวเลข และระบบซีเอ็นซีที่ใช้สำหรับการตั้งค่าความดันของวาล์วลดความดัน, พลังการตัด, ปริมาณของก๊าซเสริม, พารามิเตอร์การควบคุมการเคลื่อนไหว, ความสูงของตัวเก็บประจุความสูงและแผนที่ตัวอย่างตัด ฯลฯ

กระบวนการดำเนินการทั้งหมดแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอนสำคัญ ก่อนอื่นจำเป็นต้องตรวจสอบว่าเตียง, แร็คเกียร์, ระบบขับเคลื่อน, ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์, ระบบปฏิบัติการ, ระบบตัด, อุปกรณ์เตือนภัยและส่วนประกอบอื่น ๆ ผิดปกติหรือไม่ หลังจากยืนยันข้อผิดพลาดให้เริ่มเครื่องและใช้เครื่องมือเช่นรถยกเพื่อวางวัสดุที่จะตัดบนแผ่นเข็ม ขั้นต่อไปคือการตั้งค่าพารามิเตอร์การตัดต่างๆและรูปแบบการตัดผ่านระบบควบคุมเชิงตัวเลข หลังจากการตั้งค่าเสร็จสิ้นการตัดจะเริ่มขึ้น จากนั้นหลังจากเสร็จสิ้นตัวอย่างการตัดจะถูกดู หากมีปัญหาใด ๆ ก็สามารถดีบั๊กและประมวลผลแล้วในปริมาณมาก เมื่อเครื่องหยุดทำงานจะต้องได้รับการบำรุงรักษาเป็นประจำและปิดเครื่องในเวลา ในเวลาเดียวกันควรรักษาเครื่องให้สะอาดและเป็นระเบียบและต้องวางวัตถุขนาดเล็กเช่นภาพวาดและวัสดุสิ้นเปลืองอย่างเป็นระเบียบ

3.ส่วนประกอบหลักของเครื่องตัดเลเซอร์ไฟเบอร์ออปติกคืออะไร?


เครื่องกำเนิดไฟเบอร์เลเซอร์ต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างแน่นอนแล้วคนอื่น ๆ ล่ะ? เยี่ยมเลยมาดูกัน เนื่องจากเครื่องจักรสำหรับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างมีการกำหนดค่าที่แตกต่างกันและการออกแบบพิเศษบางอย่างดังนั้นเราจะเริ่มต้นด้วยอุปกรณ์ปกติระบบซีเอ็นซีและซอฟต์แวร์


การตัดด้วยเลเซอร์หมายถึงการใช้ลำแสงเลเซอร์ความหนาแน่นสูงกำลังแรงสูงเพื่อส่องสว่างชิ้นงานทำให้วัสดุที่ฉายรังสีละลายอย่างรวดเร็วกลายเป็นไอระเหยระเหยหรือถึงจุดเผาไหม้ในขณะที่ตัดวัสดุหลอมเหลวโดยใช้ความร้อนสูง การไหลของอากาศความเร็วคู่กับลำแสงจึงตัดชิ้นงาน การตัดด้วยเลเซอร์เป็นหนึ่งในวิธีการตัดด้วยความร้อน การตัดด้วยเลเซอร์ใช้งานได้ด้วยการส่งเอาต์พุตของเลเซอร์กำลังแรงสูงโดยทั่วไปผ่านเลนส์ [laser optics] และ CNC (การควบคุมเชิงตัวเลขของคอมพิวเตอร์) ใช้เพื่อควบคุมวัสดุหรือลำแสงเลเซอร์ที่สร้างขึ้น เลเซอร์มีสามประเภทหลักที่ใช้ในการตัดด้วยเลเซอร์ เลเซอร์ CO2 เหมาะสำหรับการตัดน่าเบื่อและการแกะสลัก เลเซอร์นีโอดิเมียม (Nd) และนีโอดิเมียม yttrium-aluminum-garnet (Nd: YAG) เลเซอร์เหมือนกันในรูปแบบและแตกต่างกันเฉพาะในการใช้งาน Nd ใช้สำหรับการคว้านและในกรณีที่พลังงานสูง แต่ต้องการการทำซ้ำต่ำ เลเซอร์ Nd: YAG ถูกใช้เมื่อต้องการพลังงานสูงมากและสำหรับการคว้านและการแกะสลัก เลเซอร์ CO2 และ Nd / Nd: YAG สามารถใช้เชื่อมได้


ตามเครื่องกำเนิดเลเซอร์ที่แตกต่างกันเครื่องตัดเลเซอร์ทั่วไปในตลาดสามารถแบ่งได้เป็นสามประเภท:

เครื่องเลเซอร์ CO2 เครื่องตัดเลเซอร์ YAG (ของแข็ง) และเครื่องตัดเลเซอร์ไฟเบอร์ในหมู่พวกเขาเครื่องตัดเลเซอร์ CO2 คือ เหมาะสำหรับอโลหะ มันสามารถตัดวัสดุที่ไม่ใช่โลหะเช่นไม้อะคริลิค PP และลูกแก้วที่มีคุณภาพสูง แต่อัตราการแปลงโฟโตอิเล็กทริกของเลเซอร์ CO2 มีเพียงประมาณ 10% ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร ตัดชิ้นส่วนพิเศษอย่างสม่ำเสมอการโฆษณาการตกแต่งและวัสดุที่ไม่ใช่โลหะอื่น ๆ ที่มีความหนาไม่เกินสามมิลลิเมตรและวัสดุที่ไม่ใช่โลหะที่ไม่เกินยี่สิบมิลลิเมตรเหมาะสำหรับเครื่องตัดเลเซอร์ CO2 การตัดชิ้นงานที่มีรูปทรงการตัดที่ซับซ้อน แต่ปริมาณเล็กน้อยเหมาะสำหรับเครื่องตัดเลเซอร์ CO2 ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนและวงจรการผลิตแม่พิมพ์


https://suthong.co.th/main/newsdetail/122

บริษัท สุทอง แมชชีนเนอรี่ จำกัด ดำเนินการธุรกิจนำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรอุตสาหกรรมงานโลหะ เครื่อง CNC เครื่องเลเซอร์ ครบวงจร

สามารถเข้าชมเครื่องจักรได้ที่โชว์รูม สุทอง แมชชีนเนอรี่
เวลาเปิดทำการ : จันทร์-เสาร์ (8.00-17.00 น.) โทร 02-896-1818
ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : Suthong1990
 
18  อื่นๆ / Cafe / การใช้งานและการบำรุงรักษาเครื่องมิลลิ่ง ความเปลี่ยนแปลงในอนาคตของเครื่องมิลลิ่ง เมื่อ: 28 สิงหาคม 2023, 14:21:28
การใช้งานและการบำรุงรักษาเครื่องมิลลิ่ง ความเปลี่ยนแปลงในอนาคตของเครื่องมิลลิ่ง

โดยทั่วไปแล้วเครื่องมิลลิ่งเป็นเครื่องจักรที่สำคัญเป็นอย่างมากในการผลิตชิ้นส่วนในงานโลหะ เรียกได้ว่าทุกโรงงานจะต้องมีใช้งานกันโดยทั่วไป ซึ่งเครื่องมิลลิ่งจะนิยมใช้ในงานผลิตที่มีความซับซ้อนและความแม่นยำต่ำจนถึงความแม่นยำสูงในหลากหลายอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น

  • อุตสาหกรรมยานยนต์: เครื่องมิลลิ่งใช้ในการผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์ เช่น ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนของ assis หรือคอมโพเนนต์ต่างๆ ที่มีความซับซ้อนและต้องการความแม่นยำสูงในการผลิต
  • อุตสาหกรรมการผลิตอิเล็กทรอนิกส์: การผลิตวงจรพิมพ์ (PCB) เป็นต้น ความแม่นยำในการกัดเจิมเส้นที่บางมากในวงจรพิมพ์ต้องใช้เครื่องมิลลิ่งเพื่อความแม่นยำและคุณภาพที่ดี
  • อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า: การผลิตชิ้นส่วนของอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น มอเตอร์ สวิตช์ หรือเซ็นเซอร์ ต้องใช้เครื่องมิลลิ่งในการเนียนแกนหรือชิ้นส่วนต่างๆ
  • อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์การแพทย์: การผลิตชิ้นส่วนของอุปกรณ์การแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ ชิ้นส่วนของเครื่องฉีดยา หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วย
  • อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์โลจิสติกส์: เครื่องมิลลิ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนของเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในงานโลจิสติกส์ เช่น ราวสไลด์ เครื่องมือกล เป็นต้น
  • อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์อุตสาหกรรม: การผลิตชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น ลูกปืน สายพาน และชิ้นส่วนเครื่องจักรอื่นๆ
  • อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุ: เครื่องมิลลิ่งมีบทบาทในการผลิตวัสดุที่มีความซับซ้อน และต้องการความแม่นยำ เช่น ชิ้นส่วนของรูปพลาสติก ชิ้นส่วนเหล็กสแตนเลส หรือวัสดุอื่นๆ
  • อุตสาหกรรมการผลิตงานชิ้นงานทางศิลปะและดีไซน์: เครื่องมิลลิ่งใช้ในการผลิตชิ้นงานทางศิลปะ ชิ้นงานตกแต่ง หรือส่วนของผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบที่ซับซ้อน

นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กน้อยเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เครื่องมิลลิ่งในการผลิตชิ้นส่วนในหลากหลายอุตสาหกรรม ความสามารถของเครื่องมิลลิ่งในการเรียกใช้ในงานต่างๆ ยังมีความหลากหลายมากและเป็นเรื่องน่าทึ่งที่จะสำรวจอีกมากมายได้



ประเภทของเครื่องจักรมิลลิ่ง: เครื่องมิลลิ่งมีหลายประเภทตามลักษณะการทำงานและการเคลื่อนที่ของเครื่อง ยกตัวอย่างประเภทของเครื่องมิลลิ่ง

  • มิลลิ่งแนวตั้ง (Vertical Milling Machine): เครื่องมิลลิ่งที่มีตารางที่เคลื่อนที่ขึ้น-ลงและสามารถหมุนรอบแกนตั้งได้ ส่วนมิลลิ่งหัวมีการเคลื่อนที่ไป-กลับและซ้าย-ขวา ประเภทนี้เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการการกัดเจิมแนวตั้งหรือการทำช่องร่องในชิ้นงาน
  • มิลลิ่งแนวนอน (Horizontal Milling Machine): เครื่องมิลลิ่งที่ตารางเคลื่อนที่ไป-มาและหัวมิลล์เคลื่อนที่ขึ้น-ลง ส่วนการเคลื่อนที่ไป-กลับและซ้าย-ขวา ประเภทนี้เหมาะสำหรับการกัดเจิมแนวนอนหรือการทำช่องร่องแนวนอนในชิ้นงาน
  • Bed Type Milling Machine: เครื่องมิลลิ่งที่มีส่วนเสา (bed) ที่เสริมสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับตัวแปรง ซึ่งทำให้เครื่องมีความแม่นยำสูงและเหมาะสำหรับงานที่ซับซ้อน
  • มิลลิ่งเจาะ (Drill Press Milling Machine): เครื่องมิลลิ่งที่มีความเชื่อมโยงระหว่างมิลลิ่งและเครื่องเจาะ ช่วยให้สามารถทำงานเจาะและกัดเจิมได้ในรูปแบบเดียวกัน
  • Planer Type Milling Machine: เครื่องมิลลิ่งที่มีชุดมีดสองชุดที่เคลื่อนที่เชื่อมต่อกัน ชุดหนึ่งเคลื่อนที่แนวตั้งและอีกชุดเคลื่อนที่แนวนอน ประเภทนี้เหมาะสำหรับงานที่ใหญ่และซับซ้อน
  • เครื่องมิลลิ่ง CNC (CNC Milling Machine): เครื่องมิลลิ่งที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์แบบประสมที่สามารถควบคุมการเคลื่อนที่ของมิลล์และการทำงานอื่นๆ อัตโนมัติได้ มีความแม่นยำสูงและเหมาะสำหรับงานที่ซับซ้อน
  • Facing Milling Machine: เครื่องมิลลิ่งที่ใช้ในการทำงานเข้าฉายหรือกัดผิวตัวชิ้นงาน ช่วยให้การทำความสะอาดผิวชิ้นงานหรือการหั่นตัดให้แนวตรงกับผิวชิ้นงาน
  • มิลลิ่งสายพาน (Copy Milling Machine): เครื่องมิลลิ่งที่ใช้สายพานหรือพื้นแผ่นเป็นตัวนำในการกัดเจิมโดยสามารถคัดลอกรูปร่างของสายพานหรือพื้นแผ่นลงบนชิ้นงานได้


กระบวนการทำงานของเครื่องมิลลิ่ง

  • เตรียมชิ้นงานและเครื่องมือ:ตั้งแต่เริ่มต้นก่อนเริ่มทำงาน เครื่องมิลลิ่งต้องเตรียมชิ้นงานและเครื่องมือที่ใช้ให้พร้อม เช่น ความแม่นยำในการจัดตำแหน่งชิ้นงานบนตาราง เลือกเครื่องมือตัดที่เหมาะสม เป็นต้น
  • กำหนดตำแหน่งเริ่มต้น:ก่อนเริ่มทำงาน เครื่องมิลลิ่งจะต้องเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งเริ่มต้นของการกัดหรือเจาะ การกำหนดตำแหน่งนี้อาจใช้ระบบ CNC (Computer Numerical Control) ในกรณีเครื่องมิลลิ่งแบบอัตโนมัติ
  • การตั้งค่าความละเอียดและความเร็ว:ตั้งค่าความละเอียดที่ต้องการในการกัดหรือเจาะ รวมถึงความเร็วการหมุนของเครื่องมิลล์ การตั้งค่าเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับวัสดุของชิ้นงานและเครื่องมือที่ใช้
  • การเคลื่อนที่ของเครื่องมิลล์:เมื่อตั้งค่าเสร็จสิ้น เครื่องมิลล์จะเริ่มเคลื่อนที่ตามตำแหน่งที่กำหนด แกนต่างๆ ของเครื่องมิลล์จะเคลื่อนที่ตามแนวตรงหรือแนวหมุนตามคำสั่งที่กำหนด
  • การกัดหรือเจาะ:เครื่องมิลล์จะใช้เครื่องมือตัดเช่น หัวมิลล์ หรืออุปกรณ์ตัดอื่น ๆ ในการกัดหรือเจาะชิ้นงาน การกัดหรือเจาะจะเกิดขึ้นเมื่อเครื่องมิลล์เคลื่อนที่และทำการตัดเป็นช่องว่างในชิ้นงาน
  • การเคลื่อนที่ของเครื่องมิลล์ในแต่ละแกน:ขึ้นอยู่กับงานที่ต้องการ เครื่องมิลล์อาจต้องเคลื่อนที่ในแกนต่าง ๆ ในขณะที่กำลังกัดหรือเจาะ เพื่อสร้างรูปร่างหรือขนาดที่ต้องการ
  • การควบคุมความละเอียดและความแม่นยำ:ระหว่างการทำงาน เครื่องมิลล์จะต้องควบคุมความละเอียดและความแม่นยำในการเรียบเรียงและตำแหน่งการตัดเพื่อให้ได้รูปร่างและมิติที่ถูกต้อง
  • การเสร็จสิ้นการทำงาน:เมื่อการกัดหรือเจาะเสร็จสิ้นตามแบบที่กำหนด เครื่องมิลล์จะหยุดเคลื่อนที่และเริ่มที่ตำแหน่งเริ่มต้น
  • การตรวจสอบและความสะอาด:หลังจากเสร็จสิ้นการทำงาน เครื่องมิลล์จะต้องทำการตรวจสอบชิ้นงานว่ามีความแม่นยำและคุณภาพตามที่ต้องการ


การตรวจสอบและความสะอาด:หลังจากเสร็จสิ้นการทำงาน เครื่องมิลล์จะต้องทำการตรวจสอบชิ้นงานว่ามีความแม่นยำและคุณภาพตามที่ต้องการ
  • การอัตโนมัติและความเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ:เครื่องมิลลิ่งอาจก้าวสู่ระบบการทำงานอัตโนมัติที่ซับซ้อนขึ้น รวมถึงการเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ เช่น การใช้ร่มทางเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งและระบบเซ็นเซอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการติดตามสถานะของการผลิต
  • การใช้เทคโนโลยี CNC และความฉลาดประดิษฐ์:เครื่องมิลลิ่งที่มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี CNC (Computer Numerical Control) และความฉลาดประดิษฐ์สูง จะช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงความสามารถในการปรับปรุงกระบวนการได้อย่างรวดเร็ว
  • การใช้วัสดุและเทคโนโลยีใหม่:การพัฒนาวัสดุที่ใช้ในการผลิตและการใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น วัสดุที่มีความแข็งแรงสูงและเบ็ดเสร็จที่ยิ่งใหญ่ อาจส่งผลให้เครื่องมิลลิ่งสามารถกัดหรือเจาะวัสดุที่ซับซ้อนและแข็งแรงได้มากขึ้น
  • การพัฒนาความสามารถในการกัดแบบหลายมิติ:เครื่องมิลลิ่งแบบหลายมิติ (Multi-axis Milling) อาจก้าวข้ามขีดจำกัดของการกัดแบบสามมิติ ซึ่งจะช่วยให้สามารถกัดชิ้นงานที่ซับซ้อนและรูปร่างที่ซับซ้อนได้มากขึ้น
  • ความสำคัญของการอนุมัติและความสิ่งแวดล้อม:ตลาดที่มีความสำคัญกับการอนุมัติและความสิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มที่จะเน้นในการพัฒนาเครื่องจักรมิลลิ่งที่มีประสิทธิภาพสูงและอยู่ในเนื้อที่กึ่งอนุมัติ เพื่อลดการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • การใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ:เครื่องจักรมิลลิ่งจะยังคงเป็นส่วนสำคัญของหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ โลจิสติกส์ และอื่น ๆ

ดังนั้น การพัฒนาเครื่องจักรมิลลิ่งที่ตอบสนองความต้องการของแต่ละอุตสาหกรรมจะยังคงมีความสำคัญ การพัฒนาเครื่องจักรมิลลิ่งในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยี ความต้องการของตลาด และความสามารถในการรับมือกับความท้าทายในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

19  อื่นๆ / Cafe / ความรู้เกี่ยวกับเครื่องตัดเลเซอร์ เมื่อ: 28 สิงหาคม 2023, 13:58:41
ความรู้เกี่ยวกับเครื่องตัดเลเซอร์

เครื่องตัดเลเซอร์ Laser Cutting Machine มีคุณสมบัติและหลักการทำงานอย่างไร

คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดวัสดุที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นเทคโนโลยีสำหรับการตัดชิ้นงานที่มีคุณภาพภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว สามารถตัดวัสดุทั่วไปที่มีขนาดไม่หนามาก ปัจจุบันสามารถตัดได้หนาถึง 15มม สามารถตัดวัสดุที่มีรูปร่างซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ การตัดโดยใช้เลเซอร์ เป็นการใช้ความร้อนจากลำแสงเลเซอร์ ซึ่งเป็นแสงที่มีช่วงความถี่คลื่นแคบ มีความเข้มและพลังงานสูงผ่านไปบนวัสดุ ทำให้บริเวณจุดที่รับลำแสงหลอมละลาย โดยเมื่อเคลื่อนแนวลำแสงนี้ ก็จะทำให้สามารถตัดชิ้นวัสดุได้ เครื่องตัดเลเซอร์ มีทั้งแบบตัดด้วยมือ และแบบติดตั้งกับระบบ CNC ซึ่งควบคุมการตัดด้วยคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะวัสดุที่มีรูปร่างซับซ้อน การใช้เลเซอร์ในการตัดจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและแม่นยำอย่างมากทีเดียว โดยระบบการตัดด้วยเลเซอร์นี้จะใช้ความร้อนผ่านไปบนวัตถุ ทำให้วัตถุบริเวณที่โดนความร้อนจากลำแสงละลายอย่างรวดเร็วและถูกตัดออกมาเป็นชิ้นอย่างละเมียดสวยงาม อีกทั้งเครื่องตัดเลเซอร์ดังกล่าวก็มี 2 แบบด้วยกัน คือแบบตัดด้วยมือ และแบบติดตั้งกับระบบ CNC ที่ควบคุมการตัดด้วยคอมพิวเตอร์



แหล่งกำเนิดของแสงเลเซอร์
แสงเลเซอร์มีแหล่งกำเนิดมาจากกระบวนการหนึ่ง โดยเป็นกระบวนการที่ทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซฮีเลียมและก๊าซไนโตรเจน ผ่านเข้าไปในแท่งทรงกระบอกกลวงพร้อมๆ กัน ตามด้วยการกระตุ้นอะตอมของก๊าซด้วยพลังงานไฟฟ้า จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ คือพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาในรูปของลำแสงเลเซอร์


หัวตัดเลเซอร์

หัวตัดเลเซอร์ จะประกอบด้วยส่วนสร้างลำแสงเลเซอร์ ซึ่งลำแสงที่ได้นี้ก็จะมีช่วงความยาวคลื่นเฉพาะ โดยลำแสงเลเซอร์จะส่องผ่านไปยังเลนส์เพื่อบีบลำแสงให้แคบและมีความเข้มสูงทำให้เกิดลำแสงเลเซอร์ที่พร้อมตัดวัตถุให้ขาดจากกันได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ นอกจากนี้ หลังตัดชิ้นงานเรียบร้อยแล้ว หัวตัดก็จะนำเข้าก๊าซที่มีความดันต่ำ เพื่อเป่าไล่เศษจากการตัดชิ้นงานให้หมดไปอีกด้วย จึงไม่เหลือร่องรอยการตัดไว้ให้เห็น

ปัจจุบันอุตสาหกรรมการผลิตนิยมใช้ การตัดชิ้นงานด้วยเลเซอร์ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำในการผลิต ทำให้ได้ชิ้นงานที่สวย ตรงสเปคและประหยัด แต่หากชิ้นงานมีความหนามาก ก็อาจทำให้ต้องสิ้นเปลืองก๊าซและพลังงานในการผลิตเลเซอร์มากพอสมควร ซึ่งเลเซอร์ที่นิยมใช้ในการตัดโลหะนั้น ก็คือ CO2 Laser ที่สามารถตัดชิ้นงานที่มีช่วงความหนาตั้งแต่ 0.5-15 มม. นอกจากนี้ การตัดวัตถุด้วยเลเซอร์ก็นิยมใช้กับชิ้นงานที่มีความซับซ้อน เนื่องจากเครื่องตัดเลเซอร์ สามารถนำเข้า CAD ได้โดยตรง จึงสามารถตัดชิ้นงานที่มีความซับซ้อนให้ได้ชิ้นงานตามต้องการ อย่างรวดเร็วทันใจและคุ้มค่าต้นทุนในการตัด ทั้งยังเหมาะกับการนำมาตัดงานตามแบบเพื่อใช้เป็นต้นแบบ


ไฟล์งานที่ โปรแกรมของเครื่องตัดเลเซอร์ รองรับได้คือ

File “.ai” จากโปรแกรม Coral Draw

File “.dxf” จากโปรแกรม Auto Cad


เปรียบเทียบการตัดโดยเครื่องตัดเลเซอร์กับการตัดแบบหัวตัดพลาสม่า หัวตัดแก๊ส LPG จะมีรอยตัดใหญ่ เกิดรอยไหม้ที่ชิ้นงานในบริเวณกว้าง ต้องเสียแรงงานในการปรับแต่งผิวชิ้นงาน การตัดโดยเครื่องตัดเลเซอร์ทำให้เกิดแก๊สน้อย, ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพ, และมีความเร็วในการตัดสูงมาก ดังนั้น การตัดด้วยเลเซอร์จึงเป็นวิธีที่น่าสนใจอย่างมาก



https://suthong.co.th/main/newsdetail/120
20  อื่นๆ / Cafe / ความสำคัญของเครื่องกลึงในโรงงาน เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2023, 16:05:07
ความสำคัญของเครื่องกลึงในโรงงาน

เครื่องกลึงโลหะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการการผลิตและการกลึงโลหะเพื่อสร้างชิ้นงานโลหะที่ต้องการรูปร่างหรือขนาดเฉพาะ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับวัสดุอื่น ๆ เช่น ไม้ และพลาสติก ซึ่งมีประโยชน์ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมโลหะการผลิตรถยนต์, อุตสาหกรรมการขนส่ง, และอุตสาหกรรมอื่น ๆ
ด้วยเหตุนี้ เราจะมาเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องกลึงได้ดังนี้:
  • ประวัติความเป็นมาของเครื่องกลึงโลหะ : เครื่องกลึงในยุคอุตสาหกรรม: ในปี 1800 โรงงานอุตสาหกรรมในยุโรปเริ่มใช้เครื่องกลึงสำหรับการผลิตในมาตรฐานใหม่ ๆ การพัฒนาเครื่องกลึง CNC: ในปี ค.ศ. 1940 เครื่องกลึงควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์หรือเครื่องกลึง CNC (Computer Numerical Control) ได้ถูกพัฒนาขึ้น ซึ่งเปิดโอกาสในการผลิตชิ้นงานที่ซับซ้อนและซ้ำซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • หลักการทำงานของเครื่องกลึงโลหะ:
    - หน่วยขับเคลื่อน: ซึ่งประกอบด้วยมอเตอร์หรือเครื่องยนต์ที่ให้พลังงานในการเคลื่อนไหวของเครื่องกลึง โดยส่วนนี้สามารถทำงานด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานไอน้ำ ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องกลึง
    - พวงมาลัยหรือเพลา (Headstock): ส่วนที่ทำหน้าที่ในการเก็บเครื่องมือสำหรับกลึง เพลาสามารถหมุนเพื่อกลึงวัสดุโลหะ
    - กระบอกสกีน (Tailstock): ส่วนที่ทำหน้าที่ในการรัดตัวอย่างของวัสดุในเครื่องกลึง และช่วยให้เครื่องกลึงสามารถกลึงชิ้นงานที่ยาวขึ้นได้
    - โต๊ะกลึง (Toolpost): ส่วนที่เกิดการกลึงโลหะจากการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นมีดกลึง (cutting tool) หรือเครื่องมืออื่น ๆ ตามความต้องการ
  • ประเภทของเครื่องกลึงโลหะ:
    - Manual Lathe
    - Engine Lathe
    - Computer Numerical Control Lathe
    - Turret Lathe
    - Swiss Lathe
  • ความปลอดภัย:
    - ตรวจสอบเครื่องกลึง: ก่อนการใช้งานเครื่องกลึง ควรตรวจสอบสภาพของเครื่องกลึงทุกครั้ง เช่น สภาพของพวงมาลัยและกระบอกสกีน การเคลื่อนไหวของส่วนประกอบ เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องกลึงพร้อมใช้งานและประสิทธิภาพ
    - การใส่เครื่องมือกลึง: ใส่เครื่องมือกลึงให้สนิทและมั่นใจว่าถูกติดตั้งอย่างถูกต้อง และเสียบรัดไว้อย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันการหลุดหรือไหล่ออกของเครื่องมือระหว่างการกลึง
    - การใส่งาน (Workpiece): ต้องเก็บและควบคุมงานให้แน่นหนาและติดตั้งให้สม่ำเสมอเพื่อป้องกันการถูกปล่อยหรือขับออกเมื่อกลึง
    - การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน: ช่างกลึงควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หมวกกันกระแทก, แว่นกันแดด, เสื้อคลุม และถุงมือ เพื่อป้องกันอันตรายจากวัสดุที่กระสุนออกมาระหว่างการกลึง
  • การบำรุงรักษา:
    - การทำความสะอาด: เครื่องกลึงควรถูกทำความสะอาดและขัดแต่งเป็นประจำ เพื่อล้างออกคราบอากาศ สิ่งสกปรก และหนอนที่สะสมในการใช้งาน
    - การเช็ดน้ำมัน: ใช้น้ำมันหล่อลื่นที่ถูกต้องในการบำรุงรักษาต่อเครื่องกลึง ซึ่งช่วยลดการเกิดการแตกหรือหายใจของเครื่องและส่วนประกอบ
    - การตรวจสอบเครื่องมือกลึง: ตรวจสอบเครื่องมือกลึงอย่างเป็นประจำ และแทนที่เครื่องมือที่ใช้งานไม่ได้และสึกหมดอายุการใช้งาน
    - การตรวจสอบสภาพพื้นผิว: ตรวจสอบสภาพพื้นผิวของเครื่องกลึงและรัดควบคู่ให้แน่นหนา
    - ตรวจสอบระบบควบคุม: ตรวจสอบระบบควบคุมการทำงานของเครื่องกลึงและการปรับปรุงให้มั่นใจว่าการทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง

ความสำคัญของเครื่องกลึงในโรงงาน
เครื่องกลึงเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างมากในโรงงานและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังนี้:
  • การผลิตและการรูปร่างงาน: เครื่องกลึงช่วยให้การผลิตสินค้าและชิ้นงานที่ต้องการรูปร่างหรือขนาดเฉพาะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถกลึงโลหะหรือวัสดุอื่น ๆ ให้เป็นรูปที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็ว
  • ความหลากหลายในการผลิต: เครื่องกลึงมีความสามารถในการทำงานกับวัสดุหลากหลายชนิด เช่น โลหะ, ไม้, พลาสติก ซึ่งช่วยให้โรงงานสามารถผลิตชิ้นงานที่หลากหลายและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
  • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: การใช้เครื่องกลึงในกระบวนการผลิตช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการผลิต เนื่องจากสามารถรับรู้รูปทรงและขนาดที่ต้องการของชิ้นงานได้เร็วและง่าย
  • ความแม่นยำในการผลิต: เครื่องกลึงทำให้สามารถผลิตชิ้นงานที่มีความแม่นยำสูงได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมที่ต้องการความพิเศษ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องกีต้าร์, การผลิตชิ้นส่วนของเครื่องจักร, อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น
  • นวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์: การใช้เครื่องกลึงในกระบวนการการผลิตช่วยเสริมสร้างนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีความสามารถใหม่ๆ หรือรูปทรงที่ไม่เคยมีมาก่อน
  • ลดการสูญเสียของวัสดุ: เครื่องกลึงช่วยลดการสูญเสียของวัสดุในกระบวนการผลิตเนื่องจากสามารถกลึงวัสดุให้เป็นรูปร่างที่ต้องการเสมอ และนำไปใช้ประโยชน์ให้ครบถ้วน
  • ควบคุมคุณภาพ: เครื่องกลึงสามารถช่วยให้การผลิตมีความแม่นยำและมีคุณภาพสูง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีและตอบสนองความต้องการของตลาด
  • การเพิ่มผลตอบแทนการลงทุน: การลงทุนในเครื่องกลึงสามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนและส่งเสริมให้โรงงานเติบโตและเป็นอุตสาหกรรมที่มีความเชื่อมั่นและมั่นใจในความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการ

https://suthong.co.th/main/newsdetail/149
หน้า: [1] 2 3