ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  อื่นๆ / Cafe / วิธีป้องกัน "ซิฟิลิส" เมื่อ: 14 มิถุนายน 2023, 15:27:07

ซิฟิลิส (Syphilis) เกิดจากแบคทีเรีย ทรีโปเนมาพาลลิดัม (Treponema pallidum) การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หรือทางปาก เชื้อแบคทีเรียจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลเล็กน้อยหรือแผลของเยื่อบุตาอื่น ๆ
ทั้งนี้ ซิฟิลิสสามารถติดต่อผ่านทางแม่สู่ลูกระหว่างการตั้งครรภ์ หรือระหว่างการคลอดได้

การป้องกันซิฟิลิส
ซิฟิลิส สามารถป้องกันได้ โดยการลดความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อ โดยเฉพาะการได้รับเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์ จึงควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคนี้
รวมไปถึงควรมีการป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้งโดยการสวม “ถุงยางอนามัย” ซึ่งรวมไปถึงการมีเพศสัมพันธ์ทางปากด้วย หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันผู้อื่น
หญิงมีครรภ์ควรได้รับการตรวจเลือดคัดกรองซิฟิลิสในช่วงระหว่างสัปดาห์ที่ 8 – 12 ของการตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการส่งผ่านเชื้อไปยังทารก

หากคุณมีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อซิฟิลิส คุณควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยทันที ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการใด ๆ ก็ตาม
เพราะการตรวจพบซิฟิลิสตั้งแต่ระยะต้นๆ คุณจะได้รับการรักษาที่เหมาะสม และหยุดการลุกลามของโรคได้
2  อื่นๆ / Cafe / ฝีดาษลิงติดต่อกันได้อย่างไร ? เมื่อ: 01 มิถุนายน 2023, 17:23:46

ฝีดาษลิง | Mpox หรือไข้ทรพิษลิง เกิดจากไวรัส Othopoxvirus ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกันกับเชื้อไวรัสโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ
พบในสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน และติดจากคนสู่คนได้ ซึ่งพบโรคนี้ครั้งแรกจากลิงในห้องทดลอง จึงเรียกว่า “ฝีดาษลิง”

ฝีดาษลิงติดต่อกันได้อย่างไร ?

ฝีดาษลิงสามารถติดต่อได้จากสัตว์ที่ติดเชื้อได้ ทั้งจากการที่ถูกสัตว์นั้นกัดหรือข่วน ส่วนการติดเชื้อจากคนสู่คน เกิดได้โดยการสัมผัสกันโดยตรง หรือจับเสื้อผ้าที่นอน ที่ปนเปื้อนเชื้อ
ไวรัสจะเข้าสู่ร่างกาย ผ่านรอยแผลบนผิวหนัง หรือระบบทางเดินหายใจหรือเนื้อเยื่อที่มีเมือก เช่น ดวงตา จมูก ปาก
แต่ทั้งนี้จากการระบาดที่พบช่วงหลังนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านเชื่อว่า การมีเพศสัมพันธ์ ก็มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อได้
3  อื่นๆ / Cafe / ถุงยางอนามัย เลือกให้ถูกไซส์ ใช้ให้ถูกวิธี เมื่อ: 08 พฤษภาคม 2023, 15:39:06

ถุงยางอนามัย นอกจากจะช่วยป้องกัน เอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว ยังช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์อีกด้วย สิ่งที่คำคัญ คือต้องเลือกใช้ให้ถูกขนาด และวิธีใช้ที่ถูกต้อง
หากเลือกแบบที่เล็กเกินไปจะทำให้มีโอกาส ถุงยางแตก ได้สูง แต่ถ้าเลือกขนาดใหญ่เกินไปก็จะทำให้เสี่ยงถุงยางหลวมจนหลุดออกระหว่างมีเพศสัมพันธ์

วิธีวัดขนาดถุงยางอนามัย

  • 49 มม : รอบวง11-12ซม/ประมาณ 4.5 นิ้ว
  • 52 มม : รอบวง12-13ซม/ประมาณ 5 นิ้ว
  • 54 มม : รอบวง13-14ซม/ประมาณ 5.5 นิ้ว
  • 56 มม : รอบวง14-15ซม/ประมาณ 6 นิ้ว

วิธีการสวมถุงยางอนามัย

  • ฉีกซอง ถุงยางอนามัย ออกมาแล้วเลือกด้านที่ถูกต้อง โดยเลือกด้านที่มีกระเปาะไว้ด้านนอก
  • ใช้นิ้วมืออีกข้างบีบบริเวณหัวของถุงยางอนามัยเพื่อไล่อากาศ
  • ควรแน่ใจก่อนว่าอวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่แล้วก่อนที่จะสวมถุงยางอนามัย
  • เมื่อสวมแล้วรูดถุงยางอนามัยลงมาจนสุด เพื่อป้องกันการหลุดออกในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
  • ก่อนสอดใส่ตรวจดูให้แน่ใจว่าถุงยางอนามัยไม่เสียหาย ไม่มีรอยรั่วหรือแตก

เมื่อเสร็จกิจแล้วควรถอดถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ เพื่อไม่ให้มีการหกเลอะเทอะ โดยใช้มือดึงออกจากส่วนโคนก่อน ดึงออกอย่างระมัดระวัง และอาจจะใช้กระดาษชำระห่อก่อนนำไปทิ้ง
ควรใช้ถุงยางอนามัยเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากจะมีเพศสัมพันธ์อีกรอบควรเปลี่ยนอันใหม่ เนื่องจากประสิทธิภาพของการป้องกันโรคจะลดลงหากใช้อันเดิม เก็บถุงยางอนามัยไว้ให้พ้นแสงแดดหรือที่ร้อนชื้น
และควรตรวจเช็ควันหมดอายุก่อนนำมาใช้ทุกครั้ง
4  อื่นๆ / Cafe / ตรวจเอชไอวีดีอย่างไร ? เมื่อ: 06 มกราคม 2023, 10:12:05
เอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus : HIV) เป็นเชื้อไวรัสที่ส่งผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย หากร่างกายได้รับเชื้อชนิดนี้ภูมิคุ้มกันจะถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง จนร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ ทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ HIV คือ โรคเอดส์

การตรวจเอชไอวี ในปัจจุบันสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่เดิมมาก ด้วยการผลักดันของทุกภาคส่วนให้รองรับบริการขั้นพื้นฐานที่มีอยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยสามารถเข้ารับการตรวจเอชไอวี ฟรี!! ได้ในโรงพยาบาลที่ให้บริการภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีละ 2 ครั้ง

ประโยชน์ของการตรวจเอชไอวี
  • สามารถป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อเอชไอวีได้
  • ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที ไม่ต้องรอให้แสดงอาการ
  • ป้องกันคู่รักติดเชื้อหรือแพร่เชื้อ
  • สามารถวางแผนป้องกันการติดเชื้อไปสู่ลูกได้
  • เพิ่มความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเอชไอวีได้อย่างถูกต้อง

ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ ยังไม่สามารถค้นพบวิธีการรักษาผู้ป่วยเอชไอวีให้หายขาดได้ แต่พัฒนาการด้านยาต้านไวรัสถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในการป้องกันและการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีอยู่ร่วมกับไวรัสได้อย่างปลอดภัย ควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อก่อนจะนำไปสู่ภาวะร้ายแรงของโรคเอดส์ได้

5  อื่นๆ / Cafe / ตื่นเต้นกับครั้งแรก!! ประสบการณ์ตรวจ เอชไอวีด้วยตัวเอง INSTi HIV self test เมื่อ: 18 ตุลาคม 2021, 12:49:12
โดยทั่วไปแล้วการตรวจ HIV นั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้สารน้ำลายในช่องปาก หรือการใช้เลือด หากเราเคยไปตรวจที่โรงพยาบาลหรือคลินิกตรวจก็จะใช้หยดเลือดเพื่อที่จะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด  ซึ่งเราเป็นคนที่ตรวจเลือดอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว และทันทีที่เห็นข่าวประกาศจากกรมควบคุมโรคและสาธารณะสุขว่าประเทศไทยมีชุดตรวจเอชไอวีได้ด้วยตัวเองที่บ้าน วางจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไปและแพลตฟอร์มขายออนไลน์ ก็ได้ลองเสิร์ชหาข้อมูลเพิ่มเติมว่า มียี่ห้อ Insti อ่านภาษาไทยว่า อินสติ ซึ่งเป็นชุดทดสอบที่นำเข้าจากประเทศแคนนาดา ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลกและได้รับการอนุญาตจาก Health Canada และได้เพิ่งได้รับการรับอนุญาตจากองค์การอาหารและยาประเทศไทย(อย.) อีกต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้นเขาเคลมว่ารู้ผลเร็วที่สุดในโลก ภายใน 1 นาทีเท่านั้น!! (เท่าที่ศึกษาบางยี่ห้อส่วนใหญ่จะใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาที) จึงทำให้ยิ่งอยากรู้ อยากลองทดสอบเข้าไปอีก แล้ววันนี้จะมารีวิวให้ทุกคนว่าใช้งานยังไงบ้าง
เราได้ลองสั่งผ่านเว็บของเขาโดยตรง เว็บนี้ https://thailandhivtest.com/   หรือผ่านเพจ Facebook https://www.facebook.com/instithailand ก็ได้เช่นกัน ในราคา 500 บาท ซึ่งจริงๆแล้วได้เคยลองหาในเว็บแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Lazada / Shopee ก็มีตัวแทนจำหน่ายอยู่หลายร้านเลย เห็นมีโปรโมชั่นอยู่เรื่อย ๆ ลองค้นหาดูก็ได้ (อาจเจอยี่ห้ออื่นแต่ไม่ผ่านอย.แน่นอน เพราะ อย.ไทย ประกาศว่ามียี่ห้ออินสติเพียงเจ้าเดียวที่ได้รับอนุมัติ)
หลักงจากกดสั่งไปคือทางร้านตอบกลับเร็วมาก ทันที่ที่กดสั่งซื้อเพียงไม่นาน เขาก็แจ้งกว่ากำลังจัดส่งแล้ว และวันรุ่งขึ้นก็ได้รับของเลย รวดเร็วมาก และทางร้านก็ยังใส่ใจในรายละเอียดของผู้รับ โดยไม่ระบุตัวสินค้าว่าเป็นอะไรบนกล่องทำให้เราอุ่นใจและมีความเป็นส่วนตัว ประทับใจมากเลย
แกะพัสดุออกมาจะพบเป็นซองแพ็คเกจของสินค้าอย่างดี ดูดีมีมาตรฐาน มีรายละเอียดของครั้งที่ผลิตและวันหมดอายุโดยประมาน 1 ปีเลย รายละเอียดเป็นภาษาไทย 



ภายในแพ็คชุดตรวจจะพบกับอุปกรณ์ชุดตรวจหลายชิ้นเลย มีแบบประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตัวเองด้วย ช่วยเราได้กรองประเมินความเสี่ยงอธิบายถึงความเสี่ยงของเราถึงขั้นไหนและควรปฏิบัติตัวอย่างไรต่อไป




 
ส่วนคู่มือนั้นมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษละเอียดมาก ส่วนประกอบของอุปกรณ์และน้ำยาแต่ละชนิดพร้อมกับรายละเอียด หลักการทำงานของชุดตรวจ การเตรียมตัวและอุปกรณ์ ขั้นตอนการเจาะเลือด ผสมเลือดกับชุดน้ำยา แค่เทน้ำยาลงทีละขวดง่ายมากจริง และที่สำคัญการแปลผลการตรวจ อีกทั้งยังมีช่องการการติดต่อเพื่อขอคำแนะนำให้คำปรึกษาได้อีกด้วย





 
ตื่นเต้นแล้ว เริ่มทำการตรวจกันเลยดีกว่า
1) ก่อนอื่นแกะซองสีขาว วางทุกอย่าง เรียงตามตัวเลข ล้างมือให้สะอาด บีบนวดนิ้วมือที่จะเจาะเลือดให้เลือดไหลเวียน
2) บิดที่จุกอุปกรณ์เจาะเลือด (วงสีแดง) ไม่ต้องตกใจว่าเข็มอยู่ไหน ตัวเข็มเจาะจะซ่อนอยู่ข้างในสปริง สามารถกดจิ้มไปที่นิ้วได้เลย 1 ครั้ง เสียงจะดังแต๊บ! จะรู้สึกสะดุ้งเฉยๆ



3) แล้วเราก็บีบนิ้วให้เลือดออกมาให้ได้ 1 หยดใหญ่ๆ หยดลงไปในน้ำยาขวดหมายเลขที่ 1 (ถ้าเลือดน้อยออกมาน้อยให้รูดตั้งแต่โคนนิ้วออกมา) **เน้นว่าต้องเป็น 1 หยดใหญ่ๆ เพราะหากเลือดน้อยเกินไปผลลัพธ์จะไม่แสดงผล**  และเห็นข้อห้ามคือ “ห้ามนำนิ้วปาดที่ปากขวดน้ำยา”


 
4) จากนั้นเขย่าขวดหมายเลขที่ 1 จำนวน 4 ครั้งแล้วเทลงไปในแผ่นทดสอบจนหมดขวด



5) จากนั้นเขย่าขวดหมายเลขที่ 2 จำนวน 4 ครั้งแล้วเทลงไปในแผ่นทดสอบจนหมดขวดตามไปติดๆ
 


6) สุดท้ายเขย่าขวดหมายเลขที่ 3 จำนวน 4 ครั้งแล้วเทลงไปในแผ่นทดสอบจนหมดขวด



7) เพียงแค่นับ 1 – 10 ก็จะเห็นจุดบริเวณใกล้ ๆ ตัว c ลาง ๆ แล้ว คือเร็วมากเพราะของยี่ห้อนี้เขาการันตีว่ารู้ผลภายใน 1 นาทีจริงด้วย และมีความแม่นยำถึง 99%  กลับมาดูที่คู่มืออ่านผลทดสอบ สรุปสั้นๆ
  • ถ้าผลขึ้น 1 จุด ตรงใกล้ ๆ ตัว c หมายถึง ไม่พบการติดเชื้อเอชไอวี
  • ถ้าผลขึ้น 2 จุด (ตามรูปในคู่มือ) หมายถึง อาจติดเชื้อเอชไอวี ให้ไปตรวจยืนยันเอชไอวีจากสถานพยาบาลอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
  • หากผลเป็นบวก เราจะได้รีบเข้าการรักษาด้วยกินยาต้านไวรัส หรือขอคำปรึกษาจากแพทย์ได้เลย

แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวแนะนำว่าให้ตรวจซ้ำ 2 ครั้ง เพื่อความมั่นใจ และที่สำคัญ การตรวจหาเชื้อเอชไอวีนั้นมีวินโดว์พีเรียด Window Period หรือเรียกว่าระยะหลบ อยู่ที่ 21-22 วัน ถึง 3 เดือน หลังจากได้รับเชื้อ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนกันเลย ดังนั้นจึงแนะนำว่าควรตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้งอย่างน้อย 3เดือน
 
ผมดูมากจากคลิปนี้เลยครับ https://www.youtube.com/watch?v=gdxNTqUCDHY
เลยตัดสินใจสั่งซื้อมาลองใช้ สรุปคือ ประทับใจมาก
ใครที่มีความเสี่ยงบ่อยๆ ขอแนะนำให้ลองตรวจดูนะครับ
6  อื่นๆ / Cafe / ข้อดีของการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เมื่อ: 08 กันยายน 2021, 15:13:04


         สำหรับใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อดีของการใช้ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ย้ำว่าต้องห้ามพลาดเนื้อหาต่อไปนี้เด็ดขาด เพราะเราได้รวบรวมข้อดีมาให้ได้พิจารณาก่อนการตัดสินใจเลือกใช้ชุดตรวจ เพื่อสร้างความมั่นใจในชุดตรวจเอชไอวีมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการเป็นทางเลือกที่น่าสนใจต่อการเข้าถึงการคัดกรองเอชไอวีที่ดีอีกทางหนึ่ง

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองมีความแม่นยำสูงถึง 99%
การแพทย์ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วพร้อม ๆ กับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน การสร้างโอกาสให้สามารถเข้าถึงการตรวจเอชไอวีได้มากที่สุด นับเป็นแนวทางที่จะช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีได้มากขึ้น และเมื่อปี 2558 ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ทำการเปิดตัวชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่มีความแม่นยำ ทำให้หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกให้ความสนใจนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหามากขึ้น ซึ่งชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจะต้องผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองจากองค์กรสากลก่อน จึงจะสามารถวางจำหน่ายได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นการมองหาสัญลักษณ์การรับรองต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าผลการตรวจย่อมมีความน่าเชื่อถือ

สามารถเข้าถึงชุดตรวจได้ง่ายและสะดวก
หากเปรียบเทียบระหว่างการตรวจเอชไอวีในสถานพยาลกับการใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ย่อมมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องของการดำเนินการต่าง ๆ เพราะการเดินทางไปยังสถานพยาบาลอาจจะต้องใช้เวลาในการเดินเรื่องพอสมควร เรียกง่าย ๆ ว่าเสียเวลาในการเดินทางและไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าไหร่นัก การเลือกใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองนับว่าง่ายและสะดวกมากกว่า สามารถซื้อได้ในร้านขายยาทั่วไปและนำไปตรวจได้เองที่บ้านเท่านั้นเอง

มีความเป็นส่วนตัวสูงกว่า
การเลือกใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่อยากให้การตรวจเป็นความลับมากที่สุด โดยไม่ต้องการให้ข้อมูลความเสี่ยงใด ๆ กับทางสถานพยาบาล ซึ่งไม่มีการเก็บข้อมูลเหมือนที่เราทราบกันดี

ใช้งานง่ายและมีความปลอดภัย
ภายในชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจะมีเอกสารบ่งบอกการใช้อย่างละเอียด ให้ผู้ตรวจได้ทำความเข้าใจก่อนการตรวจ โดยชุดตรวจต่าง ๆ ได้มีการออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย อยู่คนเดียวก็ตรวจเองได้อย่างสบาย ๆ พร้อมกับออกแบบมาให้สามารถทิ้งได้อย่างปลอดภัยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด

รู้ผลเร็วที่สุดคือ 1 นาที
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองในปัจจุบันพบว่าสามารถทราบผลได้ภายใน 1 นาทีเท่านั้น ซึ่งชุดตรวจในไทยที่ได้รับรองมาตรฐาน คือ ชุดตรวจเอชไอวีอินสติ (INSTI) โดยการตรวจจากการเจาะเลือดปลายนิ้วเพียง 1 หยดเท่านั้น

การตรวจเอชไอวีมีข้อดีที่ส่งผลต่อสุขภาพและการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเล็งเห็นว่าตนมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี หรือต้องการทราบสถานะเลือดเพื่อให้มั่นใจในการดำเนินชีวิต การตรวจเอชไอวีเป็นประจำด้วยชุดตรวจนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดี มากกว่าการพบเชื้อในระยะที่รุนแรงจนส่งผลต่อการรักษาที่ยากมากขึ้น ทั้งนี้หากต้องการทราบสถานะเลือดโดยที่ไม่ต้องการให้ข้อมูลส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่สถานพยาบาล การเลือกใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการตรวจเอชไอวีไม่ว่าจะรูปแบบใด ย่อมมีผลดีต่อผู้นั้นอย่างปฏิเสธไม่ได้


7  อื่นๆ / Cafe / ทำความรู้จัก INSTI (อินสติ) ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง รู้ผลได้ใน 1 นาที เมื่อ: 09 สิงหาคม 2021, 10:33:48

นับตั้งแต่การระบาดเป็นวงกว้างไปทั่วโลกของเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือ โรคเอดส์ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำให้เกิดการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับการรักษาให้หายขาดอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากสาเหตุของเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของผู้ที่ติดเชื้อ จนส่งผลให้เกิดโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ มากมาย นำไปสู่การสูญเสียที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว สาเหตุเหล่านี้เองทำให้วงการแพทย์ทั่วโลก ต่างมองหาวิธีการต่าง ๆ ในการรักษาและการป้องกันให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ต่อการลดการแพร่ระบาดให้ได้มากที่สุดนั่นเอง

เนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวีส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ และมีระยะการฟักตัวที่สังเกตอาการได้ยาก ซึ่งมีอาการเริ่มต้นคล้ายคลึงกับผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ทั่วไป เช่น มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต ร่างกายอ่อนเพลีย มีผื่นตามร่างกาย ฯลฯ ทำให้การเฝ้าระวังและการป้องกันเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นหน่วยงานพัฒนาด้านการแพทย์จึงได้คิดค้นชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งยังทราบผลตรวจได้อย่างแม่นยำภายในไม่กี่นาทีเท่านั้น โดยมีจุดประสงค์ที่มุ่งเน้นให้บุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีได้ตรวจอย่างรวดเร็วมากขึ้น ทราบสถานะผลเลือดก่อนที่จะแพร่เชื้อเอชไอวีไปยังคู่นอน และลดอัตราการลุกลามของโรคฉวยโอกาสได้มากขึ้น

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง
เริ่มต้นกันด้วยความเข้าใจที่ตรงกันก่อนที่จะเข้าสู่ประเด็นสำคัญอย่าง INSTI (อินสติ) ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ด้วยการตอบคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยว่า ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองคืออะไร มีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับการตรวจในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และที่สำคัญคือชุดตรวจเอชไอวีในไทยแบบไหนได้มาตรฐาน บทความนี้จะให้ความกระจ่างมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองคืออะไร?
ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV Self Test) คือ ชุดตรวจเอชไอวีที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีเบื้องต้น ซึ่งได้รับการทดสอบและปรับปรุงจนได้เป็นเครื่องมือที่มีความแม่นยำ สามารถใช้งานได้สะดวกง่ายดาย รวมไปถึงมีความปลอดภัยต่อผู้ตรวจและเป็นขยะที่สามารถทิ้งได้อย่างปลอดภัยด้วยเช่นเดียวกัน

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองมีความน่าเชื่อถือหรือไม่?
แน่นอนว่าการตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เป็นหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดการแพร่เชื้อเอชไอวีได้ในระดับที่ดี เพราะสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงได้เข้าถึงการตรวจคัดกรองเบื้องต้นได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นที่สงสัยของผู้คนส่วนใหญ่ว่า ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองจะมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ก่อนอื่นต้องอธิบายให้เข้าใจก่อนว่า การตรวจเอชไอวีแบบคัดกรองเบื้องต้นในปัจจุบันที่ได้รับความนิยมคือ Rapid test
  • Rapid test : เป็นการตรวจเอชไอวีที่ได้ผลต่อเมื่อผู้ตรวจติดเชื้อตั้งแต่ 3 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อตรวจแอนติบอดีในร่างกาย โดยใช้การหยดเลือดหรือซีรั่มลงไปในชุดตรวจเอชไอวี การตรวจด้วยวิธีนี้สามารถทราบผลได้อย่างรวดเร็วในไม่กี่นาที ซึ่ง INSTI (อินสติ) ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เป็นชุดตรวจที่เลือกใช้วิธีการนี้ในการวิเคราะห์ผล จึงมั่นใจได้ว่ามีความน่าเชื่อถือได้มาตรฐานอย่างแน่นอน

ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง แบบไหนได้มาตรฐานในไทย?
กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวง เรื่องชุดตรวจที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง พ.ศ. 2562 นับว่าเป็นโอกาสที่ดีให้กับประชาชนได้เข้าถึงการตรวจเอชไอวีได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าส่งผลให้ผู้นำเข้าหรือผู้ผลิตชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง สามารถขอขึ้นทะเบียนเพื่อจัดจำหน่ายได้อย่างถูกต้องในประเทศไทย โดยชุดตรวจจะต้องผ่านมาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งได้ประเมินแล้วว่าเป็นรูปแบบที่ให้ผลได้เทียบเท่าการตรวจเอชไอวีที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ มีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ ตรวจจากเลือดหรือส่วนประกอบของเลือด และ ตรวจจากน้ำในช่องปาก จึงสรุปได้ว่า INSTI (อินสติ) ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เป็นหนึ่งในชุดตรวจที่ได้มาตรฐานในไทย เนื่องจากเป็นชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่ใช้รูปแบบการตรวจเจาะเลือดบริเวณปลายนิ้วมือ อีกทั้งยังได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลกร่วมด้วย

INSTI (อินสติ) ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง : The world’s fastest HIV test.
INSTI (อินสติ) ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ที่สามารถทราบผลได้ใน 1 นาที นับว่าเป็นชุดตรวจที่มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงถึง 99% โดยได้รับการรับรองจาก Health Canada (กระทรวงสาธารณสุขประเทศแคนาดา) และผ่านมาตรฐานสากล WHO Pre-Qualified จากองค์กรอนามัยโลก รวมถึงได้รับมาตรฐาน CE (European Conformity) ว่าเป็นสินค้าที่มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรป

จากผลการทดสอบของ INSTI (อินสติ) ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง พบว่าเป็นชุดตรวจที่ให้ผลลัพธ์ได้รวดเร็วที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ โดยสามารถให้ผลได้ภายในเวลาเพียงแค่ 60 วินาทีเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับชุดตรวจเอชไอวีอื่น ๆ ในปัจจุบันอาจต้องรอผลตรวจนานกว่า 15-20 นาที และทราบผลได้เร็วกว่าถึง 2 สัปดาห์ ที่สำคัญคือได้ออกแบบอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยการตรวจแอนติบอดีในร่างกายที่มีต่อเชื้อเอชไอวีโดยเลือดแค่หยดเดียว มาพร้อมคู่มือการใช้งานที่ทำตามได้ง่าย อธิบายหลักการอ่านค่าผลเลือดไว้อย่างละเอียด ถือว่าเป็นชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเองที่ตอบโจทย์ความต้องการของบุคคลที่มีความเสี่ยงได้อย่างดี
8  อื่นๆ / Cafe / ซิฟิลิส..อันตรายแต่ป้องกันได้ เมื่อ: 23 มีนาคม 2021, 13:09:48


โรคซิฟิลิส ( Syphilis ) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทริปโปนีมา พัลลิดุม (Treponema Pallidum) 
เมื่อได้รับเชื้อจะกระจายไปตามกระแสโลหิต และยังอาศัยอยู่ในร่างการของมนุษย์ได้เกือบทุกส่วนในร่างกาย โดยเป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยในวัยเจริญพันธุ์

โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่การต้องมีเพศสัมพันธ์แล้วจะติดโรคได้เท่านั้น แต่เชื้อร้ายนี้ยังสามารถแพร่เข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ผ่านการสัมผัส
แผลติดชื้อ การจูบ หรือการติดต่อจากแม่สู่ลูก ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าโรคซิฟิลิสไม่รุนแรง สามารถรักษาให้หายได้ แต่อย่าลืมว่าโรคนี้มีหลายระยะ
และบางระยะอาจจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาเลย ผู้ป่วยบางคนอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อจนกระทั่งเข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้วถึงจะแสดงอาการออกมาให้เห็น
หากไม่ได้รับการรักษาเชื้อร้ายนี้จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วจนอาจส่งผลต่อสมอง ระบบประสาท อวัยวะต่าง ๆ ทำงานผิดปกติ
หรืออาจจะร้ายแรงถึงขึ้นพิการ และเสียชีวิตได้

การป้องกันซิฟิลิส
แนวทางในการป้องกันโรคได้ดีที่สุดเป็นการลดความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อ โดยเฉพาะการได้รับเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์ จึงควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคนี้
ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมถึงออรัลเซ็กส์ (oral sex) ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย บางกรณี เชื้อสามารถส่งผ่านทางการใช้เข็มฉีดยา
จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ร่วมกันผู้อื่นและหมั่นตรวจเช็คสุขภาพ ด้วยการตรวจเลือดเป็นประจำ

สุดท้ายนี้ผมขอแนะนำ ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้งควรสวมถุงยางอนามัยอยู่เสมอ
ไม่ใช่แค่ป้องกันซิฟิลิสแค่อย่างเดียวแต่ยังป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆอีกด้วย
"การป้องกันดีกว่าการรักษานะครับ"

อ่านบทความเกี่ยวกับซิฟิลิสเพิ่มเติมได้ที่ : https://thaihivupdate.com/%e0%...9e%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%87/
9  อื่นๆ / Cafe / ประโยชน์ของถุงยางอนามัย เมื่อ: 15 มีนาคม 2021, 15:28:26
ถุงยางอนามัย มักเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม เนื่องจากหลายคนมักกลัวหรือเขินอายการไปซื้อถุงยางอนามัยมาใช้
ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมาที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่มีการป้องกันด้วยถุงยางอนามัย แม้ว่าจะมีวิธีการป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์อื่นๆ
โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่ก็อาจจะทำให้มีโอกาสติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย วันนี้จะพามาดูประโยชน์ของถุงยางอนามัยกันครับ



  • คุมกำเนิด
    หน้าที่ของถุงยางอนามัยคือการป้องกันไม่ให้อสุจิเล็ดลอดเข้าไปในบริเวณช่องคลอดได้
    ซึ่งการสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์จะช่วยให้มีโอกาสคุมกำเนิดได้มากขึ้น
    เมื่อมีการสวมถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี ดังนั้นควรสวมถุงยางตลอดเวลาที่มีเพศสัมพันธ์
    และสังเกตให้ดีก่อนว่าถุงยางอนามัยที่สวมอยู่นั้นรั่วหรือชำรุดหรือไม่
  • ป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
    นอกเหนือจากการป้องการการตั้งครรภ์แล้ว ถุงยางอนามัยยังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ
    ทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ เช่น โรคเอดส์ กามโรค หนองใน ซิฟิลิส เป็นต้น
    เพราะการรติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกันโดยตรงของสารคัดหลั่ง
    และอวัยวะเพศ ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสได้ง่าย
  • ลดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์
    ถุงยางอนามัยมีส่วนผสมของสารหล่อลื่นในปริมาณที่พอเหมาะ เมื่อใช้ขณะมีเพศสัมพันธ์
    จะทำให้ลดโอกาสบาดเจ็บของอีกฝ่ายได้ ทั้งนี้ถุงยางอนามัยสามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นได้อีกด้วย
  • ช่วยเพิ่มอรรถรสทางเพศได้
    ถุงยางอนามัยในปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานได้หลายรูปแบบ ทั้งผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ ผิวขรุขระ มีสี
     มีกลิ่น ให้เลือกใช้งานได้ตามรสนิยมของผู้ใช้งาน จึงทำให้ช่วยเพิ่มอรรถรสในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้
  • ไม่เลอะเทอะ
    นอกจากประโยชน์ข้างต้นแล้ว เหตุผลที่คู่รักหลายคู่ เลือกใช้ถุงยางอนามัยเวลามีเพศสัมพันธ์
    ก็เป็นเพราะช่วยให้ไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนเวลาที่ฝ่ายชายเกิดการหลั่งน้ำอสุจิออกมานั่นเอง

 เห็นแล้วใช่ไหมว่าถุงยางนั้นมีประโยชน์และมีความสำคัญกับเรามากแค่ไหน ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเราเท่านั้น
รวมถึงคนที่เรารักอีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าอายที่จะพกถุงยาง อย่าอายที่จะใช้ถุงยาง "การป้องกันดีกว่าการรักษา"

อ่านบทความอื่นๆ:เกี่ยวกับถุงยางอนามัยได้ที่ >> https://thaihivmap.com/%e0%b8%...84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b9%83/
หน้า: [1]