ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

  แสดงกระทู้
หน้า: [1] 2
1  อื่นๆ / Cafe / สัญญาณเตือนผิวแก่ รีบดูแลก่อนสายเกินไป เมื่อ: 29 มีนาคม 2021, 09:56:42
           หลายคนประสบปัญหาอายุผิวหน้า นำหน้าอายุจริง อาจเกิดจากปัจจัยในร่างกายของเราเอง เช่น ระบบไหลเวียนโลหิตและพันธุกรรม หรือปัจจัยภายนอกอย่างแสงแดด มลภาวะ และการสูบบุหรี่ ที่ล้วนแต่มีผลทำให้เกิดอนุมูลอิสระและยังทำลายคอลลาเจนในผิว ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ไม่เต่งตึง ไม่ยกกระชับเหมือนกับที่ผ่านมา ซึ่งการดูแลผิวอย่างถูกวิธี จะช่วยลดปัญหาผิวแก่ก่อนวัยได้ มาเริ่มต้นรับมือกับปัญหาผิวแก่ โดยการเช็คสภาพผิวง่ายๆ ด้วยตัวเองกันดีกว่า



สัญญาณเตือนผิวแก่ มีอะไรบ้าง?

1.   ริ้วรอย ตีนกา

ริ้วรอยบนใบหน้าส่วนหนึ่งเกิดจากการแสดงสีหน้าและการแสดงอารมณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดที่บ่งบอกให้รู้ว่าเรากำลังมีผิวแก่ เพราะอายุที่มากขึ้น ส่งผลให้ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง ผิวที่เคยเต่งตึงจึงเริ่มหย่อนยาน มีริ้วรอย บวกกับคอลลาเจนใต้ผิวเสื่อมสภาพและผิวขาดความชุ่มชื้น จึงทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย โดยริ้วรอยแห่งวัยมักเริ่มต้นเกิดขึ้นที่หางตา ร่องแก้ม หัวคิ้ว เป็นต้น

2.   ผิวหย่อนคล้อย ไม่เฟิร์ม

ผิวพรรณหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วง เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง และไขมันใต้ผิวมีปริมาณลดลง ทำให้ผิวไม่อิ่มเอิบ ไม่ยกกระชับ ไร้ความเต่งตึงเหมือนตอนที่อายุยังน้อย

3.   ผิวแห้งและหมองคล้ำ

อายุที่มากขึ้น ทำให้ความสามารถในการผลิตไขมันน้อยลง ผิวจึงเกิดอาการแห้งขาดน้ำ ผนวกกับคอลลาเจนที่เสื่อมถอยไปตามวัย ระดับฮอร์โมนที่ลดต่ำลง และปัจจัยอื่นๆ เช่น แสงแดด ความเครียด การดื่มน้ำน้อย การสูบบุหรี่ ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหมองคล้ำลง

4.   ฝ้ากระบนใบหน้า

ช่วงอายุ 30-40 ปีเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้การสังเคราะห์คอลลาเจน และอีลาสตินในผิวลดน้อยลง ผิวจึงขาดความชุ่มชื้น และบางลง เมื่อต้องเผชิญกับแสงแดด และป้องกันผิวได้ไม่ดีพอ จะมีโอกาสเกิดฝ้าได้ง่าย บวกกับการผลัดเซลล์ผิวที่ทำงานได้ช้าลง เซลล์ผิวที่เกาะตัวหนาขึ้น จึงเกิดเป็นฝ้า กระได้ง่าย

5.   รูปหน้าเปลี่ยนไป

แรงโน้มถ่วงและการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวไม่สามารถต้านแรงโน้มถ่วงได้ จึงเกิดความหย่อนคล้อย ไม่ยกกระชับ เช่น แก้มที่ห้อยย้อย รวมถึงเบ้าตาที่ลึก กรามที่ขยายใหญ่ การหดตัวของขากรรไกร ทำให้รูปหน้าดูแตกต่างจากเดิม

 

สุดยอดอาหารจากธรรมชาติ ต่อต้านผิวแก่



ปลาแซลมอล ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีล ปลาทูน่า เป็นแหล่งโปรตีน ช่วยซ่อมแซมเซลล์ร่างกายที่เสื่อมโทรม อุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอความแก่ ทั้งยังมีสารอาหารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวอีกด้วย
ฟักทอง มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวพรรณ
 



เต้าหู้ การรับประทานเต้าหู้บ่อยๆ ช่วยให้ผิวที่หย่อนคล้อย ไม่ยกกระชับ ดูอ่อนล้า กลับมาสดใส ริ้วรอยดูตื้นขึ้นและผิวกระชับ
น้ำผึ้ง หากรับประทานน้ำผึ้งเป็นประจำ ทำให้ผิวชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ดูอ่อนเยาว์ ทำให้ริ้วรอยลดน้อยลง และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น และยังมีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสี UV อีกด้วย
 



บร็อกโคลี่ เป็นแหล่งวิตามินเอ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวและป้องกันความเสื่อมของเซลล์ผิว และมีวิตามินซี ที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวยืดหยุ่นและเต่งตึง
 



ชาเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ถ้าดื่มเป็นประจำ จะช่วยบำรุงเซลล์ผิว ปรับสมดุลผิว ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง สดใส ไม่แห้งตึง
 

Tips ดูแลตัวเองอย่างไร? ให้ผิวไม่แก่ก่อนวัย

1.   พักผ่อนให้เพียงพอวันละ 8 ชั่วโมง และเป็นเวลา เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ผิวสดใส ไม่โทรม ตาไม่คล้ำเป็นแพนด้า

2.   หมั่นทาครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ไม่ให้ผิวมีริ้วรอยเหี่ยวย่นและแก่ก่อนวัย

3.   ดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ผิวเต่งตึง สดใส แต่ถ้าใครอยากเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถบีบมะนาวลงไป เพื่อช่วยชะลอวัยให้ผิว ลดริ้วรอยได้

4.   ดูแลผิวรอบดวงตา ริ้วรอย รอยบวม รอยคล้ำรอบดวงตา มักเกิดขึ้นได้ง่าย เมื่อคุณอายุมากขึ้น นอกจากการทาอายครีมแล้ว สามารถใช้ช้อนแช่เย็นประคบตาเช้าเย็น จะช่วยให้อาการบวมรอบดวงตาดีขึ้นได้

5.   ออกกำลังกายใบหน้าง่ายๆ ด้วยการขยับปากเป็นคำว่า A, E, I, O, U ซึ่งถือเป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อ ช่วยยกกระชับใบหน้า ทำให้รูปหน้าเรียวสวยขึ้น

6.   นวดยกกระชับใบหน้า โดยการนวดเป็นวงกลมตั้งแต่ปลายคางจนถึงขมับ ช่วยลดการบวมน้ำ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น ทำอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้หน้าเรียว ดูอ่อนวัยลง

7.   ยกกระชับหน้าโดยการทำโยคะใบหน้า ช่วยให้หน้าเรียวขึ้น และช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัยให้หน้าดูเด็กลง

ติดตามบทความจัดเต็มได้จาก https://www.lovelyeyeclinic.com/  
2  อื่นๆ / Cafe / Re: ไขความลับผิวสวยย้อนวัย เมื่อ: 29 มีนาคม 2021, 09:52:13
 wanwan017
ขอบคุณสำหรับบทความครับ
3  อื่นๆ / Cafe / ไขความลับผิวสวยย้อนวัย เมื่อ: 24 มีนาคม 2021, 18:03:59
    หากเอ่ยถึงนวัตกรรมที่ช่วยยกกระชับหน้า ชะลอวัย คืนความสดใสให้กับผิวที่ดีที่สุดในปัจจุบัน หลายคนจะนึกถึง Ulthera Authentic เพราะเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ผิวเต่งตึง โดยไม่ต้องผ่าตัด ที่ให้พลังงานลงลึกถึงผิวชั้นลึกและไม่ส่งผลต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง จึงเป็นนวัตกรรมยกกระชับที่เหล่ากูรูความงามและเซเลปต่างไว้วางใจ ด้วยผลลัพธ์ที่รวดเร็วและปลอดภัย ใครมีแพลนจะทำหน้าเด็ก ลองมาไขความลับกับ Ulthera Authentic กันก่อนดีกว่า



หลักการทำงาน

                Ulthera Authentic เป็นนวัตกรรมการยกกระชับหน้า ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่สามารถส่งพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง  (Focused Ultrasound) ซึ่งมีความเฉพาะเจาะจงและแม่นยำลงลึกสู่ชั้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังจนถึงระดับชั้นกล้ามเนื้อชั้นบน SMAS ที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งรูปหน้า ซึ่งนวัตกรรมอื่นไม่สามารถทำได้ โดยคลื่นเสียงจะถูกส่งผ่านสู่ผิวหนังเป็นจุดเล็กๆ อย่างสม่ำเสมอ ภายใต้การดูแลของคุณหมอที่สามารถมองเห็นชั้นผิวหนังได้จากหน้าจอ ขณะทำการรักษา ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง ซึ่งการทำ Ulthera Authentic นี้จะช่วยในเรื่องของการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ และช่วยรั้งเส้นใยคอลลาเจนให้ยึดกับผิวชั้นบนได้ดีขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยตึงขึ้น และถูกยกกระชับ ผิวจึงเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

 


 

เปรียบเทียบ Ulthera Authentic กับนวัตกรรมอื่นๆ

1. Ulthera Authentic โดดเด่นในเรื่องของการยกกระชับหน้าได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อเทียบกับ Hifu หรือ Thermage
2. Ulthera Authentic และ Hifu เป็นนวัตกรรมกระชับผิวด้วยเทคโนโลยีอัลตราซาวด์ลงลึกสู่ผิวชั้นลึกระดับ SMAS เพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ให้ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยเต่งตึงกระชับขึ้น
3. ตัวเครื่อง Ulthera Authentic ให้พลังงานที่สูงและแม่นยำมากที่สุด
4. Ulthera Authentic เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อย โดยที่มีไขมันสะสมบนใบหน้าไม่มาก และต้องการยกกระชับหน้า หรือรอบตา ส่วน Thermage จะเหมาะกับผู้ที่มีไขมันบริเวณใบหน้ามาก และต้องการยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อย รวมถึงลดเหนียงที่คาง
5. Ulthera Authentic เป็นนวัตกรรมที่เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป มีริ้วรอยมาก ส่วน Hifu จะเหมาะกับผู้ที่มีอายุ 25-35 ปี ที่มีริ้วรอยไม่มาก
6. หลังทำ Ulthera Authentic สามารถเห็นผลได้ภายใน 2 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ขณะที่ Thermage สามารถเห็นผลได้ภายใน 3 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ส่วน Hifu จะเห็นผลชัดเจนได้ต่อเมื่อรับบริการประมาณ 2-3 สัปดาห์ และผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6 เดือน - 1 ปี
 

                นวัตกรรมแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและข้อดีแตกต่างกัน การเลือกใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและ สภาพผิวของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอ ส่วนจำนวนครั้งที่รับบริการจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการตอบสนองของผิวของแต่ละคนด้วย

 


 

ยกกระชับ ย้อนวัยผิวหน้า ด้วย Ulthera Authentic

1. เป็นนวัตกรรมที่สามารถส่งคลื่นพลังงานความร้อนสู่ใต้ผิวได้อย่างสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้เกิดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ผิวจึงเต่งตึงกระชับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. สามารถยกกระชับผิวหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่เจ็บและไม่ต้องพักฟื้น
3. ส่งพลังงานลงลึกสู่ผิวอย่างแม่นยำ จึงไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง
4. ไม่ทำให้ผิวชั้นนอกเบิร์นหรือโดนทำลายจนเป็นแผล
5. ช่วยให้ผิวกระชับและเรียบเนียนมากขึ้น
6. เห็นผลทันทีหลังรับบริการครั้งแรก และเห็นผลได้ชัดเจนภายในเวลาประมาณ 2 เดือน
7. ใช้เวลาในการรับบริการไม่นาน
8. หลังทำสามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
9. คุณหมอดูแลอย่างใกล้ชิดและสามารถเห็นสภาพผิวหนังชั้นลึกผ่านจอเครื่อง จึงสามารถควบคุมการปล่อยพลังได้อย่างเหมาะสม ทำให้การรักษามีความปลอดภัยสูง
 


ผลลัพธ์ของการยกกระชับหน้า ด้วย Ulthera Authentic

1. โครงสร้างผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ และอยู่ยาวนานถึง 1-2 ปี
2. ลดเลือนริ้วรอยและความหย่อนคล้อย ผิวเปล่งปลั่งและเนียนกระชับขึ้น
3. ยกกระชับหน้าเรียว กรอบหน้าชัดขึ้น
4. ใบหน้าตึงกระชับ ดูอ่อนเยาว์ลง
5. แก้ปัญหาคิ้วและหนังตาตก ช่วยให้ดวงตาดูโต สดใสขึ้น
6. แก้ปัญหาผิวลำคอที่เหี่ยวย่น มีเหนียง หรือคางสองชั้น ให้คางเรียวได้รูปมากขึ้น

https://www.lovelyeyeclinic.com/

4  อื่นๆ / Cafe / Re: เปลี่ยน “ตาปรือ” เป็น “ตาปัง” เมื่อ: 24 มีนาคม 2021, 17:59:13
ขอบคุณสำหรับบทความครับ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
5  อื่นๆ / Cafe / เปลี่ยน “ตาปรือ” เป็น “ตาปัง” เมื่อ: 24 มีนาคม 2021, 14:03:35
   อาการตาปรือ ทำให้สีหน้าไม่สดใสและดูง่วงนอนตลอดเวลา หลายท่านเข้าใจผิดว่าการทำตาสองชั้นสามารถแก้ปัญหาตาปรือได้ ซึ่งความจริงแล้วการทำตาสองชั้น ช่วยให้เกิดชั้นตาเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ปัญหากล้ามเนื้อตา ซึ่ง Lovely Eye & Skin Clinic รับรู้และเข้าใจถึงปัญหาดวงตาของคนเอเชียเป็นอย่างดี จึงได้พัฒนาเทคนิคการทำตาสองชั้น พร้อมดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ (Lovely Blepharoplasty Levator) ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาดวงตาได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ  

 


 

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการ “ตาปรือ”

               สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดลักษณะตาปรือที่พบมากเกิดจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ptosis) ซึ่งเป็นอาการที่กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ควบคุมการยกเปลือกตาแสดงอาการอ่อนล้ามากกว่าปกติ คนที่มีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหรือออกแรงได้ไม่เต็มที่ เปลือกตาบนจะปิดทับตาดำลงมามากกว่า 1-2 มิลลิเมตร จนทำให้เห็นลูกตาดำทั้งสองข้างไม่เท่ากัน หรือตาลึกโหล จนเห็นชั้นตามากกว่าหนึ่งชั้น ส่วนใหญ่อาการตาปรือจากภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จะเป็นมาแต่กำเนิด จะเห็นได้ในกลุ่มเด็ก ซึ่งอาจมีปัญหาเกี่ยวกับสายตา อย่างอาการตาขี้เกียจ หรือบางเคสก็อาจเกิดจากสาเหตุของอายุที่มากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อตาตกลงตามแรงโน้มถ่วงโลก หรือในบางเคสอาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือโรคที่มีผลต่อกล้ามเนื้อตา อย่างเช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการภูมิแพ้ ที่ส่งผลให้เกิดการขยี้ตา เป็นต้น

               นอกจากนี้เทรนด์ความสวยความงามเกี่ยวกับดวงตาในปัจจุบันก็ยังส่งผลให้คนมีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเพิ่มมากขึ้น อย่างเช่น เทรนด์ของการใส่คอนแทคเลนส์ ที่ทำให้กล้ามเนื้อตามีความเสี่ยงที่จะยืดออก จนเกิดอาการตาปรือ หรือเทรนด์ของการศัลยกรรมตาสองชั้น หากไม่ได้ทำศัลยกรรมกับแพทย์ตัวจริง อาจทำให้การทำตาสองชั้นไม่มีคุณภาพ ปมไหมใต้เปลือกตาอยู่ในตำแหน่งที่ขัดขวางการทำงาน ซึ่งอาจทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อตาไม่ราบรื่นตามปกติ จึงอาจทำให้เกิดอาการตาปรือตามมาในภายหลังได้

 

ระดับอาการของ “ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง”

กล้ามเนื้อตาปกติ เปลือกตาด้านบนจะปิดคลุมลูกตาดำไม่เกิน 1-2 มิลลิเมตร
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงระดับแรก เปลือกตาด้านบนจะปิดคลุมลูกตาดำเกินกว่า 2 มิลลิเมตร
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงระดับปานกลาง เปลือกตาด้านบนจะปิดคลุมลูกตาดำเกินกว่า 3 มิลลิเมตร
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงระดับรุนแรง เปลือกตาด้านบนจะปิดคลุมลูกตาดำเกินกว่า 4 มิลลิเมตรขึ้นไป
 


 

เช็คก่อน อาการแบบไหน? เข้าข่าย “ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง”

1. มีอาการหนังตาตกมาตั้งแต่กำเนิด
อาจหนังตาตกข้างเดียว หรือทั้งสองข้างก็ได้ เป็นเหตุให้เกิดปัญหาในการมองเห็น เพราะหนังตาที่ตกลงมาจะบดบังทัศนียภาพรอบข้างบางส่วน

2. ใส่คอนแทคเลนส์มานาน จนกล้ามเนื้อตาเกิดการยืดออก
ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์มาเป็นระยะเวลานาน เสี่ยงต่อการยืดออกของกล้ามเนื้อตา ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงตามมาในภายหลังได้

3. ขยี้ตาบ่อย จากอาการภูมิแพ้
โดยปกติแล้ว อาการภูมิแพ้ก่อให้เกิดอาการคัน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณผิวหนัง หรือดวงตา ซึ่งการสัมผัส เกา หรือขยี้ตาบ่อย ทำให้กล้ามเนื้อตาถูกยืดขยายออก นานวันเข้าอาจส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้

4. ลืมตาไม่ขึ้น
กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ทำให้เปลือกตาบนตกลงมาปิดลูกตาดำ แม้ว่าคนที่มีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงจะเปิดตาเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถยกเปลือกตาให้สูงเท่ากับคนปกติได้

5. เลิกคิ้วบ่อย จนเกิดรอยย่นบนหน้าผาก
คนที่มีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง บ่อยครั้งจะพยายามออกแรงเลิกคิ้ว เพื่อเบิกตาให้กว้าง จึงทำให้เกิดริ้วรอยบนหน้าผาก จนสังเกตเห็นได้ชัด

 

ผลเสียของอาการ “ตาปรือ”

ส่งผลต่อบุคลิกภาพ เพราะตาที่ปรือลง ทำให้ดูเหมือนคนง่วงนอนตลอดเวลา บั่นทอนความมั่นใจ อาจทำให้ไม่กล้าสบตาคนอื่นตรงๆ หรือเสียความมั่นใจเวลาถ่ายรูป
การมองเห็นอาจไม่ชัดเจน เพราะเปลือกตาที่ตกลงบังลูกตา ทำให้การมองเห็นด้อยประสิทธิภาพลง
เกิดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก จากการที่ต้องเลิกคิ้ว เพื่อเบิกตาให้กว้างบ่อยๆ
ตาสองข้างอาจดูไม่เท่ากัน ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สมดุล และอาจทำให้แต่งหน้ายาก
 


 

คลายปัญหา “ตาปรือ” ที่ Lovely Eye & Skin Clinic

               สามารถทำตาสองชั้นด้วยเทคนิคการดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ (Lovely  Blepharoplasty Levator) เพื่อแก้ปัญหาตาปรือ หรือกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ptosis) ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งกรณีที่มีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง สามารถทำร่วมกับการทำตาสองชั้น โดยมีขั้นตอนที่ละเอียดกว่าการทำตาสองชั้นปกติในการลงลึกถึงระดับชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อปรับระดับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตา ให้กลับมาเป็นปกติ ตาไม่ปรือ เปลือกตาไม่ตกซ้ำอีก นอกจากนี้ในเคสที่ไม่มีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง สามารถดึงกล้ามเนื้อลีเวเตอร์ พร้อมกับการทำตาสองชั้น เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ของการทำตาสองชั้น ที่ไม่ใช่เพียงแต่ได้ชั้นตาที่สวยคมชัด แต่ดวงตายังดูกลมโตขึ้น ตาสวยได้อย่างถาวร

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก https://www.lovelyeyeclinic.com/
6  อื่นๆ / Cafe / Re: คำถามที่พบบ่อยในการทำตาสองชั้น เมื่อ: 24 มีนาคม 2021, 13:56:25
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆจ้า

 wanwan017
7  อื่นๆ / Cafe / คำถามที่พบบ่อยในการทำตาสองชั้น เมื่อ: 23 มีนาคม 2021, 14:03:57
Q : การทำตาสองชั้นมีกี่แบบ ?

คุณหมอรวงข้าว : หมอจะประเมินเป็นเคสบายเคส แต่โดยส่วนใหญ่คนไข้ที่มาทำตาสองชั้นกับหมอ จะมีปัญหาหนังตาเยอะ ซึ่งหมอจะแนะนำให้ทำตาแบบกรีดยาว ใช้ไมโครเลเซอร์ (New Lovely Microlaser) เพื่อตัดหนังตาส่วนเกินออก และเย็บชั้นตาเลียนแบบธรรมชาติ ส่วนอีกวิธีหนึ่งอาจไม่ได้รับความนิยมเท่าวิธีแรก เป็นวิธีที่ไม่ได้ตัดหนังตา เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดรอยแผลยาว เพราะคนไข้บางคนอาจไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับการดูแลแผล (ประมาณ 1 สัปดาห์) จึงเลือกทำแบบแผลเล็ก กรีดแค่ตรงกลาง และเย็บชั้นตาให้เห็นชัดเจนขึ้น แต่วิธีนี้จะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีหนังตาเยอะ หรือคนที่มีตาสองชั้นเดิมอยู่แล้ว อย่างเคสที่มีหนังตาส่วนเกิน แต่เลือกทำแผลเล็ก หนังตาส่วนเกินจะไม่ได้ถูกนำออกไป ถึงชั้นตาจะชัดขึ้นแล้ว แต่เนื้อส่วนเกินยังอยู่ที่เดิม หลังทำอาจจะขึ้นไปปูดอยู่ตรงด้านบนรอยพับชั้นตาแทน และอนาคตจะทำให้ตาตกเร็วกว่า และมีอีกแบบหนึ่ง คือ การทำตาสองชั้นแบบดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ (Lovely Blepharoplasty Levator) ใช้ในการรักษาเคสที่มีลักษณะตาปรือ ดูง่วงนอน หรือมีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

 

Q : รอยเขียวช้ำ หลังผ่าตัดกี่วันหาย

คุณหมอรวงข้าว : ส่วนใหญ่ถ้าเราดูแลตัวเองดีๆ หลังผ่าตัด อาการเขียวช้ำจะไม่เกิดขึ้น และระหว่างผ่าตัด ถ้าบางเคสตื่นเต้นระหว่างทำ ทำให้ความดันขึ้น ชีพจรเต้นเร็ว ก็อาจจะมีอาการบวม ซึ่งจะหายช้ากว่าคนที่ไม่ตื่นเต้น หลังผ่าตัดการดูแลรักษาตัวเองที่บ้าน หมอแนะนำให้ประคบเย็นอย่างสม่ำเสมอ ในช่วง 3 วันแรก เพื่อให้เลือดหยุดและลดอาการบวม ถ้าคนไข้ที่ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดก็จะหายเร็ว และไม่ควรก้ม หรือออกแรงมากเกินไป เพราะการก้มและออกแรงมากๆ อาจทำให้ความดันขึ้น จนเกิดอาการบวมตามมา

 

Q : ใช้เวลานานไหม เวลาผ่าตัด

คุณหมอรวงข้าว : หากเป็นการทำตาสองชั้น เปิดหัวตา จะใช้เวลาประมาณ 40 นาที แต่ทั้งนี้จะต้องมีเวลาสำหรับเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดที่ค่อนข้างนานเล็กน้อย เพราะต้องทำความสะอาดหน้า วัดความดัน อธิบายเรื่องการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด อธิบายเรื่องข้อจำกัดของแต่ละคนก่อนเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าชั่วโมง

 

Q : Lovely Eye & Skin Clinic มีเทคนิคการทำตาแบบเฉพาะ แตกต่างจากที่อื่นอย่างไรบ้าง

คุณหมอรวงข้าว : หมอจะประเมินปัญหาตาเป็นเคสๆ ไป ก่อนจะรวบรวมปัญหาทั้งหมดและหาวิธีแก้ไขให้ครอบคลุมและตรงจุด อย่างเช่น คนไข้บางคนเคยทำตามาแล้วก็จะมีปัญหาแตกต่างกัน บางเคสอาจจะมีปัญหาไขมันเยอะ เบ้าตาลึก ตาปรือ ลืมตาไม่เต็มที่ ตาไม่เท่ากัน ปัญหาตาจะค่อนข้างหลากหลาย หรือบางปัญหาอาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัดก็มี เช่น ความหย่อนคล้อย ถุงไขมันระยะเริ่มต้น ร่องใต้ตา ริ้วรอย หมอจะวิเคราะห์ให้ตรงจุด และแก้ไขอย่างเหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคน ซึ่งการทำตาสองชั้นจะมีเทคนิคการเปิดหัวตาสำหรับเคสที่เหมาะสมกับการเปิดหัวตาร่วมด้วย เพื่อให้ดวงตาเกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน ตาโตขึ้น ดูมีเสน่ห์มากขึ้น สำคัญอยู่ที่การออกแบบชั้นตา จะต้องอาศัยศิลปะและมุมมอง หลังจากทำตาสองชั้นแล้ว ตาควรจะโตขึ้น มีเสน่ห์มากขึ้น หวานขึ้น แววตาดูสวยขึ้น ชั้นตาดูสวยขึ้น ส่วนเทคนิคการผ่าตัด หมอจะทำให้ชั้นตาดูเลียนแบบธรรมชาติของแต่ละบุคคลมากที่สุด

 

Q : หนังตาตก อยากทำตาสองชั้น ที่ชั้นไม่ใหญ่ จะทำได้ไหม

คุณหมอรวงข้าว : ส่วนใหญ่ ถ้าคนไข้มีตาสองชั้นอยู่แล้ว เราจะใช้ชั้นตาเดิมเป็นเกณฑ์ เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยมีการตัดเอาหนังตาส่วนเกินออก และเย็บให้เห็นตาสองชั้นที่ชัดเจนขึ้น ก็จะได้ชั้นตาที่เป็นธรรมชาติ

 

Q : ตาเล็ก ชั้นเดียว แต่อยากทำตาอัลมอนด์แบบที่กำลังฮิต ต้องใช้เทคนิคอะไรบ้าง

คุณหมอรวงข้าว : จุดเด่นทรงอัลมอนด์ อยู่ตรงความเรียวบริเวณหัวตากับหางตา และมีความโตตรงกลาง สำหรับเคสที่มีหัวตาปิด จะเห็นหัวตาค่อนข้างแคบและไม่สมดุลกับหางตา จึงต้องใช้เทคนิคการเปิดหัวตา ลดหนังตาที่บังพื้นที่ตรงหัวตา และตัดหนังตาส่วนเกินออก จะทำให้ตาโตขึ้นและเป็นทรงอัลมอนด์

 

Q : ตาโตอยู่แล้ว แต่รูปตาสั้น อยากตาเรียวแบบสาวเกาหลี จะทำได้ไหม

คุณหมอรวงข้าว : ในเคสที่เคยทำตาสองชั้นมาแล้ว แต่ทรงตายังดูไม่ยาวพอ ก็สามารถเปิดหัวตา และเปิดหางตาร่วมด้วยได้ เพื่อให้พื้นที่ดวงตากว้างขึ้น และรอยพับชั้นตายาวจรดหัวตา ทำให้โดยรวมดวงตาดูเรียวยาวสวยขึ้น  

 

Q : มีแพลนทำจมูก แต่จองทำตาสองชั้นเรียบร้อยแล้ว ควรทำตาหรือจมูกก่อน

คุณหมอรวงข้าว : ถ้าไม่มีแพลนเปิดหัวตา ก็ไม่กระทบอยู่แล้ว จะทำอะไรก่อนก็ได้ แต่บางเคส มีเนื้อปิดหัวตาอยู่ระดับหนึ่ง ไม่เยอะมาก แต่พอทำจมูกแล้วหัวตาเปิดขึ้นเลย ก็อาจจะไปทำจมูกก่อน เพื่อที่จะไม่ต้องเปิดหัวตา แต่ไม่ว่าจะทำอะไรก่อนก็ต้องเว้นระยะให้หายบวมก่อน ซึ่งหมอแนะนำให้เว้นระยะ 1 เดือนค่ะ

 

Q : อยากทำตา แต่เป็นแพนิค

คุณหมอรวงข้าว : โดยส่วนใหญ่ ทีมงานจะดูแลคนไข้ให้เกิดความผ่อนคลายก่อนผ่าตัด และระหว่างผ่าตัดก็จะมีการพูดคุยให้คนไข้ผ่อนคลาย เทคนิคนี้จะช่วยให้การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีทุกเคส แต่ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรคด้วย คนที่เป็นโรคแพนิคสามารถปรึกษาหมอ เพื่อประเมินอาการก่อนได้ และถ้ามียาที่รับประทานอยู่แล้ว ก็สามารถทานเพื่อควบคุมอาการได้ ยกเว้นยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ต้องให้หมอประเมินก่อน

 

Q : อยากแก้ตาให้ชั้นเล็กลง กลับไปหมวยเหมือนเดิม ทำได้ไหม

คุณหมอรวงข้าว : ต้องพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป แต่กรณีที่ทำตาสองชั้นแล้วใหญ่เกินไป สามารถแก้ไขให้ชั้นตาเล็กลงได้ โดยเติมไขมัน เพื่อให้ชั้นเล็กลง หรือปรับระดับกล้ามเนื้อให้สามารถลืมตาได้มากขึ้น

 

Q : ถ้าตาไม่เท่ากัน ทำอย่างไรให้เท่ากันได้

คุณหมอรวงข้าว : มีหลายสาเหตุที่ทำให้ตาไม่เท่ากัน เช่น หนังตาข้างหนึ่งตกมากกว่าอีกข้างหนึ่ง เราสามารถตัดหนังตาส่วนเกินของตาข้างที่ตก เพื่อให้ตาดูเท่ากัน หรือถ้าตาไม่เท่ากัน จากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เมื่อแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแล้ว ตาก็จะดูเท่ากัน หรือตาไม่เท่ากัน เพราะคนไข้ติดการเลิกคิ้วหนึ่งข้าง อาจไม่ต้องผ่าตัด แต่ใช้โบท็อกซ์ในการปรับ หรือบางเคสอาจตาไม่เท่ากันจากโครงสร้างในส่วนที่แก้ไม่ได้ ก็ต้องพิจารณาเป็นเคสบายเคสไป

 

Q : กลัวเป็นแผล หลังทำ จะมีวิธีการรับมืออย่างไร

คุณหมอรวงข้าว : การผ่าตัดทำตาสองชั้น จำเป็นจะต้องมีรอยแผล ถ้าเราอยากผ่าตัดหนังตาส่วนเกินออก หรือถ้าเราเลือกที่จะไม่มีรอยแผล เราก็จะไม่ได้รับการผ่าตัดนำหนังตาส่วนเกินออก ซึ่งถ้าเลือกแบบมีแผล ก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่แผลจะจางหายไป ทุกวันนี้ เราก็พยายามใช้วิวัฒนาการรักษาแผลที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างการใช้ไมโครเลเซอร์ในการผ่าตัดหนังตา จะช่วยให้แผลเรียบเนียนขึ้น เลือดออกน้อยลง หรือการรักษาแผลหลังผ่าตัด จะมีเป็นเลเซอร์ที่ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

ขอขอบคุณ คุณหมอรวงข้าว
ติดตามบทความเกี่ยวกับการทำตาสองชั้นเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lovelyeyeclinic.com/
8  อื่นๆ / Cafe / Re: กำจัดรอยย่นหน้าผากอย่างไรไม่ให้แก่ก่อนวัย เมื่อ: 23 มีนาคม 2021, 14:02:25
ขอบคุณสำหรับบทความครับ

 wanwan017
9  อื่นๆ / Cafe / กำจัดรอยย่นหน้าผากอย่างไรไม่ให้แก่ก่อนวัย เมื่อ: 22 มีนาคม 2021, 10:05:48
        ความเครียดและความเหนื่อยล้าทุกวันอาจก่อให้เกิดเส้นที่ไม่พึงประสงค์บนใบหน้าคุณได้ เคยลองสังเกตลักษณะเส้นขมวดคิ้ว หรือเส้นร่องบนหน้าผากของคุณหรือไม่ ที่เรียกกันว่า “รอยย่นหน้าผาก” (Forehead Wrinkled)  ริ้วรอยที่ปรากฏตลอดเวลาแม้ไม่ขยับใบหน้าก็ยังมองเห็น นับเป็นปัญหาผิวพรรณที่พบมากเมื่ออายุมากขึ้น เพราะนี่คือสัญญาณแห่งความแก่ก่อนวัยอันควร ที่สาวๆ หลายคนกำลังเป็นกังวล


สาเหตุและข้อสังเกต

        การแสดงสีหน้าและอารมณ์รวมทั้งการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวตามวัย เป็นสาเหตุสำคัญที่มักปรากฏริ้วรอยย่นบนหน้าผากเด่นชัดที่สุดบนใบหน้า  บางครั้งก็พบว่าเกิดจากการใช้สายตาเยอะ จากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือนานๆ ทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากบ่อยๆ รวมทั้งพฤติกรรมในการทำงานสำหรับคนที่มักเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เกิดริ้วรอยตรงหว่างคิ้วเป็นร่องลึก


        ข้อสังเกตสำหรับคนที่มีหนังตาตกหรือกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือออกแรงน้อย หรือออกแรงไม่เต็มที่ (Ptosis) ทำให้ลืมตาได้ไม่ค่อยสุดส่วนใหญ่มักเกิดจากความหย่อนของกล้ามเนื้อที่มีหน้าที่ในการเปิดตา โดยให้สังเกตจากอาการ ลืมตาไม่ค่อยขึ้นต้องค่อยเบิ่งตาบ่อย ทำให้เกิดอาการเลิกคิ้วและมีรอยย่นบนหน้าผากตามมา

การดูแลและการรักษาหน้าผากย่น

ในระยะแรก เป็นเล็กน้อยถึงปานกลาง เคล็ดลับง่ายๆ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชะลอวัยและลดริ้วรอย ในกลุ่ม Anti-aging ที่มีส่วนผสมวิตามิน A ควรใช้เป็นประจำ และทุกครั้งก่อนออกจากบ้านควรทาครีมกันแดดควบคู่กันไปด้วย วิธีนี้ต้องใช้ความอดทนและระยะเวลานานในการเห็นผลว่ารอยย่นนั้นหายไป
 


 

ระยะเป็นมาก เห็นร่องลึกที่หน้าผากชัดเจน การใช้วิธีทั่วไปนั้นต้องใช้เวลานาน แต่การรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ นับเป็นนวัตกรรมด้านความงามที่ให้ผลการรักษาชัดเจนครั้งแรกที่ทำ  เช่น การฉีดสารเติมเต็มหรือชื่อทางการแพทย์ คือสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน  ที่นำเข้าจากประเทศทั้งแถบยุโรป อเมริกา และเอเชีย มีข้อบ่งใช้คือ เป็นสารฉีดเติมเพื่อใช้สำหรับเพิ่มปริมาณของเนื้อเยื่อ เพื่อใช้ในการแก้ไขการยุบตัวของเนื้อเยื่อผิวหน้าเสื่อมสภาพตามวัย เช่น แผลเป็น ริ้วรอยลึกปานกลางถึงลึกมากและรอยยุบร่องแก้ม ใช้เพื่อสร้างความโค้งมนของใบหน้าที่ต้องการ เช่น บริเวณโหนกแก้ม คาง รวมถึงใช้เพื่อเพิ่มริมฝีปาก ขอบปาก หรือความอวบอิ่มของริมฝีปาก เป็นต้น และที่สำคัญต้องฉีดโดยแพทย์เฉพาะทาง ผลของการฉีดสารเติมเต็มอยู่ได้ในระยะ 6 เดือน ถึง 1 ปี และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
 


 

กรณีหน้าผากย่นมาจากปัญหาหนังตาตก ทำให้ต้องเลิกคิ้วบ่อยๆ  ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดทำตาสองชั้นแบบดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์  จะมีการลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อตา เพื่อปรับระดับให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น สามารถยกเปลือกตาได้ดีขึ้น  การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ผลลัพธ์ที่ได้จะแก้ปัญหาอาการตาปรือ หรือตาง่วงนอนได้ ไม่ดูเหมือนคนง่วงตลอดเวลา และได้ชั้นตาสวยดูเท่ากันแล้วหน้าผากไม่ย่นก่อนวัยด้วย


บทความยังไม่จบ อ่านบทความแบบจัดเต็มได้ที่ https://www.lovelyeyeclinic.com/
10  อื่นๆ / Cafe / Re: 3 ปัญหาผิวที่พบบ่อยที่สุด ที่ควรระวัง !!! เมื่อ: 22 มีนาคม 2021, 10:01:19
ตามมาอ่าน wanwan016

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า
11  อื่นๆ / Cafe / Re: สูตร DIY ความลับผิวหน้าเด้ง สวยย้อนวัยด้วยไข่ไก่ เมื่อ: 22 มีนาคม 2021, 09:59:18
น่าสนใจครับ  wanwan017 wanwan017

ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ
12  อื่นๆ / Cafe / Re: 9 วิธีป้องกันโรคภูมิแพ้ขึ้นตา เมื่อ: 22 มีนาคม 2021, 09:57:42
wanwan017

 wanwan017
13  อื่นๆ / Cafe / Re: ทำตาสองชั้นสไตล์ผู้ชาย เมื่อ: 22 มีนาคม 2021, 09:56:32
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะค้า
14  อื่นๆ / Cafe / รู้จักกับความรู้เบื้องต้นในการศัลยกรรมความงามรอบดวงตา เมื่อ: 17 มีนาคม 2021, 15:13:15
รู้จักกับความรู้เบื้องต้นในการศัลยกรรมความงามรอบดวงตา

               ในปัจจุบันการทำศัลยกรรมมีความแพร่หลายเป็นอย่างมากในประเทศไทย และคนส่วนใหญ่ก็มักจะคิดว่าการทำศัลยกรรมนั้นจะต้องทำการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การศัลยกรรมถูกแบ่งออกเป็นหลายแบบ หลายประเภท และผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแตกต่างกันไป วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก ทำความเข้าใจเบื้องต้นเรื่องเกี่ยวกับการศัลยกรรมกันค่ะ

จักษุแพทย์ กับศัลยแพทย์แตกต่างกันอย่างไร

               จักษุแพทย์  คือ แพทย์ที่จบเฉพาะทางด้านการดูแลรักษาโรคตาทั้งการรักษาด้วยยา และการผ่าตัด
               ศัลยแพทย์  คือ แพทย์ที่จบเฉพาะทางด้านการรักษาโรคด้วยยา และการผ่าตัดรักษา โดยสามารถแยกออกเป็นหลายสาขา เช่น  ศัลยกรรมทั่วไป  ศัลยกรรมตา  ศัลยกรรมระบบหูคอจมูก  ศัลยกรรมโรคกระดูก ศัลยกรรมทางสูตินรีเวช แต่ส่วนใหญ่แล้ว คนไทย มักจะเรียกติดปากว่าหมอศัลย์สำหรับศัลยแพทย์ทั่วไป  ส่วนแพทย์ที่ผ่าตัดรักษาระบบอื่นๆ ก็จะเรียกง่ายๆ ว่า หมอตา   หมอหูคอจมูก   หมอออร์โธ(กระดูก)   หมอสูติ(สูตินรีแพทย์)   คนบางส่วนเข้าใจว่าการทำศัลยกรรมนั้นต้องทำโดยหมอศัลย์เท่านั้น  ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง

               ยังมีคนบางส่วนที่เข้าใจว่าจักษุแพทย์ คือผู้ที่ทำการรักษาโรคเกี่ยวกับดวงตาเพียงเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว จักษุแพทย์คือผู้ที่ทำการรักษาและดูแลบริเวณรอบดวงตาทั้งหมดรวมถึงการศัลยกรรมความงามรอบดวงตาด้วยเช่นกัน กล่าวคือจักษุแพทย์ที่ศัลยกรรมเฉพาะดวงตาถือเป็นศัลยแพทย์อีกแขนงหนึ่งที่แยกย่อยออกมาจากศัลยแพทย์ แต่จักษุแพทย์คือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการผ่าตัดตาเป็นอย่างมาก และเป็นผู้ที่จะคำนึงถึงผลแทรกซ้อนที่จะตามมาหลังการผ่าตัด และสามารถดูแลดวงตาหลังการทำผ่าตัดได้ดีที่สุด นอกจากนี้ โรคเกี่ยวกับเปลือกตาที่มีความซับซ้อน เช่น กล้ามเนื้อตา เอ็นตา จักษุแพทย์จะมีความเชี่ยวชาญมากกว่าศัลยแพทย์สาขาอื่น

               กล่าวโดยสรุปแล้ว จักษุแพทย์ มีความรู้ความชำนาญ ความถนัดในการผ่าตัด ในอวัยวะเล็กๆ และละเอียดอ่อนอย่างดวงตา มากกว่าศัลยแพทย์สาขาอื่นๆ  เปรียบเทียบง่ายๆกับการเลือกช่าง ถ้าหากเลือกช่างที่ถนัดเฉพาะด้านก็จะได้งานที่ดีที่สุด ถ้าให้ช่างก่อสร้าง มาทำงานแกะสลักผลไม้ ก็คงไม่ดีเท่าช่างแกะสลักผลไม้ทำเอง

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

The result may vary depending on each person.
ผลลัพธ์การผ่าตัด แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล



https://www.lovelyeyeclinic.com/
15  อื่นๆ / Cafe / ทำตาสองชั้นสไตล์ผู้ชาย เมื่อ: 16 มีนาคม 2021, 15:14:30

        การทำตาสองชั้น นับเป็นศัลยกรรมที่คนนิยมเป็นอันดับต้นๆ เมื่อทำแล้วสามารถเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้ทันที ช่วยให้ดวงตาดูสดใส ดูอ่อนเยาว์ และทำให้ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้มีแต่ผู้หญิงที่ทำตาสองชั้น เพราะผู้ชายก็สามารถเพิ่มเสน่ห์หรือแก้ไขปัญหาตา ด้วยการทำศัลยกรรมตาเช่นกัน เพราะพื้นฐานดวงตาของผู้ชายและผู้หญิงมีความแตกต่าง Lovely Eye & Skin Clinic จึงมีเทคนิคการทำตาสองชั้นพร้อมนวัตกรรมที่ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ปัญหาตา สำหรับคนทุกเพศ สามารถออกแบบชั้นตาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล

 

ปัญหาตาสองชั้นส่วนใหญ่ของผู้ชาย


1. ลักษณะเปลือกตาตก ทำให้ดูสูงวัยกว่าที่ควร
2. ไขมันบริเวณหนังตามีปริมาณมาก ทำให้ดวงตาดูเล็ก ไม่มีเสน่ห์
3. หนังตาตกลงมาปิดบางส่วนของตาดำ ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น
4. เห็นชั้นตาไม่ชัดเจน ดูเหมือนชั้นตาหลบใน บางครั้งเห็นชั้นตาเพียงครึ่งเดียว
5. มีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ทำให้ตาปรือ ไม่มีความสง่างาม

 

ทำตาสองชั้น ผู้ชาย VS ผู้หญิง

 

The result may vary depending on each person.
ผลลัพธ์การผ่าตัด ทำตาสองชั้น แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

 

1. โครงสร้างใบหน้าของเพศหญิง จะมีความอ่อนหวานกว่าเพศชายอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะบริเวณปลายคิ้วของผู้ชาย จะสามารถสังเกตเห็นเนินกระดูกได้เด่นชัดกว่าผู้หญิง
2. เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ไขมันหนังตาของผู้ชายส่วนใหญ่จะมีปริมาณมากกว่าไขมันหนังตาของผู้หญิง
3. ระยะห่างระหว่างคิ้วกับดวงตาของผู้ชายจะน้อยกว่าระยะห่างระหว่างคิ้วกับดวงตาของผู้หญิง
4. ผู้หญิงนิยมทำตาสองชั้นที่มีขนาดชั้นตาหนากว่าของผู้ชาย
5. ผู้ชายนิยมทำตาสองชั้นที่ดูเนียนเป็นธรรมชาติ เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ ไม่ได้แต่งหน้า หรือแต่งหน้าไม่จัด
6. ผู้ชายที่ตาเล็ก และต้องการทำให้ตาดูโตขึ้น นิยมปรับกล้ามเนื้อตาให้ดวงตาดูโตขึ้นร่วมกับการทำตาสองชั้น
 

อัตราส่วนดวงตาในอุดมคติของผู้ชาย

 

1. ระยะห่างของหัวตา ควรเท่ากับความกว้างของปีกจมูก
2. สัดส่วนความยาวของดวงตาข้างขวา ระยะห่างระหว่างหัวตาทั้งสองข้าง และความยาวของดวงตาข้างซ้าย ในอุดมคติ ต้องเท่ากับ 1 : 1 : 1
3. เมื่อลากเส้นจากหางคิ้ว หางตา และปีกจมูก จะต้องเป็นเส้นตรง
4. หางตาควรยกขึ้นเล็กน้อย โดยทำมุมประมาณ 5 องศากับหัวตา
 

แนะนำเทคนิคทำตาสองชั้นสำหรับผู้ชาย

 

1. ทำตาสองชั้น ตกแต่งหนังตาส่วนเกินเย็บชั้นธรรมชาติ (Lovely Blepharoplasty Signature)

เหมาะสำหรับคุณผู้ชายที่มีไขมันเปลือกตา หรือหนังตาส่วนเกินมาก สามารถใช้เทคนิคทำตาสองชั้น ตกแต่งหนังตาส่วนเกินเย็บชั้นธรรมชาติ ด้วยไมโครเลเซอร์ที่ช่วยให้ลดอาการบวมช้ำหลังผ่าตัด เลือดออกน้อย ซึ่งคิดค้นโดยคุณหมอรวงข้าว เป็นการเย็บชั้นตาที่เลียนแบบชั้นตาธรรมชาติ จึงเหมาะกับผู้ชายมากที่สุด

 

2. ทำตาสองชั้น แบบไร้รอยเย็บ (Lovely Blepharoplasty No Stitch)

เหมาะสำหรับคุณผู้ชายที่มีเปลือกตาบาง หนังตาน้อย สามารถใช้เทคนิคทำตาสองชั้นแบบแผลเล็กไร้รอยเย็บ ซึ่งจะมีการเปิดแผลขนาดเล็กเพียง 2 มิลลิเมตรเท่านั้น โดยที่ไม่ต้องตัดไหม จึงเป็นวิธีที่สะดวก หายไว เหมาะกับผู้ชายหลายๆ คนที่ไม่ได้แต่งหน้าเหมือนกับผู้หญิง

 

3. ทำตาสองชั้นแบบดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ (Lovely Blepharoplasty)

เหมาะสำหรับคุณผู้ชายที่มีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ตาปรือ สามารถใช้เทคนิคทำตาสองชั้น พร้อมปรับกล้ามเนื้อตา จะช่วยแก้ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง โดยปรับระดับให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ดวงตาโต ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
 

4. ทำตาสองชั้นตกแต่งหางตาให้ยกขึ้น

เหมาะสำหรับคุณผู้ชายที่มีตาชั้นเดียวและหนังตาเยอะมาก หรือ มีหนังตาเกินหรือไขมันส่วนเกินตกลงมาทับตาสองชั้นเดิม หรือหนังตาตก สามารถใช้เทคนิคนี้ในการตกแต่งเนื้อส่วนเกินที่ตกลงมาบริเวณหางตาให้ดูยกขึ้นให้เหมาะสมกับวัยและรับกับใบหน้า จึงช่วยแก้ปัญหาหางตาตกได้เป็นอย่างดี

 

หมายเหตุ : บทความนี้จัดทำขึ้นโดย บริษัท บีคัมเวลท์ จำกัด บริษัทสงวนลิขสิทธิ์ในข้อมูลที่ปรากฏในบทความนี้ ห้ามมิให้ผู้ใดใช้ประโยชน์ คัดลอก ดัดแปลง นำไปใช้ ก่อนได้รับอนุญาต มิเช่นนั้น ทางบริษัท จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างสูงสุด


https://www.lovelyeyeclinic.com/
16  อื่นๆ / Cafe / ฉีดลดริ้วรอย ลดกราม จากเยอรมัน ทางเลือกใหม่ของ “คนดื้อโบ” เมื่อ: 12 มีนาคม 2021, 12:41:30
      หลายคนเคยฉีดสารลดริ้วรอย ลดกราม เพื่อขจัดริ้วรอย หรือปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก ในครั้งแรกๆ ก็ได้ผลดี เพราะริ้วรอยหาย และหน้าเรียวสมใจ จึงติดใจฉีดต่อมาเรื่อยๆ ก่อนจะพบว่าฉีดแล้วกรามไม่ลด ริ้วรอยยังราวีกวนใจเหมือนเดิม สาเหตุอาจมาจากอาการ “ดื้อยา” หรือ “ดื้อโบ” นั่นเอง

อาการของ “คนดื้อโบ” เป็นอย่างไร?

ฉีดแล้วกรามไม่ลดลง
ฉีดแล้วผิวหน้าไม่เต่งตึง ไม่กระชับ
หมดฤทธิ์ไว

ฉีดลดริ้วรอย ลดกราม จากเยอรมัน เพื่อ “คนดื้อโบ” มีคุณสมบัติอย่างไร

สารลดริ้วรอย ลดกราม นำเข้าจากประเทศเยอรมนี ได้รับการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก FDA สหรัฐอเมริกาและมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก รวมถึงอย.ของประเทศไทย ทำหน้าที่ยับยั้งสารสื่อประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว ช่วยในการลดริ้วรอยบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยหว่างคิ้ว และช่วยในการลดกราม ปรับรูปหน้าให้ยกกระชับ V-Shape โดยตัวยาได้รับการวิจัยและพัฒนาให้มีโมเลกุลขนาดเล็กและบริสุทธิ์มากที่สุด จึงทำงานได้อย่างเฉพาะเจาะจง และให้ความเป็นธรรมชาติสูง ปราศจากการตกค้างในร่างกาย

 

ข้อดีของสารฉีดลดริ้วรอย ลดกราม จากเยอรมัน 

สารลดริ้วรอย ลดกราม จากเยอรมัน คุณภาพพรีเมี่ยมในระดับเดียวกับสารฉีดลดริ้วรอย ลดกราม จากอเมริกา และยังมีความบริสุทธิ์สูงถึง 100% เมื่อฉีดแล้ว จะไม่รู้สึกว่าใบหน้าแข็ง ไม่หนักหน้า
ให้ความเป็นธรรมชาติ สามารถแสดงสีหน้าได้เต็มที่ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อขยับเขยื้อนใบหน้า แสดงสีหน้าหรือแสดงอารมณ์ ก็ไม่ทำให้เกิดริ้วรอยแบบตอนที่ยังไม่ได้ฉีด
เหมาะสำหรับคนดื้อสารลดริ้วรอย ลดกราม ลองพักจากการฉีดสารลดริ้วรอย ลดกราม โดยเว้นระยะอย่างน้อย 4-12 เดือน เพื่อลองฉีดลดริ้วรอย ลดกราม จากเยอรมัน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย เช่น บางคนฉีดหลายยี่ห้อสลับกัน ฉีดบ่อยเกินไป ฉีดในปริมาณมากเกินไป ฉีดของไม่ได้มาตรฐาน จนอาจทำให้เกิดอาการดื้อสารลดริ้วรอย ลดกราม ขั้นรุนแรง อาจต้องใช้เวลาพักจากการฉีด มากกว่า 1 ปี
ออกฤทธิ์เร็ว สำหรับการลดริ้วรอยเล็กๆ เช่น หน้าผาก ตีนกา หว่างคิ้ว ใช้เวลาในการออกฤทธิ์ประมาณ 1-3 วัน ส่วนกรามและกล้ามเนื้อน่องใช้เวลาในการออกฤทธิ์ประมาณ 7-14 วัน สำหรับการลิฟต์หน้า จะเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด
ได้รับการรับรองจาก FDA และอย.ของประเทศไทย
ฉีดครั้งเดียว อยู่ได้นานถึง 4-6 เดือน
เจ็บน้อยกว่า ตัวยาไม่ทำให้แสบเวลาฉีด
 


เหมาะกับใคร

คนที่ต้องการลดกราม ปรับรูปหน้า
คนที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า
คนที่หน้าไม่กระชับ ต้องการลิฟต์กรอบหน้า
คนที่ต้องการลดเหงื่อใต้วงแขนและเหงื่อที่ฝ่ามือ
คนที่มีปัญหาน่องใหญ่ และต้องการลดน่องให้เรียวเล็ก
คนที่มีอาการดื้อสารลดริ้วรอย ลดกราม
 

ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดลดริ้วรอย ลดกราม

แจ้งประวัติ โรคประจำตัว ยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำและประวัติการรักษา ให้แพทย์ทราบ
ไม่เป็นผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
งดรับประทานวิตามิน อย่างน้อย 3 วันก่อนเข้ารับบริการ
งดแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 3 วันก่อนเข้ารับบริการ
งดรับประทานยาแอสไพริน หรือยาละลายลิ่มเลือด ก่อนเข้ารับบริการ 1 สัปดาห์
 


ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดลดริ้วรอย ลดกราม

หลีกเลี่ยงการนวดหน้า อบซาวน่าและทำทรีทเม้นท์ต่างๆ 1 สัปดาห์
งดแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์หลังรับบริการ
เลี่ยงการนอนราบ 4 ชั่วโมง
หลีกเลี่ยงการเล่นโยคะ โยคะร้อน หรือพิลาทิส ประมาณ 5 วันหลังรับบริการ


https://www.lovelyeyeclinic.com/
17  อื่นๆ / Cafe / หนังตาตกทับดวงตา ปัญหาที่การศัลยกรรมตาช่วยแก้ได้ เมื่อ: 12 มีนาคม 2021, 12:38:03
     หนังตาตกทับดวงตา เป็นภาวะที่เปลือกตามีลักษณะหย่อนคล้อยลงมามากกว่าปกติ จนปิดทับตาดำบางส่วน ทำให้ลืมตาได้ไม่สุด ตาดูเล็ก ตาปรือ ตาตก ทำให้ดูแก่ก่อนวัย ซึ่งปกติแล้ว หนังตาของคนเราจะปิดทับตาดำเพียงบางส่วน โดยจะกินเนื้อที่บริเวณด้านบนของตาดำลงมาเพียงแค่ 1-2 มิลลิเมตร แต่ในเคสที่มีภาวะหนังตาตกหย่อนมาก อาจส่งผลให้เปลือกตาตกลงมาปิดทับตาดำของเรา จนทำให้เกิดผลกระทบต่อการมองเห็น

 


ภาวะหนังตาตกทับดวงตา มีผลเสียอย่างไรบ้าง

                 1. บดบังการมองเห็น

เพราะเปลือกตาที่ตกลงมาจะบดบังภาพบางส่วน ทำให้มองภาพได้ไม่ชัดเจน หรือบางกรณีหากมีหนังตาตกหย่อนคล้อยมาก เปลือกตาอาจตกลงมากจนปิดทับรูม่านตา ทำให้มองไม่เห็น หรืออาจทำให้ต้องคอยเบิ่งตาให้กว้างขึ้น เพื่อการมองภาพที่ชัดเจน

                 2. ขนตาทิ่มตา

ภาวะขนตาทิ่มตา เกิดจากความผิดปกติของขนตาที่คดเข้าด้านในดวงตา ทำให้ขนตาสัมผัสหรือเสียดสีกับกระจกตา ซึ่งบางกรณีมีสาเหตุมาจากภาวะหนังตาตกทับขนตา จึงกดให้ขนตาย้อนเข้าสู่นัยน์ตา ทำให้เกิดอาการระคายเคืองตา คันตา ต้องกระพริบตาบ่อยๆ บางรายอาจน้ำตาไหล ลืมตาไม่ขึ้น ตาไม่สู้แสง หรือถึงขั้นกระจกตาติดเชื้อได้และอาจลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ 

                 3. หน้าผากเกิดริ้วรอยก่อนวัย

สืบเนื่องจากเปลือกตาที่ตกปิดบังการมองเห็น ทำให้คนที่มีภาวะหนังตาตก ต้องพยายามเลิกคิ้ว ช่วยยกเปลือกตาขึ้น เพื่อให้การมองเห็นดีขึ้น เมื่อทำบ่อยๆ จะทำให้ติดการเลิกคิ้ว กลายเป็นผลเสีย เพราะส่งผลให้หน้าผากย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย 

                 4. ทำให้ดูแก่

หนังตาตกทำให้ตาดูตก หนังตาลู่ลง ตาดูเศร้า ไม่สดใส ดวงตาที่เคยกลมโต จะเล็กลง เปลือกตาไม่เรียบ ทำให้ดวงตาดูแก่ก่อนวัย   

 

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้หนังตาตกทับดวงตา

หนังตาตกตามอายุที่เพิ่มขึ้น
ผิวเปลือกตาเป็นส่วนที่บอบบางมาก จึงเกิดริ้วรอย ขาดความยืดหยุ่นและเกิดความหย่อนคล้อยได้ง่ายกว่าผิวหนังส่วนอื่น ช่วงอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ผิวเปลือกตาที่เคยเต่งตึงกระชับจะเริ่มหย่อนคล้อย ทำให้เกิดภาวะหนังตาตกทับดวงตาได้ และหากปล่อยเอาไว้ ไม่ดูแลรักษา หรือหาทางแก้ไข อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้เลยทีเดียว นอกจากนี้การที่หนังตาตกทับดวงตา ยังเป็นสาเหตุให้หลายคนต้องพยายามเลิกคิ้วให้สูงเข้าไว้ เพื่อดึงให้เปลือกตายกขึ้น จะได้ไม่บดบังภาพเบื้องหน้า หรือเพื่อมองภาพให้ชัดขึ้น ทำให้เกิดริ้วรอยบริเวณหน้าผากก่อนวัย ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
กล้ามเนื้อตา เป็นกล้ามเนื้อยกเปลือกตาที่ทำให้คนเราสามารถลืมตาได้ คนที่มีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง กล้ามเนื้อตาส่วนนี้จะไม่สามารถออกแรงได้เต็มที่ เปลือกตาจึงเปิดได้ไม่สุด สามารถสังเกตเห็นได้จากลักษณะภายนอกของดวงตาได้ชัดเจน คือหนังตาตกปิดทับตาดำมากกว่าปกติ ดวงตาดูเศร้า ไม่สดใส ตาดูไม่เท่ากัน นอกจากจะทำให้ดวงตาดูไม่สวยงามแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพดวงตา และบุคลิกภาพโดยตรง

ใส่คอนแทคเลนส์ ขยี้ตาบ่อย หรือติดสติกเกอร์ตาเป็นเวลานาน
การใส่คอนแทคเลนส์ ทำให้เปลือกตาและกล้ามเนื้อตาต้องทำงานหนักกว่าปกติ เพราะไม่ว่าจะเป็นตอนใส่ หรือถอด ก็จำเป็นต้องขยับดึงเปลือกตาขึ้น ทำให้เปลือกตาเกิดการหย่อนยาน รวมถึงกล้ามเนื้อตายืดออกมาก ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือภูมิแพ้ขึ้นตา อาจรู้สึกคัน ระคายเคือง ทำให้ต้องขยี้ตาบ่อย หรือการติดสติกเกอร์ตาเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือหนังตาตกได้ง่าย

 

หนังตาตก แก้อย่างไร

The result may vary depending on each person.
ผลลัพธ์การผ่าตัด ทำตาสองชั้น แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

วิธีที่ 1 ทำตาสองชั้น พร้อมตกแต่งหนังตาส่วนเกิน (Lovely Blepharoplasty Signature)

                 การทำตาสองชั้นแบบ Signature เป็นการศัลยกรรมตาสองชั้น ร่วมกับการผ่าตัดนำไขมันและหนังส่วนเกินบริเวณเปลือกตาออก และเย็บชั้นตาให้สวยงาม จะช่วยกำจัดหนังส่วนเกิน แก้ปัญหาผิวเปลือกตาหย่อนคล้อย ปัญหาหนังตาตก และยังช่วยแก้ปัญหาขนตาทิ่มตาได้ดี หลังทำจะช่วยให้ตาดูกลมโต ชั้นตาคมชัด ไม่มีอาการคันระคายเคืองตาจากภาวะขนตาทิ่มตา ดวงตาดูสดใส ช่วยให้ใบหน้าโดยรวมแลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น โดยใช้ New Lovely Microlaser ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เลิฟลี่อายใช้ในการผ่าตัดทำตาสองชั้น ที่มีขนาดเล็กพิเศษ ให้ความแม่นยำสูง สามารถลดเลือดออกระหว่างผ่าตัดได้ดี จึงช่วยลดการบวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้นหลังผ่าตัดและทำให้แผลผ่าตัดเข้าที่ได้เร็วขึ้น

 

The result may vary depending on each person.
ผลลัพธ์การผ่าตัด ทำตาสองชั้น แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

วิธีที่ 2 ทำตาสองชั้นแบบดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ (Lovely Blepharoplasty Levator)

                 ในเคสหนังตาตก ที่มีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง การทำตาสองชั้น พร้อมดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ จะช่วยแก้ไขภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือออกแรงได้ไม่เต็มที่ได้ตรงจุดที่สุด เพราะเป็นการทำตาสองชั้น พร้อมแก้ปัญหาที่ลงลึกถึงระดับกล้ามเนื้อตา โดยจะมีขั้นตอนของการปรับระดับกล้ามเนื้อตา เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อยกเปลือกตา แก้ปัญหาหนังตาตก ตาปรือได้อย่างมีประสิทธิภาพ


https://www.lovelyeyeclinic.com/
 
18  อื่นๆ / Cafe / กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เหตุผลสำคัญที่ทำให้ชั้นตาไม่สวย สาเหตุ วิธีการแก้ไข เมื่อ: 08 มีนาคม 2021, 15:13:48
   กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนทำตาสองชั้นแล้วต้องผิดหวัง เพราะหากทำตาสองชั้นโดยไม่มีการแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หลังทำตาสองชั้น เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งก็มักจะเกิดปัญหากับชั้นตา เพราะภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่ยังไม่ได้รับการรักษาจะแสดงอาการออกมา โดยอาจทำให้ชั้นตาตก ตาไม่เท่ากัน ตาปรือ เบ้าตาลึก ชั้นตามีหลายชั้น ตาไม่สวยจนต้องจบด้วยการแก้ตาสองชั้น ซึ่งหากมีการแก้ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงอย่างตรงจุดตั้งแต่ครั้งแรกของการทำตาสองชั้น คนไข้ก็จะไม่ต้องพบเจอกับประสบการณ์ตาพังที่ทำให้ต้องกลับมาแก้ตาอีก สำหรับคนอยากทำตาสองชั้น ที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหรือไม่ ลองมาทำความรู้จักกับภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงกัน

สาเหตุของการเกิด “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง”

1. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในเด็กแรกเกิด (Congenital Ptosis)

                   กล้ามเนื้ออ่อนแรงแต่กำเนิด เกิดจากกล้ามเนื้อยกเปลือกตาไม่พัฒนา ทำให้ไม่สามารถลืมตาได้เต็มที่ หนังตาตกปิดตาดำมากกว่าปกติ จนอาจบดบังการมองเห็น และอาจทำให้เกิดภาวะตาขี้เกียจ หรือตาเอียงร่วมด้วยได้

เคสที่มีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง และมีภาวะตาขี้เกียจ ทำให้ตาปรือ ตาดำไม่อยู่ตรงกลางดวงตา ตาไม่ได้สัดส่วน ดูไม่สดใส หลังทำตาสองชั้น ดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ พร้อมเปิดหัวตาเทคนิคหมอรวงข้าว ช่วยรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ไม่มีอาการตาปรือ ชั้นตาสวยงาม ตาดำดูอยู่ตรงกลาม ทำให้ตาได้สัดส่วนมากขึ้น

 

2. กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเมื่ออายุมากขึ้น

                   กล้ามเนื้อเปลือกตาจะยืดออก ตามระยะเวลาการใช้งาน ยิ่งคนเราอายุมาก กล้ามเนื้อตาก็ยิ่งยืดออกมากขึ้น ส่งผลให้คนที่มีอายุ ออกแรงยกเปลือกตาได้น้อยลง จนต้องอาศัยการเลิกคิ้วหรือเบิกตา เพื่อช่วยในการมองเห็น ซึ่งอาจทำให้หน้าผากย่นตามมา

                   คนที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน หรือคนที่มีภาวะภูมิแพ้ตา ที่ขยี้ตาบ่อยๆ กล้ามเนื้อตาจะยืดออกเร็วกว่าปกติ รวมถึงพฤติกรรมการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานของคนในปัจจุบัน ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะตาล้า กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้ง่าย

เคสกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จากการที่กล้ามเนื้อตายืดออกเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ตาตก ตาปรือ ตาไม่เท่ากัน หลังจากทำตาสองชั้น ดึงกล้ามเนื้อตา และเปิดหัวตาเทคนิคหมอรวงข้าว ช่วยให้ชั้นตาชัด หนังตาไม่ตก ตาไม่ปรือ ตาเท่ากัน เปิดหัวตาแล้ว ดวงตาดูเรียวยาว ได้รูปมากยิ่งขึ้น

 

3. ผ่าตัดผิดพลาด จนส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อตา

                   การผ่าตัดตาหรือการทำศัลยกรรมตา เช่น การทำเลสิก การผ่าตัดรักษาต้อ หรือแม้แต่การทำตาสองชั้น หากไม่ได้ทำกับแพทย์ที่ชำนาญด้านเฉพาะด้านดวงตาโดยตรง อาจเกิดการผ่าตัดผิดพลาด จนกระทบต่อเปลือกตา ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง


เคสแก้ตาสองชั้น ดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์เทคนิคหมอรวงข้าว หลังจากเคยทำตาสองชั้นมาแล้ว เกิดปัญหาตาไม่เท่ากัน ตาบวม และทำการแก้ไขโดยฉีดไขมันเบ้าตา แต่ยังคงตาปรือ และตาไม่เท่ากัน จึงแก้ตาสองชั้น พร้อมดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์เทคนิคหมอรวงข้าว หลังทำ ตาดูโต ตาเท่ากัน ชั้นตาสวยงามตามแนวรูปตา ไม่มีอาการตาตก ตาปรือ แววตาดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

4. กล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิด MG (Myasthenia Gravis)

                   เกิดจากภูมิคุ้มกันร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้คนไข้มีอาการหนังตาตก ยิ้มได้น้อย หายใจลำบาก ลิ้นอ่อนแรง จนทำให้มีปัญหาในการพูด การเคี้ยว หรือการกลืน แขนขาอ่อนแรง ซึ่งหากเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิด MG จะไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ได้ แต่สามารถรักษาด้วยยา และควรพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง

 

5. เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้สมองหรือเส้นประสาทได้รับความเสียหาย

                   อุบัติเหตุที่เกิดผลกระทบต่อสมองหรือเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อตา อาจส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงตามมาภายหลังเกิดอุบัติเหตุได้

เคสที่ได้รับอุบัติเหตุ เกิดแผลคีลอยด์บริเวณหางตาซ้าย แผลดึงรั้งหางตา ทำให้ตาปิดไม่สนิทและมีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จึงแก้ไขด้วยการฉีดยาสลายพังผืด และทำตาสองชั้น ร่วมกับการดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์และเปิดหัวตาเทคนิคหมอรวงข้าว พร้อมผ่าตัดแก้ไขรอยแผลเป็นและพังผืดช่วงหางตา ช่วยให้ได้ชั้นตาชัด ตาโต ตาหวานขึ้น รอยแผลจางลง ไม่มีปัญหาตาปรือ ตาตก ลืมตาได้เต็มที่ ตาจึงดูสดใสขึ้น

 

ลักษณะ “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง” เป็นอย่างไร

 

1. ตาปรือ หนังตาตก

                   ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ทำให้เปลือกตาตกลงปิดตาดำมากกว่าปกติ ทำให้หนังตาตาดูล้า เหมือนลืมตาไม่ขึ้น บางกรณีถ้าหนังตาตกมาก ยังอาจส่งผลต่อการมองเห็นด้วย

 กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

เคสที่มีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ลักษณะตาปรือ หนังตาตก ทำให้ตาดูอิดโรย ไม่สดใส หลังแก้ไขด้วยการทำตาสองชั้น ดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ และเปิดหัวตาเทคนิคหมอรวงข้าว ทำให้ชั้นตาชัด ตากลมโตและสดใสขึ้น

 

2. เบ้าตาลึก

                   ลักษณะตาลึก ตาปรือ ชั้นตาซ้อนกันหลายชั้น เป็นอาการหนึ่งที่บ่งบอกว่ามีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เบ้าตาลึก ทำให้ดูมีอายุและดูอิดโรย

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง 

เคสที่มีกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เบ้าตาลึก ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด

หลังทำตาสองชั้น ดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ เปิดหัวตาและเติมไขมันแก้

ไขเบ้าตาลึก  แก้ชั้นตาสูง เทคนิคหมอรวงข้าว ช่วยให้บริเวณเบ้าตาลึกดูตื้นขึ้น ชั้นตาคมชัด ตาดูโตขึ้นเป็นธรรมชาติ

 

3. ตาสองข้างไม่เท่ากัน

                   หากมีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงเพียงข้างเดียว เปลือกตาข้างที่มีอาการจะปรือลง ปิดทับตาดำมากกว่าตาข้างปกติ ชั้นตาจะหนาใหญ่กว่าดวงตาอีกข้าง ทำให้เห็นความแตกต่างของตาทั้งสองข้างได้ชัดเจน

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

เคสที่มีกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงข้างเดียว ทำให้ชั้นตาไม่เท่ากันอย่างชัดเจน หลังทำตาสองชั้น ดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์

ช่วยให้ชั้นตาเท่ากัน เส้นชั้นตาชัด ตาเท่ากัน

 

4. ติดอาการเลิกคิ้ว

                   คนที่มีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จะพยายามเลิกคิ้วขึ้น เพื่อให้มองเห็นชัดขึ้น เมื่อทำบ่อยๆ จะทำให้ติดอาการเลิกคิ้ว และอาจทำให้หน้าผากย่นด้วย

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

เคสที่มีภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง จนหนังตาตกปิดทับตาดำ ทำให้ต้องคอยเลิกคิ้ว เพื่อช่วยในการมองเห็น จนติดเป็นนิสัย หลังจากทำตาสองชั้น ดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์ ช่วยให้ชั้นตาสวย ไม่ต้องคอยเลิกคิ้ว

 

วิธีการแก้ไข “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง” อย่างตรงจุด

กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง

                   ปัจจุบันสามารถรักษา “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง” อย่างตรงจุดและได้ผลมากที่สุด ด้วยการดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์เทคนิคหมอรวงข้าว ซึ่งเป็นการผ่าตัดกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเปิดตาให้แข็งแรงขึ้น ปรับระดับการเปิดตาให้พอดีและเท่ากันทั้งสองข้าง โดยการเปิดแผลบริเวณรอยพับชั้นตา จึงมักทำร่วมกับการทำตาสองชั้น เพื่อที่จะได้ทำการผ่าตัดตกแต่งหนังตาส่วนเกินออก รวมทั้งเย็บชั้นตาให้สวยงามร่วมด้วย ช่วยให้ดวงตาเปิดได้มากขึ้น เห็นดวงตาดำในระดับที่เหมาะสมและเท่ากัน ได้ตาสองชั้นที่ดูชัดเจน เบ้าตาที่ดูลึกก็จะดูตื้นขึ้นด้วย   

                   โดยสรุป หากใครที่มีปัญหา “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง” แต่อยากทำตาสองชั้น จึงสามารถทำได้แน่นอน แต่ต้องมีการแก้ไขปัญหาตาอย่างลงลึกถึงระดับกล้ามเนื้อตาร่วมด้วย โดยวิธีการทำตาสองชั้น ร่วมกับการดึงกล้ามเนื้อตาลีเวเตอร์เทคนิคหมอรวงข้าว ซึ่งเป็นการผ่าตัดกล้ามเนื้อมัดเล็กที่มีความบอบบางเป็นอย่างมากคล้ายกับ wrap ที่ใช้ห่อหุ้มอาหาร ซึ่งมีเพียงแพทย์ที่มีความชำนาญและเข้าใจโครงสร้างของเปลือกตาอย่างลึกซึ้งเท่านั้นที่จะสามารถทำการผ่าตัดให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นได้อย่างถูกวิธี และในระยะยาว ตาจะไม่กลับมาตกซ้ำ

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.lovelyeyeclinic.com/
19  อื่นๆ / Cafe / เตรียมความพร้อมก่อนพบแพทย์ศัลยกรรมตา เมื่อ: 02 มีนาคม 2021, 12:23:08
จริงอยู่ที่การศัลยกรรมตาสองชั้น เป็นเพียงการผ่าตัดเล็ก ที่ไม่ต้องพึ่งพาการดมยาสลบ จึงไม่จำเป็นต้องอดอาหาร แต่เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากที่สุด ผู้รับบริการควรศึกษาถึงข้อควรปฏิบัติและเตรียมความพร้อมก่อนมาพบแพทย์ศัลยกรรมตาล่วงหน้า


รู้ให้ครบ ก่อนมาทำตาสองชั้น มีสิ่งไหนที่ควรทำ และ ไม่ควรทำบ้าง?




เตรียมตัวทำตาสองชั้นอย่างมีชั้นเชิง

 
1. เพื่อให้แผลหายเร็ว การรับประทานอาหารที่ช่วยในการกระตุ้นให้ผิวเกิดการซ่อมแซมตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีส่วนสำคัญอย่างมาก ซึ่งอาหารที่ควรรับประทานเป็นประจำก่อนทำตาสองชั้น เช่น เนื้อปลา วิตามิน A วิตามิน C วิตามิน E และสังกะสี เป็นต้น
2. เพื่อบรรเทาอาการปวดหลังผ่าตัด จึงควรรับประทานผักผลไม้สม่ำเสมอ เพราะมีส่วนช่วยบรรเทาอาการอักเสบได้ดี
3. งดสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ และยังลดวิตามินซีที่สะสมในร่างกาย ซึ่งจำเป็นในการสร้างคอลลาเจนในผิว จึงอาจทำให้แผลผ่าตัดหายช้า ดังนั้นหากมีแพลนทำตาสองชั้น ควรงดสูบบุหรี่ล่วงหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ หรือถ้าหากเป็นไปได้ ควรเลิกสูบบุหรี่จะเป็นผลดีต่อร่างกายมากที่สุด
4. ลดละเรื่องเครียดๆ ทำใจให้สบายก่อนวันผ่าตัด ละความกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดด้วยการเตรียมร่างกายให้พร้อมตามคำแนะนำของแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ อาจจะออกกำลังกาย หรือหากิจกรรมสนุกๆ ทำร่วมด้วยก็สามารถลดความเครียดได้เช่นกัน
5. นอนหลับเต็มที่ เพราะการนอนหลับ ช่วยลดความเครียด และยังช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เป็นอย่างดี

              การดูแลตัวเอง ไม่ใช่เฉพาะหลังทำตาสองชั้น แต่ควรใส่ใจตัวเอง ทั้งในเรื่องของข้อควรปฏิบัติ และข้อห้ามปฏิบัติก่อนทำตาสองชั้นอย่างเคร่งครัด หรือการรับประทานอาหารบำรุงตั้งแต่ก่อนผ่าตัด เพื่อให้ร่างกายเกิดความพร้อมอย่างเต็มที่ ในการรับการผ่าตัด และเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวย ถูกใจมากที่สุด

        หมายเหตุ : บทความนี้จัดทำขึ้นโดย บริษัท บีคัมเวลท์ จำกัด บริษัทสงวนลิขสิทธิ์ในข้อมูลที่ปรากฏในบทความนี้ ห้ามมิให้ผู้ใดใช้ประโยชน์ คัดลอก ดัดแปลง นำไปใช้ ก่อนได้รับอนุญาต มิเช่นนั้น ทางบริษัท จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างสูงสุด

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.lovelyeyeclinic.com/
20  อื่นๆ / Cafe / รู้ทัน ฉีดลดริ้วรอยของแท้ VS ปลอม เมื่อ: 01 มีนาคม 2021, 15:39:46
  ในบรรดาสารฉีดลดริ้วรอยที่มีอยู่ในตลาดความงามตอนนี้ มีทั้งสารฉีดลดริ้วรอยของแท้ และของปลอมปะปนกันไป หากไม่ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและถี่ถ้วนก่อน ก็อาจทำให้คุณกลายเป็นเคสที่ผิดพลาดแบบที่เห็นในข่าวดังๆ ตามหน้าเว็บไซต์และในทีวีได้ เพราะการใช้สารฉีดลดริ้วรอยปลอม ไม่ได้มาตรฐานนั้น จะส่งผลเสียอย่างที่คุณคาดไม่ถึง ดังนั้นแล้ว อย่ารอให้ความผิดพลาดมาเยือน ไปดูวิธีเช็คสารฉีดลดริ้วรอยของแท้ และหากเผลอใช้สารฉีดลดริ้วรอยปลอมเข้าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องติดตาม!

ผลข้างเคียงของการฉีดลดริ้วรอย หิ้ว ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่าน อย.


         สารฉีดลดริ้วรอย ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน หากนำมาใช้ในการฉีดลดริ้วรอย ตัวยาปลอมนั้นสามารถกระจายตัวได้กว้าง และควบคุมได้ยากกว่าตัวยาที่ได้มาตรฐาน จึงมีโอกาสที่จะกระจายไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่นที่เราไม่ได้ต้องการจะฉีด ลองมาดูกันว่าการฉีดลดริ้วรอยด้วยสารฉีดลดริ้วรอยปลอม ไม่ได้มาตรฐานนั้น จะทำให้ผู้รักษาได้รับผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง?

1. สารฉีดลดริ้วรอยปลอม อาจจะกระจายไปโดนกล้ามเนื้อหลอดอาหาร ทำให้กลืนอาหารลำบาก
2. ในกรณีที่สารฉีดลดริ้วรอยปลอมกระจายไปโดนกล้ามเนื้อหลอดลม อาจทำให้หายใจไม่ออก
3. เกิดอาการหนังตาตก หรือปากเบี้ยว
4. ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย
5. ฉีดแล้วกรามไม่ลดลง
6. ผิวหน้าไม่เต่งตึง ไม่กระชับ
7. หมดฤทธิ์ไว
8. เกิดภาวะดื้อยาตลอดชีวิต

อะไรคือ การดื้อสารฉีดลดริ้วรอย

ภาวะดื้อสารฉีดลดริ้วรอย เป็นภาวะเดียวกับอาการดื้อยา เกิดจากการที่ร่างกายจดจำโปรตีนในสารฉีดลดริ้วรอยว่าเป็นสารแปลกปลอม โดยไม่สนว่าสารฉีดลดริ้วรอยนั้นจะเป็นตัวยาที่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้มาตรฐาน ร่างกายจึงสร้างสารภูมิต้านทาน (Antibody) มาต่อต้าน ทำให้สารฉีดลดริ้วรอยไม่สามารถทำงานได้ จึงฉีดลดริ้วรอยไม่ได้ผล

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการดื้อสารฉีดลดริ้วรอย


- ใช้สารฉีดลดริ้วรอยปลอม ไม่ได้มาตรฐาน
- ใช้ปริมาณยาต่อครั้งมากจนเกินความจำเป็น
- ฉีดบ่อยจนเกินความจำเป็น ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสม ควรฉีดห่างกัน 3 เดือน

        หลายคนฉีดลดริ้วรอย โดยตัดสินใจเลือกที่ราคาต่ำกว่า เพราะคิดว่าจะให้ความคุ้มค่าที่มากกว่า โดยที่ไม่รู้ว่านั่นเป็นสารฉีดลดริ้วรอยของปลอม พอฉีดไปแล้ว ก็หมดฤทธิ์ไว จึงต้องมาเติมใหม่เรื่อยๆ บ่อยครั้งเข้าจึงเกิดอาการดื้อสารฉีดลดริ้วรอย หลังจากนั้น ก็จะฉีดไม่ได้ผลอีกต่อไป

เช็คก่อน สารฉีดลดริ้วรอยของแท้ สังเกตตรงไหน?



1. ด้านบนของฝากล่อง ต้องมีสติ๊กเกอร์ระบุร่องรอยการเปิดใช้
2. มีช่องเปิดกล่องด้านข้าง สร้างความสะดวกในการเปิด
3. สังเกตง่าย ฝาปิดขวดสีม่วง (ขนาด 100 Unit) และฝาปิดขวดสีแดง (ขนาด 50 Unit)
4. ข้างขวดจะเรืองแสง แสดงเป็นอักษรขึ้นมา เมื่อส่องไฟ
5. สติ๊กเกอร์ระบุรุ่นการผลิต วันหมดอายุ และชื่อผู้ใช้ ที่สามารถลอกออก เพื่อใช้ในการติดตามการใช้ยาได้
 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก https://www.lovelyeyeclinic.com/

 
หน้า: [1] 2