ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  ความรู้ทั่วไป / Cryptocurrency / รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งฝรั่งเศสเปลี่ยนใจหันมาสนับสนุน Bitcoin เมื่อ: 25 มีนาคม 2018, 13:46:29

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งฝรั่งเศสเปลี่ยนใจหันมาสนับสนุน Bitcoin



ดูเหมือนว่าบรรยกาศในประชุมกลุ่มผู้นำ G20 จะเริ่มเผยให้เห็นถึงทิศทางที่เป็นบวกต่อ Cryptocurrency มากขึ้น เมื่อหนึ่งในกลุ่มผู้นำด้านฝ่ายการเงิน นาย Bruno Le Maire หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งฝรั่งเศสได้ออกมากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Numerama ว่าเขาต้องการให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นแนวหน้าที่สนับสนุน cryptocurrency

นาย Le Maire เผยว่าปัจจุบันประเทศฝรั่งเศสนั้นถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน Fintech ของโลกอยู่แล้ว โดยเฉพาะในด้านการระดมทุนแบบ crowdfunding และ blockchain และเขายังกล่าวต่ออีกว่า “ทำไมเราถึงต้องหยุดอยู่แค่นี้ล่ะ?”

นอกจากนี้เขายังโพสลงบนทวิตเตอร์ว่า



แปล: เราจะไม่พลาดการปฏิวัติด้าน Blockchain!

ความเห็นของเขาในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง เมื่อนาย Le Maire เคยส่งจดหมายไปถึงรมว. คลังแห่งประเทศอาร์เจนตินาเพื่อแสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับตลาดของ cryptocurrency ที่จะมาเป็นภัยคุกคามต่อระบบเศรษฐกิจโลกและนักลงทุนหน้าใหม่
การปฏิวัติ Blockchain

นาย Le Maire เผยถึงสิ่งที่เขาเรียกว่าการปฏิวัติด้าน Blockchain ที่ “Bitcoin นั้นเป็นเพียงแค่ผู้ที่มาก่อนเท่านั้น” ซึ่งนั่นหมายความว่าในอนาคตจะต้องมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ในด้านนี้ถูกพัฒนาออกมาจากฝรั่งเศสแน่นอน

นอกจากนี้เขายังเอ่ยปากชมการระดมทุนผ่าน ICO โดยกล่าวว่าบริษัทสตาร์ทอัพนั้นสามารถที่จะใช้โมเดลในการระดมทุนนี้ในการออกเหรียญโทเค็นได้ “หรือไม่ได้ก็ได้” โดยเขาได้มอบหมายให้นาย Jean-Pierre Landau หรืออดีตรองผู้ว่าฯธนาคารแห่งประเทศฝรั่งเศสในการ “พัฒนาร่างกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ”

นาย Le Maire ยังเผยอีกว่าการปฏิวัติ Blockchain นั้นมีศักยภาพที่จะ disrupt ระบบธนาคารแบบเก่า (รวมถึงการระดมทุนแบบเดิมด้วย) และรวมถึงวงการประกันภัยเช่นกัน โดยเขาเตือนว่า “เข้าร่วมกับมันเสีย อย่าเป็นเพียงแค่ผู้ชมเลย แต่ให้กลายเป็นผู้เล่นในการฏิวัตินี้ด้วย”

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ในทุก ๆ สิ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ที่เขาเห็นด้วย โดยเขาได้กล่าวถึงความอันตรายจากความผันผวนของราคาบนตลาด cryptocurrency อย่างเช่น Bitcoin ที่มีการลดลงของมูลค่าไปแล้วเกินกว่าครึ่งจากเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

ท้ายสุดเขาได้สรุปว่าในการที่จะให้ประเทศนั้นโฟกัสไปที่นวัตกรรมด้านฟินเทคนั้น จะต้องมีการออกวีซ่าโปรแกรมให้กับบริษัทด้าน ICO ที่ผ่านกฎเกณฑ์ทั้งหมด

    “ประเทศฝรั่งเศสนั้นมีความสนใจที่จะตั้งตัวเองเป็นศูนย์กลางด้านการเงินใหญ่แห่งแรกด้วยการเสนอแบบร่างที่จะให้บริษัทที่ต้องการจะออก ICO สามารถแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าพวกเขาจริงจังกับมัน”

ท้ายสุดเขากล่าวจบการพูดคุยว่า “เราจะไม่พลาดการปฏิวัติ Blockchain แน่”

 wanwan003
2  ความรู้ทั่วไป / Cryptocurrency / หน่วยงานรัฐบาลแอตแลนตาถูกไวรัสเรียกค่าไถ่ Bitcoin เมื่อ: 25 มีนาคม 2018, 13:43:30
หน่วยงานรัฐบาลแอตแลนตาถูกไวรัสเรียกค่าไถ่ Bitcoin โจมตีจนต้องปิดบริการรัฐเกือบหมด



ระบบสาธารณูปโภคของรัฐบาลสหรัฐฯในเมืองแอตแลนตา, จอเจีย และเมืองอื่น ๆ ต้องหยุดให้บริการในสัปดาห์นี้ เนื่องจากว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในถูกไวรัสเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin ที่มีมูลค่ากว่า 51,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.5 ล้านบาท หากไม่จ่าย ระบบไฟล์สำคัญในเครื่องจะถูกลบ และอาจสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ โดยรายงานจาก News Bitcoin ระบุว่าหนึ่งในกลุ่มที่ถูกไวรัสเรียกค่าไถ่ดังกล่าวโจมตีนั้นมีระบบของตำรวจอยู่ด้วย
พวกเขาต้องการ Bitcoin

ช่อง 11 Alive หรือช่องของทีวี National Broadcast Corporation (NBC) ในเมืองแอตแลนตาเผยเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมานี้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลแอตแลนตานั้นกำลังถูกไวรัสเรียกค่าไถ่เล่นงาน ซึ่งหน่วยงานที่เสียหายนั้นรวมไปถึงตำรวจ, ศาลเขต, และรวมถึงแทบจะทุก ๆ หน่วยงานรัฐอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน โดยผู้ที่โจมตีนั้นเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin มูลค่าจำนวน 51,000 ดอลลาร์

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณตี 5:30 เวลาท้องถิ่นจอร์เจียเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา เมื่อพนักงานรัฐฯทุกคนได้รับอีเมล์ฉุกเฉินบอกให้รีบปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และชักปลั๊กออก ซึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์บางเครื่องที่ทำการปิด shut down ไม่ทัน และถูกไวรัสเรียกค่าไถ่ดังกล่าวเล่นงาน โดยในช่วงแรกนั้นโฆษกของรัฐบาลปกปิดข่าวด้วยการบอกสื่อมวลชลว่าเป็นปัญหาระบบล่มธรรมดา แต่ภายหลังพวกเขาได้ออกมาสารภาพว่าถูกไวรัสดังกล่าวโจมตี



ระบบสาธารณูปโภคของรัฐบาลสหรัฐฯในเมืองแอตแลนตา, จอเจีย และเมืองอื่น ๆ ต้องหยุดให้บริการในสัปดาห์นี้ เนื่องจากว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในถูกไวรัสเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin ที่มีมูลค่ากว่า 51,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.5 ล้านบาท หากไม่จ่าย ระบบไฟล์สำคัญในเครื่องจะถูกลบ และอาจสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ โดยรายงานจาก News Bitcoin ระบุว่าหนึ่งในกลุ่มที่ถูกไวรัสเรียกค่าไถ่ดังกล่าวโจมตีนั้นมีระบบของตำรวจอยู่ด้วย
พวกเขาต้องการ Bitcoin

ช่อง 11 Alive หรือช่องของทีวี National Broadcast Corporation (NBC) ในเมืองแอตแลนตาเผยเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมานี้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลแอตแลนตานั้นกำลังถูกไวรัสเรียกค่าไถ่เล่นงาน ซึ่งหน่วยงานที่เสียหายนั้นรวมไปถึงตำรวจ, ศาลเขต, และรวมถึงแทบจะทุก ๆ หน่วยงานรัฐอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน โดยผู้ที่โจมตีนั้นเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin มูลค่าจำนวน 51,000 ดอลลาร์

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณตี 5:30 เวลาท้องถิ่นจอร์เจียเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา เมื่อพนักงานรัฐฯทุกคนได้รับอีเมล์ฉุกเฉินบอกให้รีบปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และชักปลั๊กออก ซึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์บางเครื่องที่ทำการปิด shut down ไม่ทัน และถูกไวรัสเรียกค่าไถ่ดังกล่าวเล่นงาน โดยในช่วงแรกนั้นโฆษกของรัฐบาลปกปิดข่าวด้วยการบอกสื่อมวลชลว่าเป็นปัญหาระบบล่มธรรมดา แต่ภายหลังพวกเขาได้ออกมาสารภาพว่าถูกไวรัสดังกล่าวโจมตี

การโจมตีดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกในประเทศสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ในเมือง Sarasota รัฐฟลอริดาก็ถูกไวรัสดังกล่าวเล่นงานด้วยเช่นกัน โดยไวรัสดังกล่าวเรียกค่าไถ่เป็นจำนวน 33 ล้านดอลลาร์ แต่พนักงานเจ้าของเครื่องดังกล่าวก็ไหวตัวทัน สามารถดึงปลั๊กออกก่อนที่มันจะแพร่ไปเครื่องอื่นได้ นอกจากนี้ยังมีเมือง Hinesville ในรัฐจอร์เจียก็ตกเป็นเหยื่อไวรัสที่ว่านี้เช่นกัน ซึ่งพวกเขาทำการแก้ปัญหาด้วยการจ่ายเงินค่าไถ่เป็น Bitcoin มูลค่า 12,000 ดอลลาร์

ทางตำรวจ FBI และหน่วยรักษาความมั่นคง DHS หันมาร่วมมือกันเพื่อดูแลคดีดังกล่าว โดยมข่าวลือว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้อาจส่งผลทำให้รัฐบาลต้องปิดระบบทั้งหมดลงในสัปดาห์หน้า และผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือหน่วยงานตำรวจที่ต้องกลับไปใช้วิธีการเขียนรายงานแบบมือแทน

ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้

จนกระทั่งช่วงเที่ยงของวันนั้น ประชาชนไม่สามารถจ่ายบิลค่าน้ำผ่านระบบออนไลน์ได้ และทางรัฐบาลได้สั่งให้พนักงานภายในระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ภายใน โดยเฉพาะในด้านของการจารกรรมข้อมูล และรวมถึงระบบการตอกบัตรเข้าทำงานที่ไม่สามารถใช้งานได้เช่นกัน



3  ความรู้ทั่วไป / Cryptocurrency / เก็บภาษีเงินดิจิตอล 15% ส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่ออนาคตประเทศไทยหรือไม่? เมื่อ: 25 มีนาคม 2018, 13:41:41

เก็บภาษีเงินดิจิตอล 15% ส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่ออนาคตของประเทศไทยหรือไม่?



พึ่งจะมีเวลาว่าง เลยอยากจะขอพูดเรื่องภาษีกันซักหน่อย

สรุปง่ายๆ จาก พ.ร.ก กำกับดูแลทรัพย์สินดิจิตอล คือ

    บุคคลธรรมดาต้องเสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย จากกำไร (Capital Gain) 15% ไม่โดน VAT รายได้ทั้งหมดของปี ต้องไปรวมคิดภาษีตอนปลายปี
    นิติบุคคล ต้องเสีย VAT7% แต่เคลมคืนได้แบบภาษีซื้อขาย พวกค่าใช้จ่ายต่างๆ

เมื่อฟังแล้ว หลายๆ คนอาจจะเริ่มกังวล และ เริ่มบ่นกันว่า มันแพงเก็บตั้ง 15% แต่อย่างที่เรารู้กันครับ ทุกคนมีหน้าที่จ่ายภาษี เมื่อก่อนอาจจะโดนแค่บางคนเพราะว่าสรรพากร มีบุคลากรไม่เพียงพอในการตรวจสอบทุกคน แต่พอมี พ.ร.ก นี้ขึ้นมาก็ทำให้สามารถเก็บภาษีได้ทันทีจากตัว Exchange (มาเร้วเร็วเรื่องพวกนี้)

เมื่อเรามีรายได้เราก็ต้องเสียภาษี โดยผมเองก็เคยผลักดันเรื่องภาษี Capital Gain ไปกับ สรรพากร เพราะถ้าหากสรรพากรไม่ได้มีการส่งเรื่อง พ.ร.ก ตัวนี้ เงินรายได้ที่เข้ามาทั้งหมดของคุณไม่ว่าคุณจะกำไรหรือขาดทุน คุณจะเสียภาษีเงินได้ทั้งหมดทันที !!!

ปัญหาที่ผมจะมาวิเคราะห์วันนี้คือ แล้ว สรรพากรจะรู้ว่าเรามีกำไรได้ยังไง ? เพราะมันมีตั้งหลายเหรียญแล้ว สรรพากรจะเอาอะไรมาวัด

จากประสบการณ์ที่ผมคุยกับสรรพากรกลาง เค้าเน้นดูที่แต่เงิน FIAT หรือเงินบาทเท่านั้นครับ ดังนั้น ให้วิเคราะห์ง่ายๆ เลยก็คือ

คุณฝากเงินไปเท่าไหร่ – คุณถอนเงิน = กำไร

ให้ EXCHANGE หัก 15% ไว้ส่งให้กับสรรพากร แต่ถ้า

คุณถอนเงินน้อยกว่า เงินฝาก = ขาดทุน ไม่ต้องหัก

เช่นเดียวกันหากคุณมีแต่ถอน ไม่มีฝาก ถือเสียว่าก้อนนั้นคือ กำไรทั้งก้อน!!! ต้องโดนหักเต็ม 15% (ใครที่คิดต่างจากนี้รบกวน comment ด้วยนะคับ)

ซึ่งหากคุณซื้อบิทคอยน์นอกตลาด แล้วไปถอนที่ Exchange คุณอาจจะต้องไปยื่นเรื่อง ยื่นหลักฐานขอคืนสิ้นปีหรือเปล่ายังไงผมไม่ทราบได้ว่าสรรพากรจะยอมหรือไม่

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว สังคม Crypto ของไทยเราจะเกิดอะไรขึ้น ?? แล้วปัญหาที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ?

    คนจะหาทาง Cash-out นอกตลาดมากขึ้น และเป็นช่องทางของเหล่ามิจฉาชีพที่จะเข้ามาทำให้เกิดปัญหาเช่น
        ฟอกเงิน เหล่ามิจฉาชีพที่อยากจะฟอกเงินก็ยิ้มสิครับ ไม่ต้องไปสมัคร exchange ให้ ปปง สงสัย (exchange จะต้องรายงานให้ปปง. สำหรับธุรกรรมที่น่าสงสัย เช่นฝาก หรือถอนเยอะๆ) เมื่อมีคนออกมาขายนอกตลาดมากขึ้น ก็จะทำให้ตามปัญหานี้ยากขึ้น และอาจจะทำให้ผู้ซื้อขาย ที่ทำธุรกรรมกับคนที่ฟอกเงิน มีปัญหาตามมาอีก
        หลอกโอนเงินซื้อสินค้า เช่น หลอกขายสินค้าบนอินเตอร์เน็ต แล้วให้คนที่โดนหลอกขายโอนเงินให้กับผู้ที่ขาย bitcoin แล้วก็ ไม่ให้สินค้า ชิ่งหนีไปพร้อม Bitcoin ส่วนผู้ขาย Bitcoin ก็ซวย Bitcoin ก็ขายไปแล้ว แต่โดนแจ้งตำรวจจับอีก เพราะมีชื่อเราเป็นผู้รับโอนเงิน
    ผลักดันให้คนไทยใจ Crypto เป็นสังคมไร้เงินสดไวขึ้น Huh? เพราะใช้บัตรพวก tenx , ePayment น่าจะดีกว่าเสีย 15% และ ไม่ต้อง Declare tax สิ้นปี
    คนไทยหลายๆ คนที่ได้เงินจาก Crypto หลายล้าน อาจจะไปเปิดบัญชีที่ต่างประเทศ หลังจากนั้น 1 ปี พอข้ามปีภาษีแล้วค่อยเอาเงินเข้ามา แบบนี้ไม่ต้องเสียภาษี
    คนที่ได้กำไรเยอะๆ จากปีที่แล้ว และยังไม่ได้ Cash out เลย อาจจะโดนภาษีเต็มๆ เพราะ มีแต่ยอดถอนอย่างเดียว
    สายขุด อาจจะมีปัญหาเพราะไม่สามารถแสดงรายจ่าย และหักลดต้นทุนได้ แต่โดน หัก 15% ทันที ต้องไปยื่นแสดงต้นทุนเพื่อขอคืนตอนปลายปี

สุดท้ายแล้ว คงเป็นคำถามไปถึงภาครัฐว่าอยากจะควบคุมเงิน Digital มากน้อยแค่ไหน สิ่งที่รัฐกำลังจะทำเป็นสิ่งที่ดี และง่ายต่อการจัดเก็บเงินรายได้ แต่อาจจะเป็นการผลักให้คนออกนอกระบบ จนเกิดปัญหาในอนาคตหรือไม่?


 wanwan023
หน้า: [1]