เกิดยากครับ แม้ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ ของแต่ละประเทศสร้างเหรียญของประเทศตัวเอง แม้จะใช้เทคโนโลยี Blockchain แต่มันก็ไม่ใช่ Decentralized ครับ ก็เหมือนอย่างเหรียญ Ripple หรือ XRP ที่สร้างขึ้น เพราะวัตถุประสงค์ให้ธนาคารใช้งาน ในการโอนเงินระหว่างประเทศ และผู้พัฒนาเหรียญสามารถยึดเหรียญ หรือควบคุมเหรียญได้ คนในวงการ Bitcoin จะเข้าใจดีว่ามันไม่ใช่ Decentralized

สั้นๆ เท่านี้นะครับ อธิบายเป็นวันก็ไม่จบ

 

ผมสร้างรายได้จากงาน SEO และ Internet Marketing เฉลี่ยเดือนละ 3 แสนบาทครับ

และผมก็ยังทำได้อยู่ในปัจจุบัน แต่ผมได้หันเอาเวลามาทำด้าน Cryptocurrency ครับ งาน SEO และ IM รายได้ลดลง เพราะผมแทบไม่มีเวลาทำครับ และตัดสินใจที่จะพักไว้ก่อนครับ

เพราะ Bitcoin และ Cryptocurrency สร้างรายได้ให้ผมมากกว่างาน SEO และ IM 5 เท่า ของงาน SEO ครับ

แน่นอนครับ เราต้องศึกษา และเข้าใจมันจริงๆ

 

เพื่อนที่ยังไม่เข้าใจ Bitcoin หรือ Cryptocurrency และเทคโนโลยี Blockchain เพื่อนๆ ลองไปศึกษาได้จากเว็บของ Siamblockchain.com ดูนะครับ และเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มได้ที่กลุ่ม Facebook: Bitcoin Thai Club

และ Blockchain มันเป็น Decentralized กล่าวได้คือ แม้สถาบันการเงิน ธนาคาร จะสร้าง Blockchain ขึ้นมาใช้งาน มันก็เป็นแบบ Centralized คือ กระจายข้อมูลจริง แต่อยู่ในกลุ่มเฉพาะ แต่ธนาคารก็ใช้งานร่วมกับ Cryptocurrency ได้นะ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ใช้ Blockchain ของ Ripple ในการโอนเงินระหว่างไทย - ญี่ปุ่น เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ จะลงทุนอะไร ให้ศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนการลงทุนครับ เพราะ Cryptocurrency มีรายละเอียดเยอะครับ

ตอนนี้ ทาง กลต. ของไทยจะออกกฎให้ ICO และ Cryptocurrency เป็นสินทรัพย์ภายในเดือน มีนาคม และก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ขอความร่วมมือให้ ธนาคาร ไม่สนับสนุน Cryptocurrency

หลายวันก่อน ธนาคารกรุงเทพ ปิดบํญชี สำหรับการฝากเงินของ Exchange อย่าง Tdax

ถ้าใครเข้าไปในกลุ่ม Bitcoin Thai Club จะรู้ว่า มันมีข้อมูล และการเบิก-ถอนเงิน ได้ 30 กว่าวิธี แต่คนไม่รู้ก็จะแตกตื่น

จริงๆ ธนาคารบางแห่ง อาจจะรอกฎหมายออกมาครับ

 

คนในวงการ Cryptocurrency จะเข้าใจดีว่า Satoshi Nakamoto เป็นนามแฝงขอบคน หรือกลุ่มบุคคลที่สร้าง Bitcoin และสร้างเทคโนโลยี Blockchain ขึ้นมาครับ

เรียกได้ว่า ถ้าไม่มี Bitcoin ก็ไม่มี Blockchain ก็ว่าได้ และหากช่วงปี 1995 มีการเกิด Internet ขึ้น ปี 2009 ที่เกิด Blockchain ก็เป็น Internet ยุคที่ 2 ที่ทุกอย่างเป็นแบบ Decentralized

คุณสุทธิชัย หยุ่น ก็ไปร่วมงานด้วย และไปเจอ Vitalik Buterin ต้องบอกว่าคุณสุทธิชัย เป็นคนรุ่นใหม่ แม้ว่าอายุจะมาก แต่ก็สนใจเทคโนโลยี อีกทั้ง นำเสนอเรื่องราว เกี่ยวกับ Bitcoin ได้ดีมากๆ ครับ

Vitalik Buterin ถ่ายรูปร่วมกับคนที่ไปร่วมงาน ผมยังตื่นเต้นอยู่เลยครับ ขอฝากให้ทุกคนลองไปดูคลิปวีดีโอด้วยนะครับ อย่าให้โลกมาเปลี่ยนปลงตัวคุณเลยครับ เราควรเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน ไม่อย่างนั้นเราจะล้าหลัง และมันมีผลต่อรายได้ในอนาคตแน่นอนครับ

Exchange อันดับหนึ่งของไทย อย่าง BX.in.th ก็มาร่วมงานนีด้วยครับ ส่วนทาง Tdax โดยคุณปริมนทร์ อินโสม ก็มาร่วมงานนี้ด้วย นับว่าเป็นการจัดงานที่ใหญ่มากๆ ที่สุดเท่าที่เคยจัดมาครับ โดยมีผู้คนไปฟังบรรยาย 1000 กว่าคนครับ



เป็นงานที่รวมคนเก่งๆ มาไว้ที่นี่เลยก็ว่าได้ครับ

ภายในงาน Cryptonight ที่สร้างความน่าตื่นตา ตื่นใจ คือ มี Vitalik Buterin ผู้สร้างเหรียญ Ethereum ซึ่งเป็นอันดับ 2 มาร่วมบรรยายด้วยครับ

ไม่ได้หาโอกาสที่จะเจอ บิดาแห่ง Ethereum ได้ง่ายๆ ครับ

ฟังแล้วลองนำไปคิดนะครับ ผมไมใช่เม่า SEO และก็ไม่ใช่เม่า Bitcoin ผมว่าเราควรเปิดใจ รับฟัง และเปลี่ยนตัวเองไปตามเทคโนโลยีใหม่ๆ นะครับ

 

เจ้าของ NetDesign ร่วมบรรยาย Bitcoin ในงาน Cryptonight อย่างยิ่งใหญ่

ดูคลิปจากที่นี่ https://web.facebook.com/suthi...yoon/videos/10156278750061209/

นับเป็นก้าวใหม่ ก้าวใหญ่มากๆ ที่ทาง กลต นักวิชาการ ธนาคารแห่งประเทศไทยก็เข้ามาฟัง รวมทั้ง NetDesign

ที่ไม่มาเพราะไม่ใช่อะไรนะจ๊ะ งาน Crypto มันเยอะ 5555+