Bank of England หรือธนาคารแห่งประเทศอังกฤษอาจจะเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอลในรูปแบบเหมือนกับของ Bitcoin ในอีกภายในหนึ่งปีข้างหน้า

  หน่วยวิจัยหน่วยหนึ่งถูกจัดตั้งขึ้นโดยธนาคาร มีจุดประสงค์เพื่อวิจัยและค้นคว้าการใช้สกุลเงิน cryptocurrency โดยพวกเขามีระยะเวลาในการวิจัยอยู่ที่ 1 ปี ซึ่งหมายความว่าทางธนาคารอาจจะกลับมาพร้อมกับสกุลเงินคริปโตตัวใหม่ล่าสุด



  สกุลเงินดิจิตอลดังกล่าวอาจจะถูกใช้แทนที่เงินปอนด์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้คนไม่จำเป็นที่จะต้องถือเงินสดอีกต่อไป โดยสามารถเก็บไว้ในธนาคารได้เพื่อให้ธนาคารได้นำไปหมุนเวียน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนด้านการบำรุงรักษาอีกด้วย อ้างอิงจากสำนักข่าว The Telegraph

  เมื่อปีที่แล้วทางธนาคารแห่งอังกฤษได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาได้ทำการทดสอบสกุลเงินเสมือนจริงนามว่า RSCoin ที่อาจจำมาใช้โดยธนาคารกลางระหว่างประเทศได้

  เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ผู้ว่าการธนาคาร Mark Carney ได้ทำการหารือกับนักการเมืองว่าการใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่เป็นตัวหนุนหลัง cryptocurrency อยู่ในขณะนี้อาจจะสามารถช่วยเหลือธนาคารในด้านการประมวลผลธุรกรรมได้

  อย่างไรก็ตาม เขาก็เตือนว่ามันอาจจะมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางการเงินตามมาในภายหลัง

  ปัจจุบันธนาคารกลางทั่วโลกมีระบบอิเลคทรอนิคส์ที่สามารถช่วยประมวลผลธุรกรรมได้ ในรูปแบบ Centralized หรือแบบมีจุดศูนย์กลาง โดยจะต้องอาศัยการไว้วางใจกลุ่มคนที่เป็นผู้ควบคุมระบบกลาง

  ในขณะเดียวกัน cryptocurrency นั้นสามารถถูกนำมาใช้โอนส่งหากันได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง โดยจะทำการใช้บัญชีกระจายศูนย์ (distributed ledger) ที่จะมาช่วยยืนยันการทำธุรกรรมภายในระยะเวลาระดับนาที

  อ้างอิงจาก http://www.telegraph.co.uk/new...itcoin-style-digital-currency/

เริ่มแลกหมัดกันอย่างหนัก ระหว่าง Cryptocurrency กับ Bank ต่างฝ่ายต่างหันมาโจมตี ปิดกั้น และทำลายให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

เมื่อ Bitcoin มันเป็นระบบกำจัดตัวกลาง อย่างธนาคาร ออกไป ด้วยการใช้เทคโนโลยี Blockchain งานนี้ ธนาคารไม่ยอมน้อยหน้า จัดหนักกลับเช่นกัน

https://siamblockchain.com/201...claim-banks-shutting-accounts/

 

ล่าสุด Bitcoin ได้ทำการ Hard Fork ออกมาอีกเหรียญ ชื่อ B2X ซึ่งใครก็ตามที่ถือเหรียญ BTC ไว้ ก็จะได้รับเหรียญ B2X มาอีก 1 เหรียญ ตามจำนวนที่ถือ BTC ไว้นั่นเองครับ

ก่อนหน้านี้ ก็มีการ Hard Fork เหรียญ BCH , BTG ออกมา และก็ได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นกันครับ

ทำไมต้องมีการ Hard Fork เหรียญใหม่ๆ จากเหรียญ Bitcoin เพราะว่า ผู้พัฒนาหลัก Core Developer ของบิตคอยน์ ไม่เพิ่ม Block Sized สักที

ทำให้ระเวลาการ Confirm Block ล่าช้า ทำให้รอนาน จึงทำให้กลุ่มผู้พัฒนารายอื่น ได้ปรับปรุง ให้มีขนาด Block Size ให้มากยิ่งขึ้น และเพิ่มความสามารถอื่นๆ เข้าไปด้วย

อย่างไรก็ตามทาง Bitcoin Core Dev เอง ก็ต้องการจะใช้ Lighting Network ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ในเร็วๆ นี้

เมื่อเกิด B2X ขึ้นมา ก็เท่ากับเราสามารถเข้าไปซื้อ-ขายเหรียญนี้ หรือเทรดได้ นอกจากนี้ ก็ยังสามารถขุดได้เช่นกันครับ

มีเหรียญเกิดใหม่ มากมาย และหากรวมเหรียญอื่นๆ ด้วย ตอนนี้ก็ปาไป 1,000 เหรียญแล้ว โดยสามารถตรวจสอบได้จาก Coinmarketcap.com อย่างไรก็ตามผมเชื่อวานในระยะยาว เหรียญจะน้อยลง เหรียญที่ไม่ใช่ และเป็นส่วนเกิน จะออกไปจากตลาดครับ





 

Cryptocurrency เป็นสกุลเงินดิจิตอล ที่รวมถึง Bitcoin และ Altcoin เหรียญอื่นๆ ทั้งหมด ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการจัดเก็บข้อมูลครับ

Bitcoin และเหรียญอื่นๆ ต่างก็ใช้ Blockchain เป็นหลังบ้าน และเป็น Decentralized 100% ครับ

แม้ว่าธนาคาร เช่น กสิกรไทย นำ Blockchain มาใช้เป็นระบบช่วยทำให้การค้ำประกันเงินกู้ ทำได้เร็วขึ้น แต่ก็เป็นการใช้ Blockchain ที่เป็น Centralized ครับ แน่นอนว่ามันดีกว่าไม่ใช้

กรณี ธนาคารไทยพาณิชย์ นำ Blockchain ของเหรียญ Ripple เข้ามาช่วยโอนเงินระหว่างประเทศ ไปยังญี่ปุ่น ก็ทำให้โอนเงินเร็วขึ้น และใช้แบบ Decentralized แต่แน่นอนครับ มันยังคงมีความเป็น Centralized

นี่เป็นเหตุผลว่า เราไม่มีทางที่จะเห็นสถาบันการเงิน ธนาคาร มาทำให้ Bitcoin หรือ Cryptocurrency มันพังได้แน่นอนครับ เพราะมันเป็น Decentralized 100% อีกทั้งมันตัดคนกลางออกไป เข้าถึงง่าย ใช้ได้ทั่วโลก

ลองอ่านบทความนี้ อาจทำให้เข้าใจมากขึ้นครับ

http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,403665.0.html


 
 

  31% ของนักงานออฟฟิคในเกาหลีใต้ ลงทุนใน Cryptocurrency ไม่ใช่แค่ Bitcoin เท่านั้น หลายวันก่อน ข่าวออกมาว่า คนเกาหลีใต้พากันไปซื้อเหรียญ DASH และ Monero เก็บไว้

  31.3% ของพนักงานออฟฟิซกว่า 931 คนอ้างตัวเองว่าเป็นักลงทุน cryptocurrency โดยได้ใช้เงินลงทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 5.56 ล้านวอน (ประมาณ 5,170 ดอลลาร์) ต่อบุคคล

  โดยประมาณ 1 ใน 10 (12.9%) ของบุคคลส่วนใหญ่อ้างว่าพวกเขาได้ลงทุนไปกว่า 10 ล้านวอน หรือประมาณ 9,300 ดอลลาร์ อ้างอิงจากหนังนิตยสาร Korean Times ที่ได้ชี้ให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนที่เริ่มเข้ามาให้ความสนใจใน Bitcoin โดยผลสำรวจเหล่านั้นกล่าวว่า 18.3% นั้นได้ใช้เงินลงทุนกว่า 1-2 ล้านวอน ในขณะที่ 44% กล่าวว่าใช้เงินลงทุนต่ำกว่า 1 ล้านวอนในการลงทุน

  เมื่อถูกถามถึงสาเหตุที่ลงทุน กลุ่มตัวอย่างกว่า 54.2% กล่าวว่า “มันดูเหมือนจะเป็นวิธีการทำเงินที่เร็วที่สุด” ในขณะที่อีก 48% กล่าวว่าพวกเขาต้องการทดสอบดูเฉย ๆ ด้วย “จำนวนเงินขนาดเล็ก” จากจำนวน 80.3% ทั้งหมด

  ประเทศเกาหลีใต้นั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นประเทศที่มีตลาดการซื้อขาย cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย Bitcoin กว่า 20% ของทั่วโลกนั้นถูกซื้อขายบนตลาดดังกล่าว นอกจากนี้นักลงทุนในเกาหลีใต้ยังเป็นผู้ผลักดันราคาเหรียญอื่น ๆ อย่าง Monero และ Ripple เมื่อไม่นานมานี้อีกด้วย

https://www.ccn.com/survey-31-...nals-cryptocurrency-investors/