bitcoin walletหรือกระเป๋า บิทคอยน์ ซึ่งในทางเทคนิคแล้วสกุลเงินดิจิทัลซึ่งมีบิทคอยน์เป็นหนึ่งในประเภทเงินดังกล่าวไม่สามารถจัดต้องได้เพราะเกิดขึ้นจากการสร้างผ่านกลไกลทางคณิตศาสตร์ เมื่อสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอเรนซีเป็นเงินที่ไม่สามารถจับต้องหรือมองเห็นดูตาเปล่าได้ ยกเว้นจำนวนยอดมูลค่าที่มีอยู่ ดังนั้น “กระเป๋า บิคคอยน์” จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นการส่งและรับบิทคอยน์และแสดงถึงการเป็นเจ้าของในยอดเงินสกุลดิติทัลนั้นต่อผู้ใช้งานคนอื่นๆ อีกด้วย
bitcoin walletหรือกระเป๋า บิทคอยน์ คือะอะไร
bitcoin walletหรือกระเป๋า บิทคอยน์ หมายถึง ซอฟท์แวร์โปรแกรมสำเร็จรูปแบบหนึ่งที่เปิดให้บริการผ่านเว็บไซต์โบรกเกอร์เทรดดิ้งบิทคอยน์ ทำหน้าที่ในการเก็บรวบรวมบิทคอยน์ไว้ พูดง่ายๆ ว่าหน้าที่หลักของกระเป๋าคือการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้และระบบบิทคอยน์ด้วยการแสดงผ่านตัวเลขลับสำหรับที่อยู่ของทุกๆ บิทคอยน์ที่ได้จัดเก็บเพื่อให้รู้ว่าใครเป็นเจ้าของยอดเงินบิทคอยน์นั้นๆ
เคล็ดลับในการเลือกใช้ กระเป๋าบิทคอยน์
สำหรับเคล็ดลับในการเลือกใช้งาน bitcoin walletหรือกระเป๋า บิทคอยน์ นั้น เมื่อการสร้างกระเป๋าต้องกระทำผ่านเว็บไซต์โบรกเกอร์ฯ ดังนั้น การสร้างกระเป๋ามีเคล็ดลับง่ายๆ คือการเลือกสมัครเป็นสมาชิกในเว็บไซต์เทรดดิ้งบิทคอยน์ที่ดีมีมาตรฐาน และได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั่วโลกซึ่งสำหรับมือใหม่แล้วการศึกษาข้อมูลจะช่วยให้สามารถลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการได้เพราะนอกจากจะเป็นที่เก็บบิทคอยน์และยังเป็นแหล่งสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลทุกรูปแบบอีกด้วย
10 กระเป๋า บิทคอยน์ที่นิยมใช้งานในปี 2021
10 bitcoin walletที่นิยมใช้งานในปี 2021 สำหรับนักลงทุนมือใหม่ในการเลือกใช้นั้น ขึ้นอยู่กับรูปแบบและลักษณะของการใช้งานเป็นสำคัญ โดยภาพรวมกระเป๋า บิทคอยน์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นของเว็บไซต์ไหนเจ้าใดก็ตาม ล้วนแต่ออกแบบมาโดยคำนึงด้านความปลอดภัยของข้อมูลเป็นหลัก แต่ขณะเดียวกันความแตกต่างจะอยู่ในเรื่องของการพัฒนาแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชั่นเท่านั้นเอง ดังนั้น 10 รูปแบบกระเป๋า บิทคอยน์ที่แนะนำในวันนี้ นักลงทุนมือใหม่จะเลือกใช้แบบใดก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละบุคคลนั่นเอง กระเป๋าทั้ง 10 ใบประกอบไปด้วย
1.
Ledger Nano Sเป็นกระเป๋าที่ถูกออกแบบมาเพื่อเก็บสกุลเงินดิจิทัลได้ทุกสกุลรวมถึงบิทคอยน์ ด้วยระบบการเก็บรักษาข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง มีกุญแจในรูปแบบออฟไลน์ที่เป็นอุปกรณ์แยกต่างหาก ทำให้ปลอดภัยจากพวกแฮกเกอร์ทั้งหลาย
2.
GreenAddressเป็นกระเป๋าที่ถูกออกแบบมาให่สามารถทำหน้าที่ได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันสามารถใช้งานผ่านหน้าเว็บ, โปรแกรมคอมพิวเตอร์, ระบบปฏิบัติการ Android และ iOS มีรักษาความปลอดภัยด้วยระบบ Multi-signature ที่ต้องยืนยันจากเจ้าของบัญชีเท่านั้นถึงจะเข้าถึงข้อมูลได้
3.
Myceliumเป็นกระเป๋าบิทคอยน์ที่สามารถใช้งานได้โดยตรงกับ Android และ iOS สร้างระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงด้วยกุญแจส่วนตัว อีกทั้งยังมีฟีเจอร์การใช้งานที่ง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่
4.
Breadwalletเป็นกระเป๋าที่ถูกออกแบบผ่านระบบซึ่งไม่มีช่องทางที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ให้ถูกแฮคได้ พร้อมกับระบบการเชื่อมต่อด้วยความเร็วสูงที่เรียกว่า SPV breadwallet ปัจจุบันได้พัฒนาแอปพลิเคชั่นให้ใช้งานได้ทุกระบบปฏิบัติการแล้วแตกต่างไปจากเดิมที่ใช้งานเฉพาะระบบ iOS เท่านั้น
5.
Samourai Walletเป็นกระเป๋าที่ถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยตั้งแต่การสมัครเข้าเป็นสมาชิกและยังมีรูปแบบการใช้งานที่สมาชิกสามารถเรียนรู้ไอคอนต่างๆ บนหน้าจอได้ง่ายไม่ซับซ้อน ข้อเสียคือไม่สามารถใช้งานผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ นั่นคือไม่รองรับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ทั้ง Wondow และ Mac นั่นเอง
6.
Edgeเป็นกระเป๋าที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการจัดเก็บและแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอล โดยผู้ใช้งานจะมีกุญแจส่วนตัวให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการ แลกเปลี่ยนสกุลเงินได้ด้วยตนเองพร้อมเพิ่มระบบแบคอัพสำรองข้อมูลอัตโนมัติอีกด้วย
7.
Electrumเป็นกระเป๋าที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Mac, Linux และ Windows รวมถึง TREZOR, Ledger Nano และ KeepKey ก็สามารถเข้าถึงเพื่อใช้งานได้เช่นกัน
8.
Blockchainเป็นกระเป๋าที่ถูกออกแบบให้มีการแยกกระเป๋าตามสกุลเงินดิจิทัลสามารถทำการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยตรงและสามารถทำการยืนยันการส่งและรับบิทคอยน์ได้รวดเร็ว
9.
Coinbaseเป็นกระเป๋าที่ถูกออกแบบมาด้วยระบบการทำงานที่ง่ายเนื่องจากไม่มีการใช้นามแฝงจึงทำให้ชื่อของผู้ใช้งานผูกติดกับบัญชีธนาคารของนักลงทุนโดยตรง
10.
Robinhoodเป็นกระเป๋าที่ถูกออกแบบมาด้วยแพลตฟอร์มที่สามารถรองรับความปลอดภัยในด้านข้อมูลการใช้งานได้อย่างดีและสามารถเชื่อมโยงกับการเทรดในตลาดหุ้นได้อีกด้วย
การจะที่เป็นเจ้าของกระเป๋า บิทคอยน์ หรือ bitcoin wallet ในวันนี้สามารถทำได้ง่าย เพียงนักลงทุนทำการสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์โปรเกอร์เทรดคริปโตเคอเรนซีแห่งใดแห่งหนึ่ง ซึ่งการสมัครเป็นสมาชิกกับเว็บไซต์โบรกเกอร์เหล่านี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อสมัครเป็นสมาชิกแล้วสามารถสร้างกระเป๋า บิทคอยน์เพื่อทำการฝากบิทคอยน์ไว้ อีกทั้งยังสามารถทำธุรกรรมซื้อขายบิทคอยน์ หรือเหรียญคริปโตเครเรอซีประเภทอื่นๆ ได้อีกด้วย
บัญชีของนักลงทุนที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกของเว็บไซต์เทรดดิ้งบิทคอยน์นั้น แต่ละบัญชี user จะมาพร้อมกับกระเป๋าบิทคอยน์ โดยกระเป๋า บิทคอยน์จะมี 26-35 ตัวอักษรและตัวเลขสลับกัน ซึ่งเป็นรหัสเฉพาะตัวที่ทำให้บล็อกเชนรู้ว่าบิทคอยน์ของนักลงทุนแต่ละคนถูกกส่งไปที่ไหนบ้างนั่นเอง
ข้อมูลอ้างอิง:
binance