สำหรับท่านใดที่ให้บริการ Hosting รบกวนสอบถามเป็นความรู้หน่อยนะครับ
ในจำนวนผู้เข้าชมเว็บเท่าๆ กัน เช่น 3000 uip page view ใกล้เคียงกัน Joomla เซิร์ฟเวอร์ทำงานหนักกว่า wp มากไหมครับ ผมกลัวปัญหาตรงนี้มากกว่า

ขอบคุณครับ

ใช้มานานเหมือนกันครับ ตั้งแต่ 1.5 จนตอนนี้ 3.8 มีปัญหาทุกครั้งที่อัพเดท
แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ภายในก็เละเต็มที เพราะอับเดทข้ามาเรื่อยๆ 1.5 เป็น 2.5 เป็น 3.5 อนาคตถ้ามันอพัเดทอีก ไม่รู้จะปัญหาอะไรจะมาอีกบ้าง บทความเยอะ ก็ได้แต่ทนใช้ต่อไป แต่ก็ชอบระบบมันครับ จัดการง่ายดี แต่ถ้าเป็นคนเริ่มทำเว็บตอนนี้ น่าจะปัญหาน้อยกว่า

เรื่องการอัพเดทบทความเยอะๆ  เหมือนไม่ให้เราโตงั้นแหละ ถ้าปีนี้จะซื้อ BM ละทำงัย ก็แย่เลย คงได้แต่ BMX ตามร้านรับซื้อของเก่า สำหรับคนทำเว็บเดียว  อาจจะต้องเปลี่ยนแผน ทำหลายเว็บ จะได้อัพเดทได้มากหน่อย ส่วนผมก็มีแผนตามนี้ครับ ต้องหาทางเปลี่ยน บทความของเรา ให้เป็นสินค้า ที่หลากหลายประเภทครับ เช่น
บทความ เอาไปลงเว็บ นี่คือปกติ
บทความเดิมนะแหละ ดัดแปลง ไปทำ วิดีโอ
บทความ เอาไปทำ แอปมือถือ
บทความ เอาไปทำ fb page
บทความ เอาไปทำ สไลด์
บทความ เอาไปทำ ....

สรุปก็คือ ต้องหาทางเปลี่ยนบทความเดียวที่มี ให้เป็นสินค้าประเภทคอนเทนต์ที่หลากหลายที่สุด ไม่ใช่เอามาทำบทความลงเว็บอย่างเดียว

ผมกำลังหาทางไปแนวนี้ครับ รออากู๋ อย่างเดียว คงไม่ไหว 

เป็นกำลังใจครับ ทุกๆ ท่าน ซู่ๆ

มีอีกตัวครับ ของ ดูไบ ทรานสเลทครับ เคยลองเปรียบเทียบกันแล้ว แปลออกมาได้ดีเหมือนกัน

แปลภาษาไทยเป็นอังกฤษ ด้วย Baidu Translate เข้าไปที่เว็บมันเลยอะครับ

กำลังหาวิธีอยู่เหมือนกันครับ ตั้งใจจะไปร้านทำ่ท่อไอเสีย จ้างช่างตัดเหล็กเป็นท่อนๆ เชื่อมปิดหัวปิดท้าย ทำรูไว้แค่หยอดเหรียญ ทำไว้หลายๆ อย่าเก็บไว้ในกระปุกอันเดียว เผื่อไม่มีวินัย คงจะไม่ขยันเลือยทุกเดือน อาจจะเหลือเก็บ เหอๆๆ

สิบกว่าปีก่อน ผมตกงาน ไม่รู้จะทำอะไร เลยนั่งเขียนบทความไว้หลายรีม หลังจากได้ลองทำเว็บ ก็เลยเอาบทความทั้งหมดมาใส่ลงไป ประมาณ 3000 กว่าบทความ ตอนนี้ก็เกือบ 5,000 แล้ว ก็ตั้งใจจะทำให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหลังจากสมัคร Adsense ผ่่าน เว็บก็สร้างรายได้มาจนถึงปัจจุบัน ลองดูคับ

คำแนะนำเรื่องการเลือกเรื่องที่จะเขียนบทความ หากจะเลือกแนวนี้
เป็นมุมมองส่วนตัวของผม อยากให้เลือกเรื่องที่ศึกษาแล้ว เป็นความรู้ติดตัว และสามารถนำความรู้นั้นๆ ไปต่อยอดได้อีก เช่น
- เขียนบทความสอนใช้โปรแกรม Illustrators เราก็จะได้บทความไว้ลงเว็บ ขณะเดียวกัน ก็จะได้ความรู้ในการออกแบบ ก็นำความรู้นั้นไปต่อยอดอีกที เช่น รับออกแบบโลโก้ หรือทำภาพเวคเตอร์ขาย ฯลฯ
- อย่างเขียนบทความสอนสร้างแอปในมือถือ ได้บทความไว้ลงเว็บ หรือไว้ขาย หากมีความชำนาญแล้วก็จะสามารถสร้างแอปของตัวเองได้ รับจ้างทำแอป ทำขายเอง รับสอน ฯลฯ 
- เขียนบทความเกี่ยวกับการซ่อมมือถือ ก็ได้ความรู้ไปเปิดร้านซ่อมมือถือได้ หรืองานประดิษฐ์ เป็นต้น

แต่การเลือกบางเรื่อง อย่างการเขียนข่าว แบบนี้จะเสียเวลา เพราะไม่สามารถนำความรู้ไปต่อยอดอะไรได้มากนัก บทความก็หมดอายุเร็ว ต้องศึกษาใหม่อยู่เรื่อยๆ เริ่มต้นใหม่อยู่เรื่อยๆ เวลาผ่านไปแต่ไม่ได้อะไรมาก นอกเสียจากจะมีช่องทางทำออกมาแล้ว ทำเงินได้มาก

การทำบทคามได้เป็นเรื่องดีครับ เพราะเหมือนเป็นสารตั้งต้น ไว้นำไปต่อยอดผลิตอะไร...ได้หลากหลาย เช่น  เลือกเอาบางตอนไปทำโพสต์ FB หรือทำวิดีโอลง YT ทำสไลด์ เอาทำ audio ebook ไปทำ eBook บทความบางส่วนเอาไว้ขาย ขายไม่ออก ใส่เว็บตัวเอง ทำอย่างต่อเนื่องหลายปี มีบทความเยอะ รายได้เข้ามาแน่นอน

นอกจากการเขียนบทความแล้ว ยังมีอีกเรื่องก็คือ การฝึกอ่าน ฝึกพูด เปลี่ยนบทความของเราให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำไปทำวิดีโอ การใช้มือถือท่องเน็ต เล่น Facebook Youtube ฯลฯ นิยมกันมาก การใช้อุปกรณ์มือถือดูวิดีโอ นั้นง่ายกว่าอ่าบทความ ดังนั้น เมื่อทำบทความเสร็จแล้ว ก็ปรับเปลี่ยนเนื้อหา ทำเป็นไฟล์เสียง หรือเรื่องเล่า บทบรรยาย (ตัวอย่าง 10 สิ่งที่ " คนไทย " เรียกผิดมาตลอด, 12 สิ่งแรกในสยาม) ฯลฯ แล้วนำไปทำวิดีโออีกที ไว้อัพเข้า Youtube เผื่อสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่งได้ครับ 

เป็นเด็กได้เปรียบ เสียงใส หน้าก็ใส พลังก็ยังเยอะ เวลาก็ยังเหลือมาก สู้ๆ 

จากที่ลองทดสอบดูแล้ว ถ้าเอาป้ายโฆษณา Adsense ออก เว็บจะเร็วขึ้นมากเลย ลองดูครับ ได้ผลดีมากกกก 

เปิดใช้ auto renew แล้วครับ ในระยะเวลาเกือบ 2 อาทิตย์ครับ ที่ตีกลับ เป็น http เหมือนเดิม เลยไม่กล้ายุ่งกับมันอีก ก็เดาว่า จะเกิดจากเว็บมีหลายซับโดเมนหรือเปล่า ก็ไม่กล้าลองทดสอบครับ คนหาย งินหาย ทำใจไม่ด๊ายยยย

ถ้าเว็บมีรายได้ หาข้อมูลให้ดีก่อนจะสี่ยงกับ SSl ฟรีนะครับ โดยเฉพาะเว็บที่มี Sub มีเว็บย่อย
ปีที่แล้วผมลองเปลี่ยน เว็บหายไปประมาณเกือบ 2 อาทิตย์ พออันดับดีขึ้น ปรากฏว่า SSL มันยกเลิกเอง เว็บถูกรีเซ็ตไปเป็น http เหมือนเดิม สรุปเว็บหายเกือบเดือน   

ควรใช้ SSL แบบเสียเงินจะดีกว่าครับ สบายใจกว่ามาก

การทำหนังสือหรือ eBook จะมีโปรแกรมที่จะต้องดาวน์โหลดมาติดตั้งหลายตัว โปรแกรมที่ผมใช้อยู่ ก็ง่ายๆ ตามนี้ครับ เผื่อสนใจ 
1. dotNetFx40_Client_x86_x64.exe เสริมการทำงานของ PDFill Free PDF Tools ดาวน์โหลดได้ที่ https://sourceforge.net/projec...Dependancies/DotNetFX40Client/

2. gs901w32.exe เสริมการทำงานของ PDFill Free PDF Tools  ดาวน์โหลดได้ที่ https://sourceforge.net/projec.../files/GPL%20Ghostscript/9.01/ เลือกแบบ 64 bit หรือ 32 bit ให้ตรงกับเสป็คเครื่อง

3. โปรแกรม PDFill FREE PDF Tools โปรแกรมนี้ไว้จัดการกับไฟล์แบบ PDF ซึ่งก็คือ eBook นั่นเอง ไว้สร้างเอกสาร PDF เข้ารหัส แยกหน้า ลบหน้า เพิ่มหน้า ดาวน์โหลดได้ที่ http://www.pdfill.com/download.html

* ข้อ 1 - 3 โหลดมาแล้ว ก็ติดตั้งไปตามลำครับนะครับ

4. โปรแกรม PhotoScape ดาวน์โหลดได้ที่ http://photoscape.me/ หรือโปรแกรมแต่งภาพอื่นๆ เอาไว้แต่งภาพที่ได้สร้างขึ้นมาจากไฟล์เอกสาร หรือลดขนาดไฟล์ภาพให้เล็กลง ไว้ทำปกหนังสือง่ายดี

5. โปรแกรม PDF-Viewer ไว้ดูผลงานไฟล์ pdf หรือดู eBook ที่ได้สร้างขึ้นมา และแปลงไฟล์ PDF เป็นไฟล์ภาพ JPG เพื่อนำเนื้อหาบางส่วนไปโปรโมต ดาวน์โหลดได้ที่ https://www.tracker-software.com/product/pdf-xchange-viewer

6. โปรแกรมจับภาพหน้าจอโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น Greenshot เพื่อทำ eBook หรือหนังสือสอนใช้งานคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมต่างๆ  ดาวน์โหลดได้ที่ http://getgreenshot.org/

7. โปรแกรมพิมพ์เอกสาร Word 2010 หรือรุ่นอื่นก็ได้ หรือ LibreOffice Writer ใช้งานได้เหมือนกัน

เว็บสวยครับ ทำบทความแนวไอที เลือกบทความให้ดีนะครับ
- บทความอายุสั้น ตายเร็ว หมวดยุคเร็ว จะเสียเวลาปลูก เหมือนปลูกพืชระยะสั้น 
- บทความอายุปลานกลาง อยู่ได้นานหน่อย
- บทความอายุยืน ไม่ตกยุค อยู่ได้นานเหนือย เหมือนปลูกไมผล เก็บผลได้นาน ทำเงินนาน ถ้าไม่โดนโค่นเสียก่อน (ลืมต่ออายุโดเมน โดนแบน)

สำคัญครับ จะไม่เสียเวลา เว็บผมบทความแนวไอทีเยอะ ตายเป็นเบือเลยตอนนี้  เสียเวลาทำอยู่หลายปี

สู้ๆ ครับ รวยๆ

อิสระภาพทางการเงิน มันเป็นคำพูดการตลาดสวยหรู ที่เค้าเอาไว้ต่อยอดธุรกิจ เอาไว้ทำโฆษณา คำพูดนี้ มันจูงใจได้ดีนัก ขายของได้ดีนะ แต่ชีวิตหลังอิสระภาพจริๆ มันไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิด ลองหาโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่ได้สัมผัสกับอิสระภาพจริงๆ แล้วจะรู้ว่า มันเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหม่ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เช่น
- อิสรภาพในชีวิต ทั้งคนโสด ไม่โสด เป็นคนโสดแล้วคุณจะรับมือกับความเหงาอย่างไร จะต้องใช้กี่กลม กี่เหลี่ยม หรือไม่โสด มีคู่ อาจจะมีเรื่องทะเลาะมากขึ้น เพราะคนเราพอมีอิสระทางการเงิน ไม่ต้องทำงานก็มีเงินใช้ มันจะเริ่มฟุ้งซ่าน เริ่มจับผิดคู่ตัวเอง หรือจับผิดตัว

เอง
- อิสระภาพทางการเงิน มันมีจริงมั๊ย และอยู่ได้กี่วัน กี่เดือน กี่ปี แฟนจะให้ใช้วันละกี่บาท
- อิสระภาพทางความคิด คุณสามารถคิดได้อย่างอิสระจริงๆ หรือไม่ ถ้าเป็นโสดมันอาจจะใช่ แต่ไม่โสด อาจจะมีอีกคนคอยจับผิดทุกย่างก้าว
- อิสระภาพในเรื่องการทำงาน คุณสามารถหยุดทำงาน หรือทำงานตามใจตัวเองได้แค่ไหน เพราะการทำงาน การทำธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเป็นการทำเพื่อเอาใจคนอื่น ประเภทอินดี้ แล้วได้เงิน มันไม่ง่ายเลย
ฯลฯ

ผมคิดว่าเราไม่ควรจะสนใจเรื่องนี้ เพราะมันยังมีอะไรอีกเยอะมาก หลังชีวิตอิสระ แต่ควรเลือกที่จะทำงานที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข ทำแล้วได้เงินได้ด้วย ทำไปตลอดชีวิตนะแหละ จะได้ไม่เหงา ไม่ฟุ้งซ่าน แล้วก็แบ่งเวลาศึกษาธรรมะ ฝึกสมาธิ เพื่อค้นหาตัวเอง เรียนรู้วิธีสร้างความสุขในใจ เพราะไม่ว่าคุณจะมีอิสระภาพทางการเงินหรือไม่ก็ตาม หากไม่รู้จักวิธีสร้างความสุขที่ไม่ต้องใช้เงิน เป็นความสุขจากข้างใน ต่อให้มีอิสระแค่ไหน มีเงินทองมากแค่ไหน ก็ไม่มีความสุขอย่างแน่นอน เพราะควาสุขที่แท้จริง เงินซื้อไม่ได้ อิสระภาพอะไรก็ช่วยไม่ได้เลย

ป้ายโฆษณาแบบ Menu Text Link ในเว็บผม ใช้ไม่ได้แล้ว ใครเป็นบ้างครับ ติดได้แต่ไม่ได้เงิน เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  แสดง PV แต่ไม่นับเงิน ช่อง ในช่องการแสดงผลที่ดูได้ ไม่แสดง % แต่จะแสดงเครื่องหมาย - แทน  ในเว็บติดป้าย 3 ป้าย และ Text Link 1 ป้าย

google เลยครับ เพียบเลย
อย่างภาพวัด พิมพ์ เช่น วัด ฟรี  pixabay.com
คลิก ค้นรูป
คลิก รูปที่ต้องการ เน้นต้องเป็นของเว็บ pixabay
เมื่อแสดงรูปใหญ่แล้ว ให้คลิกขวา คลิก Save image as เลยก็ได้ ถ้าไม่เน้นขนาดภาพใหญ่มาก เอาไปทำเว็บ ก็พอได้ วิธีนี้หาภาพได้เร็ว

ลองแล้วตกครับ แต่ตกสักพัก แล้วก็ค่อยกลับมา ถ้ามีรายได้หลักจากเว็บนั้นๆ ต้องระวังครับ ดูเงินในกระเป๋าก่อน มีเงินเย็นพอจะจ่ายครอบคลุมรายจ่ายประจำเดือนหรือไม่ ถ้าตกแล้วคนหาย รายได้หดจะไม่ลำบาก ของผมหายไปเกือบเท่่าตัว ทั้งคนเข้าเว็บและรายได้ แม้จะกลับมา แต่ก็ไม่ยังไม่เท่าเดิม

ผมเขียนบทความเกี่ยวกับรถมือสอง ยาวมาก มีทั้งภาพประกอบ เคยติดหน้ารก คีย์ จำนำรถยนต์มือสอง มีอยู่เว็บหนึ่ง เพิ่งเกิดใหม่ไม่นาน มาก็อปปี้ไปบางส่วน ปรากฏว่า เว็บผมไปอยู่หน้า 4 ก็ก็อปปี้ไปหลายบทความ ทยอยแซงหน้า หรือบางคีย์ก็อยู่ติดกันเลย ผมก่อน เว็บนั้นก็ตามหลังติดๆ กันเลย เว็บนี้ติด adsense ด้วย

สรุปนะครับ

ถ้าจะก็อปปี้ก็รุีบทำ ให้เยอะ  555 ถ้าสามารถแซงอันดับบทความต้นฉบับได้เยอะๆ แบบนี้ ก็น่าจะทำเงินได้ดี แม้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

แต่เจ้าของบทความนี่สิครับ จะทำอย่างไรดี อยากแบน Google จริงๆ

Joomla ขอแชร์ด้านดีที่ผมชอบ และตรงกับแแนวของเว็บที่ต้องการทำ
Joomla จะสามารถปรับแต่งการแสดงผลหน้าจอได้ยืนหยุ่นมาก เมื่อเทียบกับ WordPress  เช่น ในเว็บไซต์มีหมวดหมู่ต่างๆ
iOS
Android
บลาๆๆ

และในแต่ละหมวดก็มีหมวดย่อย เช่น
iOS
- iPhone
- iPad
- Mac
- iOs News
บลาๆๆ

Android
- Android Apps
- Android Games
- รีวิว มือถือ Android
- รีวิว Tablet Android
 - Android News
 บลา

ใน Joomla สามารถ สร้าง หมวดบทความ สร้างเมนูและโมดูล แยกไปตามหมวดหลักได้ โดยมี Url ของตัวเอง เช่น
เว็บไซต์หลัก สมมุติว่าชื่อ www.techblog.com (ไม่ใช่เว็บผมนะ)
เราสามารถสร้างหน้าแสดงผลเพื่อแสดงเฉพาะหมวด iOS ได้โดยจะมี URL เฉพาะ  เช่น www.techblog.com/ios และเราสามารถสร้างโมดูล ให้แสดงเฉพาะบทความในหมวดนี้เท่านั้น เช่น บทความล่าสุดหมวด iOS บทความยอดนิยม สร้างหมวดหมู่ย่อย สร้างป้ายโฆษณา แบน

เนอร์ที่สามารถกำหนดให้แสดงเฉพาะในหน้านี้เท่านั้น ส่วนหมวด Android ก็เช่นกัน จะสามารถสร้างหน้าเว็บที่แสดงผลเฉพาะบทความหมวดนั้นอย่างเดียว เช่น www.techblog.com/android เช่นเดียวกัน เราสามารถสร้างโมดูลให้แสดงเฉพาะบทความในหมวด Android ได้ตามที่เราต้องการ โดยไม่มีหมวดอื่นมาเกี่ยวข้อง อาจจะเป็นบทความล่าสุดหมวด iOS บทความยอดนิยม สร้างหมวดหมู่ย่อย สร้างป้ายโฆษณา แบนเนอร์ ฯลฯ 

** การแสดงผลแบบนี้ ใน WordPress ก็ทำได้ แต่ยุ่งยากในการสร้างและบริการจัดการ และหลายคนก็จะทำเป็นเว็บแบบ Subdomain แทน เช่น www.ios.techblog.com , www.android.techblog.com ซึ่งการทำซับโดเมน มันคือเว็บไซต์ใหม่กลายเป็นว่าเหนื่อยในการดูแลมากกว่าการมีเว็บเดียว ยกเว้นคนเก่งๆ ที่ใช้การทำบทความอัตโนมัติได้

เมื่อกูเกิ้ลให้ความสำคัญกับเว็บที่ต้องสดชื่นทุกวัน ด้วยการมีบทความใหม่ๆ อัพเดท กรณีทำเว็บคนเดียว มันก็เหนื่อยในการอัพเดททุก
SubDomain แต่ Joomla จะไม่ค่อยเหนื่อย  เพราะแม้จะมีหลายหมวด แต่การตั้งค่าให้แต่ละหมวดมีคุณลักษณะ เหมือน Subdomain การอัพเดทบทความเพียงบางหมวดบางหมวด ก็ถือว่าเว็บมีการเคลื่อนไหวแล้ว เว็บยังไม่ตายยยยย

อย่างการทำเว็บที่เน้น คีย์เวิร์ด ผมว่ามันลงตัวมาก เพราะเราสามารภเอาคีย์เวิร์ดมาทำ หมวดได้เลย เช่น
รถมือสอง www.autoblog.com/secondhandcars
รถใหม่ www.autoblog.com/newcars
แต่ความแรงในเรื่อง seo คงแรงสู้ wordpress ไม่ได้

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ การวางแผนทำเว็บไซต์ขนาดใหญ่ มีเนื้อหาจำนวนมาก และต้องมีการปรับแก้ อัพเดทบทความ เว็บแนววิชาการ ราชการ การใช้ Joomla จะจัดการบทความได้ง่ายกว่า ลองเปิดบทความเก่าๆ ใน WordPress ขึ้นมาแก้ไข จะยุ่งยากกว่า เปิดบทความใน Joomla

การทำบทความลง Joomla มีความยืดหยุ่น ด้วยการใช้คำสั่ง html ช่วยในการป้อนบทความ เช่น
<h2>ชื่อหัวข้อ</h2>
<p>รายละเอียดหัวข้อ</p>
<p><img src="ชื่อภาพ"alt="" border="0" /></p>
* ด้วยวิธีนี้ การทำบทความที่มีภาพประกอบเป็นร้อย เป็นพันภาพ จะไม่ต้องมานั่งแทรกเองทีละภาพ  เขียนบทความ แล้วแทรกโค้ด html

จากนั้นก็อปปี้ไปวางใน Joomla มันก็จะจัดตัวหนา h1 h2 ... หรือดึงภาพมาแสดงเองอัตโนมัติ

เรื่องภาพประกอบ
ใน WordPress เราสามารถสร้างภาพธัมเนลบทความได้ง่ายมาก แต่หากลองเข้าไปดูในโฟลเดอร์ที่เก็บภาพของ WordPress เมื่อใดที่เราอัพโหลดภาพเข้าไป มันจะมีการสร้างไฟล์เภาพพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว ทำให้เปลืองพื้นที่เว็บไซต์ เช่น อัพโหลดภาพชื่อ test.jpg เข้าไป มันจะสร้างไฟล์ภาพเพิ่มขึ้นมาเช่น tes...., test.... ลองเข้าไปดูเองก็แล้วกันอยู่ใน uploads ผมเคยอัพโหลดภาพเข้าไปหลักหมื่นภาพ  ปรากฏว่า มันสร้างเพิ่มให้อีก 5 เท่าตัว ได้ไฟล์ขยะเพียบเลย มันไม่สนุกเวลาต้องย้ายโฮสต์

ข้อเสียใน Joomla คือ ปลํ๊กอิน ดีๆ หายาก ต้องเสียเงิน แต่หากชอบอะไรที่เรียบง่าย พอเพียง ปลั๊กอินหรือโปรแกรมเสริมที่มากับตัว Joomla ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว

การอัพเดทปลั๊กอินปัจจุบัน Joomla 3.6 ขึ้นไป การอัพเดทปลั๊กอิน ก็สามารถทำผ่านเว็บได้เหมือน WordPress แล้ว กด Update จากหลังบ้านได้เลย แต่ไม่ทุกตัว ส่วนเรื่องน่าเบื่ออีกอย่างก็คือ Joomla มักจะมีปัญหาให้ต้องตามแก้ แทบทุกครั้งที่อัพเดท

การทำเว็บด้วย WordPress นั้นง่ายกว่า Joomla ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก แต่การศึกษา Joomla ต้องใช้เวลา เพื่อทำความเข้าใจการทำงานของมัน โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง
1. หมวดหมู่บทความ  เช่น android
2. บทความสำหรับใส่ในหมวด เช่น แนะนำมือถือ Android ราคาประหยัด
3. เมนู เรียกใช้งานหมวดนั้นๆ เช่น android
4. โมดูล แสดงบทความในเมนูที่เรียกใช้งานหมวดนั้น  เช่น หน้าแรก |  ios | Android |  เกี่ยวกับเรา |  ติดต่อเรา ถ้าคลิก Android ก็จะแสดงเฉพาะบทความในหมวด Adnroid เท่านั้น
5. user ที่สร้างบทความ

ก่อนทำบทความ ต้องทำหมวดรอก่อน แล้วจึงทำบทความเพื่อใส่หมวดนั้นๆ  ในบทความจะมีส่วนประกอบสำคัญต้องใส่ให้หมด เช่น คีย์
เวิร์ด แท็ก ชื่อผู้เขียน ทุกหมวดต้องทำเมนูเรียกใช้งาน ในเมนูตั้งค่าได้ทุกอย่าง จะแสดงหมวดย่อย แสดงชื่อนักเขียน แสดงจำนวนบทความ แสดงซ่อนภาพธัมเนล ฯลฯ

แล้วจึงสร้างโมดูลเพื่อแสดงเมนูในหน้าจอ จะแสดงตรงไหน แสดงตอนไหน ตัวโมดูลจะสามารถตั้งค่าให้แสดงในโมดูลอื่นได้ เช่น ป้าย

โฆษณา iPhone หรือบทความยอดนิยมหมวด ios ตั้งค่าให้แสดงเฉพาะในโมดูลเมน iOS เท่านั้น เป็นต้น การสร้างโมดูล สามารถแสดงบทความในหมวดหมู่ได้ละเอียด เช่น ดึงบทความที่มีคีย์เวิร์ดเดียวกัน แสดงเป็นบทความ เนื้อหาใกล้เคียง หรือแสดงตามแท็ก

ยังมีอีก คือเรายังสามารถตั้งค่าให้แสดงบทความตาม User ที่สร้างบทความนั้นๆ ได้ เช่น www.techblog.com/ ชื่อนักเขียน บทความยอดนิยมของนักเขียนคนนั้น

สรุป
นี่คือเรื่องหลักที่ต้องทำความเข้าใจการทำงานของ Joomla ครับ เยอะ และซับซ้อน แต่ถ้าเข้าใจแล้ว ก็เข้าใจเลย แล้วจะต่อไปเชียงคาน เวียงจันทร์ หลวงพระบาง โผล่น่าน ก็ไปได้หมด 
 แชร์จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ หลายๆ ท่านอาจจะต่างกันไป

เว็บทำเงิน ศึกษาให้รอบด้านก่อนนะครับ ผมใช้ของฟรีที่โฮสต์ให้มาของ Let's Encrypt หลังจากตั้งค่าเสร็จแล้ว ทุกอย่างราบรื่นดี หลังจากนั้น ประมาณอาิตย์กว่า ใน DirectAdmin ปิดการใช้งน SSl เอง โดยไม่รู้สาเหตุ ก็มัวแต่ลั้ลลา ไม่ได้เข้าเว็บเลย เว็บเดี๋ยงคนหาย เพราะ URL เปลี่ยน ค้นเจอเว็บจาก Google แต่เข้ไม่ได้ หลังการตั้งค่า ต้องหมั่นตรวจสอบ มีปัญหารีบแจ้งผู้ให้เช่าพื้นที่ หรือใช้ https แบบคิดค่าบริการเป็นรายปี  จะดีกว่า เครียด! เดือนที่แล้วคนหายเยอะเลย ตอนนี้ก็ยังหาทางกลับเว็บผมไม่เจอเลย