อันนี้ผมสรุปเองจากงานวิจัยของมหาลัยท็อปเทน เป็นมหาวิทยาลัยคุณภาพดีที่สุดในโลก ก็มีฮาร์เวิร์ด
สแตนฟอร์ด เอ็มไอทีเยอะ และพยายามอ้างอิงเปรียบเทียบจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ
ด้วยการจ้างเอท์ซอร์สไปติดต่อ ค้นหา และจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ให้
เพื่อนำองค์ความรู้เหล่านี้มาวางแผนลงทุนหุ้นเมืองนอก และสอนลูกสอนหลานของตัวเอง
โดยสรุปคร่าวๆ เป็นภาพรวมทั้ง 5 เทคโนโลยี จากบทความวิจัยมากกว่าร้อยชิ้น บางอันยังไม่ตีพิมพ์
เผยแพร่มีลิขสิทธิ์อยู่ แต่เชื่อว่าในกูเกิลและยูทูปจะมีตัวเลขเหล่านี้เผยแพร่ออกมาเรื่อยๆ ดังนั้น
ใครอยากรู้อะไรที่มากว่านี้ ก็พยายามใช้กูเกิลค้นให้เยอะขึ้นต่อไป
11.ไฮเปอร์ลูป การขนส่งความเร็วสูงในภาคพื้นดิน คล้ายกับรถไฟฟ้าความเร็วสูงแม็กเลฟ ต่างกันตรง
แม็กเลฟใช้พลังงานแม่เหล็กทั้งแนวแกนดิ่งและแกนราบ แกนดิ่งใช้ยกตัวรถขึ้น โดยสร้างสนามแม่เหล็ก
ต่างขั้วกันให้ยกตัวรถขึ้นจากราง และใช้แรงแม่เหล็กแกนราบเป็นตัวขับเคลื่อนตัวรถไฟฟ้าไปข้างหน้า
ส่วนไฮเปอร์ลูปจะใช้แค่แรงแม่เหล็กแนวดิ่งเท่านั้น เพื่อยกรถให้สูงขึ้นจากตัวรางตามที่ต้องการ
แล้วใช้แรงลมเล็กๆ เป็นตัวขับเคลื่อนตัวรถไปข้างหน้า
ข้อดีของไฮเปอร์ลูป คือ ต้นทุนก่อสร้างต่ำกว่าสองเท่า ต้นทุนในการขนส่งถูกกว่า 3 เท่า หลักการขนส่งคนและ
ของคล้ายแนวคิดหรือหลักการของแอปอูเบอร์นั่นคือเราอยากไปตอนไหนไปได้เลย สุดท้ายเทคโนโลยีนี้
เป็นโอเพ่นซอร์สทุกๆ ประเทศบนโลกนี้สามารถนำแพลตฟอร์มนี้ไปใช้ได้ฟรีต่างจากเทคโนโลยีแม็กเลฟของเยอรมัน
และมีคนเก่งๆ หลายค้น ช่วยคิดค้นและผลักดันไปร่วมกันกับบริษัทไฮเปอร์ลูปวัน เจ้าภาพของเทคโนโลยีอย่างเป็น
ทางการ
ส่วน อีรอน มัค คนที่วางแพล็ตฟอร์มไฮเปอร์ลูปเอาไว้ ปัจจุบันเขาก็เน้นไฮเปอร์ลูปใต้ดินเป็นหลัก
และก็นำเอาหลักการของแม็กเลฟมาผสมผสานอีกนิดหน่อยผ่านทางบริษัท บอริ่งคอมพานี
ไฮเปอร์ลูป ไม่ใช่คู่แข่งกับรถไฟฟ้าความเร็วสูงแบบอื่นๆ หรือรถไฟแบบเก่า หรือการขนส่งบนอากาศโดยตรง
เพียงแต่จะเข้ามาเสริมจุดอ่อนของการขนส่งแบบเก่าให้ดีขึ้น ให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และเร็วขึ้น
ผ่านทางคลาวด์เซอร์วิสและ ai
22. คลาวด์และai พวกเราทุกคนสัมผัสและได้ใช้มาแล้วทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ที่เพิ่มขึ้น
มาคือ งานวิจัยหลายชิ้นมากได้ข้อสรุปมาว่า ตอนนี้ทุกบริษันในโลก 99.25% ต้องการย้ายไอทีของบริษัทไปอยู่
บนคลาวด์ แต่มีบริษัททั่วโลกเพียง 18.95% เท่านั้นที่โอนย้ายงานไปอยู่บนคลาวด์แล้ว นั่นคือ โอกาสงานใหม่ๆ ใน
อีกสิบปีข้างหน้ามีสูงมาก ทั้ง ซอร์ฟแวร์เอ็นจิเนียรบนคลาวด์หรือซอร์ฟแวร์คลาวด์เนทีฟ เช่น แพล็ตฟอร์ม kubonetes
คอนเทนเนอร์หรือไมโครเซอร์วิสต่างๆ ดาต้าซายน์ บิ๊กเดต้า และดีฟเลินนิ่ง
สิ่งเหล่านี้คงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่ว่างานวิจัยดีๆ หลายชิ้นชี้ให้เห็นว่ามากกว่า 80 % ของบริษัทในโลกยังต้องการ
แรงงานด้านเป็นจำนวนเยอะมากและอย่างต่อเนื่อง
ส่วนควอนตัมคอมพิวเตอร์และบล็อกเชน ยังเป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งของระบบอื่นอยู่ ยังต้องดูแนวโน้มอีก 5 ปี
ถึงจะวิเคราะห์ได้ว่าจะโดดเด่นขึ้นมาตอนไหน
33. ขุมทรัพย์ในอวกาศ ปีนี้นาซ่าได้ตั้งเป้าผลักดันให้บริษัทเอกชนด้านอวกาศไปทำเหมืองแร่ในดวงจันทร์และดาวอังคาร
โลกต้องการพลังงานที่สะอาด โดยเฉพาะพลังงานนิวเคลียจากธาตุบางอย่าง เช่น ฮีเรียมทรี พลังงานไฟฟ้าที่สะอาด
และมีให้ใช้ได้อย่างไม่มีหมด จะไปสนับสนุนให้รถไฟฟ้า เครื่องบินไฟฟ้าส่วนบุคคล และไฮเปอร์ลูป พัฒนาได้เร็วขึ้น
ราคาถูกและลดการใช้น้ำมัน ถ่านหิน ซากฟอสซิล หรือพลังงานนิวเคลียสกปรกแบบเดิมลงไป
มีบริษัทด้านอวกาศในสหรัฐฯ ประมาณ 500 กว่าบริษัท แต่ที่ใหญ่จริงมีสเปซเอ็กซ์ บลูออริจิ้น และเวอร์จิ้น การที่นาซ่า
สนับสนุนมากขึ้นเป็นแบ็กอัพให้บริษัทต่างๆ กล้าเสี่ยงมากขึ้น ลงทุนมากขึ้น
ภายใน 5 ปีนี้ เรื่องอวกาศจะสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจกันทั่วโลก มีท้้งเรื่องดาวเทียมขนาดจิ๋ว กล้องอวกาศบนดวงจันทร์
การปลูกพืชกับเลี้ยงแมลงในอวกาศ จรวดพลังงานไอออน เทคโนโลยีการป้องกันภัยจากดาวตก ทุกเรื่องล้วนมีความสำคัญ
กับวิวัฒนาการของมนุษย์ยุคต่อไปแทบไปทั้งนั้น
44. ยานพาหนะไร้คนขับและหุ่นยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าไร้คนขับ รถน้ำมันไร้คนขับ เครื่องบินส่วนตัวไร้คนขับ หุ่นยนต์ต่างๆ
ล้วนไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ที่ใหม่ก็คือ
หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านนี้เข้าใกล้จุดสำคัญมากแล้ว นั่นคือการผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของสหรัฐฯ หากผ่าน
ได้ก็เหมือนใบประกาศว่าคุณสามารถขายได้ทั่วโลกแล้วละ เท่าที่ผมได้เห็นงานวิจัยหลายชิ้น ประเทศอื่นๆ ก็ยังไม่ตื่นตัว
จะสร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านพาหนะไร้คนขับเท่าไร แต่สหรัฐเขาทำมาเกือบ 10 ปี
ดังนั้น ยานพาหนะไร้คนขับกำลังเข้ามาใกล้ชีวิตจริงเรามากขึ้นแล้ว เชื่อว่า ด้วยการแข่งขันอย่างรุนแรงจะทำให้
ราคาเทคโนโลยีไร้คนขับถูกลงเร็ว สำหรับข้อดีเชื่อว่าทุกคนคงหาจากกูเกิลได้อยู่แล้ว ระบบไร้คนขับจะเหมาะสมกับรถยนต์
ไฟฟ้ามากที่สุด เพราะรถบบขับเคลื่อนไม่ซับซ้อนเหมือนการเผาใหม่ด้วยน้ำมันหรือก๊าซ การควบคุมมอเตอร์ง่ายกว่าเครื่องยนต์
เยอะซับซ้อนกว่า นั่นคือ ai ของระบบไร้คนขับในรถยนต์ไฟฟ้าจะทำงานได้ดีกว่า
ยิ่งเราใช้ไปนานๆ รถไฟฟ้าทำงานได้ดีกว่ารถยนต์เผาไหม้แบบเก่าเสมอ แต่ตอนนี้ราคาแพงและพลังงานไฟฟ้าก็แพงด้วย
เราจะได้เห็นการเพิ่มขึ้นใน สหรัฐ แคนาดา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย ออสเตรเลียเป็นส่วนใหญ่
เรื่องหุนยนต์ที่จะเข้ามามีบทบาทกับเรามากขึ้น ตาม ai ที่ก้าวหน้าเพิ่มขึ้น ผมชอบแนวคิดไอน์สไตน์ที่บอกว่า หุ่นยนต์จะ
รับใช้คนที่ช่วยให้มันฉลาดมากขึ้นเท่านั้น หากหุ่นยนต์ฉลาดได้เองมันจะพากันค้นหาคนที่ช่วยให้มันฉลาดมากยิ่งขึ้น
ใครที่คิดว่าหุ่นยนต์จะฆ่าคน อันนั้นไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ฉลาดได้เอง เป็นหุ่นยนต์ที่ทำงานไปตามที่เขาโปรแกรมไว้เท่านั้น
55. 5g ค้นหูค่อนข้างเก่ามากแล้ว แต่งานวิจัยหลายชิ้นได้ย้ำให้เห็นว่า มันจะเร่งความเร็วของธุรกิจแทบทุกด้านทุกสาขา
ข้อสรุปหลายอันแสดงให้เห็นว่า ai บนคลาวด์และ 5g กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจไปอย่างรวดเร็ว
หลายบริษัทคิดว่าปรับตัวแล้ว และเราดูยังไงก็ไม่น่าจะเจ๊งได้ อย่างดิสนี่ย์ก็ประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองมากขึ้นไปอีก
ผู้บริษัทดิสนี่ย์เพิ่งให้สัมภาษณ์ว่า เขาคิดไม่ถึงว่าความเร็วอินเตอร์เน็ต คลาวด์ และ ai จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจบันเทิงได้เร็วขนาดนี้
ยิ่งมี 5g แล้ว ดิสนี่ย์อาจจะกลายเป็นบริษัทเล็กๆ อย่างโกดัก คนใช้มือถือและแท็ปเลตก็ทำงานได้เต็มที่มากขึ้น
บริการธุรกิจบนคลาวด์ก็สำคัญมากขึ้น วงจรธุรกิจสั้นลงการเกิดและตายของบริษัทเราอาจเห็นได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม
เรามาถึงยุคที่บริษัทเล็กใหญ่ไม่สำคัญแล้ว สิ่งสำคัญคือใครจะอยู่ได้นานท่ามกลางการสื่อสารความเร็วสูง การขนส่งความเร็วสูง
บริษัทสามารถเติบโตได้หรือเปล่า ถ้าไม่ก็อาจจะจากไปแน่
จากข้อมูลหลายแหล่งเทคโนโลยีไบโอเทค นานาเทค ยังไม่โดดเด่นมากพอจะมาเป็นธุรกิจสำคัญในเวลาอันใกล้นี้
ต้องใช้เวลาพัฒนาอีกพอสมควร
สรุป 5 เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นนี้ บางคนอาจจะคุ้นหูหมดแล้ว เพราะมีข้อมูลเเผยแพร่มานานแล้ว เพียงแต่งานวิจัย
จากมหาลัยท็อปเทนของโลกมาช่วยตอกย้ำว่าเทคโนโลยีทั้ง 5 นี้เริ่มขยายตัวทางธุรกิจต่างๆ มากยิ่งขึ้น
บางอย่างก็ได้ใช้กันแล้ว ข้อสรุปของงานวิจัยจะปลดล็อคข้อสงสัยว่า
มีเทคโนโลยีสำคัญๆ อันใกล้นี้และมี อะไรบ้างและแพร่หลายไปทั่วโลกไหม จะสามารถหาประโยชน์
จากเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างไร
การค้นหาข้อมูล การฝึกฝนทักษะและความชำนาญให้สอดคล้องไปกับการเปลี่ยนแปลงจะช่วยให้เราหาเงินได้ดีขึ้น
ท่ามกลางเงินที่หมุนเวียนไปบนโลกด้วยความเร็วแสง มักมีโอกาสเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ในสึนามิต่างๆ เหล่านี้เสมอ
ปล.
หลานผมสงสัยทำไมผมและชาวโลกถึงชอบตามก้นอเมริกาจัง เพราะผมจบจากที่นั่นใช่ไหม
ผมตอบหลานวัยรุ่นไปว่า เขาเป็นประเทศเดียวที่สามารถป้องกันอุกาบาตจากอวกาศได้ ป้องกันพายุสุริยะได้
เพื่อไม่ให้คนในประเทศตัวเองสูญพันธ์ไปแบบไดโนเสาร์
ตอนนี้เรายังไม่เจอประเทศไหนที่มีความรู้หรือเทคโนโลยีป้องกันมหันตภัยเหล่านี้ได้
เราควรเรียนรู้จากคนทีมีอนาคตอยู่ต่อไปได้ ไม่ใชเรียนรู้จากสิ่งที่จะสูญพันธ์ตามไดโนเสาร์ไป
แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของคนอื่น ในเรื่องลัทธิ ความเชื่อ ศาสนา หรือเชื้อสายเผ่าพันธ์ใดๆ ก็ตาม
นั่นคือความสุขส่วนตัวของคนอื่นๆ เขา
แต่ทุกคนก็ต้องก้าวหน้าและวิวัฒนาการกันต่อไป อนาคตต้องการคนเก่งและไม่สูญพันธ์ไปจากจักรวาล
ทุกคนบนโลกย่อมมีความสุขได้ตามที่ตัวเองเชื่อ ตามที่ตัวเองต้องการ แล้วตายจากไปให้สายพันธ์ใหม่เกิดขึ้นมาแทน
ผมเคยไปเที่ยวบ้านหลังสุดท้ายของไอน์สไตล์ก่อนเขาจะตาย ผมปิดกระทู้ด้วยบันทึกส่วนตัวของเพื่อนไอน์สไตน์ที่ว่า
ไอน์สไตน์เคยพูดติดตลก "กาลิเลโอ โซคราตีส ฉลาดเมื่อพันปีที่ผ่านมา แต่ทุกวันนี้คนก็รู้มากกว่าสองท่านนี้ไปแล้ว
ผม(ไอน์สไตน์)เก่งในยุคนี้ แต่อีกพันปีหรือหมื่นปีข้างหน้า คนรู้อะไรมากกว่าผมอยู่แล้ว"
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น |
|