มีเทคนิคดีๆ มาฝากคะ  

เริ่มต้นทำ SEO ง่ายๆ ด้วยตัวเอง….. ทำเว็บไซต์ให้อยู่อันดับที่ดีในหน้าของ Search Engine ไม่ยากอย่างที่คิด
การทำ SEO นั้นไม่ยากอย่างที่คิด แต่มันก็ไม่ง่ายนักสำหรับคนที่เริ่มทำ ในบทความนี้เราจะแนะแนว แนวทางการเริ่มต้นการทำ SEO ด้วยตัวเอง ในแบบย่อๆ ที่เราสามารถนำไปใช้ได้เลย!!

#1: กำหนด Keyword และตำแหน่งการใส่ Keyword ภายในเว็บไซต์
สำหรับการทำ SEO นั้นสิ่งสำคัญอันดับแรกก็คือ Keyword

Keyword คืออะไร คีย์เวิด ก็คือคำที่คนทั่วไปใช้ค้นหาใน Search Engine เช่นคำว่า รองเท้ามือสอง, รองเท้าผ้าใบ, เสื้อผ้าเด็ก เป็นต้น

กำหนดคีย์เวิดของเรา : ก่อนอื่นเลยเราต้องหา Keyword ของเราก่อนว่าเราจะใช้คำว่าอะไร? เราต้องหันมาดูก่อนว่าเราขายสินค้าอะไร? และกลุ่มเป้าหมายของเราจะใช้คำไหนในการค้นหามากที่สุด

ใส่ Keyword ลงในเว็บไซต์ : ภายในเว็บไซต์ของเรานั้นจะต้องมีการใส่ Keyword ไว้ด้วย การใส่ Keyword ลงภายในเว็บไซต์เช่น title, description, image, ในคำอธิบายรูปภาพ ในโพสต์โฆษณาสินค้าเป็นต้น

# 2 : สร้าง Content ที่มีคุณภาพ
Content หรือเนื้อหาภายในเว็บไซต์เนื้อหาภายในเว็บไซต์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เช่นภายในเนื้อหาของเว็บไซต์นั้นจะต้องมี Keyword ที่เราต้องการโปรโมตอยู่ด้วย รวมทั้งเราควรมีการอัพเดทเนื้อหาภายในเว็บไซต์อยู่อย่างสม่ำเสมอ และเป็นเนื้อหาที่ไม่ไปลอกใคร รวมทั้งเนื้อหาภายในเว็บไซต์ไม่ควรมี Flash, รูปภาพ หรือจาวาสคริปต์มากจนเกินไป

วิธีการใช้ Keyword ลงในบทความ
– ใช้ Keyword เป็นหัวข้อเรื่อง โดยดึงดูดความสนใจของผู้อ่านและจำนวนค้นหาโดยรวบรวมคีย์เวิร์ดแล้วนำไปใส่ลงในหัวข้อเรื่อง
– ใช้ Keyword ในเนื้อหาบทความ เพื่อสร้างอันดับที่ดีในการค้นหา สร้าง search engine friendly releases (เครื่องมือช่วยค้นหาที่เป็นมิตรกับบทความ) โดยการรวมคีย์เวิร์ดของคุณแล้วใส่ในเนื้อหาบทความ ให้แน่ใจว่าคีย์เวิร์ดของคุณถูกใส่ลงไปอย่างเหมาะสม

คำเตือน!!! การใส่ Keyword ในบทความนั้นเราไม่ควรที่จะ Keyword ที่มากจนเกินไป ควรจะใส่ Keyword ที่อ่านแล้วดูเป็นธรรมชาติหากเราใส่เยอะเกินไป Google จะมองว่าเรา Spam ได้นะจ๊ะ

# 3 : สร้าง Backlink ที่มีคุณภาพกลับมายังเว็บไซต์ของเรา
ปัจจัยหลักที่ช่วยให้เว็บไซต์ของเราดัง และติดอันดับใน Google นั้นก็คือการทำ Backlinks นั้นเอง

Backlinks คือ ลิงค์ที่เชื่อมโยงกลับมายังเว็บไซต์ของเราเอง ดังนั้นหากเรามีจำนวน Backlinks ที่มีคุณภาพมากก็แสดงถึงความนิยมของเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้น มีจำนวนคนเข้าเว็บที่สูงขึ้น และอาจจะทำให้ Google จัดให้เราอยู่ในอันดับที่ดีบนหน้า Search Engine

วิธีการสร้างหรือการได้รับ Backlinks
1.สร้างระบบเชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ โดยให้แต่ละหน้าสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้เพื่อที่ Bot ของ Google สามารถที่จะเข้ามาเก็บข้อมูลในแต่ละหน้าของเว็บไซต์เราได้
2. การแชร์บนสังคมออนไลน์ หรือบน Social Medial
3. การโพสต์ในเว็บบอร์ด หรือการคอมเม้นต์บนเว็บบอร์ด ทั้งนี้เราอาจจะมีการแฝงลายเซ็นต์ลิ้งค์เว็บไซต์ของเราเข้าไปด้วย
4. Social Bookmarks
5. การ Submit กับเว็บ Directory
6. จับมือหรือขอความร่วมมือกับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องหรือบริษัทที่เป็นพาสเนอร์กับเราเพื่อแลกลิงค์
7. เขียน Content ที่มีเนื้อหาสาระที่ดีลงใน Blog หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องที่เปิดโอกาสให้เราสามารถสร้าง Content ได้ และสร้างลิงค์เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของเรา

คำเตือน!!! แม้เราจะมี Backlinks เยอะแค่ไหนแต่เรามีเนื้อหาที่ไม่ดี ไม่หมั่น Update บ่อยๆ Google ก็อาจจะไม่จัดอันดับให้เราก็ได้ดังนั้นควรทำทั้งสองอย่างควบคู่จะดีที่สุดนะจ๊ะ

ขอบคตุณมากค่ะ

ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูล 

   

ปกติแล้ว Google จะเช็ค PR หรือปรับค่า PR ทุกกี่เดือนค่ะ
อยากทราบจริงๆ ค่ะ  

    ในขณะที่กำลังจะสิ้นปี 2014 และเริ่มเข้าปี 2015 การทำการตลาดออนไลน์ก็ยังถือว่ายังกำลังมาแรงอยู่ โดยเฉพาะการทำการตลาดออนไลน์บนสื่อสังคมออนไลน์ หรือที่เราเรียกว่า Social Media
ดังนั้นเรามาดูกันว่า กลยุทธ์การทำการตลาดบน Social Media ปี 2015 ที่จะถึงนี้มีอะไรบ้าง?


     1. คนส่วนใหญ่จะใช้สื่อ Social Media ผ่านมือถือมากขึ้น
     ด้วยสมาร์ทโฟนสามารถเข้าถึงทุกคนได้ รวมทั้งสมาร์ทโฟนบางรุ่นราคาก็ไม่แพงสามารถรองรับอินเตอร์เน็ตได้ ดังนั้นคาดการณ์ไว้ว่าในอนาคตผู้คนจะใช้เวลาอยู่กับมือถือมากยิ่งขึ้น สังเกตุได้จากยอดขายของสมาร์ทโฟนที่มีเพิ่มมากขึ้นในปี 2014 รวมทั้งจากการรายงานผลของ Facebook ได้แสดงให้เห็นว่ามีผู้ใช้งาน Facebook ในแต่ละวัน ผ่านมือถือมีอัตราที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในปี 2015 สามารถทำการตลาดผ่านสื่อ Social Media ได้ในทิศทางไหนบ้าง?
     ก่อนอื่นเลยเราต้องตระหนักไว้เสมอว่าเมื่อเราจัดแคมเปญอะไรก็ตามบน Social Media แล้วนั้นจะต้องสะดวกและรองรับบนมือถือด้วย หรือแม้แต่การโพสต์ข้อความต่างๆ ควรโพสต์เป็นข้อความสั้นๆ ข้อความที่โพสต์นั้นจะต้องอ่านแล้วเข้าใจง่ายภายในไม่กี่บรรทัด

     2. การจ่ายให้กับสื่อ Social Media เพื่อการโฆษณา
     เนื่องจาก Facebook มีการลดค่าการเข้าถึงการแท้จริงหรือ Organic Post ของ Facebook Pages ซึ่งหมายความว่าจะมีคนเห็นโพสต์ของเรา “แบบฟรีๆ” น้อยลง
     ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงหันมาจ่ายค่าโฆษณาให้กับสื่อ Social Media มากขึ้นเพื่อให้โพสต์ของตัวเองนั้น ไปโชว์อยู่หน้าOrganic reach ของ Facebook แต่หากถามว่าเราจะไม่ซื้อโฆษณาได้หรือไม่? คำตอบคือได้ค่ะแต่คนจะเห็นโพสต์ของเราน้อยลง ดังนั้นเราจำเป็นต้องทำคอนเทนต์ให้ดีเพื่อที่ทำให้เกิดไวรัลให้ได้ เพือเกิดการแชร์ และบอกต่อ แต่ให้ดีทำคอนเทนต์ให้ดี และมีการซื้อโฆษณาเพื่อให้คอนเทนต์มันเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของเราจะเป็นวิธีที่ได้ผลที่ได้ผลที่สุด

     3. การทำ Social Content ยังคงรุ่งเรืองอยู่
     การทำ Content ยังถือว่ามีคุณค่าต่อ Social Media เพราะการผลิตคอนเทนต์ที่ยอดเยี่ยมนั้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาที่สอนให้รู้เรื่องราว การได้รับแง่คิด หรือความบันเทิง ล้วนแต่ทำให้เกิด viral ได้ซึ่งหมายถึงว่า จะมีคนแชร์และกระจายข่าวให้เราเองโดยที่เราไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เลย หากเราสามารถทำให้คอนเทนต์ของเราเกิดการบอกต่อได้นั้น ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จในการทำ Social Content แล้ว ข้อดีของ   
     การทำคอนเทนต์ก็คือ ธุรกิจของเราจะดูมีคุณค่าขึ้นในสายตาผู้พบเห็น และอาจทำให้เรามียอดขายที่เพิ่มขึ้น

     4. การทำ VDO จะไม่จำกัดแค่ใน YouTube เท่านั้น
     แม้เราจะเห็นว่า VDO ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นใน YouTube แต่ในปัจจุบันสื่อ Social Media อื่นๆ นั้นได้มีฟังค์ชั่นที่สามารถเชื่อมโยงกับการทำวีดีโอมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ในตอนนี้ Facebook กำลังจะบุกตลาดของ VDO อยู่ แสดงให้เห็นว่าการทำ Video content จะไม่จำกัดแค่บน YouTube เท่านั้น ถึงแม้ว่าการพัฒนาตลาด VDO ของ Facebook ยังได้ไม่เท่า YouTube แต่ในอนาคตข้างหน้า YouTube จะต้องหนาว! เพราะการบุกตลาด VDO ของ Facebook อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ลองไปปรับใช้กับกลยุทธ์ ที่ตัวเองมีอยู่กันดูนะจ๊ะ 

ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ที่เข้ามาอ่าน ^^เดี๋ยวจะนำบทความดีๆ มาบอกกันอีกนะคะ ^^

ขอบคุณมากค่ะสำหรับบทความดีๆ ^^

    ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตและสื่อดิจิตอลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเรียกว่าเกือบจะตลอดเวลาเลยทีเดียว การเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิตอลนั้นทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำการตลาดในปัจจุบันด้วย ในขณะที่กลยุทธ์การตลาดแบบเดิมๆ ก็เริ่มมีการทำตลาดน้อยลง นักการตลาดหลายคนหันมาให้ความสำคัญต่อการทำการตลาดผ่านสื่อดิจิตอลมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเรามาดูกันว่าเทรนสำหรับการตลาดออนไลน์ในปี 2015 จะไปในทิศทางไหนได้บ้าง



     1. การทำ Content Marketing จะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น และน่าจะมีความสำคัญสูงขึ้นกว่าเดิม    
     นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่องค์กรส่วนใหญ่จะหันมาให้ความสำคัญต่อการทำ Content มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและเกิดความไว้วางใจต่อแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายของเรา การทำ Content Marketing จะช่วยให้บริษัทหรือผู้ประกอบการสามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องระหว่างเรากับผู้บริโภคได้ รวมทั้งทำให้กลุ่มเป้าหมายของเราเกิดความภักดีต่อแบรนด์เรา การทำ Content Marketing นั้นมีอยู่หลายรูปแบบด้วยกันซึ่งเราได้มีการอธิบายไว้แล้วใน การทำ Content Marketing
     ยิ่งเราเป็นแบรนด์ที่ดีในสายตาของผู้บริโภคมากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์และความภัคดีจากผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์เราก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ และแบรนด์ของเราก็จะไปอยู่ในใจของผู้บริโภคในที่สุด

     2. Social Media Marketing จะมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
     ดูเหมือนว่าสื่อสังคมออนไลน์ใหม่ๆ จะปรากฏขึ้นมาอยู่ตลอดเวลาและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นด้วย พร้อมทั้งสื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้ยังเอื้อำนวยให้กับผู้ประกอบการต่างๆ สามารถทำการตลาดได้อีกด้วย ที่ช่วยให้สามารถผลิต Content ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นเช่นรูปแบบ VDO, รูปภาพ และบทความ เป็นต้น
     จึงหลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ประกอบการหลายเจ้าหันมาทำการตลาดบนสื่อ Social Media มากยิ่งขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากขึ้น และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักแก่กลุ่มเป้าหมายโดยผ่านช่องทางนี้

     3. Content บน Smartphones และ Tablets จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
     เนื่องจากการแพร่หลายและเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้ Smartphones และ Tablets จึงทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะต้องหันมาให้ความสนใจต่อการทำเว็บไซต์ที่สามารถรองรับบน Smartphones และ Tablets ได้ หรือการสร้างเนื้อหาที่สามารถเข้าถึงการรองรับของ Smartphones และ Tablets
     หากเราไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงที่เราอาจจะเสียลูกค้าที่ใช้ Smartphones และ Tablets ให้กับคู่แข่งของเราที่เค้าให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่า และแนวโน้มการใช้ Smartphones และ Tablets ยังมีมาขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ความสำคัญบนคอมพิวเตอร์ก็เริ่มลดน้อยลง

     4. กลยุทธ์การทำโฆษณาที่ตอกย้ำลูกค้าให้เข้ามาใช้ซ้ำ จะมีการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
     Retargeting หรือกลยุทธ์การทำโฆษณาที่ตอกย้ำลูกค้าให้เข้ามาใช้ซ้ำนับว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการตลาดในการกระตุ้นให้ลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการบนเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง โดยมีกระบวนการดังนี้คือ เมื่อมีผู้บริโภคเข้ามาสู่เว็บไซต์ของเราแล้วก็จะมีการเก็บข้อมูลของคนๆ นั้นเอาไว้ จากนั้นเมื่อผู้บริโภคไปใช้บริการเว็บอื่นๆ ที่มีการลงโฆษณากับทาง Google ไว้ ผู้บริโภคก็จะเห็น Banner หรือ การโฆษณาของเว็บไซต์เรา เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจและกลับเข้ามาใช้บริการบนเว็บไซต์ของเราอยู่บ่อยๆ
     สำหรับวิธีการนี้มันค่อนข่างจะมีประสิทธิภาพอย่างชัดเจน เพราะการย้ำแบรนด์บ่อยๆ จะมีผลต่อผู้บริโภค จากการศึกษาทางจิตวิทยาได้แสดงให้เห็นว่าการการย้ำแบรนด์จะสร้างความไว้วางใจและทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น

     5. SEO และ กระแสทางSocial จะยิ่งผสานรวมเข้าด้วยกันเรื่อยๆ
     ถึงแม้ว่า ช่องทาง Social จะไม่ได้มีน้ำหนักและแนวทางเดียวกันกับลิงค์ภายในโดยตรง แต่เราจะปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ช่องทางSocial มีส่วนสำคัญในการช่วยในเรื่องของการ SEO ในปัจจุบัน และทั้งหมดนี้ เป็นหนึ่งในแกนหลักสำคัญของSEO โดยเป้าหมายหลักของ Google และ เซิร์จ เอนจิ้นอื่นๆ ก็คือ การให้ผู้ใช้งานได้รับผลการค้นหาที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุด และมีคุณภาพมากที่สุด ซึ่งเข้ากับในเหตุผลที่ว่า “ทำไมถึงให้ความสำคัญในส่วนของจำนวนการแชร์ของโพสในบล็อก บทความ หรือสินค้า”ยิ่งมีจำนวนคนแชร์เนื้อหาหรือสิ่งต่างๆ มากเท่าไหร่ สิ่งนั้นจะมีคุณภาพมากยิ่งขึ่น และอันดับจะเพิ่มสูงขึ้นในส่วนของผลการค้นหาของเซิจเอนจิ้น
     นอกเหนือจากนี้ การแชร์ใน Social สามารถเรียกได้ว่าเป็น สแตมป์ที่ได้รับการอนุมัติ (เป็นสัญญาณที่น่าเชื่อถือ) สำหรับผู้เข้าชม ซึ่งถ้าผู้เข้าชมเห็นว่ามีการแชร์เป็นร้อยหรือเป็นพันแชร์ สิ่งๆ นั้นจะต้องมีค่า นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมธุรกิจต่างๆ สนใจที่จะติดตั้งปลั๊กอิน การแชร์ทางsocial และให้ผู้บริโภคและผู้ใช้งาน แชร์สิ่งนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

สำหรับนักการตลาดหรือผู้ประกอบการอย่าลืมที่จะนำเทรนการทำการตลาดออนไลน์ในปี 2015 ไปปรับใช้กันนะคะ  

เป็นกำลังใจให้นะคะ ^_^ 

ขอบคุณทุกท่านมากนะคะ รอติดตามบทความต่อไปนะคะจะนำความรู้มาให้ทราบกันเรื่อยๆ จ้า ^_^

 

  ก่อนอื่นเลยเราต้องมาทราบก่อนว่าหัวใจสำคัญของการทำ Content Marketing คืออะไร?
หัวใจสำคัญของการทำ Content Marketing  นั้นเราได้แยกออกเป็นข้อๆ ดังนี้
1. เราต้องรู้จักก่อนว่ากลุ่มลูกค้เป้าหมายของเราคือใคร? แล้วจึงทำ Content ชนิดนั้นให้กับกลุ่มเป้าหมายของเรา ถามว่าเราจะรู้จักกลุ่มเป้าหมายของเราได้อย่างไร? คำตอบง่ายๆ คือเราขายสินค้าให้กับใคร คนนั้นคือกลุ่มเป้าหมายของเรานั่นเอง

2. มอบสิ่งที่มีมูลค่าให้แก่กลุ่มเป้าหมายของเรา หรือการให้ Content ที่มีประโยชน์ให้กับกลุ่มเป้าหมายของเรามากกว่าการขายของนั่นเอง  ดังที่ Joe Pulizzi นักการตลาดการทำ Content Marketing ได้กล่าวไว้ว่า “Content Marketing คือเทคนิคการทำการตลาดในการสร้างและเผยแพร่คอนเทนต์ที่มีเนื้อหา มีประเด็น และมีคุณค่ากับผู้รับสาร เพื่อที่จะสามารถดึงดูด และสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเป้าหมายได้ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะนำไปสู่การกระทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทางธุรกิจ”
จะว่าไปแล้วการทำ Content Marketing ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การโฆษณา แต่จริงๆ แล้วคือการโฆษณา โดยที่เราไม่ได้ทำการโฆษณาไปตรงๆ นั่นเอง กล่าวง่ายๆ คือการทำ Content ให้แบรนด์ของเราไปอยู่ในใจของกลุ่มเป้าหมายของเรา ถึงวันนี้เขาจะไม่ซื้อหรือใช้บริการของเราแต่หากวันข้างหน้ากลุ่มเป้าหมายของเราต้องการซื้อหรือใช้บริการจริงๆ อาจจะมีความเป็นได้สูงที่เค้าอาจจะนึกถึงแบรนด์ของเราเป็นอันดับแรก

3. กล้าที่จะให้ข้อมูลและความรู้แบบฟรีๆ

4. ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเพื่อตอบโจทย์มวลชนใหญ่เสมอไป อย่างที่บอกในบทความข้างต้นไปแล้วนั้นให้เราทำ Content เพื่อกลุ่มเป้าหมายของเราจะดีกว่าการทำ Content ที่สะเปะสะปะ

5. เล่าเรื่องที่ดี มีคุณภาพ และไม่เล่นกับความไม่ถูกต้อง หมายถึงว่า Content ของเรานั้นจะต้องเป็นเรื่องที่ดี จากการสำรวจพบว่า 89% จะบอกว่าเมื่อมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับแบรนด์เราแล้วนั้นจะมีการพูดออกไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีการพูดออกไปในอัตราที่เร็วมาก พูดง่ายๆ  คือเรื่องที่ไม่ดีจะไปเร็วกว่าเรื่องที่ดี เพราะฉะนั้นเราอย่าทำให้เค้ารู้สึกไม่ดีกับแบรนด์เราจะดีกว่านะจ๊ะ

6. เล่าเรื่องให้เป็น  การเล่าเรื่องให้เป็นในที่นี้หมายถึงว่า ไม่ใช้ศัพท์ที่ยาก อ่านแล้วเข้าใจง่ายไม่น่าเบื่อ รวมทั้งคุณภาพของคอนเทนต์นั้นต้องดีด้วย

   ช่องทางการนำเสนอ Content Marketing เราสามารถนำเสนอผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?
ในปัจจุบันช่องทางในการนำเสนอคอนเทนต์มีมีอยู่ทั้งในโลกออฟไลน์และออนไลน์ สำหรับในสื่อออนไลน์เราสามารถเป็นเจ้าของ Content ได้ผ่านช่องทางดังนี้คือ

1.การทำ Content บนหน้าเว็บไซต์ของตัวเอง
2.Blog ให้ความรู้ต่างๆ หรือตามเว็บบอร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเรา
3.Email ช่องทางทางนี้เราสามรถส่งข่าวสารไปยังลูกค้าของเราได้โดยตรง
4.Social Media ตัวอย่างเช่น Facebook, Twitter, Instagram , Google Plus หรือ Youtube
5.Chat Application ตัวอย่างเช่น Line
6.Application ต่างๆ

   มาพูดถึงรูปแบบ Content Marketing การตลาด Content ที่เห็นๆ กัน ในปัจจุบันกันดีกว่า
1. การทำ Content ในรูปแบบ Infographic (ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมาแรง!! เชียวนะ) เพราะเป็นการนำเสนอรูปแบบเนื้อหาในรูปภาพชนิดที่ว่าเห็นแล้วอยากอ่าน ซึ่งรูปแบบการทำ Infographic นั้นจะเป็นการนำเสนอเนื้อหาที่อ่านแล้วเข้าใจยากมาอยู่ในรูปแบบของรูปภาพนั่นเอง ตัวอย่างเช่นภาพ Infographic  จาก https://www.facebook.com/LikeMe.Thailand?fref=photo ที่อธิบายว่า Facebook มีผลกระทบกับชีวิตเราอย่างไรบ้าง



2. FB FanPage หรือบน Social Media ก็มีส่วนในเรื่องของการติดอันดับใน Google เช่นกันนะ การทำ Content ลงบนหน้าแฟนเพจนั้นจะช่วยให้การกระจายข่าวสารเร็วขึ้นแต่ทั้งนี้เราต้องจับทางให้ถูกว่า กลุ่มเป้าหมายของเราเค้าต้องการอะไร? หากเราทำ Content ได้ดีผ่านช่องทางนี้จะช่วยได้มากเลยทีเดียว

3. การทำ Content ผ่าน YouTube หรือการทำ Content  ในรูปแบบของ VDO  จะสังเกตุได้ว่าผู้ประกอบการบางเจ้าทำ Content ผ่าน  YouTube มากขึ้นเพราะลงทุนแค่ถ่าย VDO แล้วเราก็สามารถนำไปลง YouTube ได้เลยโดยที่ไม่ต้องจ่ายเพิ่มในเรื่องของสื่อเหมือนในสมัยก่อน ตัวอย่างเช่น เราขายเครื่องมือเกี่ยวกับงานฝีมือ เราอาจจะทำวีดีโอสอนวิธีการประดิษฐ์ของให้กับกลุ่มเป้าหมายของเราโดยที่เราแฝงโฆษณาอุปกรณ์ที่มาจากร้านของเราในการประดิษฐ์ลงใน YouTube โดยที่เราอาจจะทำเป็นตอนๆ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายติดตามเราอยู่เสมอ

4.บทความ สร้างบทความที่มีประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมายของเรา โดยในบทความนั้นควรเน้นให้ความรู้ เกร็ด เคล็ดลับต่างๆ โดยเราสามารถแฝงแบรนด์ของเราได้ วิธีนี้ถือเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ได้ผลค่อนข้างดีเลยทีเดียว เช่นการเขียนบทความรู้หรือรีวิวสินค้าลง Blog หรือเว็บบอร์ด

สรุปการทำ Content Marketing ให้ประสบความสำเร็จนั้น สิ่งแรกที่เราต้องคำนึงคือกลุ่มเป้าหมายของเรา กลุ่มเป้าหมายของเราคือใครแล้วจึงทำคอนเทนต์ที่มีประโยชน์นำเสนอให้กับกลุ่มเป้าหมายของเรา ดังคำกล่าวของ Joe Pulizzi & Newt Barret  ที่บอกไว้ว่า “Content Marketing คือศิลปะของการเข้าใจว่าลูกค้าของคุณต้องการอะไรและนำไปให้กับพวกเขา ด้วยวิธีที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณและทำให้มันน่าสนใจ”

อย่าลืม! มาให้ความสำคัญต่อการทำ Content กันนะจ๊ะ เพราะการทำ Content นั้นถือว่ามีผลต่อการทำ Marketing ในปัจจุบันเลยทีเดียว หากเราทำ Content Marketing ได้สำเร็จแล้วนั้น สิ่งที่จะตามมาคือคนจะรู้จักแบรนด์ของเรามากยิ่งขึ้น ยิ่งคนรู้จักเรามากยิ่งขึ้นยอดขายก็จะมีมากขึ้นเช่นกัน

การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหาเป็นเทคนิคที่ใช้ในการเผยแพร่เว็บไซต์เพื่อเพิ่มการแสดงของหน้าเว็บและทราฟฟิคซึ่งส่งผลให้มีการจัดอันดับสูงขึ้นในเสิร์ชเอนจินและมีให้ผู้อ่านจำนวนมาก  การเขียนบทความสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา สิ่งสำคัญอันดับแรกคือทักษะการเขียนที่ดีเพื่อทำให้ตัวบทความเองน่าสนใจและน่าอ่าน  อันดับต่อมาคือการวางกลยุทธ์ของวลีหลักคือคำหลักลงในข้อความ และอันดับที่สามคือ การรวมไฮเปอร์ลิงค์ จากแหล่งข้อมูลภายนอกซึ่งจะเพิ่มจำนวนผู้อ่านให้แก่หน้าเว็บของคุณ ขั้นตอนต่อไปนี้เป็นวิธีเขียนบทความสำหรับ SEO
 

1) ร่างเค้าโครงบทความของคุณ
ทุกๆบทความควรมีการเขียน มีส่วนร่วมและให้ข้อมูลอย่างดี หากเป็นไปได้ทั้งหมดมันควรแสดงมุมมองใหม่ๆให้แก่หัวข้อที่ระบุ โดยเกริ่นเรื่องไว้อย่างดีเพื่อให้ผู้คนสนใจอ่าน และมีข้อมูลที่สำคัญต่อผู้อ่านในบางมุมสิ่งนี้ถึงจะเรียกว่า มีประโยชน์และบันเทิงใจ

บทความที่ดีนัันต้องมาพร้อมกับเนื้อหาที่ดี จะช่วยดึงดูดทราฟฟิคมากขึ้น ซึ่งหมายความถึงผู้อ่านที่เข้ามายังเว็บไซต์ การเขียนเนื้อหาให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้นเพื่อเชื่อมโยงกับนักการตลาด (ผู้คนที่เชื่อมเว็บไซต์ของพวกเขามายังเว็บไซต์ของคุณ) และเพิ่มโอกาสในการโฆษณาที่ต้องการใช้หน้าเว็บของคุณสำหรับการโฆษณาของพวกเขา

2) สร้างรายการวลีหลักสำหรับบทความของคุณ
สิ่งเหล่านี้สำคัญต่อการเผยแพร่ของคุณเพื่อให้รวมอยู่ในข้อมูล meta ของหน้าเว็บซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโค้ด HTML

วลีหลักและคำหลักเป็นคำ หรือการผสมคำที่ผู้คนใช้ในการค้นหาข้อมูลบนหัวข้อเกี่ยวกับสิ่งที่คุณเขียน ตัวอย่างเช่น วลีหลักสำหรับบทความเกี่ยวกับการขนย้ายอาจเป็น “ขนของย้ายบ้าน” หรือ “รับจ้างขนของ” ในขณะที่คำหลักอาจเป็น “ขนของ” “ย้ายของ” “ย้ายบ้าน”

วลีหลักและคำหลักที่ถูกตั้งค่า ให้เรียกว่า “spiders” ซึ่งเป็นสคริปต์ที่เสิร์ชเอนจินส่งออกไปยังทุกๆหน้าเว็บบนอินเทอร์เน็ต spider เหล่านี้ “รวบรวมข้อมูล” ทั่วทั้งหน้าเว็บและเว็บไซต์และวิเคราะห์พวกมันสำหรับเนื้อหาและคุณภาพของเนื้อหา วิธีหนึ่งที่พวกมันทำคือลงทะเบียนคำหลักและวลีหลักในการกำหนดหัวเรื่องของหน้าเว็บ แต่พวกมันก็ยังตรวจจับว่าคำหลักหรือวลีหลักแต่ละคำถูกใช้บ่อยแค่ไหน แม้ว่าหน้าเว็บจะถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ และมีไฮเปอร์ลิงค์ขาเข้าและขาออกประเภทใดก็ตาม ไฮเปอร์ลิงค์เป็นลิงค์ที่เชื่อมไปยังหน้าเว็บอื่นๆที่สอดคล้องกับหัวข้อของคุณ

3) เขียนบทความของคุณ
คุณต้องมั่นใจว่าเนื้อหาในบทความของคุณถูกหลักไวยากรณ์และไม่มีการสะกดคำผิด คิดชื่อบทความ เขียนย่อหน้าสั้นๆ ด้วยหัวเรื่องย่อย ใช้คำหลักหรือวลีหลักที่สำคัญที่สุดในช่วงต้นของบทความ หากเป็นไปได้ใส่ในประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของย่อหน้าแรกจะดีมาก อย่าใช้คำหลักหรือวลีหลักมากเกินไป กระจายพวกมันออกอย่างเป็นธรรมชาติผ่านเนื้อความในจังหวะการอ่านตามธรรมชาติของบทความ ความหนาแน่นของคำหลักที่แนะนำคือ 1-3%  รวมคำหลักและวลีหลักที่สำคัญที่สุดลงในชื่อบทความและหัวเรื่องย่อย

หากคำเหล่านั้นสามารถเป็นที่เข้าใจได้ในข้อความ ให้คุณใส่คำหลักและวลีหลักเป็นตัวเอียงหรือตัวหนา

4) ใส่ไฮเปอร์ลิงค์ลงในบทความ
ไฮเปอร์ลิงค์เป็นลิงค์ที่เชื่อมไปยังเว็บเพจอื่นๆที่สอดคล้องกับหัวข้อของคุณ คุณสามารถเน้นคำหรือวลีและเพิ่มที่อยู่เว็บที่คุณต้องลิงค์ลงไปได้ คุณต้องแน่ใจว่าทุกๆลิงค์เป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพซึ่งเสนอข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย

5) สร้างลิงค์ไปยังบทความของคุณ
แม้ว่าคุณจะเขียนบทความดีขนาดไหน คุณก็ต้องออกไปบอกให้โลกรับรู้ถึงมัน เริ่มต้นง่ายๆด้วยการแชร์ลิงค์บทความของคุณใน Facebook หรือ Twitter และบอกกล่าวให้เพื่อนของคุณแชร์มันเช่นกันครับ

 

หากสนใจเข้าร่วมงานสัมมนา ทางเราจะจัดขึ้นอีกรอบในวันที่ 25 ต.ค. และ 1 พ.ย. 2557 เวลา 12.30 -17.00 น. @The Trendy Office Building สุขุมวิท 13 (BTS นานา ทางออกประตู 3) กับหัวข้อที่น่าสนใจโดยเราจะได้วิทยากรจาก Lazada จะมาเผยถึงเทคนิคการทำการตลาดออนไลน์  


โดยหัวข้อในวันที่ 25 ตุลาคม 57 จะมีดังนี้คือ


และหัวข้อในวันที่ 1 พฤศจิกายน 57 จะมีดังนี้คือ


ถ้ามีโอกาสมาให้ได้นะคะ ^^

สำหรับใครที่ add extension, อยากจะเพิ่มฟีเจอร์ในส่วนไหนสามารถบอกได้เลยนะคะ 

มาให้ได้นะคะ รับรองว่างานสัมมนาครั้งนี้ได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการตลาดออนไลน์อย่างครอบคลุมแน่นอนค่ะ ที่สำคัญมีของว่างให้ทานฟรีด้วยนะคะ 

ทางเรามีวีดีโอให้ชมค่ะสามารถเข้าไปดูได้ที่ http://kaikongonline.in.th/conference.php#&panel1-1 นะคะ

ถ้าหากมีเวลาสามารถลงทะเบียนมาได้เลยนะคะ

มีเอกสารดาวน์โหลดของคุณกัญญ์ชิตา ด้วยนะคะแกบอกดิฉันเองเลยค่ะว่าอยากให้คนมาสนใจ WP เยอะๆ ^^