ผมขอเขียนหมายเลข 1 ถึง 4 สำหรับแต่ละข้าง และใช้สัญลักษณ์ รูปวงกลมกับสี่เหลี่ยมแทนแต่ละข้าง ไม่สำคัญว่าข้างไหนจะหนัก เพราะมันต้องหนักข้าง เบาข้างแน่นอน.....เทคนิคอยู่ที่การหยิบแบ่งข้างมาชั่งในครั้งที่สอง
สมมุติให้ลูกกลมเป็นข้างที่หนัก รูปสี่เหลี่ยมเป็นข้างที่เบา....เรารู้อยู่แล้วว่าชั่งครั้งนี้แล้วเหลือการชั่งอีกครั้งเดียว ซึ่งเราต้องแยกให้ได้ ดังนั้นผมหยิบมาแบบนี้ครับ หยิบลูกกลมหมายเลข 3และ4(ข้างที่หนัก) กับลูกเหลี่ยมเลข4(ข้างที่เบา) ออกมาก่อน.หยิบเอาลูกกลมเลข1(หนัก)รวมกับลูกเหลี่ยมเลข1(เบา)และ2 (เบา)รวมสามลูก อีกข้างเป็น ลูกปกติหนึ่งลูกร่วมกับลูกกลมหมายเลข2(หนัก)และลูกเหลี่ยมเลข3(เบา)....ตามรูปครับ
ได้มา 3 กรณีครับ
1.ชั่งแล้วเท่ากันทั้งสองข้าง----------เอาสามลูกที่เก็บไว้ไปชั่ง โดยเอาลูกหนักหมายเลข3กับ4มาชั่งคนละข้าง ได้มาอีก 2 กรณี
1.1 ลูก3กับ4หนักเท่ากัน-------ลูกเหลี่ยมเลข4 เบา
1.2 ลูก 3กับ4 ลูกไหนหนักกว่า ก็ลูกนั้นแหละที่ผิดปกติ
2.ชั่งแล้วด้านซ้ายมือหนักกว่า แสดงว่า ลูกกลม1 หนัก หรือลูกเหลี่ยม 3 นั้นเบา
คงไม่ต้องอธิบายว่าได้ยังไงมั้งครับ เอาง่ายๆว่าการเปลี่ยนตำแหน่งของลูกเหล็กแล้วไม่เปลี่ยนผลการชั่ง แสดงว่าลูกที่อยู่ตำแหน่งเดิมนั้นเป็นตัวที่ทำให้เกิดผลการชั่งในครั้งแรก และถ้าการเปลี่ยนตำแหน่งลูกเหล็กนั้นเปลี่ยนผลการชั่งในครั้งที่สอง แสดงว่าลูกที่สลับเปลี่ยนเป็นลูกที่ทำให้เกิดผลการชั่งตามครั้งแรก
ก็เอามาชั่งครั้งที่สาม หยิบมาหนึ่งลูกชั่งกับลูกปกติ ถ้าลูกกลม1หนักเท่ากับลูกปกติ แสดงว่า อีกลูกนั้นเป็นลูกเบา ถ้าชั่งลูกเหลี่ยมเลข3แล้วเท่ากับลูกปกติแสดงว่า ลูกที่เหลือนั้นเป็นลูกหนัก......นึกถึงความจริงว่าลูกเหล็กนั้นภายนอกดูเหมือนกัน ทำได้แค่เขียนมาร์คว่าเลขอะไร สีอะไร และจำให้ได้ว่าหยิบมาจากข้างเบาหรือหนัก
3.ชั่งแล้วฝั่งซ้ายมือกลับมาเบากว่าฝั่งขวา
แสดงว่า ลูกกลม2เป็นลูกหนัก หรือ ลูกเหลี่ยมเลข 1หรือ 2 ลูกใดลูกหนึ่งเบา
จำหมายเลขกับจำฝั่งไว้ให้ดี เอาลูกเบามาชั่งเทียบกัน จะได้ 2 กรณี
1.ลูกเหลี่ยม1และ2หนักเท่ากัน-------ลูกกลมที่เหลือนั้น เป็นลูกหนัก
2.ลูกเหลี่ยมหนักไม่เท่ากัน ลูกไหนเบากว่าลูกนั้นแหละที่เป็นลูกผิดปกติ
วันนี้ได้ข้อเดียวครับ.....