ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

  แสดงกระทู้
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 60
41  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / 10 อาชีพที่จะฮอตฮิตที่สุดในอนาคตและ 10 อาชีพที่จะหายไปในอนาคต เมื่อ: 25 ตุลาคม 2010, 18:24:01
1.วิศวกรเนื้อเยื่อ
อนาคตโลกเราจะมีผิวหนังปลอม และกระดูกอ่อนเทียมออกวางจำหน่าย นักวิจัยสามารถสร้างลำไส้และกระเพาะปัสสาวะใหม่ขึ้นมาในช่องท้องของสัตว์ เป็นการเริ่มต้นสร้างเนื้อเยื่อของตับ หัวใจ และ
ไต ขึ้น

2. นักวางโครงสร้างยีน
แผนผังโครงสร้างทางพันธุกรรม (ยีน)ของมนุษย์ทำให้ช่างเทคนิคสามารถสร้างหรือเปลี่ยนแปลงหน่วยทางพันธุกรรม ของมนุษย์แต่ละคนได้ ด้วยการเขียนรหัสคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ เมื่อมีการ
สแกน ภาพของดีเอ็นเอเราเพื่อหาข้อบกพร่อง แล้วหมอจะใช้การบำบัดทางพันธุกรรมออกมาใช้ มีการคัดเลือกเอาแต่โมเลกุลที่ฉลาดๆเพื่อป้องกันปัญหาบางอย่าง เช่น โรคมะเร็ง

3. ชาวนา
เกษตรกรยุคใหม่จะปลูกพืชพรรณต่างๆ มีการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งผ่านการดูแลทางด้านพันธุวิศวกรรมมาก่อนแล้วโครงการนี้เริ่มก้าวหน้ามาก แล้ว มีทั้งวัคซีนที่จะฉีดให้มะเขือเทศโตและวิทยาการอื่นๆ

4. ผู้ตรวจสอบเรื่องอาหาร
คุณจะได้ทานอะไรเป็นอาหารค่ำยังงั้นเหรอ เมื่อมีปลาที่โตเร็ว และมีการตัดต่อทางพันธุกรรม ทำให้มีอาหารพอสำหรับประชากรที่ล้นโลก แต่ก็จะต้องระวังเรื่องผลกระทบทางพันธุกรรมต่างๆด้วย

5. นักขุดข้อมูล
อนาคตจะมีนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญมาจัดการข้อมูลของที่ต่างๆ เขาจะรู้รูปแบบพฤติกรรมของผู้คน ทำให้เป็นประโยชน์ต่อนักการตลาดมาก

6. ช่างซ่อมด่วนตามสาย
ถ้าคุณไม่สามารถจัดการกับบรรดาเครื่องเล่นวิดีโอหรือว่าดีวีดีได้ละก็ คุณจะมีรีโมทที่ทำหน้าที่ดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างในบ้าน แต่ก็น่าจะยังมีช่างซ่อมที่เราจะเรียกใช้บริการตามสายผ่านวิดีโอ
โฟนอยู่บ้าง

7. นักแสดงแบบเวอร์ชวลเรียลลิตี้
การชมโทรทัศน์แบบเสียเงินจะกลายเป็นการจ่ายต่อครั้งที่มีการแสดง ต่อไปนักแสดงจะมีปฏิกิริยากับเราได้ในโลกของละครไซเบอร์สเปซ อาชีพนักเขียนบทก็ยังจะมีคนต้องการสูงเพราะคงจะมีบทแปลกๆ
อีกมาก

8. นักโฆษณาเพื่อคนๆเดียว
อุตสาหกรรมโทรทัศน์จะมุ่งเน้นไปที่บุคคลมากขึ้น นักโฆษณาจะสร้างสรรค์เนื้อหาโฆษณาของสินค้าเพื่อผู้บริโภคแต่ละคนโดยเฉพาะ แต่ก็จะมีโฆษณาอื่นๆที่พยายามดึงความสนใจเราด้วยกลิ่นและ
รส เพื่อส่งกระแสกระตุ้นให้เราอยากซื้อสินค้าในทันที

9. มนุษย์เลียนแบบ
วิศวกรคอมพิวเตอร์ยังคงพยายามที่จะเลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์ ในอนาคตเราจะแยกไม่ออกเลยว่าเรากำลังคุยกับคนหรือหุ่น เจ้ามนุษย์หุ่นยนต์นี้จะทำหน้าที่ดูแลลูกค้า หรือเป็นคนคอยสรุปอีเมล์ให้เรา หรือแม้กระทั่งตอบจดหมายแทนเราเลย

10. วิศวกรแห่งความรู้
นักเลียนแบบสติปัญญาของมนุษย์จะแปลผลงานหรือการทำงานของเราลงไปเป็นซอฟท์แวร์ ทำให้พวกเรามีขนาดเล็กลง

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
แล้ว 10 อาชีพอะไรที่จะสาบสูญไป

1. นายหน้าขายหุ้น , คนขายรถ, บุรุษไปรษณีย์,ตัวแทนประกันและนายหน้าที่ดิน
อินเตอร์เน็ตจะทำให้อาชีพที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางในทุกๆวงการหายไป

2. ครู
การเรียนทางไกลแบบออนไลน์จะได้รับความนิยมมากขึ้น อีกหน่อยม้านั่งในสถาบันการศึกษาคงจะกลายเป็นโต๊ะคอมพิวเตอร์เสียหมด

3. สำนักพิมพ์
ในอนาคตหนังสือพิมพ์และนิตยสารจะกลายเป็นกระดาษดิจิตอลเสียหมด บริษัทต่างๆจะแข่งขันกันหาวัสดุที่ดีกว่ากระดาษและทำได้สารพัดอย่างเหมือน คอมพิวเตอร์ ถือเป็นการช่วยอนุรักษ์ต้นไม้ได้อย่างดี

4. นักเขียนชวเลข
ซอฟท์แวร์ที่ใช้อัดเสียงช่วยความจำจะทำหน้าที่แทนคนจดรายงานในศาล , เลขานุการและบรรดาผู้ช่วยนักบริหาร แต่อย่าเพิ่งไล่เลขาฯออกล่ะ เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีจะช่วยงานเราได้เยอะ แต่ถ้าอีกหน่อยรายงานไม่เรียบร้อย เราจะไปโทษใครได้ นอกจากจะโทษตัวเอง

5. ประธานกรรมการบริหาร
ในโลกอนาคตที่ธุรกิจต้องแข่งขันกันตลอดเวลา ประธานบริษัทคนเดียวคงจะช้าเกินไป การทำงานจะต้องพึ่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญมาช่วยกันคิด

6. หมอจัดฟัน
อนาคตจะไม่ต้องมีฟันเหล็กเต็มปากกันอีกต่อไป จะมีโปรแกรมที่ช่วยจัดให้ฟันเข้าที่เข้าทางได้โดยใช้พลาสติกใส

7. หน่วยรักษาความปลอดภัยในคุก
อีกหน่อยเราคงจะมีชิ้นส่วนโปรแกรมเล็กๆฝังไว้ในตัวคนเรา เพื่อป้องกันไม่ให้ก่ออาชญากรรม

8. คนขับรถบรรทุก
ในอนาคตน่าจะมีถนนซึ่งมีเลนพิเศษให้กับรถที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง โดยมีคอมพิวเตอร์บังคับ เจ้าของกิจการไม่ต้องมาห่วงเรื่องการจ้างพนักงานขับรถอีกต่อไป แต่ก็ยังคงต้องระวังใบสั่งไว้ให้ดี

9. แม่บ้าน
ตู้เย็นจะสามารถสั่งซื้อนมเพิ่มให้เรา ด้วยการสั่งออนไลน์ หรือเครื่องดูดฝุ่นสามารถทำงานได้เอง หรือเป็นไปได้ว่าบ้านจะเป็นบ้านในอนาคตที่ทำความสะอาดตัวเองได้ โดยเราไม่ต้องมีแม่บ้าน
มาดูแลอีกต่อไป

10. พ่อ
เมื่อวิทยาการก้าวล้ำไปไกล มีการทำโคลนนิ่งหรืออย่างอื่นๆ พ่ออาจจะกลายเป็นไดโนเสาร์ล้านปีไปเลย แม่ก็เช่นกัน อาจจะมีมดลูกเทียมขึ้นมาก็ได้ใครจะรู้
42  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / Re: ตุลาคม ปีนี้ อีก 823 ปี ถึงจะมีแบบนี้อีก เมื่อ: 23 ตุลาคม 2010, 19:17:42
 วันเสาร์ วันอาทิตย์ อย่างละ 5 วัน ตุลาคม 2004 เสาร์ 5 วัน อาทิตย์ 5 วัน   Shocked
43  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / ตุลาคม ปีนี้ อีก 823 ปี ถึงจะมีแบบนี้อีก เมื่อ: 23 ตุลาคม 2010, 19:09:50
ลองมองดูปฏิทินเดือนปัจจุบัน ตุลาคม 2553 ของปีนี้ แล้วนับวันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ดู จะเห็นว่า มีวัน

ศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ถึงอย่างละ 5 วัน (ปกติจะพบทีมีวันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ครบติดต่อกันแค่ 4 วัน

ใน 1 เดือน) ซึ่งตามฮวงจุ้ยของคนจีนเรียกเดือนที่มีปรากฏการณ์วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ถึงอย่างละ 5

วัน  ครบใน 1 เดือนนี้ว่า กระเป๋าเงิน โดยเชื่อว่าถ้าเราบอกกันต่อไป เงินทองก็จะไหลมาเทมาหาเรา   

สำหรับโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ที่จะมีวันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ อย่างละ 5 วันภายใน 1 ดือนนั้น จะเกิด

ขึ้นทุกๆ 823 ปี ดังนั้นปี พ.ศ. 3376 ถึงจะมีวันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ อย่างละ 5 วันภายใน 1 ดือนแบบนี้อีก

ต้องเกิดใหม่อีกหลายชาติจึงจะเจอะอีกครั้ง
44  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / กรุงเทพฯระทึก ชี้ 3 เขตเสี่ยงจมน้ำหนัก นับถอยหลังน้ำเหนือจู่โจม เมื่อ: 20 ตุลาคม 2010, 10:29:15

นับถอยหลัง กรุงเทพฯ และปริมณฑลสยอง บางกอกน้อย ดุสิต  พระนคร ด้านอุตุฯ กรมชลฯ เชื่อเอาอยู่ไม่ต้องห่วงน้ำหนุน และพายุโหด "เมกี" ไม่แวะกรุงเทพฯ แน่ ด้านสำนักระบายน้ำสร้างแนวกันชน และอุปกรณ์เต็มรูปแบบ รับมือมหกรรมน้ำเหนือทะลักเข้ากรุงวันที่ 23-28 ต.ค.นี้...
เป็นวิกฤตใหญ่อีกครั้งหนึ่งกับสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.นครราชสีมา ล่าสุดปลายเดือนนี้มีแนวโน้มว่า จะมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนต่างๆ ที่ภาคเหนือมากมายลงมา พร้อมกับมีอิทธิพลของน้ำทะเลหนุน ทุกทิศทุกทางส่งวิ่งตรงเข้ามายังกรุงเทพฯ ทำให้หลายคนเป็นห่วงว่ากรุงเทพฯ จะมีชะตากรรมไม่ต่างอะไรจาก โคราช หรืออาจจะท่วมหนักหนากว่า จนกลายเป็นเมืองจมบาดาลนั้น

"ไทยรัฐออนไลน์"สอบถามความเป็นไปได้จาก นายต่อศักดิ์ วานิชขจร รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วม และสถานการณ์น้ำจากทุกทิศทางพุ่งตรงสู่กรุงเทพฯว่า ปีนี้ค่อนข้างจัดการระบายได้ค่อนข้างดี แม้รอบๆ จะท่วมบ้าง ซึ่งตั้งแต่นี้ไปฝนที่ตกจะแรงอ่อนลง

"โดยเฉพาะในวันที่ 20 ต.ค.นี้ อากาศเย็นก็จะเริ่มเข้ามาแล้ว ดังนั้นประชาชนควรเตรียมตัวรับมืออากาศหนาวด้วย ส่วนตัวพายุเมกีที่กำลังเข้าฟิลิปปินส์วันที่ 19 ต.ค. ก็จะเข้าทะเลจีนใต้นั้น เราคาดการณ์ว่ามันจะเคลื่อนตัวไปทางเหนือและเข้าสู่ประเทศจีนทางใต้ไม่ได้ แวะประเทศไทยแต่อย่างใด จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไทยอาจจะโดนแค่ห่างๆ ภาคที่ได้รับผลกระสบมากที่สุดก็ได้แก่ ภาคอีสาน และทางทิศตะวันออกบ้างเล็กน้อยอากาศหนาวน่าเป็นห่วงกว่า"

เมื่อถามว่าที่นักวิชาการบางคนบอกว่า ปีนี้ประเทศไทยจะหนาวมากที่สุดในรอบ 20-30 ปี นั้น รองอธิบดีกรมอุตุฯ กล่าวยืนยันว่า ไม่จริง

"เราพูดเรื่องลานินญ่ามันแรงขึ้น แล้วก็เราพูดเรื่องของมันจะเย็นมากขึ้นอีก 1 องศา 18 องศาในกรุงเทพฯ อย่างเก่งแค่นั้น ภาคเหนือน่าเป็นห่วงมากกว่า เพราะอุณหภูมิอาจจะลดลงมากถึง 8-9 องศา แต่จะเป็นการหนาวสั้นๆ ที่อยู่ไม่กี่วันส่วนหนาว 10 กว่าองศานั้น น่าจะเป็นใกล้ปีใหม่ อย่างไรก็ดี ปีนี้เราออกคำเตือนมากพอสมควร โดยเฉพาะต้นเดือน พ.ย. ที่ จ.นครศรีธรรมราช ช่วงฤดูพายุที่เกิดในอ่าวไทยได้ ไม่ต้องเตือนสึนามิ สุดท้ายก็อยากจะเตือนให้คนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงเตรียมตัวรับน้ำท่วมด้วย กัน เตรียมอาหารแห้ง ระวังสัตว์ร้าย และระวังเรื่องไฟฟ้าด้วย"รองอธิบดีกรมอุตุนิยมกล่าวเตือน

ด้านความพร้อมรับมือมหกรรมน้ำที่พุ่งตรงมายังกรุงเทพฯ นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าวว่า แม้ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ทางสำนักระบายได้มีการทำแนวป้องกัน 2 เมตร 50 เซนติเมตร น้ำริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาราว 77 กิโลเมตร ในพื้นที่ของกรุงเทพฯ ใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ก็ได้มีการนำกระสอบทรายเข้าไปดำเนินการถึง 4 ล้านกระสอบ

“สิ่งที่น่าเป็นห่วงตอนนี้ก็คือ เขตที่อยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็น คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ มีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 27 ชุมชน จำนวน 1,273 ครัวเรือนในพื้นที่รับผิดชอบ 13 สำนักงานเขต ได้แก่เขตบางซื่อ มี 2 ชุมชน คือ ชุมชนพระราม 6 (ฝั่งติดแม่น้ำ) 25 ครัวเรือน และชุมชนปากคลองบางเขนใหม่ 46 ครัวเรือน

 เขตดุสิต มี 5 ชุมชน คือ ชุมชนเขียวไข่กา (ถ.เขียวไข่กาช่วงปลาย) 20 ครัวเรือน ชุมชนราชผาทับทิมร่วมใจ(เชิงสะพานกรุงธน) 40 ครัวเรือน ชุมชนซอยสีคาม(ซอยสามเสน 19 ช่วงปลาย) 11 ครัวเรือน ชุมชนปลายซอยมิตรคาม(ซอยสามเสน 13 ช่วงปลาย) 140 ครัวเรือน และชุมชนวัดเทวราชกุญชรฯ(ถ.ศรีอยุธยาช่วงปลาย) 40 ครัวเรือน

เขตพระนคร มี 3 ชุมชน คือ ชุมชนท่าวัง 80 ครัวเรือน ชุมชนท่าช้าง 25 ครัวเรือน และชุมชนท่าเตียน 120 ครัวเรือน เขตสัมพันธวงศ์ มี 2 ชุมชน คือ ชุมชนวัดปทุมคงคา(ท่าน้ำสวัสดี) 12 ครัวเรือน และชุมชนตลาดน้อย 10 ครัวเรือนเขตบางคอแหลม มี 4 ชุมชน คือ ชุมชนวัดบางโคล่นอก 36 ครัวเรือน ชุมชนหน้าวัดอินทร์บรรจง 13 ครัวเรือน ชุมชนซอยมาตานุสรณ์ 31 ครัวเรือน และชุมชนหลังร.พ.เจริญกรุงประชารักษ์ 14 ครัวเรือน

เขตยานนาวามี 1 ชุมชน คือ ชุมชนโรงสี(ถ.พระราม 3) 60 ครัวเรือน

เขตคลองเตย มี 1 ชุมชน คือ ชุมชนสวนไทรริมคลองพระโขนง 9 ครัวเรือน เขตบางพลัด มี 1 ชุมชน คือชุมชนวัดฉัตรแก้ว 8 ครัวเรือน  เขตบางกอกน้อย 4 ชุมชน คือ ชุมชนสันติชนสงเคราะห์ 153 ครัวเรือน ชุมชนปากคลองน้ำตาล-คลองพิณพาทย์ 103 ครัวเรือน ชุมชนตรอกวังหลัง 66 ครัวเรือน และชุมชนดุสิต-นิมิตรใหม่ 23 ครัวเรือน

เขตธนบุรี 1 ชุมชน คือ ชุมชนปากคลองบางกอกใหญ่ 12 ครัวเรือน 11.เขตคลองสาน 1 ชุมชน คือ ชุมชนเจริญนครซอย 29/2 มี 11 ครัวเรือน เขตราษฎร์บูรณะ มี 1 ชุมชน คือ ชุมชนดาวคะนอง 157 ครัวเรือนเขตทวีวัฒนา มี 1 ชุมชน คือ ชุมชนวัดปรุณาวาส 38 ครัวเรือน”

ซึ่งทางกรมชลประทานได้เตรียมพร้อมมีทั้งสถานีสูบน้ำอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่ภายในจำนวน 157 แห่ง ประตูระบายน้ำ 214 แห่ง บ่อสูบน้ำอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำประมาณ 180 บ่อสูบ ซึ่งสามารถที่จะระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำออกมาสู่ระบบท่อ ระบบคลอง ระบบคลองหลักมาสู่แม่น้ำเจ้าพระยามีประสิทธิภาพการสูบน้ำออกจากพื้นที่สู่ แม่น้ำเจ้าพระยา 1,531 ลูกบาตรเมตรต่อวินาที อีกทั้งยังมีเครื่องติดตั้งตามจุดอ่อนต่างๆ ที่เป็นลักษณะเครื่องโมบายประจำสำนักงานเขตต่างๆ ประมาณ 541 เครื่อง ดังนั้นไม่น่าเป็นห่วงเราจะดำเนินการให้ดีที่สุดที่จะป้องกันน้ำท่วมใน กรุงเทพฯ

ด้าน นายบุญสนอง สุชาติพงศ์ โฆษกกรมชลประทาน กล่าวถึงเส้นทางการเดินทางของน้ำที่กำลังเคลื่อนตัวก่อนจะมาสู่กรุงเทพฯ ว่า น้ำเหนือกว่าจะเข้ามาในกรุงเทพฯ นั้น จะเป็นก้อนน้ำที่มาจากลุ่มน้ำ ปิง วัง ยม น่าน ไหลลงมาสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ สู่เขื่อนเจ้าพระยา หลังจากนั้นก็จะผลักดันน้ำสู่ฝั่งตะวันตก - ตะวันออก ทั้ง 2 ฝั่ง โดยฝั่งตะวันออกจะมีปริมาณน้ำ 20-30 ล้านลูกบาศก์เมตร และฝั่งตะวันตกราว 10-20 ล้านลูกบาศก์เมตร คลองลัดโพธิ์ก็จะช่วยในการระบายน้ำวันหนึ่งๆ ราว 20 -30 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามแนวพระราชดำริ น้ำขึ้น-ลง และน้ำทะเลหนุน

"เขื่อนเจ้าพระยาจะควบคุมปริมาณน้ำไม่ให้เกิน 2,830 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อย่างวันนี้เขื่อนเจ้าพระยาก็มีปริมาณน้ำแค่ 1,929 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งยังห่างอีกเยอะ แล้วปริมาณน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก็จะไหลระนาบเข้าสู่เขื่อนพระราม 6 แล้วจึงไหลลงมาทางเขื่อนป่าสักก็มาลงเจอกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางไทร ณ วันนี้ก็มีปริมาณน้ำแค่ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แล้วน้ำทั้งหมดจากบางไทรอยุธยาจะไหลลงสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยน้ำก้อนนี้ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยประมาณ แต่ในบริเวณบางไทรรับได้ถึง 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ทั้งนี้ ก่อนน้ำจะมาถึงบางไทรตรงนั้น ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาก็จะมีน้ำไหลเพิ่มเติมเข้ามารวม เขื่อนเจ้าพระยา แม่น้ำสะแกกรัง ลงมารวมเบ็ดเสร็จก็จะมาควบคุมที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยาในขณะที่ท้ายเขื่อน กรมชลฯ ก็จะสามารถผลักน้ำตรงนั้นเข้าคลองบางบาน แม่น้ำน้อยไปได้อีก ในฝั่งตะวันออกก็จะผลักดันน้ำเข้าสู่แม่น้ำลพบุรี กับคลองบางแก้ว โดยไม่ให้มีผลกระทบกับความจุของน้ำในคลองในระบบน้ำนั้น ฉะนั้นปริมาณน้ำ ณ ช่วงเวลานี้น้ำทะเลยก็ยังลงอยู่ยังไม่หนุนมา เป็นน้ำทะเลในช่วงขาลง กรมชลก็พยายามช่วยกันระบายให้เข้าทะเลมาที่สุด เหมือนกับทางฝั่งโคราช จากลำตะคอง ลำพระเพลิง ไปแม่น้ำมูล จากแม่น้ำมูลลงไปแม่น้ำโขง สู่ชายทะเลก็เหมือนกันเราก็จะพยายามผลักดันแบบนี้สูบส่งระบายช่วยกันทุกๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เฉพาะกรมชลประทานแห่งเดียว

เราเองจะช่วย ส่งเสริม ในขณะที่น้ำท่วมขังนานมาก ฝนตกเหนือเขื่อนท้ายเขื่อน อย่างโคราชเราก็จะช่วยสูบส่ง เข้าสู่ลำน้ำสายหลักแม่น้ำมูล สู่แม่น้ำโขง ฉะนั้นบริเวณนี้ทั้งหมด ถ้าน้ำยังท่วมขัง กรมชลฯ มีเครื่องสูบน้ำอยู่ 1,200 เครื่อง ที่จะช่วยเหลือดูแล ซึ่งตอนนี้ เราช่วยไปแล้ว 58 จังหวัด หน่วยงานต่างๆ กว่า 30 หน่วยงานที่ร่วมกัน สำรวจเข้าไปช่วยเหลือ ดูแลและเยียวยา"

อย่างไรก็ดี โฆษกกรมชลประทาน ย้ำว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือในวันที่ 23-28 ต.ค.นี้น้ำทะเลจะหนุนสูงสุด ฝนน่าจะตกหนักในภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนอากาศก็จะแกว่งๆ อย่างนี้ เนื่องจากอิทธิพลร่องความกดอากาศสูงมันพาดผ่านมาจากประเทศจีน คาดว่าจะไม่มีผลกระทบมากนัก เพราะกรมชลฯ มีเขื่อนอ่างเก็บกักน้ำทั้ง ขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ทั้งประเทศมากมาย ซึ่งยังกักเก็บน้ำได้ ถ้าตกเหนือเขื่อน อีก 20,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งก็เข้าใจว่าไม่มีปัญหาถ้าพายุจะเข้ามา แต่ท้ายเขื่อนเราก็ดูแลแบบนี้ไป ทั้งยังมีการดูแลในระยะสั้น กลาง และระยะยาว เสริมพัฒนาแหล่งน้ำอีกมากมายกรุงเทพมหานคร

"เราจะพยายาม บริหารจัดการน้ำให้ดีที่สุด ไม่ใช่เฉพาะกรุงเทพฯ ทั่วประเทศ แต่เนื่องจากฝนตกติดต่อกัน ปีนี้ปรากฏการณ์ลานินญ่าดุพอสมควร นอกจากภาครัฐแล้วก็อยากจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเตรียมตัวป้องกันตัวเองและ ทรัพย์สิน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นมา"โฆษกกรมชลฯกล่าวทิ้งท้าย
45  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / 16 คำทำนายพระพุทธเจ้า ที่ทรงชี้ชะตามนุษย์โลก เมื่อ: 19 ตุลาคม 2010, 19:10:57



1. ทรงฝันว่า มีโคตัวผู้สีเหมือนดอกอัญชัญ 4 ตัว ต่างคิดจะชนกัน ก็พากันวิ่งมาสู่ท้อง
พระลานหลวงจาก 4 ทิศ ฝูงชนต่างรอดู โคทั้งสี่ก็ส่งเสียงคำรามลั่น แต่แล้วต่างก็ถอยออกไป
ไม่ชนกัน - พระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายว่า ในอนาคตในชั่วศาสนาของพระองค์ เมื่อโลกหมุน
ไปถึงจุดที่เสื่อมลง มนุษย์ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ฝนฟ้าจักแล้ง ทุพภิกขภัยจักเกิดขึ้น
คล้ายเมฆตั้งเค้าจะมีฝน มีเสียงคำรามกระหึ่ม แต่แล้วก็ไม่ตก กลับเลยหายไป เหมือนโค
ตั้งท่าจะชนกัน แต่ไม่ชนกันฉะนั้น


 

2. ทรงฝันว่า ต้นไม้เล็กๆ และกอไผ่ที่โตเพียงคืบบ้าง ศอกบ้าง ก็ออกดอกออกผลแล้ว - พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า ต่อไปเมื่อโลกเสื่อม มนุษย์แม้จะมีอายุเยาว์ มีวัยยังไม่สมบูรณ์
ก็จะมีราคะกล้า และสมสู่กันตั้งแต่อายุยังน้อย และจะมีลูกแต่เด็กๆ เหมือนต้นไม้เล็กๆ
แต่ก็มีผลแล้ว


 

3. ทรงฝันว่า ทรงเห็นแม่โคใหญ่ๆ พากันดื่มนมของฝูงลูกโคที่เพิ่งเกิด - ทรงทำนายว่า ต่อไปในอนาคตการเคารพนบนอบผู้ใหญ่ เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์จะเสื่อมถอย คนเฒ่าคนแก่พ่อแม่เมื่อหมดที่พึ่ง หาเลี้ยงตนไม่ได้ ก็ต้องง้อ ต้องประจบเด็กๆ ดังที่แม่โคที่ต้องกินนมลูกโคฉะนั้น


 

4. ทรงฝันว่าผู้คนไม่ใช้วัวตัวใหญ่ ที่สมบูรณ์แข็งแรงเทียมแอกลากเกวียน กลับไปใช้
โครุ่นๆ ที่ยังปราศจากกำลังมาลาก เมื่อมันลากเกวียนให้แล่นไม่ได้ มันก็สลัดแอกนั้นเสีย -
ทรงทำนายว่า ในภายหน้าเมื่อผู้มีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม แทนที่จะยกย่องและมอบหมายหน้าที่ ให้กับผู้มีสติปัญญา ความรู้ กลับไปมอบยศศักดิ์ให้กับคนหนุ่มที่อ่อนหัด ด้อยประสบการณ์ ทำให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ดี กิจการต่างๆ ก็ไม่สำเร็จ ก็เหมือนใช้โครุ่นมาเทียมแอก เกวียนก็
แล่นไม่ได้ฉันใด ก็ฉันนั้น


 

5. ทรงฝันว่าเห็นม้าตัวหนึ่ง มีปากสองข้าง ฝูงชนก็เอาหญ้าไปป้อนที่ปากทั้งสองข้าง
มันก็กินทั้งสองข้าง - ทรงทำนายว่า ในอนาคตเมื่อผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจไม่ดำรงอยู่ในธรรม
ตั้งคนพาล หรือคนไม่มีศีลธรรมไว้ในตำแหน่งอันมีผลต่อผู้อื่น คนเหล่านั้นก็จะไม่นึกถึง
บาปบุญ คุณโทษ แต่จะตัดสินคดีต่างๆ ตามแต่ใจชอบ โดยเอาสินบนจากทั้งสองฝ่ายเป็นประมาณ ดังม้าที่กินหญ้าทั้งสองปาก


 

6. ทรงฝันว่าฝูงชนเอาถาดทองราคาแพง ไปให้หมาจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง พร้อมเชื้อเชิญให้
หมาจิ้งจอกตัวนั้น ถ่ายปัสสาวะใส่ถาดทองนั้น - ทรงทำนายว่า ต่อไปคนดีมีสกุลทั้งหลายจะ
สิ้นอำนาจวาสนา คนตระกูลต่ำ หรือคนพาลจะได้เป็นใหญ่เป็นโต และคนมีตระกูล ก็จะต้อง
ยกลูกสาว ให้แก่ผู้ไร้ตระกูลเหล่านั้น เหมือนเอาถาดทองไปให้หมาปัสสาวะรด


 


7.ทรงฝันว่า มีชายคนหนึ่งนั่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปในที่ใกล้เท้า แม่หมาจิ้งจอกโซ
ตัวหนึ่ง นอนอยู่ใต้ตั่งที่บุรุษนั้นนั่งอยู่ แล้วก็กัดกินเชือกนั้น โดยที่เขาไม่รู้ตัว - ทรงทำนายว่า
ในกาลข้างหน้า ผู้หญิงจะเหลาะแหละ โลเล ลุ่มหลงในสุรา เอาแต่แต่งตัว เที่ยวเตร่
ประพฤติทุศีล แล้วก็จะเอาทรัพย์ที่สามีหาได้ด้วยความลำบากไปใช้ หรือให้ชายชู้ เหมือนนาง
หมาโซที่นอนใต้ตั่ง คอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่น และหย่อนลงไว้ใกล้เท้า


 

8. ทรงฝันว่ามีตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมตุ่มหนึ่งวางอยู่ตรงประตูวัง แวดล้อมด้วยตุ่มว่างๆ เป็นอันมาก แต่คนก็ยังไปตักน้ำใส่ตุ่มที่เต็มอยู่ จนล้นแล้วล้นอีก โดยไม่เหลียวแลจะตักใส่ตุ่มที่ว่างๆ นั้นเลย
- ทรงทำนายว่า ในอนาคต เมื่อศาสนาเสื่อม คนเป็นใหญ่หรือมีอำนาจ จะเบียดเบียนหรือเอา
เปรียบผู้ด้อยกว่า คนที่รวยอยู่แล้ว ก็จะมีคนจนหารายได้ ไปส่งเสริมให้รวยยิ่งขึ้น ดังฝูงชนที่ต้องตักน้ำใส่ตุ่มใหญ่ที่เต็มอยู่แล้วจนล้น ส่วนตุ่มที่ว่างอยู่กลับไม่ไปใส่น้ำ


 

9. ทรงฝันเห็นสระแห่งหนึ่ง มีบัวนานาชนิดขึ้นอยู่เต็ม และมีท่าขึ้นลงโดยรอบ
สัตว์ต่างๆ ก็พากันดื่มน้ำในสระ แต่แทนที่น้ำบริเวณที่สัตว์เหยียบย่ำจะขุ่น กลับใสสะอาด ส่วนน้ำที่อยู่ลึกกลางสระที่สัตว์ไม่ไปดื่มหรือ เหยียบย่ำแทนที่จะใส กลับขุ่นข้น - ทรงทำนายว่า
ต่อไป เมื่อคนมีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม ขาดเมตตา คอยใช้อำนาจ รีดนาทาเร้นหรือกินสินบน
ชาวบ้านชาวเมือง ก็จะหนีไปอยู่ตามชายแดนหรือที่อื่นๆ ทำให้ที่นั้นๆ ที่คนพากันไปอยู่มีความ
มั่นคงเป็นปึกแผ่น เหมือนน้ำรอบๆ สระที่ใส ส่วนเมืองหลวงกลับว่างเปล่า เหมือนกลางสระที่ขุ่น


 

10. ทรงฝันว่า เห็นข้าวที่คนหุงในหม้อใบเดียวกัน สุกไม่เท่ากัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
ข้าวแฉะ ข้าวดิบ และข้าวสุกดี - ทรงทำนายว่า ในอนาคต เมื่อคนทั้งหลายไม่อยู่ในศีลในธรรม
กันมากขึ้น ก็จะทำให้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือตกไม่ทั่วถึง ทำให้การเพาะปลูกบางแห่ง
ได้ผล บางแห่งก็ไม่ได้ผล เช่นเดียวกับข้าวที่มีสุกบ้าง ดิบบ้าง และแฉะบ้าง


 

11. ทรงฝันว่าคนนำแก่นจันทน์ที่มีราคาแพง ไปแลกกับเปรียงเน่า (อ่านว่า เปฺรียง มี 3
ความหมาย คือ 1. นมส้มผสมน้ำแล้วเจียวให้แตกมัน 2.น้ำมันจากไขข้อวัว และ 3.เถาวัลย์
เปรียง แต่ในที่นี้น่าจะหมายถึงเถาวัลย์เปรียง เทียบกับแก่นจันทน์ที่เป็นไม้เหมือนกันมากกว่า
2 ความหมายแรก) - ทรงทำนายว่า กาลภายหน้า พระภิกษุอลัชชีเห็นแก่ได้ทั้งหลาย แทนที่
จะนำธรรมะ ที่พระพุทธองค์สอน ไปสอนสั่งให้คนหลุดพ้นจากความทุกข์ และละความโลภ กลับใช้เป็นเครื่องมือเพื่อหากิน หาปัจจัยบริจาคเข้าตัวเอง เหมือนเอาแก่น
จันทน์ (ธรรมะคำสอนที่ดี) ไปแลกเอาเถาวัลย์เน่า (ลาภอามิสที่ได้รับมา ซึ่งไม่จีรังและไม่ช่วย
ให้พ้นทุกข์จริงๆ ได้)


 

12. ทรงฝันเห็นกระโหลกน้ำเต้าจมน้ำได้ - ทรงทำนายว่า ต่อไปคำพูดของคน ที่ไม่ควรจะ
ได้รับความเชื่อถือ กลับจะได้รับความเชื่อถือ โดยเปรียบถ้อยคำของคนที่ไม่น่าเชื่อว่ามีน้ำหนักเบาเหมือนกับผลน้ำเต้า ซึ่งปกติจะลอยน้ำ แต่เมื่อคนเชื่อว่าคำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนัก หรือหนักแน่น จึงเปรียบคำพูดนั้น
ว่ามีน้ำหนัก ราวกับน้ำเต้าที่จมน้ำได้


 

13. ทรงฝันว่าศิลาแท่งทึบขนาดเรือน ลอยน้ำได้เหมือนเรือ - ทรงทำนายว่า ถ้อยคำของคนที่ควรได้รับการเชื่อถือ ซึ่งหนักแน่น มีน้ำหนักเปรียบประดุจแท่งศิลา กลับไม่
ได้รับความเชื่อถือ หรือกลายเป็นถ้อยคำที่ไม่มีน้ำหนักเหมือน เรือที่ลอยได้ ข้อนี้ตรงกันข้าม
กับข้อที่แล้ว คือ คนหันไปเชื่อคำพูดคนที่ไม่ควรเชื่อ เหมือนสิ่งที่ควรลอยกลับจม สิ่งที่ควร
จมกลับลอย


 

14. ทรงฝันว่า ทรงเห็นฝูงเขียดตัวเล็กๆ วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ และกัดเนื้องูเห่าขาด
เหมือนกัดก้านบัว แล้วกลืนกินเข้าไป - ทรงทำนายว่า เมื่อมนุษย์ปล่อยตัวปล่อยใจตามกิเลส
ราคะ สามีจะตกอยู่ในอำนาจของเมียเด็ก และจะถูกดุด่าว่ากล่าวเช่นเดียวกับคนรับใช้ เหมือน
เขียดตัวเล็กๆ แต่กลับกินงูได้


 

15. ทรงฝันว่า ฝูงพญาหงส์ทอง ที่มีขนเป็นทอง ถูกแวดล้อมด้วยกา - ทรงทำนายว่า ในอนาคตผู้มีตระกูลต้องไปเที่ยวประจบ และสวามิภักดิ์ต่อผู้ไม่มีตระกูล เหมือนหงส์ทองแวด
ล้อมด้วยกา


 

16. ทรงฝันว่า ฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง และกัดกิน ทำให้เสืออื่นๆ สะดุ้งกลัว จนต้องหนีไปแอบซ่อนตัวจากฝูงแกะ - ทรงทำนายว่าต่อไปภายหน้า คนชั่ว หรือคนที่ไม่ดี
จะเรืองอำนาจ และใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ทำให้คนดีถูกทำร้าย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม
ต้องหลบหนี ซ่อนตัวจากภัยร้ายเหล่านี้ เหมือนเสือซ่อนตัวจากแกะ

ขอบคุณข้อมูลจาก [img]http://dhammaworld.exteen.com/20080126/entry
46  อื่นๆ / Cafe / มาวัดความ"หล่อ-สวย"ด้วย Ugly Meter กัน เมื่อ: 19 ตุลาคม 2010, 18:41:00



สำหรับการใช้แอพฯ Ugly Meter ผู้ใช้จะต้องถ่ายรุปใบหน้าของตนเองก่อน จากนั้นคลิกปุ่ม Analyses โปรแกรมจะวาดเส้นเค้าโครงขึ้นมาแบบเรียลไทม์ ก่อนที่จะแสดงคะแนนที่บ่งบอกถึงระดับความหน้าเกลียดของใบหน้าคุณ :O ดังนั้นอย่าดีใจไปหากได้คะแนนเต็ม 10 เพราะยิ่งคะแนนมากเท่าไร ยิ่งหมายความว่าคุณมีใบหน้าที่อัปลักษณ์มากเท่านั้น



อย่างไรก็ตาม ทุกคนย่อมมีมุมสวยหล่อเป็นของตนเอง ดังนั้นแอพฯ Ugly Meter จึงแสดงเส้นกริดบนหน้าจอ เพื่อให้คุณเลือกมุมที่คิดว่าดูดีที่สุด จากนั้นให้มันวิเคราะห์ผลลัพธ์ออกมา โดยคุณจะเก็กหน้ากี่ครั้งตั้งมุมกี่องศาก็ได้ จนกว่าคะแนนที่ออกมาจะเป็นที่พอใจ และนั่นคือ มุมสวยหล่อของคุณ Ugly Meter พัฒนาโดยบริษัท The Dapper Gentlemen สนนราคา 1 เหรียญฯ (ประมาณ 30 บาท) เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้คุณกล้าใช้ (หรือเปล่า?) แอพฯตัวนี้กับตนเอง ลองดูผลคะแนนความน่าเกลียดจากภาพใบหน้าคนดังที่นำมาฝากก็แล้วกันนะครับ (Angelina Jolie มีใบหน้าที่สวยมาก คะแนะนความน่าเกลียดแค่ 2/10 ส่วน Christina Hendricks โดนไปเต็มๆ 10/10)



ข้อมูลจาก: newlaunches



47  อื่นๆ / Cafe / ยายกับหลานข้าบ้าน !?! [ฮาดี] เมื่อ: 13 ตุลาคม 2010, 11:41:41
หลาน:   ยาย...ยาย
ยาย: หา?
หลาน:   ยายปีนี้ดูแก่มากเลยนะยาย...อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ?
ยาย: เมื่อ20ปีที่แล้วยายอายุ50ไม่รู้ว่าตอนนี้มันยังจะ50อยู่หรือเปล่าไม่ได้นับมานานแล้ว
หลาน:   โห...ยายป่านนี้มันไม่เหลือ9ขวบแล้วหรอ...แล้วลูกเต้าไม่มีเหรอยายถึงมานั่งคนเดียวเนี่ย
ยาย: มี...
หลาน:   อ้าว...แล้วทำไมเค้าไม่มาด้วยล่ะ
ยาย: มีลูกชายสองคนคนหนึ่งอยู่ระยองคนหนึ่งอยู่เชียงใหม่โน่นคนหนึ่งมันจะให้ยายไปอยู่เชียงใหม่...อีกคนหนึ่งจะให้ยายไปอยู่ระยอง...ตัดสินใจไม่ถูกไม่รู้จะไปอยู่กับใคร?
หลาน:   โอ้โฮ...ยายนี่โชคดีจังเลยลูกๆแย่งกันเลี้ยง
ยาย: โชคดีกะผีอะไรล่ะ...ก็คนที่อยู่ระยอง...มันจะให้ไปอยู่เชียงใหม่คนที่อยู่เชียงใหม่...มันจะให้ไปอยู่ระยอง
หลาน:   เออ...ยาย...อย่าไปคิดมากเลยอายุปูนนี้ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
ยาย: โอ๊ย...แข็งแรงที่ไหนกันตอนนี้กำลังแย่เลย
หลาน:   แย่ที่ไหนยาย...ก็เห็นแข็งแรงดี
ยาย: เดี๋ยวนี้ยายมีอาการแปลกๆเช่นนั่งๆอยู่เนี่ย...ถ้าลุกขึ้นปุ๊บ...มันจะยืนทุกทีเลย
หลาน:   เป็นอะไรไม่รู้ลุกแล้วยืนน่ะมันธรรมดานะยาย...ยายเคยเห็นคนล้มทั้งยืนไหมยาย?
ยาย: ไม่เคย
หลาน:   อยากเห็นไหม?
ยาย: อย่าเลย...ยายแก่แล้วเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นอะไร
หลาน:   อ้าว...เป็นอะไรไปเหรอยาย?
ยาย: สงสัยจะแก่ตัวมากนั่งนานๆแล้วมันจะมีปัญหา
หลาน:   มันเป็นยังไงหรอยาย?
ยาย: อีขาซ้ายนี่มัน...ชา
หลาน:   แล้วขาขวาล่ะยาย?
ยาย: กาแฟ
หลาน:   ผมว่ายายต้องรีบไปหาหมอแล้วล่ะ
ยาย: ทำไมล่ะ?
หลาน:   ถ้าปล่อยไว้นานๆมันจะเป็นโอวัลตินนะยาย
ยาย: อืม...แล้วพอยืนนานๆนะ...ขาซ้ายมันจะปวด
หลาน:   โอ๊ย...เป็นเรื่องธรรมดายายอายุมากแล้วนี่มันก็ปวดสิ
ยาย: ไม่จริงหรอก...ขาข้างขวานี่ก็อายุเท่ากัน...ไม่เห็นมันปวดล่ะ?




ยาย: หลานเอ้ย...
หลาน:   จ้ะยาย...
ยาย: คนเราจะประสบความสำเร็จต้องอดทน
หลาน:   จ้ะยาย
ยาย: หลานเอ้ย...คนเราจะประสบความสำเร็จต้องอดทน
หลาน:   จ้ะยาย
ยาย: หลานเอ้ย...คนเราจะประสบความสำเร็จต้องอดทน....
หลาน:   โอ๊ยรู้แล้ว...พูดซ้ำซากอยู่นั่นแหละรำคาญ
ยาย: หลาน...เอ็งนี่ช่างไม่มีความอดทนเอาซะเลย{เราชอบอันนี้อ่ะ55}





ยาย: นี่เอ็งเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมไหม
หลาน:   เชื่อสิยาย
ยาย: เขาบอกว่า...ถ้าเราฆ่าไก่...เราจะเกิดเป็นไก่ถ้าเราฆ่าวัว...เราจะเกิดเป็นวัวถ้าเราฆ่านก...เราจะเกิดเป็นนก
หลาน:   ยาย...เห็นทีผมจะต้องฆ่าคนซะแล้วยาย





หลาน:   เออ...ยาย...ฉันจะเปิดร้านใหม่ล่ะยาย...ยายช่วยไปอุดหนุนฉันหน่อยนะยาย...ฉันอยากให้ยายไปอุดหนุนเป็นคนแรกเลย...
ยาย: โอ๊ย...ไม่มีปัญหา...เรามันคนกันเองเออ...ว่าแต่...แกจะเปิดร้านอะไรล่ะ
หลาน:   ร้านขายโลงศพจ้ะยาย
ยาย: อ้ายเวร...ปากไม่เป็นมงคล...เอ็งจำไว้เลยข้าจะไม่เหยียบเข้าร้านเอ็งจนวันตาย...
หลาน:   ถ้าถึงวันตายแล้วอย่าลืมมาอุดหนุนนะยาย





ยาย: นี่ๆ...ยายก็มีหลานชายอยู่คนหนึ่ง...กำลังเรียน...เป็นเด็กดีเหลือเกิน...กตัญญู...เมื่อวานนี้เป็นวันเกิดยาย...พอยายจะเอาชามไปล้าง...หลานชายมันเข้ามาห้าม...มันบอกว่า"ยาย...วันนี้เป็นวันเกิดยาย...ยายอย่าล้างชามเลย..."
หลาน:   แหม...เป็นเด็กดีจริงๆเลยนะหลานยายเนี่ย
ยาย: เออ...มันบอกกองเอาไว้ก่อน...พรุ่งนี้ค่อยล้างเอ้อยายต้องไปแล้วล่ะหนู
หลาน:   อ้าว...ทำไมล่ะยาย??
ยาย: ต้องรีบไปล้างจาน??


48  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / สุดโหด!! ฝังคนทั้งเป็น เมื่อ: 13 ตุลาคม 2010, 11:38:08


10 เหตุการณ์ฝังทั้งเป็นที่น่าขนหัวลุก

“ฝังทั้งเป็น” มีเรื่องเล่ากันว่ามีหญิงชายคนหนึ่งแต่งงานกับ และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั้งแก่เฒ่า จนกระทั้งวันหนึ่งภรรยาของเขาได้จากไป เขาจัดพิธีศพตามหลักศาสนาคริสต์ คือนำศพของเธอมาฝังในโลงศพอย่างดีมาฝังในสุสานเพื่อให้เธอพักผ่อนถาวร

                เรื่องคงจบแต่เพียงเท่านี้ หากแต่ไม่ เมื่อดึกคืนหนึ่งในขณะที่ฝ่ายชายนอนหลับ เขาได้ฝันน่ากลัวเข้า เมื่อเขาเห็นภรรยาที่อยู่ในโลงศพลืมตาดื่นขึ้น เธอพยายามตะเกียดตะกายเพื่อออกจากโลงที่ถูกฝังในดิน ความมืด ความแคบ อาการน้อยลงทุกที ทำให้เธอกลายเป็นบ้า เธอกำลังร้องชื่อเขาเพื่อมาช่วยเหลือเธอ

                ฝ่ายชายฝันร้ายแบบนี้ทุกค่ำคืน จนกระทั้งทนไม่ไหว เขาเลยร้องขอให้แพทย์และหน่วยงานท้องถิ่นนำโลงศพของภรรยาของเขาออกมา และเมื่อทั้งหมดเปิดฝาโลงก็ตะลึงเมื่อศพภรรยาของเขาไม่ได้เน่าเบื่อ ซ้ำที่เบิกตาโพลง ทำหน้าตาหวาดกลัว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ที่เล็บมีเลือดเกรอะกรัง และที่ฝาโลงด้านในมีรอยขีดข่วนชัดเจน ..........

เรื่องของศพที่คิดว่าตายแล้วนำมาฝังตามพิธีกรรมทางศาสนา หากแต่ต่อมากลับพบว่าผู้ตายนั้นไม่ได้ตายจริง และกลับมาคืนชีพในโลงศพและพยายามตะเกียดตะกายเอาชีวิตรอด เรื่องราวเหล่านี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สยองขวัญมากมาย แต่ที่น่าแปลกคือเรื่องเหล่านี้กลายเป็นจริงอีกทั้งมีมากกว่าหนึ่งกรณี สาเหตุง่ายมากก็เพราะสมัยก่อนนั้นการตรวจสอบผู้ตายนั้นตายจริงหรือไม่ นั้นไม่ค่อยทันสมัย ทำให้มีการฝังในโลงศพทั้งๆ ที่ผู้ตายคนนั้นแค่ตายชั่วขณะ และนี้คือตัวอย่าง ของผู้มีประสบการณ์ฝังทั้งเป็นที่ฟื้นคืนชีพในโลงศพที่ถึงฝังในดินอย่างน่าสยดสยอง

 

Virginia Macdonald         
                ปี 1851 เวอรจิเนีย เเมคโดเนล(Virginia Macdonald) อาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเธอในนิวยอร์กซิตี้และป่วยตายเธอถูกนำไปฝังในสุสานกรีนวู๊ด(Greenwood) บรู๊คลิน นิวยอร์ค อเมริกา หลังจากพิธีฝังศพผ่านไป แม่ของเธอกลับบอกคนอื่นว่าเธอเชื่อว่าลูกของเธอไม่ตาย เธอพูดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนครอบครัวของเธอทนไหมไหวเลยต้องขุดโลงศพเปิดฝาโลงให้แม่ของเธอหายข้อข้องใจซะ แต่ปรากฏว่าพวกเขาพบว่าศพของเวอจิเนียนั้นยังไม่เน่า เธอคืนชีพในโลงและพยายามตะเกียดตะกาย ที่มือของเธอนั้นสภาพเละอย่างไม่มีชิ้นดี แสดงให้เห็นว่าเธอพยายามทำลายโลง แต่ล้มเหลวและขาดใจตายไปเสียก่อน

(หลังจากนั้นป่าช้าแห่งนี้ได้ถูกย้ายไปที่แห่งใหม่ หลายโรงถูกนำมาตรวจสอบก็พบว่ามีศพหลายศพที่ถูกฝังทั้งเป็นจำนวนมาก)

   


Madam Blunden
ปี 1896 มาดามบันเดนหมดลมหายใจ และแน่นอนครอบครัวของเธอก็คิดว่าเธอเสียชีวิตไปแล้ว พวกเขาเลยใส่ผมลงในโลงและฝังในอุโมงค์ครอบครัวบันเดนที่โบสถ์โฮลี่ โกสท( Holy Ghost) ที่ บาซิงสโตก ประเทศอังกฤษ ซึ่งอุโมงค์นี้อยู่ใต้โรงเรียนชายพอดี  หลังจากงานศพผ่านไป ชายที่เดินเล่นแถวนั้นเกิดได้ยินเสียงจากอุโมงค์ข้างล่าง หลังจากนั้นเขาก็วิ่งไปบอกครูของเขาเกี่ยวกับเสียงทีเรียกเขา และแล้วก็ทราบว่าเสียงนั้นมาจากโลงศพของมาดามบันเดนนั่นเอง พวกเขารีบเอาโลงออก เมื่อเขาเปิดฝาโลงก็พบว่าสายไปเสียแล้วที่จะช่วยชีวิตเธอ พวกเขาได้แต่เป็นเพียงพยานในการเห็นลมหายใจแห่งชีวิตสุดท้ายของเธอเท่านั้น สภาพร่างกายของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยของความเจ็บปวดที่พยายามดิ้นรนหนีจากโลงที่ถูกฝัง รอยข่วนที่เมามันที่ใบหน้าและเธอกัดเล็บมืดจนหลุดออกมาอย่างน่าสยดสยอง

(ปัจจุบันโลงศพจำนวนมากถูกออกแบบเพื่อความปลอดภัยขึ้น โดยโลงศพที่จดสิทธิบัตรในศตวรรษที่ 18 และ 19 มีการติดตั้งกลไกเพื่อให้ผู้ที่อยู่ในโลง(เผื่อฟื้นคืนชีพตอนถูกฝังทั้งเป็น)ส่งสัญญาณให้คนที่อยู่พื้นดินได้ทราบชัดขึ้น)

 

New York Times article 
บทความในนิวยอร์คไทน์ก็มีข่าวเรื่องราวแบบนี้ออกมาอยู่เสมอ ในฉบับที่ วันที่ 18 มกราคม 1886 วูดสต็อก ออนแทรีโอ สาวคนหนึ่งชื่อคอลลินส์(Collins) ตาย สองวันหลังจากนั้นร่างกายของเธอถูกขุดขึ้นมาเพื่อนำไปฝังที่อื่น และเมื่อพวกเขาเปิดโลงก็พบว่าผ้าห่อศพข้างในถูกฉีกเป็นชิ้นๆ หัวเข่าของเธอถลอกเป็นแผลแหวะ  แขนของเธอบิดงอบิดเบี้ยว ที่หัวเต็มไปด้วยรอยกระแทกเพื่อทุบโลงให้เปิดออก และใบหน้าของเธออยู่ในสภาพน่ากลัวและทรมาน
(ในศตวรรษที่ 19 ดร. Timothy Clark Smith of Vermont เขากลัวเรื่องการถูกฝังทั้งเป็นมาก เขาเลยได้ขอมีการฝังศพในลักษณะพิเศษ โดยมีการต่อท่อหายใจและมีหน้าต่างกระจกให้ได้เห็นสภาพเขาภายในโลง และคุณสามารถเห็นหลุมฝังศพเขาที่นี้ here .)



British Medical Journal   
วารสารทางการแพทย์ของอังกฤษเขียนไว้ว่าเมื่อ 8 ธันวาคม 1877 ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นถูกฝังตามพิธีกรรมเนื่องจากเชื่อว่าเธอตายแล้ว ซึ่งความจริงแล้วเธอแค่รู้สุกงงงันเท่านั้น หลังจากนั้นให้หลังมีการเปิดโลงศพของเธอออก ก็พบว่าหญิงสาวโชคร้ายนี้พยายามดิ้นรนออกจากโลงอย่างหนักในขณะที่มีชีวิตอยู่ เสื้อผ้าที่สวมใส่ถูกฉีกขาด และแขนขาของเธอบิดเบี้ยวอย่างน่าสยดสยอง ภายหลังศาลได้พิพากษาให้แพทย์รับรองการตายของเธอและนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจในการสั่งให้ฝังโลงมีความผิด ต้องจำคุกสามเดือนฐานทำการฆาตกรรมโดยไม่ได้ตั้งใจ

(สมัยก่อนแพทย์จะรับรองการตาย โดยดูจากการทำงานของสมองหมดลง )

 

Madame Bobin   
ในปี 1901 มีหญิงคนหนึ่งชื่อมาดามโบบิง (Madame Bobin) กำลังตั้งครรภ์ และเป็นโรคไข้เหลืองในขณะเดินทางเรือจากแอฟริกาตะวันตก เธอถูกส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลอย่างโดดเดี่ยวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคนอื่นติดโรค เธอตายและถูกฝัง ในตอนนั้นพยาบาลสังเกตว่าร่างกายของเธอไม่เย็นและมีปฏิกิริยาจากกล้ามเนื้อท้องแสดงให้เห็นว่าเธอได้รับฝังก่อนเวลาอันควร หลังจากนั้นพ่อของเธอทุกข์ใจกับความจริงนี้ เขาร้องขอให้มีการเปิดโลงศพของเธอเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ ผลปรากฏว่าสิ่งที่พบในโลงก็คือเด็กทารกที่เกิดมาและตายพร้อมกับเธอในโลง ผลการชันสูตรพบอีกว่าเธอไม่ได้ตายเพราะไข้โรคเหลืองหากแต่ตายเพราะการขาดอากาศหายใจในโลง ในเวลาต่อมีจึงมีการเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 13000 ดอลลาร์ แก่เจ้าหน้าที่ที่วินิจฉัยผิดพลาด

(จากบันทึกประวัติศาสตร์ระบุว่าในช่วงศตวรรษที่ 17 เกิดโรคระบาดขึ้น และมีคนตายเพราะถูกฝังทั้งเป็นเนื่องจากแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคระบาดตาย 149 กรณี)

 

credit:cammy

49  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / สภาเห็นชอบ ทำบัตรประชาชนตั้งแต่ 1 ขวบ เมื่อ: 07 ตุลาคม 2010, 11:08:09
 
สภาเห็นชอบ ทำบัตรประชาชนตั้งแต่ 1 ขวบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ได้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน ตามที่
ครม.เสนอ ในวาระแรก ต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญแก้ไขกฎเกณฑ์การมีบัตรประจำตัวประชาชนเสียใหม่
โดยขยายอายุให้คนไทยทุกคนต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนตั้งแต่ 1 ปีนับแต่วันเกิด หรือ 60 วัน
นับแต่วันได้สัญชาติไทย สำหรับผู้ไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิด หรือได้กลับคืนสัญชาติไทยตามกฎหมาย
ว่าด้วยสัญชาติ นอกจากนั้น ยังระบุด้วยว่า ให้ใช้บัตรนั้นได้นับแต่วันออกบัตร และมีอายุสิบปีนับแต่วันเกิด
ของผู้ถือบัตร
ทั้งนี้ ในมาตรา 6 ยังให้เพิ่มข้อความไว้ในมาตรา 7/1 ของ พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 ว่า บัตรนอกจาก
จะมีรายการตามที่กำหนดไว้แล้ว จะมีหน่วยความจำ เพื่อบันทึกข้อมูลอื่นของผู้ถือบัตรด้วยก็ได้ แต่ข้อมูลที่บันทึกไว้
ในหน่วยความจำ ต้องไม่สามารถเปิดเผยต่อบุคคล หรือหน่วยงาน ซึ่งมิใช่เป็นผู้จัดทำ หรือรวบรวมข้อมูลนั้น ๆ ได้
ขณะที่ การจะขอมีบัตรใหม่ของผู้มีอายุไม่ถึง 15 ปี ให้เป็นหน้าที่ของบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลซึ่งรับดูแลผู้นั้นอยู่
และยังระบุด้วยว่า เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการขอมีบัตรแล้ว แต่ยังไม่ยื่นขอมีบัตร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
ขณะเดียวกันที่ประชุมได้ลงมติให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 222 ต่อ 81 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนน 13
 โดยให้เร่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 25 คน กำหนดการแปรญัตติภายใน 7 วัน โดยเริ่มประชุมนัดแรก
วันที่ 8 ตุลาคมนี้ ต่อไป

โดย ทีมข่าว Mthai
 
50  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / เตือน วางโน๊ตบุ๊คบนตักเสี่ยงมะเร็ง เมื่อ: 06 ตุลาคม 2010, 04:51:43
ปัจจุบัน แล็ปท็อป หรือ โน๊ตบุ๊ค กลายเป็นอุปกรณ์สุดไฮเทคที่จำเป็นสำหรับวัยรุ่นหรือหนุ่มสาววัยทำงานหลายคนไปซะแล้ว นับตั้งแต่คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับเรา ๆ ไปซะทุกด้าน และโน๊ตบุ๊คก็ดูเหมือนจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่แสนฮิตฮอตซะเหลือเกิน เพราะมันสามารถพกพาไปไหนได้สบาย 

         และด้วยความสะดวกสบาย พกพาง่ายของมันนี่แหละ ทำให้เจ้าโน๊ตบุ๊คสามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา แม้ จะไม่มีโต๊ะให้วาง ก็วางบนตักของตัวเองได้อย่างง่าย ๆ พอ ๆ กับที่มันก็ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาได้อย่างง่าย ๆ อีกเช่นกัน

         ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการเล่นโน๊ตบุ๊คบนตักนั้น ทำให้คนเจ็บป่วยกับมันได้จริง ๆ เหมือนกับกรณีของเด็กชายวัย 12 ปีชาวอเมริกัน ที่ติดนิสัยชอบเล่นโน๊ตบุ๊คไว้บนตัก แล้วอยู่กับมันวันละ 2-3 ชั่วโมง ปรากฏว่า 2 เดือนให้หลัง ผิวของเด็กก็ไหม้และด่างโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว 

         นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้โน๊ตบุ๊คอีกกว่า 10 ราย รายงานเข้ามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ว่าความร้อนจากโน๊ตบุ๊คทำให้ผิวไหม้และทำให้ผิวด่างเช่นเดียวกันกับกรณีดังกล่าว ขณะที่ทางทีมแพทย์เชื่อว่าคงจะมีผู้ที่ได้รับอันตรายจากความร้อนใต้โน๊ตบุ๊คมากกว่านั้นอย่างแน่นอน

         งานนี้ บรรดาแพทย์ชาวอเมริกันก็เลยออกมาเตือนว่า ความร้อนที่ระบายออกมาบริเวณใต้โน๊ตบุ๊คนั้น ทำให้ผิวไหม้และหากติดนิสัยเล่นโน๊ตบุ๊คบนตักนาน ๆ ก็จะทำให้เป็นมะเร็งบริเวณหัวเข่าหรือต้นขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ ที่หลายคนชอบเอาโน๊ตบุ๊ควางบนตักซะเหลือเกิน เพราะมันทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นได้ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่ชอบวางโน๊ตบุ๊คไว้บนตักเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองเสียตั้งแต่บัดนี้ ขณะที่ทางด้านบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่างแอปเปิ้ล และเดลล์ ก็เคยเตือนผู้ใช้ว่าอย่าวางโน๊ตบุ๊คไว้บนตักเช่นกัน ทั้งนี้ ก็เพียงแค่อยากให้ผู้ใช้ได้ตระหนักถึงอันตรายระยะยาว ซึ่งอาจจะทำให้เกิดมะเร็งได้ใน
51  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / สิ่งที่ไม่ควรทำในขณะ มาวววว์!! เมื่อ: 28 กันยายน 2010, 10:11:07
1 พยายามทำงาน
อย่ามาแสดงความรับผิดชอบต่องาน เมื่อคุณกลับจากวงเหล้า แม้ว่าตอนนั้นยังไม่เที่ยงคืนก็ตาม แต่ฤทธิ์ความเมา มันทำอะไรก็ได้ แถมยังเป็นงานที่คุณรับผิดชอบ ส่งผลโดยตรงต่ออนาคตการทำงานคุณแน่ๆ  ยิ่งเป็นตอนตี 3 ตี 4 แล้วละก่อน รุ่งเช้าเจ้านายคุณต้องเรียกไปคุยด้วยแน่นนอน

2 สนทนากับสมาชิกในครอบครัว
เมื่อคุณกลับมาบ้านไนสภาพขาดสติ แล้วต้องมาเจอกับครอบครัวที่คอยยัดข้อมูลอะไรก็ไม่รู้ใส่เข้ามาในหัวคุณ คุณก็จะทำได้เพียงแค่ตอบ "อืมๆ" ตามน้ำไปก่อน แต่ตอนเช้าคุณอาจจะต้องตกใจกับสิ่งที่คุณรับปากไป ว่าจะทำนู้น ทำนี่ แถมอาจจะมีรายการไปธุระตอน 6 โมงเช้า ทั้งที่คุณเพิ่งจะได้นอนไปแค่ 3 ชั่วโมงเอง

3 เปลี่ยนรหัสผ่านของคุณ
เป็นสิ่ง ที่คนขาดสติไม่ควรทำเด็ดขาด ในสภาพเมาๆ การไปเปลี่ยน password เหมือนเป็นการบล็อคตัวเองชัดๆ ไม่ว่าจะเป็น อีเมล์ หรือ หนักสุดคือ เกี่ยวกับธนาคาร ดีไม่ดี password อันใหม่ของคุณอาจจะเป็น "dmol64d45gmdpflm" คงไม่มีใครในโลกจำได้แน่ ในสภาพเมาๆ

4 ใช้บัตรเครดิตของคุณ
นอกจากจะปวดหัวเพราะเมาแล้ว คุณอาจจะต้องปวดหัวเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ตอนเมาดันไปซื้อของทางอินเตอร์เนต โอนเงินไปให้ใครก็ไม่รู้ หรือ พยายามไปรูดซื้อของ แต่โดนพนักงานใส่ตัวเลขเกินเข้าไป งานนี้มีหมดตูดเพราะความเมา

5 อธิบายคนอื่นว่าคุณไม่เมา
เกือบ 100% คนเมามักจะพูดว่า "ไม่ได้ เมา ใครเมาฮะ" พร้อม กับอธิบายนู้นนี่เต็มไปหมด ว่าไม่ได้เมาอย่างนู้น อย่างนี่ เรียกคนู้นมาคุยที เรียกคนนั้นมาคุยที แต่สิ่งที่พูดคุยกลับหาใจความไม่ได้เลย นอกจากคุณจะไม่ได้หลุดพ้นจากข้อหา เมา แล้ว คุณเองยังกลายเป็นตัวตลกในวงเสียอีก

6 คุยกับเหล่าบรรดาเพื่อนเก่า แฟนเก่า
เพื่อนเก่า แฟนเก่า มันเหมือนว่าจะนึกได้ฉะเพราะตอนกำลังเมาซะด้วยสิ ไม่ รู้เป็นอะไร เมาได้ที่ทีไร อยากจะคุยกับคนที่ไม่ได้คุยกันมาเป็นเวลานาน แต่เพียงแค่ลืมไปว่าสติของคุณมีไม่พอที่จะพูดคุยให้รู้เรื่อง แถมอีกฝ่ายยังมีสติครบถ้วน จะเกิดความรำคาญมากกว่าที่จะรู้สึกยินดี

7 ส่งข้อความตลกๆ
ไม่ว่าจะเป็น sms, chat หรือไปนั่งโพสข้อความใน facebook คนส่งจะตลกอยู่ฝ่ายเดียว สนุกสนาน แต่ข้อความนั้นมันไม่ตลกกับคนรับเลย แถมพอคุณสติกลับมาเมื่อไหร่ ต้องมานั่งเครียกับเรื่องที่ทำไว้อีก

8 ถ่ายวิดีโอเก็บไว้
ความเมาทำให้อยากทำอะไรก็ได้ แถมมือถือสมัยนี้เก็บภาพวิดีโอได้ง่ายๆ สภาพเมาๆ โวยวาย แถมมีอ้วกโชว์แบบนั้น คนทั่วไปเค้าไม่อยากนั่งดูกันหรอก ด้วย ความคึกคะนอง มีเพียงคุณเท่านั้นแหละที่อยากดู ไม่ต้องทำเป็นแบ่งปัน ไปโพสลงเว็บในชาวโลกได้ดู ออกแนวไปหาเรื่องให้คนอื่นเค้าด่ามากกว่า

9 โหลดภาพโป๊ หนังโป๊
เข้าใจอยู่ ว่าบางทีว่าเมาแล้วต้องการ "ปลดปล่อย" แต่ แบบที่ไปนั่งเปิดเว็บโป๊ในตอนเมาเนี้ย คุณจะเจอกับเหล่าบรรดาไวรัสคอมพิวเตอร์ และพวกแฮกเกอร์ที่จ้องขโมยข้อมูลคุณอยู่ ด้วยสติแบบน้อยๆ เจออะไรก็คลิก เจออะไรก็กด ตื่นเช้ามาต้องตกใจกับกองทัพไวรัสเต็มเครื่องคุณอัดแน่นไปหมด
 
10 การเมือง, ศาสนา
โดยปกติเรื่องพวกนี้เค้าจะไม่คุยกันอยู่แล้ว แต่ทำไงได้ความเมาไม่เข้าใครออกใคร หยิบเรื่องการเมือง หรือ ศาสนา ขึ้นมาพูดกันในวงเหล้า นี้ไม่ใช่เวลาที่ดีแน่ๆ อยู่ดีๆจะมานั่งด่ารัฐบาล หรือ ฝ่ายค้าน เพราะด้วยฤทธิ์ความเมา มันจะทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น ไม่เชื่อลองดูข่าวหน้าหนึ่งสิ นั่งกินเหล้าด้วยกันอยู่ดีๆ แต่มาฆ่ากันเพราะเรื่องการเมือง

52  อื่นๆ / Cafe / มาดูหน้าตัวเองในอนาคตอีก 20 ปี เมื่อ: 27 กันยายน 2010, 20:29:25
http://www.in20years.com/

ลองดูครับ
เล่นหน้าตัวเองแล้วไม่กล้าเอามาโพสเลย แม่งไปไกลมาก น่ากลัวชิ๊บบบ…
53  พัฒนาเว็บไซต์ / วิจารณ์เว็บไซต์ / Re: ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ เมื่อ: 21 กันยายน 2010, 12:17:53

ทุกอย่างพร้อม เหลือแค่กลยุทธ์การตลาดเท่านั้น  wanwan016
54  อื่นๆ / Cafe / Re: ประเทศไทยจบแ้ล้วกับ 3G เกลียด CAT + TOT เมื่อ: 16 กันยายน 2010, 21:04:07

รู้ซะบ้างว่าประเทศนี้เป็นของใคร  5555
55  ความรู้ทั่วไป / Gooooooooooooogle / Re: เว็บไซต์นี้ติดไวรัสของ google นั้น google จำค่าจากอะไร? เมื่อ: 16 กันยายน 2010, 13:11:23
เรื่องไวรัสใครๆก็ยืนยันไม่ได้หลอกครับ คนที่ยืนยันและป้องกันคือตัวเราสะมากกว่า google เพียงแต่รายงานความผิดปกติที่พบเท่านั้น อาจมีที่ไม่พบอีกมากมาย ไวรัสมันรู้ว่าคนจ้องทำจับมัน คนเขียนก็พยามซ่อนไว้อย่างดี อันนี้ตอบให้ลำบากนะครับ เราเองต้องเป็นคนป้องกันให้ดีๆ ผมว่าทำได้เท่านี้แหละครับ

เว็บที่ติดไวรัส ส่วนใหญ่แล้วจะโดนเจาะเข้าระบบทาง FTP หลังจากนั้นจะมีการแซก code ไว้ที่หน้าต่างๆ เพื่อให้ผู้เปิดหน้านั้นๆดึงไวรัสเข้าเครื่อง ความผิดปกติดังกว่าวอาจไม่แสดงให้เรารู้ตัว ขึ้นอยู่กับเจ้าของสิ่งนั้นตองการอะไร ถ้าเข้ามาเพื่อหวังจะสไป เขาคงเข้ามาแบบเงียบๆ คนติดไม่รู้อะไร คล้ายๆกับที่เป็นข่าว ว่ามีการแฮกข้อมูลธนาคารที่เป็นข่าวเร็วๆ นี้ประมาณนั้น และมีอีกหลายๆประเดน ที่สไปแวร์พวกนี้ต้องการ

ทุึกวันนี้ไวรัสเริ่มต้นจากอินเตอร์เน็ตสะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป้นการเปิดเซ้บไซต์การดาวน์โหลดไฟล์ แปลกๆ เว็บไซต์ที่เป็นเว็บพวก แครก พวกแง๊ะ ที่เป็นของฝรั่ง พวกนี้เวลาเราไปหาซีเรียลอะไรสักอย่าง มักได้ของแถมกลับมาไม่รู้ตัว

ฝากๆไว้ให้ระวังกันด้วยนะครับ
+1 ขอบคุณมากครับ  ถ้าอย่างที่บอก เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่จะดีที่สุด จะได้ไม่มัวเสียเวลาหาโค๊ต ว่ามันแทรกตรงไหน
56  ความรู้ทั่วไป / Gooooooooooooogle / Re: เว็บไซต์นี้ติดไวรัสของ google นั้น google จำค่าจากอะไร? เมื่อ: 16 กันยายน 2010, 12:56:27
เอารูปแบบก่อนนะครับ

google จะมี bot ที่่ค่อยอัพเดจข้อความของเรา วิ่งไปตามลิงค์ต่างๆ แล้วเก็บข้อมูลของเราที่อัพเดจนะครับ

หาก bot ไปเจออะไรที่ผิดปกติ เช่นมีไฟล์สคิปที่ส่งไฟรัสพวกวอม หรือ สไปแวร์ หรืออื่นๆ ซึ้งอาจทำให้เครื่องเป็นอันรายได้ อันนี้ google จะทำการบ๊อคอันโนมัติ

กับอีกประเดน คือมีคนแจ้งไป

ถ้าจะให้ตอบตามคำถาม จริงๆแล้ว จำว่า เว้บท่านหรือจริงหรือไม่มีมากกว่า ไมไ่ด้จำจาก โดเมน

หากท่านเป็นแบบที่ว่า ท่านต้องทำการแก้ไข้เว็บของท่านเอาไวรัสออก (อาจมี code อะไรแอบใส่ในหน้าต่างๆ) หลังจากนั้นไม่ต้องทำอะไร เมื่อ bot เข้ามาใหม่ จะทำการอัพเดจข้อมูลชองเราเอง ว่าไม่มีไวรัสแล้ว

ผมเคยเห็นหลายๆท่านบอกว่าแจ้งไปตรง webmasters tools ได้ แต่ผมว่าอย่าไปยุ่งกับมันเลย เพราะผมเคยมีปัญหาเรื่องอื่นแจ้งไปเล่นๆ ม้ันดันเอาลงหลุมทรายสะงั้น หลังๆผมมีอะไรจะปรับเปลี่ยนเองแล้วรอให้มันอัพเดจเองสะมากกว่า

และถ้ามีการปรับเปลี่ยนแล้ว และทำการตรวจสอบในเว็บ xxx.stopbadware.org/home/reportsearch ในแต่ละหน้าแล้ว ไม่พบไวรัส คิดว่าเป็นตัวยืนยันได้หรือเปล่าว่าเว็บนั้นไม่ติดวัยรัสแล้ว ครับ
57  ความรู้ทั่วไป / Gooooooooooooogle / Re: เว็บไซต์นี้ติดไวรัสของ google นั้น google จำค่าจากอะไร? เมื่อ: 16 กันยายน 2010, 12:40:46
หมายถึงเวลาที่ค้นหาแล้ว google ขึ้นว่าเว็บนี้อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณหรือเปล่าครับ

ใช่ครับ

ตรงนี้เพียงอยากรู้ว่า ถ้าเว็บนั้นติดไวรัสอยู่ google จะจำค่าจากอะไร ระหว่าง Domain mane หรือ FTP Host name ครับ
58  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / คุณคือจุดอ่่อน...ดูแล้วจะแข็งหรืออ่อน? เรื่องของคุณ!! เมื่อ: 16 กันยายน 2010, 12:36:44
59  ความรู้ทั่วไป / Gooooooooooooogle / เว็บไซต์นี้ติดไวรัสของ google นั้น google จำค่าจากอะไร? เมื่อ: 16 กันยายน 2010, 12:31:58
google ใช้อะไรในการจำค่าว่าเว็บไซต์นี้ติดไวรัส ระหว่าง Domain Name หรือ FTP Hostname ครับ

รบกวนผู้รู้ช่วยไขข้อสงสัยด้วยครับ
60  < กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน) / สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) / 5 นิ้วมือคนเรา บอกอะไรได้บ้าง ? เมื่อ: 14 กันยายน 2010, 20:11:43




นิ้วมือทั้งหมดโดยรวม ๆ บอกถึงการใช้ความคิด หรือการตัดสินใจ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสมองและจิตใจ คนนิ้วสั้นตัดสินใจรวดเร็ว และโดยสันชาติญาณ ส่วนคนนิ้วยาวจะตัดสินใจช้า รอบคอบ ด้วยเหตุด้วยผล นิ้วเรียบรื่นปลายเรียวตัดสินใจรวดเร็ว ฉลาดเฉลียว แต่อาจขาดเหตุผลประกอบเพียงพอ ส่วนคนนิ้วเป็นข้อไม่เรียบรื่น ตัดสินใจช้ารอบคอบ ฉลาด มีเหตุผลประกอบอย่างเพียงพอ
 ข้อนิ้วโดยทั่วไปมี 3 ข้อ ก็มีความหมายไปตามข้อแต่ละข้อ  ข้อที่ 1 นับจากปลายนิ้วลงมา ข้้อที่ 2 คือกลางนิ้วพอดี ข้อที่ 3 คือข้อสุดท้ายติดกับฝ่ามือหรือโคนนิ้วก็เรียกได้ ข้อที่ 1 หรือข้อปลายหมายถึงการคิดและการตัดสินใจ ข้อกลางหมายถึงการกระทำ ข้อที่ 3 คือผลลัพธ์ หากข้อที่ 3 หรือโคนนิ้วมืออวบอ้วนและยาวกว่าข้ออื่น ๆ เจ้าของมือมักจะได้ผล หรือรับผลสำเร็จจากการกระทำได ๆ ก็ตามในเชิงปริมาณ เช่นลงทุนแล้วได้กำไรมากกว่า หรือเต็มบริบูรณ์กว่าคนที่มีนิ้วข้อนี้ผอมไม่สมบูรณ์ หรือสั้นกว่าข้ออื่น ๆ ลองสังเกตดูข้อนิ้วใครก็ตามที่ท่านรู้จัก หรือนิ้วตัวเองก็ได้คครับ ว่าผลลัพธ์ เป็นอย่้างไร



ช่องระหว่างนิ้วก็ให้ความหมายที่ละเลยไปไม่ได้ ช่องระหว่างหัวแม่มือกับนิ้วชี้ (ง่ามมือก็เรียกได้) ช่อง a คนปัญญาอ่อนจะกางออกได้น้อยมากไม่ถึง 45 องศา แม้แต่พยายามแงะหรือดึงแ้ล้วก็ตามเจ้าของมือไม่มีความสามารถกางมันออกได้ด้วยตัวเอง คนอื่นจับกางออกพอปล่อยมือก็กลับไปอยู่ในสภาพเดิมคือกางไม่ได้ คนปกติย่อมกางออกได้ไม่น้อยกว่า 45 - 90 องศา ง่ามมือที่กล่าวถึงเรียกได้อีกอย่างว่า "ช่องหวาดกลัว" หากกางได้น้อยกว่า 45 องศา เจ้าของมือเป็นคนขาดความกล้าที่จะคิด กล้าตัดสินใจ ไม่กล้ากระทำการใด ๆ ด้วยตัวเอง จะอยู่ในความหวาดหวั่น หวาดวิตกกับชีวิต และการงานอยู่เสมอ ขาดความเป็นผู้นำหรือการนำด้านความคิดหรือการกระทำ ช่องถัดมาคือ "ช่องสิ้นเปลือง-ช่อง b " จะสังเกตได้หากใครมีช่องระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลางห่างหรือนิ้วทั้งสองมองเห็นช่องว่างได้ จะมีนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือมีเรื่องให้ใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองไม่จบสิ้น หากมีเส้นวิ่งลงด้วยแล้วก็ยิ่งเหมือนซ้ำเติมสถานการณ์ ส่วนช่องระหว่างนิ้วกลางกับนิ้วนาง "ช่องผิดหวัง -ช่อง c " คือช่องแห่งความผิดหวัง กล่าวคือหากใครมีเนินอาทิตย์แฟบเป็นร่องลงในช่องนี้ หรือเส้นอาทิตย์วิ่งลงช่องนี้ ชีวิตมักมีแต่เรื่องผิดหวัง เรื่องความรัก เรื่องหน้าที่การงาน หรือเรื่องใด ๆ ก็ตามที่ทำให้รู้สึกผิดหวัง ไม่ประสบผลสำเร็จดังหวังอยู่เนืองนิจ เหลืออีก 1 ช่องอยู่ระหว่างนิ้วนางกับนิ้วก้อย"ช่องเสียหาย -ช่อง d " ช่อง d ไม่ดีเหมือนภาษาอังกฤษเลย ช่องนี้คือเสียหายเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง กิจการค้าขาย ชื่อเสียง ใครมีช่องนี้ห่าง หรือเส้นวิ่งลง ก็ระวังไว้นะครับ
จะดูอย่างไรว่าช่องนิ้วห่างหรือไม่ เพราะมือคนเราระหว่างนิ้วทำให้ห่าง หรือทำให้ติดก็ได้ จริง ๆ แล้วไม่่ใช่นะครับ ลองยกมือตั้งขึ้นตรงหน้าแล้วพยายามบีบหรือจีบมือทำให้นิ้วชิดกัน(ไม่ต้องใช้มือข้างหนึ่งข้างใดจับให้ชิด หรือมือคนอื่นก็ห้ามจับช่วยนะครับ) หากยังมองเห็นช่องว่างที่โคนนิ้วก็แสดงว่ามีช่องอยู่ หากมีไม่กี่ช่อง และช่องไม่ห่างก็เบาใจผลกระทบย่อมไม่มาก แต่ถ้ามีทุกนิ้ว และห่างอีกต่างหาก ส่วนใหญ่จะเป็นนักบวช นักปราชญ์ ไม่ิยุ่งหรือไม่สนใจเรื่องทำมาหากินก็จะไม่เป็นทุกข์ อีกวิธีหนึ่งที่ยืนยันว่านิ้วถี่หรือห่างคือลองกางนิ้วออกพยายามให้นิ้วห่างจากกันให้มากที่สุด สังเกตที่ช่องต่าง ๆ ตรงโคนนิ้ว หากมองช่องเป็นรูปตัววี V แสดงว่านิ้วตามธรรมชาติมีลักษณะช่องชิด (ไม่ห่าง) หรือนิ้วติดกัน แต่ถ้าเป็นรูปตัว U จะเป็นนิ้วที่มีช่องห่างตามธรรมชาติครับ
 มารู้จักนิ้วแต่ละนิ้วว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าของมืออย่างไร
 1.หัวแม่มือ (The Thumb)
จะสังเกตว่าไม่ได้เรียกว่านิ้ว แต่เป็นหัวของมือถือเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในมือ หากขาดหัวแม่มือไปแล้วเบื้องต้นเลยคือการหยิบจับหรือจะกระทำการใดด้วยมือจะไม่ถนัด หรือควบคุมทิศทางแทบไม่ได้ ในเชิงนามธรรม หัวแม่มือเปรียบเสมือนบิดา ผู้นำสูงสุด และรวมถึงตัวของเจ้าของมือเอง
 หัวแม่มือปกติเป็นอย่างไร สั้นดูอย่างไร ยาวดูอย่างไร ผมมีตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็น


หัวแม่มือยาวปกติยาวถึงประมาณกึ่งกลางข้อนิ้วชี้ข้อที่ 3 (ข้อล่างสุด) มีสติ มีเหตุผล เป็นผู้นำหรือผู้บังคับบัญชาที่ดีได้ หากตรงและแข็งไม่คดงอ เป็นคนยึดหลักการณ์ ไม่ยอมกระทำตามใครในสิ่งที่ตนเองเห็นว่าไม่ถูกต้อง หรือผิดหลักการณ์ แต่จะพยายามหาเหตุผลโน้มน้าวให้คนอื่นทำตามให้จงได้ ผิดกับคนที่มีหัวแม่มือยาวแต่อ่อนโค้งหรือเย้ไปข้างหลังมักจะเป็นคนประนีประนอมสูง ยอมโอนอ่อนผ่อนปรนแม้บางครั้งทั้งที่เห็นว่าไม่ถูกต้องมากนัก


หัวแม่มือยาว ยาวเกินข้อนิ้วข้อที่ 3 ของนิ้วชี้ แบบนี้เรียกว่าหัวชนฝา สู้ยิบตา ไม่ยินยอมในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ต้อง ยึดหลักการ ยึดเหตุผล และรวมทั้งยึดเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง เพราะมั่นใจในความรู้ความสามารถและความถูกต้องที่ตนเองมี แต่ถ้านิ้วอ่อนบ้าง (เช่นดังภาพนี้) ก็ยังดีกว่าเพราะมีการรับฟังคนอื่นและประนีประนอมพอควร อย่างไรก็ตามคนที่มีนิ้วหัวแม่มือยาวจะเป็นลักษณะที่ดีมากว่า เพราะเป็นผู้มี อุดมการณ์ในการทำงานและการต่อสู้ใด ๆ ก็ตาม มักจะเป็นผู้นำได้ดี มีเหตุมีผลในการกระทำการณ์ใด ๆ


หัวแม่มือสั้น ส่วนมากนิ้วอื่น ๆ ก็จะสั้นไปด้วยจึงจะถือว่าปกติ แต่ถ้าหัวแม่มือสั้นยาวไม่ถึงกึ่งกลางข้อนิ้วชี้ข้อที่ 3  มักจะมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ขี้โมโหหงุดหงิด ขาดเหตุผลรองรับ หากใครมีหัวแม่มือสั้นแล้วเส้นในมือ 3 เส้นหลักสั้นอีกด้วย โดยเฉพาะเส้นสมองสั้นด้วยแล้วให้ระวังในการคบหา คนนี้คนนี้พร้อมจะมีเรื่องกับใครก็ได้ และซ้ำ้ร้ายเป็นคนที่ไม่ยอมใครลงมือลงไม้ได้ทันที ขาดความยับยั้งชั่งใจ (ภาพที่นำมาประกอบเส้นในมือยาวปกติ คนนี้คบได้ครับไม่ต้องกลัวอันตราย)

2.นิ้วชี้ หรือนิ้วพฤหัส( The first or the jupiter finger)


(มือนี้นิ้วชี้ยาว) นิ้วชี้ยาวหรือสั้นวัดหรือเที่ยบอย่างไร นิ้วชี้ยาวถึงประมาณกึ่งกลางข้อนิ้วที่ 1 (ข้อบนสุด) ของนิ้วกลางถือว่ายาวปกติ แต่ถ้ายาวกว่าหรือสั้นกว่าก็มีความหมายไปอีกอย่าง มาทราบความสำคัญของนี้ชี้ก่อนนะครับ
 นิ้วชี้ยาว เป็นผู้แสวงหาความรู้เพื่อความสำเร็จ และมักจะเป็นผู้นำด้านความรู้ รักความยุติธรรม เป็นผู้มีความสำะเร็จก้าวหน้าและได้รับการยอมรับนับถืออย่างกว้างขวาง
 นิ้วชี้สั้น มักจะขาดหลักการณ์และเหตุผล ไม่อยู่กับร่องกับรอย ขาดความเชื่อถือในคำพูดและการกระทำ ไม่สามารถนำพาหรือชี้นำ ขาดความยุติธรรม เห็นแก่ตัว
 3.นิ้วกลาง หรือนิ้วเสาร์ (The Middle or Saturn Finger)
 เป็นเรื่องธรรมดาครับสำหรับคนที่ไม่ได้เรียนหรือสนใจเรื่องลายมือหรือการดูลักษณะมือจะไม่ได้สังเกตว่าระหว่างนิ้วกลางกับนิ้วชี้ นิ้วไหนยาวกว่ากัน ความจริงก็คือว่านิ้วไหนยาวกว่าก็ได้ แต่ไม่ใช่ในมือคนเดียวกัน บางคนนิ้วชี้ยาวกว่านิ้วนาง บาคนนิ้วนางยาวกว่านิ้วชี้ แต่ไม่เคยมีใครมีนิ้วชี้หรือนิ้วนางยาวกว่านิ้วกลาง แต่มีที่นิ้วชี้หรือนิ้วนางยาวเท่ากับนิ้วกลาง ถ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่านิ้วกลางของคนนั้นสั้นไปหรือไม่ มีความหมายว่าอย่างไร


ภาพที่ 1

ภาพที่ 2

 ภาพที่ 3
 1. นิ้วชี้ยาวกว่านิ้วนาง
 2. นิ้วนางยาวกว่านิ้วชี้
 3. นิ้วชี้ยาวกว่านิ้วนาง(เหมือนภาพที่ 1) แต่ทิศทางของนิ้วไม่ตรง คือมีการจากหรือชี้ออกจากนิ้วกลาง
 นำทั้งสามภาพมาเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างนี้วชี้กับนิ้วนางซึ่งล้อมรอบนิ้วกลาง
นิ้วกลางคือนิ้วเสาร์หรือนิ้วหลัก มีความสำคัญและสือถึงอาชีพการงาน การดำเนินชีวิต ความปลอดภัย ความเชื่อและการนับถือศาสนา ความมั่นคงของชีวิตซึ่งจะส่งอิทธิพลจากนิ้วรอบข้าง เช่นหากนิ้วนางยาวก็แสดงว่าจะได้รับความั่นคงจากการได้มาซึ่งชื่อเสียงเงินทอง และมีแนวโน้มว่าจะได้มาจากการทำธุรกิจ การค้าการขาย การลงทุน  แต่หากนิ้วชี้ยาวกว่านิ้วนาง ก็มักจะมีที่มาของรายได้จากการทำงานประจำจนมีชื่อเสียง ยศฐาบันดาศักดิ์ เงินทองหรือทรัพย์สินที่ได้ก็มักจะมา่จากองค์ประกอบเหล่านี้ รวมทั้งมีมาแต่ก่อนหรือมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ แต่อย่างไรก็ตามต้องดูเรื่องอื่น ๆ ประกอบกันอีกด้วย
 4.นิ้วนาง หรือนิ้วอาทิตย์(The Ring or Sun Finger)



นิ้วนางคือนิ้วที่แสดงถึง ความรัก ความสุข ความโด่งดังมีเชื่อเสียง หรือความสำคัญใด ๆ ที่จะทำให้เป็นที่รู้จักของคนอื่น เป็นนิ้วสำหรับสวมแหวนของคู่รักเพื่อแสดงสัญลักษณ์ของความรักที่มอบให้ระหว่างกัน นิ้วนางที่ยาวมักจะพบในมือผู้มีชื่อเสียงไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง รวมทั้งเป็นคนที่มีความมั่นคงด้วยทรัพย์สินเงินทอง มือที่แสดงนี้คือมือ

ท่านประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน บาร์รัค โอบาม่า
 5.นิ้วก้อย หรือนิ้วพุธ(The little or Mercury Finger)
 นิ้วก้อยหรือนิ้วพุธ เกี่ยวข้องกับการพูดจา การค้าการขาย คนที่จะพูดจาค้าขายได้เก่งต้องมีความจำดี คนที่มีความจำดีต้องเป็นคนสมองดี หัวไว มีไหวพริบดี ดังนั้นคนที่มีนิ้วก้อยยาวจึงเป็นคนที่ฉลาด ความจำดีเลิศ พูดจาเป็นหลักเป็นฐานน่าเชื่อถือ


นิ้วก้อยยาว คือยาวถึงข้อนิ้วบนสุดของนิ้วนาง เป็นคนความจำดี มีวาทศิลป์ในการพูด โน้มโน้วผู้คนได้ นักการเมือง นักโต้วาที หรือคนที่มีอาชีพเกี่ยวกับการพูดการแสดง มักจะมีนิ้วก้อยยาวเป็นพิเศษ


นิ้วก้อยสั้น คือยาวไม่ถึงข้อแรกของนิ้วนาง นิ้วก้อยสั้นมักจะเป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบจดจำอะไร หรือเลือกที่จะจำเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ขาดวาทะศิลป์หรือการใช้คำพูดโน้มน้าว อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ว่าตนเองมีจุดอ่อนเรื่องใด ก็ปรับปรุงแก้ไขในเรื่องนั้น ๆ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นได้
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 60