ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

  แสดงกระทู้
หน้า: [1] 2
1  พัฒนาเว็บไซต์ / Brand & Authority / Neuro Writing เขียนยังไง ให้ยอดขายเพิ่มขึ้น? เมื่อ: 08 มกราคม 2024, 10:36:51
เขียนคอนเทนต์ขายของอยู่ แต่ยอดไม่ปัง ฟังทางนี้เลย เรามีเทคนิคระดับโปรมานำเสนอ เรียกว่า Neuro Writing!!!

เทคนิคนี้ เป็นการเขียนโดยคำนึงถึงการทำงานของสมอง ทำให้คอนเทนต์น่าคลิก น่าสนใจ และยังช่วยให้คนอ่านอยากซื้อของของเรามากขึ้น

ใครสนใจ Neuro Writing เรามี 5 วิธีเขียนคอนเทนต์สไตล์นี้ มาแนะนำ ขอบอกว่าทำได้ไม่ยาก แถมช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง!

1. ใส่ตัวเลขในคอนเทนต์

สมองคนเรา เข้าใจตัวเลขได้เร็วกว่าข้อความ
ถ้าอยากให้คอนเทนต์น่าคลิก หรือเข้าใจง่าย ก็ต้องใส่ตัวเลขเข้าไป
เช่น แทนที่จะเขียนว่า “ใช้แล้ว เห็นผลในเวลาไม่นาน” ก็ควรเขียนเป็น “ใช้แล้ว เห็นผลใน 30 วินาที” หรืออะไรทำนองนี้

2. เขียนคอนเทนต์ให้สั้น

ความสนใจของคนเราสั้นลงเรื่อย ๆ (งานวิจัยบอกว่าเหลือแค่ 8 วินาที)
คอนเทนต์ ยาว ๆ เลยไม่ใช่ตัวเลือกที่เวิร์คสักเท่าไร
นอกจากนี้ คนเดี๋ยวนี้ยังอ่านคอนเทนต์ผ่านมือถือกันมาก
และพวกคอนเทนต์ยาว ๆ น่ะ พอดูในมือถือจะยิ่งยาวแถมต้องเลื่อนอ่านหลายรอบ
ทำให้บางคนไม่อยากอ่านจนจบ และไม่สนใจของที่ขาย

3. ย่อยข้อมูลเป็นข้อ ๆ

เมื่ออยากพูดถึงจุดขายของสินค้า ขอแนะนำว่าควรเล่าเป็นข้อสั้น ๆ
หรือ Bullet เพราะอ่านง่ายกว่าการเขียนบรรยายยาวยืด
ยิ่งกว่านั้น ในมุมของ Neuro Writing การเขียนแบบนี้ยังทำให้สมองไม่ต้องทำงานหนัก
ส่งผลให้คนอ่านเข้าใจคอนเทนต์ของเรามากขึ้น และอาจสนใจซื้อของที่เราขายมากกว่าเดิมด้วย

4. ใช้ภาษากระตุ้นอารมณ์

สมองเราเนี่ย มีส่วนที่เรียกว่าระบบลิมบิก (Limbic System) อยู่ เมื่ออ่านคอนเทนต์ที่กระตุ้นอารมณ์ (ไม่ว่าบวกหรือลบ)
ระบบลิมบิกจะทำงาน ส่งผลให้คนอ่านจดจำคอนเทนต์ได้ดี โฟกัสกับมันได้มากเป็นพิเศษ
แถมถ้าคอนเทนต์บอกให้ทำอะไร (เช่นบอกให้ซื้อของ) คนอ่านก็พร้อมจะทำตามด้วย

5. กระตุ้น Fear of Missing Out

Fear of Missing Out (FOMO) คือความกลัวที่จะพลาดอะไรดี ๆ อย่างเช่นของเซลล์หรือโปรโมชัน
ซึ่งในการขายของ การเขียนคอนเทนต์เพื่อกระตุ้น FOMO เป็นเทคนิคที่ได้ผลมากกว่าที่หลายคนคิด
Statista (บริษัทรวบรวมข้อมูลของเยอรมัน) รายงานว่า FOMO เป็นสาเหตุให้คน 53% ซื้อของแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง
ส่วน Shopkick (ผู้ให้บริการแอป E-commerce) บอกว่า FOMO ทำให้คน 42% จ่ายเงินซื้อของมากกว่าที่ตัวเองแพลนไว้
ดังนั้น เมื่อเขียนคอนเทนต์ขายของ อย่าลืมบอกคนอ่านว่า พวกเขาจะพลาดอะไรบ้างถ้าไม่ซื้อนะ

-----------------------------------

จบแล้วจ้า สำหรับเทคนิคการเขียนสไตล์ Neuro Writing เป็นยังไง? ง่ายกว่าที่คิดใช้มั้ยล่ะ?
และถ้าใครคุ้น ๆ ว่า Neuro Writing นี่เหมือนกับ Neuromarketing เลย ขอบอกเลยว่า
คิดถูกแล้วแหละ เพราะ Neuro Writing ก็คือ Neuromarketing ใน Scope ของงานเขียนนั่นเอง


อ่านเพิ่มเติม https://thetepco.com/blog/
2  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / Re: การทำ SEO 2024 ทุกเรื่องต้องรู้ เทรนด์ SEO ของปีหน้า เมื่อ: 19 ธันวาคม 2023, 09:30:49
ขอบคุณมากๆค่ะ ขอใช้เนื้อหานี้อ้างอิงในการเขียน content ต่อนนะคะ  wanwan017

รบกวนเครดิต Link เว็บด้วยนะครับผม
3  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / Google เปิดตัว AI Gemini ใช้งานได้แล้ว เจ๋งกว่า ChatGPT-4 หลายด้าน เมื่อ: 12 ธันวาคม 2023, 10:27:54
Google เปิดตัว Gemini โมเดล AI ตัวใหม่ ซึ่งใช้งานได้แล้ว และเจ๋งกว่า ChatGPT-4 เกือบทุกด้าน!

Gemini เป็นโมเดล AI (หรือเทคโนโลยี AI ที่พัฒนาขึ้นมาตอบโจทย์การทำงานที่ซับซ้อน)
แบบ Multimodal ซึ่งเข้าใจและประมวลผลข้อมูลหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน

นอกจากนั้น โมเดลนี้สามารถทำงานสร้างสรรค์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเพลงหรือแต่งกลอน
และยังทำงานยาก ๆ อย่างการเขียนโค้ดได้อีกด้วย

Google เคลมว่า Gemini เป็นโมเดลที่เจ๋งและฉลาดที่สุด ซึ่งดูเหมือนจะจริง เ
พราะจากผลการทดสอบระหว่าง Gemini และ ChatGPT-4 พบว่า Gemini เหนือกว่าคู่แข่งจาก OpenAI เกือบทุกด้าน

เบื้องต้น Gemini แบ่งเป็น 3 โมเดลย่อยตามความสามารถ คือ Gemini Nano, Gemini Pro และ Gemini Ultra

โดยตอนนี้ เราสามารถใช้ Gemini Nano ได้แล้ว ผ่านโทรศัพท์ Pixel 8 Pro ของ Google

ในขณะที่ Gemini Pro ถูกใส่เข้าไปใน Google Bard ทำให้ Bard มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
(ไม่เชื่อลองสั่งให้ Bard เขียนโค้ดดูสิ)

ส่วน Gemini Ultra ปัจจุบันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และคาดว่าจะเปิดให้ใช้งานในระดับองค์กรในปีหน้า

นอกจากนี้ Gemini ยังรองรับแค่ภาษาอังกฤษ และบางฟีเจอร์อาจจำกัดไปว่าต้องเป็น English US เท่านั้น

อ่านบทความเกี่ยวกับ AI ตัวอื่น ๆ ของ Google

Google Bard: https://thetepco.com/google-bard/

Google SGE: https://thetepco.com/google-search-generative-experience/
4  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / Re: UPDATE! Google SGE เปิดให้ใช้แล้ว ใครลองเล่นแล้วมั่งครับ เมื่อ: 04 ธันวาคม 2023, 12:27:44
ลองเล่นละครับ พวกนี้จะกระทบทราฟฟิกกเรามั้ยครับ

ในอนาคตคิดว่ามีผลแน่ครับ เพราะคนอาจจะอ่านข้อมูลจากเว็บน้อยลง
5  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / UPDATE! Google SGE เปิดให้ใช้แล้ว ใครลองเล่นแล้วมั่งครับ เมื่อ: 04 ธันวาคม 2023, 10:41:56
หวัดดีฮะ พอดีเห็นว่่า Search Generative Experience หรือ Google SGE เค้าเปิดตัวทดลองให้เล่นแล้ว

เลยอยากรู้ Feedback เพื่อน ๆ คับ ว่าเล่นแล้วเป็นไงกันบ้าง

ส่วนตัวเราว่ามันไม่ wow เท่าไร ดูให้ข้อมูลมาเยอะไป ชอบสั้น ๆ แบบ Featured Snippet มากกว่า



(ภาพนี้ Capture จากโทรศัพท์ผมครับ)

การใช้ตัวทดลอง ต้องกดตรงนี้ก่อนนะ



และหากไม่รู้ว่ามันคืออะไร สาย SEO ต้องแคร์รึเปล่า เราขออธิบายสั้น ๆ ว่า

เจ้า Search Generative Experience เป็นฟีเจอร์ AI ของ Google
ที่จะแสดงข้อมูลย่อ ๆ ของสิ่งที่เราอยากรู้เลย โดยเราไม่ต้องกดอ่านในเว็บ

สำหรับคนทำ SEO เราว่าถ้าเจ้าฟีเจอร์ AI ตัวนี้มันสมบูรณ์ขึ้นก็น่าจะมีผลกระทบไม่น้อย เพราะทำให้คนอยากเลื่อนดูเว็บไซต์น้อยลง

กล่าวคือทำให้การจัดอันดับ SEO มีความสำคัญน้อยลงนั่นเอง และยังเป็นไปได้อีกว่า

การทำ SEO ในอนาคต จะหนักไปที่การแข่งกันทำคอนเทนต์ให้ AI ดึงไปโชว์ หรือที่เรียกว่า Answer Engine Optimization (AE0) มากขึ้น

-----------------------------------

เพิ่มเติม: https://bit.ly/46ELvqF

บริการของเรา: https://bit.ly/3MrOnzX



6  พัฒนาเว็บไซต์ / Brand & Authority / ป๊อบคอร์น ยิ่งกินยิ่งจำชื่อแบรนด์ได้ยากขึ้น!? เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2023, 17:11:58
รู้รึเปล่า? การกินป๊อบคอร์น ทำให้เราจำชื่อแบรนด์ใหม่ ๆ ได้ยากขึ้น

เรื่องนี้ไม่ได้โม้นะ งานวิจัยจาก Journal of Consumer Psychology เค้าบอกไว้

เวลาได้ยินชื่อแบรนด์ใหม่ ๆ ปากเราจะพึมพำชื่อแบรนด์โดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้สมองจำชื่อแบรนด์ใหม่ได้อย่างแม่นยำ

และถ้าปากไม่ได้พึมพำ ก็อาจทำให้เราจดจำแบรนด์ใหม่ ๆ ได้ยากกว่าเดิม



จากการทดลองหนึ่ง ที่ให้คน 96 คนดูโฆษณาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มีคน 43 คนได้กินป๊อบคอร์นระหว่างดู ส่วนคนที่เหลือได้แค่น้ำตาลก้อน

หลังจากทำการทดลองจบไป 1 อาทิตย์ นักวิจัยได้เรียก 96 คนมาคุยถึงฟีดแบค

กลุ่มที่ได้กินน้ำตาลก้อน (ละลายได้ในปาก ไม่ขัดขวางการพึมพำชื่อแบรนด์) บอกว่าตัวเองจำแบรนด์ในโฆษณาได้ และยังสนใจแบรนด์บางแบรนด์ด้วย

ส่วนกลุ่มที่ได้กินป๊อบคอร์น (ต้องเคี้ยว ขัดขวางการพึมพำ) บอกว่าไม่สนใจ

ยังไม่พอ นักวิจัยได้ทำการทดลองอีกครั้ง แต่คราวนี้กับคน 188 คน

ในการทดลองนี้ นักวิจัยให้คนดูโฆษณาชวนทำบุญ แล้วให้ตังค์หลังดูโฆษณาจบ

ผลคือกลุ่มได้กินน้ำตาลก้อนเอาเงินนั้นไปทำบุญ ส่วนกลุ่มได้กินป๊อบคอร์นไม่ได้ทำแบบนั้น

นักวิจัยจึงสรุปว่า การเคี้ยวอาหาร (เช่น ป็อบคอร์น) ขัดขวางการพึมพำชื่อแบรนด์ ส่งผลให้สมองจดจำแบรนด์ใหม่ ๆ ได้ยากขึ้น
แถมยังทำให้มีความสนใจต่อแบรนด์หรือเนื้อหาในโฆษณาน้อยลงด้วย



การที่แบรนด์จะถูกจำได้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการพึมพำ แต่ยังรวมถึงองค์ประกอบอย่างชื่อ โลโก้ สโลแกน หรือโทนสีของแบรนด์ด้วย

และถ้าอยากสร้างแบรนด์ ให้โดดเด่น ก็ต้องเข้าใจหลัก Neuromarketing ด้วย

ถามว่ามันคืออะไร? Neuromarketing คือ เอาความเข้าใจเรื่องการทำงานของสมอง มาช่วยทำให้การตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยหลักการนี้ สามารถปรับใช้ได้กับหลายอย่าง ทั้งการเลือกสีโลโก้ การออกแบบเว็บไซต์ หรือแม้แต่การทำโฆษณาให้ดูน่าสนใจ


---------------------------------------------------------

อ่านเพิ่มเติม : https://thetepco.com/popcorn/

บทความอื่น ๆ : https://thetepco.com/blog/

7  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / Domain Authority (DA) รู้แล้วดันอันดับ SEO สูงขึ้นได้ เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2023, 16:41:52
Domain Authority หรือ DA คือค่าความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ซึ่งเป็นตัวเลข 1-100
และยิ่งเว็บไซต์มีค่านี้มากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสติดหน้าแรกมากขึ้นเท่านั้น

DA ถูกคิดค้นโดย Moz (ผู้ให้บริการเครื่องมือทำ SEO เจ้าหนึ่ง) เพื่อบอกว่าเว็บของเรามีโอกาสติด SEO อันดับดี ๆ รึเปล่า

โดยค่า DA คำนวณจากองค์ประกอบต่าง ๆ ของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น จำนวนและคุณภาพของ
Backlink คุณภาพของคอนเทนต์ รวมถึงชื่อและอายุของโดเมน

ถ้าเคยใช้ Ahrefs (เครื่องมือทำ SEO อีกตัว) มาก่อน จะเห็นว่า Ahrefs ไม่โชว์ Domain Authority แต่โชว์ Domain Rating (DR) ให้ดูแทน
โดย DR เป็นค่า 1-100 ที่ Ahrefs คิดขึ้นมา ใช้บอกถึงความแข็งแกร่ง (Strenght) ของเว็บไซต์จากการทำ Backlink

ทั้งนี้ นอกจาก Moz แล้ว ยังมีเครื่องมือมากมายที่บอกเราได้ว่าเว็บไซต์มีค่า DA สูงแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น
Website SEO Checker, Small SEO Tools, PrepostSEO หรือ DupliChecker

โดยเครื่องมือพวกนี้ใช้ไม่ยาก แค่ใส่ลิงก์เว็บเข้าไปแล้วกดใช้งาน เครื่องมือก็จะโชว์ค่า DA ให้ดูทันที

หากลองเล่นเครื่องมือข้างบนแล้ว และพบว่าค่า DA ของเว็บตัวเองต่ำก็ไม่ต้องเครียดไป
เพราะ Domain Authority สามารถเพิ่มได้ง่าย ๆ ด้วยการทำ Backlink, ทำ On-page SEO และลงคอนเทนต์สม่ำเสมอ

สำหรับเรา DA เป็นเรื่องสำคัญนะ แต่ก็ไม่ได้อยากเครียดไปกับมัน เพราะ DA (รวมถึง DR) ไม่ใช่สิ่งที่ Google ใช้จัดอันดับ SEO โดยตรง
แต่เป็นเพียงค่าที่ใช้ประเมินโอกาสติดอันดับ SEO ของเว็บไซต์เท่านั้น

และจากประสบการณ์ของเรา เราพบว่าบางเว็บก็ติด SEO หน้าแรกได้ แม้มีค่า DA เป็นเลขหลักเดียว



----------------------------------------

บทความอื่น ๆ : https://thetepco.com/blog/

บริการของเรา : https://thetepco.com/seo/





8  พัฒนาเว็บไซต์ / Brand & Authority / กาแฟ 3 ไซส์ ไปไหนก็เจอ เพราะอะไร? เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2023, 16:30:23



เวลาเข้าร้านกาแฟ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เรามักพบกาแฟ ขายอยู่ 3 ไซส์เสมอ นั่นคือ S, M และ L

เรื่องนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็น กลยุทธ์การตั้งราคา ที่เรียกว่า Decoy Effect หรือ กลยุทธ์การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา โดยการเพิ่มสินค้า (หรือตัวเลือก) เข้ามา
เพื่อทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจ จากสินค้าที่จะซื้อในตอนแรก ไปซื้อสินค้าแบบเดียวกันแต่ราคาแพงกว่า

อธิบายแบบนี้อาจจะงง เอาเป็นว่า ถ้ามีกาแฟ 2 ไซส์ แค่ S กับ L โดยทั้ง 2 ไซส์มีราคาที่ต่างกันอย่างชัดเจน คนส่วนมากจะเลือกซื้อแก้ว S เพราะราคาที่ถูกกว่า ประหยัดกว่า

ยังไงก็ตาม ถ้ามีกาแฟไซส์ M ซึ่งราคาใกล้เคียงกับ L เพิ่มเข้ามา คนก็มีแนวโน้มจะเลือกซื้อไซส์ L มากขึ้น เพราะเห็นว่าคุ้มค่ากว่า M (แม้จะยังแพงกว่า S เหมือนเดิม)

นี่คืออิทธิพลของกาแฟไซส์ M ซึ่งในที่นี้ทำหน้าที่เป็นตัวหลอก (Decoy) เพื่อทำให้คนอยากซื้อกาแฟไซส์ L นั่นเอง



อย่างที่ทราบกัน Decoy Effect เป็น กลยุทธ์ทางการตลาด ที่เราเห็นได้บ่อย ๆ ไม่ใช่แค่กับกาแฟ แต่กับสินค้าอีกหลายชนิด

อย่างในงานวัดในจังหวัดสมุทรปราการ มีแผงขายเม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว ซึ่งคนขายแบ่งเม็ดมะม่วงขายเป็น
ถุงไซส์ 300 กรัม (ราคา 100 บาท), 700 กรัม (200 บาท) กรัม และ 1,000 กรัม (260 บาท)

จะเห็นว่า หากเปรียบเทียบราคากับปริมาณ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ถุง 1,000 กรัมนั้นคุ้มค่าที่สุด
แต่ถ้าคนขายขายแค่ไซส์ 300 กรัมกับ 1,000 กรัม คนอาจจะเลือกซื้อ 300 กรัมมากกว่า เนื่องจากราคาถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ยังไงก็ตาม เมื่อขายเม็ดมะม่วง 700 กรัมร่วมด้วย เม็ดมะม่วง 1,000 กรัมจากที่เป็นของแพง
กลับดูคุ้มค่ายิ่งกว่าเดิมมาก ทำให้น่าซื้อกลับบ้านโดยไม่คิดว่าแพงนั่นเอง

---------------------------------------------------------------

อ่านเพิ่มเติม : https://thetepco.com/decoy-effect/

บทความอื่น ๆ : https://thetepco.com/blog/


9  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / ทบทวนตัวเอง แต่ละคำ แปลว่าอะไร เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2023, 15:34:40



ศัพท์พื้นฐานต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ธุรกิจ “ต้องรู้” หากอยากทำ SEO เป็น และทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. Keyword
หมายถึง คำที่คนพิมพ์ลงใน Google เพื่อหาข้อมูลในเรื่องที่อยากรู้ ซึ่งเป็นคำว่าอะไรก็ได้ และจะยาวแค่ไหนก็ได้

2. SERP
ย่อมาจาก Search Engine Results Page (SERP) คือ หน้าแสดงผลการค้นหาของ Google

3. Title Tag
Title Tag หรือ Page Title คือ ชื่อของหน้าเว็บไซต์ ซึ่งในหน้า SERP จะแสดงผลอยู่ใต้ลิงก์ของเว็บไซต์
ในการทำ SEO เราต้องแทรก Keyword ใน Title Tag เพื่อบอก Google ว่าหน้าเว็บมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
นอกจากนี้ การเขียน Title Tag ให้น่าสนใจ ยังช่วยกระตุ้นให้คนอยากคลิกเข้าสู่เว็บไซต์อีกด้วย

4. Meta Description
Meta Description หรือ Meta Tag คือ คำอธิบายย่อ ๆ ของเว็บไซต์แต่ละหน้า อยู่ข้างใต้ Title Tag
หากเขียนออกมาได้กระชับและไม่ยาวจนเกินไป Meta Description จะช่วยให้ผู้ใช้งาน Google
เข้าใจว่าหน้าเว็บของเราพูดเรื่องอะไร ตรงกับสิ่งที่พวกเขาอยากรู้หรือเปล่า

5. Traffic
Traffic คือ จำนวนคนที่เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งอาจเข้าผ่าน Keyword, ชื่อเว็บไซต์ หรือผ่านโฆษณาตามแพลตฟอร์มออนไลน์ก็ได้
ยิ่งมี Traffic มากเท่าไร ก็ยิ่งแสดงว่าเว็บไซต์มีคุณภาพ และมีโอกาสติด SEO สูง ๆ

6. Page Speed
Page Speed คือ ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ มีหน่วยเป็นวินาที
และเว็บไซต์ที่โหลดเร็ว มีโอกาสติดอันดับ SEO ที่สูงกว่าเว็บที่โหลดช้า

7. Index
Index คือ การเก็บข้อมูลของ Google เข้าไปในฐานข้อมูลเว็บไซต์ เพื่อให้คนทั่วไปสามารถเสิร์ชเจอได้
โดย Google Bot จะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลของเว็บไซต์ เช่น URL ของหน้าเว็บ เนื้อหาของหน้าเว็บ รูปภาพ และวิดีโอ
จากนั้นจะส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังฐานข้อมูลของ Google เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้

8. DA
DA หรือ Domain Authority คือ ค่าความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ซึ่งแสดงผลเป็นตัวเลข 1-100 และสามารถดูได้จากเครื่องมือทำ SEO เช่น MOZ
DA สามารถบอกได้คร่าว ๆ ว่าเว็บของเรามีโอกาสติดอันดับ SEO สูง ๆ มากน้อยแค่ไหน

9. Backlink
Backlink หมายถึง ลิงก์จากเว็บอื่น ที่ย้อนกลับมาหาเว็บไซต์ของเรา
ในการทำ SEO, Backlink เป็นปัจจัยที่สำคัญที่ส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของ Google
เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยบอกว่าเว็บไซต์ของเรา มีความน่าเชื่อถือและมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน

ท้ายสุด

10. Internal Link
ลิงก์ภายในเว็บไซต์ ซึ่งเชื่อมโยงหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
Internal Link ช่วยทำให้ Google เข้าใจโครงสร้างและความสัมพันธ์ของหน้าต่างๆ ในเว็บไซต์
ซึ่งส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO ด้วย

------------------------------------------------

อ่านเพิ่มเติม: https://thetepco.com/seo-glossary/

บทความอื่น ๆ : https://thetepco.com/blog/

ทำ SEO : https://thetepco.com/seo/
















10  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / การทำ SEO 2024 ทุกเรื่องต้องรู้ เทรนด์ SEO ของปีหน้า เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2023, 17:23:03
ปี 2024 กำลังใกล้เข้ามา และหลายคนคงเริ่มอยากรู้เกี่ยวกับ การทำ SEO 2024 กันบ้างแล้ว

ซึ่งจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ดูเหมือนว่า เทรนด์ SEO ของปีหน้าจะต่างจากของปีนี้ไม่มากเท่าไหร่
กล่าวคือ เรื่องที่สำคัญจะยังสำคัญเหมือนเดิม ส่วนอะไรที่สมควรทำก็ต้องทำกันต่อไป



1. AI

เรื่องนี้ คิดว่าหลายคนคงพอเดาได้อยู่แล้ว เพราะ AI เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในปี 2023
และในปี 2024 AI ก็น่าจะมีบทบาทมากขึ้นกับ การทำ SEO ในแง่มุมต่อไปนี้

การทำความเข้าใจ Search Intent
การสร้าง Personalized User Experience
ตรวจจับ Spam
การทำ Link Building

ยังไม่พอ ในอนาคต Google ยังมีแพลนจะปล่อยฟีเจอร์ AI อย่าง Search Generative Experience (SGE) ให้ทุกคนใช้งานกันด้วย

------------------------------------------

2. Voice Search

SEO 2024 จึงต้องโฟกัสกับ Voice Search มากขึ้นด้วย การทำ SEO โดยใช้ Keyword ที่เป็นคำถาม หรือ Keyword ที่ใกล้เคียงกับประโยคที่คนนิยมเสิร์ชด้วยเสียงในชีวิตจริง

------------------------------------------

3. User Experience

ในปี 2024 คาดว่า User Experience จะยังคงมีความสำคัญต่อการดันลำดับเว็บไซต์ต่อไป และที่คุณต้องทำ (หรือถ้ากำลังทำอยู่แล้วจะดีมาก)
คือการทำให้เว็บไซต์​โหลดเร็ว ใช้งานง่าย และเป็นมิตรกับผู้ใช้งานบนมือถือ (Mobile Friendly)

------------------------------------------

4. Topical Authority

Topical Authority (หรือความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งของเว็บไซต์) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ Google ใช้จัดอันดับ SEO ของเว็บแต่ละเว็บ

โดยการเพิ่ม Topical Authority ของเว็บไซต์ สามารถทำได้หลายวิธี เช่น เขียนคอนเทนต์ EEAT, ใส่ Source ข้อมูลในคอนเทนต์,
เผยแพร่คอนเทนต์เป็นประจำ, โปรโมต Content ของตนเองบนโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์อื่น ๆ, ทำ Backlink จากเว็บที่มีค่า Domain Authority หรือ DA สูง

------------------------------------------

และเหล่านี้ ก็คือเทรนด์การทำ SEO ที่คาดว่าจะบูมในปีหน้า และถ้าอยากอ่านเพิ่มเติม ละเอียดกว่าเดิม ดีเทลมากขึ้น
ก็สามารถอ่านได้จาก https://thetepco.com/seo-trends-2024/



11  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / Long Tail Keyword กลยุทธ์สำคัญ ทำ SEO วันนี้และในอนาคต เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2023, 10:22:01
Long Tail Keyword คือ คีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจงสูง มักประกอบด้วยคีย์เวิร์ดหลัก (หรือคีย์เวิร์ดกว้างๆ) กับคำอื่นๆ
เช่น สถานที่ คุณสมบัติ เงื่อนไข หรือช่วงเวลา เป็นต้น ซึ่งทำให้การค้นหามีความชัดเจนยิ่งขึ้น
ผู้ค้นหามีโอกาสเจอสิ่งที่ต้องการได้ง่ายกว่าการใช้คีย์เวิร์ดกว้างๆ นั่นเอง



ส่วนตัวอย่างของ Long Tail Keyword เช่น

- รองเท้าผ้าใบสีขาวผู้ชาย
- ร้านอาหารญี่ปุ่นย่านพระราม 9
- เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ราคาประหยัด
- วิธี ทำขนมเค้ก ง่ายๆ

ทำไมต้องใช้ Long Tail Keyword

มาถึงคำถามสุดคลาสิกกันแล้ว คือทำไมต้องใช้ Long Tail Keyword ทำ SEO ซึ่งคำตอบนั้นมีหลายข้อ ตามนี้

1 ) คู่แข่งน้อย

โดยทั่วไปแล้วคนนิยมใช้ Short Tail Keyword ในการทำ SEO เนื่องจากมีปริมาณการค้นหาสูง ทำให้มีโอกาสที่เว็บไซต์จะถูกพบเจอได้ง่ายกว่า
อย่างไรก็ตาม Short Tail Keyword ก็มีคู่แข่งค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงยากที่จะติดอันดับ SEO สูงๆ ได้

ในทางกลับกัน Long Tail Keyword มักมีปริมาณการค้นหาไม่สูงมากนัก แต่มีคู่แข่งน้อยลง ทำให้มีโอกาสติดอันดับ SEO สูงๆ ได้ง่ายกว่า
นอกจากนี้ Long Tail Keyword ยังมีความเฉพาะเจาะจงสูง ทำให้มีโอกาสที่ลูกค้าจะค้นเจอเว็บไซต์ได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น

2 ) มี Conversion สูง

ผู้ที่เสิร์ช Google ด้วยคีย์เวิร์ดแบบยาว มักมีความสนใจในสินค้าหรือบริการบางอย่างอยู่แล้ว เนื่องจากคีย์เวิร์ดแบบยาวมักมีความเฉพาะเจาะจงสูง
ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา ทำให้ผู้ค้นหามีโอกาสเจอสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ง่ายกว่า

เมื่อผู้ค้นหาเจอสิ่งที่พวกเขาต้องการแล้ว ก็มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อได้ง่าย เนื่องจากพวกเขามีความตั้งใจที่จะซื้อสินค้าหรือบริการนั้นอยู่แล้วอยู่แล้วนั่นเอง

3 ) ตอบโจทย์การทำ SEO ในอนาคต

ในอนาคต Google มีแพลนจะเปิด Search Generative Experience หรือ SGE ให้ทุกคนใช้งาน ซึ่ง SGE จะเป็น AI ที่จะช่วยให้การค้นหาง่ายขึ้น
โดยแทนที่จะต้องกดอ่านข้อมูลจากเว็บไซต์ AI จะไปรวบรวมข้อมูลจากเว็บต่าง ๆ มาสรุปให้เราอ่านในหน้าแสดงผลการค้นหา พร้อมกับให้เครดิตว่าเอาข้อมูลมาจากเว็บไหนบ้าง

การมาถึงของ SGE อาจส่งผลกระทบต่อการทำ SEO เนื่องจากจะทำให้จำนวนคนที่คลิกดูข้อมูลจากเว็บไซต์ลดลง ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ที่แบรนด์ได้จากเว็บของตัวเองด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีแนวทางที่จะช่วยให้แบรนด์รับมือกับ SGE ได้ โดยหนึ่งในแนวทางนั้นคือการแทรก Long Tail Keyword เข้าไปในเว็บไซต์
เนื่องจาก Long Tail Keyword มีความเฉพาะเจาะจงสูง ทำให้มีโอกาสที่ SGE จะดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณไปสรุปให้ผู้ใช้งาน Google อ่านได้

นอกจากนี้ หากข้อมูลที่ SGE สรุปให้ยังไม่ตรงใจ ผู้ใช้งาน Google จะเลือกหาข้อมูลจากเว็บไซต์แทน ซึ่งเว็บที่แทรก Long Tail Keyword ไว้
มีแนวโน้มจะตอบโจทย์ผู้ใช้งาน Google มากกว่า และทำให้พวกเขาสนใจคลิกอ่านมากกว่าด้วย

...

ขอบคุณที่สนใจบทความของเรา

...

บทความอื่น ๆ https://thetepco.com/?s=SEO
บริการ: https://thetepco.com/seo/

12  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / แจกเครื่องมือทำ SEO ลองใช้แล้วดีย์ แถมฟรีซะด้วยยยยย เมื่อ: 31 ตุลาคม 2023, 14:11:39
จากที่ลอง ๆ ใช้มา SEO Tools 5 ตัวนี้ เข้าท่าครับ ใช้งานง่าย
อุดช่องโหว่การทำ SEO ได้หลายจุดดี ตั้งแต่คีย์เวิร์ด คุณภาพเว็บไซต์ ไปจนถึงความเร็ว



แต่บอกไว้ก่อน Tools พวกนี้ไม่ใช่ของใหม่ใสกิ๊กนะ เป็นของเดิม ๆ
สำหรับหลายคนนั่นแหละจ้า (แต่ถ้ายังไม่เคยเล่น ก็อยากให้เล่นกันนะ)

1 ) Ahrefs (ตัวฟรี)

Ahrefs ตัวธรรมดาคิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักดีอยู่แล้ว แต่ที่เราพูดถึงคือ ตัวฟรี ซึ่งก็ไม่ขี้เหร่เลย ส่วนฟังก์ชันที่อยากแนะนำ ก็อย่างเช่น

Free Keyword Generator
Backlink Checker
Website Traffic Checker
Keyword Rank Checker


และนอกจากฟีเจอร์พวกนี้ Ahrefs ก็มี AI Writing Tools เป็น AI ช่วยเขียนคอนเทนต์ SEO ให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นด้วย

----------------------------------------------------------

2 ) Moz (ตัวฟรี)

Moz เป็น SEO Tools ซึ่งมีทั้งแบบฟรีและไม่ฟรี โดยฟีเจอร์แนะนำสำหรับ Moz แบบฟรี ก็อย่างเช่น

Domain Analysis
Keyword Explorer
Competitive Research
Link Explorer


นอกจากนี้ Moz ยังแตกต่างจากเครื่องมือ SEO อื่น ๆ เนื่องจากมี Extension ชื่อ MozBar ไว้ใช้งานกับ Browser
โดย Extension นี้จะแสดงข้อมูลของเว็บไซต์ต่าง ๆ ทันทีเมื่อกดเข้าไป
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์เว็บไซต์เพื่อพัฒนาอันดับ SEO ของเว็บตัวเอง

----------------------------------------------------------

3 ) SEOquake

SEOquake เป็นเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์แบบเต็มรูปแบบที่ติดตั้งเป็นส่วนเสริมในเบราว์เซอร์
โดยหลังจากติดตั้งแล้ว คุณสามารถใช้ SEOquake ดูข้อมูลเหล่านี้ของเว็บที่กำลังเข้าอยู่ได้:

ความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด (Keyword Density)
รายละเอียดเกี่ยวกับหน้าเว็บ เช่น Title, Meta Description
Internal Link
External Link
Server ที่ใช้อยู่ของเว็บไซต์
จำนวน Backlink ที่เว็บไซต์ได้รับ


นอกจากนี้ SEOquake ยังมีฟีเจอร์ “Diagnosis” ที่จะทำ SEO Audit เว็บไซต์และบอกรายละเอียดที่เว็บไซต์ต้องปรับปรุง
เพื่อให้มีโอกาสติด SEO ในอันดับที่สูงขึ้น



สำหรับข้อมูลฉบับเต็ม รวมถึงรายละเอียดของ Tools ที่เหลืออีก 2 ตัว
สามารถหาอ่านได้จาก https://bit.ly/47d1pJG

และถ้าสนใจเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับ SEO ก็สามารถอ่านได้ทาง
https://thetepco.com/?s=SEO





13  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / Re: เราสามารถทำแบล็คลิ้งที่พันทิปได้ไหมครับ เมื่อ: 30 ตุลาคม 2023, 13:25:31
ได้ครับ ผมทำอยู่...

https://pantip.com/topic/42286658

14  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / SEO + Voice Search ทำยังไง เสิร์ชด้วยเสียง แล้วเจอเว็บเรา ? เมื่อ: 30 ตุลาคม 2023, 12:12:26
ทำ SEO สำหรับ Voice Search ทำยังไง



1. ใช้ Long Tail Keyword
การค้นหาด้วยเสียงจะเสิร์ชด้วยคีย์เวิร์ดยาว ๆ หรือ Long Tail Keyword รวมถึงคีย์เวิร์ดที่เป็นคำถาม
เนื่องจากผู้ใช้มักจะใช้เสียงเพื่อค้นหาข้อมูลเฉพาะเจาะจงมากกว่าการค้นหาข้อมูลทั่วไป
ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้อาจพูดว่า "วิธีทำอาหารต้มยำกุ้ง" แทนที่จะพูดว่า "อาหารไทย" หรือ "วิธีทำอาหาร"

2. ทำ Local SEO
Voice Search เป็นรูปแบบการค้นหาที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่อุปกรณ์เคลื่อนที่กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น
ผู้ใช้จึงนิยมใช้เสียงเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจท้องถิ่นหรือร้านของกินในระแวกใกล้เคียงมากขึ้นด้วย
ด้วยเหตุนี้ การทำ Local SEO จึงมีความสำคัญสำหรับธุรกิจท้องถิ่นที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ

3. พัฒนาเว็บไซต์ให้ Mobile Friendly
การพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้มือถือ (Mobile Friendly) มีความสำคัญมาก
เพราะสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้ฟีเจอร์ Voice Search
และยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ Google ใช้พิจารณาอันดับ SEO ของเว็บไซต์ด้วย



อ่านเพิ่มเติม: https://thetepco.com/?s=SEO

15  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / Re: เดี๋ยวนี้มีคนรับทำ Seo แบบรับประกันอันดับไหมครับ เมื่อ: 30 ตุลาคม 2023, 11:30:52
ทางเรารับครับผม

รายละเอียดกับเบอร์ติดต่อ

https://thetepco.com/contact-us/
16  ความรู้ทั่วไป / Internet Marketing / 5 เทคนิค ทำ SEO อย่างง่าย ไม่ใช่เซียนก็ "ทำได้" นะจ๊ะ เมื่อ: 26 ตุลาคม 2023, 17:19:40
สั้น ๆ ครับ อันนี้เป็นวิธีทำ SEO แบบง่ายสุด เบสิคสุด ไม่ต้องเป็นเซียน เป็น SEO Specialist ก็ได้



1. เขียนคอนเทนต์แบบเน้นเนื้อ ไม่เน้นน้ำ

การเขียนบทความหรือคอนเทนต์ เพื่อการทำ SEO นั้นควรเน้นที่เนื้อความเป็นหลัก ไม่ควรเกริ่นนำหรือเล่าเรื่องมากจนเกินไป
เพราะเป้าหมายของเสิร์ชเอนจิ้นอย่าง Google คือ ต้องการให้ผู้คนได้รับคำตอบที่รวดเร็วที่สุด

ดังนั้น ผู้เขียนจึงควรมุ่งเน้นไปที่การตอบคำถามหรือประเด็นที่ต้องการให้ผู้อ่านทราบให้เร็วที่สุด

2. ทำ Topic Cluster

Topic Cluster คือการจัดระเบียบคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกันเป็นกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะประกอบด้วยหัวข้อหลักและหัวข้อย่อยที่เชื่อมโยงกัน

โดยการคอนเทนต์ที่เป็นระบบจะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น และส่งผลให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับ SEO มากกว่าเดิมด้วย

3. ปรับปรุงคอนเทนต์

การปรับปรุงเนื้อหาคอนเทนต์ให้สดใหม่และมีความถูกต้องอยู่เสมอ จะช่วยให้เว็บไซต์มีเนื้อหาที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน
ซึ่งจะช่วยดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์และเพิ่มโอกาสในการแชร์เนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย

นอกจากนี้ การปรับปรุงเนื้อหาคอนเทนต์ยังช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติด SEO อันดับที่สูงขึ้น
เนื่องจาก Google พิจารณาความสดใหม่และความถูกต้องของเนื้อหา ในฐานะปัจจัยในการจัดอันดับเว็บไซต์

4. ผูกลิงก์เชื่อมโยงแต่ละหน้า

การผูกลิงก์เชื่อมโยงเนื้อหาในแต่ละหน้า หรือที่เรียกว่า Link Buidling ทำให้ Google เห็นความเกี่ยวข้องระหว่าง Content ในเว็บไซต์
และยังช่วยให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไรและมีโครงสร้างเป็นแบบไหน ซึ่งมีส่วนช่วยให้อันดับ SEO สูงขึ้นได้

5. ใช้ภาพที่หลากหลาย

รูปภาพต่าง ๆ ช่วยดึงดูดสายตาผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ และทำให้พวกเขาอยากใช้เวลาอยู่ในเว็บนานขึ้น มีแนวโน้มการปิดหรือออกจากเว็บน้อยลง

อย่างไรก็ตาม เพียงภาพนิ่งอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ดังนั้น การเพิ่มภาพเคลื่อนไหว วีดีโอ หรือไฟล์ GIFs ลงไปในเว็บไซต์ด้วยจึงเป็นเรื่องจำเป็น



อ่านเพิ่มเติม: https://thetepco.com/seo-guide/

บทความอื่น ๆ เกี่ยวกับ SEO: https://thetepco.com/?s=SEO














17  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / Technical SEO กับ 5 เทคนิคที่คุณ "ต้องทำ" เท่านั้น เมื่อ: 26 ตุลาคม 2023, 13:58:55
Technical SEO นั้นมีหลายระดับ ระดับเริ่มต้นนั้น เป็นเรื่องที่คนทั่วไป สามารถทำได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ตัวเอง
โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักพัฒนาเว็บไซต์หรือผู้เชี่ยวชาญเรื่อง SEO ก็ได้ ตัวอย่างการทำ SEO ในเชิงเทคนิค ในระดับเริ่มต้น ได้แก่


1. ส่ง Google Search Console

ปกติแล้วหลังหน้าเว็บเสร็จสมบูรณ์ คุณต้องเปิด Index และรอสักพักให้ Google ส่ง Bot เข้าสู่เว็บไซต์เพื่อเก็บข้อมูลและจัดอันดับ ซึ่งอาจใช้เวลานานหลายวันหรือหลายสัปดาห์
ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ขนาดของเว็บไซต์ จำนวนหน้าเว็บ และปริมาณเนื้อหาใหม่

อย่างไรก็ตาม กระบวนที่สามารถเร่งให้ไวขึ้นได้ ด้วยการส่งลิงก์เว็บที่เพิ่งอัปเดตใหม่ทาง Google Search Console

2. เขียนคอนเทนต์ไม่ให้ซ้ำกัน

คอนเทนต์ในเว็บไซต์ อาจมีส่วนคล้ายหรือเหมือนกับอีกเพจหรืออีกเว็บได้ แต่ถ้าเหมือนกันมากเกินไป หรือเป็นการ Copy กันมา จะเรียกว่าเป็น Duplicate Content
โดย Duplicate Content จะทำให้ Google สับสนว่าหน้าเว็บไหนมีเนื้อหาที่ถูกต้องหรือน่าเชื่อถือที่สุด และผลสุดท้ายจะทำให้หน้าเว็บมีอันดับ SEO ที่ต่ำลง หรือไม่ถูกจัดอันดับเลย

สำหรับคนที่อยากรู้ว่าคอนเทนต์ในเว็บตัวเอง ไปเหมือนหน้าเว็บอื่นหรือไม่ สามารถเช็คได้ทาง https://www.duplichecker.com/

3. ปรับปรุงเว็บไซต์ให้โหลดเร็ว

Google ต้องการให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีในการค้นหาข้อมูล ดังนั้น Google จึงพิจารณาความเร็วในการโหลดหน้าเว็บเป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดอันดับผลการค้นหา
โดยหน้าเว็บที่โหลดเร็วจะได้รับการจัดอันดับที่สูงกว่าหน้าเว็บที่โหลดช้า

คุณสามารถเช็คได้ว่า เว็บไซต์ของตัวเองโหลดเร็วตามเกณฑ์ของ Google หรือไม่ ผ่าน https://pagespeed.web.dev/

4. ทำ URL ที่เป็นมิตรต่อการทำ SEO

URL หรือ ลิงก์ของเว็บไซต์ ซึ่งเป็นมิตรต่อการทำ SEO จะช่วยให้ Google รู้ว่าหน้าเว็บของคุณเกี่ยวข้องกับอะไร มีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน และมีโครงสร้างอย่างไร

โดยลักษณะของ URL ที่เป็นมิตรต่อ SEO มีดังนี้

เป็นภาษาอังกฤษที่อ่านรู้เรื่อง URL ควรเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านรู้เรื่อง เพื่อให้ Google Bot สามารถเข้าใจและจัดอันดับหน้าเว็บของคุณได้อย่างถูกต้อง
สั้น กระชับ URL ควรสั้น กระชับ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและแชร์
เห็นแล้วอยากกดเข้าไปอ่าน URL ควรดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งาน เพื่อให้พวกเขาคลิกเข้าไปอ่านเนื้อหา
มีคีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญของหน้านั้น URL ควรมีคีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญของหน้านั้น เพื่อให้ Google Bot สามารถเข้าใจว่าหน้าเว็บของคุณเกี่ยวข้องกับอะไร
ใช้ – คั่นระหว่างคำ เพื่อแยกแต่ละคำออกจากกัน
ไม่ใส่เดือนหรือวันที่ URL ควรไม่ใส่เดือนหรือวันที่ เพื่อให้ Google Bot สามารถจัดอันดับหน้าเว็บของคุณได้อย่างสม่ำเสมอ

5. แก้ไขหน้าลิงค์ที่เสีย

ลิงก์ที่เสีย (Broken link) นั้นส่งผลต่อคะแนน SEO เป็นอย่างมาก เนื่องจากปัญหาแบบนี้ จะทำให้ Bot ส่งสัญญาณแง่ลบไปยัง Google ทำให้อันดับ SEO ของหน้าเว็บแย่ลง

สำหรับใครที่เจอลิงก์เสีย เบื้องต้น สามารถแก้ไขได้ด้วยการลบลิงก์ออกแล้วผูกลิงก์ใหม่ที่ถูกต้อง


อ่านเพิ่มเติม: https://bit.ly/3QyjpZe

บทความอื่น ๆ เกี่ยวกับ การทำ SEO : https://thetepco.com/?s=SEO







18  ความรู้ทั่วไป / Internet Marketing / Facebook Ads Objective 6 รูปแบบ มีอะไรบ้าง ใช้ตอนไหน เมื่อ: 19 ตุลาคม 2023, 13:46:08
วัตถุประสงค์ของโฆษณา Facebook (Facebook Ads Objective) เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนเริ่มยิงโฆษณา
เนื่องจากวัตถุประสงค์จะกำหนดแนวทางในการสร้างและปรับแต่งโฆษณาของคุณให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ

ในปี 2023 Facebook ได้ปรับวัตถุประสงค์ของโฆษณาจาก 11 รูปแบบ เหลือ 6 รูปแบบ
เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกและใช้งานมากขึ้น โดยแต่ละรูปแบบมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


Awareness (สร้างการรับรู้)
วัตถุประสงค์นี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
Facebook Ads ประเภทนี้มักใช้เพื่อเพิ่มการเข้าถึง ดึงดูดความสนใจ และกระตุ้นให้เกิดการสนทนาเกี่ยวกับแบรนด์

Traffic (จำนวนผู้เข้าชม)
วัตถุประสงค์นี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
โฆษณา Facebookประเภทนี้มักใช้เพื่อโปรโมตหน้า Landing Page ผลิตภัณฑ์ หรือบริการ

Engagement (การมีส่วนร่วม)
วัตถุประสงค์นี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการกระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับเนื้อหาหรือโฆษณาของคุณ
โฆษณาประเภทนี้มักใช้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแสดงความคิดเห็น แชร์ หรือคลิกลิงก์

App Promotion (การโฆษณาแอปฯ)
วัตถุประสงค์นี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการโปรโมตแอปพลิเคชันของตน โฆษณาประเภทนี้มักใช้เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดหรือเปิดแอปพลิเคชัน

Leads (การสร้างลูกค้าเป้าหมาย)
วัตถุประสงค์นี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการรวบรวมข้อมูลติดต่อจากผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน
โฆษณาประเภทนี้มักใช้เพื่อสร้างฟอร์มสำหรับรวบรวมข้อมูลติดต่อ เช่น ชื่อ ที่อยู่อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์

Sales (การขาย)
วัตถุประสงค์นี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน
โฆษณาประเภทนี้มักใช้เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการเฉพาะหรือเสนอส่วนลดหรือโปรโมน


การเลือกวัตถุประสงค์ของโฆษณาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ
โปรดพิจารณาเป้าหมายทางธุรกิจของคุณอย่างรอบคอบก่อนเลือกวัตถุประสงค์ของโฆษณา

และถ้าสนใจเรื่องการตลาด อยากได้ความรู้เพิ่มเติม ก็สามารถอ่านได้ทาง: https://thetepco.com/blog/
19  ความรู้ทั่วไป / Search Engine Optimization / แจก 5 เลือก Keyword ที่เราใช้แล้ว เห็นผลจริง ๆ นะจ๊ะ เมื่อ: 17 ตุลาคม 2023, 11:35:08
Keyword สำหรับทำ SEO นั้นมีอยู่มากมาย และแม้แต่คีย์เวิร์ดในกลุ่มเดียวกัน ก็ยังแยกเป็นคีย์เวิร์ดย่อย ๆ อีกนับไม่ถ้วน จึงทำให้คนทำ SEO โดยเฉพาะมือใหม่ ปวดหัวในการเลือกใช้อยู่ไม่น้อย

และที่อยากแนะนำ คือ วิธีหา Keyword และ เทคนิควิธีเลือก Keyword จากประสบการณ์ของเรา ซึ่งเรามั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนอย่างแน่นอน




1. สอดคล้องกับธุรกิจของคุณ

สำหรับมือใหม่ หรือคนที่ไม่ทราบว่า ควรหาคีย์เวิร์ด ยังไง? ควรใช้คีย์เวิร์ดกลุ่มไหนสำหรับทำ SEO เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับธุรกิจหรือเว็บไซต์ของคุณ อย่างถ้าคุณขายขนมไทย คีย์เวิร์ดที่เลือกใช้ก็ควรอยู่ในกลุ่มขนมไทยหรือมีความเกี่ยวข้องกับขนมไทย

และถ้าอยากรู้ว่าคีย์เวิร์ดกลุ่มที่เลือก มีคีย์เวิร์ดหลักหรือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง ก็สามารถดูได้ด้วย การเสิร์ชคีย์เวิร์ดผ่านโปรแกรมอย่างเช่น Ahrefs และ Ubersuggest ซึ่งจะแสดงคีย์เวิร์ดในกลุ่มเดียวกันให้คุณดูแบบนับไม่ถ้วน


------------------------------------------------------------------------------

2. มี Search Volume สูง

Search Volume คือ ยอดค้นหาของคีย์เวิร์ดแต่ละคำ ซึ่งยิ่งมากยิ่งดี เพราะหมายความว่าคีย์เวิร์ดนั้นมีคนเสิร์ชทาง Google เยอะ และถ้าทำ SEO ติดหน้าแรกด้วยคีย์เวิร์ดดังกล่าวได้ ก็ยิ่งมีโอกาสสูงที่คนจะคลิกเข้าเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก

------------------------------------------------------------------------------

3. มี Traffic สูง

คีย์เวิร์ด ที่ Search Volume สูง อาจไม่การันตีเสมอไปว่าถ้าใช้แล้วจะมีคนคลิกเข้าเว็บไซต์มากขึ้น ดังนั้น ตอนเลือกคีย์เวิร์ดจึงต้องพิจารณา Traffic หรือยอดเข้าชมเว็บไซต์จากคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ด้วย

------------------------------------------------------------------------------

4. เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คนกำลังสนใจ

การทำ SEO ด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คนกำลังสนใจ เป็นเทคนิคหนึ่งที่เราอยากแนะนำ เพราะคีย์เวิร์ดดังกล่าวมี Search Volume ที่สูง และอาจดึงดูด Traffic เข้าสู่เว็บไซต์ได้มาก หากเว็บของคุณดูน่ากด หรือมีเนื้อหาสอดคล้องกับเรื่องที่คนสนใจจริง ๆ

------------------------------------------------------------------------------

5. ใช้ Long Tail Keyword

Long Tail Keyword คือ คีย์เวิร์ดที่ประกอบด้วย 3 คำหรือ 3 ข้อความขึ้นไป

โดยคีย์เวิร์ดแบบนี้ แม้จะมี Search Volume ที่ต่ำ แต่ก็มีแนวโน้มจะเกิด Conversion ที่สูง เนื่องจากผู้ค้นหาคีย์เวิร์ดแบบ Long Tail Keyword มักจะมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง

ยิ่งกว่านั้น Long Tail Keyword ยังมีคู่แข่งน้อยด้วย จึงง่ายต่อการทำให้เว็บไซต์ติด SEO ในอันดับสูง ๆ




อ่านบทความ SEO อื่น ๆ : https://thetepco.com/page/2/?s=SEO




20  พัฒนาเว็บไซต์ / Brand & Authority / Rebranding ทำทำไม่ ไม่ทำจะเจ๊งมั้ย? เมื่อ: 12 ตุลาคม 2023, 10:25:24
Rebranding คืออะไร

Rebranding คือ กลยุทธ์การตลาดแบบหนึ่ง หมายถึงการปรับเปลี่ยนอัตลักษณ์และตัวตนของแบรนด์ ให้สอดคล้องกับยุคสมัยและความต้องการของผู้บริโภค เพื่อทำให้แบรนด์โดดเด่น ดูทันสมัย จดจำได้ง่าย หรือแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดเดียวกัน

โดยการรีแบรนด์ ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนชื่อหรือโลโก้ของแบรนด์ แต่ยังหมายรวมถึงปรับเปลี่ยนองค์ประกอบอื่น ๆ ของแบรนด์ด้วย เช่น

  • จุดยืนหรือวิสัยทัศน์ของแบรนด์
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ธีมสี
  • สโลแกน
  • น้ำเสียงหรือความรู้สึกที่แบรนด์ใช้ในการสื่อสาร
  • เปลี่ยนรูปแบบของโฆษณาทางสื่อต่าง ๆ
  • หน้าตาของบรรจุภัณฑ์


เมื่อไรควรรีแบรนด์

การรีแบรนด์ เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้ ซึ่งแม้แต่แบรนด์ใหญ่ ๆ เองก็เคยทำ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี หรือสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคแล้ว

ถ้าถามว่า แบรนด์ควรรีแบรนด์เมื่อไร เรามีความเห็นว่า แบรนด์ควรรีแบรนด์ในสถานการณ์ต่อไปนี้

  • แบรนด์ไม่ทันสมัยแล้ว
  • กลุ่มเป้าหมายไม่ชัดเจน
  • จุดขายของแบรนด์ไม่ชัดเจน
  • แบรนด์ไม่แตกต่างจากคู่แข่ง
  • ภาพลักษณ์ของแบรนด์ติดลบ
  • แบรนด์ใหญ่ขึ้น เติบโตจนไม่เหมือนเดิม
  • แบรนด์โกอินเตอร์ หรือขยายตัวไปยังต่างประเทศ
  • แบรนด์ต้องการดูหรูขึ้น เพื่อให้ขายสินค้าได้ในราคาที่แพงขึ้น
  • โมเดลธุรกิจหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจไม่เหมือนเดิม

--------------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวอย่างการรีแบรนด์ ของแบรนด์ดัง

หลายคนคงสังเกตเห็นว่า Dunkin' ไม่ได้ต่อท้ายด้วย Donut มาหลายปีแล้ว

การรีแบรนด์ครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2019 ด้วยเหตุผลว่า Dunkin' อยากมีศักยภาพในการแข่งขันกับ Starbucks จึงมองว่าการเป็นร้านโดนัทเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ จึงตัดคำว่า Donut ออก เพื่อบอกว่าแบรนด์ไม่ได้ขายหรือโฟกัสแค่ผลิตภัณฑ์กลุ่มโดนัท แต่ยังให้ความสำคัญกับของกินอื่น ๆ อย่างพวกแซนวิช ขนมอบ รวมถึงเครื่องดื่มด้วย

โดย Rebranding ของ Dunkin' เป็นไปในทิศทางเดียวกับ Starbucks ในปี 2011 ซึ่งต้องการสื่อแบรนด์ขายมากกว่ากาแฟ จึงตัดคำว่า Coffee ออกจากชื่อแบรนด์ และปรับดีไซน์ของแบรนด์ด้วยการเอากรอบที่เขียนว่า “Starbucks Coffee” ออก

ส่วนถ้าเป็นแบรนด์ไทย ศรีจันทร์ น่าจะเป็นตัวอย่างของการรีแบรนด์ที่ชัดเจนที่สุด

ในปี 2557 ศรีจันทร์ได้ Rebranding ครั้งใหญ่ โดยปรับองค์ประกอบต่าง ๆ ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้หรือบรรจุภัณฑ์ของสินค้า เพื่อให้แบรนด์ดูทันสมัย เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ โดยเฉพาะสุภาพสตรีได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ศรีจันทร์ ยังเปลี่ยนสโลแกนใหม่เป็น “สวย มั่นใจ ในทุกมุม” เพื่อสื่อถึงคุณค่าของแบรนด์ ที่ต้องการช่วยให้ผู้หญิงทุกคนสวยและมั่นใจในตัวเอง

โดย การรีแบรนด์ ของศรีจันทร์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้ในปี 2558 แบรนด์มีรายได้แตะ 300 ล้านบาท จากที่ก่อนหน้ามีรายได้ต่อปีประมาณ 200 ล้านบาทเท่านั้น


อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์: https://thetepco.com/?s=brand
หน้า: [1] 2