Blogspot หากโดนคนไม่หวังดีแกล้งหรือรายงานมั่วๆ กูเกิลลบทิ้งได้ง่ายมาก
ระยะยาวนาน wordpress ของเราเองทำ seo ได้ดีกว่าและไม่ถูกลบทิ้งแน่ๆ

มาตรการ Google คงเข้มขึ้นครับ เห็นน้องที่ทำยูทูปเป็นหลักโดนไปละ
หลังๆ มานี้ ผิดกฏนิดหน่อยแต่หลายคลิป มีคำหยาบ ส่อว่าเหยียด
ศาสนา เชื้อชาติ ชนชั้น หรือสีผิว ก็แบนไปเลย

สมัยก่อน ผิดกฏนิดหน่อยไม่ค่อยมีผลกระทบต่อคนทำคอนเทนต์เท่าไร
แต่ช่วงหลังมานี้ คนที่ทำสายยูทูปอย่างเดียวโดนใบเหลือง ใบแดงง่าย
บางคนเลยท้อไม่อยากทำต่อ หรือหันไปทำงานอย่างอื่นด้วย

หลายคนเริ่มไม่มั่นใจในความเข้มงวดของกูเกิล โดยเฉพาะเรื่องการตรวจ
สอบที่ตัดสินด้วยความไม่เข้าใจ ไม่สนใจคนสร้างคอนเทนต์เลย เห็นน้อง
ที่ทำยูทูปเป็นหลักบอก
กฏของกูเกิลนั้นสามารถตีความว่าผิดได้หมดนั่นละ สามารถแบนได้ทุกช่อง
หากการตรวจสอบไม่เป็นธรรมดีพอ ปัจจุบันกูเกิลก็ไม่ค่อยง้อคอนเทนต์ทีมี
คนดูน้อยอยู่แล้ว ไม่แปลกหากอนาคตเขาจะแบนทิ้งคนส่วนใหญ่ไปเลย

 

Google แอปเปิล อเมซอน และน้องใหม่ อีรอน มัค ที่มีเทสล่าและสเปซเอ็กซ์
กำลังแข่งกันเป็นบริษัทที่มูลค่ามากที่สุดในโลกครับ บริษัทเหล่านี้หาเงินทุกอย่าง

Google แอปเปิล อเมซอน มีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านดอลล่ากันแล้ว ใหญ่โตมาก
เกินไปกว่าบริษัทใดๆ ในโลกไปแล้ว ส่วนเทสล่านั้นผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ทำนาย
ว่าสเปซเอ็กซ์ที่จะทำเงินได้มากเกิน 5-10 ล้านล้านดอลล่าในอีก 20 ปีข้างหน้า
และจะแซงหน้าเป็นที่ 1 ไปในที่สุด

หลายๆ ประเทศก็พยายามต่อต้านอำนาจธุรกิจมูลค่ามหาศาลเหล่านี้กัน โดยเฉพาะอียู
แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มาก แม้กระทั่งโดนัล ทรัมป์ก็คิดจะหาวิธีจัดการบริษัทเหล่านี้
ไม่ให้โตแบบก้าวกระโดดแบบอดีตอีกต่อไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

4 บริษัทเหล่านี้แข่งกันเอง เพื่อแย่งกันเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก
อะไรที่ทำเงินให้บริษัทเหล่านี้ เขาเอาหมดละครับ เห็นข่าวว่าวานก่อนว่า
อียู จะจัดการกูเกิลและเฟสบุคให้หนักมากขึ้น ก็ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องหรือเปล่า
เพราะออกมาตรการมาจัดการกี่ครั้งๆ ก็ทำอะไรไม่ได้มาก

หากจะหวังให้บริษัทที่เข้าตลาดหุ้นแล้ว มาสนใจเรื่องความถูกต้อง เป็นธรรมคงยาก
และมีแต่เขาอยากจะเติบโต มีกำไรมหาศาล เป็นมหาอำนาจธุรกิจ จนใครโค่นไม่ได้
ทุกบริษัทในอนาคตก็คงจะแข่งกันกอบโกยเพิ่มขึ้น ผู้ใช้ธรรมดาแบบเราก็ต้องจ่ายอย่าง
เดียว ไม่จ่ายก็ไม่ได้ เพราะยังไงก็ต้องใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของเขาไปจนตาย

ไม่ใช้ก็ไม่ได้ ไม่จ่ายก็ทำธุรกิจยาก สรุปคือผู้ใช้ทุกคนก็ต้องจ่ายให้เขาเพิ่มขึ้นทุกวัน

ถ้าเว็บคุณภาพดีไม่ก็อปเนื้อหาคนอื่นมา ไม่่ตั้งใจผิดกฏเขา เขาก็ไม่แบนง่ายๆหรอก

เว็บดูดี เนื้อหาโอเค มาถูกทางแล้วละ  เพิ่มและปรับปรุงขี้นเรื่อยๆ อีกไม่นานเจ๋งเปงเลย

ลงหลุมแล้วละ น่าจะเป็นที่เนื้อหาเว็บไม่ยูนิค
เช็คเนื้อหาเว็บครับ ว่าเนื้อหาไปซ้ำหรือไปก็อปปี้ใครมาหรือเปล่า

บริษัท Google มีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลล่าร์ก็พัฒนา G+ สู้ไม่ได้เลย
บริษัทอเมซอน บริษัทแอปเปิล ก็เคยมีโครงการทำแอปโซเซียลมีเดีย
แต่สุดท้ายก็เลิกกันไปหมด ประเทศไทยจะลงทุนได้เท่ายักษ์ไอทีเหรอ

บริษัท ไมโครซอฟต์ก็พัฒนาเองไม่ไหว ซื้อบริษัท Linkined มหาศาล
เอาแค่ซื้อแอปจีน แอปอินโด แอปญี่ปุ่นมาใช้ก่อน จะมีคนใช้หรือเปล่า
แอปเพจโซเซียลไม่ใช่ทำง่ายๆ แล้วประสบความสำเร็จเลย ถ้าทำได้
ป่านนี้บริษัทยักษ์ใหญ่คงลงทุนแข่งไปนานละ

เหมือนไปอวกาศนั่นละ นอกจากต้องมีความรู้ดี มีจำนวนคนจบมหาลัยอันดับโลก
มาทำงานเยอะๆ ไม่ใช่แค่มีเงินมาลงทุนมหาศาล สิ่งสำคัญคือต้องมีคนที่จบมหาลัย
ชั้นนำของโลกเยอะด้วย
เฟสบุค เขาคัดพวกคนเก่งๆ มาพัฒนาเป็นสิบกว่าปี จนก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง
ไม่ใช่ฟลุค เป็นเพราะเขาคัดคนที่จับมีคุณภาพระดับโลกมาทำงาน
ในไทยมีคนฝีมือ โปรแกรมเมอร์ชั้นดี หรือคนที่จบมหาอันดับโลกกี่คน

ขนาดจีนปิดซิงเกิลเกตเวย์ คนหนุ่มสาวที่ใช้ VPN เป็นเขาก็เล่นเฟสบุคเยอะ
เพราะแอปจีนมันเลียนแบบเฟสได้แย่อยู่มาก ถ้าไม่มีซิงเกิลเกตเวย์ คนจีนจะ
ใช้แอปจีนกี่คน ขนาดคนจีนยังบอกแอปจีนเองยังไม่ดีเลย แล้วไทยจะทำได้เหรอ

เว็บไม่มีตายหรอก เพียงแต่ยอดไม่หวือหวาเหมือนอดีต และเว็บใหม่ต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าจะเกิดได้
ยังไงก็หาเงินได้ตลอด เพียงแต่ไม่เร็วไม่ง่ายเหมือนอดีตเท่านั้นละ ยังไงเว็บก็ไม่ตายหรอก

สั้นๆง่ายๆ หน้าเว็บอ่านง่ายและโหลดเร็ว

เฟส กับ ไลน์ครับ ทำเว็บมันโต้ตอบกับลูกค้ายาก

ถ้าเฟสเก่าที่ล้าง ทิ้งไว้เปล่าๆ หายาก เพราะโอกาสถูกแบนน้อยกว่า
ไอดีเก่าที่เล่นบ่อย มีเพื่อนเยอะ มีกิจกรรมต่างๆ เสมำเสมอ แบนแน่

สมัครใหม่ดีกว่า ใช้ข้อมูลใหม่ ทำตามกฏ ดีที่สุด
เอาไอดีเก่า แบนช้ากว่าไอดีใหม่ที่ผิดกฏ
เสียเวลาสมัครใหม่ เริ่มใหม่เถอะ ทำตามกฏเอา

หากยังไม่มีคอนเทนต์ของตัวเองทั้งหมด
ใส่ลิงค์ในคำอธิบายไปหากินกับ Aff เอา
หรือส่งไปเพจเรา สูตร ตายเกิดใหม่ๆ

คนสร้างคอนเทนต์มาก เขาก็เข้มมากขึ้นทุกวันนั่นละ
คนรีพอร์ตได้ง่ายก็แช่แข็งได้ง่าย แบนง่าย อนาคตจบทันที

รีพอร์ตได้ง่าย ช่องเล็กช่องกลางๆ จะโดนแช่แข็งเร็วมาก
ช่องใหญ่แบนยาก แต่ก็เสี่ยงกับการแช่แข็งเหมือนกัน

อย่าหากินแบบเก่า พยายามพลิกแผลงไปเรื่อยๆ หรือหันไปผลิตคอนเทนต์ตัวเองเลย

ลองใช้ดาวน์โหลดโปรแกรมอัพเดท แทนการอัพเดทภายในวินโดว์เอง เปลียนดอทเป็นจุด

https://www.microsoft ดอท com/th-th/software-download/windows10

เป็นโปรแกรม อัพเดท ครับ มันจะบอกรายละเอียดมากกว่าใน Windows setting ครับ

ผมอัพเดท 10 เครือง ซึ่งมี win 10 ใน windows azure อยู่ 2 ตัว ก็อัพเดทอัตโนมัติให้เอง ยืนยันไม่มีปัญหาข้างเคียงครับ

วินโดว์ 10 นี้ค่อนข้างเสถียรมากครับ การอัปเดทจะค่อนข้างสมบูรณ์ แสดงว่าเครื่องคุณ วินโดว์เพี้ยนเอง
ลองใช้Google หาวิธีลบด้วย Register Editor ใช้ regedit ของวินโดว์ลบดูครับ รีจิสตี้ของวินโดว์มันเพี้ยนเอง เกิดขึ้นบ่อย
ต้องไปลบรีจีสตี้ออกอย่างเดียว หาวิธีจากกูเกิล หรือยูทูปดูครับ
ถ้าไม่่มีข้อมูลสำคัญ ไม่มีข้อมูลเยอะ ก็ลงวินโดว์ตัวใหม่ครับ

บริษัทในเครือ Alibaba เจ้าของหุ้นใหญ่คือ ซอฟต์แบงค์ จากญี่ปุ่น
มีบอสใหญ่ นาย Masayoshi Son คนนี้ซื้อหุ้นบริษัทไอทีเยอะมาก
เทคโอเวอร์บริษัทไฮเทคเยอะมา มีทั้งล้มเหลวและสำเร็จ
ตั้งแต่ลงทุน ไมโครซอฟต์เจแปน ยุคโอเอสดอส

กลุ่ม Alibaba ก่อตั้งโดยนาย แจ็ค หม่า แต่ซอฟต์แวร์ร่วมกับอดีตยาฮูจนสำเร็จ
ตอนนี้ยาฮูโดนเทคโอเวอร์ไปแล้ว ซอฟต์แบงค์เองก็ไม่ได้แข็งแกร่งด้านไหน

หากย้อนดู บริษัทแอปเปิล มาผลิตสินค้าที่จีนเพื่อเทียบกับ Alibaba มาลงทุน
ในไทย แอปเปิลจ้างคนจีนผลิตให้ แอปเปิลก้าวขึ้นมามีกำไรสูงสุด เป็นบริษัท
อันดับหนึ่งของโลก มีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลล่า สูสีกับ Google อเมซอน
กลุ่ม Alibaba มีมูลค่าแค่ 25% ของบริษัทเหล่านี้

บริษัทแอปเปิล จ้างบริษัทไต้หวัน ลงทุนในจีน จ้างพนักงานคนจีน สรุปคนรวยมากสุด
กำไรสูงสุด คือบริษัทแอปเปิล ส่วนบริษัทรับจ้างผลิต พนักงานคนจีนที่ผลิต ก็แค่
กินดีอยู่ดีในระดับทั่วไป

ถ้าจะดูว่า Alibaba ไปทางไหนและโตอย่างไร ต้องดูแนวทางซอฟต์แบงค์ประกอบด้วย
ซอฟต์แบงค์เน้นลงทุนในเอเซียมาหลายปี เน้นด้านอีคอมเมิร์สของเอเซีย
หรือบริษัทไฮเทคในเอเซีย โดยเฉพาะในจีน ซึ่งตัวซอฟต์แบงค์หรือ คุณแจ็คหม่าเอง
ก็ยังตามหลัง อเมซอนอยู่เยอะ โดยเฉพาะระบบอีคอมเมิร์สบนระบบคลาวด์

อเมซอนในสหรัฐและแคนาดา เงินเดือนพนักงานเดือนละ 3-4 แสนบาท ถ้าอเมซอนย้าย
ธุรกิจออกมาเอเชีย จะแข่งขันกับเจ้าอื่นไม่ได้เลย เพราะหากจ้างค่าแรงถูก จะเกิดความแตกต่าง
ช่องว่างรายได้ จนคนวิจารณ์ได้ ทำไมแอปเปิลไม่ผลิตในเมกา ผลิตในยุโรปเลย ก็เพราะค่าจ้าง
ผลิตผ่านคนกลางถูกกว่าเยอะ พนักงานในบริษัทแม่ เงินเดือน 3-4 แสนบาท กับจ้างพนักงานจีน
3-5 หมื่นบาทต่อเดือน แอปเปิลก็ไม่มีใครวิจารณ์เพราะเขาจ้างคนกลางผลิตให้

การมาลงทุนในประเทศอื่น ส่วนใหญ่คนในประเทศนั้นก็ได้ค่าแรงถูกกว่าบริษัทแม่ 5-10 เท่า และ
เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ เขาก็ไม่ถ่ายทอดให้ ประเทศนั้นก็กลายเป็นฮับแรงงานให้บริษัทระดับโลก

มีคอนเทนต์ดี จะต้องทำเว็บตัวเองด้วยเท่านั้นครับ
อย่าไปสร้างคอนเทนต์เพื่อหาเงินกับเว็บคนอื่นมาก
ประเภทไปอาศัยเว็บคนอื่นทำมาหากิน บางครั้งก็ลำบาก
ทำคอนเทนต์ในเว็บใหญ่เว็บฮับ พอมีคนรีพอร์ตโดนลบ
ทำ Aff กับเว็บดัง พอมีคนรีพอร์ต ก็วุ่นวายมีปัญหาไม่หยุดหย่อน

การมีคอนเทนต์ของตัวเองสำคัญที่สุด จะให้ดีต้องใส่ไว้ในเว็บตัวเอง
ถ้าไม่ใช่คอนเทนต์ตัวเองทั้งหมด มีชื่อเสียง หรือระดับใหญ่พอ
โดนรีพอร์ตมักปลิวจากระบบของเว็บใหญ่ง่าย น้ำตาจะเช็ดหัวเข่าได้

ถูกดีครับ ลองดูสักแพลนว่าจะโอไหม

บัญชีใหม่สร้างมั่วๆ ปลิวง่าย สร้างไม่มั่วก็ต้องยืนยันตัวบ่อย หากเปลี่ยนเครื่องเปลี่ยนไอพีบ่อย
ไอพีเก่าที่สร้างมั่วๆ ก็คงทะยอยโดนเก็บกวาดไปเรือยๆ ละ ไอดีมั่วๆ อยู่ยากขึ้นทุกวันนะ

ผมก็ได้รับจากทางกูเกิล ประมาณว่าแจ้งเรื่อง ได้อัพเดทอัปเดทกฏระเบียบใหม่เพิ่มเติมขึ้นตามที่ทางอียูกำหนดเพิ่มมาครับ
รายละเอียดเยอะปลีกย่อยเยอะมาก อานแบบคร่าวก็ยังเหมือนเดิมแต่เขียนเป็นข้อกำหนดไว้อย่่างชัดเจนมากขึ้นตามอียู
ถ้าเนื้อหาข้อมูลในเว็บเรา การสร้าง Ads การลงโฆษณา Ads ไม่ไปยุ่งเกี่ยวข้องกับประเทศในอียู ก็คงไม่่เป็นไรครับ

อียูเป็นกลุ่่มประเทศ ทีปกป้องผลเสียหายจากทุกกรณีเข้มข้นอยู่แล้ว บริษัทไอทียักษ์ใหญ่
โดนฟ้องร้องเป็นประจำ กูเกิลก็คงใส่ไว้ให้ชัดเจนตามที่อียูเรียกร้องมา กฏเดิมก็ครอบคลุมอยู่แล้ว
และเมื่ีออียูอัปเดทด้านทรัพย์สินทางปัญญา กับการปกป้องเด็กเล็ก วัยรุ่น และผู้หญิงจากโลกออนไลน์
กูเกิลก็เลยแจ้งให้ทราบว่าอัปเดทกฏตามอียูด้วย

มาร์ค คงอยากให้คนไทยเลิกใช้จริงละครับ จะได้เลิกบ่่นกัน ปล่อยให้เฟสเจ๊งๆ ไปซะทีเถอะ คนไทย
เห็นออกมาขอโทษ เรื่องโดนแอปบริษัทหนึงมาหลอกเก็บข้อมูลส่วนตัวคนไป 50 ล้าน
ยังบ่นว่า ทีโอเอส แอนดอยร์ ไอโอเอส วินโดว์ ขโมยข้อมูลส่วนตัวไปทำการตลาดและแฮกง่ายด้วย ดันไม่บนกัน
ทีGoogle เก็บข้อมูลไว้เยอะแยะ แฮกเกอร์เขียนสคริปต์ดักเก็บข้อมูลส่วนตัวไม่บ่นกัน
ประเทศจีน กลัวโดนล้วงความลับ เพราะด้านซอฟต์แวร์อ่อน พัฒนาโอเอสเองก็ไปไม่รอด
โซเซียลมีเดียจีนเอง ก็็็เล่นกันแค่ wechat ไว้คุยกันแบบวัยรุ่น อย่่างอืนคนใช้น้อย
บริษัทไอทีจีนอันดับหนึ่ง tencent ก็ไประดมทุนในสหรัฐ ไปดึงกูเกิลมาเป็นพันธมิตรซะอีก
จีนก็จีน ที่ว่าแน่ๆ เก่งๆ มีแฮกเกอร์ฝีมือดีเยอะ อนาคตข้อมูลส่วนตัวจะรอดไหมเนี่ย