ThaiSEOBoard.com

สมัยนี้ lifestyle ในการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างมาก และคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าในตอนนี้เราอยู่ในยุคที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในหลายๆ ด้าน ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงอุตสาหรรมภาพยนตร์กัน

จริงหรือไม่ที่ Netflix เป็นตัวทำลายธุรกิจโรงภาพยนตร์ เมื่อ Mooky Greidinger ผู้บริหาร Cineworld โรงภาพยนตร์รายใหญ่อันดับสองของโลก ได้ออกมาบอกว่า Netflix นั้นคือสิ่งที่ทำให้โรงภาพยนตร์สูญเสียรายได้จากการขายตั๋วเพื่อเข้าชมภาพยนต์มาอย่างต่อเนื่อง

Greidinger ได้บอกว่า การที่ Netflix ลงทุนสร้างหนังฟอร์มใหญ่อย่างเรื่อง The Irishman ที่มี Martin Scorsese ผู้กำกับระดับตำนานมาร่วมงานด้วย แต่กลับส่งหนังเรื่องนี้ลงบริการสตรีมมิ่ง และปล่อยฉายในโรงภาพยนตร์บางแห่งเท่านั้น ซึ่งเขามองว่าอาจจะเป็นการสูญเสียรายได้และการเติบโตทางด้านความนิยม รวมถึงปิดกั้นการเติบโตของรายได้จากการขายตั๋วในการเข้าชมภาพยนต์ นอกจากนี้ ยังมีหนังเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องที่ Netflix ได้ปล่อยให้ฉายในโรงภาพยนตร์บางเรื่องในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะฉายลงบน Netflix อีกด้วย


ซึ่งจากข้อมูลการเปรียบเทียบสถิติในการเติบโตของทั้งสองฝั่ง ตามที่สมาคมภาพยนตร์ของอเมริกา องค์กรอุตสาหกรรมภาพยนต์ฮอลลีวูดรายใหญ่ได้ระบุว่ายอดจำหน่ายจากการขายตั๋วทั่วโลกในปี 2561 มีมูลค่าอยู่ที่ 41.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเพียง 1% จากปี 2560 ส่วนยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคในรายการทีวีและภาพยนตร์ออนไลน์เพิ่มขึ้น 16% โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 55.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งผลการดำเนินงานล่าสุดของบริษัท Cineworld ประกาศว่ารายได้ในปี 2562 ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเนื่องรายได้จากการขายตั๋วนั้นต่ำมาก

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวของแอดมินมองว่าพฤติกรรมการดูหนังของคนในยุคปัจจุบันมันเปลี่ยนไปแล้ว ด้วยการที่มีบริการสตรีมมิ่งต่างๆ ทำให้เราสามารถเลือกรับชมหนังเรื่องอะไร ที่ไหน เมื่อไรก็ได้ จึงเป็นเหตุผลที่คนบางกลุ่มเลือกที่จะดูหนังที่บ้านมากขึ้น แทนที่จะไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์ แต่ NETFLIX ก็ยังไม่สามารถมาแทนที่โรงภาพยนตร์ได้เสียทีเดียว เพราะแม้ว่า NETFLIX จะมีคอนเทนต์เป็นของตัวเอง แต่คุณภาพยังไม่สามารถเทียบกับหนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดได้ และถ้าพูดถึงเรื่องบรรยากาศต้องบอกเลยว่าโรงภาพยนตร์กินขาดแน่นอน หากทั้งสองผู้ประกอบการพัฒนาศักยภาพของตัวเองไปเรื่อยๆ ปรับจูนหาตรงกลางได้ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี ผู้บริโภคก็จะได้มีทางเลือกให้ดูหลายๆ ทางด้วยเช่นกัน



ที่มา: http://www.atimedesign.com/webdesign/cinema-vs-streaming/

มันก็ใช่นะ ,netflix ,ทำให้คนดูหนังโรงน้อยลง ดูอยู่บ้านไม่ต้องเสียค่าป๊อปคอร์นแพงๆ

ถึงจะไม่ใช่ความผิดของโรงหนัง แต่ก็เพราะมีพวกไร้มารยาทในโรงหนังนี่แหละที่ทำให้ไม่ไปโรงหนัง อีกทั้งตั๋วแพง ป๊อปคอนแพง แถมต้องลุ้นว่าจะได้นั่งใกล้เด็ก หรือคนคุยอีก สู้นั่งนอนตีลังกาจิบเบียร์เปิดแอร์เย็นฉ่ำ สบายดี ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ค่ากิน ไม่ต้องหาที่จอดรถ ไม่ต้องเจอมนุษย์มือถือ มนุษย์นักพากย์ ปวดอึ ปวดฉี่ ก็หยุดไว้ก่อนค่อยมาดูใหม่

มันก็จริงบ้างครับยิ่งคนทีทีวีใหญ่ฯฟินเลยครับ

ทุกอย่างมันก็ไปตามเวลา

ตามกาลเวลาครับ นี่ผมก็ลุ้นว่าถ้า youtube มาจับทางนี้ คงสั่นสะเทือนกันไปทั้งวงการ

เห็นด้วยครับ

ผมนี่ตั้งแต่มี netflix นี่ก็ไม่ไปดูหนังที่โรงนานมากละ  :wanwan004:

ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง  :P

อะไรๆมันก็ปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาครับ อ่อนแอก็แพ้ไป

ทุกอย่างต้องมีการปรับตัว

หลายธุรกิจ กำลังถูก ทำลายล้าง จากธุรกิจใหม่ ในยุคนี้

ทุกอย่างต้องปรับตัวครับ

Business disruption เกิดขึ้นได้ทุกวงการธุรกิจ

พวกท่านก็ลดราคาตั๋วหนังลงหน่อยซิครับ ชั่วโมงนี้มี 200 ยังดูไม่ได้เรย

ไม่ปรับตัว = อยู่ยาก

ต้องปรับตัวตลอดเลย

โลกมันเปลี่ยนเร็ว ต้องตามให้ทัน :wanwan009:

บางทีดู Netflix จนไม่ได้ทำงานเลยก็มี.. :wanwan044:

covidน่ากลัวกว่า โรงหนังร้างแน่ๆ..  :wanwan012:

เป็นไปตามยุคสมัย ต้องปรัปตัวตลอดเวลา  :P

ก็ต้องปรับกลยุทธิ์ครับ

เดี๋ยว สถานีโทรทัศน์ก็เริ่มแย่ครับ เด็กๆเดี๋ยวนี้ไม่ดูทีวีกันละ ลูกๆหลานๆ เช้าวันหยุดก็เล่นมือถือกัน
พอถามว่าไม่ดูทีวีกันเหรอ ก็ส่ายหัวกันหมด ถามกลับว่าทำไมต้องดูทีวี ไม่เห็นมีอะไรเลย
 คิดๆดูก็จริงนะ ยุคนี้จิ้มสิ่งที่เราอยากดูได้เลย ไม่ต้องรอตามผังรายการแล้ว  :P

ขนาดเราๆ ยังไม่ค่อยดูทีวีกันเลยครับว่ามั้ย เป็นไปตามยุคกันจริงๆ ครับ

ตามยุคตามสมัยครับ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

เป็นเรื่องธรรมดา ดูอย่าง รายทีวี รายได้หดกันเยอะมาก ถ้าไม่ปรับตัว  :o

ต้องปรับตึวตามยุคตามสมัยค่ะ  :wanwan008:

เน็ตฟลิก ความบันเทิง + สาระความรู้ + ความคิดสร้างสรรค์ + นวัตกรรม
ถามว่า ฟรีทีวีบ้านเรามีอะไรสร้างสรรค์ใหม่ๆ และ คิดนวัตกรรมล้ำเลิศได้บ้าง
หลายๆ คอนเทนต์ สกปรก ไร้สาระ งมงาย ฝรั่งเลยไม่เอาหยิบขึ้นไปโชว์

สิ่งที่เราทำได้และมักทำคือ ขัดขวางความเจริญอย่าให้เกิดขึ้นได้ แล้วเราก็จะได้จมอยู่กับสิ่งเดิมๆที่คุ้นเคยตลอดกาลนานเทอญ สาธุ

 :wanwan017:

เราต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยครับ ถ้าต้องการอะไรเดิมๆ มันก็ไม่พัฒนา

ต้องปรับตัวตามกระแสโลกครับ

ผู้บริหารแผ่นเสียงโวยเทปคาสเซ็ท ผู้บริหารเทปคาสเซ็ทโวยแผ่นซีดี ผู้บริหารแผ่นซีดีโวยจู้ก โวยต่อๆ กันไป

ผู้ปรับตัวเก่งเท่านั้น ถึงจะรอดครับ  :wanwan020:

ยุคนี้ถ้าไม่ทัน เทรน ก็อยู่ยากครับ  :wanwan035:

ไม่ปรับตัวก็อยู่ยากครับ ใครปรับไว ก็มีรายได้ก่อน

ผมฝันอยู่ตลอดว่า ขอบริษัทไหนสักบริษัทที่ทุนหนักๆ ซื้อหนังค่ายอื่นและผลิตเองทำเป็นระบบสตรีมมิ่งคล้าย Netflix โดยไม่ต้องเพิ่งโรงหนัง โดยใช้ระบบเช่า พอสักระยะก็ปล่อยขายเก็บไว้ดูตอนไหนก็ได้แบบ On demand แล้วราคาไม่แพงมาก

ลดเหลือเดือนละ50บาท ยังไม่มีใครสมัครเลย

หมายถึงโรงงานดั้งเดิม

ปรับตัวตามยุคตามเทคโนโลยี ไม่งั้นไม่รอดแน่ :P

 :P :P

อย่าบ่น อย่าบ่น ตอนเราบอก popcorn แพง แก้ตัวว่านำเข้า

ยุคสมัย เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ คับ ตั้งแต่ เทปวีดีโอ แล้ว

ทุกอย่างต้องปรับตัว ^__^

ผมดูหนังโรงเฉพาะเรื่องใหญ่ ๆ จริง ๆ เพราะขี้เกียจเข้าห้างมาก ๆ

ตามกาลเวลาจริงๆครับ

ไม่ได้เข้าโรงหนังนานแล้ว

ผมเป็นคนชอบไปดูหนังในโรง ได้อารม ไปอีกแบบ แต่ อ่านข้างบน บอกเลยโครตตรง นั่งไกล้เด็ก คนคุย ป๊อปคอนแพง เยอะเลย เพิ่มอีกข้อที่ผมเจอบ่อย พวกเหงา ที่นั่งมากมาย มาคนเดียว มานั่งติดข้างๆเฉย เว้นไว้หน่อยจะเป็นไรไหม  :wanwan031:

การแข่งขันทำให้เกิดการพัฒนา  เพื่อแก้ปัญหาให้กับลูกค้า

ทุกอย่างยอมมีการเปลี่ยนแปลง ความสะดวกสบายคนก็ชอบเป็นธรรมดา

แข่งกันกันตลอดแบบนี้มันจะมีสิ่งที่พัฒนาตามมาเรื่อยๆ  :wanwan011: :wanwan011:

ตามกาลเวลาครับ  :-X :-X

โนเกีย เคยเป็นเบอร์ 1 ของโลก ยังล้มละลาย ถ้าไม่ปรับตัวตามยุคสมัยให้ทัน

โทษใครไม่ได้ เพราะ ทุกอย่างเป็นไปตามกระแสโลก  ประเทศไทยก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของโลก

Digital Transformation

อาจจะไม่ได้ผลกับประเทศไทยมากนัก เพราะเว็บดูหนังเถื่อนเยอะมาก