ThaiSEOBoard.com

 :(

ราคาใน shopee เปนราคาที่บางคนยังไม่โดนจด vat
ต้องรอดูปีหน้าครับ ว่า ถ้าโดนส่งข้อมูลธนาคารคนที่ขาย แบบไม่จด vat จะเปนยังไง

ส่วนคนจีน ได้เปรียบครับ ไม่ต้อง + vat แต่คนไทยโดนไป ตรงนี้รัฐบาลควรแก้ไข เพื่อไม่ให้คนไทยขาดอาชีพนะครับ

ระยะยาว สินค้าที่จะขายได้ก็มีอยู่ครับไม่ใช่ว่าไม่มี
สินค้าที่จะขายได้ก็จะเปนที่ประเภท marketplace ไม่สามารถเอาลงได้ เช่น

สัตว์เลี้ยงครับสุนัข หมาพันธุ์ต่างๆ   สินค้าแบรนเนมมือสอง เช่นรองเท้าผ้าใบแบรนเนมมือสอง

facebook live เสื้อผ้ามือสอง กางเกงยีนส์  ของมือสอง  เสื้อผ้าแฟชั่นประตูน้ำที่หาแหล่งต้นตอยากทำให้คนเลียนแบบได้ยากขึ้นครับ
facebook พวกสินค้าที่เปนแบรนของตัวเองหรือสั่งตัดเองสั่งผลิตเองยังไปได้ครับ

shopee สินค้าที่มีราคากลางให้ขายยังไปได้ครับ

หน้าร้านสินค้าที่ขายได้ก็มีอยู่หลายอย่างครับ ที่ไม่ได้รับผลกระทบ
1.ร้านอาหาร อันนี้ไม่ได้รับผลกระทบแน่นอน
2.ร้านวัสดุก่อสร้าง  ที่ใช้ของที่เคลื่อยไหวยากเช่น เหล็กเส้น เหล็กตัวc และอื่นๆที่ไม่สามารถส่งไปรษณีย์ได้
3.ประกันภัย
4.ร้านขายยาที่ต้องมีเภสัช
5.ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นที่ไม่ใช่แบรนเนมหรือหาแหล่งต้นตอยากหาแหล่งข้อมูลเปรียบเทียบยาก
6.ร้านขายตามถนนคนเดิน
7.showroom รถ
8.ทุกอย่าง 20 ยังไปได้ครับ
9.คลีนิคหมอ

ร้านที่อาจปลิว
1.หน้าร้านที่ขายสินค้าที่สามารถเชคราคาบนออนไลน์ได้ง่ายๆ
2.ร้านค้าออนไลน์ที่นำเข้าสินค้าจากจีนเป็นส่วนใหญ่
3.ร้านที่ต้องโดนจด vat แต่เจ้าของไม่เคยศึกษาเรื่องภาษี ทำให้ไม่ได้ รวมค่าภาษีเข้าไปในตัวสินค้า และยังเป็นบุคคลธรรมดาอยุ่

ขายบน shopee ยังปลิวได้ง่ายๆนะครับไม่เหมือน lazada
1.shopee มีบอทในการแบน เช่นคุณ logout แล้ว login ใหม่แต่คุณมีสองไอดี บนมือถือเครื่องเดียว แค่นี้ก็โดนแบนละครับถึงร้านคุณจะขายดีแบบเทพไงก็ตาม
2.shopee มีร้านค้าเป็นของตัวเองด้วยนะครับชื่อ lifestyle by shopee โดยจะมีของที่ขายดีต่างๆและก็ลง keyword ads เองด้วยบางตัว(ไม่ต้องเสียเงินค่าลงads)
สินค้าที่หาซื้อจากเจ้าของโดยตรงได้ง่ายอาจโดนดูดไปครับถ้าคุณไปขายบนshopeeเขาจะมีฐานข้อมูล

ถ้าจับสินค้าถูก เป็นที่ต้องกาของตลาด คู่แข่งทำการตลาดสู้เราไม่ได้ และก็ทำให้ถูกหลักตามกฏหมาย อยู่ได้นานนะครับ

การตัดราคาน่าจะเดือดกว่านี้ครับ

ขออนุญาตแปะ เผื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ

https://www.seomongkol.com/%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1/seo-in-future/


ซึ่งตามหลักแล้ว  ผมมองว่า อนาคตหลังจากนี้ AI  จะมีบทบาทขึ้นอีกเยอะครับ   เยอะมาก ๆ แล้วคนจะตกงานกันอีกเยอะมากมายกว่าที่เป็นข่าวครับ

ปล ในลิ้งค์  ผมสัมภาษณ์กับบอทนะ  อย่าถามถึงที่มา 5555

คงตัดราคากันมากขึ้นครับ เห็นได้จากเว็บ ecom ต่างๆ ค้นหาอย่างนึง ขึ้นมาหลายเจ้าเลย

อนาคต ทุกคนก็จะขายออนไลน์กันหมดครับ

ออนไลน์ ต่อไปครับ น่าจะมีรูปแบบใหม่มาตีสีส้มในเวลาอันไกล้นี้

กลัวเจ้าใหญ่ครับ  :P

อนาคต คืออะไร ?

เอาแค่ 3 เดือน 6 เดือนข้างหน้าจะเปลี่ยนไปในรูปแบบไหนยังไม่รู้เลยครับ  อย่ามองไปถึง 5 ปี 8 ปี
เดี๊ยวนี้ อะไรก็ไปไว ใครว่า บางอาชีพไม่มีผลกระทบ มีหมดแหละครับ

อาหารแห้ง อาหารสด ของกิน ยังขายกันผ่าน FB บริการส่งถึงที่ก็มีให้ใช้เยอะ ไม่ว่าจะเป็น ลาล่า แกลบ ไลน์มาร

ธุระกิจ ประกัน ขายตรง ก็เน้นออนไลน์กันมากขึน เปิดซิมมือถือ หรือว่าแม้แต่ จะเปิดบัญชีธนาคาร ยังสามารถทำผ่านออนไลน์ได้เลย

และเมื่อ ทุกอย่างเข้าสู่ตลาดออนไลน์ การเปรียบเทียบราคา ก็มักจะทำได้ง่าย เช่น ถ้าไปซื้อเห็ดหอมเยาวราช ต้องเดินครึ่งวันกว่าจะเจอที่ถูกใจ และราคาถูก

แต่ในอินเตอร์เน็ต เราสามารถ เข้าและออกจากร้านๆนึงได้ใน 2 คลิก แถมยังมีเว็บเปรียบเทียบราคา มาอำนวยความสะดวกอีก

หลายคนกลัว การที่ลูกค้า ซื้อตรงกับ ผู้ผลิต หรือ ผู้ผลิตเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ตรงนี้ เชื่อว่า หลายๆ ตัวสินค้า มีการสร้างกลไก ให้เป็นไปอย่างมีระบบ เช่น การต่อรองราคา ออเดอร์ขั้นต่ำ ค่าจัดส่ง เป็นต้น

ส่วนการแข่งขันกันเอง ตรงนี้ คงต้องใช้จุดเด่นของตัวเอง ออกมาขาย หรือ ใช้ความชำนาญในแหล่งซื้อ เพื่อให้ได้ทุน และราคาขายไกล้เคียงกับท้องตลาด

เรื่อง Vat เอาจริงๆ มีหลายคนเอาตัวรอดได้สบาย ครับ แต่ต้องบริหารให้เป็นแค่นั้นเอง อาจจะต้องปรึกษาสำงานบัญชี สำนักงานกฏหมาย หรือผู้ที่มีความรู้ ต่อไป

ผมว่าจีนขึ้นเป็นมหาอำนาจเมื่อไหร่ ecom แย่แน่ครับเค้าเก็บทุกตลาดเลย

ผมว่าโปรโมทสินค้านะสำคัญสุด

แค่นี้ก็แย่งกันขายละ

เราว่าคนไทยลำบากเลยค่ะ จีนมาแรงทุกตลาดจริงๆค่ะ เดี๋ยวนี้ส่งไวด้วย
เรามองว่าอนาคตคนจะหันมาขายของออนไลน์กันเยอะขึ้นนะเพราะอีกหน่อย ai จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นแล้วพนักงานทั่วไปไม่พัฒนาตัวเอง
ไม่มีศักยภาพมากพอ เที่ยบเอไอไม่ได้ ก็คงต้องมีมาตราการพิจารณาลดพนักงานลง
พอไม่รู้จะทำไร...ขายของออนไลน์คือคำตอบค่ะ ต้นทุนต่ำเปิดง่าย บางที่ไม่ต้องสต๊อกของอะไรเลยด้วย
คนจะหันมาขายของออนไลน์กันเยอะขึ้นค่ะ ตลาดออนไลน์ก็น่าจะมีการแข่งขันสูงขึ้นพอสมควรค่ะ

ก้าวสู่ดิจิตอล ทั้งเว็บ แอป จะมีบทบาทมากขึ้น

ตอนนี้ผมตันไอเดียสุดๆ  :wanwan031: :wanwan031:

ยังไม่ได้คิดเลยครับ ตอนนี้ทำเงิน และเก็บเงินครับ ถึงเวลาถ้ามีอะไรพอทำได้ก็จะทำครับคงมีแนวทางเองเมือเวลามาถึง

ก็เห็นอะไรหลายๆอย่างนะครับ

1. ปีนี้กับปีที่แล้วต่างกัน ปีที่แล้ว ผมขายค่อนข้างดี มาปีนี้ยอดขายหายไปพอควร วิเคราะห์สาเหตุ คือ ผู้เล่นเข้ามาในตลาดมากขึ้น

2. โรงงานผู้ผลิต ก็ลงมาเป็นผู้ขายเอง

3. ผู้ซื้อ เข้าถึงข้อมูลง่ายขึ้น บางทีก็หันไปซื้อกับผู้ผลิตโดยตรง

4. ระบบขนส่งที่ดีขึ้น ทำให้สินค้าหลายตัวสามารถทำe-commerce ได้ง่ายขึ้น โอกาสมากขึ้น คู่แข่งก็มากขึ้นตาม

5. จากการได้มีโอกาสดูงานต่างประเทศ บ้านเรายังตาม จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อีกเยอะ ยังมีโอกาสโตได้อีก

6. สินค้าบางอย่าง โรงงานผู้ผลิตยังไม่สามารถขายเองได้ ยังมีช่องทางอยู่

เก็บเงินลงทุนค่ะ  :wanwan003:

ผมว่ามันใหญ่ขึ้นน่ะ
ไม่ต้องห่วงเรื่องสินค้า จีน หรือ ขายของตัดราคา มันเป็นประเด็นให้คนถามกันมา 10 กว่าปีแล้วครับ
ทุกวันนี้ก็ขายของได้อยู่เลย ก็ยังมีขายตัดราคากัน สินค้าจีนเยอะแยะ  
นึกถึงตอนนั้นเลยเวลาจะขายต้องบอกว่าของเกาหลี หึหึ
ลูกค้าบางคนพอรู้ว่าเป็นของจีนยังด่าเราอยู่เลย หาว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพ บราๆ

อีคอมสมัย 5 ปีต่อไป จะเปลี่ยนโลกเลยครับ ใครอ่านดูอาจจะมองว่าเป็นนิยายก็ได้นะ
แต่มันมีโอกาสเป็นไปได้แน่ๆ

การเข้าถึงแบบ ย้ายสถานที่ ร้านออฟไลน์ กับ ออนไลน์ หรือ O2O ทำได้เหนือชั้นมาก
อยากไปซื้อของประเทศไหน ใส่เครื่องที่มีแว่นครอบหัว ต่อเนต เข้าเว็บ เข้าระบบ กดเข้าไป
อยากซื้อของร้านที่อยู่จีน ภาพ 360องศา จะปรากฏเห็นภาพของร้านนั้นแบบเรียวไทม์  เป็นร้านจริงไม่ใช่เสมือน ตัวเราตังหากที่เสมือนอยู่ที่ร้านเค้า
มองไปที่ชั้นวางของก็มีรายละเอียดโชว์ขึ้นมาให้กดอ่าน กดเลือกเปลี่ยนสี ดูสไลด์ได้

มีจัดโปรโมชั่นซือของที่ร้านครบ xxxx สามารถเดินเที่ยวบริเวณที่ตั้งร้านได้ในระยะ 1 กิโล ...โคตรเฟี้ยว

พวก AI AR VR มาครบ ตามเทคโนโลยีนี้ให้ดีๆ ครับ เจอกันแน่ๆกับชาวecom

ตามค่ะ รอดูแนวทางค่ะ  :-[

เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ แต่มันมาแน่นอน เทคโนโลยีต่างๆ ก็ทำสำเร็จแล้ว AI AR VR >> Virtual Shopping

Lazada ขาใหญ่ยังเหนื่อย

shopee ตัดราคากัน่าเกลียดจริงๆ :P

มารอดูเลยคับ :wanwan019:

แม้ว่าทิศทางของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว แต่สำหรับตลาดของ E-Commerce แล้วมันคือสิ่งตรงกันข้าม ด้วยมูลค่าของมันที่สูงถึง 76.3 ล้านล้านบาท และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจะไปถึง 149 ล้านล้านบาทในช่วงปี 2564

แน่นอนว่ามูลค่าที่สูงขนาดนี้ย่อมมีปัจจัยเกื้อหนุนอีกมาก โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีต่างๆที่คงพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ลองมาคาดการณ์กันว่าอีก 10 ปีข้างหน้า E-Commerce จะเปลี่ยนไปในรูปแบบใดบ้าง?

 

1.AI จะเข้าควบคุมดูแลร้านค้าแทนคน
เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามาส่งผลต่อการซื้อขายและควบคุมการผลิตสินค้าในปัจจุบันได้ แม้ในตอนนี้จะมีเพียงบริษัทใหญ่ๆเท่านั้นที่มีการดำเนินการใช้งาน AI อย่างจริงจัง แต่ในอนาคตมันจะสามารถเข้าถึง E-Commerce รายย่อยได้ดีขึ้น

ยกตัวอย่างเช่นเทคโนโลยีของ Amazon Go ที่ใช้ AI ในการควบคุมการจัดการเบื้องหลังร้าน และดูแลความเรียบร้อยภายในร้าน หรือ 7-11 สาขา Lotte World ที่ใช้ AI คุมระบบต้อนรับลูกค้า

มันคงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจหากในอนาคตอันใกล้ เราจะเลือกให้ AI ตัดสินใจอะไรสำคัญๆมากขึ้น เช่นการเลือกสินค้าใหม่ ดูแลของ รวมไปถึงจัดการลูกค้าในระยะยาว แทนให้มนุษย์ทำ เพราะอย่างน้อยๆเราก็มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่า AI คงไม่มีการมานั่งเถียงกับลูกค้าอย่างแน่นอน

 

2.E-Commerce รายย่อยจะมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง
การซื้อขายของออนไลน์นั้นสะดวก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะยินดีจับจ่ายใช้สอยบนโลกอินเทอร์เน็ต บรรดา E-Commerce ทั้งหลายจึงเริ่มเบนเป้าหมายจากการขายของบนโลกออนไลน์ 100% เป็นการเปิดตลาดใหม่บนโลกแห่งความเป็นจริง

โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ Alibaba ที่มีการนำร่องเรื่องนี้ไว้แล้ว โดยการสร้างหน้าร้านของตัวเองไว้ในจีนและสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่าเป็นการลดช่องว่างระหว่างผู้บริโภคและ E-Commerce

 

3.การส่งสินค้าจะใช้โดรนเป็นหลัก
ฝนตก รถติด แม้แต่รถไฟฟ้ายังไปไม่ได้ แต่ยังมีอีกเทคโนโลยีที่สามารถไปได้ทุกที่อย่างสะดวกรวดเร็ว นั่นคือโดรนส่งของลอยฟ้า

แม้จะดูเหนือจินตนาการไปบ้าง แต่นี่ยังอยู่ในแผนของ Amazon E-Commerce ยักษ์ใหญ่ ที่คิดจะสร้างหอคอยโดรนติดไว้ตามตึกต่างๆที่ตนเองเป็นเจ้าของเพื่อทำการส่งสินค้าในเขตเมือง โดยเฉพาะในเขตการจราจรแออัด หรือใช้ในชนบทที่รถเข้าถึงยาก เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการขนส่งสินค้า

 

4.Virtual Reality จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในร้านค้า
แม้ในปัจจุบันจะดูห่างไกลและจับต้องได้ยากโดยเฉพาะประเทศไทย แต่ในอนาคตก็มีสัญญาณว่าเราอาจจะได้เดินช็อปในร้านค้าโลกเสมือนจริง ที่มีรายการสินค้าเรียงรายอยู่ราวกับเราอยู่ในห้างสรรพสินค้า ทั้งๆที่ตัวเรากำลังนั่งอยู่ในบ้านของตัวเอง

โดยเฉพาะสินค้าด้านแฟชั่นและเครื่องสำอาง ในอีก 10 ปีข้างหน้า VR จะมีบทบาทอย่างมากในการเปลี่ยนรูปโฉมของตัวเองให้เห็นเป็นสามมิติเหมือนกับตัวเองกำลังสวมชุด หรือแต่งหน้าอยู่จริงๆ ทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการจับจ่ายใช้สอย

 
5.Social Media คือตัวแปรในการเลือกสินค้าอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียมากมายติดอันดับต้นๆของโลก ทางผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอัตราการเติบโตของการโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงปี 2560 นั้นอยู่ราวๆ 31% และอาจจะเติบโตขึ้นต่อไปได้อีกแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว

เหตุผลหลักๆคือการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียเช่น Facebook หรือ Twitter สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ง่ายกว่า และมีต้นทุนต่ำกว่าการโฆษณารูปแบบอื่นพอสมควร

หลายสิ่งอาจจะอยู่ในความคาดการณ์แต่อย่าลืมว่าโลกสามารถเปลี่ยนไปในทิศทางใดก็ได้ใน 10 ปีข้างหน้า เราคงไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ 100 % แต่การวางแผนเพื่อรับมือมันคือสิ่งจำเป็นที่สุด

เพราะตลาด E-Commerce คือตลาดของโลกอนาคต…

แหล่งที่มา https://smestartup.gsb.or.th/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-e-commerce-10-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2/

 :wanwan044:

ใครเจอแหล่งขุดทองต้องซุ่มเงีบกันเลยทีเดียวครับ
โกยไห้ไวก่อน คนแห่มาครับ55

รู้สึกจะเดินเข้าทางตันเรื่อยๆ  ต้องมีไฟ  ไม่งั้นนอนตายอย่างเดียว

ข้อสอง นี่ก็แปลกนะ ถ้าแนวโน้มเกิดขึ้นจริง แสดงว่า หน้าร้านปกติก็ยังสำคัญ แค่ยอดอาจจะน้อยหน่อย อีกวิธีการหนึ่งที่ผมเชื่อว่ามีส่วนสำคัญ คือ omni channel เพิ่มเติม [ https://www.posttoday.com/economy/575988# ]

อนาคตมองไว้มี 3 อย่างที่จะเปลี่ยนเกมส์อีคอมเมิร์สไปอีกขึ้นคือ
1. 5g 6g เป็นความเร็วอินเตอร์เน็ตบนมือถือที่เร็วขึ้น การเคลื่อนย้ายของข้อมูลเร็วขึ้น ความคมชัดของคลิปเร็วขึ้น
ทำให้เราดูรายละเอียดของสินค้า และดูรีวิวต่างๆ ได้เร็วมากขึ้น การตัดสินใจซื้อก็เร็วตามไปด้วย
2. Libra หรือตัวเงินดิจิตอล การที่คนส่วนใหญ่ใช้เงินที่เสียค่าธรรมเนียมน้อยมากๆ และจ่ายได้เร็วมากๆ จะทำ
ให้วงจรอีคอมเมิร์สสั้นลง ลูกค้าจ่ายเงินมา คุณจ่าย libra ค่าส่งสินค้าไปทันที ปิดดีลการขายได้ง่าย ไม่มีปัญหา
เรื่องเงินสด เงินเย็น หรือเงินสำรอง หรือปัญหาการส่งของที่ล่าช้า เพราะเงินมันไหลเร็วขึ้น การค้าก็จบไวขึ้น
3. เอนเกนในเพจโซเซียลมีเดีย แน่นอนว่าหากคุณอยากชนะสงครามตัดราคา สงคราม SEO จากมาร์เกตเพลส
คุณจะต้องเอนเกจลูกค้าให้ได้ เมื่อรวมเข้ากับคอนเทนต์ที่ดี การรีวิวอย่างละเอียด จ่ายจ่ายเงินที่สะดวกรวดเร็วทุกด้าน
ขอบถูกส่งไปถึงมือผู้รับเร็วพอๆ กับมาร์เกตเพลสขนาดใหญ

ผมมีข้อมูลวิจัยของมหาลัยท็อปๆ ในสหรัฐฯ ว่า อีคอมเมิร์สที่จะอยู่รอดได้ในอนาคตก็ต้องมี 3 อย่าง ดังนั้น ปลาเล็ก
จะอยู่รอดได้ก็อาศัยความเร็วและความฉลาด เทคโนโลยีอะไรที่ช่วยเพิ่มความเร็วนั่นมีต้นทุนต่ำจึงเป็นโอกาสของปลาเล็กเสมอ
คนส่วนใหญ่ไม่มีเงินทุนมากพอจะทำบิ๊กดาต้าหรือใช้ AI มาวิเคราะห์ความต้องการแบบจริงๆ จังๆ หรอก คุณต้องรู้ว่า
ลูกค้าจะเอนเกจกับสิ่งไหนบ้างและมีต้องการแบบไหน จากนั้นก็ใช้เทคโนโลยีต้นทุนต่ำที่สุด เร็วที่สุด มาสู้กับยักษ์
นอกจากหาโอกาสจากเทคโนโลยีที่มันเปลี่ยนโลกแล้วคุณสามารถใช้มันสร้างธรุกิจใหม่ๆ ได้ด้วย

สรุป ความเร็วสำคัญที่สุด เทคโนโลยีอะไรที่ช่วยให้มีกำไรมากที่สุดด้วยเวลาที่น้อยที่สุด ด้วยกระบวนการที่
สั้นที่สุด นี้คือทางรอดของคนตัวเล็กๆ ทำยังไงเราจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้นมาหาเงินได้ แน่นอนว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ
สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ทุกคน แต่มันก็ระเบิดสะพานที่ทอดไปยังอนาคตของทุกคนไปพร้อมๆ กัน หากคุณเข้าใจการ
เปลี่ยนแปลงของโลก คุณจะเห็นเส้นทางในอนาคตมากขึ้น ก้าวไปอยู่ในอนาคตที่เต็มไปด้วยเงินทองและทรัพย์สินมหา
ศาล ทุกอย่างมาเร็วมากปลาเล็กต้องคิดก้าวหน้าและทำให้เร็วกว่าคนอื่น อีคอมเมิร์สก็เช่นเดียวกันมันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
จงอย่าหยุดค้นหาแนวทางใหม่ๆ เอนเกจเนื้อหาใหม่ๆ ใช้เทคโนโลยีการเงินใหม่ๆ เพื่อให้ปิดรอบการขายให้เร็วขึ้น

ตัดราคากันยับเลยครับ  :'(

เอาจากที่เจอกับตัวเอง ตั้งแต่เมื่อสักเกือบ 20 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ทำเว็บขายโฆษณา, Adsense, Aff, จับเสือ ฯลฯ
วัฐจักรไปเร็วมาก มาแป็บๆก็ต้องเปลี่ยนเพราะทะเลแดงเดือน สิ่งที่อยู่ได้นานทำมาเป็น 10ปีแล้วยังคงอยู่ ณ ตอนนี้ก็คือ นวตกรรม
หาสิ่งที่ตัวเองถนัดพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆตามเทคโนโลยี

สมัยนึงเคยบอกกับพี่ ที่อยู่ในวงการทำเว็บด้วยกัน เราต้องเปลี่ยนมาเป็นเจ้าสินค้าเป็นของตัวเอง ปัจจุบันก็ขยายใหญ่โต

มันคงไม่มีอะไรยั่งยืน 100% การที่เป็นเจ้าของเองวัฐจักรมันยาวกว่าเท่านั้น...

เอาง่ายๆ เราว่าถ้าเป็น Red Ocean ไปแล้ว คุณคงต้องคิดสิ่งใหม่ๆ เพราะทุกวันโลกมันเปลี่ยนเร็วมากการทำการแข่งขันมันสูง จะมาอยู่ในทะเลแดงเดือดด้วยกันมันก็มีแต่แย่กับแย่แถมแพ้คนทุนหนัก คุณลองคิดหา Blue Ocean ของคุณดู อะไรที่คนอื่นยังไม่ทำและคิดว่ามันน่าจะใช่ คุณจงลงมือทำเลยเดี๋ยวนี้ มันสมองอยู่ที่คุณ นอกนั้นมันคือ Tools

อันนี้เรื่องจริงเลยครับ อยู่ที่สมองของเรา แนวคิดระบบการทำเงิน ปัจจัยอื่นๆ แค่เครื่องมือ ไอเดียเท่านั้น ที่ทำเงินให้เราได้จริงๆ ครับ อยากจะให้มองถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ทำออกมาแก้ไข ปัญหาบางอย่าง แล้วสร้างรายได้กับจำนวนคนดูหรือ Subscript  ช่วยได้ครับ หลายๆไอเดีย ไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ขอแค่โอกาศเเละการเรียนรู้ พร้อมที่จะเรียนรู้เเละสู้กับมัน สักวันจะต้องประสบความสำเร็จครับ  :wanwan017:

คงทำงานกันลำบากขึ้นมาก

เอาแค่ปีนี้ ยังหนาวๆร้อนๆเลยจะมองไกลขนาดนั้นคงกิจการเจ๊งไปแล้ว  :wanwan035:

เยี่ยมมากครับ

ผู้ผลิต จะเป็นผู้ขายเอง ยกเว้นสินค้านำเข้า ที่เป็นตัวแทนถูกต้อง ใครลักลอบก้อแอบต่อไป ผมเดา!!!!!  :P

คนขายเยอะขึ้น ตัดราคา จะไม่เหลือกำไร

ผมว่าต่อไปจะแข่งกันหนักขึ้นเรื่อยๆ ครับ เห็นด้วยกับ 5 ข้อของคุณ repair ครับ

 :wanwan011:

อนาคตคนที่ปรับตัวได้เท่านั้นที่จะอยู่รอดครับ

ปรับตัว จนกว่าจะอยุ่ไม่ได้ครับ  :wanwan003:

ปรับตัวจนกว่าจะทนไม่ไหว :wanwan003:

ถ้าไม่พัฒนาตัวเองคงจะอยู่ยากครับ :wanwan031: :wanwan031:

3-5-8 ปี  ถึงเวลานั้นอะไรๆคงเปลี่ยนไปเยอะมาก  นึกถึงสมัยเราเริ่มขายแรกๆ เมื่อปี 2009 ได้  คือสมัยนั้น เพิ่งเริ่มมีออนไลน์
เราก็เป็นคนซื้อ ที่ผันตัวมาขายเอง ทุกวันนี้ก็ยังขายอยุ่ งานประจำไม่ทำมาจะ 10ปีแล้ว
แต่ยอมรับว่า ปีสองปีนี้แย่ลงเยอะ  ยอดขายลดลง  แต่ก็ยังพอถูไถไปได้
ปรับตัวหาหนทางสุ้กันไปค่ะ  ของเรานี่ตอนนี้คิดแค่ว่าสู้กันไปแค่ปีต่อปีพอค่ะ  :'(
และเริ่มหาหนทางหารายได้เพิ่มทางอื่นไปด้วยตลอด :wanwan035:

ผมกำลังคิดถึง VR เพราะยุคนี้เหมือนตัวเล่นเริ่มหมด