ThaiSEOBoard.com

จากกระทู้นี้ http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,368027.0.html ทำให้ผมรู้ว่าคนหลายๆ คนไม่มีความพร้อมที่จะทำงานครับ รู้ไหมเพราะอะไร ในข้อความที่ผมได้โพส ผมได้มีการเขียนรายละเอียดไปแล้วว่ารับตำแหน่งอะไรบ้าง แล้วรายละเอียดให้ไปอ่านที่ไหน แต่ก็ยังมีหลายๆ คนส่งข้อความ Inbox เข้ามาถามรายละเอียดเป็นจำนวนมาก ว่าต้องมีพื้นฐานอะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง และประโยคเด็ด "เงินเดือนเท่าไหร่ ?" คือผมพูดตรงๆ นะครับ มันจบตั้งแต่ยังไม่สัมภาษณ์เลยครับแบบนี้

ผมจำได้ว่าตอนผมไปสัมครงาน ผมอ่านรายละเอียดจนชัดเจนเสร็จแล้วก็กรอกใบสมัครออนไลน์ รอเรียก ผมไม่เคยถามเงินเดือนครับว่าให้เท่าไหร่ ผมคิดว่าผมมีความสามารถพอกับเงินเดือนที่ผมเขียนไปในใบสมัคร ถ้าคุณเขียนเยอะ บริษัทเค้าก็จะมองละว่าคุณมีดีอะไรถึงขอเยอะ เดี๋ยวเค้าก็สัมภาษณ์คุณเอง เอา Portfolio ไปโชว์ ถ้าความสามารถคุณมันเหมาะกับเงินที่คุณขอ เค้าก็ให้คุณเองแหละครับ หรืออาจจะต่อรองอะไรก็แล้วแต่ อันนี้ก็แล้วแต่คุณ

แต่คนส่วนใหญ่สมัยนี้ เวลาจะสมัครงาน ถามก่อนเลย เงินเดือนเท่าไหร่ ทำอะไรบ้าง มันจบตั้งแต่เริ่มเลยครับ ใครที่เป็นแบบนี้อยู่ปรับทัศนคติใหม่นะครับ เพราะบริษัทเค้ายังไม่รู้เลยคุณมีดีอะไร ทำงานได้จริงๆ หรือเปล่า จะตอบคุณได้ยังไงว่าเงินเดือนเท่าไหร่ เรทขั้นต่ำสำหรับนักศึกษาจบใหม่มันมีอยู่แล้วครับ แต่ทุกครั้งที่บอกไปบางคนก็จะมองว่าน้อย แต่คุณลืมคิดไปหรือเปล่า คุณยังไม่ได้โชว์ของดีหรือความรู้ความสามารถของคุณให้บริษัทได้เห็นเลย ตอนผมสมัครเค้าบอกเงินเดือน 2 หมื่น ซึ่งผมก็มองว่าน้อยกว่ารายได้ที่เก่าของผม ก่อนที่ผมจะออก แต่ผมชอบ Profiles บริษัทใหม่ ก็เลยไปสมัครแล้วเขียนเงินเดือนมากกว่าที่เค้าระบุไว้ หลังจากนั้นเค้าก็จะสัมภาษณ์เราเองแหละครับ ว่าเหมาะสมกับเงินเดือนที่ขอไหม สุดท้ายผมก็ได้ตามที่ขอไว้ แถมผ่านโปรให้เพิ่มมากกว่าเดิมอีกครับ

ฝากไว้เป็นข้อคิดนะครับ

มีประโยชน์มากค่ะ +1
 :wanwan016:

ขอบคุณครับ

 :wanwan017:

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับทุกๆ คนนะครับ

นิสัยคนส่วนใหญ่ที่เจอเลย ข้อมูลอยู่ตรงหน้า แต่ไม่ชอบหาเอง ชอบถามเอา

เขาถามเงินเดือนแค่อยากรู้ว่าจะได้ดีกว่าที่เก่าหรือเปล่า (กรณีไม่ใช่จบใหม่) และอาจรวมถึงสวัสดิการ

คนสมัยนี้แปลก มาของานเค้า มาขอรายได้จากเค้า แต่ถามว่าบริษัทจะง้อเค้าให้ทำงาน ด้วยผลประโยชน์อะไรบ้าง เหมือนสำคัญตัวเองผิด

แต่เจ้าของกระทู้ จะตรงข้าม เพราะโชว์ว่าตัวเองจะทำอะไรให้บริษัท

ประเทศเรามักมี ลอจิกผิดเพี้ยนยังไงไม่รู้

เหมือนประกันเวลาโทรมา พอเราไม่คุยด้วยก็บอกว่า รับฟังหน่อยไม่ได้เหรอ กลายเป็นเราผิดอีก

มีแต่ตัวเองเก่ง ดี แต่ไม่มีงานทำ มัน เก่ง กันยังไงไม่รู้

ถ้าเก่งจริงต้องเป็นเจ้าของบริษัท จะมาสมัครงานทำไม

คนไทยเรา เดินออกจากบ้าน ก็โทษคนอื่นตลอดเวลา

รอ AEC เปิดเมือไหร่ คนไทยได้เจอของจริงแน่

ไม่รู้จะดราม่า หรือ เปล่า

แต่ก่อนยังไม่มีลูกน้อง ก็งงๆ ทำไมหลายที่ขึ้นป้าย ไม่รับคนไทยทำงาน

มาวันนี้ ต้องมีพนักงาน มีลูกน้อง รู้ซึ้งเลย

ลูกน้องคนไทย ความสามารถธรรมดา ทำๆแล้วก็พัก แต่ขอนู้นขอนี่ ในใจเค้ามีแต่ว่า บริษัทจะทำอะไรให้เค้า

ลูกน้อง พม่า เขมร ทำงานทุกชั่วโมงไม่มีพัก ทำไม่ได้ก็ถาม หัดทำจนได้ แอร์ เออ ไม่เอา ในใจเค้ามีแต่ เค้าจะทำอะไรให้บริษัท


เราเป็นเจ้าของ ก็คิดในใจระหว่าง ช่วยคนไทยด้วยกัน กับ ช่วยบริษัทตัวเองให้ก้าวหน้า เลือกอย่างไหน

สุดท้าย เพราะธุรกิจมีความเสี่ยง ตัวเราเองก็เสี่ยงกับการลงทุนอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายจิปาถะ สุดท้ายก็ต้องเลือกต่างชาติด้วยความจำเป็น

มันเป็นเรื่องของ กฏ ง่ายๆอย่างหนึ่งนะครับ เกี่ยวกับระบบผลตอบแทน

X = Y

Action = Reaction

ดังนั้นเรื่องของงาน

งานที่ทำ = เงินเดือน

-----------

Y สำคัญกว่า X เสมอ เพราะอะไร ?

เพราะว่า หากคุณไม่รู้ "เงินเดือน" ก่อนที่จะเข้าไปสมัครงาน
ก็ทำให้เสียเวลา(ทั้งสองฝ่าย)ครับ

----

คุณจะสละเวลาไปสัมภาษณ์งานไหมครับ ถ้าคุณรู้ว่า Rate เงินเดือนคือ 3,000 บาท
- ไม่แน่นอนครับ

คุณจะสละเวลาไปสัมภาษณ์งานไหมครับ ถ้าคุณรู้ว่า Rate เงินเดือนคือ 20,000 บาท
- แบบนี้มีโอกาสครับ

----

ทางแก้ไขที่ดีที่สุด ในมุมมองคนสมัครงาน คือ [ระบุเงินเดือน ที่คุณต้องการลงไปเลยครับ อาจเป็นช่วงเงินเดือนที่คุณพอใจ]
ทางแก้ไขที่ดีที่สุด ในมุมมองผู้ประกอบการ คือ [ในใบสมัครงาน ควรเขียนบอกให้ชัดเจนว่า ควรระบุเงินเดือนที่อยากได้มาเลยครับ]

-----------

หากมองมุมกลับครับ
ถ้าอยากหมดปัญหาหงุดหงิด ก็ลองระบุ Range ฐานเงินเดือนลงไปเลยครับ (เอาแบบกว้างๆที่คุณจ่ายไหวนะครับ)
เช่น รับสมัครงาน เงินเดือน 20,000 - 40,000 บาท แบบนี้จะทำให้ผู้สมัครงาน พิจารณาตัวเองง่ายกว่าครับ แถมยังรู้ Y ก่อนด้วย ทำให้คุณไม่ต้องหงุดหงิดครับ

เห็นด้วยครับ

ในมุมมองผม น่าจะบอก range ของเงินเดือนสักหน่อยนะครับ มันจะทำให้การตัดสินใจของผู้สมัครได้เลย ทำให้มองภาพออกว่าางานนั้นสำคัญต่อองค์กรขนาดใหน ความรับผิดชอบระดับใหน ภาระงานเป็นงัยได้ เพราะส่วนตัวเคยทำงานบริษัทที่คนทำงานส่วนมากเป็นฝรั่ง คุณสมบัติสูงกว่าบริษัท จขกท ด้วย เงินเดือนหมื่นกว่า ค่อนข้างกดดันมาก คือเข้ามาเงินเดือนน้อย อีกทั้งภาระงานหนักมาก ผิดกับที่บอกในตอนสัมภาษณ์ กลายเป็นงานที่ต้องใช้ความพยายามค่อนข้างสูง เคยคิดแบบ จขกท ว่าทำงานหนักแล้ว ให้เค้าเห็นผลงานแล้วเค้าจจะขึ้นเงินให้เยอะๆ แต่เจอจริงๆแล้วขึ้นเงินเดือนให้ปีละไม่กี่ร้อย ตอนจะออกนี่รั้งมากจริงๆจะให้โน่นนี่นั่น  แต่ผมมองละผลตอบแทนที่ได้มันไม่คุ้มจริงๆเลยออกมา ตอนนี้ผันตัวเองมาทำim ได้เงินดีกว่างานเดิมหลายเท่ามาก

ควรบอก Rate ครับ

ให้ผู้สมัครได้ตัดสินใจว่า Rate เท่านี้รับได้ไหม

หากรับไม่ได้ ก็จะได้ไม่ต้องสมัคร WIN WIN ทั้งสองฝ่ายครับ

 :wanwan020: :wanwan020:

ต้องมานั่งเดาใจอีกว่าเขาจะมองว่าเราหลงตัวเองเกินไปไหมถ้ากรอกเยอะ กรอกน้อยก็ดูจะถูกตัวเอง
ทางที่ดีนะใส่รายละเอียดให้ชัดเจน "เริ่มต้นที่" ตามด้วยเพิ่มภายหลังตามความสามารถ อะไรก็ว่าไป
ไม่เสียเวลากันทั้ง 2 ฝ่ายครับแบบนี้

แล้วแต่เหตุผล

บ้างผมก็เจอคนที่มีแต่คิดจะเอา จะได้อะไรบ้าง แต่ไม่สนใจเรื่องงานเลย บางคนอาจจะถามเพราะอยากรู้รึยังไง แต่ส่วนใหญ๋เราก็น่าจะทราบอยุ่แล้วว่าเงินเดือนประมานเท่าไหร่ ส่วนผมเลือกบริษัทที่ชอบไม่ได้ไปเร่หางานเอาหวังเงินเดือน อารมแบบอยากมีส่วมร่วมมากกว่า งานมันสร้างเองได้

เหตุการณ์ มันเป็นอย่างนี้ครับ

ผมจ้างแม่บ้าน คนไทย พอบอกว่า วันละ 400 เค้าเดินหนี

พอหาแม่บ้านชาวอาเซียน (พม่า ลาว เขมร)
เค้ามา 2 คน พี่น้อง เค้ายื่นข้อเสนอเงินเดือน ต่อผมว่า
2 คน คิดวันละ 400

ในใจผมคิด ระหว่างรักชาติ กับ เงิน เลือกอะไร

แว่บเดียว ผมตอบเลย เลือก เงิน

แม่บ้านชาวอาเซียน ได้งานไป



ถัดมาอีก สักพักอยากได้ ตำแหน่งคอมพิวเตอร์
แม่บ้านอาเซียน 2 คนที่รับมา ไปชวนเพื่อนมาสมัครทำคอมพิวเตอร์
ถามเค้า ทำอะไรได้บ้าง เค้าตอบว่า หนูจบประมาณ ม.3 ถ้าเทียบในกับประเทศไทย
ภาษาอังกฤษหนูอ่านได้ หนูทำคอมได้ ขอแค่สอนหนู ฝึกหนูแค่นั้น
หนูขอเงินเดือน 12000 บาท ที่พักไม่ต้อง พักทีบ้านผมได้เลย

แต่ถ้า รับสมัครคนไทย เงินเดือน 12000 เค้าก็แทบไม่อยากจะมาทำ
ที่พักอาจต้องจัดให้ แล้วก็อะไรอีกต่างๆนานา

ในใจผมคิด ระหว่างรักชาติ กับ เงิน เลือกอะไร
แว่บเดียว ผมตอบเลย เลือก เงิน อีกแล้วคับ


เมือไหร่ เปิด AEC เต็มตัว คนไทยจะโดนตัดราคา เรื่องเงินเดือนมากกว่านี้

วิธีการเอาชนะชาวอาเซียนด้วยกัน คือ มีความสามารถมากกว่าเค้า

แต่ปัญหาาคือ 1 เรามีความสามารถมากกว่าเค้า หรือเปล่า

2. งานโดยส่วนใหญ่ ไม่ได้ใช้ความสามารถพิเศษอะไร
ถึงเราจะมีความสามารถมากกว่าเค้า แต่ไม่มีตำแหน่งงานแล้ว เราจะทำอะไร

ถามก่อนคุณให้ตก แล้วคุณจะยังคุยกับเขาต่อไหมหรือเลิกคุยเพราะคุยไปก็ให้ตกอยู่ดี ไม่ถูกใจคุณแล้วหนิ อคติตั้งแต่ต้น ก็จบตั้งแต่แรกแบบที่คุณว่านั่นแหละ ถูกต้องแล้ว เก่งจริงไม่เก่งจริงเลยไม่รู้เลยทีนี้

เพิ่มหน่อย คุณคิดว่า ช่วง 3 เดือนทดลองงาน เค้ามีไว้ทำไม

น่าสนใจครับ

ดูเหมือนผมเคยไปเยี่ยมกระทู้เก่าคุณอยู่  ถูกของคุณครับที่ว่าการเรียกเงินของคนสมัคร อาจไม่ถูกใจบริษัทซักเท่าไหร่ เพราะคุณไม่ทราบความสามารถที่แท้จริงว่าอยู่ในระดับไหน เห็นแค่Profile ซึ่งใครๆย่อมเลือกเสนอProfileดีๆ เด่นๆ

แต่ผมอยากเสนออีกแง่นึง ว่าการที่ผู้สนใจและอยากร่วมงานกับบริษัทของคุณ ก็คงอยากจะสอบถามสิ่งที่เขาเองจะได้รับ ว่าถ้าฝากชีวิตไว้ที่บริษัทของคุณ เขาจะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ เพราะบางครั้งเขาเองก็มีค่าใช้จ่ายอยู่เบื้องหลัง  เขาคงแค่อยากจะทราบเงินเดือนในตำแหน่งที่เขาสนใจ เพื่อจะได้วิเคราะห์เบื้องต้น ว่าคุ้มหรือไม่ ซึ่งผมเองมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้สมัครเองก็อยากทราบ แต่อาจมีไม่กี่คนที่กล้าถาม ขณะกำลังสัมภาษณ์อยู่

ผมว่าอย่าพึ่งไปตัดสิทธิ์คนที่ ถามเงินเดือนก่อน เลยครับ  เพราะแม้จะฟังดูเหมือนคิดแต่ได้ แต่อย่าลืมว่าสิ่งนี้เป็นธรรมดาของคนที่เป้นลูกจ้างลึกๆ

ปล.ผมเองก็ไม่เคยสอบถามเงินเดือนก่อน ส่วนใหญ่จะเขียนลงในใบสมัครไว้ แล้วผู้สัมภาษณ์จะเป็นคนบอกเองว่าตกลงจ้างที่เท่าไหร่ แต่บางบริษัทก็ลืมแจ้ง ผมก็ต้องสอบถามเงินเดือน เพื่อจะได้ไม่ติดค้างใจ  ผมเองเข้าใจ จขกท.ครับ แต่ จขกท. เองก็ลองมองในมุมลูกจ้างแบบกว้างๆดูนะครับ

 :wanwan003:

ขอบคุณที่มาแบ่งปันครับ

เห็นด้วยครับ

ก็ดูแต่โปรไฟล์ ไม่ดูที่การทำงาน ชอบคุณสมบัติครอบจักรวาลแต่ค่าจ้างน้อย จ้างมาสั่ง จ้างมาด่า แต่ไม่กล้าบอกตรง ๆ ไม่มีทักษะการคุย รู้แต่ว่าข้าคือนาย วางอำนาจเป็นใหญ่ ขโมยผลงานลูกน้อง ชอบนินทา แก่งแย่งชิงดี เลียเจ้าของเอาหน้า โทษคนอื่นอย่างเดียว ตัวเองถูกเสมอ นี่คือส่วนมากที่เจอมา

คุณสมบัติ
จบปริญญาสาขาที่เกี่ยวข้อง เด็กจบใหม่ก็สมัครได้
ต้องอายุไม่เกิน......
ต้องพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้
ต้องมีความพร้อมในการนำเสนอ
ต้องทนภาระความกดดันได้
ต้องใช้คอมพิวเตอร์ได้
ต้องมีรถเป็นของตัวเอง
ต้องอยู่ในพื้นที่
มีประสบการณ์ในการทำงานในตำแหน่งจะพิจารณาเป็นพิเศษ

เงินเดือน 11000

ค่ารถเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว ยังไม่รวมค่าเช่าคอนโดเลย แถมเอาคุณสมบัติครอบจักรวาลขนาดนั้น
ไปจ้างคนข้างบ้านเถอะฮะ

ไม่รู้นะครับ  ผมเลือกที่ผมสบายใจครับ ผมคิดว่าทั้งฝั่งนายจ้าง หรือลูกจ้าง ต่างก็มีสิทธ์เลือกด้วยกันทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่คือจบ ไม่มีอะไรที่ต้องคุย หรือถ้าต่างฝ่ายมีข้อเสนอ ก็สามารถที่จะคุยกันได้ครับ

สำหรับผมนะครับ บอกตรงๆ เลยจะดูที่เงินเดือนเป็นอันดับแรก ถ้าอยู่ในจำนวนที่รับได้ ก็ส่งไป ถ้าไม่ก็ปิด แค่นั้นครับ นอกนั้นก็เป็นส่วนของวัน เวลา สวัสดิการ แล้วแค่ความคิดหรือสิ่งที่ลูกจ้างอยากจะได้  แน่นอนว่าสำหรับคนที่ไม่ค่อยเดือดร้อนอะไรมันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าเลือกไม่ได้หรือแต่ล่ะเดือนต้องดิ้นรนเอาตัวรอดกันไป ก็คงต้องยอม

ผมว่านะ นักศึกษาจบใหม่หรือคนที่เคยทำงานบริษัทมาก่อนแล้วบางคนหรือหลายๆ  คนเขามีความคิดที่ไม่อยากจะเป็นลูกจ้างใครมากแล้วนะครับ มีคนที่รู้จักหลายๆ  คนจบมา บ้างก็ทำงานรับช่วงต่อกิจการของครอบครัว บ้างก็ผันเป็นเจ้าของบริษัทตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย  บ้างก็รับงานอิสระ ขายของ หรือแม้กระทั่งทำไร่ทำนาทำสวน ก็ว่ากันไปครับ

สำหรับผมแล้ว อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ขอบาย บอกแบบสบาย ๆ i don't care. ครับ เหอะๆ อาจะเป็นคำพูดที่คล้ายๆ เด็กที่คิดไม่เป็น แต่อาจจะเป็นความคิดของผู้ใหญ่หลายๆ คนที่มีความต้องการที่ตรงกัน

สู้ๆ ครับ  :wanwan003:

เห็นด้วยครับ เพราะหลายๆที่มีโครงสร้างเงินเดือนไม่เหมือนกัน
คนสมัครจะคัดกรองก่อนว่าเงินเดือนที่ให้เต็มที่เท่าไหร่
ถ้าเรทที่ให้ต่ำว่าที่เราทำอยู่ เราก็จะไม่เสียเวลาไปสมัคร ประมาณนี้ครับ

บริษัทผมกำลังอยู่ระหว่างพิจารณา Proposal บริษัท TNT อยู่
น่าจะได้ร่วมงานกันเร็วๆนี้ รีบสมัครนะครับ แล้วเจอกัน

ตอบในฐานะมนุษย์เงินเดือนนะครับ
ถ้าเป็นบริษัท IT ใหญ่ๆอย่างพวก IBMSD , Accenture หรือ MFEC
จะไม่ค่อยมีคำถามอย่างที่คุณได้รับหรอกครับว่าให้เท่าไหร่ เพราะ เราๆท่านๆรู้ rate ของแต่ละ Role คร่าวๆกันอยู่แล้ว
ส่วนบริษัทอื่น ถ้าผมจะเป็นคนสมัคร แนวคิดคือ ผมเป็นลูกจ้างครับ ทำงานแลกเงิน การย้ายงานผม จะทำให้เงินเดือนเพิ่มรึเปล่า
สมมุติว่าผมทำอยู่ Role PG ตอนนี้ประสปการณ์ 3 ปี มี Skill ทุกอย่าง ตามที่ บ.ประกาศมาว่าอยากได้ อาจจะเกินด้วยซ้ำ เงินเดือน รวมสวัสดิการณ์ทุกอย่างประมาณ 25,000
ย้ายงาน 1 รอบคาดหวังไว้ที่ 30% ก็ประมาณ 30 Up ละ แต่ Budget ที่ใหม่รับได้ที่ 28,000 จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทั้งคนรับและคนสมัครครับ(สำหรับคนที่ทำ Outsource 1 Manday บาง Role ลางาน 1วันเงินหายหลัก หมื่นนะครับ)
ถ้างานหลักทำ recruit ปรับทัศนคติ ใหม่นะครับ ไม่ใช่บริษัทเลือกคนได้อย่างเดียว ยุคนี้คนก็เลือกบริษัทแล้วครับ

ชอบจังครับ   :wanwan013:

ถ้าบริษัทที่ profile ดี ไม่ต้องถามไปสืบเอาข้างนอก  ถ้าบริษัทกากๆถามก็ดีคับ บริษัทกากๆ ที่ผมเคยอยู่ที่นึง  เค้า 3หมื่นกว่า อยากให้เค้ามาอยู่ด้วย แต่งบ 25k เยดแหม่  :P

ตัวอย่าง headhunter ระบุช่วงเงินเดือนที่เสนอ https://www.monroeconsulting.com/jobs/IT-/Thailand

 :wanwan017:

ขอบคุณทุกความเห็นและคำแนะนำครับ มีประโยชน์กับผมมากๆ ครับ แต่ผมก็ลืมให้รายละเอียดไปว่าที่ถามมาไม่ใช่ไม่ตอบนะครับ ยังไงก็ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นครับผม  :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017: