ThaiSEOBoard.com

ซื้อของมา 125 ขายเท่าไหร่ดีครับผ่านเน็ต 380 คุ้มมั้ย

ผมลองแล้วถ้ากำไร ร้อยสองร้อย ไม่น่าจะคุ้ม สงสัยเลือกสินค้าผิด  :wanwan022:

ต้องดูว่าสินค้าตัวนั้นคืออะไรนะครับ

ถ้าขายได้วันละ10-20ตัว มันก็คุ้ม

คู่แข่งขายเท่าไหร่ครับ

เป็นสินค้าแฟชั่น  ตอนแรกว่าจะขาย 550 แต่คิดๆดูแล้วมันน่าจะแพงไป แม้ว่าเมืองไทยไม่ค่อยมี แต่ว่าไม่น่าจะมีใครซื้อราคาขนาดนั้นเท่าไหร่ ผมเองลึกๆยังคิดว่าแพงเลย

 :wanwan001:  

ราคาสินค้า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับต้นทุน ขึ้นอยู่กับการแข่งขัน

125-380 = 255 กำไรตั้งเยอะยังคิดว่าไม่คุ้มอีกเหรอครับ ?

การตั้งราคามีสามแบบคือ
1.ดูต้นทุนเป็นหลัก (ต้นทุน+กำไรที่ต้องการ รวมทั้งดูจุดคุ้มทุน เป็นต้น)
2.ดูความต้องการของตลาด (ตลาดแบบไหนผูกขาด ตลาดใหม่ เป็นต้น)
3.ดูจากการแข่งขันในตลาด(คู่แข่ง)

เดี๋ยวนี้ถ้าเราสามารถ+กำไรที่หักจากต้นทุนทั้งหมดแล้ว ได้เกิน50%ก็ถือว่า คุ้มที่สุดแล้วครับ  :wanwan017: :wanwan017:

หลักตั้งราคาคร่าว เอาต้นทุน x 3 ราคาที่ว่ามาก็โอเคครับ แต่ต้องดูสินค้าด้วย หากเป็นที่ต้องการ
หรือหายาก อาจตั้งราคาให้สูงกว่านี้ก็ได้

ไปหาวิธี ทำให้ขายได้เยอะๆ ดีกว่าครับ กำไร ชิ้นละ 20 แต่ สั่งวันละ 100 ชิ้นก็วันละ 2000 / บาท

คงเหมือนที่ท่านอื่นๆว่า คู่แข่งขายเท่าไหร่  แต่คิดจากกำไรแล้วก็ดูดีนะครับ ถ้าไม่มีต้นทุนอื่นมาหักอีก

ในเมืองไทยมีคู่แข่งแค่เจ้าเดียว และของคุณภาพห่วยกว่าของผมด้วย ความหลากหลายน้อยกว่า แต่ขายถูกกว่าคือไม่เกิน 200  :wanwan007:

อันนี้คือหลักการขายที่ถูกต้องเลยครับ
กำไรเยอะไม่เท่ากับขายได้จำนวนเยอะๆนะครับ
การที่ขายได้จำนวนเยอะๆจะทำให้คนรู้จักของเราเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

 :wanwan003: :wanwan003: :wanwan003: :wanwan003:

มีแต่ความรู้ดีๆทั้งนั้นเลย ขอบคุณค่ะ  :wanwan017:

สำหรับผม ราคาเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับลูกค้ารับได้เท่าไร (ค่าเปอเซปชั่น) ต้นทุนไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะเอามาคำนวณ

ผมเคยซื้อหัวที่ยิงแสงเลเซอร์ ตอนนั้นมันเข้ามาเมืองไทยใหม่ ๆ ราคา 1,000 บาท ซื้อมาเล่นอันนึง มันเจ๋งมากตอนน้้น

เดี๋ยวนี้เหลือราคาอันละ 10 บาท ทำเป็นแผงให้เด็กซื้อไปเล่น

วิธีที่จะรู้ได้ว่า ลูกค้าส่วนใหญ่รับได้ราคาที่เท่าไร ก็คือ ทำการวิจัย หรือทำการสำรวจครับ

- ขายเท่าที่หักต้นทุนออกแล้วมีกำไรพออยู่ได้
- ขายเท่าที่ไม่เอาเปรียบผู้ซื้อจนเกินไป
- ขายเท่าที่ผู้ซื้อไปแล้วอยากกลับมาซื้อใหม่
- ขายเท่าที่ผู้ซื้อไปแล้วอยากบอกเพื่อนให้มาซื้อกับคุณ

และอื่นๆ

ขอบคุณทุกควาทรู้มากๆๆครับ  ผมเห็นด้วยกับที่ว่าขายได้จำนวนเยอะๆๆครับ :wanwan003:

ตามนี้ครับ

ถ้าของเหมือนกัน ของท่านคุณภาพดีกว่า ขายเท่าราคาคู่แข่งเลยครับ  :wanwan011:

อย่าคิดเอาเองนะครับ ที่บอกว่าคุณภาพของเขาห่วยกว่าของคุณ 
เพราะถ้าคุณพูดอย่างนั้น  มันจะหมายถึงว่าของคุณก็ห่วย แต่ ของเขาห่วยกว่าคุณ เท่านั้นเอง
ลูกค้าจะยอมจ่ายเพิ่มอีก 180 เพื่อ ได้ของห่วยที่ห่วย ทั้ง 2 เจ้าหรือครับ แค่ห่วยมากกับห่วยน้อย 

คุณต้องบอกว่า สินค้าของคุณ คุณภาพดีกว่า ไม่ใช่คุณภาพของเขาห่วยกว่า
 
ถ้าคุณคิดแค่นั้น อีกไม่นานจะมีคู่แข่ง เพิ่มขึ้น และ คุณภาพที่เข้ามาใหม่ คุณภาพดีกว่าของคุณนะครับ
อันนี้แนะนำให้ฟัง อย่าเคืองกันนะครับ

ราคาขึ้นอยู่กับคู่แข่งอย่างเดียว ถ้าโดดไปแพงกว่าเพื่อนโอกาสขายได้เยอะคงน้อย

ขายให้ได้กำไลพองามครับ
บางตัวกำไลเยอะ
บางตัวน้อย

ดูคู่แข่งด้วยก็ได้ครับ ในการตั้งราคาถ้าของเราดีกว่าขายเท่ากันเลย ถ้ากำไรเยอะ ส่งฟรีไปเลย

ตามนี้เลยครับ :wanwan003:

คุ้มมากครับ

กำไรเยอะนะครับ

กำไรเยอะเลยนะคะ

250 กำลังดีครับ ฟรีค่าส่ง (ลูกค้าชอบ)

ขายเน้นปริมาณ จะมีอนาคตมากกว่านะครับ

การตั้งราคาไม่ได้อยู่ที่ต้นทุนอย่างเดียวนะครับ
มันอยุ่ที่คู่แข่งเป็นหลัก แต่ต้องเลือกคู่แข่งที่ชนกับคุณ คู่แข่งไม่ชนกับเราอาจไม่ต้องสนมาก
ของบางอย่าง ราคาเกือบพัน กำไรไม่ถึงร้อยก็เยอะครับ

กำไรโหดจังเลยครับ เง้อ  :wanwan011:

ดูคู่แข่งด้วย ถ้าไม่เยอะขายราคาสูงได้

ปกติโชตั่งราคาโดยดูจากความต้องการของตัวเองเป็นหลัก คือมุมมองว่า หากเราเป็นคนซื้อ ด้วยคุณภาพและตัวสินค้าประมาณนี้ ราคาเท่านี้โอเคไหม จะกลับมาซื้อซ้ำๆไหวไหม ต้องคิดถึงใจคนที่ทำงานกินเงินเดือน มีภาระต่างๆนาๆด้วยนะคะ เราจะขายบวกตามใจชอบไม่ได้
บางชิ้นกำไรมากกว่า 100% บางชิ้นกำไร 10% ก็มีค่ะ แล้วแต่คู่แข่งด้วย ว่าในตลาดมีเยอะไหม ของราคาเท่านี้เหมาะสมกับคุณภาพไหม แล้วที่สำคัญทำแล้วเหนื่อยเปล่าไหม การตลาดเราดีแค่ไหนด้วยค่ะ
บางท่านบอกว่า กำไรชิ้นละ 20 บาท ขาย 1000 ชิ้นก็ได้ 2000 อันนี้จริงค่ะ หากของเราดีจริง ไม่ต้องไปว่าคนอื่นเค้าดีกว่า/แย่กว่าคุณ เพราะตัวสินค้าจะบอกในตัวของมันเองหลังจากลูกค้าได้รับค่ะ เค้าก็จะบอกต่อๆ และวนกลับมาหาเราอีกครั้ง ทำให้เราได้ขายมากขึ้น สนุกกว่านะคะ

 :wanwan003:

เห็นรูปแล้วคุ้นๆ เค้าเคยซื้อชูชีพเป่าลม ร้านนี้ด้วย ไปเดินเจอที่ BigC แต่ร้านนี้ถูกกว่า ฮ่าๆ

เห็นด้วยกับท่านนี้ค่ะ
หากตั้งราคาสูงเกินไป เพราะ มัวแต่คิดว่า ต้องได้กำไรเยอะๆ
ลูกค้าเห็น เขาก็ไม่อยากซื้อ เพราะ ราคามันแพงเกินไป ทำให้ขายได้น้อยลง
ระหว่างกำไร 50% แต่ขายได้วันละ 10
กับกำไร 30% แต่ขายได้วันละ 100 .. ลองบวกลบคูณหารดูนะคะ.. ถึงความเหมาะสม
** สมมุติเฉยๆนะคะ อิอิ **

จากปะสบกานนะคับ

ขายของกำไรชิ้นละ 20 โคตรเหนื่อยเบย !!!

ถ้าเราเน้นขายจำนวนให้ได้มากๆ ถ้าลูกค้าสั่งคนละ 1 ชิ้น สมมติวันละ 50 ชิ้น

เราต้องแพคสินค้า 50 กล่อง จ่าหน้าซอง 50 ซอง แจ้งเลขพัสดุ 50 คน
ที่กล่าวมายังพอทน

แต่การคุยกับลูกค้านี่สิครับ สุดแสนจะลำบาก
ขายของราคาถูก กลุ่มลูกค้าที่ผมเจอจะเป็น พวกเกรียน เด็กน้อย สาวน้อย หนุ่มน้อยทั้งหลาย หรือแม้แต่คนโตก็มี

แต่ละคนนี่ ถามแบบเกรียนสุดๆ
- พี่สั่งเช้า เย็นได้ของเลยมั้ย
- พี่ทำไมตอบช้าจัง
- พี่..ผมโอนเงินไม่เป็นทำไงอะ
- พี่จะโกงหนูมั้ย
- พีโอนสิ้นเดือนได้ไหม
- พี่นู๋จองก่อนนะ อย่าเพิ่งขายนะ เดี๋ยวหนูจะสั่งแล้วบอก
- พี่ส่งของมาให้ก่อนได้ไหม
- พี่ทำไมอยู่ลาดพร้าว ส่งมาบางกะปิเป็นวันเลยล่ะ ครึ่งชั่วโมงน่าจะถึงนะ


ถ้ายินดีที่จะตอบคำถามเหล่านี้ก็โอเครับ
ส่วนผมท้อใจมาก 55555


แล้วคนพวกนี้จะมีความคาดหวังต่อสินค้าสูงปรี๊ดดดดดดดดดดดดด
เขาลงทุนซื้อของ 200 บาท คือเงินเก็บของเขาทั้งอาทิตย์ ทั้งเดือน
หากมีรอย หรือมีตำหนินิดนึง ขอเปลี่ยนอย่างเดียว (ซึ่งมันไม่คุ้มถ้าเราได้กำไร 20 บาท)

แต่ถ้าขายให้ชนชั้นบนขึ้นมาหน่อย มนุษย์เงินเดือน 200 นี่ชิลๆ เลย ทำงานไม่กี่นาทีก็หาได้แล้ว
แบบนี้เขาจะไม่ค่อยซีเรียสกับตัวหนินิดๆ หน่อย

ถูกใจความเห็นนี้จัง

เหมือนของผมทุกประการเลย  โดนๆ

ดูที่ต้นทุนทั้งหมดก่อนครับ ตั้งแต่การไปรับของมา มีแพคเก็ตจิ้งหรือเปล่า ค่าโฆษณา การส่งของ ทุกอย่างมีต้นทุน คำนวณต้นทุกเบ็ดเสร็จออกมาก่อน แล้วไปดูคู่แข่ง เปรียบเทียบราคาและคุณภาพระหว่างของคุณกับคู่แข่ง แล้วค่อยตั้งราคาที่เหมาะสมต่อชิ้น ดูกลุ่มเป้าหมายด้วยว่ามีกำลังซื้อมากแค่ไหน ถ้ากลุ่มเป้าหมายเยอะมาก ก็ลองจับเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อดู อาจจะขายได้ในราคาที่สูงกว่ากลุ่มอื่น ขายได้เยอะแต่กำไรน้อย ก็เหนื่อยเปล่าๆครับ

ราคาสินค้า 125 ไม่ได้หมายถึง ต้นทุน 125 นะครับ

ยังมี

ค่าขนส่ง (ทั้งค่าเดินทางไปซื้อมาขายและส่งให้ลูกค้า)
ค่าโฆษณา(สินค้าบางตัวค่าโฆษณาแพงกว่าค่าสินค้า 2-3 เท่า สินค้าปกติทั่วๆไปก็น่าจะอยู่ที่ 20-30%)
ค่าทำเว็บ(ถ้ามีมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายรายปี)
ค่าธรรมเนียม (โอนเงิน,บัญชี,บัตร ฯลฯ)