ThaiSEOBoard.com

อื่นๆ => Cafe => ข้อความที่เริ่มโดย: pharmoana ที่ 04 เมษายน 2013, 17:34:43



หัวข้อ: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pharmoana ที่ 04 เมษายน 2013, 17:34:43
 
จะลดน้ำหนักอย่างไร ร่างกายเรามีการควบคุมน้ำหนักอย่างไร ค่ะพี่เภสัชแมวน้อย เป็นคำถามที่ส่งตรงมาทางเฟสบุคผม  หลังจากได้ฟังคำถามจากน้องสาวคนหนึ่ง บอกตรงๆ อึ้งกับคำถามนะ แต่ไม่ได้อึ้งตรงที่ว่าทำไมถึงถาม แต่อึ้งตรงที่ว่า น้องสาวที่ผมรู้จักคนนี้ น้องเขารับประทานอาหารเสริมที่ช่วยลดน้ำหนักมาอย่างมากมาย แล้วทำไมแค่ เรื่องนี้ต้องถามด้วยละ ผมเลยคิดว่า จริงๆแล้ว หลายๆท่านที่กำลังทานอาหารเสริมหลายๆอย่างอยู่  ยังไม่เข้าใจหรือรู้จริงๆว่า มันไปออกฤทธิ์ต่อร่างกายอย่างไรหรือแท้จริงแล้วกลไกธรรมชาติในการควบคุมน้ำหนักในร่างกายเป็นอย่างไรนั้นเอง คุณเป็นแบบน้องคนนี้ไหมละครับ แต่สำหรับบทความนี้ ผมขอบอกเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานในการลดน้ำหนักก่อนนะครับ เพราะผมคิดว่า เป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรทราบครับ
    ผมสังเกตว่ามีเพื่อนหรือคนรอบข้างจำนวนมากครับ ที่กังวลเกี่ยวกับน้ำหนักตัวมากเกินไป โดยเฉพาะเวลาที่ผมอยู่ร้านยา มีผู้หญิงหลายๆท่าน มาถามซื้อยาหรืออาหารเสริมลดน้ำหนัก ทั้งๆที่ ผมดูแล้วออกจะหุ่นดี หรือเซกซี่ไรประมาณนั้น    ทั้งๆที่มีน้ำหนักไม่มากหรือสอบถามแล้วไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่ก่อนมากมาย แท้จริงแล้วเราควรตะหนักเมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากเท่าไรละ วิธีที่ง่ายสุด ในทางการแพทย์ จะต้องคำนวณดัชนีมวลกาย ถ้าคุณมีดัชนีมวลกายมากกว่า 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ขึ้นไป หรือ ถ้าคุณมีรอบเอวมากกว่า 90 เซนติเมตรในผู้ชาย   หรือ รอบเอวมากกว่า 80 เซนติเมตรในผู้หญิง แต่ถ้าคุณมีรอบเอวหรือดัชนีมวลกายน้อยกว่าข้างบน ผมว่าคุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าน้ำหนักตัวจะส่งผลต่อสุขภาพแต่อย่างไรครับ  บางคนอาจจะยืนยันว่า อยากหุ่นสวยนะค่ะ อยากผอม ไม่ได้อยากสุขภาพดี  มีเงินซื้อของดีๆทานค่ะ เออ คุณครับ  มันเกี่ยวข้องกันนะครับ จะดีกว่าไหม หุ่นสวยด้วย สุขภาพดีด้วยนะ แล้วถ้าน้ำหนักเกินขึ้นมาจริงๆ เราต้องการลดน้ำหนักแล้วละก็ สิ่งแรกที่ควรคิด คือว่า จะลดน้ำหนักอย่างไรให้ปลอดภัยต่อชีวิต ย้ำนะครับ ปลอดภัยต่อชีวิต แต่บางคนกลับคิดอย่างนี้นะ คือ 1. ลดน้ำหนักดีกว่า จะได้หาแฟนได้ 2. แฟนจะรักมากขึ้นกว่าเดิม 3.หุ่นจะได้ดีๆ มีคนมามอง หรือ ประมาณ ลดหุ่น เพื่อเรียก เรตติ้ง 555 (ข้อมูลจากแมวน้อย โพลล์ : ข้อมูลจากการสำรวจหนุ่มสาวหน้าตาดี 1,000 คน ผมก็อยู่ในกลุ่มการสำรวจด้วย 55555)  มาเข้าสาระกันต่อดีกว่า ถ้าคุณลดน้ำหนักได้ประมาณ 5-10% ของน้ำหนักตัว  ก็ส่งผลดีต่อสุขภาพแล้วครับ   โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสามารถคงน้ำหนักได้คงที่ในระยะเวลา 6 เดือน ไม่ต้องรีบ รับรองสวยทุกคน   ต่อไปคุณสามารถลดน้ำหนักตัวได้อีกประมาณ 1/2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์อย่างปลอดภัยครับ โหพี่เภสัชแมวน้อยค่ะ ทำไมลดเพียงแค่ 5-10% ของน้ำหนักตัวเท่านั้น  ทำไมไม่ลดมากกว่านี้  ลดแค่นี้หนูก็อ้วนอยู่ดีค่ะ หนูเห็นเขาโฆษณาอาหารเสริมลดน้ำหนัก เดือนหนึ่ง ลดได้ตั้งเป็น 10 กิโลกรัมก็มีค่ะ มีไหมค่ะแบบนั้น แบบว่า วัยรุ่นใจร้อน ต้องการผอมแบบ อาหารฟาสต์ฟูดนะ ผอมในข้ามคืน ตื่นเช้ามา แฟนหนูทักเลยค่ะ ว่า เออ ที่รักไปทำไรมา หุ่นคุณผอมเพรียว สวยจังครับ มีไหมแบบนี้นะ 55 เออ คือว่า น้องไปเสียดายหรือครับ อุตสาห์เก็บหอมรอมริบไขมัน มาตั้งนานเป็นปีๆ บางคนเป็นสิบปี ลงทุนไปเท่าไร ไหนจะค่า พิซซ่า ค่าไอติม ค่าป๊อบคอร์น ค่าไก่ทอด ค่าเบอร์เกอร์ จะให้ที่สะสมมาหายไปชั่วข้ามคืน หรือแค่ระยะแค่เดือนเดียวนี่นะ ขอกันมากไปปะ 5555 หรือถ้าจะเอาแบบนั้นเลย พี่ขอแนะนำอีกอย่าง ถ้าอยากให้แฟนรักมากขึ้น แนะนำทำประกันชีวิต ให้แฟน เป็นผู้รับผลประโยชน์ รับรอง แฟนรักมากๆเลยนะ อิอิ ความจริงแล้ว น้องก็สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่า 5-10%  ของน้ำหนักตัวได้อีกครับ  แต่สิ่งที่ท้าทายตัวน้องมากกว่า คือ  ทำอย่างไรให้คงน้ำหนักตัวที่ลดลงไว้ให้ได้นานมากกว่า 5 ปีให้ได้ครับ  เพราะมีการศึกษาว่าไม่ว่าคุณจะลดน้ำหนักด้วยวิธีใดก็ตาม   ไม่ว่าจะใช้ควบคุมอาหาร  การออกกำลังกาย  การใช้ยาลดน้ำหนัก  การใช้อาหารเสริมใดๆ    มากกว่าครึ่งที่น้ำหนักจะกลับคืนมาภายใน 5 ปีครับ อ้อ พี่เภสัชค่ะ หนูไม่ขอนานขนาดนั้นหรอกค่ะ ขอเต็มที่ แค่ปีหนึ่ง ไม่เอานานถึง 5 ปี ขอหุ่นดีผอมเพรียวแค่ 1 ปี หนูมั่นใจ ว่า หนูหาแฟนได้ค่ะ เอางั้นเลยหรือคุณน้อง (อย่างนี้เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค(แฟน) โทษหนักนะครับ 5555) ดังนั้นในการลดน้ำหนัก สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือการเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณในเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย เป็นต้น
ในปัจจุบันนักวิทยาศาตร์เชื่อว่าฮอร์โมนที่ชื่อว่า "เลปติน" คือ ฮอร์โมนที่เกี่ยงข้องกับกลไกในการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งเกี่ยวข้องกันพันธุกรรมด้วยส่วนหนึ่ง ร่างกายของเรามีกลไกในการรักษาน้ำหนักให้คงที่อยู่แล้วครับ  ในช่วงแคบๆประมาณ บวกลบ 5 กิโลกรัม  ถ้าสมมุติว่าน้องมีน้ำหนัก  80 กิโลกรัมเป็นระยะเวลานาน   ร่างกายก็จะจดจำไว้ว่าน้องมีน้ำหนัก 80 กิโลกรัม และเมื่อน้องมีน้ำหนักลดลง   เช่น 75 กิโลกรัม  ร่างกายก็จะทราบว่าน้ำหนักตัวกำลังลดลง  ก็จะพยายามเผาผลาญไขมัน เพื่อนำไปสร้างพลังงานลดลง เพื่อรักษาปริมาณไขมันในร่างกายให้คงที่ไว้ครับ ฮอร์โมนเลปตินนั้นสร้างมาจากเซลล์สะสมไขมันครับ   โดยปกติแล้วเมื่อไขมันในร่างกายของคุณลดลง   ฮอร์โมนเลปตินก็จะสร้างออกมาน้อยลง   สมองก็จะรับรู้ว่าคุณมีฮอร์โมนเลปตินลดลงครับ   และฮอร์โมนเลปตินนี้เองที่มีส่วนในการควบคุมการเผาผลาญของร่างกาย เพราะอย่างนี้ทำให้การลดน้ำหนัก ไม่ง่ายครับ     
ถ้าน้องลดน้ำหนักจาก 80 กิโลกรัมให้เหลือ  75 กิโลกรัม   น้องก็จะลดน้ำหนักได้อยู่ในช่วงแรก หลังจากนั้นน้ำหนักก็จะไม่ลดลงอีก    นี่เป็นธรรมชาติของร่างกายครับที่พยายามที่จะรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่      หลายๆคนอยากให้ลดลงมากกว่านี้ ก็จะหายาหรืออาหารเสริมตัวใหม่ๆ มารับประทานเพิ่ม ซึ่งหลายๆคนอาจเคยหรือได้ยินคนรอบข้างบ่นว่า ทำไม ทานช่วงแรกๆ น้ำหนักลดลงดีมาก เห็นผลอย่างชัดเจน แต่ทำไมตอนนี้ น้ำหนักไม่ลดลงเลย หรือ เพราะว่า อาหารเสริมตัวนี้ไม่ดีหรือไม่ถูกกับเรานะ ก็จะพยายามไปสรรหา อาหารเสริมตัวอื่นๆมารับประทานอีก ซ้ำไปซ้ำมา เป็น วงเวียนชีวิต ไปอย่างนี้เรื่อยๆ เพราะว่า เราไม่เข้าใจ ธรรมชาติของร่างกายไงครับ  ถ้าผ่านไปสักพัก ร่างกายก็จะจดจำใหม่ว่าน้องมีน้ำหนัก 75 กิโลกรัม     น้องก็สามารถลดน้ำหนักต่อไปได้อีกถึง 70 กิโลกรัม หลังจากนั้นก็จะคงที่ จะเป็นลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ  ในการลดน้ำหนัก    น้ำหนักจะไม่ลดลงเป็นเส้นตรงครับ   แต่จะลดลงเป็นขั้นบันได    น้ำหนักจะลดลงสัก 3-5 กิโลกรัม  แล้วก็จะคงที่อีก 3-4 เดือน  ก่อนที่น้ำหนักจะลดลงไปอีก 3-5 กิโลกรัม  ก่อนที่จะคงที่อีก ถ้าคุณทราบและเข้าใจในกลไกในการลดน้ำหนักของร่างกาย ก็จะเข้าใจธรรมชาติของการขึ้นและลงของน้ำหนักของตัวเอง แล้วที่นี้ เราก็สามารถที่จะรู้แล้วว่า จะลดน้ำหนักอย่างไรให้หุ่นสวยและสุขภาพแข็งแรงด้วยครับ    :wanwan017: :wanwan017:
 


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน$
เริ่มหัวข้อโดย: shopsbuy ที่ 08 มกราคม 2018, 13:34:36
เป็น


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: shopsbuy ที่ 08 มกราคม 2018, 13:36:14
เป็นเหมือนการเขียนคุยกัน อ่านแล้วก็เข้าใจง่ายดีนะครับ ไม่เป็นวิชาการที่เข้าใจยากเกินไป ผมชอบครับ


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: derda ที่ 10 มกราคม 2018, 12:54:33
อ่านง่ายดีครับ :wanwan019:


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ammybah ที่ 17 มกราคม 2018, 16:59:42
แอมว่าบทความนี้อ่านเข้าใจง่ายดีนะคะ แต่ว่าการจัด การเว้นวรรคประโยคยังดูมั่วๆอยู่อ่ะค่ะ พิมพ์ผิดด้วยบางคำ แต่ก็โอเคอยู่น้าาา  :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: waan245 ที่ 19 มกราคม 2018, 18:42:43
ใช้ได้ครับ ทำใส่ Blog หรือ Wordpress ใส่รูปประกอบ น่าจะดีครับ  :wanwan020: :wanwan020:


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: petophen2599 ที่ 21 มกราคม 2018, 21:13:44
โหติดยาวกันเป็นพรืดเลย ไม่น่าอ่านเลยค่ะ ไม่มีรูปประกอบ ดูแล้วตาลายค่ะ


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: eustace ที่ 25 มีนาคม 2018, 11:44:19
ถ้าใส่รูป น่าจะ OK ครับ


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: cnxisne3019 ที่ 29 มีนาคม 2018, 00:07:51
แยกเป็นหัวข้อย่อยๆหน่อยก็จะดีครับ จะได้อ่านง่ายขึ้น แต่บทความดีแล้วนะครับ แค่อ่านยากไปหน่อย มันเป็นพรืดๆไปหน่อย


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: cloudsphere ที่ 29 มีนาคม 2018, 21:23:49
การจัดตัวอักษรไม่ค่อยดีครับ เห็นแล้วไม่ค่อยอยากอ่านเลย  :wanwan031:


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: LoveHINO ที่ 30 มีนาคม 2018, 17:20:34
 :wanwan012:ตัวหนังสือแน่นไปครับ

เคาะๆหน่อย ทั้งบรรทัด ทั้งเว้นวรรค


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: LoveHINO ที่ 31 มีนาคม 2018, 13:13:51
 :wanwan012:ตัวหนังสือแน่นไปครับ

เคาะๆหน่อย ทั้งบรรทัด ทั้งเว้นวรรค


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jjmaster ที่ 01 เมษายน 2018, 11:25:38
จัดเว้นวรรค กับ ย่อหน้าอีกนิดก็โอเคเลยครับ


หัวข้อ: Re: บทความแบบนี้ น่าอ่านไหมครับ วิจารณ์หน่อยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: apapap ที่ 29 ตุลาคม 2018, 13:12:41
เว้นวรรคหรือมีย่อหน้าจะอ่านง่ายและดึงดูดมากขึ้นค่ะ เจอตัวหนังสือติดกันยาวแบบนี้เห็นแล้วทำให้ไม่อยากอ่าน