หัวข้อ: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: RICHEST ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 08:52:53 ในช่วงทศวรรษ 1980-90 จีนกระตือรือร้นสนใจอเมริกาอย่างมาก ในขณะนั้น ผู้นำจีนกำลังพยายามจะทำให้จีนปรับตัวเพื่อให้เข้ากับระบบโลกที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำ และสิ่งที่พวกเขาสนใจใคร่รู้เป็นพิเศษคือ สหรัฐฯ มองจีนอย่างไร แต่ขณะนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เลิกให้เงินทุนสนับสนุนนักวิชาการจีนทำการศึกษาวิจัยภาคสนามในสหรัฐฯ แล้ว ส่วนจีนเองนอกจากจะไม่สนใจอเมริกาเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ยังเอาแต่บ่นว่า ข่มขู่และปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในปัญหาของโลก
ความไม่พอใจสหรัฐฯ ล่าสุดของจีนคือการที่ประธานาธิบดี Obama พบกับองค์ดาไลลามะ ผู้นำจิตวิญญาณของทิเบต และการที่สหรัฐฯ ขายอาวุธให้ไต้หวันเป็นมูลค่า 6.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีทั้งขีปนาวุธ Patriot และเฮลิคอปเตอร์ Blackhawk ทำให้จีนสั่งระงับการแลกเปลี่ยนระหว่างกองทัพจีนกับกองทัพอเมริกันทันที เป็นครั้งแรกที่ประกาศลงโทษบริษัทขายอาวุธของสหรัฐฯ อย่างเปิดเผย แทนที่จะแอบคว่ำบาตรแบบเงียบๆ เหมือนในอดีต และที่สุดของการไม่ไว้หน้าสหรัฐฯ เลยก็คือเมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรี Wen Jiabao ของจีน กล่าววิพากษ์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในการประชุม World Economic Forum ที่ Davos เมื่อ 1 ปีก่อน สื่อทางการจีนบอกว่า อะไรๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว The Global Times (ในเครือของ People's Daily) ซึ่งมักจะวิพากษ์วิจารณ์ชาติตะวันตกบอกว่า มีเหตุผล 2 อย่างที่ทำให้ "น้ำเสียง" ของจีนเมื่อกล่าวถึงสหรัฐฯ เปลี่ยนไป ประการแรกคือ ความคิดเห็นสาธารณะของชาวจีนเปลี่ยนแปลงไป และชาวจีนก็เบื่อหน่าย การเล่นเกมการเมืองของสหรัฐฯ มานานแล้ว ประการที่ 2 คืออำนาจที่เพิ่มขึ้นของจีน ท่าทีของจีนในระยะหลังอาจทำให้โลกตะวันตกคิดว่า จีนเย่อหยิ่งผยองเพราะความสำเร็จที่ได้รับในระดับโลก แต่แท้ที่จริงอาจเป็นเพราะผู้นำจีนรู้สึกถึงความไร้เสถียรภาพภายในประเทศ หาใช่เป็นเพราะผู้นำจีนเลิกสนใจว่า สหรัฐฯ กำลังคิดอะไรไม่ สิ่งที่กำลังทำให้ผู้นำจีนรู้สึกวิตก มากกว่าความคิดของคน อเมริกันที่มีต่อจีน คือความคิดของคนจีนธรรมดาทั่วไป ที่มีต่อรัฐบาลจีนเอง ความรุ่งเรืองมั่งคั่งของจีน และการที่จีนติดต่อสื่อสาร กับโลกภายนอกมากขึ้น กำลังทำให้รัฐบาลควบคุมประชากรที่มีมากกว่า 1.3 พันล้านคนของจีนได้ยากขึ้นกว่าเดิม ขณะนี้บรรดา แกนนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่างต้องติดตามความรู้สึกนึกคิดของชาวจีนอย่างใกล้ ชิด Wang Jisi ผู้เชี่ยวชาญด้านสหรัฐฯ จากมหาวิทยาลัย Peking ชี้ว่า ทุกวันนี้รัฐบาลจีนจำเป็นต้องใส่ใจความรู้สึกชาตินิยมที่กำลังเพิ่มขึ้นใน หมู่ประชาชน และเขาไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า สหรัฐฯ กำลังหมดความสำคัญกับจีน ทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่จีนทุ่มเททั้งเวลาและทรัพยากรจำนวนมากกับการติดตามความรู้สึกนึก คิดของประชาชน มีทั้งการทำผลสำรวจทางสังคม และแม้กระทั่งส่งนักวิจัยแฝงตัวเข้าไปหมู่ประชาชน เพื่อจะรู้ให้ได้ว่า พวกเขาคิดเห็นเรื่องอะไรอย่างไร และแหล่งข้อมูลอันดับ 1 ของรัฐบาลจีนในการที่จะรู้ความรู้สึก นึกคิดที่แท้จริงของชาวจีน ก็คือ อินเทอร์เน็ต ความคิดเห็นต่างๆ ที่ผู้ใช้ อินเทอร์เน็ตชาวจีนเขียนลงในอินเทอร์เน็ตถูกรัฐบาลจีนมองว่า เป็นมาตรวัดความรู้สึกนึกคิดของชาวจีนที่สำคัญมาก เพราะจีนมีประชากร "Netizen" ถึง 384 ล้านคน หรือมากกว่าในอเมริกาถึง 150 ล้านคน บรรดาผู้นำจีนจะติดตามและสนใจความรู้สึกนึกคิดของประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลกำลังจะตัดสินใจเรื่องสำคัญ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนส่วนใหญ่เป็นคนในเมือง อายุน้อย และเป็นเพศชาย หรือเท่ากับเป็นคนกลุ่มที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด ที่พร้อมจะใช้วาจาก้าวร้าวรุนแรง ตำหนิติเตียนความอ่อนแอของรัฐบาลจีน รัฐบาลจีนไม่ผิดที่จะต้องวิตกว่าคนกลุ่มนี้คิดอย่างไร เพราะคนกลุ่มนี้ยังเป็นกลุ่มที่เป็นไปได้มากที่สุด ที่จะออกไปสร้างปัญหายุ่งยากทางการเมืองตามท้องถนน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้รัฐบาลจีนอาจละเลยความรู้สึกนึกคิดของคนในโลก ที่กำลังไม่พอใจการกระทำของจีนในเวทีระหว่างประเทศ หลายๆ ประเทศนึกอิจฉามากอยู่แล้ว ที่จีนสามารถจะฟื้นจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกได้อย่างรวดเร็ว และมีอัตราการเติบโตสูงถึง 10.7% ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ซึ่งยิ่งทำให้ใครๆ ต่างคาดหวัง ให้จีนเล่นบทบาทที่สร้างสรรค์มากกว่านี้ในเวทีโลก แต่จีนกลับยังคงเป็นประเทศเดียวในหมู่ชาติมหาอำนาจโลกที่ยืนกรานคัดค้านการ ออกมาตรการลงโทษอิหร่าน และในการประชุมแก้ปัญหาโลกร้อนที่ Copenhagen เมื่อปีก่อน ผู้แทนของจีนถูกตำหนิที่ไม่มีส่วนช่วยอะไรเลย แถมยังแสดงท่าที เป็นเชิงดูหมิ่นประธานาธิบดี Obama และไม่สนใจเสียงเรียกร้องของนานาชาติให้ปรับค่าเงินหยวน ซึ่งจะต้องกลายเป็นประเด็น ร้อนแรงทางการเมืองแน่นอน ในเมื่อปัญหาคนตกงานยังคงเพิ่มขึ้นในชาติตะวันตก คงไม่มีครั้งใดที่จีนกับสหรัฐฯ จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจ กันให้มากกว่านี้ มากไปกว่าช่วงเวลานี้อีกแล้ว แต่ส่วนหนึ่งที่ทำให้จีนกับสหรัฐฯ เข้าใจกันน้อยลง ก็อาจต้องโทษสหรัฐฯ เองที่เลิกสนับสนุนเงินทุนให้แก่นักวิจัยของจีน เพื่อเข้าไปทำการศึกษาวิจัย เรื่องภายในของสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยให้จีนเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของคนอเมริกันมากขึ้น ขณะนี้นักวิจัยชาวจีนได้เปลี่ยนไปศึกษาเรื่องของสหรัฐฯ เพียงเฉพาะประเด็น ที่เห็นชัดเจนว่าจะส่งผลกระทบ ต่อผลประโยชน์ของจีนเท่านั้น อย่างเช่น เศรษฐกิจโลก การแก้ ปัญหาโลกร้อนหรือปัญหาพลังงาน Wang จากมหา วิทยาลัย Peking ชี้ว่าขณะนี้จีน ไม่ค่อยเข้าใจการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมอเมริกัน ทำให้จีนไม่เชื่อว่า Obama จะชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากเขาเป็นคนผิวดำ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จีนอาจไม่ค่อยรู้สึกนับถือ Obama เท่าใดนัก แม้ว่าจีนจะแสดงท่าทีหยิ่งทรนงในตนเองมากขึ้น แต่นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านอเมริกาในจีน ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 เชื่อมั่นว่า จีนไม่อาจตัดขาดจากอเมริกาได้ หากสหรัฐฯ โชคดี และจีนเกิดทำผิดพลาดขึ้นมา สหรัฐฯ ก็จะยังคงอยู่เหนือจีนต่อไป Sun Zhe ผู้อำนวยการศูนย์จีน-สหรัฐฯ สัมพันธ์ มหาวิทยาลัย Tsinghua เปรียบจีนเหมือนกับ Yao Ming นักบาสเกตบอลร่างยักษ์ชื่อดังของจีน เมื่ออายุ 17 ปี "ร่างกายเขาเติบโตเต็มที่แล้ว แต่เพิ่งได้เริ่มเล่นกับ NBA ของสหรัฐฯ" Sun กล่าว ความแข็งกร้าวครั้งใหม่ของจีน อาจเป็นเพียงการวางโตของมหา อำนาจมือใหม่ที่ยังไม่ถึงขั้น แต่ก็อาจจะเป็นสัญญาณถึงช่วงเวลายุ่งยากที่กำลังจะมาถึงก็เป็นได้ แปล/เรียบเรียง เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์ เรื่อง นิวสวีค หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: RICHEST ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 08:56:56 (http://www.bloggang.com/data/neothailand/picture/1209451816.gif)
สถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศถูกจุดชนวนในเดือนก.ย.ปีที่ แล้ว เมื่อรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ตัดสินใจประกาศมาตรการเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จาก จีนในอัตรา 35% คิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ 1.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีหรือที่จีนจะยอม โดยจีนได้ยื่นร้องเรียนไปยังองค์การการค้าโลกเพื่อคัดค้านการเก็บภาษีของ สหรัฐทันควัน เรื่องต่อมาที่จีนกับสหรัฐกาลังขัดแย้งกัน คือ เรื่องธิเบต โดยรัฐบาล Obama ได้ประกาศว่า Obama จะพบปะกับ ดาไล ลามะ ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ โดยสหรัฐได้บอกว่า ตั้งแต่ปี 1990 ประธานาธิบดีของสหรัฐทุกคนได้พบปะกับ ดาไล ลามะ จึงถือเป็นเรื่องปกติ และ ดาไล ลามะก็เป็นผู้นาจิตวิญญาณชาวธิเบตที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ว่า การพบปะจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนได้ประกาศคัดค้านการพบปะและขอให้สหรัฐเข้าใจว่า ปัญหาธิเบตมีความละเอียดอ่อนมาก และขอให้สหรัฐยอมรับว่าธิเบตเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทั้งหมดนี้เป็นภาพของการเติบโตแบบก้าวกระโดดของจีนจนกลายมาเป็นอันดับสองทาง ด้านเศรษฐกิจของโลกไปแล้ว ในขณะที่ญี่ปุ่นกลับมีหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล จุดนี้เองที่อาจจะเป็นตัวชี้ชัดว่าจีนจะก้าวมามีบทบาทสาคัญจนเราทุกคนต้อง หันมามองจีนมากกว่าในอดีต เนื่องจากในอนาคตผมเชื่อแน่ว่าจีนจะกลายเป็นตลาดผู้ซื้อรายใหญ่และจะกลายมา เป็นผู้ลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นตามญี่ปุ่นติดๆเลยทีเดียว หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: mikeyx ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 08:57:36 ตอนนี้อเมริกาเริ่มสนใจจีนอย่างมาก
เห็นจาก NBA หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: Googledigg ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 09:06:14 จีน สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: Zero-G ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 09:42:43 ([url]http://www.bloggang.com/data/neothailand/picture/1209451816.gif[/url]) สถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศถูกจุดชนวนในเดือนก.ย.ปีที่ แล้ว เมื่อรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ตัดสินใจประกาศมาตรการเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จาก จีนในอัตรา 35% คิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ 1.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีหรือที่จีนจะยอม โดยจีนได้ยื่นร้องเรียนไปยังองค์การการค้าโลกเพื่อคัดค้านการเก็บภาษีของ สหรัฐทันควัน เรื่องต่อมาที่จีนกับสหรัฐกาลังขัดแย้งกัน คือ เรื่องธิเบต โดยรัฐบาล Obama ได้ประกาศว่า Obama จะพบปะกับ ดาไล ลามะ ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ โดยสหรัฐได้บอกว่า ตั้งแต่ปี 1990 ประธานาธิบดีของสหรัฐทุกคนได้พบปะกับ ดาไล ลามะ จึงถือเป็นเรื่องปกติ และ ดาไล ลามะก็เป็นผู้นาจิตวิญญาณชาวธิเบตที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ว่า การพบปะจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนได้ประกาศคัดค้านการพบปะและขอให้สหรัฐเข้าใจว่า ปัญหาธิเบตมีความละเอียดอ่อนมาก และขอให้สหรัฐยอมรับว่าธิเบตเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทั้งหมดนี้เป็นภาพของการเติบโตแบบก้าวกระโดดของจีนจนกลายมาเป็นอันดับสองทาง ด้านเศรษฐกิจของโลกไปแล้ว ในขณะที่ญี่ปุ่นกลับมีหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล จุดนี้เองที่อาจจะเป็นตัวชี้ชัดว่าจีนจะก้าวมามีบทบาทสาคัญจนเราทุกคนต้อง หันมามองจีนมากกว่าในอดีต เนื่องจากในอนาคตผมเชื่อแน่ว่าจีนจะกลายเป็นตลาดผู้ซื้อรายใหญ่และจะกลายมา เป็นผู้ลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นตามญี่ปุ่นติดๆเลยทีเดียว ทำไมไทยเราไปอยู่ทั้งสองฝั่งเลย :wanwan004: หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: gunhotnews ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 09:49:31 พวกสหรัสเห็นแก่ตัว หาแต่ผลประโยชน์ ไม่จริงใจ
หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: satansatan ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 09:56:39 ความเมพของไทยครับ
อยู่ได้กับทุกฝ่าย ขอให้ชนะ หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: gunhotnews ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 09:58:55 ([url]http://www.bloggang.com/data/neothailand/picture/1209451816.gif[/url]) สถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศถูกจุดชนวนในเดือนก.ย.ปีที่ แล้ว เมื่อรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ตัดสินใจประกาศมาตรการเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จาก จีนในอัตรา 35% คิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ 1.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีหรือที่จีนจะยอม โดยจีนได้ยื่นร้องเรียนไปยังองค์การการค้าโลกเพื่อคัดค้านการเก็บภาษีของ สหรัฐทันควัน เรื่องต่อมาที่จีนกับสหรัฐกาลังขัดแย้งกัน คือ เรื่องธิเบต โดยรัฐบาล Obama ได้ประกาศว่า Obama จะพบปะกับ ดาไล ลามะ ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ โดยสหรัฐได้บอกว่า ตั้งแต่ปี 1990 ประธานาธิบดีของสหรัฐทุกคนได้พบปะกับ ดาไล ลามะ จึงถือเป็นเรื่องปกติ และ ดาไล ลามะก็เป็นผู้นาจิตวิญญาณชาวธิเบตที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ว่า การพบปะจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนได้ประกาศคัดค้านการพบปะและขอให้สหรัฐเข้าใจว่า ปัญหาธิเบตมีความละเอียดอ่อนมาก และขอให้สหรัฐยอมรับว่าธิเบตเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทั้งหมดนี้เป็นภาพของการเติบโตแบบก้าวกระโดดของจีนจนกลายมาเป็นอันดับสองทาง ด้านเศรษฐกิจของโลกไปแล้ว ในขณะที่ญี่ปุ่นกลับมีหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล จุดนี้เองที่อาจจะเป็นตัวชี้ชัดว่าจีนจะก้าวมามีบทบาทสาคัญจนเราทุกคนต้อง หันมามองจีนมากกว่าในอดีต เนื่องจากในอนาคตผมเชื่อแน่ว่าจีนจะกลายเป็นตลาดผู้ซื้อรายใหญ่และจะกลายมา เป็นผู้ลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นตามญี่ปุ่นติดๆเลยทีเดียว ทำไมไทยเราไปอยู่ทั้งสองฝั่งเลย :wanwan004: ไทยเทพอีกแล้ว5555 หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: Numl3ers ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 10:03:43 ไทยเราเข้าทั้ง 2ฝั่ง ครับ ลองสังเกตุจากสงครามโลกครั้งที่ 2ดู :wanwan004: :wanwan004: :wanwan004:
หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: supoj ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 20:29:34 ชอบจีนมากกว่า อาจเป็นเพราะเป็นชาติตะวันออกด้วยกัน และรู้สึกว่าสหรัฐชอบเอาเปรียบประเทศอื่น เห็นได้ชัดตอนสงครามอิรัก
เคยอ่านเรื่องที่เวียดนามฮึ่มๆใส่ไทย แล้วเรามีสัมพันธ์ที่ดีกับจีน จีนเลยช่วยเปิดศึกกับเวียดนามให้ ทำให้เวียดนามเข็ดไปเลย ความสัมพันธ์ไทยกับจีนดีกว่าความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านเราหลายๆประเทศเลยทีเดียว อีกประเทศที่ชอบคือรัสเซีย จีนกับรัสเซียไม่เคยบ่นเลยว่าประเทศอื่นจะประชาธิปไตยหรือคอมมิวนิสต์ แต่พี่อเมริกาชอบอ้างการปกครองเพื่อหาเสียงสนับสนุนในการเล่นงานหรือดิสเครดิตประเทศอื่นๆอยู่เรื่อย จนเดี๋ยวนี้ถ้าคำว่าประชาธิปไตยถูกอ้างจากปากของพี่เมกา เดาได้เลยว่าต้องมีเรื่องดิสเครดิตใครแน่ๆ อิอิ หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: RICHEST ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 20:32:57 จีนมันคอมนะ :P
หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: tumtac ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 20:37:22 +1 ให้ไม่ได้เน้อ เนื่องจากยังไม่ 72ชม.
ก็โฮเช ผมเข้าข้างจีน เพราะ แฟร์เพลย์ มากกว่า เมกา หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: pikcub ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 21:08:08 จีน ระวังโดนเจ้าเครื่อง HAARP เล่นงานนะ
หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: BlueDragon ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 22:19:34 พวกสหรัสเห็นแก่ตัว หาแต่ผลประโยชน์ ไม่จริงใจ ใช่พวกเมกานี่ละตัวดี หาเรื่องเค้าไปทั่ว ยุเสี้ยมให้ประเทศอื่นเค้าตีกัน เพื่อขัดขวางผลประโยชน์ของคู่แข่ง หรือเพื่อให้ตัวเองรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ก่อสงครามไปทั่ว เพื่อผลิตอาวุธ ขายอาวุธระดับต้น ๆ ของโลก นี่ละประเทศอาชญากรตัวจริง ยั่วยุให้เกิดสงคราม หรือแม้กะทั่งทำสงครามเอง อย่างกรณีอิรัก บอกว่ามีนิวเคียร์จนป่านนี้ยังไม่เจอซักลูก กรณีอิหร่านก็เหมือนกัน ตัวเมกาเองมีนิวเคียร์เป็น 1000 ลูก พอประเทศอื่นจะสร้างบ้างทำเป็นอ้างสันติภาพ จะกดประเทศอื่น ๆ อยู่ฝ่ายเดียว มันคงเรียนรู้มาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 มั่ง เพราะมีอาวุธที่มีคุณภาพสูง เลยมีอำนาจมาถึงทุกวันนี้ เดียวนี้เลยพัฒนาด้านอาวุธกันใหญ่ จีนมันคอมนะ :P ระบบการปกครองแต่ละแบบมันก็เหมาะกับประเทศบางประเทศ ดีแตกต่างกันไป อย่างจีนคอมฯ เหมาะแล้ว ขืนเอาประชาธิปไตยไปใช้ เกิดมีม๊อบปิดถนนขึ้นมาจะทำยังไง ไม่ว่าระบบไหนถ้าทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขได้ระบบไหน ๆ ก็ดีทั้งนั้น ยังไงก็เชียร์จีน มากกว่าเมกา หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: digitalex ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 22:35:35 จีน ระวังโดนเจ้าเครื่อง HAARP เล่นงานนะ มีคนรู้จัก HAARP ด้วยหัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: supoj ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 22:39:31 จีน ระวังโดนเจ้าเครื่อง HAARP เล่นงานนะ มีคนรู้จัก HAARP ด้วยขอข้อมูลเรื่องนี้หน่อยครับ เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่ค่อยรู้ว่าจริงๆระบบนี้มันไว้ทำอะไร หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: mahaboyd ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 22:41:17 อเมริกา นักฆ่าหน้านักบุญ อิอิ ผมพูดถึงหนังนะ :-[
หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: pikcub ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 22:43:53 จีน ระวังโดนเจ้าเครื่อง HAARP เล่นงานนะ มีคนรู้จัก HAARP ด้วย ขอข้อมูลเรื่องนี้หน่อยครับ เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่ค่อยรู้ว่าจริงๆระบบนี้มันไว้ทำอะไร http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/10/A8394254/A8394254.html อ่านแค่ภาค 3 ก็ได้นะครับ จะได้ไม่เยอะจนเกินไป หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: oatofvrteam ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 22:44:19 HAARP เคยเจอแล้วครับใน Red Alert 2 555+ สรุปมันมีจริงๆ
หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: amulet ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 22:53:59 ([url]http://www.bloggang.com/data/neothailand/picture/1209451816.gif[/url]) สถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศถูกจุดชนวนในเดือนก.ย.ปีที่ แล้ว เมื่อรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ตัดสินใจประกาศมาตรการเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จาก จีนในอัตรา 35% คิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ 1.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีหรือที่จีนจะยอม โดยจีนได้ยื่นร้องเรียนไปยังองค์การการค้าโลกเพื่อคัดค้านการเก็บภาษีของ สหรัฐทันควัน เรื่องต่อมาที่จีนกับสหรัฐกาลังขัดแย้งกัน คือ เรื่องธิเบต โดยรัฐบาล Obama ได้ประกาศว่า Obama จะพบปะกับ ดาไล ลามะ ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ โดยสหรัฐได้บอกว่า ตั้งแต่ปี 1990 ประธานาธิบดีของสหรัฐทุกคนได้พบปะกับ ดาไล ลามะ จึงถือเป็นเรื่องปกติ และ ดาไล ลามะก็เป็นผู้นาจิตวิญญาณชาวธิเบตที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ว่า การพบปะจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนได้ประกาศคัดค้านการพบปะและขอให้สหรัฐเข้าใจว่า ปัญหาธิเบตมีความละเอียดอ่อนมาก และขอให้สหรัฐยอมรับว่าธิเบตเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทั้งหมดนี้เป็นภาพของการเติบโตแบบก้าวกระโดดของจีนจนกลายมาเป็นอันดับสองทาง ด้านเศรษฐกิจของโลกไปแล้ว ในขณะที่ญี่ปุ่นกลับมีหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล จุดนี้เองที่อาจจะเป็นตัวชี้ชัดว่าจีนจะก้าวมามีบทบาทสาคัญจนเราทุกคนต้อง หันมามองจีนมากกว่าในอดีต เนื่องจากในอนาคตผมเชื่อแน่ว่าจีนจะกลายเป็นตลาดผู้ซื้อรายใหญ่และจะกลายมา เป็นผู้ลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นตามญี่ปุ่นติดๆเลยทีเดียว ทำไมไทยเราไปอยู่ทั้งสองฝั่งเลย :wanwan004: ไทยเทพอีกแล้ว5555 ใครชนะ พี่ไทยอยู่ฝ่ายนั้น :wanwan004: :wanwan004: หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: siamseoxx ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 22:56:54 ขอขอบคุณความรู้ดีๆครับ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: generation5 ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2011, 23:56:46 ([url]http://www.bloggang.com/data/neothailand/picture/1209451816.gif[/url]) สถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศถูกจุดชนวนในเดือนก.ย.ปีที่ แล้ว เมื่อรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ตัดสินใจประกาศมาตรการเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์จาก จีนในอัตรา 35% คิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ 1.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีหรือที่จีนจะยอม โดยจีนได้ยื่นร้องเรียนไปยังองค์การการค้าโลกเพื่อคัดค้านการเก็บภาษีของ สหรัฐทันควัน เรื่องต่อมาที่จีนกับสหรัฐกาลังขัดแย้งกัน คือ เรื่องธิเบต โดยรัฐบาล Obama ได้ประกาศว่า Obama จะพบปะกับ ดาไล ลามะ ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ โดยสหรัฐได้บอกว่า ตั้งแต่ปี 1990 ประธานาธิบดีของสหรัฐทุกคนได้พบปะกับ ดาไล ลามะ จึงถือเป็นเรื่องปกติ และ ดาไล ลามะก็เป็นผู้นาจิตวิญญาณชาวธิเบตที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ว่า การพบปะจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนได้ประกาศคัดค้านการพบปะและขอให้สหรัฐเข้าใจว่า ปัญหาธิเบตมีความละเอียดอ่อนมาก และขอให้สหรัฐยอมรับว่าธิเบตเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทั้งหมดนี้เป็นภาพของการเติบโตแบบก้าวกระโดดของจีนจนกลายมาเป็นอันดับสองทาง ด้านเศรษฐกิจของโลกไปแล้ว ในขณะที่ญี่ปุ่นกลับมีหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล จุดนี้เองที่อาจจะเป็นตัวชี้ชัดว่าจีนจะก้าวมามีบทบาทสาคัญจนเราทุกคนต้อง หันมามองจีนมากกว่าในอดีต เนื่องจากในอนาคตผมเชื่อแน่ว่าจีนจะกลายเป็นตลาดผู้ซื้อรายใหญ่และจะกลายมา เป็นผู้ลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นตามญี่ปุ่นติดๆเลยทีเดียว ทำไมไทยเราไปอยู่ทั้งสองฝั่งเลย :wanwan004: ไทยเราปรับตัวเก่ง เป็นกลางกับทุกชาติ :wanwan002: หัวข้อ: Re: จีน VS อเมริกา เหตุใดจีนจึงไม่สนใจที่จะเดินตามสหรัฐฯ อีกต่อไป เริ่มหัวข้อโดย: mawmeow ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2011, 00:05:55 Natural Warfare
น่าคิดนะครับ... |