ThaiSEOBoard.com

ผมสงสัยมากเลยนะ ว่าเดี๋ยวนี้คนเรียนคอม เขียนโปรแกรม แต่จบมาทำไม่ได้มีเยอะมากๆ :-X
คือผมเป็น consult ให้บริษัทแห่งหนึ่งครับ นั่งสอนโปรแกรมเมอร์ กับรับโปรแกรมเมอร์ให้เขา
เจอทุกรูปแบบ
- จบมหาลัยดี(ไม่ขอเอ่ยนาม) ขอเงินเดือนเยอะ เขียนโปรแกรมไม่ได้ ต้องนั่งสอนใหม่หมด :-X
- จบ ป.โท MIS ขอเงินเดือนตามวุฒิ แต่ภาษาอังกฤษ ม.1 (ที่เป็นข้อสอบ) ยังทำได้ไม่เกินครึ่ง แถมออกแบบระบบไม่เป็นซักกะอย่าง

สันนิฐานได้ว่าส่วนใหญ่ตอนเรียน ให้คนอื่นทำ >:( เลยทำเองไม่เป็น
แล้วจะเรียนกันไปทำไมน้อ สงสัยจริงๆ......... ???

ผมทำข้อสอบซะเลย เพื่อลดงานที่ต้องทำ สอบผ่าน ค่อยสัมภาษณ์ :D :D
V
V
ผลลัพธ์
- ข้อสอบภาษาอังกฤษ ม.1 > จบ ป.ตรี ทำได้เกือบๆ ครึ่งถึงน้อยกว่า ป.โท (มหาลัยกลาง) เท่ากับ ป.ตรี
  (*ผมเอาข้อสอบนี้ให้เด็ก ม.2 ทำ ได้เกิน 75% ทุกคน :o)
- ทดสอบภาษา SQL (เขียนดึงข้อมูลจาก 3 tables) ไม่น่าเชื่อ ป.ตรี จบมาทางเขียนโปรแกรม คนทำได้ถูกหมด ไม่มีซักกะคน
   ส่วนใหญ่ตอบมั่วๆมาว่า Select * from ....  :-X คือเขียนได้กับข้อมูลแค่ table เดียว
   (พอคุยด้วย ทำหน้ายิ้ม แหะๆ แล้วบอกว่า ไม่ได้ใช้นาน จำไม่ได้ :o มันเครื่องมือหากินเลยนะเนี่ย >:()
- ทดสอบคณิตศาสตร์ พวกเลขจำนวน หาตัวเลขที่ไม่ใช่ในกลุ่ม (ข้อสอบเด็กม.3-ม.6)
  >>> ปรากฏว่า ส่วนใหญ่เฉลี่ยทำได้ 50-60%  :-X :-X ให้เด็ก ม.4 ที่รู้จักข้างบ้านทำ.... :oถูกหมด

สรุปได้ว่า >>> ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งโตยิ่งเซ่อ :D :D :D

- ถัดไป....อันนี้สำคัญ.... ส่วนใหญ่คนใหม่มา(คือรับแล้ว จากที่พอทำได้) พอรู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ หรือได้ทีอื่น ไม่มีใครพูดตรงซักกะคน มีแต่ทำพฤติกรรมตามนี้
    1. รับเงินเดือนแล้วหายตัวเข้ากลีบเมฆ โทรไปก็จะไม่รับสาย (คนมีการศึกษาเขาทำกันอย่างนี้เหรอเนี่ย :o)
    2. ปั้นน้ำเป็นตัว ตอนจะออก... (เดือนแรกเอง สอนยังไม่ทันจะเป็นจะรับเงินแล้วชิ่งว่ากันอย่างนั้น) สาเหตุการออก
        - พ่อแม่ บอกว่ามาทำงานแล้วกลับบ้านดึก เลยอยากให้ออก (ตอนสัมภาษณ์ ถามแล้วนะว่าอยู่ดึกได้ไหม ตอบเป็นนกแก้ว นกขุนทองกันหมด "ได้ครับ ได้ค่า"
          แถมที่ต้องอยู่ดึกคือ ทำงานส่วนตัวเองไม่เสร็จ >:( ตามเวลาที่วางไว้ (ให้กำหนดเวลาเองด้วยนะเนี่ย แล้วก็ทำไม่เสร็จเอง :-X)
        - อ้างว่า ต้องกลับไปช่วยกิจการที่บ้านต่างจังหวัด พ่อแม่ไม่สบายต้องไปดูแลแทน (อันนี้ดูเหมือนเป็นลูกกตัญญู ก็ไม่ได้คิดอะไร)
          โผล่อีกทีเจอกันในรถไฟฟ้า คือไปทำกับบริษัทซอยข้างๆ :-X
          :o นั่งตรงข้ามกัน ว่าจะทักว่าอ้าวไม่กลับไปต่างจังหวัดแล้วเหรอ
            รู้ไหมเขาทำยังไงกะผม........... 
          :oลุกขึ้นแล้วรีบเดินไปตู้อื่น.......
           แม้เจ้าคนมีการศึกษาทำกันอีกแล้ว.... :-X
        - อื่นๆ อีกเยอะ (ตั้งแต่เข้ามาบอร์ดนี้ รู้สึกว่าหัวข้อที่ตัวเองถนัด สงสัยได้ทำ blog เกี่ยวกับวงการคอมที่ผ่านมาในชีวิตน่าจะดี เขียนได้หลายเล่มแน่ๆ ;D ;D ค้นพบแนวตัวเอง)

ใครมีประสพการณ์แบบกระผม ก็แชร์กันได้นะอยากรู้เจอกันแบบนี้บ้างอะป่าว
ปล.อันนี้ขอโทษด้วยถ้าพาดพิงใคร  :P :P

สมัยนี้ครับ ธรรมดา
เจอเหมือนกัน แต่เป็นเ็ด็ก เลยพยายามสอนได้
 :P

การศึกษาไม่ช่วยไร ถ้าคนไร้จิตสำนึก

เรียนมหาลัยว่ายากแล้วทำงานยากกว่าเยอะจริงๆครับ  8) แบบนั้นตอนเรียนคงเอาให้มันผ่านๆไปวันๆอะครับ ไม่ได้หวังอนาคต พอรู้ตัวมันก็ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว  :'(

สำหรับเด็กบางคน เงินที่ได้จากพ่อแม่มันมากกว่าเงินเดือนเสียอีก เด็กจบใหม่เลยไม่รู้จะไปทำงานให้ลำบากทำไม

ตามความคิดเห็นผม งานคอม มันเป็นงานที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ผมว่าการลืมโค้ดไม่ผิดหรอก ถ้าในการทำงานสามารถหามาทำให้ได้ ยิ่งเรียนโทนี่มันคงหนักไปทางมองมุมกว้างมากกว่าจะมาจับรายละเอียดปลีกย่อยอ่ะ
โค้ดยุคใหม่กับยุคเก่าก็แตกต่างกัน ภาษาที่นิยมใช้ก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
ปล. ผมไม่ได้เรียนคอมนะ ไม่รู้ว่าคิดถูกรึเปล่า แหะ ๆ

ที่ผมเรียนไม่จบ ก้อเพราะ ไม่อยากเรียนจบเหมือนคนเหล่านี้แหละ

สาขาผม 70% ได้เกียรตินิยมอันดับ 1

ผมไม่ได้กะเค้าหรอก เกรดผม มันเป็นอารมศิลปิน บางเทอม 3.9 บางเทอม 2.5 บางเทอม 1.7

แ่ต่ใครจะเป็นจะตาย ป.ตรี ป.โท ก้อมาไหว้วานให้ผมทำให้หมด ผมบอกเลิกไปเรียนเหอะ ถ้าไม่รู้ว่า 1 ชั่วโมงเข้าห้องเรียนจะได้ไรออกมา

เค้าหาว่าผมบ้า เค้าบอกเรียนๆ ไปเหอะเดี๋ยวก้อจบ

ผมบอก จบแล้วก้อตกงาน เรียนแบบนี้ ก้อเข้าไปจุกอยู่ในคอขวดอะดิ

เค้าบอก เออ น่า จบไว้ก่อน

ผมเลยตัดสินใจ เกษียณตัวเองก่อนวัยอันควร ให้สังคมเห็น

ด้วยการเรียนไม่จบ

เพื่อนผม เรียนจบ ไปเป็นข้าราชการ เงินเดือน 8700 มันผ่อน Jazz เดือนละ 7500 เหลือ 1,200 + ขอแม่กิน

การศึกษา 4-5 ปี ไม่ได้ช่วยให้เพื่อนผมเจริญขึ้นเท่าไหร่เลย

ผมเห็นเค้าคุยกันภาษาอังกฤษทาง email ใน googlegroups
ผมอยากจับมาแก้ให้ทุกคำด้วยซ้ำ นี่แหละผลของการเรียนจบง่ายเกิน

โชคดีนะได้เป็นข้าราชการ ทุนบังคับ ไม่งั้น ออกมาสู่โลกกว้าง จะโหรงเหรงมาก
 :P

สอนอะไรอ่ะครับ  :-[ คุณหมอด้วย ;D ;D อ่า...สอนพยาบาลอะป่าว ;D ;D

แปลกใจจริงๆ 4 ปีในมหาลัย เดี๋ยวนี้เรียนอะไรกันบ้างล่ะนิ :-X :-X
ผมรู้สึกว่าเด็ก ปวช. ปวส. ไม่ก็เด็กมหาลัยที่เป็นพวกเทคโนโลยี ดีๆ หน่อย
รู้ได้ทันทีว่าพูดจาภาษาเดียวกัน :P
ส่วนที่อื่นอย่างกะมาจากดาวคนละดวง หรือพวกนี้ที่วันๆ ฝันอยากเป็น ดารานักร้อง แบบ AF ....  :o อ่าขออภัย..สาวกแฟน AF ทั้งหลาย :D :D

เหมารวมจังนะคะ

แผนกผม(programming)ต้องการพนักงานใหม่ หลังจากที่ผมคุย และดูผลงานของคนที่มาสมัคร สรุปว่าผมรับคนจบ ม6เข้าทำงานครับ ทำงานใช้ได้เลย ;D
เคยเจอบางคนมาสมัคร จบตรี ผ่านงานมาน้อย คิดว่างงานที่ตัวเองผ่านมาดีเยี่ยมแล้ว(ทั้งที่มันธรรมดามาก) ขอทำงานแบบเข้าเมื่อไหร่ก็ได้ เงินเดือน3,5000บาท  :o

คนจบตีเก่งๆก็มีครับ แต่คงทำงานกันมั่นคงไปแล้ว

555+ เรื่องตลกแบบปกติครับ

ยกตัวอย่าง สมัยผมเรียนปวช. คอม
ไม่ได้มีอะไรมากหรอกนะ  ไอ้ที่สอนก็เหมือนพนง. ออฟฟิตมากกว่า (word excel access อะไรแนวนี้)
ที่เขียนโปรแกรม มีสอน vb (เขียนบน excel !!?) และ C (ยังสอนไม่ถึงเขียนไฟล์ด้วยซ้ำ)
แต่ถึงกระนั้น พื้นเท่านี้ ยังดีกว่าอีกหลายที่ๆ ไม่ปูพื้นคอมไปให้เลย

ป.ตรี สาขาคอม หลายที่ไม่ค่อยจะรับ ปวช. (เป็นเหตุผลทำไมผมอัปเปหิตัวเองมาเรียน ป.ตรี การตลาด)
ทั้งที่รับสายสามัญไป ผมก็อยากรู้ คณิตฯสายสามัญ ใช้ตอนเขียนโปรแกรมด้วยเหรอ(ฟ่ะ)
ไม่รวมถึง ชีวะ เคมี ถ้ามีเขียนโปรแกรมวิเคราะห์ดีเอ็นเอ หรือหาแนวตกกระทบของอุตกาบาต ก็ว่าไปอย่าง
แล้วพอจับสายสามัญไปเรียนคอม อยากรู้ครับ มันเข้าหัวด้วยเหรอ

บางคนศึกษาเองมีพื้นก็ดีไป บางคนไม่มีพื้นน่ะสิ กว่าจะรู้ตัวก็ลักจบ
freelance รับเงินทำโปรเจคจบค้าบบ อันนี้หลายคนคงต้องขอบคุณที่ทำให้เขามีงานทำ

 ;D

จะหวังอะำไรกัน ไอ้คนที่ผมรู้สึกเก่งๆ ส่วนมากไม่เห็นจะจบคอมเลย
แต่เก่งเพราะมีความตั้งใจ ใจรัก ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และ ซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเอง

ใช่หรือเปล่า ทุกท่าน  8)

ไม่ใช่แค่คอมหรอกค่ะ สาขาอื่นก็เป็น บัญชีงี้ ช่างยนต์ยิ่งแล้วใหญ่ (เข้าตัวโคตรๆ)
ตอนเรียนก็แค่เอาผ่านจริงๆแหล่ะ พอจบมาจริง ซ่อมรถไม่ได้เรยแฮะ 5555

จะว่าไปมันก็เป็นทุกสาขาจริงๆด้วยแหล่ะ
ผมจบก่อสร้าง แต่เกลียดการคุมงานก่อนสร้าง และไม่ชอบงานเขียนแบบเลย แต่ 3Dทำได้ Lisp ADS ทำได้ สุดท้ายมาทำ Perl php :-[  ทำงานสาขาที่จบมามันคงไม่รุ่ง

ผมจะพยายามพัฒนาตัวเองครับ   :-X

อย่าคิดมากน่า เดี๋ยวจะได้เจอแบบนั้นอีกเยอะๆอยู่แล้ว

ผมก็เคยเจอแบบนี้ เหมือนกันเด๊ะ


ไม่ใช่ว่าผมดีเด่ อะไรหรอกนะ แค่ผมอายที่จะรับปริญญาโดยไม่มีความรู้ เลยออกแม่งเลย  ;D

ผมว่าต้องดูทั้งสองด้านด้วยนะครัย ทั้งตัวคนเรียน และทั้งตัวคนสอน คนเรียนไม่ตั้งใจมาเรียนอาจารย์เทวดา ก็ไม่สามารถขุนควายให้เป็นคนได้ หรือถ้าอาจาร์ยที่นิสัยไม่ดี ไม่ตั้งใจสอน (บ้างคนนะครับ อาจาร์ยดีๆมีเยอะ) ผมเคยเจอสอน php ทั้งเทอมสอนผมแค่ ติดต่อฐานข้อมูล คำสั่ง คอนเน็กอ่ะ แต่จะเอาโปรเจคอย่าเทพ แต่ที่ทำโปรผ่านก็อยู่ที่ตัวเรา เกินครึ่งนะครับผมว่า

อ้อ จะหาคนมาสอนในมหาลัย อยากหาคนเก่งๆ ไมจ้างตังค์น้อยใครจะมาล่ะครับคนเก่ง ประหยัดไปถึงไหน ทีถาสีอาคารทาทุกปี แต่เงินเดือนจาร์ยเข้าใหม่ให้แค่ 7500 เอาไปทำไรกินได้ครับ

ทุกสาขามั้งครับ จบออกมาพอทำงานจริงทำไม่ได้
แต่สอนเค้า แป๊ปเดียวพวกเค้าก็เป็นครับ เพราะเรียนมาแล้วแต่ไม่เคยปฎิบัติ
ป.ตรี ช่างกล ให้เด็ก จบป.6 คนนี้สอนเขียนแบบมาหลายคนแล้วครับ  ;D

กำลังสงสัยอยู่เลยค่ะ คนที่จบมามีแค่ 5%เท่านั้นที่จาเปนขั้นเทพ ที่เหลือ งูๆ ปลาๆ
แต่สันนิฐานว่าน่าจะเกิดจากความขี้เกียจ ขี้เกียจก็ลืม ขยันก็จำได้ หุหุ

ส่วนที่บอกป.โท มุมมองกว้างขึ้น .... ที่ผมเจอทั้งหมดนะ
มุมมองมัน(ไอ้หยา ใช้คำไม่สุภาพอะป่าวผม.. ในที่นี้หมายถึงโปเตโต้น้อ ;D ...ไม่ได้หมายถึงนักร้องนะ)
ป.โท ควรจะควบคุมการทำงานของตัวเอง และผู้อื่นได้ (ขนาดนัดเวลา ยังมาสายตลอด :-X)
ป.โท ควรจะเปิดมุมมองเพื่อหาแนวทางใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหางาน เพื่อให้ผลงานที่มีคุณภาพขึ้น หรือทำได้เสร็จเร็วขึ้น(วิชาบริหารที่ ป.โท เรียนกัน)
*ท้ายสุด วันๆ เปิดเวปพี่ผม(กุ๊ก เกิล ...กลายเป็นพ่อครัวซะงั้น ;D) หาปุ๊บเจอเป็นภาษาอังกฤษ...ปิดเลย...แล้วก็หาแต่ของไทย (แล้วมันจะได้อะไรเนี่ย)
  เคยสังเกตุใน gg หลายครั้ง ผมค้นหาอะไรที่เป็นหลักการในไทย ไม่เคยจะเจอ เจอก็แต่ไป copy ที่นั่นที่นู่นมา แถม copy ผิดซะอีก :-X :-X
  แต่พวกที่ไม่ค่อยจะมีสาระ โผลขึ้นมาตรึม เช่น คำพวกเนี้ย ดารา นักร้อง คลิป..หลุด..ฉาว...ลับ....AF.... content เยอะมากกๆๆๆๆ
ท้ายสุด แอบเห็นเวลา ไม่มีใครคอยดู (ผมแอบตรงหลีบ ;D เขามองไม่เห็นผม) ทำอะไรเอ่ย... ให้ทาย
- เปิด hi5 เพื่อเปิดมุมมอง
- เปิด msn คุยกับเพื่อนๆ (ดันสายตาดีซะอีกผม....มองเห็นว่า เขาพิมพ์อะไร ข้อความประมาณเนี้ย
  "กูนะแม่งโคตรลำคาญเลย ให้งานมาตรงกับที่เรียนก็จริง แต่กูก็ทำไม่เป็น ก็ตอนเรียนก็รู้กันอยู่ พวกเราๆ ก็จ้างคนอื่นทำหมดนิ"  :o :o :o
  คนนี้เป็นผู้หญิงนะ....บทสนทนา สมเป็นกุลสตรี น่าเอาไปทำเ..ย จริงๆ เปิดโลกทัศน์ กับเพื่อนๆ
   "ภาษาอังกฤษ เคยอ่านซะที่ไหนล่ะ ไอที่ส่ง ป.โท ก็จ้างเขาแปลทั้งนั้น"   :o:-X :-X
   "ส่วนเขียน coding เนี่ยไม่ต้องพูดถึง.." (ผมก็นึกในแง่ดี...สงสัยคงเชี่ยวชาญ...)
   "กูจ้าง คนเขียนให้หมดเลย"  :-X :-X กรรมๆๆ แล้วจะมาช่วยออกแบบระบบยังไงล่ะเนี่ยๆๆๆๆ >:(
*แอบคิดว่า.....ถ้าเอาเวลา hi5 กับ msn ที่เสียไปมานั่งหาข้อมูล วิเคราะห์จริงๆจังๆ ป่านนี้งานเสร็จไปแล้ว แม่คุณ....เอ๊ย
ท้ายสุด คนๆ นี้ก็ตาม step basic รับเงินเดือนแล้วก็หายไปจากชีวิตผมตลอดกาล....... :-X
ยาวไปเยอะกับเรื่องมุมมอง แหะๆๆๆ :D

 :-*บางคนพึ่งมาอ่าน อย่ารำคาญน้าๆๆ... แค่อยากบอกว่า แล้วเมืองไทยเมื่อไหร่จะมีตัวงานดีๆ ที่อวดคนต่างชาติได้
(*คือที่ผมไปช่วยเขาดูแลทำ software ขายคนต่างชาติอ่ะ ทำแล้วก็ภูมิใจ แต่ปํญหาคือบุคคลากรที่มีคุณภาพ ย้ำๆๆ คุณภาพ รู้จักกันไหมๆๆๆ >:()

เอ่อ ในส่วนของการลืม.....ผมจะเทียบกับอาชีพอื่นแล้วกันนะครับ.....
เพราะเข้าใจครับคนใน ไทยเสียว ไม่ได้เรียนคอมทุกคนหรอก... ยกตัวอย่างการลืมในสาขาอื่น

กรณีอาชีพ แม่ค้าขายกับข้าวตามสั่ง
- โอ้ เดี๋ยวนี้อาหารใหม่ๆๆ รูปแบบใหม่ๆๆ ก็เยอะ จำไม่หมดหรอก ลืมส่วนผสมนิดๆ หน่อยๆ คงไม่เป็นไร
   ประกอบกับ เดี๋ยวนี้ต้นทุนแพง ลดอันนี้คนกินมันก็ไม่รู้หรอก.... โง่จะตาย ลิ้นมันอย่างกะจรเข้....
   สั่งอะไรไปไม่เคยจะได้อย่างนั้นเป๊ะๆ ซักครั้งเลยเดี๋ยวนี้.... อาหาร.....ตาม......แล้ว......สั่ง(ให้ทำตามที่บอก)... :-X
   คิดในแง่ดี ก็แค่อาหารยังไงก็คงไม่ตาย.....
ร้านถัดไปก๋วยเตี๋ยวเยนตาโฟ แถวบ้าน
- ณ ตอนตี 4 ตอนเจ๊เจ้าของทำน้ำซุป.... อ่า อั๋ว ใส่น้ำตาลไปหรือยังเนี่ย (ซัพจีนหน่อยๆ) ไม่เป็นไรมั้งลืมหน่อยคงไม่เป็นไร
  ว่าแล้วผม ก็ไปกินปกติก็อร่อย แต่วันนั้น ..... อย่างกะน้ำล้างชาม....
   คิดในแง่ดีอีกครั้ง ก็แค่อาหารยังไงก็คงไม่ตาย.....

อาชีพถัดไป หมอ
- ตรวจคนไข้ก่อน "คุณครับ .... ช่วย อ้า ปาก กว้างๆๆๆ หน่อยครับ ... " ว่าแล้วก็หยิบแท่งปรอทวัดไข้ มาวางใต้ลิ้น...
  "ไอหยา ลืมไป อันนั้พึ่งไปเสียบก้นคนไข้คนที่แล้ว ยังไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื่อเลย"
  คิดในแง่ดี ก็ยังไม่ตาย ก็แค่..... แหวะๆๆๆๆ :-X :-X :-X
- เข้าห้องผ่าตัด "ผู้ช่วย.... ผมเย็บปิดแผล ผ่าตัดไส้ติ่งเรียบร้อยแล้ว เก็บอุปกรณ์ได้"
  ว่าแล้ว ผู้ช่วยหมอก็บอกว่า "เอ่อ หมอคะ กรรไกร หายไปไหนอันนึง" (*ปกติการผ่าตัดจะมีการเช็คอุปกรณ์ ก่อนและหลัง)
  หมอ ก็บอกว่า "อืม ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เป็นไรหรอก แค่กรรไกรอันนึง เดี๋ยวค่อยทำเรื่องเบิกก็ได้ นิดหน่อยๆๆ" (เป็นข่าวกรรไกรอยู่ในท้องคนไข้ :P :-X)

อันนี้ยกตัวอย่าง แต่คนเขียนโปรแกรมบอกมันก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ถามว่าการลืมอะไรเล็กๆ น้อยๆๆ งานเราก็จะด้อยคุณภาพไปเรื่อยๆ อ่ะครับ
หวังว่าอันนี้คงเห็นภาพ :D :D :D
ปล. คุณรู้กันไหม ว่าเมืองไทยไม่เคยสามารถทำเรื่อง QC ได้ดี... เช่น โรงงานประกอบรถ...ไม่เอ่ยชื่อละกัน...แต่รุ่นที่..ขึ้นต้นด้วย ตัว V เป็นรถกระบะ ลงท้ายด้วย go
 :o ไปเดาเอาเอง.... ที่ญี่ปุ่นเคยส่งมาให้คนไทยประกอบส่งจีน.. ถูกตีกลับหมด (อุปกรณ์ทุกชิ้นมาจากญี่ปุ่นทั้งสิ้น)
แค่ให้ประกอบให้เป็นคันเท่านั้น อารมณ์ประมาณ "ไขตรงนี้หลวมไปนิดก็ไม่เป็นไร"

ถูกครับผมเห็นด้วยเลย... ผมทำงานอยู่ีในมหาลัยรู้ดีเลย  อาจารย์เก่ง ๆ น่ะอยู่ไม่ได้นานหรอกครับ
เพราะเงินเดือนน้อย และถ้าไม่ใจรักในอาชีพและทุ่มเทให้เด็กจริงๆ ก็อยู่กันไม่ได้
แล้วอีกอย่าง .... ผมโดนมากับตัวเลย .... วิชา SA/SE  อาจารย์ผู้สอน ...ไม่มีประสบการณ์ในการเป็น SA / SE มาก่อนแล้วมาสอนตามหนังสือ เพราะจบ ตรี,โท,เอก แล้วไม่เคยทำงานเลย ไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้จริงๆ รู้แต่ทฤษฎี อย่างรายวิชาสำคัญๆ เนี่ย... อาจารย์ผู้สอนควรจะต้องมีประสบการณ์เรื่องนี้พอสมควร

แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ

   - คนมีประสบการณ์ หรืออาจารย์ที่เก่ง ๆ ก็ลาออกไปเปิดบริษัทกันหมด
   - หรือบางทีวงการอาจารย์ก็มีการแบ่งพักแบ่งพวก คนสอนไม่ถนัด คนถนัดไม่ได้สอน เพราะผลประโยชน์แท้ๆ

อีกอย่างตัวเด็กก็ต้องขวนขวายด้วย....เห็นขวนขวายแต่ copy - paste ส่งงานอาจารย์ ไม่คิดเองทำเอง เฮ้อ..การศึกษาไทย

+1 ให้จขกท. เขียนได้ฮามาก  ;D

ก็คงต้องทำใจนิดนึงสำหรับเมืองไทยอ่ะครับ
เพราะว่าเราเน้นเรียนให้จบ ไม่ได้เน้นเรียนให้รู้

ก็ผมอยู่ที่มหาลัย ชื่อดังมากๆแห่งหนึ่งน่ะครับ

อยากจะบอกว่า เดี๋ยวนี้ระบบการศึกษา

มันห่วยครับ ไม่ใช่เฉพาะของไทย ต่างประเทศก็เป็นครับ

ผมอ่ะเรียนอยู่ที่วิทยาศาสตร์ที่ไม่เกี่ยวกับคอมเลย

แต่ผมใช้เวลาศึกษาเพราะชอบพวกนี้มาเกือบ 1 ปี ตอนนี้ก็ทำพวก seo ได้ค่อยข้างเก่ง

ซึ่งผมต้องแลกด้วยกับการที่เกรดตก ตอนเข้าไปผมเป็นหัว ตอนนี้กับมาเป็นหางเพราะไม่ได้อ่านหนังสือกับทำเว็บ ทำงานให้มูลนิธิ

แต่ผมไม่เสียใจเลยเพราะผมได้เอาเวลามาฝึกประสบการณ์ ตอนนี้ผมจึงสามารถทำพวกวิจัยกับงาน computer และประสบการณ์จากสังคม

ตอนนี้เพื่อนบ้างคนก็ดูถูกนิหน่อยครับ แต่ผมไม่แคร์หรอกก็ในเมื่อ ถึงไม่จบผมก็ทำอะไรได้มากมาย

มันก้ยังงี้แหละครับ ถ้าเน้นเกรดมันก็ได้แค่นั้น ซึ่งบอกตามตรงว่าเด็กส่วนใหญ่....ไม่ขอพูด แต่เด็กที่เรียนคอมบ้างคนยังทำ seo ไม่เป็นเลย

มันเป็นตั้งแต่อาจารย์บ้างคนแล้ว บ้าเรียน เอาคนเป็นอาจารย์ที่เอาแต่เรียน

การเรียนในมหาลัย บ้างอย่างเป็นสิ่งที่ไร้สาระที่สุด

ไม่ได้หวังจะเอา thanks เลย แต่ก็ได้มา แหะ....แหะ.... ขอบคุณนะครับ :'(
ดูจากที่ผมเขียน คิดเอาง่ายๆ ครับ เวลาผมสอนคนก็สอนแบบเนี้ยแหละ
คือคุยให้เข้าใจง่ายๆ ขำๆ แต่จดจำได้ง่าย แล้วมันจะไม่ลืม
เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ถ้าพูดคุยเป็นหลักการ....แป๊บ..ๆ ก็ลืมและ อย่างกะปลาทองแน่ะ.... ;D ;D

 :'(ไว้จะมาระบาย.... ไม่ใช่สิ.....เขียนสิ่งที่พบเจอมาในวงการคอม....ให้รู้กันอีกนะครับ
จะได้เปิดมุมมองกว้าง....กว้างๆๆๆๆ ให้สมกะเป็นกลุ่ม SEO กัน ไม่อยากเป็น ป.โท มุมมองกว้างแบบนั้น  :D :D

บรรยายได้สุดยอดครับ  :)

ก้เป็นกันหมดทุกสาขานะผมว่า และก็เวลามาเจองานจริงๆ ที่เรียนมานั้น แค่เปลือก เน้นๆเลยคับว่าแค่เปลือก ต้องศึกษาอีกเยอะ

ในความคิดผมถ้ารับเด็กจบใหม่ ก็ต้องทำใจตรงนี้ไว้ก่อน ก็เขาพึ่งจบ ตอนเราจบก็ไม่ต่างกันมากหรอกผมว่า
แต่บางคนเขาก็เก่งๆก็มีคับ ถ้าเจอแบบนี้ล่ะสบายเลย^^
จริงเคสเด็กจบใหม่ผมว่าถ้าได้ประมาณนี้ก็ok และนะคับ ตามมดูคับ ดังนี้
 - สามารถเขียนภาษาที่เราต้องการได้ โปรเจคจบได้ทำไหม ถ้าได้ทำผมว่าข้อนี้ผ่าน(ถ้าทำเองนะคับ)
 - join table ได้ (ใช้ tool ของ DB เป็นก็ยังดี ให้มาเขียนมือเลย มันก็ไม่ง่ายเลยนะคับ)
 - ภาษาอังกฤษ ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้มากก็ 50% ขึ้นไปก็น่าจะพอรับได้นะคับ
 - เวลางานติดขัด หาทางออกแบบไหน เช่น กล้าถาม(ถามแต่พองามนะคับ เช่นระบบงาน DB เป็นต้น ผมเคยเจอถามทุก 10 นาที 555 T_T) ใช้ google หาได้ระดับนึง

สุดท้ายก็คงต้องดูรวมๆคับ คุ้มกับเงินที่เขาเรียกมาไหม พิจารณากันไป เพราะมันมีพวกมีประสบการณ์แต่เงินเดือนเท่ากันก็มีคับ อิอิ
สู้ๆคับ ^^

คืองานด้านคอมฯเนี่ย มันเป็นงานที่ต้องใช้ความถนัดพิเศษ ต้องมีตรรกะอยู่ในหัว  ซึ่งคนแบบนี้มีน้อยมาก แต่รัฐบาลตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมาก็พยายามจะสงเสริมแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ มหาลัยต่างๆก็เลยเปิดสาขาคอมฯกันใหญ่ คนที่ไปเรียนก็คิดแต่ว่าจบมาแล้วมีงาน เงินเดือนดี คิดว่าเหมือนสาขาอื่นๆ เรียนจบก็ทำงานได้แล้ว ที่ไหนได้งานมันไม่ใช่งานรูทีน ปัญหาที่ต้องแก้มันไม่ซ้ำกัน

เท่าที่ผมสัมผัสมา มีอยู่แค่ไม่กี่มหาลัยเท่านั้น ที่เราพอจะวางใจได้ว่า เออ ถ้าจบจากสถาบันนี้แล้วเจ๋งแน่ แต่พวกนี้ก็โดนบริษัทใหญ่ๆจองไปหมดตั้งแต่ยังไม่ได้รับปริญาด้วยซ้ำ บริษัทเล็กๆอย่างเราหมดสิทธิ์

ถามว่าที่ไม่จบสถาบันดังๆ แล้วเก่งมีมั๊ย ก็ต้องมีอยู่แล้ว บางคนมีหัวอยู่แล้ว ถึงไม่จบอะไรยังไงก็เก่งอยู่ดี  แต่ว่าถ้าเปิดสัมภาษณ์ทั่วไปซัก 100 คน มีโอกาศเจอกี่คน มันก็เป็นงานที่เหนือยมากในการกรองคน

ดังนั้นที่เหล่าบริษัทต่างๆที่เค้าดูสถาบัน มันก็ไม่ไ้ด้แปลว่าเค้าดูถูกว่าคนจบสถาบันไม่ดังแล้วจะหาดีไม่ได้ แต่มันเป็นการลดงานของเขาในการกรองคน ถ้าจบสถาบันดัง 100 คนอาจเจอ 70 คนที่ผ่าน requirement แต่ถ้าจบ no name 100 คนอาจเจอแค่ 2

ไม่รู้ว่าการศึกษาห่วยหรือไม่

แต่ที่รู้ๆคือ.........ทุกระบบเกิดจากคน

คนห่วยกว่าอีก

ผมว่า คนใน tsb เป็นพวกนอกคอกครับ  ;D ;D ;D ;D  ;D ;D พวกนอกคอกไปทางความคิดที่สร้างสรรค์ เราควรทำให้วงการนี้อบอุ่นและดีขึ้นๆๆ

ผมว่าเป็นทุกสาขาอาชีพนะครับ ของผมกว่าจะหาคนได้แต่ละทีกว่าจะได้ต้องคัดอยุ่นาน ถือคติว่า หาดีไม่ได้อย่าเอามา(เป็นภาระ)ดีกว่า  :-\

นี่เดี๋ยวนี้เป็นการขนาดนี้เลยเหรอครับ นี่    :-X

ก็ถูกในมุมมองนึงครับ
แต่ถ้าเป็นบริษัทคนต่างชาติเขาพูดกับผมอย่างนี้น่ะครับ
"U จะเลือกคนมาทำงานนะ ไม่ใช่เลือกมาเป็นนักเรียน คำว่าทำงานน่ะเข้าใจใช่ไหม...." หมายถึง เสียเงินจ้างแล้ว ไหงต้องมานั่งสอนอีก
ถ้าไม่รู้ก็ต้องศึกษาเอง จะให้คนอื่นมาสอนมันคงไม่ได้ กินเวลาของคนอื่น แต่ถ้าให้ช่วยแนะนำอ่ะได้

อ่า ผมก็คงนอกคอกอีกคนล่ะมั้ง :D :D
ลืมไปผมมันเพี้ยนๆๆ...สมัยก่อน window ยัง 3.1 มั้ง (บ่งบอกถึงอายุเราเลยแฮะ :-[ อ่าผมพึ่ง 20 เอง ที่เหลือฝากธนาคารไม่อยากรับดอกเบี้ย :D :D)
ผมก็เริ่มเขียนโปรแกรมเป็นซะแล้ว ;D ตอนนั้นอยู่ ม.4
พอเริ่มขึ้น ม.ปี 2 ก็เริ่มเป็นติวเตอร์สอนเขียนโปรแกรมซะแล้ว คนปี 4 มาจ้างเขียนโปรเจ็คจบซะงั้น :-\ :-\
อยู่ในนี้อบอุ่น มีคนพูดคุยภาษาเดียวกัน ;D ;D

บางทีบริษัทที่รับเข้าทำงาน บางทีก็ดูเว่อร์ๆ เหมือนกันนะครับ ยิ่งสมัยนี้ เยอะมาก (อาจเพราะ ต้อง save cost บริษัท) อันนี้ผมจะเอาคุณสมบัติ จากบริษัทนึง มาให้ดูนะครับ

รับ Graphic Design (มีประสบการณ์)

- สามารถทำ Indesign (จัดหน้านิตยสารได้)
- สามารถทำ Photoshop และ Illustrator ได้
- มีความคิดสร้างสรรค์
- สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ (ระดับดี-ดีมาก)
- มีความคิดสร้างสรรค์ รับผิดชอบงาน
- สามารถทำเว็บไซต์ได้ ตั้งแต่ Flash, CSS, XHTML, MySQL, Ruby, PHP
- มีความสามารถดูแลรักษาคอมพิวเตอร์ระบบ Network และ ซ่อมแซมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
- ซื่อสัตย์ มีความอดทน

เงินเดือน 12000 บาท

สรุปผมเปิดบริษัทเองดีกว่ามั๊ยนี่ เยอะมากนะครับเดี๋ยวนี้ จะทำงานที่หนึ่งต้องรู้ครอบจักรวาลมาก เหอะๆ

 :'( โดน ๆ ๆ

ส่วนตัวเรารู้สึกว่าภาษาอังกฤษสมัย ม. ต้น ทำได้ดีกว่า ป.ตรีจริง ๆ ค่ะ
แล้วอะไรที่เคยเรียนตอน ปวช. เราจะมาเข้าใจแจ่มแจ้งตอนที่เรียนปวส.
อะไรที่เรียนตอน ปวส. เราจะมาชัดเจนเอาตอนเรียน ป.ตรี  :D

 :-X พัฒนาการช้ามาก ๆ



 :-[

เรียนจบสูง แต่ไม่มีประสบการณ์ทำงานจริงๆ ก็ทำอะไรไม่ค่อยได้หรอกครับ

อันนี้บริษัทคอม หรือ แรงงานต่างด้าวครับเนี่ย ;D ;D ;D
ขอเกินไปและ ใครจะบ้าไปสมัครล่ะนิ ที่ผมรับเนี่ย ไม่เคยจำกัด rate นะ ถ้าเก่งก็เรียกมา ไม่ว่ากัน แต่ ส่วนใหญ่ไม่เก่งแต่เรียกเยอะประจำ  :(

นึกว่าผมเจออยู่คนเดียว เด็กสมัยนี้เป็นพิมพ์เดียวกันเกือบทั้งหมด ถามอะไรก็ไม่ค่อยรู้
ผมว่าน่าจะมาจากการเรียนเขียนโปรแกรมแบบใหม่ ๆ มันมีเครื่องมือให้ใช้แบบประมาณ Wizzard
พอไปเจออะไรที่ต้องใช้ Command ต่าง ๆ งง  
ข้อสอบที่เคยสอบข้อเขียนรับเข้าทำงานของผม ให้เขียนโปรแกรมสูตรคูณ เชื่อมั้ยว่า ร้อยละ 80 ทำไม่ได้ งง
 >:(  ???

เหมือนหาแฟนอะป่าวน้อๆๆๆ ไม่ดีก็อย่าเอามาเป็นภรรยา  ;D
 :o แต่.....หุ่นมันน่า.....เป็นกิ๊กก็พอละกัน... แหะๆ :-[

ที่ไหนรับคนเพิ่มครับ รับรองผมไม่ทำให้ผิดหวัง  ;D

มหาลัยสมัยนี้ หลายแห่งเหมือนเปิดให้เด็กมามั่วสุม หาแฟน หาเพื่อนเที่ยวกัน ยิ่งพวกลูกคนรวยนะ วันๆเอาแต่เที่ยว ทำไรไม่เปนอยู่ละ จองหองสอนไม่ได้อีกต่างหาก

อ่านกระทู้แล้วเข้าตัวอย่างงัยไม่รู้  ;D
เรื่องความรู้ด้านโปรแกรมมีบ้าง เกือบจะไม่มี แต่ดันมาทำงาน webmaster งูๆ ปลาๆ เพราะชอบ  ::)

เชื่อเถอะโปรเจ็คจบสมันนี้เค้าจ้างกันทั้งนั้นครับ ??? (น้อยมากที่ทำเอง) เพราะมันยากสุดๆ คือต้องเอาความรู้เล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดที่มีมารวมกันสร้างเป็นโปรเจ็คที่คิดว่าจะทำ ตามที่ผมได้ทำโปรเจ็คด้วยตัวเองทั้งหมด ตอนแรกคิดว่าง่าย แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด  

เพราะฉนันเด็กจบใหม่ที่เขียนโปรแกรมไม่เป็นก็ไม่น่าจะแปลก แต่อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ ผมก็เข๊ยนไม่เป็น  ???
ตอนผมสมัครงาน ฝึกเขียนโปรแกรมเขียนเว็บ เครียตจัด เวลาก็จำกัด เพราะจบแล้วไม่อย่างตกงาน โปรเจ็คที่ทำมาก็ลืมไปเกือบหมดแล้ว (ไปเป็นทหารมาปีเต็ม)
แต่ไปสมัครงานที่แรก เค้าเรียกไป สัมภาษณ์ที่แรกไม่รับ แต่ชวนคุณเป็น2 ชม ที่ๆ2 ดีเค้ารับ ก็เลยมาทำเว็บดูแลเว็บ อย่างที่ฝัน ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเลย ที่ได้มีโอกาส อยู่ที่เราแล้วหล่ะ  ;D

รับแล้วมาทำงาน เดือนเดียว หาย วันสองวันยังมี ผมเห็นเป็นธรรมดาไปแล้ว ไม่รู้เป็นอย่างไรกัน ตอนแรกบอกว่าทำได้ ขอเอาเข้าจริง  

ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่เท่าที่ทราบ มีแค่ อาชีพเดียวที่เรียนมาแล้วทำงานได้ตรงตามที่เรียน และมีความรู้ด้านนั้นๆ ยกเว้นผู้ที่เรียนจบ จะเลือกทำงานอย่างอื่น นั่นก็คือ "หมอ"  คงไม่มีหมอคนไหนจบออกมาแรกๆ แล้วมานั่งขายเห็ด หรือเป็นโปรแกรมเมอร์นะครับ เพราะยังไงๆ ก็ต้องเป็นหมอแน่นอน จะปี หรือสองปี ก็ว่ากันไป หลังจากนั้นอาจเลือกเป็นอย่างอื่น (ยกเว้นเค้าจะลาออกมาทำอย่างอื่น แต่พวกนี้จะเรียนหมอไปทำไมกัน)

ส่วนวิชาสาขาอื่น ผมว่า ในห้องเรียนสอนไม่ตรงเท่าไหร่
เด็กสถาปัตฯ ดันมาเป็นพิธีกร นักแสดง ผู้กำกับกันเยอะ
เด็กคอม ไปเป็นนักการตลาด นักวางแผน นักออกแบบ จริงๆ พวกออกแบบน่าจะเป็นเด็กสถาปัตฯ หรือเด็กวิทย์คอมฯ (ออกแบบระบบนะ) อาจารย์ผมจบเลข ตรรกศาตร์ ทำงานด้านออกแบบระบบ
แต่นั่นแหละ เรียนคอม มันก็มีหลายสาขา
เพื่อนผมรุ่นเดียวกัน เรียนจบสาขา สารสนเทศ มีผมคนเดียวทำเกี่ยวกับ internet สารสนเทศ แต่หลายคนไปทำอย่างอื่น
คนที่เก่งสุดในห้องเป็นเลขา เพราะที่เธอเรียนก็แค่ชอบคอม และสาขานี้ไม่ได้สอนอะไรมากไปกว่าสาขาอื่นเลย จะเน้นก็แค่ พื้นฐานโปรแกรมต่างๆ เท่านั้น รุ่นผมเรียน ปาสคาล วิชวล ซีพลัส แล้วก็พวก OS นิดๆ หน่อยๆ ถามว่าเรียน 4 ปี ได้อะไร จบมาวิชาที่เรียนมันเลิกใช้ไปหมดแล้ว จะเหลือก็นิดๆ หน่อยๆ เอามาปูพื้นฐานเรียนรู้วิชาอื่นในสายเพิ่มเติม ถามว่าเรียนเขียนโปรแกรมไหม เรียน แต่เขียนแค่โจทย์สองสามข้อ เช่น หาเลขจำนวนนั้นจำนวนนี้ เป็นโปรแกรมเล็กๆ ทำโปรเจคจบ ก็ไม่ได้ทำกันทุกคน แต่ทำเป็นกลุ่ม ถามว่าทำกลุ่ม มันจำเป็นต้องเขียนโปรแกรมทุกคนหรือ เปล่าเลย ใครถนัดอะไรก็ว่ากันไป เพื่อนผมเขียนได้ก็ให้มันเขียน ผมออกแบบระบบ อีกคนถนัดประกอบฮาร์ดแวร์ ก็ให้มันไปหาซื้อประกอมคอมให้ซักตัว อีกคนถนัดพิมพ์เอกสาร ก็ให้มันไปพิมพ์เอกสารทุกอย่าง อีกคนถนัด present ก็ให้มันออกไปหน้าชั้นพูด สาธยายให้คนอื่นและอาจารย์ฟัง

เห็นมั้ยครับ จบคอม ไม่จำเป็นต้องทำงานคอมฯ ยกเว้นพวกที่ทำมีใจรักจริงๆ ในด้านนั้นๆ อย่างผม รักที่จะทำเว็บ ผมจบมาถือว่าตรงสาขานิดหน่อย ผมเขียนโปรแกรมไม่เก่ง ทำได้นิดๆ หน่อยๆ ที่เจ้าของกระทู้บอกนั้น ผมทำได้บางข้อ ภาษาอังกฤษผมยอมรับไม่ได้เลย ถ้าจะเน้นวิชาการ ไวยากรเป๊ะๆ แต่ผมฟังรู้เรื่อง พูดพอใช้ได้ บางครั้งรู้ว่าเค้าพูดอะไรแต่ตอบไม่เป็น แต่ผมถนัดศัพท์คอม เครื่อง error อะไรผมรู้หมด โปรแกรมบั๊คตรงไหนผมรู้หมด แก้ไขได้สบาย แต่ผมแค่พูดและสื่อสารแค่พอใช้ได้เท่านั้น

หลายเดือนก่อนผมเคยไปสมัครโปรแกรมเมอร์ เนื่องจากลงสมัครงานไปกับเว็บสมัครงาน ต้องการทำเว็บ แต่บริษัทนี้ดันเรียกสัมภาษณ์ให้ไปเป็นโปรแกรมเมอร์ ผมบอกไม่ถนัด เค้าบอกลองมาสัมภาษณ์ก่อน เอาก็เอา ตกงานอยู่ด้วย ไปถึงให้ทำข้อสอบเขียนโปรแกรมเกี่ยวกับการหาวันที่ว่า จะรู้ได้ยังไงว่าเดือนกุมภาพันธ์ในปีที่ระบุ มีกี่วัน ในปี 2009, 2010, 2011  ผมละงงเต๊ก ทำไงฟะ

แล้วให้เขียนความถนัดทางโปรแกรมมา 1 อย่าง
ผมทำเว็บผมเลยเขียนบอก php ไป (ซึ่งแน่นอนทำเว็บ php ผมไม่เคยทำโปรแกรมปฎิทิน เลยไม่รู้ว่า จะคำนวณวันยังไงในแต่ละปี) ผมทำเว็บก็แค่ สร้าง templete ดึงข้อมูล แสดง แล้วก็แทรกอะไรๆ นิดหน่อยให้พอสวยหรู แต่งภาพได้บ้าง

สรุปว่าถ้าผมเขียนโปรแกรมหาวันไม่ได้ ผมไร้ความสามารถหรือเปล่า

อันนี้บ่นนะครับ ลองพิจารณาดูว่า อย่างที่ผมบ่นเนี่ย บอกอะไรคุณบ้าง
ปล. ปัจจุบันผมก็ยังทำเว็บอยู่ ทำงานประจำด้วย ด้านออกแบบผลิตภัณฑ์ งานป้ายโฆษณา ดูแลเว็บองค์กร ทำ seo และหาเงินได้เดือนละ 7-8 พัน จากเว็บส่วนตัวอีกสองสามแห่ง

มันน่าจะขึ้นที่ตัวบุลคลมากกว่าครับ  :P

เด็กจบใหม่ผมไม่ค่อยเท่าไหรครับ เทรนให้ได้ แต่ถ้าเทรนไปแล้ว อยู่ๆหนีไปอยู่บริษัทอื่นหลังจากเทรนแล้วนีครับเซ็งเลย เจอมากับตัว >:(

เรียนหมอแล้วไปนั่งขายเห็ดผมไม่ทราบ
แต่เรียนหมอเป็นหมอ แล้วมานั่งทำเว็บ มีอยู่นะ ในบอร์ด
ควบ 2 จ็อบเลยมั้ง ไม่ต้องเอ่ยชื่อ เพราะคุณก็รู้ว่าใคร
ยังกะโวลเดอมอร์ ไม่ต้องพูดถึง ก็ทราบไปทั่วบาง

 ;D

ปล. หลายคนทัก อยากเอาหัวมาผ่า เพราะหัวยัดเข้าไปได้ไง
ทั้งเรื่องแพทย์ ทั้งทำเว็บ (เก่ง php ด้วยนะ)

ส่วนตัวผม ผมว่าเป็นจากการที่ไม่สอนพื้นฐานให้เด็กๆ ก่อนครับ การปูพื้นฐานดีๆ ช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้เร็วมากเมื่อต้องเข้าสู่ระดับมหาลัย แต่ถ้าไม่มีความรู้พื้นฐานตอนเรียน ม.ต้น ม.ปลาย แล้ว เข้าสู่ระบบการเรียนมหาลัยที่อิสระ ก็ทำอะไรมากไม่ได้ ยกตัวอย่างร้านเน็ต ของผม นะครับ

1. เด็กยังไม่รู้จัก คำว่า เครส เลย รู้แต่ปุ่ม เปิดเครื่องเท่านั้น
คอม 90 % มีปัญหาเพราะเด็กกดมั่ว ไม่อ่านหรืออ่านไม่ออก ไม่รู้ รู้ปต่ว่าอะไรเด้งขึ้นมา กด 0k ตลอด สรุปเครื่องแฮ้ง
ผมบอกให้กดปุ่ม รีเซ็ต ที่เครส  ได้เลย  เด็กบอกหาเครสไม่เจอ อยู่ตรงใหนเหรอ  :-X  ตูจะบ้าตาย ต้องบอก ปุ่มเล็กๆ ข้างล่างปุ่มเปิดเครื่อง ครับ เด็กถึงบ้างออ ....

2. ปุ่ม NumLock เด็ก 70 % ไม่รู้จัก ปุ่มนี้  ผมก็งง โรงเรียนไม่สอนกันเหรอ ...เด็กเปิดเครื่องใช้งาน กดตัวเลขไม่ขึ้น พี่ค่ะ หนูขอย้ายเครื่องค่ะ คีบอดร์เสีย ค่ะ ...เราก็ว่าเช็คหมดแล้วนี้ เสียได้ยังไง ..น้องครับมันเสียงยังไงครับ ...มันกดตัวเลขไม่ได้ค่ะ ....น้องครับ ไฟ NumLock ติดใหมครับ ...เด็กใบรับประทาน หาวุ่นเลย ไอ้ไฟ NumLock นี้มันอยู่ตรงใหนหวา ...สุดท้าย ก็ต้องบอกน้องไปว่า  ปุ่ม NumLock อยู่บน เลข 7 ที่แป้นคีบอร์ด ฝั่งตัวเลขนะครับ ต้องกดให้ไฟติดก่อนถึงจะได้แป้นตัวเลขได้ ....

3. อันนี้ก็เจอบ่อย เวลาก๊อปงานจากเว็ปมาใส่ Word แล้วตัวหนังสือไม่ขึ้น สาเหตุ เพราะ เว็ปที่ก็อปมา ทำตัวหนังสือสีขาว พอก็อปมาก็ เป็นสีขาว เลยมองไม่เห็น เด็กก็นั่งก็อป อยู่อย่างนั้นแหละ  เมื่อไม่ได้ ก็ด่าเครื่องคอมซะเลย พี่ค่ะ หนูขอย้ายเครื่องค่ะ ค่อมมันไม่ดี ก็อปงานไม่มาซะที ขอย้ายไปเครื่องที่ไม่ห่วย นะค่ะ หนูจะทำรายงาน ....ผมก็เดินไปดูให้ ..น้องลองก็อป มาอีกทีซิครับ พี่จะดูให้ พอก็อปมาเสร็จ รีบชิงพูดเลย ...เห็นใหมค่ะพี่ คอมห่วยจริงๆ ก็แปเท่าไรก็ไม่มา....ผมเลยต้องกลายเป็นครูจำเป็นอีกรอบ ...น้องครับ เว็ปที่น้องก็อปมาตัวหนังสือสีขาวนะครับ พอก็อปมาตัวมันก็สีขาวน้องต้องเลือกสีตัวหนังสือใหม่นะครับ พอเราทำให้ดูเสร็จแล้ว ....เด็กก็บอกว่า....ออ.หนูลืมไปต้องเปลี่ยนตัวหนังสือนี้เอง.... :-X :-X

(เรื่องไม่เกี่ยวกับกระทู้ก็ขอโทษนะครับ อารมณ์พาไป)

คนเก่งก็มีเยอะนะ แต่โดนเก็บไปหมด

เหลือแต่คนไม่ค่อยเก่ง เท่านั้นล่ะครับ ที่พยายามหางานทำไปเลื่อยๆ.

คุณไม่ได้โง่หรอกครับ แต่ว่าบริษัทที่เค้าให้ทำอะไรประมาณนี้   คือเค้าทดสอบความสามารถทางกระบวนการคิดอ่ะครับ เค้ามองว่าไม่ต้องการคนที่เขียนโปรแกรมเป็นแบบทื่อๆ  ต้องการคนที่มี กระบวนการคิด (Logic) ที่ดี เพราะว่าคนที่มี  logic ที่ดี จะสามารถเขียนอะไรก็ได้ ไม่จำกัดภาษา  อ่านจากหนังสือนิดหน่อย  เค้าก็ทำได้แล้วครับ    :P   อย่าไปเครียดครับ  ความต้องการต่างกัน    บางคนถนัดที่จะเป็นนายตัวเอง ต้องทำเป็นทุกอย่าง  

แต่บางคนทำไม่เป็นซักอย่าง  แต่เก่งเรื่องการเลือกใช้คนที่เก่งมาทำงานให้  เค้าก็เป็นนายคนได้     ถ้าสิ่งที่ผมอธิบายมันไม่ถูกก็ขออภัยน่ะครับ   เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวเฉยๆ   :P

ตามธรรมชาติครับ เรียนมาถ้าไม่ได้ทำก็ลืม

เด็กส่วนใหญ่ ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร ชอบอะไร ตอนเลือกสาย เลือกสาขา เลยเลือกไปแบบมั่วๆ เลือกตามเพื่อน โดยที่ไม่รู้ว่าจบมาแล้วชีวิตจะเป็นแบบไหน เวลาเรียนก็เลยไม่ค่ิอยสนใจจะลาออกก็ไม่ได้ ทนๆเรียนไปให้จบ จบมาเลยเป็นแบบที่จขกท ว่านี่แหละครับ ผมก็1คนในนั้นเลยแหละ เรียนตามเพื่อน แต่โชคดีเพื่อนเลือกนิเทศ ชีวิตเลยบันเทิงอย่างนี้แล 555  ::)

 quote อย่างเดียวเลย  เห็นด้วย

กระทู้ดีมีสาระ ผมเห็นด้วยนะครับที่ว่าเด็กจบใหม่ออกมาเดี๋ยวนี้ทำอะไรไม่ค่อยเป็น ต้องคอยสอนงานให้ ไม่รู้ว่าเป็นที่คนหรือการศึกษา


มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ :-X ถ้าเจอแบบนี้ผมไม่ไหวแน่

เคยเจอ น้อง ป.ตรี สาขาอื่น ต่อโท คอม มาถามโน่นถามนี่ แรกๆก็ตอบให้ หลังๆมาหลายคำถาม :P ตอบให้ไม่ไหว ไม่มีเวลา เลย บอกไปหาใน google

มันต้องหาใน google ตั้งแต่แรกๆแล้วนะนี่ ระดับนี้แล้ว น่าจะค้นขว้าเองได้แล้วนะ  :P

ไม่ได้จบคอม นะครับ

จริงๆ พวกคำสั่ง ต่างๆ นี่ ต้องใช้บอ่ยๆ จึงจำได้ครับ

ส่วนมาก ผมพอจะเขียนที ก็ ค้นด้วย google ที ฮ่าๆ เวลาสอบเขียน ให้เขา ออนไลน์ได้ดิครับ

ตอนสมัยผมเรียน เมื่อซัก 10 ปีที่แล้วนะครับ ก็แบบนี้ อาจารย์ ไม่ได้ สอนอะไรนอกจาก พื้น ของ พื้น ของพื้น
ที่เหลือต้องไปศึกษาเอาเอง ท่านพูดไว้คำหนึ่งว่า "คุณเป็นนักศึกษา หน้าที่ของคุณคือ ต้องศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองไม่ใช่ให้ครูมาจ้ำจี้จำไชสอนแบบเด็กประถม" ผมก็ว่าเออ จริง หว่ะ ผมก็ตั้งใจศึกษาเองเรื่อยมา จากที่จบ นิเทศศาสตร์
จนมาสอบ เป็นครูใหญ่โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ได้   ;D ;D ;D

เท่าที่ดูนี่คือคงรับเด็กจบใหม่ใช่มั้ยครับ  ???
เด็กจบใหม่แปลง่ายๆ คือยังไม่มีประสบการณ์ครับ ฉะนั้นหายากครับเด็กจบใหม่ที่จะจำ syntax แต่ละภาษาได้

ถ้าจะถามว่ามหาลัยไม่สอนมารึไงฮ้าา!!!
ตอบได้เลยครับว่าสอน แต่เค้าไม่ได้สอนที่ตัวภาษา เค้าสอนพื้นฐานโดยใช้ภาษาเป็นสื่อกลาง เช่น สอนการจัดการหน่วยความจำโดยใช้ assambly , สอนเรื่อง OOP โดยใช้ java ,สอนพื้นฐานการโปรแกรมมิ่งโดยใช้ C++ , สอนการออกแบบ โดยใช้ VB+MySQL อะไรก็ว่าไป แล้วสิ่งที่ได้มาคืออะไร . . . ก็ได้พื้นฐานมาไงครับ!! แต่ไ้อ้ syntax เนี่ยสอบเสร็จก็ลืมแล้ว!!
อย่างมากจำได้ก็ ปีหรือ 2 ปีอ่ะโดยที่ต้องเปิดหนังสือทบทวนใหม่ด้วยซ้ำ  ปีแรกเรียน assambly ปีสอง เรียน C++ , Java ไอ้ assambly ก็ลืมหมดแล้วถ้าไม่เปิดหนังสือมาทบทวนอ่ะ
โดยเฉพาะช่วงปี 4 จะไม่เจอวิชาพวกนี้ด้วยซ้ำ จะได้ coding อีกทีก็ตอนทำโปรเจคจบเนี่ยแหละ
และโปรเจคจบทำ coding จริงๆ ก็ประมาณ 2 อาิทิตย์เท่านั้นแหละ ถ้าไม่รวมต้องเอาไปให้ตรวจหรือแก้บักเนี่ย
ฉะนั้นถ้าจะหาเด็กจบใหม่ที่จำ syntax ต่างได้ทั้งหมดเนี่ยยากมากครับถ้าเด็กคนนั้นไม่บ้าโปรแกรมมิ่งเองจริงๆ

แนะนำว่าถ้าอยากทดสอบว่าเขียนโปรแกรมเป็นหรือไม่ ให้ใช้วิธีตั้งโจทย์ coding แล้วให้ตอบเป็น pseudo code เอาครับ
หรือ
มี code ให้แล้วให้บอกผลลัพท์
หรือ
จำลองสถานการณ์การทำงานจริง มี internet ให้ มีอุปการณ์การทำงานให้ แล้วลองมอบโจทย์ที่เสมือนงานจริงให้ดู

ผมเชื่อว่าวิธีแบบนี้ดีกว่า ตั้งคำถามประมาณมี table 3 table แล้วจะดึงข้อมูลนี้ และนี้จากอันนี้ยังไงดี

หรือถ้าไม่งกมากนัก จ้างคนที่มีประสบการณ์ในด้านนั้นๆ อย่างน้อย 1 ปีครับ

เป็นแทบทุกสาขาแหล่ะ ที่จะยกเว้นบ้างก็สาขาที่แข่งกันสูงๆ จนทำให้คนในกลุ่มนั้นแข่งกันจนเป็นนิสัยติดตัว
หรือสาขาที่มีการทำงานจริงในช่วงเรียนเลยเช่นหมอ เพราะปีห้าปีหก ก็ไปฝึกงานทำงานจริงแล้ว

ส่วนสาขาทั่วไป แค่ฝึกงานตอนปีสามไม่กี่วัน ยังไงก็ยังไม่ได้รับผิดชอบอะไรจนเข้าใจจริงๆถึงการทำงานได้

- การศึกษามีส่วนมาก เพราะระบบการเรียนการสอนเรา ปตรี แทบยังไม่ได้สัมผัสงานจริงๆ
เข้าคลาส ทำการบ้าน สอบ จบ

- หลักสูตรก็ค่อนข้างจะไปในทางทฤษฎี ซึ่งเวลาทำงานมักจะไม่ค่อยได้ใช้ บวกกว้างอีกต่างหาก
แต่มันก็เป็นเรื่องปกติที่รับได้ เพราะอะไร

เพราะเวลาเรียน เราเรียนกว้างๆ
ในขณะที่เวลาทำงานจริง จะเจาะลึกไปในเรื่องเดียวไปเลย

ตัวอย่าง วิศวเครื่องกลจะเรียนทั้ง
ของไหล เช่น อากาศ เช่นปีกเครื่องบิน กลศาสตร์ของไหล เช่น ผลกระทบของมวลน้ำกับเขื่อน  การเคลื่อนไหววัตถุเช่น ปาหินใส่กระจกรถบนถนน(ตัวอย่างที่ไม่ดี) จะปาด้วยแรง ความเร็ว จังหวะยังไง ปาแล้วหากตำรวจเจอ ตำรวจจะตามด้วยความเร็ว x ขณะที่หนีด้วยความเร็ว y จะทันที่ระยะเท่าไหร่ อุณหภูมิ (ผลของอุณหภูมิ)เช่น หม้อน้ำรับความดันสูงจะทนแรงดันได้เท่าไหร่ static mechanic (นึกคำไทยไม่ออก) hydraulic / kneumetic เช่นคำนวณท่อว่าแรงดันน้ำมันขนาดร้อยบาร์ ต้องเอาท่อวัสดุอะไรถึงจะรับไหว ศูนย์กลางเท่าไหร่ ถึงจะส่งแรงดันได้ดีที่สุด และอื่นๆอีกมากมายยย


แต่พอทำงานจริงหากไปทำโรงงาน มีหน้าที่คุม Boiler (หม้อต้มน้ำ) ที่เรียนๆมาโดยกว้างๆแทบจะไม่ได้ใช้ แต่เจาะจงลงศาสตร์เดียว ซึ่งยังไงตอนทำงานจริง มันก็ต้องศึกษาใหม่เกือบหมด (เพราะที่เรียนมาแค่อินโทร) และเทคโนโลยีมันมีของใหม่มาเรื่อยๆ
ยี่ห้อต่างๆเสปคก็ต่างกัน ความรู้กว้างๆที่เรียนมา และไม่ได้ใช้ก็จะเริ่มลืมๆไป(ใครจะไปสนใจว่าต้องออกแบบปีกเครื่องบินองศายังไงถึงจะบินดีที่สุด หากงานประจำของคุณคือดูแลหม้อต้มน้ำ) แต่จะเชี่ยวชาญในศาสตร์เดียวลึกขึ้น = ประสพการณ์ในการทำงาน

แต่อะไรที่จะใช้ในการเลือกคนหล่ะ หากทุกงานต่างต้องการการศึกษางาน ของคนที่เพิ่งเข้าทำงาน

- ก็คือลักษณะบุคคลมีส่วนมากทีุุ่สุด เพราะหากบุคคลนั้นมีประสิทธิภาพสูง ไม่ว่าเรียนอะไร หรือไม่ได้เข้าคลาสเรียนก็ตาม แต่หากเป็นคนรับผิดชอบ ขยัน ตั้งใจ ยังไง ไม่ว่าทำอะไรก็มักประสพความสำเร็จ บุคคลที่ต้องทำงานมาตั้งแต่เด็ก ก็จะชินกับการทำงาน ทำให้สามารถต่องานได้ง่ายกว่า เวลาเข้าไปทำงานใดๆ

คนที่พยายามแก้ปัญหาด้วยตนเอง คิดในงานอย่างฉลาด รักในงานที่ทำ รับผิดชอบหน้าที่
สรุป คือดูที่ attitude ของคนมาก่อน



ซึ่งคนกลุ่มนี้ มีอยู่ค่อนข้างน้อย  :P

ผมว่าเดี๋ยวนี้เด็กรุ่นใหม่ใช้กันเป็นหมดล่ะครับ พี่ กุ๊กเนี่ย
แต่อยู่ที่ว่าใช้ทำอะไรมากกว่า ลองดู top key search ของไทยก็จะรู้แล้วครับ ;D ;D

แล้วก็ขออภัยด้วยครับ ถ้ากระทู้นี้ไปกระทบจิตใจใครเข้าครับ :-*

แต่เรื่องต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ผมเจอมาตลอด มานั่งวิเคราะห์ถึงปัญหา (คืออยากให้สังคมไทยดีขึ้น แบบว่าคนมีการพัฒนากันจริงๆ)
ถ้าจะแยกละเอียดคงแยกเป็นประเด็นตามนี้ล่ะมั้ง ที่มีผมทำให้ผมเจอเรื่องเหล่านี้ตลอด (*เขียนโปรแกรมไป มาดูกระทู้ไป สมองยังว่างคิดเรื่องอื่นได้อีกแฮะ :P)
1. ลักษณะทางกายภาพ หมายถึง เป็นคนชนชาติใด เกิดในพื้นที่แบบไหน (แยกแยะแบบ Geography) เป็นเขตร้อน, ร้อนชื้น , ฯลฯ
ส่งผลกับระบบการดำรงชีวิต และลักษณะนิสัยพื้นฐาน (เหมือนตอนเล่นเกมส์ ที่ต้องเลือกชนเผ่าเลยแฮะ ;D)
2. ลักษณะการสอนตั้งแต่เด็กๆ สภาพสังคมที่เกิด หมายถึง ครอบครัว ประเพณี วัฒนธรรม (บ้านเด็กไทย,จีน,ฝรั่ง)
3. ลักษณะของระบบการเรียนการสอน อันนีมาจากภาครัฐ รวมถึงสถาบันในการวางหลักสูตร รวมถึงที่บ้านด้วยนะ

ข้อไหนแก้ได้บ้าง อืม.....วิเคราะห์ๆๆ 8)
1. แก้ไม่ได้...ต้องตายและเกิดใหม่
2. เลือกที่เกิดไม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับดวง เป็นแบบ random แฮะ
เคยนึกแปลกใจ ว่าเด็กที่บ้านฐานะไม่ค่อยดีค่อนไปกลางๆ จะมีแนวโน้มความอดทน และความพยายามสูงกว่า ถ้าเทียบคนที่เก่ง 100 คน จะมีคนที่ค่อนมาทางนี้มากกว่า
3. >:(อันนี้ต้องได้รับการปรับปรุง อย่างแรงครับ...... แต่ก็ไม่เห็นจะพัฒนาซักที  :-X :-X
(จะบอกว่าตอนนี้โปรแกรมเมอร์เวียดนาม ค่าจ้างเท่ากัน ขยัน เก่ง อึด ภาษาก็ได้ ไม่แปลกใจคนเลยเริ่มโอนงานจากไทย ไปเวียดนามเยอะ)
เห็นของไทย ก็เริ่มพัฒนาแล้วบ้าง เด็กรุ่นใหม่ๆ ก็เรียนจินตคณิตกันแล้วก็มีแนวโน้มบ้าง แต่คงจะอีกนานกว่าโดยรวมจะดีขึ้น
จะทันก่อนผมจากโลกนี้ไปหรือป่าวน้อ...... คำนวณๆๆๆ :P :P :-X
พูดถึงหลักสูตร ผมดูจากใบสมัครของ มหาลัยแห่งนึง ขอไม่เอ่ยนาม สาขาคอมนี่แหละ....  :oอู้หู.... ผมจบมาตั้งนานๆๆๆ โลกเราไปถึงไหนแล้ว....
หลักสูตรเหมือนเดิมเป๊ะๆๆ ไม่มีความเปลี่ยนแปลง แต่พอถามเรื่องโปรเจ็ค  :oแม่เจ้า....ให้ทำแบบเทคโนโลยีใหม่ๆ :-X
เหมือนสอนไปทาง แต่ให้ทำอีกทางแล้วมันจะตรงไหมเนี่ย... :-X :-X
รู้สึกอารมณ์ประมาณว่า ไปเรียนทำอาหารไทย พอจะจบหลักสูตรต้องมีการทดสอบให้ทำอาหารฝรั่งซะงั้น :( เอาไรคิดกันน้อ :-X

น่าจะเป็นประมาณนี้ล่ะครับ :) :) ออกไปนู่นเลยผม :-X :-X

ปล. ระบบอัตโนมัติ ตู๊ดๆๆๆ >> กรุณาเลือกสิ่งทีคุณต้องการ กด 1.ปิด browser ถ้าไม่ชอบกระทู้นี้ และขออภัยนะครับ :) กด 2. thanks ให้ จขกท โฮะ...โฮะ..  ;D แอบเนียน

จาการไปสมัคร และสอบ มา
บางบริษัท มีข้อสอบเยอะมากเลย มีให้คะแนนเป็นข้อๆๆด้วยโอ
แต่บางบริษัท ก็สอบเพื่อดู logic ในการการคิดในการเขียนโปรแกรมมากกว่าไม่ได้เน้นว่าถูกผิดสักเท่าใหร่

ปัญหามันเริ่มมาจาก
1. การเลือกเรียน  บางคนโชคดีได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองถนัด บางคนเลือกแล้วรู้ตัวทีหลังว่ามันไม่ใช่ตัวเขา แต่ก็เลือกไปแล้ว ใครบ้างล่ะอยากจะถูกหาว่าเรียนไม่จบ
2. ที่นั่งเรียนมีจำกัด
3. เวลาเรียนถูกฟิกซ์เอาไว้ ถ้าไม่คว้าไว้ เรียนเลยเวลา ซิ่ว สังคมก็ตราหน้าว่าไอ้นี่ซิ่ว หรือเป้ออีก พอจบมาเป้อ คนรับเข้าทำงานก็ต้องหาว่าไม่เก่ง
4. การคาดหวังว่า เด็กสาขานั้น สาขานี้จะต้องเก่งแบบนั้นแบบนี้ ต้องรู้แบบนั้นแบบนี้ อันนี้ไม่จริงเลย เพราะคนไปเรียนเข้าใจไม่เท่ากัน คนสอนก็เข้าใจไม่เท่ากัน
แต่อย่างน้อยสิ่งที่ได้คือ เขาเข้าใจกลไกของวงการนั้น ๆ 
5. มีอคติกับสถาบัน หรือเชิดชูสถาบัน แบบว่าถ้าไม่ใช่แบรนด์นั้นนี้จะไม่เก่ง และก็มีการประชดประชันสถาบันหาว่าจบที่นั่นที่นี่แล้วต้องเก่ง พอเจอคนที่เก่งน้อยกว่าตัวเองก็ไปว่าเขา อย่าไปว่าสถาบันการเรียนเลย เวลาเจอคนเก่ง ๆ ไม่เห็นเอามาโปรโมทกันเลย 
6. บางทีสิ่งสำคัญกว่าการจำโค้ดมาเขียนได้ คือวิเคราะห์ว่าจะดึงอะไรมายังไง ให้ได้ผลแบบที่ต้องการ
7. การซัพพอร์ทจากบริษัท ถ้าซัพพอร์ทดี ๆ ก็ช่วยได้ เช่น การมีโค้ดแปะไว้ เวลาจะใช้ก็ดูฝาผนัง คุ้น ๆ ว่าบริษัทGoogle ยังมีโค้ดแปะไว้ในห้องน้ำเลย 55
8. ผมเคยเห็นหนังสือ โคบอลต์ โลตัส อะไรพวกนั้น ไม่รู้ว่าสมัยนี้เขายังใช้กันอยู่รึเปล่า ถ้ามันเลิกใช้ไปแล้ว แล้วคนที่เรียนไป ถึงจะจำโค้ดได้ทุกเม็ด จะถึอว่าซวยมั้ยละครับ ต้องมานั่งเรียนของใหม่ 5555 ดังนั้นสิ่งสำคัญอยู่ที่เขายังมีใจรักอยู่ และสนุกกับการเดินไปกับสิ่งใหม่  ๆ  อยู่ตลอด

ท่านเจ๋งจริงๆ  ยับถือๆ  (เดี๋ยวจะเอาอย่างท่าน  อิอิ)

ตอนเรียนก็สอนแค่พื้นฐานๆ นอกนั้นหาความรู้เองทุกวัน แกะสคริป หาหนังสือมาอ่าน ถามผู้รู้ ไปเว็บนอกดูอะไรใหม่ๆ
 :P ทำบ่อย ทำทุกวัน พยายามๆ ใจรักๆๆๆ

กำลังเรียนอิ้งอยู่ครับ จะไหวไหมน้อ  :-\ :-\

มาเล่าประสบการณ์
ตอนเรียนหมอ ปี 5 ปี 6 ออกมาใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยประสีประสาอะไรหรอกครับ.. ยังอาศัยเปิดตำรารักษาคนไข้อยู่เลย เพราะช่วงอยู่ ปี5-6 น่ะ เรียนในโรงเรียนแพทย์ ซึ่งโรคที่เจอโคตรยาก+ซับซ้อน เป็นโรคที่เจอได้น้อย เวลาเจอปัญหาทีก็ตัดสินใจเองไม่ค่อยได้ ต้องปรึกษาพี่แพทย์ประจำบ้านหรืออาจารย์แพทย์ไป แถมการทำงานการเรียนไม่เอื้ออำนวยในการเรียนรู้อีก เช่น ตื่นตี 5 มาราวน์วอร์ด สมองก็ตื้อตัน กลับหอตอน 5 ทุ่ม ... เขียนรายงานจนตี 2 ก็นอน แล้ววันต่อมาก็ตื่นตี 5 ใหม่ ... ได้นอนวันละ 3-4 ชั่วโมง สมองมันจะรับความรู้ไหม.. คิดเอา  ;D
จะพอเป็นหมอเป็นตัวเป็นตน ก็ตอนใช้ทุนปีที่ 1 นั่นแหละครับ ถึงจะเจอเคสที่เป็นผู้เป็นคนหน่อย ตอนนั้นทำได้หลายอย่างมาก คิดว่าได้วิชาหากินมากที่สุดก็ช่วงนั้นแหละครับ

อ่านความคิดเห็นได้แค่หน้าแรก เดี๋ยวไปอ่านหนังสือต่อก่อน ไว้สอบเสร็จจะมาอ่านต่อ พรุ่งนี้สอบ  8)

คืออยากบอกว่า ป.ตรี ไม่ได้การันตีความสามารถนะครับ บางคนก็เรียนไปงั้น ๆ ก็จบได้ แต่บางคนเรียนเพราะความชอบ หมั่นฝึกฝน ซึ่งคุณจะเจอแบบหลังน้อยกว่าแบบแรกครับ

ผมว่า ถ้าต้องการคนมาทำงาน เอางานบางส่วนที่ต้องทำนั่นแหละ ให้เค้าไปทดสอบทำเลยดีกว่าซัก 20 นาที ถ้าทำได้หรือทำได้70% โอกาสที่เค้าจะทำได้ก็สูง
ยกเว้นต้องการระดับเทพ ทำได้หมด ครอบจักรวาล ส่วนใหญ่ก็ยังมีพวกรับสมัครอยู่อย่างนั้น แถมให้เงินต่ำมากๆ คุยกับคนในนี้เข้าใจ แต่ออกจากเว็บนี้ไปมันคนละเรื่องกันเลย

คนที่เข้าใจในความสามารถของคนอื่น และใช้ให้ถูกต้อง มีน้อย

ผมขอมอบ นิทานอีสปให้อ่านกันหนุกๆ (อาจไม่เกี่ยวกับกระทู้ ต้องขอโทษด้วย) เพราะผมเอง จำเป็นต้องออกจากที่เก่าเพราะเหตุผลเดียวกันคือผมเป็นมด

---
**การบริหารคน เป็นศิลปะ ลึกซึ้งเกินกว่าจะมองเพียงด้านเดียว**
นิทานอีสปเรื่องจริงที่พบได้ในองค์กรคุณ
   
ผมเป็นนักทรัพยากรมนุย์ก็หลายปี เห็นอะไรขำขำ มาก็มาก ผ่านการพัฒนาองค์กรมานับครั้งไม่ถ้วน แก้ปัญหาด้านแรงจูงใจของพนักงานมาก็มากมาย
แต่ทราบมั้ยครับว่าอะไรเป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้พนักงานหมดศรัทธากับองค์กร จนเป็นคนที่หมดไฟ เป็นไม้ตายซาก (Deadwood) ขององค์กร
ลองดูนิทานอีสป เรื่องนี้กันครับ

ทุกๆวัน มดตัวน้อยมาทำงานแต่เช้า และลงมือทำงานทันที
เธอสร้างผลงานมากมาย และเธอก็มีความสุขกับงานดี
สิงโตที่เป็นหัวหน้า ก็รู้สึกแปลกใจที่เธอทำงานได้ดีโดยไม่ต้องมีการควบคุม
สิงโตเลยคิดใหม่ทำใหม่ โดยใช้แนวคิดว่าขนาดไม่มีหัวหน้าดูแลยังทำงานดีเช่นนี้แล้วถ้ามีหัวหน้า
เธอต้องทำงานดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

สิงโตจึงจ้างแมลงสาบ มาเห็นหัวหน้ามด
และแมลงสาบมีความสามารถมากในเรื่องการเขียนรายการ
แมลงสาบ เริ่มด้วยการตั้งระบบลงเวลาทำงาน โดบการตั้งเครื่องตอกบัตร
แมลงสาบต้องการเลขามาช่วยเขียนและพิมพ์รายงาน
แมลงสาบจึงจ้าง แมงมุมมาเป็นเลขาส่วนตัว

สิงโตปลื้มกับการทำงานของแมลงสาบมากที่ให้รายงาน
และแนวโน้มต่างๆจากรายการที่ส่งทำให้สิ่งโตได้หน้า
เพื่อการนี้ แมลงสาบจึงขอซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์เพื่อการทำงานให้สิ่งโต
แน่นอนตั้งมี แผนก IT เขาจึงจ้างแมลงวันมาเป็น IT manager

แต่มดเบื่อกับระบบงานแบบใหม่มากเพราะมัวแต่รายงาน งานเอกสารมากมาย
และการประชุมที่แสนเสียเวลา

และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องเลือกหัวหน้าแผนกที่มดทำงานอยู่
แต่ตำแหน่งนี้ตกเป็ของ จั๊กจั่น
จั๊กจั่นทำงานชิ้นแรกคือ สั่งซื้อ พรม อุปกรณ์การยศาสตร์ เช่นเก้าอี้ใหม่ในสำนักงานของเขาเอง
จั๊กจั่นต้องการเครื่องใช้สำนักงานและผู้ช่วยจากแผนกเดิมเพื่อเตรียมงบประมาณ
และแผนกที่มดทำงานก็เป็นแผนกที่โศกเศร้า ไร้เสียงหัวเราะ ทุกคนในแผนกก็หัวเสียง่าย
จั๊กจั่นของบทำการสำรวจ ศึกษา สภาพการทำงานที่เหมาะสม

สิงโตก็เห็นด้วยว่าที่แผนกมด ทำงานได้แย่ลง
จึงจ้างนกฮูกเข้ามาเป็นทีปรึกษาเพื่อศึกษาวิธีการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ ผลผลิต
นกฮูกสรุปว่า ที่แผนกของมดมีการจ้างคนมากเกินไปเลยทำให้ประสิทธิภาพไม่ดี
เดากันนะครับว่าใครจะถูกปลดออกเป็นคนแรก

มดนั่นเอง เพราะที่ปรึกษาบอกว่า มดเป็นคนที่ไร้แรงจูงใจ และทัศนคติไม่ดี
ตัวละครทั้งหมดล้วนแต่สมมุติขึ้นทั้งนั้นครับ
คงคุ้นๆนะครับ เรื่องนี้ มีจริงในหลายองค์กร
ระบบงานที่ดูเหมือนดี และน่าจะมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
แต่คนดำเนินการไม่มีความคิดรวบยอดเข้าสู่เป้าหมายหลักขององค์กร
จนทำให้คนที่ตั้งใจทำงานจริงๆ กลายเป็นจำเลยไปในที่สุด
ถ้าเป็นพนักงานขาดแรงจูงใจด้วยสาเหตุดังนิทานข้างต้น มันแก้ยากครับ
ถ้าอยากให้มดกลับมาทำงานดีดังเดิม ก็ต้องให้สิงโต พิจารณาตัวเองครับ

ว่าแต่ท่านเป็นสัตว์ชนิดไหนในนิทานครับ

บริษัทไหน ครับเดียวไปสมัครบ้าง  ;)

+1 thanks

อย่างน้อยก็แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน :)

นิทานแจ่มๆ ครับชอบๆ :-* เก็บไว้เป็นเรื่องเล่าอีกเรื่อง
ผมเป็นตัวละครไหนเหรอ... อืม....เป็นหมัดที่อยู่ที่สิงโตครับ ;D ;D (สิงโต เนี่ยไม่ใช่เจ้านักร้องน้า เดี๋ยวโดนพาดพิง :D)
คอยยุแยงให้สิงโต ทำนู่นทำนี่อ่ะครับ  ;D ;D ;D

อืม ทท่าจะรุ่งนะ ลองไปเขียนบล็อก เล่าเรื่องดูครับ  ;D

มันก็เป็นแบบนี้ซะส่วนใหญ่แหล่ะครับ ในโรงเรียน หรือมหาลัย เขาก็สอนแต่พื้นฐาน หรือไม่ก็วิชาการแทบจะล้วนๆ อย่างผมก็จบวิทย์-คอมฯ มา สมัยเรียนมีแต่ text book แล้วเรียนแต่พวก algorithm ล้วนๆ ไม่ได้เขียนหรอกโปรแกรม หรืออาจจะมีเขียนบ้าง ก็นิดๆหน่อยๆ เท่านั้นเอง จบมานั่นแหล่ะ ถึงได้เขียนโปรแกรมจริงๆจังๆ  :P

นิทาน แจ่มดีคับ

หมายถึงผม เหรอครับ ;D ;D
หรือคุณ TG_Min  :P

เคยเป็น HR รับคนอยู่หลายปีเลยจะบอกว่าที่เจอนั่นปกติค่ะ
อะไรที่ไม่ได้เรียน หรือเรียนแล้วไม่ได้ใช้คนเราจะเก่งหรือไม่เก่งก็ลืมกันทุกคนนะคะ
ถ้าเรียนโปรแกรมไหนสักเทอมนึงหลังจากนั้นทั้งชีวิตไม่จับอีกกHลืมเป็นของธรรมดา โดยเฉพาะเดHกจบใหม่ เพราะเวลาเรียนกับทำงานมันต่างกันงัยคะ ทำงานเราก็จะรู้แต่สิ่งที่เราทำอีก ถามอย่างอื่นไม่ได้ใช้ตอบไม่ได้หรอกค่ะ ทำใจ
ที่เดHกยังเรียนหนังสือทำโน่นนี่ได้ก็เพราะเด็กประถม มัธยมเค้าเรียนกันหลายวิชาทุกเทอมนี่คะ เรียนซ้ำไปมาต่อยอดไปมาทุกวันก็ทำได้สิ ไอ้เราเรียนคณะอะไรมันก็ไม่ได้เรียนเรื่องเดิมซ้ำเท่าไรหรอกค่ะ ลืม
อย่าคิดมาก
เน้นCompetenciesด้านการเรียนรู้กับAttitudeแล้วมาสอนใหม่ ความรู้ในการทำงานในบริษัทมันต้องcustomize อยู่แล้วนี่นา
อย่าเครียดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆจบที่ไหนก็ลืมเหมือนกัน 555 ;D

ผมเรียนคอม เวลาครูสอนก็ให้เด็กทำตาม แล้วให้คะแนนใครจะเอาเท่าไหร่ก็ได้เต็ม10 แค่ครูทำให้ดูทีละคลิก แล้วเด็กคลิกตามอย่างช้าๆ ประมาณ 1 นาที จึงจะคลิกต่อไป ต้องรอให้เด็กทำก่อน เพราะเล่นแต่ hi5 MSN QQ
ถ้าผมเป็นอาจารย์จะลบ MSN ในเครื่อง ลบ QQ บล็อค hi5.com ครูสอนไม่ดีเลย ถ้าใครคิดจะเรียนผมว่าซื้อหนังสือศึกษาด้วยตนเอง ง่ายดี ผมพึ่งเรียน ม.3 วิชาคอม พึ่งรู้ว่าโปรแกรมที่อาจารย์ให้ทำเว็บจะเป็น Web page V2.0 เน่ามาก
มีแบนเนอร์ด้วยถูกใส่ในเว็บเราอัตโนมัติ อาจารย์บอกว่าใช้ ดรีมยาก ลำบากมาก แต่ใช้ Webpage ง่าย แค่ลากไปวาง สอนง่ายๆ จะใส่ภาพก็เลือกภาพก็จะแสดง แล้วเราลากวางได้ตามใจชอบ จะใส่ตัวหนังสือก็วางยังใงก็ได้ก็ลากไป  ;D

ผมเข้าใจครับ

ผมเป็นคนนึง ที่จบ คอมมาโดย ที่ไม่ชอบเขียนโปรแกรม

จริงๆ ผมชอบเลข ครับ แต่สุดท้ายก็ดันมาเรียน วิศวะ คอม เพราะ

เรียนเลข ไม่รู้จะจบมาทำอะไร

เพิ่งเขียนโปรแกรมครั้งแรก ตอนปีหนึ่ง

เขียนเป็นแบบงูงู ปลาปลา

ยอมรับครับ ว่า ถ้าให้นั่งเขียนอย่างเดียว ไม่เปิดเน็ท เปิด ตำรา

แทบเขียนอะไรไม่ได้เลย

ทั้งหมดนี้ มันมาจากระบบการศึกษาไทยครับ

ตอนเอ็น ผมไม่ได้ใช้ คอมเอ็นเข้าวิศวะ คอม ใช้ แค่เลข ฟิสิก

จบมา พอทำได้ แต่ก็ไม่ดี......แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงครับ

จะไปเริ่มเรียนใหม่ มันก็คงไม่ดีครับ...... :P

ผมเคยสัมภาษณ์คนที่จบ ป.โท ด้วยนะครับ ย้ำว่า ปริญญาโท

เขียนคำสั่งง่ายๆก็ไม่ได้
อธิบายคอนเซปต์ก็ไม่รู้เรื่อง
อธิบาย Diagram ยังกุกๆกักๆเลยครับ
วางแผนระบบงานก็แบบงงๆ
ให้ตายเถอะ เขาเอาใบ cer มาจากใหนเยอะแยะ
ส่วน ป.ตรี นะหนักกว่านี้ครับ
เป็นแทบทุกสถาบัน งงจริงๆ มาตรฐานใกล้เคียงกันมาก

น้องในทีมผมคนนึงมันจบ ปวส. ตอนนี้มันรับทำโปรเจคต์จบของพวก ป.โท ด้วยอ่ะ งงอีก
ต้องทำเอกสาร System Manual ให้ด้วยอ่ะ สุดๆ

เลยไม่เข้าใจว่าสมัยผมเรียนนี่มันยากสุดๆ กว่าจะจบออกมาได้
แล้วสมัยนี้เรียนแล้วได้อะไรติดตัวออกมาบ้าง จบกันง่ายจริงๆ
เข้าใจว่าเรียนมหาวิทยาลัยคือต้องศึกษาค้นคว้าเอง
แต่ก็น่าจะรักษามาตรฐานสถาบันกันหน่อย

เป็นทุกที่อะครับ
เรียนมั่วซั่วมาก
หลายภาษาจนมึนไปหมด วิชานั้นยังไม่ทันจะเป็นงาน ก็มาใหม่อีกละ
แล้วก็ไม่เก่งจริงๆ ซักอย่าง บางเทอมผมเรียน java c++ ในเทอมเดียวกัน
บอกตรงๆว่าเมาครับ แปปเดียว .net มาอีกละ  :-X

ใครขวนขวายหน่อยก็เก่งไปซักด้านนึง
เห็นอาจารย์ว่าหลักสูตรมันมาแบบนี้

สรุปแล้วที่เรียนมาได้ใช้ไม่เยอะเท่าไหร่ครับ
มาเป็นงานจริงๆตอนที่ทำเองนี่แหละครับ

จริง ๆ ถ้าจบใหม่ซิง ๆ เลยผมว่าต้องเรียนรู้ใหม่เกือบหมดแหละครับ แต่หลังจากเริ่มต้นไปแล้วนั่นแหละค่อยมาวัดกันอีกที  :) อย่างที่บอกตอนเรียนกับตอนทำงานมันคนละโลกกันเลย

อืม ว่ากันตามเนื้อผ้า

ผมก็เจอแบบนี้มากมายจนเหนื่อยละ ถ้าบริษัทมีตังซักหน่อยจะตั้งแผนกสรรหาบุคลากร ขึ้นมาซะเลย เหมือนกัน scout ของทีมฟุตบอลน่ะ ครับ ไปสอดส่องให้เด็กเก่งๆ เอาไว้ตั้งแต่มัธยมโน้น ถ้าให้ทุนได้ให้ทุนไปเลย แต่จบมาให้ทำงานที่บริษัทใช้ทุน หรือไม่ก็คัดนักศึกษาฝึกงานเก่งๆมาคุยกันเลยว่า ถ้าทำผลงานได้ดีจะบรรจุเป็นพนักงานไว้รอเลย เรียกได้ว่าไม่ต้องรอให้มีคนอย่างที่ต้องการครับ สร้างขึ้นมาเองตั้งแต่แบเบาะเลยดีกว่า

เป็นอย่างที่ จกขท พูดเลย ผมเองก้ตอนนั่นจบมาทำไรไม่เป็นเลย 90% ผมมาศึกษาที่ทำงานเกือบหมด

โชคดีที่เขารับผมเขาทำงาน เขาบอกว่าสอบผ่านเกณฑ์เลยมีโอกาสทำงาน
 :'(
 ตอนเรียนมาเขียนโปรแกรมไม่ได้เลย *ตอนนี้ก้เขียนไม่ได้
งานเเรกเเละงานสุดท้ายที่ทำ ทำ NETWORK ไอ้สมัยนั่นทางมหาลัยก้ไม่มีอุปกรณ์อะไรให้ทำเเล็บเลย อาศัยอ่านตำราเอาอย่างเดียวเเล้วก้ทำข้อสอบ ใช้การจำอย่างเดียว หลังจากจบมาเทคโนโลยีก้เปลี่ยนไปอีก แต่ก้ยังใช้พื้นฐานตามตำราเดิม

ยิ่งตอนนี้ได้ทำงานเกี่ยวกับ เรด้า เเล้ว โอ้ว ตำราไม่มีด้วย ระบบใหม่มากมาย ตอนนี้ก้ต้องไปศึกษามันอีก ปวดหัวกับเทคโนโลยีเนอะ

อยากจะฝากน้องๆหลายคนที่กำลังศึกษาอยู่ จะเก่งอะไรก้เอาเด่นๆไปเลยสักอย่าง ภาษาโปรแกรม ก้เอาดีสักภาษา รับรองจบมามีงานทำแน่นอน

ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษนี้สำคัญมาก เป็นการเปิดทางให้ได้งานเลย

ความรู้ในห้องเรียน จุดประสงค์ของมันคือเป็นความรู้แบบกลางๆ กับความรู้ที่จะเอาไปต่ิอยอดหรือค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมเอาเองได้นะครับ
คงจะเรียนเพื่อไปเจาะจงงานใดงานหนึ่งเสียไม่ได้ มันจะขาดความยืดหยุ่น และต่อยอดไม่ได้

คนเก่งขั้นเทพ ก็คงโดนประมูลตัวด้วยราคาขั้นเทพ หรือไม่ก็สร้างอาณาจักรขั้นเทพของตัวเอง กลไกตลาดทำงาน
ที่เหลือก็ด้านอุปทาน อยากได้รายได้มาก แต่ทำงานไม่เป็น ด้านอุปสงค์ก็อยากจ่ายน้อยๆ ได้คนงานขั้นเทพ

แม้แต่อินเดียก็เหมือนจะเป็นไปด้วย แต่ดูเหมือนเป็นเพราะขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานของการศึกษามากกว่า
กลยุทธ์แก้ปัญหาการขาดแคลน Talent ของอินเดีย
http://www.smednc.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5370690&Ntype=3

ตอนนี้อัตราการเกิดของประชากรลดลง อนาคต อุปทานแรงงานลดลงแน่

ส่วนคณิตศาสตร์ของสายสามัญ มีใช้ใน Com Sci ไหม เท่าที่เห็น ก็มีใช้ไปต่อยอดพวก Discrete Math นะครับ เช่น ตรรกศาสตร์ logic gates
เคยใช้คณิตศาสตร์พิสูจน์ว่า อัลกอริึทึมต่างๆ เช่น จัดเรียงข้อมูล ทำงานได้จริงไม่ไก่กาเคยไหมครับ

เกี่ยวกับนิทานมด อ่านเรื่องนี้ประกอบด้วยซิ
น้ำตาฝีพาย น้ำตาคนเป็นลูกน้อง
http://www.oknation.net/blog/russky/2009/06/30/entry-1

อันนี้ไปตอบที่ ThaiAdmin มุมมองของเด็ก ( หรือเปล่า ) สาขาคอม
http://www.thaiadmin.org/board/index.php?topic=104608.0

ตอนผมเรียน อาจาร์ยังถามผมเลยครับ

เปิดหนังสือสอนอีกตะหาก

ธรรมดาครับ...
คือผมเขียนได้ในระดับหนึ่งก่อนเรียนอยู่แล้ว
ก็คิดว่าฟังอีกก็ไม่เสียหาย.... ยังไงก็นั่งฟัง จะได้เปรียบเทียบสิ่งที่เรารู้กับที่อาจารย์รู้
ผลลัพธ์......
 :o อ้าว ไหง coding ที่ท่านแสดงให้ดู ไอหยา....มี coding เฝือๆ อยู่ตรึมเลยแฮะ
คิดในแง่ดี คงเป็นการแสดงคำสั่งที่ให้คนเริ่มต้นสามารถเข้าใจได้ก่อน ค่อยเข้าสู่การ optimize coding
ท้ายสุด พี่ท่าน เขียน coding แล้ว run ไม่ผ่าน
ผมเห็นแล้วว่าผิดตรงไหน.... :-X ตัวท่านยังงมต่อไป...ท้ายสุด...ไล่กลับไปดูตัวอย่างในหนังสือเอง :(

มันก็คงไม่แปลกที่จะมีคนที่ไม่เป็นเยอะ ผมเริ่มเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น ;D ;D ;D
ไม่ใช่เฉพาะสาขาคอมหรอกนะ

อยากเป็นช่างยนต์ อยากเก่งก็ต้องไปตามอู่ซ่อมที่เก่งๆ ไปฝึกกะเขา
อยากเป็นแม่ค้าขายขนมจีน ก็ต้องไปที่ร้านที่อร่อยสุด ขอสูตร แล้วก็ยังต้องฝึกกับเขาจนชำนาญระดับหนึ่ง
เป็นนักคอมใช้คอมทุกวัน แต่ซ่อมเครื่องแบบพื้นฐานไม่เป็น ก็มีให้เลือก จะทำเป็นอาชีพก็ไปฝึกกับคนเป็นจะได้รู้ลึก
หรือไปเข้าคอร์สเรียนแบบปฏิบัติ(อันนี้ก็เลือกเอาหน่อย)

ปล. เผลอแป๊ะเดียวกระทู้ล่อไป 5 หน้าซะงั้น แต่คงสู้กระทู้ของคุณ GoogleBot vs naytumz ไม่ได้มั้ง :D :D ร้อนแรงกันจริงๆ

อันนี้ผมเคยคิดนะครับ รูปแบบในจินตนาการ
- ทำแบรนหนึ่งออกมา แบบว่าเป็นมาตรฐานถ้าใครสอบผ่าน ก็ถือว่าทำงานได้ (ปัจจับันก็มีเยอะ แต่ให้สอบผ่านง่ายๆ แบบว่าเอาตัง เช่น Microsoft,NIIT,อื่นๆ)
     - จัดเกรดระดับคะแนน ว่าตอนนี้อยู่ระดับใด ทำแบบเกมออนไลน์ เลยว่างั้นแบบต้องผ่านเควสนี้ๆๆๆ
     - ลำดับทำเนียบ blacklist ไทย โปรแกรมเมอร์ อันนี้สมควร เก็บอะไรบ้าง
           - ประวัติส่วนตัวของคนนั้นๆ  ผลงาน,ประวัติทำงาน,การศึกษา เหมือนเวปสมัครงาน
           - บริษัทที่สนใจก็ให้มาสมัครเข้าร่วม (คงเน้นบริษัท software ล้วนๆ ก่อน)
                 - กรณีรับพนักงานใหม่ ให้เข้ามาช่วยกรอกข้อมูลว่ารับเข้าทำแล้ว
                     - หากพวกที่ทำเดือนหนึ่งรับเงินเดือนแล้วชิ่ง ก็แจ้งมาได้ จะได้บันทึกไว้ว่าเข้าข่าย
            - พอบริษัทไหนจะรับคนมาสัมภาษณ์ ก็สามารถตรวจสอบผ่านเวปนี้ได้ (อย่างกะหมายจับผู้ต้องหาของกรมตำรวจเลยแฮะ :D เว่อร์ไปหรือเปล่า)
แต่ของทางภาครัฐก็มีเคยทำนะ ผมเคยเป็นผู้หนึ่งในการจัดทำ
ท้ายสุด นั่งทำข้อสอบ ให้ทั้งทฤษฏี ทั้งภาคปฏิบัติ .... แล้วเรื่องก็เงียบหายไป.....ไม่ได้มีการผลักดันต่อ...ไว้ค่อยมาเล่าเรื่องนี้อีกครั้ง
รู้สึกตั้งแต่เข้ามาเวปนี้ยังได้ไม่นาน.....ทำไมในหัวมีบทความที่เขียนเป็นภูเขาเลยเนี่ย :D :D :D :D

ปล. สงสัยต้องไปแต่งนวนิยาย สู้กับคนเขียน แฮรี่ พอตเตอร์ ซะแล้ว ;D ;D ;D เผื่อจะขายดีบ้าง :-[ :-[

ผมว่ามองขนาดนั้นก็ไม่ถูกนะ อย่าง ม ที่ผมจบมา คนเก่งๆ ที่ออกมาแล้วทำโปรเจ็คใหญ่ๆ ได้โดยไม่ต้องมีคนมานั่งสอน เยอะนะครับ (กี่ % ไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมแค่รู้จักบางคนที่เรียนวิศวะคอม เนื่องจากผมเรียนสาขาอื่น แต่สนใจด้านคอมเฉยๆ แต่ส่วนใหญ่พวกนี้ ได้งานกันเร็วมากๆ บริษัทใหญ่ๆ เก็บเรียบตั้งแต่ก่อนจบแล้วครับ)

อย่าเพิ่งเหมารวมไปหมดครับ  :)

ก็ตอนเรียนมันเอาแต่เกรดกับเศษกระดาษที่เรียกว่าปริญญา
มันลืมเอาความรู้มาด้วย ก็ช่วยไม่ได้เวลาดูคนก็ชอบดูที่คะแนน
บางคนคะแนนน้อย มันยังเขียนโปรแกรมเก่งกว่าคนได้เกรดนิยมก็มี

อยู่ที่ความสนใจ สนใจคะแนน หรือสนใจความรู้

มหาวิทยาลัยเดี๋ยวนี้ชอบผลิต ควายกระป๋อง แล้วแปะฉลากข้างกระป๋องด้วย"ใบปริญญา"เอาว่ากระป๋องไหนดียังไง
แต่ข้างในเน่าป่าวก็ไม่รุ้

เห็นยังไม่ตก ขอนิดนึง

นี่แหละอนาคตของชาติ ช่วยกันส่งเสริมด้วยฮะ

โดนใจ เพราะผมเกรดห่วย  ;D แต่วิชา PHP ผมเอนะ แต่เวลาไปสมัครงานเค้าคงไม่ดูหรอก คงดูเกรดเฉลี่ยอย่างเดียว
มหาลัยเค้าสอนกระจัดกระจายได้แค่พื้นอ่ะครับ อยากรู้ลึกใช้งานจริงได้ต้องศึกษาเพิ่มเอง แล้วใครมันจะศึกษาเพิ่มล่ะ ถ้ามันไม่สนใจจริง ๆ
ภาษามันเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จะให้สอนแบบจับลงลึกเป็นตัว ๆ ก็ไม่ได้ เพราะชีวิตจริงยังไงก็ต้องศึกษาเอง อัพเดทตัวเองให้ตามสมัยอยู่ตลอดเวลา

ไม่ได้อ่านทุก rep แต่พอเข้าใจกับ จขกท


ผมคนนึงที่จบไปพร้อมกับเกรดที่สวยพอสมควรนะ

และก็รู้นะ ว่า ตัวเองดีแค่เกรด แต่พื้นฐานเขียนโปรแกรมไม่เก่งเอาเสียเลย -*- เซ็งเหมือนกัน
( แต่วิชาที่เป็นทฤษฏี เก่งใช้ได้นะ )



เสียดายนิดๆที่ตัวเอง ไม่เก่งพอ .. ตอนนี้เลยไม่ทำงานประจำ เพราะเข้าใจเข้าไปก็จะโดนว่าแนวๆนี้ เสียชื่อสถาบัน

ปัจจุบัน เลยสู้เองเลย ง่ายดี ........... ไม่มีใครด่าสถาบัน เพราะ ผมเป็นนายตัวเองแล้ว ( แต่ถ้าสู้ไม่ไหวเมื่อไหร่เค้าถอย และยอมโดนเจ้านายด่า )

น่าคิด

แต่ก็คงเป็นไม่หมดทุกคนหรอกมัง :) :)

จะมีตัวเป้งๆ ไม่กี่คนในห้องครับ
นอกนั้น เข้าห้องเรียน ไม่เล่น dota ก็ msn กัน

เพราะงั้นเราควรเลิกรับทำโปรเจ็คให้นักศึกษาครับ

เขาจะได้ทำเป็นกัน

นั่นมัน....
รายได้หลักของผมเลยนะครับนั่น
หุหุ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก แค่บอกส่วนที่เขาต้องรู้อย่างละเอียดในการทำก็พอ
บางคนไม่ได้ขี้เกียจครับ แต่หัวเค้าไม่ได้จริงๆ เลยต้องมาจ้างทำ

เราก็เป็นแบบนี้ ไม่ได้ชอบสาขาที่เรียนเลย เซ็งเรียนผิดสายชัดๆๆๆ >:(

โดนใจ สมัย ที่ผมเรียนคอมเพราะเกมส์ Ragnarok เหอๆ แต่ยังดีที่ได้เพื่อนดี
กับตอนฝึกงานครับ นี้แหละ ที่ฝึกงานสอนจนเป็นจบมาเลยทำงานที่ตัวเองฝึกงานเลย เหอๆ
ส่วนมากที่ ม. เอาสอนอะไรก็ไม่รู้ java จำได้แต่ hello world แต่ตอนฝึกงานสำคัญมากๆ แต่ ม.บางที่ไม่มีฝึกงาน ผมว่าต้องให้เค้าได้ทำงานจริงๆก่อนแหละถึงจะรู้งาน แต่ผมก็เข้าใจ จขกท นะ เรพาะตอนนี้ก็เจอกะตัวเหอๆ เด็กสมัย นี้

หากปราศจากความชอบและหลงใหล เราก็อาจจะไม่รู้จักอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์


ยังมีอีกหลายคนที่โตมาแล้วไม่รุ้จะเรียนอะไรดี
ผมชอบโปรแกรมมิ่งและออกแบบ กว่าจะรุ้ตัวก็ปี 4 นุ่นครับ

ตั้งแต่มหาวิทยาลัยออกนอกระบบนี่ กลายเป็นธุรกิจการศึกษากันไปหมด ลองไปดูหลักสูตรปริญญาโทแล้วจะไม่อยากเรียน มันมีแต่วิชาที่เคยเรียนตอน ป.ตรีแล้วทั้งนั้น กลายเป็นไปเรียนเพื่อสังคม  :-\
มันเป็นแทบทุกสาขาแหละ นักศึกษาสมัยนี้ไม่ค่อยอดทนเลย จะหาทางเลือกที่ง่ายก่อน ถึงจะรู้ว่ามันห่วยกว่าทางที่ต้องใช้ความพยายามซักหน่อย ให้ืืทำรายงานก็ถนัดแต่ copy&paste ให้วิเคราะห์นี่จบข่าว
โปรเจคนี่จ้างทำเป็นว่าเล่น มา present งานนี่ แกล้งถามอะไรลึกๆ หน่อย เ่อ่อ..เอ่อ  :-X
แต่ที่รับไ่ม่ได้สุดนี่ก็ อาจารย์เจือกรับจ้างนักศึกษาทำโปรเจคซะเอง โคตรไม่มีจรรยาบรรณ  >:(

 :P ทุกข์ใจนิดนึงคับ

ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทคุณจะเลือกใครระหว่าง

นาย ก. เก่งทฤษฏี     ไม่เคยปฏิบัติ              เกียรตินิยม
นาย ข. เก่งปฏิบัติ                                    เกรด2.00

 ;D

ความรู้ในห้องเรียนมันค่อยข้างกว้าง ถ้าเรียนไปแล้วไม่ได้ใช้บ่อย ๆ หรือศึกษาเจาะจงไป ไม่มีทางเก่งหรอกครับ

พวกที่เก่ง ๆ เพราะเค้าสนใจจริง ๆ ถึงไม่ได้เรียนมาทางสายนี้แต่ก็ขวนขวายกันเอง

มีบทเรียนนอกห้องเรียนมากมาย ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน + งาน

อย่างผมถ้าไม่ใช่เรื่อง website+photoshop แล้วไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เพราะชอบอยู่แค่นี้ เลยสนใจศึกษาแค่นี้

ตอนนี้ก็เริ่มศึกษา VB แต่ก็ไม่เก่งซักที  :P

 :-X  เอ่อคือว่าผมจบแค่ มอ6 ง่า คงไม่ว่ากันที่ไม่ออกความคิดเห็น  :P

อย่ามองอะไรแค่ด้านเดียวครับ  ::)

อย่างผมเอง เรียนภาษาจีนมา แล้วผมไม่ค่อยได้พูดกับคนจีนมาก ผ่านไป 1 ปีผมก็ลืม
ถ้าสมมุติผมไปเจอเหล่าซือ(อาจารย์) เขาคุยภาษาจีนกับผม ผมตอบไม่ได้ งั้นแสดงว่าผมมันไม่ได้เรื่องมากเลยหรือเปล่า

ผมว่าไม่ใช่ บางสิ่งบางอย่าง ถ้าเราเรียนมาแล้วไม่ได้ใช้ มันก็เลือนหายไปตามวัฎจักร เป็นสัจธรรมครับ

ผมว่าไม่ควรมองแบบเอาตนเองเป็นที่ตั้งครับ
ต้องมองหลายมุมครับ  ::) ::)

ตอนนี้เรียนสาขาจุลชีวะครับ

สืบเนื่องจากตอนแรกกะเข้าคอม แต่ดันมาติดชีวะ ตอนนี้เลยพยายามหาความรู้เพิ่มด้านคอม การทำเว็บ อิอิ

อนาคต จะได้สร้าง ไวรัสคอมพิวเตอร์แบบ Biotic มันสะเลย อิอิ

ถูกกกก


คืออย่าพูดแบบนั้นดิครับ พื้นฐานการเขียนโปรแกรมเนี่ยมันต้องเทียบกับขับรถ รึไม่ก็กินข้าวนะครับ

ขับรถ -- ไม่ได้ขับนานพอมาขับมันก็ติดๆขัดๆ แต่มันก็ยังใช้ได้ใช่มั้ยหละ ขับได้ แต่อาจจะไม่คล่อง <-- สำหรับคนที่จะสมัครงานเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่ก็ต้องได้ระดับนี้เป็นอย่างน้อยอ่ะครับ แต่ถ้าไม่ได้เลยนี่ก็ถือว่าเลวร้ายจริงๆนั่นแหละ

กินข้าว -- ????? <-- อันนี้ก็เวอร์ปาย  :P

ที่ผมจะบอกคือ จริงๆที่เจ้าของกระทู้เค้าพูดออกมาเนี่ย ค่อนข้างเจาะจงไปที่คนจะมาสมัครงานเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมนะครับ ซึ่งถ้าคนที่จะมาสมัครงานแบบนี้ ก็ควรที่จะต้องมีการทบทวนและการเตรียมตัวก่อนที่จะมาสมัครจริงมั้ยครับ

พื้นฐานเขียนโปรแกรมเขียนทุกวันๆ ละ 2 ชั่วโมง 1 เดือนก็พื้นฐานแน่นแล้วหละครับ แล้วยิ่งคนที่เคยเขียนมาก่อนหละ

แต่สิ่งที่แย่ที่สุดในกระทู้นี้ไม่ใช่ว่าเขียนไม่เป็น แต่มันแย่ตรงที่เค้าไม่คิดจะเตรียมตัวเพื่อจะมาสมัครงานต่างหาก ทั้งๆที่รู้อยู่ว่า ถ้ามาสมัครงานเกี่ยวกับการพัฒนาโปรแกรม ต้องมีการทดสอบพื้นฐานการเขียนโปรแกรมอย่างแน่นอน แต่เค้าไม่ทำ หรือบางคนไม่คิดที่จะเตรียมตัวด้วยซ้ำ

สิ่งนี้มันชี้วัดว่า คนที่เรียนจบไม่มีคุณภาพมากกว่าที่ คนจบคอมแล้วเขียนโปรแกรมไม่เป็นเยอะครับ

มันเกิดอะไรขึ้นกับนักศึกษา ที่วางแผนว่าจบมาจะทำงานด้านคอม จะเป็นโปรแกรมเมอร์ จะเป็นผู้ดูแลระบบ  ???

รู้ทั้งรู้ว่าจบมาแล้วต้องมาทำ ทำไมไม่เตรียมตัว รึว่าคิดว่าจบคอมมาแล้วจะไปขับแทกซี่ ไปเป็นผู้บริหาร ไปทำนา ไป....  ???

ยิ่งซ้ำใหญ่รู้ว่าจะไปสมัครเป็นโปรแกรมเมอร์ ทำไมไม่เตรียมตัวหละคร๊าบบบบบ :P :'(

อย่างคุณ arwarin ว่ามาหนะมันก็แค่เดินผ่านมาแล้วจะมาคุยกันจริงมั้ย แต่ถ้าคุณจะไปเมืองจีน หรือไปสมัครงานเกี่ยวกับภาษาจีน คุณจะไปทั้งๆที่ไม่เตรียมตัว และพูดไม่ได้หลงลืมรึเปล่าครับ  ???

ยาวแฮะ ไม่ได้อ่านครบทุกความเห็นนะครับ

แต่ผมว่ามันแล้วแต่มุมมอง และแล้วแต่คนด้วย
ผมจบตรีคอม ตอนจบมามีเพื่อนหลายๆคนที่ทำไรไม่เป็นเลย
แต่จบมา 3 - 4 ปีตอนนี้การงานก็ก้าวหน้า เงินเดือนเกินครึ่งแสนกันก็หลายคน

ส่วนผมเรียนต่อโทจนจบ ก็ถ้าความรู้ด้าน technical บอกได้เลยว่าไม่ต้องเรียนก็ได้
แต่ก็ได้อย่างอื่นมาแทนครับ จบมาตอนนี้ต๊อกต๋อยกว่าคนที่ผมทำการบ้านให้เค้าตอน ป ตรี อีก  :-\

ผมว่าคนจบตรี สิ่งที่พอบอกได้คือ เค้ามีความรับผิดชอบพอสมควรที่พาตัวเองจบมาได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าคนไม่จบตรี ไม่มีความรับผิดชอบนะครับ

สำหรับเรื่อง มหาวิทยาลัย นั้น ผมว่าที่ไหนก็มีหัวกะทิครับ
อย่างออฟฟิศผมตอนนี้รับเด็ก ม ชื่อดังมา ยอมรับเลยครับว่าเห็นได้ชัด สอนง่าย
บางอย่างผมยังถามเค้าเลยด้วยซ้ำ  8)

โฮ่ย เมื่อย ไม่เคยพิมพ์ยาวขนาดนี้มาก่อน  :P

ผมจะมองในมุมที่ว่า

นักศึกษาจบใหม่ก็คือนักศึกษาจบใหม่ คุณจะไปคาดหวังว่าเขาจะได้ดังใจคุณทุกอย่างไม่ได้
คุณต้องให้โอกาสเขา คุณต้องมองย้อนถึงตัวเองด้วยว่าคุณจบใหม่เป็นอย่างไร

อย่างผมมีนักศึกษาที่จบใหม่ ผ่านงานกับผมก็เยอะ มากกว่า 10 ปี
คุณต้องให้โอกาส ให้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้ และแสดงศักยภาพเขาออกมา

คุณจะวัดเขา ในช่วงเวลาแค่สั้นๆไม่ได้ครับ
ของอย่างนี้มีเรียนก็มีลืม เราต้องมองที่ความตั้งใจ ความขยันด้วยครับ  ::)

ปล.แก้คำตกครับ

เห็นด้วยกับประเด็นเรื่องการเตรียมตัวเป็นอย่างยิ่ง

ตามอ่านมาคับทุด rep เลย สำหรับผม ผมมองว่า ความรู้หรือคุณภาพการศึกษาของสถาบัน ไม่สำคัญเท่าคุณภาพของคน ซึ่งในที่นี้ผมหมายถึง ความขวนขวาย อดทน ความรับผิดชอบ ซึ่งในตลาดแรงงานมันก็มีดีมีแย่อยู่ปะปนกัน อยู่ที่กระบวนการสรรหาคัดกรองด้วยส่วนนึง

แต่ อีกส่วนที่ผมว่าสำคัญไม่แพ้กัน คือ ตัวฝ่ายผู้จ้างเองก็ต้องดูด้วยว่า ตลาดแรงงานที่เราหาอยู่ในระดับไหน เพราะบางที สินค้า พรีเมียม พวก เก่งๆ เค้าก็ค่าตัวแพง โดนบริษัทชั้นนำเอาไปหมดแล้ว เราก็ต้องไปกรองหาพวกระดับกลางๆ อาจจะต้องมีสอนมั่ง เอาพวกที่มีความตั้งใจ ใจสู้ และเหมาะกับงานเข้ามา

แต่ถ้าพูดถึงภาพรวม ผมว่าคุณภาพคนในตลาดแรงงานปัจจุบันเราห่วยจิงๆ โดยเฉพาะเด็กสายคอมยุคหลังๆเนี่ย เน้นแต่งานสบายเงินเดือนดีเป็นหลัก หาพวกใจสู้ น้ำอดน้ำทน ยากเต็มที

ชอบประโยคนึงใน rep ไหนจำไม่ได้ละ ที่ฝรั่งเค้าบอกว่า "จ้างคนมาทำงาน ไม่ได้จ้างมาเรียน"

 :( 100 คน จะรู้เรื่องจริง ๆ ราว ๆ 5 คน ครับ

ตอนนี้ ปี4 ถึงไม่ได้เรียนมาด้านคอม

แต่เมื่อมองระบบของการเรียน มหาลัย ในสายตาผม เมื่อมองไปยัง ปี1 /2 /3


มันสบายไป มันมีสิ่งเร้ามากไป ใครไม่แน่จริงๆ หลุดง่ายๆ

พอหลุด ก็ไปเลย ไม่เรียน ไม่อดทน ไม่ขวยขวาย
ไม่ทำความเข้าใจมัน

อยากรู้เหลือเกินหากเรามีสมาธิกับมันสัก 1 ปี ในสิ่งที่เราเรียน
ยังไง มันก็ต้องได้ มันได้แน่ๆ


แต่ก็ยากมาในปัจจุบัน ที่จะทำอย่างนั้น

เมื่อก่อนเสียใจ ที่เข้าเรียนคอม ไม่ได้ ดั่งที่ตั้งใจไว้ตอน ม ปลาย


แต่ตอนนี้ ไม่เสียใจเลย การทำอะไรที่ชอบและหาเอง มันจำดีกว่าการบังคับ

มาแสดงความคิดเห็นอีกรอบ ( จำไม่ได้เหมือนกันนะว่า โพสเก่าเขียนว่าไง )


อีกส่วนนึงนะ ผมมองว่า การศึกษาไทย ยังติดกับแบบเดิมๆอยู่ คือต้องให้อาจารย์ป้อนตลอด


พอเรียนสายคอมฯ ไม่ได้รับการป้อนเท่าที่ควร* เน้นนะครับว่า "เท่าที่ควร" ( ผมยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของคณะผมเท่านั้น )

เด็กที่จบ เลยรู้แค่ "พอสอบ" .. ซึ่งผมคิดว่า มันไม่พอหรอก ..


ท้ายที่สุด มันก็เลยกลายเป็นประเด็นของกระทู้นี้

ซึ่งผมยอมรับว่า ผมคือคนนึงที่รู้งูๆปลาๆ จบมาได้ด้วยเกรดใช้ได้เลย แต่มันไปหนักสายทฤษฏีมากๆ

ให้ผมเขียนจาวาฯ ฯลฯ แบบหนักๆ ผมก็ทำไม่ได้ -*- คิดแล้วเศร้านะ ตูจะจบไปเพื่ออะไร จบไปทำไม่ได้ เสียชื่อมหาลัยเปล่าๆ

และผมก็เลือกแล้วเหมือนกันว่า ในเมื่อตูทำแบบที่ว่าไม่ได้ ตูมาทำสายถนัดก็ยังดี คือ ทำเว็บๆๆๆๆ ถึงได้เงินไม่พอเก็บ แต่พอกินไปก่อน ก็ยังดี


-*-

ปล มาedit เพิ่ม .. อธิบายถึงเหตุผลของ การรับการป้อน .. สาเหตุที่พูดแบบนี้คือ บางอย่างเด็กที่ขยันเรียนรู้ด้วยตัวเอง จะทำได้ไม่มีปัญหา แต่ทางกลับกัน เด็กส่วนใหญ่ไม่เป็นแบบนี้ .. พวกเขารอรับจากอาจารย์มากกว่าการเรียนรู้เอง

ด้วยเหตุนี้คือปัญหาของเด็กสายนี้ .. แต่ขอกล่าวต่อไปว่า ทุกอย่างมันเริ่มต้นจาก ระบบการศึกษาไทย ที่มีพื้นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก โตมาก็เลยเป็นแบบนี้

คิดจนเลิกคิดแล้วครับ  :wanwan023:

ชักจะยาวแฮะ........ทู้นี้  ขอแจม
เข้าใจว่า จกท. คงจะเหนื่อย ที่ต้องคอยสอนน้องๆ จบใหม่ ต้องหาวิธีบริหารจัดการต่อไป นะครับ

อยากให้คิดซักนิด รุ่นระดับเก่าๆ ซัก 10-20 ปี ก่อน  หรือรุ่นปัจจุบัน มันเหมือนกันนะนาย........จบมาแล้ว ส่วนใหญ่ใช่ว่าจะทำได้นะนาย ต้องอบรมต้องสอนกันก่อน ต้องจูนเครื่องก่อน  ถึงจะปล่อยให้ทำงานได้นะนาย ไม่งั้นงานพัง 3-4 เดือนเป็นอย่างน้อย นั่นล่ะเค้าถึงมีระยะเวลา ทดลองงาน Probation

ผมไม่ได้ทำงานด้านคอมฯ โดยตรง แต่ต่อให้จบเมืองนอกจาก USA มากินเงินเดือนแพงๆ  มันไม่ต่างกับจบ ป.ตรี บ้านเรา ต่างแค่ภาษานะครับ....ปล่อยให้มันทำงานไม่ได้เหมือนกันต้อง Probation กันก่อน เพราะบางทีไอ้ที่มันเรียนมาใช้ไม่ได้กับบ้านเรา....

ให้โอกาสน้องๆ กันซักนิด  เอาสายสามัญแล้วกันน่ะ ลองดูเราเรียนอะไรกัน
- ป.1-ม.6 เรียนเป็นจักรวาล แม ร่ง เรียนทุกวิชาในโลก ---สรุปไม่รู้อะไรเลย
- ป.ตรี แคบมาหน่อยแต่ก็กว้างเป็นทะเล---------รู้เป็นเป็ด
- ป.โท แคบมาอีก เริ่งเจาะลึก-----------กลายเป็นไก่
- ป.เอก แคบมาเรื่องเดียวเลย ศึกษามดก็จบได้......ก็ยังเป็นเด็ก จะเป็นGuruต้อง ฝึกงานก่อน

ไม่มีใครผิด มันเป็นเช่นนั่นเอง

สำหรับเด็กจบใหม่  ผมไม่ได้หวัง ว่าจะทำงานให้ได้เลย  หวังว่าพร้อมจะเรียนรู้ในสิ่งที่จะถ่ายทอดให้ได้หรือเปล่า และพอจะหาความรู้เพิ่มเติมเองได้บ้างเพื่อพัฒนาตัวเอง  วิชาการสอนกันได้......ไม่ยาก    ใครก็เรียนได้

แต่ที่สอนยาก คือ การใช้ชีวิตในสังคมจริงๆ ที่ไม่มีใครประคอง อันนี้ยากมาก บางคนทัศนคติหรือความอดทนไม่ได้ ก็ต้องถอยไป........หรือบางที มันทะเลาะกับแฟน มาทำงานไม่ได้ อันนี้อยากกระทืบมากกว่า........


อาจจะไม่เห็นด้วยกับ จกท. แต่ลึกๆ ก็เชียร์อยู่น่ะครับ เพราะคุณเป็นคนหนึ่งที่สอนคนด้วยกัน น่าภูมิใจ ที่สำคัญมีโอกาสใกล้ชิดเด็กๆ ด้วย

ผมพยายามโน้มน้าวให้ที่ทำงาน รับน้องๆ มาฝึกงาน แต่ไม่ยอมเชื่อผมซักที

แก่ๆ กันทั้งนั้น มีเด็กๆ มาบ้างจะได้กระชุ่มกระชวยหน่อย.......


ปล. ความรู้สึกนะครับ ถ้าสายอาชีพพอใช้ได้นะครับ เพราะเค้าไม่ออกทะเลตั้งแต่ ม.4 ยิ่งระดับ ปวส. เข้าขั้นใช้ได้พอๆ วิศวะ ป.ตรี หรือบางทีดีกว่า ถ้าให้เอาค้อนตอกตะปูแข่งกัน

ไม่ได้อวดว่าผมเก่งกาจอะไรหรอกนะครับ ผมกับเพื่อนผมเถียงกับอาจารย์ทุกคาบอ่ะครับ ... เอาอะไรมาสอน... อ่านในหนังสือให้ฟัง... ผมบอก "ถ้าจะอ่านให้ฟัง ผมไปอ่านเองดีกว่าครับอาจารย์" คืออาจารย์บางคน... โ... กว่าผมอีกครับ  :-X


เค้าบอกว่า "Google มันเก็บเงินพวกที่ขึ้นอันดับ 1-3" ...   :-X ผมจับอาจารย์ฉีกหน้าตรงนั้นเลยอ่ะ ... ผมเอาเว็บให้ดูแล้วลองเซิทดู เว็บผมอยู่ที่ 1-3 นี่แหละ ผมบอกว่า ไม่เห็นกุเกิ้ลมันจะเรียกเก็บเงินจากผมเลย  ;D และแล้วอาจารย์ก็หน้าแหกกกกก (จริงๆ ผมไม่ชอบอาจารย์คนนี้ด้วย อวดรู้ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยรู้อะไรหรอก)


ที่ผมจะบอกหน่ะ คือ จะบอกว่าอาจารย์เก่งๆ หายากจริงๆ ครับ หาอาจารย์ที่พอจะปรึกษาอะไรได้ก็ไม่ค่อยมี ผมเป็นประเภทที่ช่างสงสัยด้วยสิ...


และอยากจะบอกเจ้าของกระทู้นิดนึงครับ ผมเข้าใจอารมณ์คุณนะครับ แต่คำพูดมันดูแรงและทำร้ายจิตใจคนที่เค้าตั้งใจและเก่งๆ หน่ะครับ มันดูเหมือนคุณไปเหมารวมเค้าหน่ะครับ  8)

ComSci'

 :P :P :P

ไม่ได้กลับมาดูกระทู้นี้ซักพัก โอ้.... :o ผมเป็นต้นชนวนเหรอครับเนี่ย...
ก่อนอื่นขออภัยนะครับ ที่กระทู้ไปโดนใจหลายคน :P

แต่ก็เหมือนที่หลายๆท่านพูดนะครับ
สิ่งที่ผมคิดคือผมก็ไม่ได้คาดหวังกับเด็กจบใหม่มาก ขนาดว่าไม่ต้องสอน
โดยปกติก็ต้องสอนพวกหลักการของงาน วิธีการเขียนโปรแกรมที่ดี เทคนิคต่างๆนาๆ
แต่ที่ผมเจอ....ผมต้องสอนใหม่ตั้งแต่พื้นฐาน :-X :-X ตั้งแต่การประกาศตัวแปร ว่ากันอย่างนั้น

ปล. อยากให้คนไทยพัฒนา ไม่ใช่เพียงแค่ในจินตนาการ หรือความฝัน
(*เหมือนจะให้ฟุตบอลไทยไปบอลโลกเลย ;D ;D ว่าเข้าไปนั่น.. ขออภัยครับ :P)

เห็นด้วยเลย เรื่องอาจารย์อ่านหนังสือให้ฟัง...เซง เราก็อ่านเองได้ ตอนนี้เรียนอยู่หา อาจารย์เก่งๆ ที่จะถามเวลาสงสัยไม่เจอสักคน  คือเราก็เรียนสาขาคอมนะ แต่อยากจะบอกว่า ตอนเรียน ปวช. อยู่น่ะ มีอยู่วิชานึงเกี่ยวกับคอมนี่ล่ะ แต่ไม่ขอเอ่ย ตอนเรียนน่ะโง่โคตรไม่รู้เรื่องเลย แต่พอหาซื้อหนังสือมาอ่านเอง ทำไมมันรู้เรื่อง แถมเอามาใช้ได้จริงๆอีกด้วย
อยากจะบอกว่า บางทีการศึกษานอกห้องเรียนมันดีกว่าในห้องเรียนซะอีก ความจริงแล้วส่วนใหญ่มันก็อยู่ที่ตัวเราด้วย ว่าเราชอบอะไร แล้วเราก็ขวนขวายในสิ่งนั้นและลงมือทำมันไปเรื่อยๆ มันก็จะทำได้ดีเอง

ผมคนนึงละ ชอบเถียงอาจารย์ ถ้าอะไรที่มันงี่เง่าจริงๆ
สมัยเรียนเลยได้ D-dog มา ตั้งหลายตัว สนทำไมกับเกรด

สมัครงานใครดูเกรดแล้วไม่รับก็ช่างเขาสิครับ บริษัทที่คัดคนแบบนั้นมันน่าภูมิใจตรงใหน เข้าไปก็โง่ลงเรื่อยๆ
อยู่บริษัทเล็กๆที่วิสัยทัศน์ดีๆ โตแบบก้าวกระโดด เงินเดือนก็จะกระโดดตามเองแหละครับ น่าภูมิใจกว่าตั้งเยอะ

ความคิดผม สำหรับคนที่จะสมัครงานน่ะครับ
 ::)

เพื่อนผมคนนึงตอนเรียนด้วย จำได้ทุกคำสั่งของโปรแกรม แต่พอเจออะไรใหม่ ๆ ที่ต้องพลิกแพลง กลับทำไม่ได้

ส่วนอีกคน จำคำสั่งไม่ค่อยจะได้ แต่พอรู้ว่าใช้ยังไง ก็พลิกแพลงได้แบบที่ไม่มีใครทำได้ ทำเสร็จก่อนใคร ทำได้เทพกว่าใคร อาจเขียนโค้ด 1 บรรทัดในขณะที่คนข้างบนเขียน 10 บรรทัด


จำแม่น กับ ฉลาด อันไหนดีกว่ากัน?


ป.ล. จำแม่นก็เอาเกียตรนิยมไปกิน

มันก็จริงครับเรื่องเกรดเรื่องสถาบันไม่สำคัญสำหรับ เรา
แต่บางบริษัทจะมองที่ตัวเกรด ตัวสถาบันก่อนเลย
เหมือนเครือ c...ไทย ที่รับแต่โลโก้....
สถาบันอื่นไปสมัครจะคัดแล้วคัดอีก แต่แบรนด์...เข้าไปนี่ บางทีเรียกเข้าสัมภาษณ์ก่อนคนที่นั่งรอเป็นชั่วโมงด้วยซ้ำ

ผมชอบคอม อยากเรียนคอม แต่สมองไม่ถึง เลยไปเรียนบริหาร จบมาทำงานด้านบริหารอยู๋ 1 ปี แล้วเปลี่ยนไป ทำเว็บ รับทำSEO งงกะชีวิต  :P

จริงๆมันแล้วแต่คนครับ ตอนเรียนเพื่อนผมก็เก่งหลายคน จบไปทำงานเงินเดือน start 18k หลายคน
ส่วนคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวก็หลายคน รวมผมด้วย 5555

สรุป ไม่ว่าคุณคิดว่าใครทำอะไรได้ หรือทำไม่ได้ คุณคิดถกเสมอ (ขออนุญาตต้นฉบับ)
เพราะทุกคนไม่เหมือนกัน ทั้งที่เรียนจบมาที่เดี่ยวกัน (บางคนเกรดเยอะกว่าแต่ไม่เก่งเท่าคนเกรดน้อย)
แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานการเรียนจบ ปริญญา ว่า การศึกษาไทยยังไร้มาตรฐาน (หรือมาตรฐานแบบหลอกๆกันเอง ;D)
ซึ่งเป็นรากฐานของคนไทยที่มีนิสัย โอบอ้อมอารี เห็นอกเห็นใจ ไม่เคร่งในระเบียบ มักง่าย ไม่ค่อยยอมรับความจริง
ยกตัวอย่าง
- ตอนสอบ อ ก็ปล่อยๆ หยวนๆเดี๋ยวมันไม่จบ
- ตอนทำงานนักศึกษาขอเป็นงานกลุ่ม ก็หยวนๆ เดี๋ยวมันจะตกครึ่งห้อง
- etc