ThaiSEOBoard.com

ของราคาขายส่งซื้อตรงจาก Supplier ไทย ตัวละ 3,450 บาท ซื้อ 200 ตัวเหลือตัวละ 3,300 บาท ซิ้อเองเมืองจีน 500 ตัว ตัวละ 3,085 บาท ผมเลยซื้อของไทยมาขาย 200 ตัว

พอผมเริ่มขาย เมื่อ 2 เดือนก่อน มีเจ้าถิ่นอยู่เค้าขาย 4,700 บาท ผมเลยตามน้ำ ขายเท่าเค้า 4,700 บาทแต่ส่งให้ฟรี ก็ขายได้เรื่อยๆ วันละตัว สองตัว บางวันขายไม่ได้ สรุปเดือนนึงได้ประมาณ 40 ตัว

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาลูกค้าโทรมาต่อราคาว่า 4,000 ได้ไหม เพราะเว็บคู่แข่งขาย 4,200 บาท ผมก็ขายให้ 4,200 บาท แล้วก็ปรับราคาลงมาเหลือ 4,200 บาททันที

วันเสาร์เว็บคู่แข่งปรับราคาลงมาเหลือ 3,800 บาท ผมก็ต้องปรับตาม

วันอาทิตย์เว็บคู่แข่งปรับราคาเหลือ 3,600 บาท ผมก็ปรับตาม

มาวันนี้ เว็บคู่แข่งปรับราคามาเหลือ 3,500 บาท ผมก็ปรับตาม

ปรับตามทีไรคู่แข่งลงราคาตลอดเลย ตอนนี้ของเหลือในสต๊อก 118 ชิ้น ผมมั่นใจว่าเค้าไม่ได้ซื้อจากจีนแน่ แล้วก็ซื้อของจากบริษัทเดียวกัน แต่ไม่แน่ใจว่าซื้อต้นทุนเดียวกับผมหรือเปล่า เป็นเพื่อนๆ จะทำยังไงดีครับ ขายเท่าทุนแล้วเอาเงินสดไปซื้อของอื่นมาขายดีหรือเปล่า เจอแบบนี้เข็ดไปอีกนานเลย

ตีโจทย์ให้แตกแล้ว จะเลิกกังวลเรื่อง ตัดราคาครับ

http://incquity.com/articles/price-strategies

โห...ตัดราคากันโหด  :P
น่าเห็นใจ
ส่วนใหญ่ คนที่ทำธุรกิจโดยตัดราคาคู่แข่ง มักจะเป็นเจ้าสัวทุนหนา ที่คิดว่ายังไงตัวเองก็อยู่ได้  จึงตัดราคาให้ต่ำที่สุด  เพื่อหวังให้คู่แข่งล้มหายไปจากตลาด..(เพราะตัวเองเงินเยอะ อยู่ได้เป็น10ปีโดยไม่มีผลกระทบอะไร)

ผมว่า ลองหาวิธีอื่น เพิ่มมูลค่าหรืออื่นๆฯลฯ โดยไม่ต้องลดราคาตามเขา  จะขายได้ไหม   ไม่งั้นแย่ครับ

หาวิธีเพิ่มมูลค่าสินค้า ตามหลักต้องขายให้มากกว่าราคาต้นทุน ไม่งั้นแย่ครับ คนไทยเก่งแต่เรื่องนี้กันแต่ไม่นึกถึงอนาคตความอยู่รอดของธุรกิจกัน แน้นแต่ว่าขายได้มากกว่า คงจะมีกำไรมากกว่า ไม่ศึกษาให้ดีครับ

ผมนี่นึกถึง
(http://www.solovethailand.com/media/catalog/product/cache/1/image/9df78eab33525d08d6e5fb8d27136e95/x/i/xiaomi_gopro_solovethailand3_1.png)

ราคามาไทย โหดมาก โก่งสุดยอด พอเริ่มมีขายราคาก็ตัดลงมาเยอะมาก

ผมว่าพี่ให้ขายราคาที่พี่ไหว ขายไปเรื่อยๆครับ
หรือไม่ก็ทำ โปรโมชั่นจับคู่กับอะไรก็ว่าไป

ผมจะเล่าอะไรให้ฟังนิดหน่อย กระทรวงพานิชย์เรามี หน้าที่ดูแลการทุ่มตลาด ( anti dumping) จากต่างประเทศ

Anti-dumping คืออะไร คือ การ ขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าทุน  ทำให้ผู้ประกอบการสินค้าในประเทศนั้นไม่สามารถขายของได้ และทำให้เจ๊ง
จากนั้น คนที่ทำ anti dumping ก็สามารถกำหนดราคาได้ เพราะผู้ประกอบการรายอื่น ออกจากตลาดแล้ว

ในกรณีของคุณ เค้าอาจจะทำเพื่อให้คุณออกจากตลาดคับ  หรือ  ฟัดกันเองใน Red Ocean เลือดไหลไม่หยุดตายทั้งคู่

ถ้าแนะนำผมว่า ออกมาดีกว่าคับ ซื้อของ 6  แสน กำไรหลัก 10 % นี่ ไม่ไหวอ่ะ
จริงๆ ผมยังมีโปรเจค ที่สินค้าทำกำไร 100% อีกตัว ยังไม่มีเวลาทำเลยครับ  ใช้เงินหมุนเวียน 6 หมื่น ก็ กำไร 6 หมื่นละคับ
ลองหาดูนะคับ  ( บอกไปเดียวมาแย่งทำหงะ )

ปรับราคารายวันเลยหรอครับ ผมว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนะ เราต้องทำให้ลูกค้าเหนได้ว่าเราแตกต่างยังไงมากกว่า

ปรับราคารายวันนี่ จะกระทบ brand royalty ของลูกค้าด้วย คนที่ซื้อไปก่อนหน้านั้น จะรู้สึกยังไงด้วยคับ    แปบเดียวหายเป็นพัน ผมคงเซร็งมากอ่ะ ( เหมือนโดนหักหลัง )

นั่งอ่านแล้วได้ไอเดียดีๆเยอะเลยครับ

จากข้อมูลของท่าน สินค้าราคา 3,500 - 4,700 บาท
ภายใน 2 เดือน ท่านขายได้ถึง 80 กว่าชิ้น ...
แสดงว่าสินค้านี้ น่าสนใจดี
สู้ต่อเถอะท่าน ...  คู่แข่งกำลังไล่ท่านออกจากตลาด


เรื่องการลดราคาสู้ ขอให้เนียนนิดนึง
อย่าให้ลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว รู้สึกว่าซื้อของแพง


 

คำถามคือ ทำไมต้องตั้งราคาตามคู่แข่งด้วยครับ คือกลุ่มลูกค้าแค่ในประเทศเนี่ยเป็นล้านๆคน การตัดสินใจซื้อมันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทำไมต้องอ้างอิงร้าน #1 ในการตั้งราคาด้วยนอกจากว่าตั้งใจจะไฟท์กับร้านนั้น ไม่สร้างฐานลูกค้าใหม่เอง

ุเท่าที่อ่านดูผมว่าติดโจทย์ตรงนี้มากกว่าครับ ท่านวาง position ร้านตัวเองเป็นผู้ตามเรียบร้อยแล้ว

โหดกันจัง :'(

เจอแบบนี้ก็ ปวดหัวจริงๆ

ตามที่เทพท่านนี้กล่าวครับ เราจะเลือกเป็นผู้ตามหรือจะเป็นผู้นำ

บางทีขายถูกๆก็ทำให้ลูกค้ามองว่าเป็นของไม่มีคุณภาพราคาถึงถูก  ยึดหลักของเรามีกำไรนิดหน่อย เชื่อเถอะเขาขายถูกไม่ใด้กำไรก็อยู่ไม่ใด้นาน เราเคยเจอมาเหมือนกันที่ตัดราคาขายแบบนี้แต่ก็ไม่เห็นจะอยู่รอดสักรายวันหนึ่งลูกค้าก็กลับมาที่เราเหมือนเดิม...

อันนี้เห็นด้วย ถ้าผมเป็นลูกค้าประจำ เจอแบบนี้เลิกซื้อเลย ถ้าเจอลูกค้าอีกพวก เขาอาจทำ โพสในที่ต่างๆ

มันทำให้เกิดผลเสียนะครับ และมีลูกค้าประจำบางคน เขาไม่สนเรื่องราคาหรอก แม้ว่าคู่แข่งลดราคา ถูกกว่าคุณก้อตาม

ถ้ามีหลังบริการหลังการขายที่ดี

ส่วนตัวผมมองว่าเรื่องการตัดราคา และเราลดตามตลอดไม่ใช่วิธีทางแก้ไขนะครับ พอถึงจุดใกล้ต้นทุนก็พากันตายทั้งวงทั้งคู่แข่งและเรา
เทรนจบไวมากขึ้นคุณค่าหายไป คิดว่าอาจจะหาอะไรมา top up สร้างแรงจูงใจว่าของเรามีคุณภาพและเครดิตดี ทำให้ลูกค้ายอมเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อของหลักพันและสบายใจจะดีกว่าครับ

สู้ๆนะครับ

สร้างความแตกต่างระหว่างคุณและคู่แข่งดีกว่าครับ ไม่ว่าจะเป็นบริการหลังการขาย ของแถม หรือข่าวสารที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสินค้านั้น

สงครามราคาปล่อยให้คนอื่นเล่นไปเถิดครับ

เป็นผมจะไม่ปรับราคาครับ เพราะถ้าปรับแล้วลดไปถึงขนาดนี้ ไม่คุ้มแล้วครับ
สู้ขายราคาเดิมๆหรือลดลงหน่อย แล้วสร้างเครดิตความหน้าเชื่อถือ หรือ ไม่ก็เขียนโฆษณาแบบว่า มันมีของปลอมหรือโน้นนี่นั่น ผมว่าราคาเดิมก็จะอยู้ได้ครับ

ผมเป็นคนนึงที่ไม่เลือกร้านที่ถูกกว่า แต่เลือกร้านที่โดยภาพรวมดูแล้วว่าน่าซื้อกว่า

คงไม่ตัดราคาตั้งแต่แรกค่ะ ลองศึกษาดูดีๆคงที่แข่งกันด้วยการตัดราคาตายก่อนตลอก
ตอนนี้เราขายทางอินเตอร์เน็ตมา 5 ปีกว่า ดูตลาดมาเรื่อยๆ คนที่ขายถูกกำไรน้อยมากๆอยู่ไม่นานก็หายไปเยอะ
ลองคิดดูถ้าสักวันคุณต้องเจอภาษีการได้กำไรแค่นิดเดียวมันคุ้มมั้ย ทำงานบริษัทยังจะได้เยอะกว่า อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ

ผมว่าของประเภทเดียวกัน เหมือนกัน ทำการตลาดทางอินเทอร์เน็ตเหมือนกัน เซิสด้วยคีเวิร์ดคำเดียวกัน เปิดมาเจอ 2 เว็บ อีกเว็บนึงราคาถูก อีกเว็บราคาแพง ผมว่าไม่มีทางจะใช้กลยุทธ์ไหนได้
ต้องภาวนาเค้าให้เปิดแค่เว็บคุณเว็บเดียว แล้วสั่งเลยใช่ไหมครับ ถึงจะเป็นการไม่ลดราคาไปแข่ง
มันไม่ใช่ของที่ขายตามตลาด คนเดินมาเจอร้านนึงก่อนซื้อไปแพง แล้วค่อยเดินไปเจออีกร้านนึงร้านขายถูกนี่ครับ หรือยังมีวิธี

น่าสนใจครับ และก็เป็นข้อได้เปรียบของปัจจุบันที่มีช่องทางการเสนอ information ให้ลูกค้าเยอะครับ
นี่ตัวอย่างคร่าวๆในหลายๆช่องทางที่คิดได้ ณ ตอนนี้

(ลูกค้าเกิดจากคำค้นนั้นๆ = ลูกค้าที่มองหาสินค้านี้อยู่แล้ว)
- ที่ยกมาเปรียบเทียบเป็นแค่ช่องทาง 1 ในการทำการตลาด คือ website และการทำ seo - เปรียบเสมือนการแข่งขันแบบผู้ชนะคนเดียว คือลำดับใน keyword นั้นๆมีจำกัด หน้าแรกมีได้ 10 อันดับ
- แบนเนอร์เว็บที่เกี่ยวข้องกับสินค้า

(สร้างฐานลูกค้าใหม่)
- Facebook ads ยอดฮิต ที่สร้างช่องทางคนละเลนกันกับคู่แข่งเป็นการกระตุ้นโดยตรง (win ทุกคนที่จ่ายให้กับ ads)
- ทางช่องทางกลุ่มประมูล (กำไรไม่แน่นอน แต่ขายได้แน่นอน)
- adword/seo ดักคีย์ปัญหา -> product

(ใช้ฐานลูกค้าคนอื่น)
- ฝากขาย : เช่น lazada 
   หรือปล่อย aff เช่น module ของ opencart สามารถ gen banner ให้ webmaster เอาไปติดเว็บได้ และจ่ายค่าคอมหลังการส่งของเสร็จกระบวนการ
- ขายแบบปล่อยตัวแทน จัดทำ stock ปล่อยของอย่างเดียว โปรโมทที่ตัวระบบการขาย ไม่ใช่ตัวสินค้า
- เว็บบอร์ด - ยังมีคนหากินกับแค่เว็บบอร์ดๆเดียว สร้างเนื้อสร้างตัวได้เยอะครับ พวกนี้จะเงียบๆ ทำตลาดของตัวเองไป
- กลุ่มซื้อขาย - ประกาศฟรี
  ฯลฯ

ผมเชื่อว่าไม่มีใครมาขายของหวังซื้อไอโฟนได้สักเครื่องก็พอหรอก แต่ละคนก็อยากให้มันโตเป็นร้อยล้านพันล้านหมด
สร้างช่องทางให้หลากหลาย แล้วจะไม่ลำบากเรื่องราคาขายครับ ขายของต้องได้กำไรครับผม ทำเอารวยครับ

เป็นผม ถ้าหั่นกันเหลือกำไร 10% ผมออกจาก Red ocean แน่นอน :P
ขายสินค้า ถ้าเราไม่ได้มีของคนเดียว หรือของเราดีจริงๆ  โดนหั่นราคากันแหลกครับ ไม่สนุกเลย :wanwan044:

สุดท้ายราคามันก็ต้องปรับสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของมัน ว่ามันควรจะขายที่ราคาเท่าไหร่ ผมว่าอาจจะมีคนซื้อน้อยด้วยถึงต้องแข่งกันลด บางอย่างที่พอจะช่าวยได้บ้างน่าจะเป็นมีของแถมอะไรช่วยพยุงได้ หรือหาช่องทางจำหน่ายอื่นเพิ่มเติมที่คู่แข่งเข้าไม่ถึง

บางทีถูกแพงไม่ใช่คำตอบครับ ถ้าเว็บเราดูน่าเชื่อถือกว่าน่าเข้ากว่า ขายแพงกว่าพอประมาณ ก็ยังขายได้อยู่ครับ เปรียบเหมือนเราเดินช็อปปิ้ง เราย่อมอยากจะเข้าร้านที่ตกแต่งสวยกว่า ดูน่าเชื่อถือกว่าอยู่แล้วครับ ถึงแม้ว่าจะแพงกว่าก็ตามครับ อีกอย่างภาพถ่ายก็สำคัญครับ แต่งให้สวย หรือ ใช้มืออาชีพถ่ายให้เลยก็ดีครับ จะเพิ่มความน่าสนใจและดูดีขึ้นเยอะครับ

ใช่ครับ ผมสงสัยตรง "เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาลูกค้าโทรมาต่อราคาว่า 4,000 ได้ไหม เพราะเว็บคู่แข่งขาย 4,200 บาท" อันนี้เป็นคีเวิร์ดที่ว่าลดราคาเพราะอะไร เพราะลูกค้าบอกว่า เพราะอีกเว็บขายเท่านี้ แต่เราขายเท่านี้ ลดราคาเท่านี้ได้ไหม เพราะลูกค้าเป็นคนที่ฉลาด รู้ต้นทุนที่ว่ามีอีกเจ้าที่ขายเท่านี้ได้ แสดงว่าทุนมันต้องถูกกว่า เพราะ จกท บอกว่า สินค้าเหมือนกัน
เหมือนตอนผมเด็กๆ เวลาไปดูแม่ต่อของ แม่จะบอกว่า ซื้ออยู่ประจำ ทำไมร้านนี้ขายราคานี้ไม่ได้ แต่ทำไมที่นี่ขายไม่ได้ กับ ลดราคาให้หน่อยนะ จะได้เป็นลูกค้าประจำ แค่ 2 มุกนี้ ก็ได้ของราคาถูกมาแล้ว
แต่ผมได้ไอเดียจากคุณ DePe มานะ ว่าทำไมเราต้องทำการตลาดจาก google อย่างเดียววะ เราหาจาก fanpage จาก group ก็ได้นี่หว่า ใช่เลยครับ เราเปิดตลาดที่ใหม่ดีกว่า เราอย่าไปยึดติดกับที่เดียว เช่น บางคนหาเงินกับ amazon กับ adsense มาตลอด พอโดนแบนถึงกับเขว มาตั้งกระทู้ว่าต่อไปจะทำยังไง ทั้งที่มันก็มีอีกหลายอันนี่หว่า เช่น yengo adyim และ aff  และอีกตั้งเยอะ
อันนี้แหละครับที่ทำให้ get idea ของจริง

เข้ามาฟังด้วยครับ

ความรู้เพียบครับ  :wanwan017:

วันก่อนจะไปร้านที่ขายทุกอย่าง25บาทในห้าง เดินผ่านร้านเปิดใหม่ใกล้ๆกันขายทุกอย่าง20บาท
ผมนึกในใจ 25บาททุกอย่างก็ว่าถูกแล้ว พี่แกยังมาเปิดร้านใหม่ตัดราคากัน5บาทเลย ไม่รู้ชิ้นนึงนี่กำไรสักกี่บาทกัน :P

แข่งราคากันมันเลย เปลี่ยนมาหาโปรโมชั่นโดนๆแทนดีกว่าครับ

ทุกอย่าง 20 บาท / กำไร ชิ้นละ 5 - 7 บาท

ต้นทุนจะหนักที่ค่าเช่าที่และค่าแรงของคนขายหล่ะครับ

หาตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ครับ  ช่องทางขายใหม่ๆ ถ้าช่องทางเดิม RED Ocean แล้ว จัดโปรโมชั่นขายพ่วงกับสิรค้าตัวอื่นที่ตลาดกลุ่มนั้นต้องการเช่นกัน ขาย ปริมาณหลายชิ้นถ้าสินค้านั้นทำได้ ออกจากตลาดสินค้านั้น  หาสินค้าใหม่ครับ 

ขอยกตัวอย่าง officemate เขาไม่ใช่ร้านที่ขายถูกที่สุด แต่หาจุดเด่นให้กับตนเอง คือ มีระบบ logistic ที่ดี สั่งซื้อขั้นต่ำ 499 สามารถจัดส่งฟรี เก็บปลายทางในวันถัดไป
เพราะฉะนั้นร้านต้องมีจุดแข็ง และคำนวณแล้วมีกำไรคุ้มค่า

ร้านที่ไม่มีจุดแข็ง ก็จะเข้าระบบการตัดราคาที่ไม่มีวันจบสิ้น

ยิ่งสินค้าที่ต้องมีการ support/เคลม  ยิ่งเหนื่อยแถมคำนวณไม่ดีมีขาดทุน

กำไรงามมาก ลองวาง position และจัดโปรโมชั่นดีๆ ราคาขายสูงกว่าไม่มาก ลูกค้ารับได้นะคะ  :wanwan003:

ปัญหาของการตัดราคานี้อยู่คู่กับการค้าขายบ้านเราเมืองไทยเลยครับ  :P
ลองสร้างโปรโมชั่นตัวสินค้าให้แตกต่างดูครับ อาจจะนำมาเพิ่มมูลค่าหรือ
หาสินค้าขายพ่วงกับสิ่งที่ต้องใช้ควบคู่กันกับสินค้าหลักที่ขายอยู่ไปด้วยครับ
 :wanwan017: :wanwan017:

ตัดราคากันโหดมากครับ

ความรู้เน้นๆ

เราขายของราคาสูงเหมือนกัน แต่ก้ไม่เคยลดราคาตามคุ่แข็งค่ะ มีบ่อยที่ลุกค้ามาต่อ บอกว่าร้านนั้นร้านนี้ขายราคานี้
ขอราคานี้ได้มั้ย เราตอบเลยว่าลดได้แค่นิดหน่อย ขายราคานั้นไม่ได้ เพราะต้นทุนก้ต่างจากเค้า
ของเราบางอย่างถูกกว่าแพงกว่า คือมันแล้วแต่ว่าใครจะเสาะหาราคาได้ดีแค่ไหน
ร้านเรารับพรีออเดอร์ ไม่มีพร้อมส่ง ไม่ได้บินไปหิ้วเอง ต้นทุนค่าขนส่ง ภาษีนำเข้าต่างๆก้มีตามปกติ
ก้ชี้แจงลุกค้าไป แต่พอเอาเข้าจริงๆ ลุกค้าก้สั่งกับเรานะคะ ทั้งๆที่ร้านที่ขายคล้ายกันมีพร้อมส่ง
แต่พร้อมส่ง ราคาเค้าก้สุงกว่าเราซะส่วนใหญ่อยุ่แล้ว เค้าบินไปหิ้วมาเป็นลอตๆเอง ต้นทุนถุกกว่า
บางอย่างเราแพงกว่านิดหน่อย แต่ลุกค้าก้เลือกสั่งกับเรา เหตุผลที่ลุกค้าให้คือ เราตอบไว
สนใจลุกค้า คือบริการดี ไม่ปล่อยให้รอเป็นวันๆไรงี้ ลุกค้าบอกสบายใจที่จะสั่งกับเรา
เราเคยขายแรกๆแล้วปรับเรตลง บอกตรงๆพอบวกลบค่าชิปปิ้ง ค่าภาษีที่ต้องจ่าย กำไรน้อยนิดค่ะ
ภาษีก้ไ่แน่นอนบางทีเจอหนักๆนี่ก้มึนไปเหมือนกัน  :P
ตั้งแต่นั้นก็ยึดคติ ขายราคาที่เราไหว ไม่ใช่ขายไปแล้วเราฝืดเคือง เพราะแค่ต้องการแค่คำว่า ขายได้ แต่ไ่ม่มีกำไร
หรือลุกค้าที่ต่อเยอะๆ อ้างร้านคุ่แข็งขายราคานั้นนี้ เราก้ยึดถือตามความสบายใจเราและลดเท่าที่ได้
ไม่ซื้อก้ไม่อะไร เน้นบริการแทน ตอบรวดเร็ว ลูกค้ามักกลับมาสั่งเรื่อยๆค่ะ

กำลังตั้งใจจะขายของออนไลน์ เจอกระทู้นี้เข้าไป ได้ความรู้เยอะมากครับ ขอบคุณครับ  :wanwan003:

เข้ามาฟังด้วยครับ แย่เลยเรื่องตัดราคาแข่งกันเนี้ย  :'(

สุดยอด ทำไปได้ไง  :wanwan009:

ชอบกระทู้นี้ครับ น่าสนใจมากๆครับ  :wanwan003:

อย่าลดตามเลยครับ สินค้าถูกมากก็ใช่จะดี ผมเจอของแบบเดียวกันมีตั้งแต่ราคา 100 ยัน 1,000 ตียี้ห้อเดียวกันด้วย ผมซื้อสินค้ามาเทียบที่ไหนได้ สิ่งที่ได้ต่างกันริบรับ

 :'(

ตัดราคา = ฆ่าตัวตาย :wanwan009:

ผมว่าการตัดราคา เป็นการ ฆ่าผู้อื่นมากกว่า เช่น ผมอยากขาย ไปหาของมาถูกกว่า ได้สักพันชิ้น เขาขายกัน หนึ่งพัน สมมุตรู้ว่าทุนมา ห้าร้อย ขายแปดร้อย เร่งขายให้หมด หมดแล้วเลิก ได้กำไร หาตัวอื่นมาตัดราคาต่อ  ตามสินค้ากระแส กำไรน้อย เอาจำนวน ผมว่า คนอื่นตายมากกว่า คนทำนะครับ ผมว่า

บางทีผมว่าต้องระวังเค้าหลอกด้วยนะครับ :wanwan007:

ความรู้ครับ ตอนนี้ก็เจอปัญหานี้เหมือนกันครับ

ใช้วิธีเพิ่มคุณค่า และ ของแถม ลูกค้าจะคุ้ม

ตัดราคากันโหดมาก ถ้าทุนไม่หนาก็ล้มทั้งคู่นะครับแบบนี้

ถ้าสินค้าเหลือไม่มากยอมตัดใจล้างสต๊อกไปเลยก็ได้ครับ เพราะถ้าจะแข่งลดราคาเพื่อเอากำไรนิดๆหน่อยๆเป็นผมก็ไม่เอาเหมือนกัน

บอกเลย ขายตัดราคา กำไรน้อย อยู่ได้ไม่นานครับ รักษามาตรฐาน ไม่ต้องแข่งราคาครับ แข่งกันโฆษณาดีกว่าครับ

ขอโทษนะคะ

แต่อ่านแล้วโมโหจัง

ไม่ได้โมโหรายใหญ่

แต่โมโหคุณค่ะ

ถ้าใจอ่อนแบบนี้จัดล้างสต็อกแล้วหนีไปทะเลอื่นดีกว่่าค่ะ

เราไม่เคยขายของที่เหมือนกันในราคาถูกลง มีแต่จะเพิ่มราคาถ้าภาวะเหมาะสม

การลดราคาให้กับคนที่เอ่ยปากต่อราคาเป็นสิ่งที่เราเกลียดมาก

เพราะไม่แฟร์กับลูกค้าคนอื่น

ตอบลูกค้าไปครับ  "เชิญไปซื้อร้านที่สะบายใจ"

คนไทย ชอบทำแบบนี้แหละครับ  :P ทุกตลาด ทุกสินค้า เจอคล้ายๆกันหมด

จัดโปรโมชั่นเจ๋ง ๆ  พอจะช่วยได้เหรอเปล่าครับ   แบบว่าสะสมสติ๊กเกอร์ครบ 5 ดวง   ครั้งต่อไปแถมฟรี อะไรก็ว่าไป...   :wanwan003: :wanwan003:

Red ocen

ศึกษา Pushing marketing เยอะๆ ครับ ใครเจอลูกค้าก่อน คุยก่อน ก็มีโอกาสขายก่อน ทุกวันนี้ผมก็ไม่เคยรอให้ลูกค้ามานั่งเทียบว่า ร้าน A หรือ B ดี?

เจอก่อน บิ๊วก่อน ขายก่อนเลย

ถ้าคู่แข่งมี ของเหมือนเรา เจอเทียบ apple to apple แน่นอนครับผม   อย่างผมจะซื้อ desktop all in one ของ dell ผมคงเช็คแต่ราคา

ฉะนั้น อย่าขายของ ที่ ใครๆ ก็มี หรือ ถ้าขายของที่ใครๆ ก็มี ขอให้เราบริการโคตรดี จนใครๆ ก็อยากจะมาหาเรา  :wanwan013:

สุดยอดเลยครับ เจอแล้วว่าที่เศรษฐีพันล้านของไทย  :wanwan017:  :wanwan017:  :wanwan017:

ถ้าลูกค้ามาอ้างอย่างนี้ผมบอกให้ไปซื้อกับร้านนั้นคับ ไม่ต้องมาต่อผม

ถ้าสินค้าเหมือนกันทุกอย่าง การตัดราคามาแน่นอน เหนื่อยแบบนี้  :-X ปัจจุบันใครๆก็หาข้อมูลก่อนซื้อ

ทำใจค่ะ ทำแบรนด์ตัวเองถึงจะจบปัญหานี้ได้ ขายคนเดียว รวยคนเดียว แต่ช่วงแรกต้องเหนื่อยกันหน่อยค่ะ :wanwan013:

เป็นผมจะโทร หรือเมล์ไปคุยครับ ประนีประนอมกันครับ จะได้กำไรกันทั้งคู่ครับ

เคยเจอปัญหาตัดราคาเหมือนกันครับ

ทางผมเลยตัดราคากลับ ตัดให้เหมือนแจกฟรีไปเลย จนอีกฝั่งต้องโทรมาคุยราคา

ตอนแข่งปรับราคาลง  ลองไม่ต้องลดตาม 
ลองทำแบบนี้ดูก่อน รับประกันคุณภาพ บริการไว ของจริง สร้างเครดิตความหน้าเชื่อถือ
โฆษณาของเราของแท้แน่นอน เด๊๋ยวนีมีของเลียนแบบมากมาย .และหาตลาด ลูกค้ารายใหม่ๆ ทางอื่นด้วย
ถ่ายรูปลูกค้ารับของ ทำรีวิวว่า ได้ของไว ของใหม่ ใช้ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ..

ทำแล้วถ้าขายได้เรื่อยๆ ก็ไม่ต้องลดราคา  แต่ถ้าเห็นแล้วว่าไม่มีการซื้อเข้ามาก็ต้องยอมลด แต่อย่าลดจนต้องขาดทุน บางทีอีกมุมมอง การที่ได้กำไรน้อยแต่เป็นการตลาดได้ดี ใช้สินค้าตัวนี้ในการเรียกคนเข้าร้าน เช่น ลุกค้ามักจะคิดว่า ร้านนี้ถูก บริการดี ทั้งๆที่ถูกแค่ชิ้นเดียว

บางอย่าง ลูกค้าพร้อมจ่ายแพงกว่า เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีกว่าครับ

ต้องหาจุดต่างที่รายนั้นไม่มีครับ

เจอแบบนี้ประจำครับ มีเจ้าแปลกๆมากระหน่ำราคา ขายจนตลาดอิ่มตัว ราคาต่ำจนเละ แล้วเขาก็เลิกไปขายตัวใหม่เรื่อยๆ พอราคามันต่ำแล้วเมื่อเขาเลิกทำ เราจะขึ้นก็ทำได้ยากมาก  :'(

แนวนี้เหมือนขายเอาทุนคืน ยิ่งตลาดซบเซาแบบปัจจุบัน แนวนี้เจอบ่อย
ขาดทุน ดีกว่าจมทุน (คล้ายๆ กรณีเล่นหุ้นเลย)