หัวข้อ: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 15:41:09 เปิดหัวข้อไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวเข้ามาทยอยเขียนเล่าให้ฟัง
เราทำงานขายของออนไลน์เป็นหลัก ทำบริษัทนำเข้าส่งออกและซื้อขายที่ดินเป็นอาชีพเสริม เราอยากแชร์่ข้อมูลบางอย่างที่ได้จากการนำเข้าส่งออกระหว่างไทยจีนและการขายสินค้าไทยออนไลน์ให้ฟัง หวังแค่ว่าจะจุดประกายให้เพื่อนๆที่กำลังขายสินค้าจีนหันมาสนใจขายสินค้าไทยกันมากขึ้น เราจะทยอยอัพเดทให้เรื่อยๆ เขียนไม่ค่อยเก่ง ถ้าใครมีประสบการณ์ มีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่ดี ขอเรียนเชิญโพสต์ด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ วัฒนธรรมของคนอเมริกัน(ตลาดหลัก) ทำไมฝรั่งถึงคาดหวังกับคุณภาพสินค้าสูงถึงแม้ผู้ขายจะขายราคาถูก ทำไมคนไทยไม่ค่อยได้รับการอนุมัติให้ขายเสื้อผ้าบนอเมซอน เราจะอัพเดทวันละนิดละหน่อยนะ ตามกำลังที่เหลือจากการแพคของ คนจีนขายของราคาถูกมากแต่เข้าตลาดอเมซอนยาก วันไหนเบาวันนั้นยาวววค่าาาา หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: touchapong ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 16:06:56 รอฟังครับ :wanwan020:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: wear428 ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 16:58:08 ไม่ได้อยู่วงการ Ebay แต่เข้ามาฟังครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 17:13:46 ขอแชร์นิดหน่อย
ฝรั่งเขาจะไมค่อยอลุ้มอล่วยเหมือนคนไทย และค่อนข้างประหยัด เพราะส่วนใหญ่จะทำงานหาเงินตั้งแต่อายุ 18 ก่อนส่งของต้องเช็คของให้ดีว่ามันผิดสีผิด Size หรือเปล่า :wanwan005: ยกตัวอย่าง เขาซื้อยาทาเล็บสีม่วง แต่เราไปส่งสีชมพู เขาจะไม่ยอมรับ เขาจะให้เราส่งของไปให้ใหม่หรือคืนเงิน คนขายบางคนเสนอคืนเงินให้ครึ่งราคา เขาก็ไม่ยอม เขาจะเอาเต็มจำนวน ขายของบนeBay ต้องปิดจุดบอดของเราให้ดี เช่น ของส่งไป ถูกตีกลับ เพราะผู้รับย้ายบ้าน หรือผู้รับไม่อยู่เวลานั้น เขียนใน refund policy ให้ดี แล้วกัน ว่า กรณีแบบนี้จะคืนให้บางส่วน ไม่คืนค่าส่งถ้าอยากจะให้ส่งใหม่ก็ต้องส่งค่าส่งมา อยากให้มือใหม่คิดว่า เรามาเป็นนักธุรกิจใหม่ บน eBay บางเรื่องต้องใจเย็นและอดทน เช่นเรื่องลูกค้าเปิด case ใช่เหตุใช้ผลให้ดี เพราะบางคน 2 อาทิตย์ก็เปิด case ให้ FB- แล้ว ส่วนบางคนที่ลูกค้าขอคืนของบ่อย ก็ต้องกลับไปเช็คดูว่าขอคืนเพราะอะไร โดยส่วนใหญ่พี่จะรับคืนก็ต่อเมื่อส่งของผิด หรือของแตกเท่านั้น ไม่ใช่ไม่พอใจไม่ว่ากรณีใดยินดีคืนเงิน หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 21:09:42 ช่วงแรกเราขอสับๆๆสินค้าจีนก่อนนะคะก่อนจะวกเข้าเรื่องขายของออนไลน์ ตอนท้ายๆต้องขออภัยผู้นิยมบริโภคกระเทียมจีนด้วยนะ อ่านแล้วอาจทำใจใช้กระเทียมจีนทำอาหารไม่ลง
มันเริ่มจากการที่เราไปตระเวณดูสินค้าในหลายๆประเทศ ทุกๆครั้งที่ไปจีน เวียดนาม มันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เวียดนามที่เคยเป็นแหล่งผลิตเสื้อผ้าที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันเหลือเฉพาะโรงงานที่รับผลิตให้แบรนด์ แต่ร้านขายเสื้อผ้าในเวียดนามยังเยอะมากเหมือนเดิม ขายของจีนเป็นส่วนใหญ่ อุตสาหกรรมหลายๆประเภทที่ต้องปิดตัวลงเพราะสู้กับสินค้าจีนไม่ได้ เราไปจีนบ่อยมาก ยิ่งไปยิ่งอยากเลิกติดต่อค้าขายกับคนจีน คนจีนส่วนใหญ่ใฝ่ฝันที่จะรวย อยากมีชีวิตที่หรูหรา พ่อค้าแม่ค้าจีน tricky มากๆ กลับมาเรื่องของสินค้าจีน นอกจากคำถามว่าทำไมสินค้าจีนราคาถูก อีกคำถามที่น่าสนใจคือสินค้าจีนมันจะถูกอย่างนี้ต่อไปมั้ย ถ้าหากโรงงานผลิตในไทยเจ๊งหมดแล้ว คำตอบก็คืออาจจะ ปัจจัยที่ทำให้จีนผลิตสินค้าได้ถูกหลายอย่างมาจากการสนับสนุนของรัฐ ถ้ารัฐเลิกอุดหนุน เวลานั้นสินค้าจีนคงมีราคาสูงขึ้น ต่อไปเราต้องอยู่ในสภาพจำยอมใช้สินค้าด้อยคุณภาพแต่ราคาไม่ถูก มาดูกันว่าทำไมสินค้าจีนถึงราคาถูก ปัจจัยทุกๆด้านส่งเสริมให้สินค้าจีนราคาถูก รัฐบาลจีนเค้าวางแผนเก่ง 1. การจัด zoning ทำให้บริหารจัดการง่าย สามารถนำเข้าวัตถุดิบล็อตใหญ่ แล้วไปแบ่งขายให้กับผู้ผลิตรายย่อย การบริหารจัดการแรงงานและขนส่งก็ทำได้ง่าย 2. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม แต่การเมืองแบบสังคมนิยม นอกจากบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลได้ง่าย ยังทำให้มีความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนมาก กลุ่มคนรวยมีน้อยแต่รวยมากๆ คนจนก็จนแท้ๆและมีมาก จีนจึงเป็นแหล่งทรัพยากรแรงงานราคาถูก 3. คนจีนเป็นคนขยัน ไม่เกี่ยงงาน แรงงานคนหนึ่งจะสามารถผลิตชิ้นงานได้มากกว่าแรงงานในประเทศอื่น 4. ผลิตสินค้าแบบซุปเปอร์ลีน ลดต้นทุนทุกขั้นทุกตอน เน้นของถูก 5. รัฐให้การอุดหนุน เริ่มตั้งแต่ดอกเบี้ยเงินกู้ ภาษี เจรจาเพื่อลดเงื่อนไข+ภาษีในประเทศคู่ค้า ช่วยผู้ประกอบการแม้กระทั่งให้เงินอุดหนุนเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเอาสินค้าเข้าแข่งขันในตลาดได้ เพื่อนคนจีนต้องการเอาพริกมาขายที่ไทย แต่สู้ราคาพริกในไทยไม่ได้ รัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนต่อตู้ ขอแค่ให้เอาพริกเข้ามาขายในไทยได้ 6. รัฐช่วยสกัดกั้นการนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นที่มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดจีน เราเจอจาก FTA เลย นำเข้าผลไม้จีนมันปลอดภาษีจริงๆ เสียค่าเคลียร์ตู้ละสองหมื่นกว่า แต่พอสินค้าเราเข้าไป ค่าใช้จ่ายตกตู้ละแสนกว่า ภาษีนำเข้าถูกปรับให้เป็นศูนย์จริง แต่เรียกเก็บเป็นภาษีเฉพาะแทนคำว่าภาษีนำเข้า 7. ผู้ขายจีนเน้นขายของปริมาณมาก กำไรต่อชิ้นน้อย เป็นนิสัยของคนจีน ขอให้เกิดดีลแรกก่อน ต่อมาค่อยหาจังหวะ ช่องทางทำกำไรเพิ่ม หรือหาทางที่จะมาเมืองไทย มาดูตลาดที่คู่ค้าไทยขาย แล้วก็หาทางนำเข้ามาขายเอง สินค้าจีนราคาถูกจริงๆ ระบาดหนักในไทยไม่ใช่แค่เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน สินค้าแฟชั่น เท่านั้น สินค้าที่เราๆคาดไม่ถึง อย่างปูนซีเมนต์ ปูนจีนขายถูกกว่าปูนไทยเกือบครึ่ง กล่องกระดาษจีนนำเข้าแล้วยังถูกกว่าผลิตในไทย แหล่งเครื่องเงินที่ถนนข้าวสารที่ฝรั่งมาซื้อกลับไปขาย นั่นก็นำเข้าจากจีน/ฮ่องกง ผ้าปูที่นอนจีนขายส่ง 80 บาท ผ้าปูที่นอนไทย 300 อัพ(แต่คุณภาพดีกว่าเยอะ) เมาส์จีนต้นทุน 5-10 บาท(ขายในห้างร้อยกว่า) เคสมือถือ ไอแพด ฯลฯ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 21:51:22 เข้าเรื่องกระเทียมกันค่ะ ที่จริงมีหลายเรื่อง แต่ขอยกเรื่องกระเทียมมาเป็นตัวอย่าง อยากให้คิดให้ดีก่อนที่จะซื้อสินค้าจีนบริโภค บางคนคิดว่าไม่บริโภคนมผงก็พอ แค่นั้นไม่พอหรอกค่ะ
กระเทียมหัวใหญ่ๆ ขาวๆ สวยๆ ที่ขายตามห้าง อันนั้นคือกระเทียมจีน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราไปตระเวณดูสินค้าตามปกติ เป้าหมายหนึ่งคือไปดูแหล่งผลิตกระเทียม เริ่มแรกก็ไปดูที่โรงงานส่งออกกระเทียม อืมดูดี สะอาดตา ตามมาตรฐาน GMP, HACCP หลังจากคุยกับผู้ประกอบการแล้ว เราก็ไปตระเวณดูกระเทียมที่เก็บสต๊อกไว้ตามบ้าน(ไปกันเอง) กระเทียมที่สต๊อกในโรงงานจะมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ที่บ้านเกษตรกร เมื่อจะต้องตัดแต่งเพื่อส่งออก ลูกสวนก็จะนำไปส่ง สถานที่เก็บสต๊อก ไม่อยากเรียกว่าโรงเรือน มันดูดีเกินไป สถานที่เก็บคล้ายๆกัน คือเป็นเพิง มุงหญ้า ผนังเป็นไม้ซีกขัดสานห่างๆ กระเทียมอยู่ในถุงตาข่ายกองอยู่บนพื้นดิน ไม่ไกลออกไปจะมียามเฝ้าเป็นจุดๆ กลางวันชาวบ้านก็จะอยู่ในสวน ก็จะให้สุนัขเฝ้า พันธุ์ยอดนิยมก็โดเบอร์แมน ดุ เห่าเสียดัง มันก็ทานและขับถ่ายอยู่แถวนั้น อุจจาระกระจายเกลื่อนเต็มพื้น รอบๆกองกระเทียม เหม็นมาก เดินดูกระเทียมต้องเอาผ้าอุดจมูกด้วย ลองนึกสิว่าถ้าคุณทำอาหารประเภทยำ ที่ต้องใช้กระเทียมสด จะเป็นยังไง หลังจากทริบนั้น เราก็เลิกซื้อกระเทียมในห้างเลย กลับตวจ.ทีก็ซื้อกระเทียมมาตุนไว้ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: Yakuzaa ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 22:27:03 รอๆมีต่อไหม :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: tiamkeaw ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 22:41:46 รอฟังครับ
ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ :wanwan017: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: moneyjr ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 22:54:19 เข้ามารอฟังด้วยคนครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: feee ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 22:57:31 มารอฟังครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 23:37:27 เข้าเรื่องกระเทียมกันค่ะ ที่จริงมีหลายเรื่อง แต่ขอยกเรื่องกระเทียมมาเป็นตัวอย่าง อยากให้คิดให้ดีก่อนที่จะซื้อสินค้าจีนบริโภค บางคนคิดว่าไม่บริโภคนมผงก็พอ แค่นั้นไม่พอหรอกค่ะ กระเทียมหัวใหญ่ๆ ขาวๆ สวยๆ ที่ขายตามห้าง อันนั้นคือกระเทียมจีน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราไปตระเวณดูสินค้าตามปกติ เป้าหมายหนึ่งคือไปดูแหล่งผลิตกระเทียม เริ่มแรกก็ไปดูที่โรงงานส่งออกกระเทียม อืมดูดี สะอาดตา ตามมาตรฐาน GMP, HACCP หลังจากคุยกับผู้ประกอบการแล้ว เราก็ไปตระเวณดูกระเทียมที่เก็บสต๊อกไว้ตามบ้าน(ไปกันเอง) กระเทียมที่สต๊อกในโรงงานจะมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ที่บ้านเกษตรกร เมื่อจะต้องตัดแต่งเพื่อส่งออก ลูกสวนก็จะนำไปส่ง สถานที่เก็บสต๊อก ไม่อยากเรียกว่าโรงเรือน มันดูดีเกินไป สถานที่เก็บคล้ายๆกัน คือเป็นเพิง มุงหญ้า ผนังเป็นไม้ซีกขัดสานห่างๆ กระเทียมอยู่ในถุงตาข่ายกองอยู่บนพื้นดิน ไม่ไกลออกไปจะมียามเฝ้าเป็นจุดๆ กลางวันชาวบ้านก็จะอยู่ในสวน ก็จะให้สุนัขเฝ้า พันธุ์ยอดนิยมก็โดเบอร์แมน ดุ เห่าเสียดัง มันก็ทานและขับถ่ายอยู่แถวนั้น อุจจาระกระจายเกลื่อนเต็มพื้น รอบๆกองกระเทียม เหม็นมาก เดินดูกระเทียมต้องเอาผ้าอุดจมูกด้วย ลองนึกสิว่าถ้าคุณทำอาหารประเภทยำ ที่ต้องใช้กระเทียมสด จะเป็นยังไง หลังจากทริบนั้น เราก็เลิกซื้อกระเทียมในห้างเลย กลับตวจ.ทีก็ซื้อกระเทียมมาตุนไว้ อ้อ เขาใส่ปุ๋ยให้กระเทียมไงคับ :P พอจะเอามาปรุงอาหารก็ต้องล้างน้ำก่อน :wanwan004: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: JOWPAA ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 00:38:24 มีความรู้สึกว่าฝรั่งคิดว่า ของไทยต้องถูก แพงไม่ได้ เหมือนมีสเตริโอไทป์ในหัวเลยอ่ะค่ะ ทั้งๆที่ของคนประเทศเราสวยๆและดีมีมากมาย เคยทำงานที่เมกา เพื่อนร่วมงานเวลามันช้อปก็จะมาถามเราว่าแพงไปมั้ย คือ มันก็ถูกมากอยู่แล้ว แต่มันคิดว่าของไทยต้องถูกมากๆ แะไรแบบนี้
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: Sub ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 08:11:53 ขอบคุณมากเลยครับ รอติดตาม
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 11:50:52 เข้าเรื่องกระเทียมกันค่ะ ที่จริงมีหลายเรื่อง แต่ขอยกเรื่องกระเทียมมาเป็นตัวอย่าง อยากให้คิดให้ดีก่อนที่จะซื้อสินค้าจีนบริโภค บางคนคิดว่าไม่บริโภคนมผงก็พอ แค่นั้นไม่พอหรอกค่ะ กระเทียมหัวใหญ่ๆ ขาวๆ สวยๆ ที่ขายตามห้าง อันนั้นคือกระเทียมจีน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราไปตระเวณดูสินค้าตามปกติ เป้าหมายหนึ่งคือไปดูแหล่งผลิตกระเทียม เริ่มแรกก็ไปดูที่โรงงานส่งออกกระเทียม อืมดูดี สะอาดตา ตามมาตรฐาน GMP, HACCP หลังจากคุยกับผู้ประกอบการแล้ว เราก็ไปตระเวณดูกระเทียมที่เก็บสต๊อกไว้ตามบ้าน(ไปกันเอง) กระเทียมที่สต๊อกในโรงงานจะมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ที่บ้านเกษตรกร เมื่อจะต้องตัดแต่งเพื่อส่งออก ลูกสวนก็จะนำไปส่ง สถานที่เก็บสต๊อก ไม่อยากเรียกว่าโรงเรือน มันดูดีเกินไป สถานที่เก็บคล้ายๆกัน คือเป็นเพิง มุงหญ้า ผนังเป็นไม้ซีกขัดสานห่างๆ กระเทียมอยู่ในถุงตาข่ายกองอยู่บนพื้นดิน ไม่ไกลออกไปจะมียามเฝ้าเป็นจุดๆ กลางวันชาวบ้านก็จะอยู่ในสวน ก็จะให้สุนัขเฝ้า พันธุ์ยอดนิยมก็โดเบอร์แมน ดุ เห่าเสียดัง มันก็ทานและขับถ่ายอยู่แถวนั้น อุจจาระกระจายเกลื่อนเต็มพื้น รอบๆกองกระเทียม เหม็นมาก เดินดูกระเทียมต้องเอาผ้าอุดจมูกด้วย ลองนึกสิว่าถ้าคุณทำอาหารประเภทยำ ที่ต้องใช้กระเทียมสด จะเป็นยังไง หลังจากทริบนั้น เราก็เลิกซื้อกระเทียมในห้างเลย กลับตวจ.ทีก็ซื้อกระเทียมมาตุนไว้ อ้อ เขาใส่ปุ๋ยให้กระเทียมไงคับ :P พอจะเอามาปรุงอาหารก็ต้องล้างน้ำก่อน :wanwan004: พี่เคยไปเที่ยว ที่นั้นที่จีน สวนผักของเขาก็ใฃ้ อุจจาระ ของพวกเรารดค่ะ ไม่ได้รดตรงโคนลำต้นนะคะ พวกคะน้ากวางตุ้งรดให้ชุ่มเลย ปุ๋ยอินทรีย์อย่างดี :wanwan004: :wanwan004: เคยไปที่บ่อเลี้ยงปลาดุกของไทยไหมค่ะ เข่าจะทำเป็นตระแกรง เอาขี้ไก้ขี้เป้ดใส่ไปบนนั้น จากนั้นมีแมลงวันมาฟักไข่ ก็จะกลายเป็นหนอนตกลงไปในบ่อปล่า ปลาก็กินไป พวกเราก็กินยำปลาดุกฟู รสอุมามิกัน นะฮาฟ [/color] หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 16:42:43 เข้าเรื่องกระเทียมกันค่ะ ที่จริงมีหลายเรื่อง แต่ขอยกเรื่องกระเทียมมาเป็นตัวอย่าง อยากให้คิดให้ดีก่อนที่จะซื้อสินค้าจีนบริโภค บางคนคิดว่าไม่บริโภคนมผงก็พอ แค่นั้นไม่พอหรอกค่ะ กระเทียมหัวใหญ่ๆ ขาวๆ สวยๆ ที่ขายตามห้าง อันนั้นคือกระเทียมจีน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราไปตระเวณดูสินค้าตามปกติ เป้าหมายหนึ่งคือไปดูแหล่งผลิตกระเทียม เริ่มแรกก็ไปดูที่โรงงานส่งออกกระเทียม อืมดูดี สะอาดตา ตามมาตรฐาน GMP, HACCP หลังจากคุยกับผู้ประกอบการแล้ว เราก็ไปตระเวณดูกระเทียมที่เก็บสต๊อกไว้ตามบ้าน(ไปกันเอง) กระเทียมที่สต๊อกในโรงงานจะมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ที่บ้านเกษตรกร เมื่อจะต้องตัดแต่งเพื่อส่งออก ลูกสวนก็จะนำไปส่ง สถานที่เก็บสต๊อก ไม่อยากเรียกว่าโรงเรือน มันดูดีเกินไป สถานที่เก็บคล้ายๆกัน คือเป็นเพิง มุงหญ้า ผนังเป็นไม้ซีกขัดสานห่างๆ กระเทียมอยู่ในถุงตาข่ายกองอยู่บนพื้นดิน ไม่ไกลออกไปจะมียามเฝ้าเป็นจุดๆ กลางวันชาวบ้านก็จะอยู่ในสวน ก็จะให้สุนัขเฝ้า พันธุ์ยอดนิยมก็โดเบอร์แมน ดุ เห่าเสียดัง มันก็ทานและขับถ่ายอยู่แถวนั้น อุจจาระกระจายเกลื่อนเต็มพื้น รอบๆกองกระเทียม เหม็นมาก เดินดูกระเทียมต้องเอาผ้าอุดจมูกด้วย ลองนึกสิว่าถ้าคุณทำอาหารประเภทยำ ที่ต้องใช้กระเทียมสด จะเป็นยังไง หลังจากทริบนั้น เราก็เลิกซื้อกระเทียมในห้างเลย กลับตวจ.ทีก็ซื้อกระเทียมมาตุนไว้ อ้อ เขาใส่ปุ๋ยให้กระเทียมไงคับ :P พอจะเอามาปรุงอาหารก็ต้องล้างน้ำก่อน :wanwan004: พี่เคยไปเที่ยว ที่นั้นที่จีน สวนผักของเขาก็ใฃ้ อุจจาระ ของพวกเรารดค่ะ ไม่ได้รดตรงโคนลำต้นนะคะ พวกคะน้ากวางตุ้งรดให้ชุ่มเลย ปุ๋ยอินทรีย์อย่างดี :wanwan004: :wanwan004: เคยไปที่บ่อเลี้ยงปลาดุกของไทยไหมค่ะ เข่าจะทำเป็นตระแกรง เอาขี้ไก้ขี้เป้ดใส่ไปบนนั้น จากนั้นมีแมลงวันมาฟักไข่ ก็จะกลายเป็นหนอนตกลงไปในบ่อปล่า ปลาก็กินไป พวกเราก็กินยำปลาดุกฟู รสอุมามิกัน นะฮาฟ [/color] ขอเซ็นเซอร์คำว่า รดให้ชุ่ม มโนภาพมันชัดมาก อันนี้ก็เป็นหนึ่งในขบวนการผลิตแบบซุปเปอร์ลีนของเค้าละ ทานผักจีนปลอดภัย ไม่ต้องกลัวยาฆ่าแมลงเพราะกางมุ้งปลูก แต่ต้องล้างให้ดี ดีขนาดไหนก็ต้องนึกถึงว่าเรามีของกินที่ถูกราดรดด้วยอุจจาระมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เรายังอยากที่จะทานมันเข้าไป แล้วเราจะต้องล้างมันให้สะอาดขนาดไหน ก็ตามนั้น 555555 หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: loveteeruk ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 16:55:14 รอฟังคร้าบ +1 เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 17:39:05 ก่อนเข้าเรื่องขายออนไลน์ เราต้องขอบอกก่อนค่ะว่า เราไม่มีเทคนิกขั้นเทพใดๆมาเปิดเผย คือไม่มีจะมาเปิดเผยนะค่ะ บอกไว้ก่อนจะได้ไม่ผิดหวังกัน ขายแบบบ้านๆ ลองผิดลองถูก ติดขัดอะไรก็หาใน amazon.com ebay.com ตอนนี้สบายขึ้นมาหน่อย ติดอะไรก็โพสต์ถามเจ๊ Trudy 5555
ถ้าต้องการเทคนิกการขายบนอีเบย์ แนะนำกระทู้ของเจ๊ Trudy ถ้าต้องการเทคนิกการขายบนอเมซอน แนะนำกระทู้ของคุณ Dejkoet อืมแต่ก็พอจะมีก็แต่กลยุทธ์เล็กๆน้อยๆใช้กับเค้าอยู่บ้างเหมือนกันนะ แต่ใช้ฟุ่มเฟือยไม่ได้ อย่าง ฆ่าได้หยามไม่ได้ (เวลาขายสินค้าแมสแล้วถูกเจ้าใหญ่ดัมพ์ราคา แกดั๊มมาข้าดั๊มกลับ) ทุบหม้อข้าวหม้อแกง(เวลาจะเปิด product line ใหม่ ทุบกระปุกซื้อสินค้า) กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง(อั๊ยยะอันนี้ทำให้สินค้าขึ้นหน้าแรกในอเมซอนได้เชียวนา) หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 18:55:11 อืมแต่ก็พอจะมีก็แต่กลยุทธ์เล็กๆน้อยๆใช้กับเค้าอยู่บ้างเหมือนกันนะ แต่ใช้ฟุ่มเฟือยไม่ได้ อย่าง ฆ่าได้หยามไม่ได้ (เวลาขายสินค้าแมสแล้วถูกเจ้าใหญ่ดัมพ์ราคา แกดั๊มมาข้าดั๊มกลับ) ทุบหม้อข้าวหม้อแกง(เวลาจะเปิด product line ใหม่ ทุบกระปุกซื้อสินค้า) กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง(อั๊ยยะอันนี้ทำให้สินค้าขึ้นหน้าแรกในอเมซอนได้เชียวนา) ถูก..............ต้องนะฮาฟ :wanwan013: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: Thanks ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 19:22:18 ขอบคุณ ทุกคำตอบ ได้ความรู้เพิ่ม มากขึ้น เยอะๆๆ +1 ค่ะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: Yellowman ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 19:48:11 ช่วงแรกเราขอสับๆๆสินค้าจีนก่อนนะคะก่อนจะวกเข้าเรื่องขายของออนไลน์ ตอนท้ายๆต้องขออภัยผู้นิยมบริโภคกระเทียมจีนด้วยนะ อ่านแล้วอาจทำใจใช้กระเทียมจีนทำอาหารไม่ลง มันเริ่มจากการที่เราไปตระเวณดูสินค้าในหลายๆประเทศ ทุกๆครั้งที่ไปจีน เวียดนาม มันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เวียดนามที่เคยเป็นแหล่งผลิตเสื้อผ้าที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันเหลือเฉพาะโรงงานที่รับผลิตให้แบรนด์ แต่ร้านขายเสื้อผ้าในเวียดนามยังเยอะมากเหมือนเดิม ขายของจีนเป็นส่วนใหญ่ อุตสาหกรรมหลายๆประเภทที่ต้องปิดตัวลงเพราะสู้กับสินค้าจีนไม่ได้ เราไปจีนบ่อยมาก ยิ่งไปยิ่งอยากเลิกติดต่อค้าขายกับคนจีน คนจีนส่วนใหญ่ใฝ่ฝันที่จะรวย อยากมีชีวิตที่หรูหรา พ่อค้าแม่ค้าจีน tricky มากๆ กลับมาเรื่องของสินค้าจีน นอกจากคำถามว่าทำไมสินค้าจีนราคาถูก อีกคำถามที่น่าสนใจคือสินค้าจีนมันจะถูกอย่างนี้ต่อไปมั้ย ถ้าหากโรงงานผลิตในไทยเจ๊งหมดแล้ว คำตอบก็คืออาจจะ ปัจจัยที่ทำให้จีนผลิตสินค้าได้ถูกหลายอย่างมาจากการสนับสนุนของรัฐ ถ้ารัฐเลิกอุดหนุน เวลานั้นสินค้าจีนคงมีราคาสูงขึ้น ต่อไปเราต้องอยู่ในสภาพจำยอมใช้สินค้าด้อยคุณภาพแต่ราคาไม่ถูก มาดูกันว่าทำไมสินค้าจีนถึงราคาถูก ปัจจัยทุกๆด้านส่งเสริมให้สินค้าจีนราคาถูก รัฐบาลจีนเค้าวางแผนเก่ง 1. การจัด zoning ทำให้บริหารจัดการง่าย สามารถนำเข้าวัตถุดิบล็อตใหญ่ แล้วไปแบ่งขายให้กับผู้ผลิตรายย่อย การบริหารจัดการแรงงานและขนส่งก็ทำได้ง่าย 2. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม แต่การเมืองแบบสังคมนิยม นอกจากบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลได้ง่าย ยังทำให้มีความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนมาก กลุ่มคนรวยมีน้อยแต่รวยมากๆ คนจนก็จนแท้ๆและมีมาก จีนจึงเป็นแหล่งทรัพยากรแรงงานราคาถูก 3. คนจีนเป็นคนขยัน ไม่เกี่ยงงาน แรงงานคนหนึ่งจะสามารถผลิตชิ้นงานได้มากกว่าแรงงานในประเทศอื่น 4. ผลิตสินค้าแบบซุปเปอร์ลีน ลดต้นทุนทุกขั้นทุกตอน เน้นของถูก 5. รัฐให้การอุดหนุน เริ่มตั้งแต่ดอกเบี้ยเงินกู้ ภาษี เจรจาเพื่อลดเงื่อนไข+ภาษีในประเทศคู่ค้า ช่วยผู้ประกอบการแม้กระทั่งให้เงินอุดหนุนเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเอาสินค้าเข้าแข่งขันในตลาดได้ เพื่อนคนจีนต้องการเอาพริกมาขายที่ไทย แต่สู้ราคาพริกในไทยไม่ได้ รัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนต่อตู้ ขอแค่ให้เอาพริกเข้ามาขายในไทยได้ 6. รัฐช่วยสกัดกั้นการนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นที่มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดจีน เราเจอจาก FTA เลย นำเข้าผลไม้จีนมันปลอดภาษีจริงๆ เสียค่าเคลียร์ตู้ละสองหมื่นกว่า แต่พอสินค้าเราเข้าไป ค่าใช้จ่ายตกตู้ละแสนกว่า ภาษีนำเข้าถูกปรับให้เป็นศูนย์จริง แต่เรียกเก็บเป็นภาษีเฉพาะแทนคำว่าภาษีนำเข้า 7. ผู้ขายจีนเน้นขายของปริมาณมาก กำไรต่อชิ้นน้อย เป็นนิสัยของคนจีน ขอให้เกิดดีลแรกก่อน ต่อมาค่อยหาจังหวะ ช่องทางทำกำไรเพิ่ม หรือหาทางที่จะมาเมืองไทย มาดูตลาดที่คู่ค้าไทยขาย แล้วก็หาทางนำเข้ามาขายเอง สินค้าจีนราคาถูกจริงๆ ระบาดหนักในไทยไม่ใช่แค่เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน สินค้าแฟชั่น เท่านั้น สินค้าที่เราๆคาดไม่ถึง อย่างปูนซีเมนต์ ปูนจีนขายถูกกว่าปูนไทยเกือบครึ่ง กล่องกระดาษจีนนำเข้าแล้วยังถูกกว่าผลิตในไทย แหล่งเครื่องเงินที่ถนนข้าวสารที่ฝรั่งมาซื้อกลับไปขาย นั่นก็นำเข้าจากจีน/ฮ่องกง ผ้าปูที่นอนจีนขายส่ง 80 บาท ผ้าปูที่นอนไทย 300 อัพ(แต่คุณภาพดีกว่าเยอะ) เมาส์จีนต้นทุน 5-10 บาท(ขายในห้างร้อยกว่า) เคสมือถือ ไอแพด ฯลฯ แล้วเจ้าของกระทู้เคย คิดว่ากระเทียมไทยสะอาดไหมครับ กระเทียมไหนก็เหมือนกันในโลก เพราะผมเคยไปช่วยเพื่อนถอนกระเทียมที่เชียงใหม่ ก็ไม่ต่างจากจีนหรอกครับ พอถอนต้องเอาไปวางบนดินที่อุดมด้วยมูลสัตว์ก่อนแล้วค่อยไปพัก ที่คอกวัว ผมเห็นมากับตา หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: m16team47 ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 19:59:49 ผลไม้ พืช ผัก พื้นฐานมาจากขี้ทั้งนั้นแหละครับท่าน เป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นต้นกำเหนิดของมัน เห็นแต่ตอนเป็นผล พร้อมกินแล้วก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นขี้หมาก็เป็นเหมือนปุ๋ยคอกทั่วไปครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: steelheros ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 20:07:42 เข้ามาฟังด้วยคนคร้าบผม :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: lahms ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 07:42:44 เข้าเรื่องกระเทียมกันค่ะ ที่จริงมีหลายเรื่อง แต่ขอยกเรื่องกระเทียมมาเป็นตัวอย่าง อยากให้คิดให้ดีก่อนที่จะซื้อสินค้าจีนบริโภค บางคนคิดว่าไม่บริโภคนมผงก็พอ แค่นั้นไม่พอหรอกค่ะ กระเทียมหัวใหญ่ๆ ขาวๆ สวยๆ ที่ขายตามห้าง อันนั้นคือกระเทียมจีน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราไปตระเวณดูสินค้าตามปกติ เป้าหมายหนึ่งคือไปดูแหล่งผลิตกระเทียม เริ่มแรกก็ไปดูที่โรงงานส่งออกกระเทียม อืมดูดี สะอาดตา ตามมาตรฐาน GMP, HACCP หลังจากคุยกับผู้ประกอบการแล้ว เราก็ไปตระเวณดูกระเทียมที่เก็บสต๊อกไว้ตามบ้าน(ไปกันเอง) กระเทียมที่สต๊อกในโรงงานจะมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ที่บ้านเกษตรกร เมื่อจะต้องตัดแต่งเพื่อส่งออก ลูกสวนก็จะนำไปส่ง สถานที่เก็บสต๊อก ไม่อยากเรียกว่าโรงเรือน มันดูดีเกินไป สถานที่เก็บคล้ายๆกัน คือเป็นเพิง มุงหญ้า ผนังเป็นไม้ซีกขัดสานห่างๆ กระเทียมอยู่ในถุงตาข่ายกองอยู่บนพื้นดิน ไม่ไกลออกไปจะมียามเฝ้าเป็นจุดๆ กลางวันชาวบ้านก็จะอยู่ในสวน ก็จะให้สุนัขเฝ้า พันธุ์ยอดนิยมก็โดเบอร์แมน ดุ เห่าเสียดัง มันก็ทานและขับถ่ายอยู่แถวนั้น อุจจาระกระจายเกลื่อนเต็มพื้น รอบๆกองกระเทียม เหม็นมาก เดินดูกระเทียมต้องเอาผ้าอุดจมูกด้วย ลองนึกสิว่าถ้าคุณทำอาหารประเภทยำ ที่ต้องใช้กระเทียมสด จะเป็นยังไง หลังจากทริบนั้น เราก็เลิกซื้อกระเทียมในห้างเลย กลับตวจ.ทีก็ซื้อกระเทียมมาตุนไว้ อ้อ เขาใส่ปุ๋ยให้กระเทียมไงคับ :P พอจะเอามาปรุงอาหารก็ต้องล้างน้ำก่อน :wanwan004: พี่เคยไปเที่ยว ที่นั้นที่จีน สวนผักของเขาก็ใฃ้ อุจจาระ ของพวกเรารดค่ะ ไม่ได้รดตรงโคนลำต้นนะคะ พวกคะน้ากวางตุ้งรดให้ชุ่มเลย ปุ๋ยอินทรีย์อย่างดี :wanwan004: :wanwan004: เคยไปที่บ่อเลี้ยงปลาดุกของไทยไหมค่ะ เข่าจะทำเป็นตระแกรง เอาขี้ไก้ขี้เป้ดใส่ไปบนนั้น จากนั้นมีแมลงวันมาฟักไข่ ก็จะกลายเป็นหนอนตกลงไปในบ่อปล่า ปลาก็กินไป พวกเราก็กินยำปลาดุกฟู รสอุมามิกัน นะฮาฟ [/color] ขอเซ็นเซอร์คำว่า รดให้ชุ่ม มโนภาพมันชัดมาก อันนี้ก็เป็นหนึ่งในขบวนการผลิตแบบซุปเปอร์ลีนของเค้าละ ทานผักจีนปลอดภัย ไม่ต้องกลัวยาฆ่าแมลงเพราะกางมุ้งปลูก แต่ต้องล้างให้ดี ดีขนาดไหนก็ต้องนึกถึงว่าเรามีของกินที่ถูกราดรดด้วยอุจจาระมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เรายังอยากที่จะทานมันเข้าไป แล้วเราจะต้องล้างมันให้สะอาดขนาดไหน ก็ตามนั้น 555555 อืมมมม ได้กลิ่นเลยอ่ะ!!! :wanwan004: :wanwan004: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: cloudsphere ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 10:22:46 เข้ามาเก็บข้อมูลด้วย ขอบคุณครับ :wanwan003:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: mosmf ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 11:07:27 เข้ามาเก็บข้อมูล ขอบคุณครับ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: Biggget ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 11:09:14 :wanwan011: เก็บข้อมูล ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: bullybrandname ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 11:45:57 เข้ามาสอดแนม
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 14:33:23 ความเคยชินของคนอเมริกัน
มาทำความรู้จักกับลูกค้ากันค่ะ คนอเมริกันโดยส่วนใหญ่เป็นคนที่ซื่อสัตย์ มีความรับผิดชอบต่อสังคม ชอบความตรงไปตรงมา แต่พฤติกรรมการซื้อขายถูกสปอยล์จากการแข่งขันในตลาดมากไปหน่อย ดูอย่างการซื้อของในห้าง เรื่องรับการคืนสินค้าเป็นเรื่องปกติมาก สินค้าทั่วไปสามารถคืนภายใน 3 เดือน สินค้าอิเลกทรอนิกส์คืนภายใน 1 เดือน (อาจจำสสับกัน) ประมาณนี้ แต่คนอเมริกันถ้าไม่มีปัญหาจริงๆก็จะไม่ค่อยคืนของ สินค้าที่ห้างรับคืน เค้าจะต้องไปขายในราคาของ open box หรือ refurbished การให้บริการของห้างร้าน หน่วยงานของรัฐ ธนาคาร ... ก็แนวๆเดียวกัน แบบอเมริกัน ไม่ได้พูดหวานหรืออะไรมากมาย แต่เรารู้สึกได้คือความเต็มใจให้บริการ เมื่อเดินเข้าร้าน คนขายจะไม่ค่อยเดินตามเราเพื่อคอยช่วยเหลือเหมือนอย่างในเมืองไทย เค้าก็จะอยู่ที่เค้าเตอร์ แต่ถ้าเราต้องการความช่วยเหลือ เค้าช่วยแบบจัดเต็มจริงๆ อันนี้เป็นพฤติกรรมส่วนใหญ่ที่เคยเจอนะคะ อาจจะไม่ใช่ 100% คนอเมริกันเคยชินกับสินค้าดีราคาถูก เค้าจะไม่ค่อยตามเทรนแฟชั่นเหมือนทางฝั่งยุโรป ส่วนใหญ่ซื้อของกันตามความชอบส่วนตัว ตามสไตล์ที่ชอบ สินค้าแบรนด์เนมในอเมริกาต้องแข่งขันกันสูงมาก เพื่อดึงดูดลูกค้า ทุกๆช้อปของแบรนด์ต่างๆ จะมีสินค้าทุกราคา เอาไว้ให้กับลูกค้า ใครชอบไป outlet ก็จะรู้ดี สินค้าดีราคาถูก เราเคยซื้อเสื้อยืด GAP ตัวละ $2.5, Roxy $7, American Eagle $5-7, Banana republic $15, Adidas $3-5, Polo $7, Victoria secret $3-5, Clinic repairwear $25 เครื่องสำอางค์แบรนด์ในเครือ Estee lauder ซื้อที่ outlet ได้ในราคา $15-$30 นาฬิกาในเครือ Armani (Fossil $15-25, DKNY $15-$25, Emporio Armani $30-$100) อันนี้เป็นแบรนด์ที่เคยซื้อ เพื่อนเคยซื้อกระเป๋าตัง coach ใบละ $10 ใครชอบซื้อของแบรนด์จากเฟซก็ดูราคาต้นทุนได้ตามนี้ + ค่าหิ้ว สินค้าจีนส่วนใหญ่จะอยู่ในห้างอย่าง walmart, หรือร้าน 1 เหรียญ สินค้าขายดีส่วนใหญ่จะเป็นพวกกิฟช้อป เสื้อผ้าจีนจะขายไม่ค่อยดีเพราะซักอบแล้วไม่หดก็ย้วย และมีราคาแพงกว่าสินค้าแบรนด์ สินค้าแบรนด์ก็ลดราคาเร็วมาก ถ้าไม่รีบ รอซัก 6 เดือน สินค้าที่ออกใหม่จะไปอยู่ในห้าง Ross, TJMax หรือใน Outlet แล้ว ช้อปใน mall ก็จะมีสินค้าลดราคาติดร้านไว้ตลอดเพื่อเรียกลูกค้า จะนั่งจะเดินจะนอน เราก็จะใช้สินค้าแบรนด์พวกนี้ตลอด ใส่สบาย ถูก เดี๋ยวมาต่อค่ะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 15:01:37 ขอย้อนกลับไปเรื่องกระเทียมนิดนะคะ ตอบแบบรวมๆ
เราไม่ได้ไปตระเวณดูสินค้าจีนอย่างเดียว เวียดนาม ไทย เราก็ดู เราตระเวณดูการผลิตสินค้าเกษตรไทยมาเกือบครบทุกจังหวัด ก่อนที่จะไปดูของจีนกับเวียดนาม เรื่องกระเทียมนั้นเรายกตัวอย่างให้ดู บางทีอาจจะเขียนเกินไปหน่อยก็ต้องขออภัย แค่อยากชี้ประเด็นว่า คนจีน(แผ่นดินใหญ่)ส่วนใหญ่มีเป้าหมายคือความมั่งคั่ง การมีชีวิตที่หรูหรา นิสัยส่วนใหญ่คือ ขยัน อดทด ประหยัด และอีกอย่างที่จะเพิ่มให้คือความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมีน้อยเมื่อเทียบกับชนชาติอื่น เดินตามถนนก็จะรู้ กลิ่นมาก่อน ขยะเกลื่อน เวียดนามยังดูสะอาดตากว่า แต่ด้วยการก่อสร้างค่อนข้างเยอะ เมืองจึงเต็มไปด้วยฝุ่น นิสัย+ความเคยชินของคนจีนก็จะสะท้อนออกมาในผลิตภัณฑ์ของเค้าด้วย ผลิตภัณฑ์ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นหนักไปในการลดต้นทุน ไม่ค่อยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ ส่วนเรื่องผัก สำหรับเราไม่ไช่แค่ตระเวณดู เราปลูกผักขายตั้งแต่ประถม วัยเด็กครอบครัวเรายากจนมาก ตาม format ของครอบครัวคนอีสานที่ผู้นำครอบครัวขาดความรู้ ความรับผิดชอบ ยายไปขอใช้ที่ข้างบ้านซึ่งเป็นที่ดินที่คนมีตังซื้อเอาไว้มาปลูกผักขาย เราไม่ได้เรียนอนุบาลเพราะที่บ้านไม่มีตัง เข้าเรียนชั้นแรกคือป.1 ตอน 7 ขวบ ก่อนไปเรียน เราต้องทำงานบ้าน และรดน้ำผักก่อน เลิกเรียนก็ดิ่งกลับบ้าน ทำงานบ้านเสร็จก็รีบเข้าไปดูแลแปลงผัก ช่วยยายเก็บผักมาล้างแล้วก็มัดเป็นกำๆ กว่าจะเสร็จงานแต่ละวันเกือบเที่ยงคืน แล้วยายก็เอาไปขายตอนเช้ามืด ส่วนวันเสาร์อาทิตย์เราก็ติดสอยห้อยตามยายไปทำงานรับจ้างทั่วไป รับจ้างเก็บเกี่ยวบ้าง บางวันก็เย็บกระสอบอยู่ที่บ้าน ชีวิตเราก็ตามนั้น เราเคยปลูกประเทียม เพื่อเก็บเป็นกระเทียมแห้งไว้ขาย เมื่อผ่านขั้นตอนทุกอย่าง กระเทียมก็จะเก็บโดยการแขวนเอาไว้ เก็บดีกว่ากระเทียมจีนแน่นอน หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 15:42:56 ต่อค่ะ
ห้าง Ross, TJmax ร้าน 1 เหรียญ มีกระจายอยู่เกือบทุกเมือง ดังนั้นการจะเอาเสื้อผ้าแฟชั่นที่ซื้อจากจีน หรือสินค้าจีนขึ้นขายบนเวบก็จะเหนื่อยซักหน่อย 1. เสื้อผ้าซักอบแล้วมันมีโอกาสที่จะไม่คงสภาพ โอกาสจะได้ negative feedback ก็จะสูง 2. สินค้ากิฟช้อป ก็ต้องแข่งขันกับร้านหนึ่งเหรียญ ร้านหนึ่งเหรียญมีหลายแบรนด์มาก มีกระจายเกือบทุกเมือง เมืองละหลายๆร้าน 3. โอกาสที่ลูกค้าขอคืนสินค้าสูง รูปสวย แต่พอลูกค้าได้รับของ อาจไม่พอใจ ขอคืนสินค้า 4. ขายของจีนต้องแข่งขันกับคนจีน คนอเมริกันที่นำเข้า และผู้ขายชาติอื่นๆที่นำเข้าสินค้าจีนเหมือนกับไทย 5. กำไรต่อชิ้นต่ำเพราะการแข่งขันสูง ต้องส่งพัสดุย่อยถึงจะสู้ราคาเจ้าอื่นได้ การส่งพัสดุย่อยในปริมาณมากๆ จะทำให้เราเหนื่อย % on time ค่อนข้างต่ำ บางประเทศก็ Track ไม่ได้ ที่สำคัญ บริการพัสดุย่อยของไทยยังห่างชั้นกับไปรษณีย์จีน ฮ่องกง เทียบไม่ติดเลยกับ usps-first class mail (ถูก+เร็วมาก+track ได้) 6. ต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อสินค้าเราติดตลาด โอกาสที่จะถูกก๊อปก็มีสูง 7. ต้องมีการปรับลิสติ้ง ปรับราคาบ่อยๆ เมื่อมีเจ้าอื่นปรับราคาลง เราอาจจะต้องปรับตาม ตัดกันไปตัดกันมาเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้จะเป็นข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ห้าง ross หรือห้างอื่นๆก็มีสินค้าแบรนด์ลดราคาติดร้านไว้เหมือนกัน อุปกรณ์กีฬาก็เหมือนกัน ห้างใหญ่อย่าง Sports authority(Gard sports), Al’s sports ก็มีวิธีการขายเหมือนช้อปสินค้าแบรนด์เนมทั่วไป มีทั้งสินค้าราคาเต็มและสินค้าลดราคา แต่ก็ใช่ว่าขายของจีนจะไม่ประสบความสำเร็จนะ เราพูดถึงภาพรวมๆ เราว่าก็คงมีนักขายที่ขายสินค้าจีนแล้วรวยเหมือนกัน แต่คงต้องมีเทคนิกเฉพาะ สินค้าจีนก็ใช่ว่าจะไม่ดีไปเสียหมด ดีๆก็มี บางอย่างเราก็ชอบตั้งแต่เด็กยันแก่ อย่างหนังจีนกำลังภายใน อันนี้เป็นสินค้าจีนที่เราชอบมาก ปัจจุบันนี้ก็ยังชอบอยู่ แต่ออกจะติเรื่องใส่เอฟเฟคมากไปหน่อย ถ้าใครมีความคิดเห็นหรือสงสัยอะไรก็ถามได้ค่ะ คราวหน้าเราจะเริ่มเขียนเรื่องการขายสินค้าไทย แต่อาจจะมาช้าสักหน่อย ตอนเปิดกระทู้ เป็นวันที่ order น้อย เลยหาอะไรทำ แต่ก็ลืมนึกไปว่ามันเป็นวันฮาโลวีน ตอนนี้ order เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว เราอาจจะมาแบบกระปริดกระปรอยนะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: koko1001 ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 18:44:57 :-[ เข้ามารอตามอ่านค่ะ เก็บความรู้เพื่อไปต่อยอด
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: birdy2515 ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 19:51:46 ลงชื่อไว้ก่อน ไว้ค่อยทยอยอ่าน ขอบคุณจขกท.มากคะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: wan.wan ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 19:57:20 :wanwan017: +1 ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: MikaylaMendez ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 20:56:09 เขียนได้ดีมากครับ บรรยายได้เข้าใจง่าย
ชอบครับ รอติดตาม หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: fullwave ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 21:23:00 เขียนได้สนุกมากครับ
น่าติดตาม ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: akira_s ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 21:26:55 มารอติดตามคับผม :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: kogcadoo ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 21:42:01 ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้ดีมากเลย +1 ให้ครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 22:11:24 เพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าจีนนิดหน่อยค่ะ
ความหลากหลายของสินค้าจีนเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับ บางครั้งสินค้าที่หาซื้อที่อื่นไม่ได้แต่ก็ยังหาซื้อได้ที่จีน การจะขายสินค้าจีนให้ได้กำไรอย่างยั่งยืน จะต้องทำการบ้านหนักหน่อย คงไม่ใช่แค่เดินไปหยิบสินค้าที่วางขายตามสำเพ็งมาลงขาย จะต้องค้นหาสินค้าดีๆถูกๆให้เจอ ศึกษาวิธีทำการตลาด หาวิธีการสร้างให้ความโดดเด่น หาวิธีดึงดูดลูกค้า สร้างความแตกต่างในการขายให้ได้ และที่สำคัญเตรียมวิธีรับมือกับการเลียนแบบ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: asbot1 ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 22:22:09 เนื้อหามาเรื่อยๆ เลยนะเนี้ย ต้องมาอ่านบ่อยๆและ ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: รุ่งเรืองตลอดกาล ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 22:29:51 วิดิโอ แฉ!-น้ำมันปรุงอาหารจากท่อระบายน้ำในจีน
http://video.sanook.com/player/515384/%E0%B9%81%E0%B8%89!-%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99 หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: hackengine ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 22:40:20 ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ครับ :wanwan017: :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 23:40:32 เราขายสินค้าให้คนจีนค่ะ คุณ April ช่วงที่นมผงจีนมีสารปนเปื้อน ได้กำไรมาสองแสนกว่า หลีงจากคุยกัน 3วัน คนจีนซื้อนมผงในeBay เยอะมาก แต่ราคาสูงเพราะคนขายใน eBay กักตุน ดังนั้นพี่น้องติดตามข่าวสารให้ดีนะคะ เงินจะลอยมาตรงหน้า ลูกค้าจีนถ้าเขาถูกใจใครแล้วเขาจะบอกเราเองว่า ทำไมเธอไม่เอาสินค้าตัวนั้นมาขาย ไม่ต้องหาสืนค้าให้เหนื่อยเปล่าๆ :wanwan007: :wanwan007:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 23:47:52 ก่อนเข้าเรื่องขายออนไลน์ เราต้องขอบอกก่อนค่ะว่า เราไม่มีเทคนิกขั้นเทพใดๆมาเปิดเผย คือไม่มีจะมาเปิดเผยนะค่ะ บอกไว้ก่อนจะได้ไม่ผิดหวังกัน ขายแบบบ้านๆ ลองผิดลองถูก ติดขัดอะไรก็หาใน amazon.com ebay.com ตอนนี้สบายขึ้นมาหน่อย ติดอะไรก็โพสต์ถามเจ๊ Trudy 5555 ถ้าต้องการเทคนิกการขายบนอีเบย์ แนะนำกระทู้ของเจ๊ Trudy ถ้าต้องการเทคนิกการขายบนอเมซอน แนะนำกระทู้ของคุณ Dejkoet อืมแต่ก็พอจะมีก็แต่กลยุทธ์เล็กๆน้อยๆใช้กับเค้าอยู่บ้างเหมือนกันนะ แต่ใช้ฟุ่มเฟือยไม่ได้ อย่าง ฆ่าได้หยามไม่ได้ (เวลาขายสินค้าแมสแล้วถูกเจ้าใหญ่ดัมพ์ราคา แกดั๊มมาข้าดั๊มกลับ) ทุบหม้อข้าวหม้อแกง(เวลาจะเปิด product line ใหม่ ทุบกระปุกซื้อสินค้า) กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง(อั๊ยยะอันนี้ทำให้สินค้าขึ้นหน้าแรกในอเมซอนได้เชียวนา) เทคนิคขั้นเทพ ไม่มี ค่ะ แต่ ท่าน โปรเพสเซอร์ ฟิลลิป ที่เป็นอาจารย์ รู้เรื่องเกี่ยวกัยเมืองไทย เยอะ บอกว่า มันคือ อุ อา กะ สะ คาถาเศรษฐี ชยีนหา ขยีนออม ขยีนเก็บ กับทำสินค้าชอง้ราให้มันมีจุดขาย ต่างจากชาวบ้านค่ะ :wanwan003: :wanwan003: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 04 พฤศจิกายน 2013, 00:08:59 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan031: :wanwan031:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 04 พฤศจิกายน 2013, 00:36:21 เราขายสินค้าให้คนจีนค่ะ คุณ April ช่วงที่นมผงจีนมีสารปนเปื้อน ได้กำไรมาสองแสนกว่า หลีงจากคุยกัน 3วัน คนจีนซื้อนมผงในeBay เยอะมาก แต่ราคาสูงเพราะคนขายใน eBay กักตุน ดังนั้นพี่น้องติดตามข่าวสารให้ดีนะคะ เงินจะลอยมาตรงหน้า ลูกค้าจีนถ้าเขาถูกใจใครแล้วเขาจะบอกเราเองว่า ทำไมเธอไม่เอาสินค้าตัวนั้นมาขาย ไม่ต้องหาสืนค้าให้เหนื่อยเปล่าๆ :wanwan007: :wanwan007: สุดยอดแห่งการช่วงชิงจังหวะทำกำไรจริงๆ คุณ Trudy เดินดินไม่ได้แล้วละ แบบนี้เรียกว่าอาการของเทพ เหาะเหินได้ นับถือๆ ทำเอาเรารู้สึกว่าเป็นเด็กหัดเดินไปเลย หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 04 พฤศจิกายน 2013, 00:46:26 เราขายสินค้าให้คนจีนค่ะ คุณ April ช่วงที่นมผงจีนมีสารปนเปื้อน ได้กำไรมาสองแสนกว่า หลีงจากคุยกัน 3วัน คนจีนซื้อนมผงในeBay เยอะมาก แต่ราคาสูงเพราะคนขายใน eBay กักตุน ดังนั้นพี่น้องติดตามข่าวสารให้ดีนะคะ เงินจะลอยมาตรงหน้า ลูกค้าจีนถ้าเขาถูกใจใครแล้วเขาจะบอกเราเองว่า ทำไมเธอไม่เอาสินค้าตัวนั้นมาขาย ไม่ต้องหาสืนค้าให้เหนื่อยเปล่าๆ :wanwan007: :wanwan007: สุดยอดแห่งการช่วงชิงจังหวะทำกำไรจริงๆ คุณ Trudy เดินดินไม่ได้แล้วละ แบบนี้เรียกว่าอาการของเทพ เหาะเหินได้ นับถือๆ ทำเอาเรารู้สึกว่าเป็นเด็กหัดเดินไปเลย เราว่าคงเป็นอานิสงค์จากการที่เรามาคอบปัญหสใน บอร์ดนี้ด้วย เราทำการบ้านหนักนะคะ เช็คดู Niche Product ของแต่ละกลุ่ม ค่อยๆทำไป ส่วนใหญ่เรามีสินค้าเก็งกำไรในช่วงเวลาอันสั้น จะขายแบบ auction ทำ eBay วันละ 9 ชม :wanwan003: พรุ่งนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของเราแล้ว ถูกเลขท้าย 2 ตัว 5 คู่ :-[ จะเอาไปทำบุญ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 04 พฤศจิกายน 2013, 01:23:15 เราขายสินค้าให้คนจีนค่ะ คุณ April ช่วงที่นมผงจีนมีสารปนเปื้อน ได้กำไรมาสองแสนกว่า หลีงจากคุยกัน 3วัน คนจีนซื้อนมผงในeBay เยอะมาก แต่ราคาสูงเพราะคนขายใน eBay กักตุน ดังนั้นพี่น้องติดตามข่าวสารให้ดีนะคะ เงินจะลอยมาตรงหน้า ลูกค้าจีนถ้าเขาถูกใจใครแล้วเขาจะบอกเราเองว่า ทำไมเธอไม่เอาสินค้าตัวนั้นมาขาย ไม่ต้องหาสืนค้าให้เหนื่อยเปล่าๆ :wanwan007: :wanwan007: สุดยอดแห่งการช่วงชิงจังหวะทำกำไรจริงๆ คุณ Trudy เดินดินไม่ได้แล้วละ แบบนี้เรียกว่าอาการของเทพ เหาะเหินได้ นับถือๆ ทำเอาเรารู้สึกว่าเป็นเด็กหัดเดินไปเลย เราว่าคงเป็นอานิสงค์จากการที่เรามาคอบปัญหสใน บอร์ดนี้ด้วย เราทำการบ้านหนักนะคะ เช็คดู Niche Product ของแต่ละกลุ่ม ค่อยๆทำไป ส่วนใหญ่เรามีสินค้าเก็งกำไรในช่วงเวลาอันสั้น จะขายแบบ auction ทำ eBay วันละ 9 ชม :wanwan003: พรุ่งนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของเราแล้ว ถูกเลขท้าย 2 ตัว 5 คู่ :-[ จะเอาไปทำบุญ HBD ล่วงหน้านะฮาฟเจ๊ :wanwan007: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 04 พฤศจิกายน 2013, 02:29:01 สุขสันต์วันเกิดค่ะ คุณ Trudy ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 04 พฤศจิกายน 2013, 02:30:25 วิดิโอ แฉ!-น้ำมันปรุงอาหารจากท่อระบายน้ำในจีน [url]http://video.sanook.com/player/515384/%E0%B9%81%E0%B8%89[/url]!-%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99 ขอบคุณค่ะที่แชร์ค่ะ สยองจริงๆ ทำมาแล้วกว่าสิบปี ตรวจพบใน 13 เมืองใหญ่ของจีน ก่อนหน้านี้อึ้งกับ สาหร่ายปลอม ไข่ปลอม ซาลาเปาไส้หมูสับผสมกระดาษมาแล้ว แต่ก็ยังมีมาให้แปลกใจได้เรื่อยๆ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: sys2528 ที่ 04 พฤศจิกายน 2013, 10:17:13 ขอบคุณทุกท่านมากครับ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: piggyd ที่ 04 พฤศจิกายน 2013, 11:31:00 HBD และอนุโมทนา ล่วงหน้าค่ะ คุณ trudy เราเชื่อ จริงแท้แน่นอน ทำดีได้ดี ยินดีกับผู้อื่นเมื่อได้ดีค่ะ
ติดตามอ่านคุณ April07 ด้วยค่ะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 04 พฤศจิกายน 2013, 20:42:38 จุดเริ่มของการขายสินค้าไทย
เป็นเวลากว่าแปดปีที่เราขายของออนไลน์ เราขายสินค้าอินเทรนเป็นหลัก รูทีนของงานก็เหมือนกับการขายสินค้าแมสทั่วๆ เพราะมีการแข่งขันสูง หลักๆคือจะต้องทำการปรับราคาเป็นประจำ ทำงานเช้ายันดึกทุกวัน วันหนึ่งขณะนั่งพัก เรานึกถึงคำโฆษณางานออนไลน์ “ทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง ได้เดือนเป็นแสน” เมื่อก่อนเวลาเราอ่านเจอโฆษณาพวกนี้ เรามักจะคิดว่าโฆษณาหลอกลวงอีกแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกกันนะ แต่วันนั้นเรากลับคิดต่างกัน เราคิดว่าจะดีแค่ไหนนะถ้าเราทำให้คำโฆษณาหลอกลวงนั่นให้กลายเป็นจริงได้ อืมแพคของวันละชั่วโมงสองชั่วโมง ได้เดือนเป็นแสน ก็น่าจะดีเหมือนกันนะ เราทำงานหนักมานาน ก็อยากทำงานสบายๆบ้างเหมือนกัน เราจึงตั้งโจทก์ให้กับตัวเองคือ ต้องหาสินค้าที่ใช้เวลาทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง แต่สร้างรายได้ขั้นต่ำหนึ่งแสน โจทก์นี้เป็นโจทก์แรก เราบลั๊ฟตัวเอง “แกขายของมาตั้ง 8 ปีแล้วนะ โจทก์แค่นี้แกจะแก้ไม่ได้เชียวหรือ” หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 04 พฤศจิกายน 2013, 22:18:21 จุดเริ่มของการขายสินค้าไทย เป็นเวลากว่าแปดปีที่เราขายของออนไลน์ เราขายสินค้าอินเทรนเป็นหลัก รูทีนของงานก็เหมือนกับการขายสินค้าแมสทั่วๆ เพราะมีการแข่งขันสูง หลักๆคือจะต้องทำการปรับราคาเป็นประจำ ทำงานเช้ายันดึกทุกวัน วันหนึ่งขณะนั่งพัก เรานึกถึงคำโฆษณางานออนไลน์ “ทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง ได้เดือนเป็นแสน” เมื่อก่อนเวลาเราอ่านเจอโฆษณาพวกนี้ เรามักจะคิดว่าโฆษณาหลอกลวงอีกแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกกันนะ แต่วันนั้นเรากลับคิดต่างกัน เราคิดว่าจะดีแค่ไหนนะถ้าเราทำให้คำโฆษณาหลอกลวงนั่นให้กลายเป็นจริงได้ อืมแพคของวันละชั่วโมงสองชั่วโมง ได้เดือนเป็นแสน ก็น่าจะดีเหมือนกันนะ เราทำงานหนักมานาน ก็อยากทำงานสบายๆบ้างเหมือนกัน เราจึงตั้งโจทก์ให้กับตัวเองคือ ต้องหาสินค้าที่ใช้เวลาทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง แต่สร้างรายได้ขั้นต่ำหนึ่งแสน โจทก์นี้เป็นโจทก์แรก เราบลั๊ฟตัวเอง “แกขายของมาตั้ง 8 ปีแล้วนะ โจทก์แค่นี้แกจะแก้ไม่ได้เชียวหรือ” ว้าว ตืนเต้นๆ ต่อเลยฮาฟ :( มันมีด้วยเหรอ ขายสินค้าอะไร ทำไม่กี่ชมต่อวันเอง อย่าบอกนะว่าขายพวกเพชร หรือ อัญมณี ต่างๆ :-[ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: POPROCK ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 00:01:07 กระทู้ดีมีประโยชน์
เต็มเหนี่ยวไปเลยฮาฟฟฟฟ :wanwan017: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: Chipatha ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 07:50:25 ใช่ครับ เห็นด้วยจริง ๆ สินค้าจีนเข้าไปที่ไหน ทำราคาเสียไปหมดเลย จากสินค้าบางชนิดเคยขายได้ที่ราคา 20-3US แต่พอพวกพ่อค้าจีนรู้ และเข้ามาขาย สินค้านั้นก็ลดลงมาที่ 5-6US หรือบางชิ้่นต่ำกว่านี้เลย...
ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์นะครับ ติดตามฟังต่อ... หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: goong ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 08:03:49 เราขายสินค้าให้คนจีนค่ะ คุณ April ช่วงที่นมผงจีนมีสารปนเปื้อน ได้กำไรมาสองแสนกว่า หลีงจากคุยกัน 3วัน คนจีนซื้อนมผงในeBay เยอะมาก แต่ราคาสูงเพราะคนขายใน eBay กักตุน ดังนั้นพี่น้องติดตามข่าวสารให้ดีนะคะ เงินจะลอยมาตรงหน้า ลูกค้าจีนถ้าเขาถูกใจใครแล้วเขาจะบอกเราเองว่า ทำไมเธอไม่เอาสินค้าตัวนั้นมาขาย ไม่ต้องหาสืนค้าให้เหนื่อยเปล่าๆ :wanwan007: :wanwan007: สุดยอดแห่งการช่วงชิงจังหวะทำกำไรจริงๆ คุณ Trudy เดินดินไม่ได้แล้วละ แบบนี้เรียกว่าอาการของเทพ เหาะเหินได้ นับถือๆ ทำเอาเรารู้สึกว่าเป็นเด็กหัดเดินไปเลย เราว่าคงเป็นอานิสงค์จากการที่เรามาคอบปัญหสใน บอร์ดนี้ด้วย เราทำการบ้านหนักนะคะ เช็คดู Niche Product ของแต่ละกลุ่ม ค่อยๆทำไป ส่วนใหญ่เรามีสินค้าเก็งกำไรในช่วงเวลาอันสั้น จะขายแบบ auction ทำ eBay วันละ 9 ชม :wanwan003: พรุ่งนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของเราแล้ว ถูกเลขท้าย 2 ตัว 5 คู่ :-[ จะเอาไปทำบุญ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: andres ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 08:11:22 อ่านเพลินเลย ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 09:31:52 จุดเริ่มของการขายสินค้าไทย เป็นเวลากว่าแปดปีที่เราขายของออนไลน์ เราขายสินค้าอินเทรนเป็นหลัก รูทีนของงานก็เหมือนกับการขายสินค้าแมสทั่วๆ เพราะมีการแข่งขันสูง หลักๆคือจะต้องทำการปรับราคาเป็นประจำ ทำงานเช้ายันดึกทุกวัน วันหนึ่งขณะนั่งพัก เรานึกถึงคำโฆษณางานออนไลน์ “ทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง ได้เดือนเป็นแสน” เมื่อก่อนเวลาเราอ่านเจอโฆษณาพวกนี้ เรามักจะคิดว่าโฆษณาหลอกลวงอีกแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกกันนะ แต่วันนั้นเรากลับคิดต่างกัน เราคิดว่าจะดีแค่ไหนนะถ้าเราทำให้คำโฆษณาหลอกลวงนั่นให้กลายเป็นจริงได้ อืมแพคของวันละชั่วโมงสองชั่วโมง ได้เดือนเป็นแสน ก็น่าจะดีเหมือนกันนะ เราทำงานหนักมานาน ก็อยากทำงานสบายๆบ้างเหมือนกัน เราจึงตั้งโจทก์ให้กับตัวเองคือ ต้องหาสินค้าที่ใช้เวลาทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง แต่สร้างรายได้ขั้นต่ำหนึ่งแสน โจทก์นี้เป็นโจทก์แรก เราบลั๊ฟตัวเอง “แกขายของมาตั้ง 8 ปีแล้วนะ โจทก์แค่นี้แกจะแก้ไม่ได้เชียวหรือ” ต่อค่ะ แล้วเราก็ถามตัวเองต่ออีกว่า เราอยากทำงานวันละกี่ชั่วโมงล่ะ คำตอบคือ สองชั่วโมง (บวก/ลบ) น่าจะกำลังดีนะ และสองชั่วโมงนั้นจะใช้ทำอะไรบ้าง คำตอบคือ ใช้แพคของซัก 1.5 ชั่วโมง และตอบคำถามลูกค้าซักครึ่งชั่วโมงน่าจะดี คุยกับตัวเองไปก็นึกในใจไป โหความต้องการของคนเรานี่นะ เธออยากสบายขนาดนั้นเชียวหรือ คำตอบที่เรามีให้กับตัวเองคือ ใช่ ฉันก็อยากสบายกับชาวบ้านเค้าเหมือนกันนั่นแหล่ะ อยากเริ่มสบายตอนนี้แล้วด้วยนะ เร่งหาคำตอบด่วนเลย เป็นครั้งแรกที่เราต้องหาสินค้าที่ตอบโจทก์ของผู้ขายเป็นหลัก หลังจากการวิเคราะห์ความต้องการของตัวเอง เราจะต้องหาสินค้าที่มีคุณสมบัติหลักๆดังนี้ให้เจอ 1.สินค้ามีคุณภาพดี ราคาสินค้า+ค่าส่งเหมาะสม (ลดปัญหาการเจรจาต่อรอง ลดปัญหาหลังการขาย) ง่ายๆคือลูกค้าเต็มใจจ่าย เมื่อได้รับสินค้าเรา ลูกค้าจะต้องเกิดอาการ happy ending ทันที ห้ามส่ง message มาด่าทอ 2.สินค้าจะต้องเป็นสินค้าที่มีคนขายไม่มาก หรือมีการแข่งขันต่ำ แต่จะต้องขายได้ เอาแค่สองข้อนี้แหล่ะ แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: weawtat ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 10:07:38 เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากเลยคะ
จะคอยติดตามอ่านนะคะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: sys2528 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 10:08:59 ขอบคุณมากครับผม :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 10:48:21 นอกเรื่องนะคะ อธิบายที่มาของคำตอบ
ก่อนอื่นจะต้องเข้าใจกันก่อนว่า แต่ละคนมีที่มาที่ไป มีประสบการณ์ ความรู้พื้นฐาน ความสามารถแตกต่างกัน โจทก์เดียวกัน ถ้าไม่ลอกข้อสอบกัน เราเชื่อว่าคำตอบย่อมแตกต่างกัน ลองตอบโจทก์เดียวกับเราดูค่ะ และบางครั้งเราจะพบว่าคำตอบสั้น แต่ที่มาของคำตอบนั้นยาว(มาก) ตัวเราเอง ทำงานมานาน ถึงแม้เราจะเขียนโปรแกรมไม่เป็น ไม่ค่อยรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ แต่เราก็แก้ปัญหาด้วยการเลือกใช้สิ่งที่เราคิดว่าเราสามารถเรียนรู้ได้ เช่นการจัดการข้อมูลสินค้าและการขาย เราก็จะใช่แค่โปรแกรม Excel สินค้าในสต๊อกเราจะติด SKU ทุกตัว มีระหัสบอกชั้นเก็บของ มีระหัสบอกวิธีแพค ในไฟล์ Excel ของเราก็จะมีชีทข้อมูลหลายชีท อย่างชีทสต๊อกสินค้า ข้อมูลการขายแยกตามเวบ การตอบคำถาม การแจ้งเตือนต่างๆ วิธีเก็บข้อมูลก็จะเก็บข้อมูลละบรรทัดตามหลักการจัดทำฐานข้อมูลทั่วไป เราใช้ Excel ทำทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่ทำการอ่านข้อมูล order จากเวบและจัดเก็บอยู่ใน format พร้อมส่งเข้าไปปริ๊น shipping label เก็บบันทึกการขายแยกแต่ละเวบ เราต้องรู้ว่าเราลงขายไปกี่ชิ้น ขายไปแล้วกี่ชิ้น มีจำนวนที่ลงขายบนเวบคงเหลือเท่าไหร่ สินค้าชนิดนี้มีสต๊อกเหลือเท่าไหร่ ลงขายไว้ที่ไหนบ้าง order นี้มีต้นทุนด้านต่างๆ มีกำไรเท่าไหร่ ข้อมูลเหล่านี้เราจะแยกเก็บตามชีท และจะให้แสดงกำกับไว้ในแต่ละบรรทัดที่จัดเก็บ order ด้วย เมื่อมี order เข้ามา ก็จะมีการตัดสต๊อกอัตโนมัติทันที กรณีต้องตอบเมลลูกค้า เราก็แค่คีย์หมายเลข order เลือกเวบ แล้วเลือกชนิดคำถาม เราก็จะได้เมลสำหรับส่งให้ลูกค้า (อาจจะมีแก้ไขเพิ่มเติม ตามความเหมาะสม) เราทำทุกอย่างให้เป็นระบบ เราใช้เวลาแค่เสี้ยวนาทีในการจัดเก็บ order และทำ shipping label. ประเด็นที่สองคือเราใช้ชิปปิ้งเอกชน ส่ง Express ถ้าใครเคยใช้ DHL Express ก็น่าจะเข้าใจในความแตกต่างระหว่างชิปปิ้งเอกชนกับไปรษณีย์ไทย บริการ DHL Express สำหรับเราจัดอยู่ในระดับของ Economy Express class คือนำส่งใน 3-5 วันทำการ แต่ที่เราใช้อยู่คือ Express จริงๆ ถ้าเป็นอเมริกา ยุโรป 80% ใช้เวลา 2 วันทำการ เมื่อเกิดการล่าช้าหรือมีปัญหาในการนำส่ง จะมีเจ้าหน้าที่คอยติดตาม โทรแจ้งผู้รับ ผู้ส่ง เราขายของมานาน เราใช้ทั้ง DHL UPS Fedex เราศึกษาข้อมูล และมีสถิติการส่ง ทำให้เราเลือกชิปปิ้งได้ค่อนข้างเหมาะกับแต่ละประเทศ เดี๋ยวมาต่อนะคะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: dany009 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 10:57:34 Login. เข้าหาบวกให้ก่อนเดียวจะคอยตามจ้ะ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 11:00:03 DHL Express ค่าส่งมันก็แพงกว่าไทยเยอะมากนะซิ แล้วราคามันจะบวม กำไรก็จะน้อย :(
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 11:08:50 DHL Express ค่าส่งมันก็แพงกว่าไทยเยอะมากนะซิ แล้วราคามันจะบวม กำไรก็จะน้อย :( คิดว่าแพงก็จะดีลได้เรทแพงค่ะ คิดว่าถูกก็จะดีลได้เรทถูก จะค้าขายต้องศึกษาการทำดีล เราเชื่อว่าหลายๆคนรู้วิธีการทำดีล ถ้าดีลได้ ขายแข่งกับเจ้าที่ใช้พัสดุย่อยได้สบายๆ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: aodzy ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 11:12:12 ขอบคุณครับ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: kman ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 11:13:50 ขอบคุณ ค่าๆฟฟฟฟฟ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: POPROCK ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 11:33:26 คิดว่าแพงก็จะดีลได้เรทแพงค่ะ คิดว่าถูกก็จะดีลได้เรทถูก จะค้าขายต้องศึกษาการทำดีล เราเชื่อว่าหลายๆคนรู้วิธีการทำดีล ถ้าดีลได้ ขายแข่งกับเจ้าที่ใช้พัสดุย่อยได้สบายๆ ต้องทำอย่างไร จึงจะได้เรทถูกครับ? :wanwan017: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 12:23:48 คิดว่าแพงก็จะดีลได้เรทแพงค่ะ คิดว่าถูกก็จะดีลได้เรทถูก จะค้าขายต้องศึกษาการทำดีล เราเชื่อว่าหลายๆคนรู้วิธีการทำดีล ถ้าดีลได้ ขายแข่งกับเจ้าที่ใช้พัสดุย่อยได้สบายๆ ต้องทำอย่างไร จึงจะได้เรทถูกครับ? :wanwan017: น้านจิ ต่อของไม่ค่อยเก่งซะด้วย :wanwan008: ถ้ายอดส่งเยอะๆ คงดีลได้ละมั้งฮาฟ ถ้ายอดส่งไม่เยอะ ดีลไงก็ไม่ได้หรอก :'( หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 12:34:28 ลองหาหนังสือ negotiation มาอ่านดูค่ะ ไม่เอาหนังสือแปล หรือ pocket book, how to book ที่มีขายตามร้านนายอินทร์ ซีเอ็ด นะคะ เอาเล่มที่เป็นตำราเรียน อย่างของ Lewicki ไม่เคยมีชิปเมนท์ ไม่เคยขายของมาก่อนก็ยังดีลได้ ถ้างั้นจะมีจุดเริ่มได้ยังไงคะ เราไม่เคยส่งพัสดุย่อยเลย เริ่มขายครั้งแรก เราก็ใช้ DHL Express หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: POPROCK ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 13:27:05 ลองหาหนังสือ negotiation มาอ่านดูค่ะ ไม่เอาหนังสือแปล หรือ pocket book, how to book ที่มีขายตามร้านนายอินทร์ ซีเอ็ด นะคะ เอาเล่มที่เป็นตำราเรียน อย่างของ Lewicki ไม่เคยมีชิปเมนท์ ไม่เคยขายของมาก่อนก็ยังดีลได้ ถ้างั้นจะมีจุดเริ่มได้ยังไงคะ เราไม่เคยส่งพัสดุย่อยเลย เริ่มขายครั้งแรก เราก็ใช้ DHL Express ว่าเคยดีลในกรณีไหนได้ถูกบ้าง? เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ชาวไทย :wanwan017: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 15:55:21 หนังสือที่เราแนะนำให้อ่าน นั่นคือเทคนิกสุดยอดแห่งการทำดีลแล้วนะคะ
ถึงจะให้เอารายละเอียดงานของเราที่ดีลผ่านแล้วกลับไปดีลใหม่ แต่เจอเซลคนใหม่ ก็อาจจะดีลไม่ผ่าน จะดีลให้ได้เรทดี ส่วนหนึ่งมาจากแผนธุรกิจที่ดี อีกส่วนหนึ่งมาจากความสามารถในการเจรจา สิ่งที่ต้องรู้คือถึงแผนงานจะดีแค่ไหน แต่ไม่มีความสามารถในการเจรจาก็จะไม่ได้เรทดีๆ วิธีการเจรจาเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ไม่มีกฎตายตัว เราถึงแนะนำหนังสือให้อ่าน ในหนังสือมีกรณีตัวอย่างให้ด้วย เซลเป็นด่านแรกที่ต้องเจอ เซลจะถูกสอนให้พยายามให้เรทแพงที่สุดที่ลูกค้ารับได้ วิธีการเจรจาก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเจรจากับใคร ครั้งแรกที่เจอเซลก็ต้องประเมินให้ออกว่าเค้าเป็นคนอย่างไร ต้องเจรจาอย่างไรจึงจะทำให้เค้ามายืนอยู่ข้างเราให้ได้ ถ้าเซลอยู่ข้างเราเมื่อไหร่ จึงจะมีด่านที่ 2 3 ตามมา ถ้าเจรจาครั้งแรกแล้วได้เรทเลย มักจะได้เรทไม่ค่อยดี หรืออาจจะได้เรทดีตั้งแต่ครั้งแรกเลยเพราะคุณเจรจาเก่ง บางบริษัทเราใช้เวลาเจรจาถึง 3 เดือน โปรเจ็กโดนเด้งออกมา ก็ต้องปรับแก้ แล้วนำเสนอใหม่ ทำอยู่ 5-6 รอบ กว่าจะได้เรท ความตั้งใจของเราก่อนที่จะเปิดกระทู้นี้คือเราอยากส่งเสริมให้คนที่อยู่ใกล้กลุ่มผู้ผลิตสินค้า otop สนใจที่จะเอาสินค้าขึ้นขายบนเวบ เราอยากแชร์ว่าตอนนี้เรากำลังทำแบบนี้อยู่ การขายสินค้าไทยจะเหนื่อยแค่ช่วงแรกเท่านั้นเอง หลังจากนั้นสบาย มันมีวิธีการขายที่แตกต่างกับสินค้าทั่วไป เราพยายามจะเขียนให้ครบ ตอนนี้ยังเขียนได้ไม่ถึง 10% เลย ได้เกริ่นแค่ไอเดีย ยังไม่ได้ลงรายละเอียดถึงวิธีการขายเลยค่ะ เราจะหยุดเขียนพักหนึ่งนะคะ กำลังจะเอาสินค้าไทยตัวที่สองขึ้นขาย ต้องศึกษาข้อมูลเพื่อเตรียมทำงานกับผู้ผลิต เสร็จแล้ว ถึงจะได้เข้ามาเขียนต่อค่ะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 19:01:14 จุดเริ่มของการขายสินค้าไทย เป็นเวลากว่าแปดปีที่เราขายของออนไลน์ เราขายสินค้าอินเทรนเป็นหลัก รูทีนของงานก็เหมือนกับการขายสินค้าแมสทั่วๆ เพราะมีการแข่งขันสูง หลักๆคือจะต้องทำการปรับราคาเป็นประจำ ทำงานเช้ายันดึกทุกวัน วันหนึ่งขณะนั่งพัก เรานึกถึงคำโฆษณางานออนไลน์ “ทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง ได้เดือนเป็นแสน” เมื่อก่อนเวลาเราอ่านเจอโฆษณาพวกนี้ เรามักจะคิดว่าโฆษณาหลอกลวงอีกแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกกันนะ แต่วันนั้นเรากลับคิดต่างกัน เราคิดว่าจะดีแค่ไหนนะถ้าเราทำให้คำโฆษณาหลอกลวงนั่นให้กลายเป็นจริงได้ อืมแพคของวันละชั่วโมงสองชั่วโมง ได้เดือนเป็นแสน ก็น่าจะดีเหมือนกันนะ เราทำงานหนักมานาน ก็อยากทำงานสบายๆบ้างเหมือนกัน เราจึงตั้งโจทก์ให้กับตัวเองคือ ต้องหาสินค้าที่ใช้เวลาทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง แต่สร้างรายได้ขั้นต่ำหนึ่งแสน โจทก์นี้เป็นโจทก์แรก เราบลั๊ฟตัวเอง “แกขายของมาตั้ง 8 ปีแล้วนะ โจทก์แค่นี้แกจะแก้ไม่ได้เชียวหรือ” ว้าว ตืนเต้นๆ ต่อเลยฮาฟ :( มันมีด้วยเหรอ ขายสินค้าอะไร ทำไม่กี่ชมต่อวันเอง อย่าบอกนะว่าขายพวกเพชร หรือ อัญมณี ต่างๆ :-[ [/quo มีนะน้องฮาฟ ถ้าน้องหาลูกต้าที่มีสตางค์ คนที่ต้องการสินค้าแบบนั้นเป็นจำนวนมาก ให้เจอ เจ๊เคยขายเครื่องประดับแต่ลูกค้าคนจีนบนอีเบย์อยากซื้อทุเรียนทอด 100 กล่อง ทุเรียนทอดมันมีอายุ 3 เดือน เจ๊เลยส่งแบบจมทีละ 5 กล่อง เพราะกลัวลูกค้าโดนภาษี หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 19:06:46 นอกเรื่องนะคะ อธิบายที่มาของคำตอบ ก่อนอื่นจะต้องเข้าใจกันก่อนว่า แต่ละคนมีที่มาที่ไป มีประสบการณ์ ความรู้พื้นฐาน ความสามารถแตกต่างกัน โจทก์เดียวกัน ถ้าไม่ลอกข้อสอบกัน เราเชื่อว่าคำตอบย่อมแตกต่างกัน ลองตอบโจทก์เดียวกับเราดูค่ะ และบางครั้งเราจะพบว่าคำตอบสั้น แต่ที่มาของคำตอบนั้นยาว(มาก) ตัวเราเอง ทำงานมานาน ถึงแม้เราจะเขียนโปรแกรมไม่เป็น ไม่ค่อยรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ แต่เราก็แก้ปัญหาด้วยการเลือกใช้สิ่งที่เราคิดว่าเราสามารถเรียนรู้ได้ เช่นการจัดการข้อมูลสินค้าและการขาย เราก็จะใช่แค่โปรแกรม Excel สินค้าในสต๊อกเราจะติด SKU ทุกตัว มีระหัสบอกชั้นเก็บของ มีระหัสบอกวิธีแพค ในไฟล์ Excel ของเราก็จะมีชีทข้อมูลหลายชีท อย่างชีทสต๊อกสินค้า ข้อมูลการขายแยกตามเวบ การตอบคำถาม การแจ้งเตือนต่างๆ วิธีเก็บข้อมูลก็จะเก็บข้อมูลละบรรทัดตามหลักการจัดทำฐานข้อมูลทั่วไป เราใช้ Excel ทำทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่ทำการอ่านข้อมูล order จากเวบและจัดเก็บอยู่ใน format พร้อมส่งเข้าไปปริ๊น shipping label เก็บบันทึกการขายแยกแต่ละเวบ เราต้องรู้ว่าเราลงขายไปกี่ชิ้น ขายไปแล้วกี่ชิ้น มีจำนวนที่ลงขายบนเวบคงเหลือเท่าไหร่ สินค้าชนิดนี้มีสต๊อกเหลือเท่าไหร่ ลงขายไว้ที่ไหนบ้าง order นี้มีต้นทุนด้านต่างๆ มีกำไรเท่าไหร่ ข้อมูลเหล่านี้เราจะแยกเก็บตามชีท และจะให้แสดงกำกับไว้ในแต่ละบรรทัดที่จัดเก็บ order ด้วย เมื่อมี order เข้ามา ก็จะมีการตัดสต๊อกอัตโนมัติทันที กรณีต้องตอบเมลลูกค้า เราก็แค่คีย์หมายเลข order เลือกเวบ แล้วเลือกชนิดคำถาม เราก็จะได้เมลสำหรับส่งให้ลูกค้า (อาจจะมีแก้ไขเพิ่มเติม ตามความเหมาะสม) เราทำทุกอย่างให้เป็นระบบ เราใช้เวลาแค่เสี้ยวนาทีในการจัดเก็บ order และทำ shipping label. ประเด็นที่สองคือเราใช้ชิปปิ้งเอกชน ส่ง Express ถ้าใครเคยใช้ DHL Express ก็น่าจะเข้าใจในความแตกต่างระหว่างชิปปิ้งเอกชนกับไปรษณีย์ไทย บริการ DHL Express สำหรับเราจัดอยู่ในระดับของ Economy Express class คือนำส่งใน 3-5 วันทำการ แต่ที่เราใช้อยู่คือ Express จริงๆ ถ้าเป็นอเมริกา ยุโรป 80% ใช้เวลา 2 วันทำการ เมื่อเกิดการล่าช้าหรือมีปัญหาในการนำส่ง จะมีเจ้าหน้าที่คอยติดตาม โทรแจ้งผู้รับ ผู้ส่ง เราขายของมานาน เราใช้ทั้ง DHL UPS Fedex เราศึกษาข้อมูล และมีสถิติการส่ง ทำให้เราเลือกชิปปิ้งได้ค่อนข้างเหมาะกับแต่ละประเทศ เดี๋ยวมาต่อนะคะ ยเราสนับสนุนการทำ excel sheet เพื่อดูต้นทุนกำไร สินค้าคงคลังค่ะ ในหนังสือที่จะเขียนก็มีบอก แต่เราจะแบ่ง excel เก็บ Category ในแต่ละ Category มีสินค้าอะไรบ้าง อาทิตย์นี้สินค้าตัวนี้ลดราคา 10 % มีคนมาซื้อเพิ่มเท่าไหร่ เราจะแบ่งเป็น 4 ช่องในแต่ละสัปดาห์ ขอให้ขายดีๆนะคะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 19:21:29 คุณ Trudy มา บรรยากาศรื่นเริงขึ้นทันใด
คุณ Trudy กับเราอาจจะขายของคล้ายกันนะคะ ตอนนี้เรากำลังปรับเปลี่ยนสินค้าใน inventory ให้เป็นสินค้าไทยทั้งหมด ช่วงนี้ต้องเตรียมเปิด product line เพิ่ม อาจไม่ได้เขียนอีกพักใหญ่ ถ้าคุณ Trudy จะเพิ่มเติมอะไร ก็ช่วยเพิ่มให้ด้วยนะคะ เรารอหนังสือคุณ Trudy อยู่ด้วยนะ ถ้าเสร็จแล้วช่วยหลังไมค์บอกด้วยค่ะ อยากได้แบบที่มีลายเซ็น จะเก็บเป็น collectible book ไว้เก็งกำไร ขอบคุณค่ะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 19:38:23 ว้าว ตืนเต้นๆ ต่อเลยฮาฟ :( มันมีด้วยเหรอ ขายสินค้าอะไร ทำไม่กี่ชมต่อวันเอง อย่าบอกนะว่าขายพวกเพชร หรือ อัญมณี ต่างๆ :-[ [/quote] ทิ้งท้ายเอาไว้ค่ะ ถ้าสินค้าทำกำไรเฉลี่ยชิ้นละ $20-25 ขายได้เฉลี่ยวันละ 5 ชิ้น แค่นี้ก็ได้เดือนละแสนแล้วนะคะ ไม่จำเป็นต้องขายเพชร อัญมณี (กรณีที่เราไม่ถนัด) คนขายเพชร อัญมณี น่าจะได้กำไรมากกว่านี้เยอะ สินค้าที่เราขาย เป็นสินค้าไทย ต้นทุน $30 กำไรเฉลี่ย $20-25 ขายได้มากกว่าวันละ 5 ชิ้นทุกวัน ตั้งแต่เปิดขายมา เราจึงสนใจที่จะเอาสินค้าไทยขึ้นขาย ราคาไม่ผันผวน ทำลิสติ้งเสร็จ ก็จะบริหารสต๊อกอย่างเดียว ถ้าขายพวกสินค้าตกแต่งบ้าน โคมไฟแฮนเมด ดีไซน์สวยๆ ยังมีโอกาสได้ลูกค้าประจำด้วยนะคะ พวกโรงแรม ร้านค้า อาจสั่งผลิต สินค้าไทยมีศักยภาพทำกำไรได้สูง เพราะมันมีวัฒนธรรมของไทยไปผสมผสานอยู่ในนั้น มันจึงดูเป็นสินค้าที่มีเสน่ห์ ฝรั่งจึงชอบ คนจีนหรือเอเชียก็ชอบนะคะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 21:30:18 ว้าว ตืนเต้นๆ ต่อเลยฮาฟ :( มันมีด้วยเหรอ ขายสินค้าอะไร ทำไม่กี่ชมต่อวันเอง อย่าบอกนะว่าขายพวกเพชร หรือ อัญมณี ต่างๆ :-[ ทิ้งท้ายเอาไว้ค่ะ ถ้าสินค้าทำกำไรเฉลี่ยชิ้นละ $20-25 ขายได้เฉลี่ยวันละ 5 ชิ้น แค่นี้ก็ได้เดือนละแสนแล้วนะคะ ไม่จำเป็นต้องขายเพชร อัญมณี (กรณีที่เราไม่ถนัด) คนขายเพชร อัญมณี น่าจะได้กำไรมากกว่านี้เยอะ สินค้าที่เราขาย เป็นสินค้าไทย ต้นทุน $30 กำไรเฉลี่ย $20-25 ขายได้มากกว่าวันละ 5 ชิ้นทุกวัน ตั้งแต่เปิดขายมา เราจึงสนใจที่จะเอาสินค้าไทยขึ้นขาย ราคาไม่ผันผวน ทำลิสติ้งเสร็จ ก็จะบริหารสต๊อกอย่างเดียว ถ้าขายพวกสินค้าตกแต่งบ้าน โคมไฟแฮนเมด ดีไซน์สวยๆ ยังมีโอกาสได้ลูกค้าประจำด้วยนะคะ พวกโรงแรม ร้านค้า อาจสั่งผลิต สินค้าไทยมีศักยภาพทำกำไรได้สูง เพราะมันมีวัฒนธรรมของไทยไปผสมผสานอยู่ในนั้น มันจึงดูเป็นสินค้าที่มีเสน่ห์ ฝรั่งจึงชอบ คนจีนหรือเอเชียก็ชอบนะคะ [/quote] ถ้าขายพวกสินค้าตกแต่งบ้าน โคมไฟแฮนเมด ดีไซน์สวยๆ ยังมีโอกาสได้ลูกค้าประจำด้วยนะคะ พวกโรงแรม ร้านค้า อาจสั่งผลิต ตรงนี้ ขอให้คุณ April ถามผู้ผลิตออกไปว่า ออกแบบเองหรือไม่ มีลิชสิทธิชองเขาเองหรือเปล่า เพราะมีของแต่งบ้านไม่น้อยที่ไป copy แบบเขามา อย่างน้องคนนึงที่ List โดน Remove เขานึกว่าคนไทยแกล้ง ปรากฤว่าลายบนกำไลไม้มะม่วง ไปเหมือนกับลายบน website ใน US ตนที่แจ้งชายบย eBay แต่เขาไม่ได้เอาสินค้าตัวนี้ลง หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 21:49:10 เราก็เอากำไรเป็นตัวตั้งค่ะ หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว
สมมติ ว่าอยากได้เงืนเดือนจาก eBay เดือนละ 60000 บาท ต้องทำกำไรอย่างน้อยวีนละ 2000 บาท แล้วมาดูภาพรวมใน 1 อาทิตย์ ว่ากำไรมันได้ตามเป้าหรือไม่ ถ้าไม่ได้แต่คู่แข่งเราขายได้ เพราะอะไร เพราะเขาลดราคาลง หรือ อืนๆ :o ส่วนใหญ่เราจะเห็นผู้ขายไทยรายใหญ่ๆลดราตาลงในวันพุธวันศุกร์ เพื่อให้คนเข้ามา Watch แยะๆ เพราะโดยปกคิ ลูกค้าจะไม่ซื้อทันที จะซื้อของในวันหยุด เขาก็ปรับราคาขึ้อไปในวันหยุด ถ้าขายไม่ได้ทั้งคู่สัญญานอันตรายมาเยือนแล้ว :wanwan009: ,มาวิเคราะห็ลูกค้าหายไปไหน เราก็จะเอา Product ที่ขายได้เรื่อยๆ มาขายแทน ที่บอกว่างาน eBay งาน สบาย ทำวันละ 2 ชม ของเราให้เวลากับ eBay ไป 8 ชม ต่อ วัน จ้างเขา Pack ของชิ้นละ บาท ห้อ กันกระแทกอย้่างเดียว แต่เราเป็นคนแปะรายละเอัยดเอง ถ่ายรูปของข้างในก่อนส่ง เพราะลูกค้าอ้างว่าได้รับชองผืด จับได้สามคนแล้วเพราะเราทำ Sticker ของร้านแปะที่ของด้วย เคยให้ลูกค้าถ่ายรูป ปรากฎว่า ข้างหลังเป็น Made in Japan เราบอกว่าของชิ้นนี้มันมาจาก โรงงานใน ไทย เลยถามลูกค้่ไปว่าเปิด case กับ seller ผิดคนหรือเปล่า เราไม่ได้ว่าเขาตรงๆ :wanwan007: :wanwan007: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 22:47:36 :wanwan017: ขอบคุณฮาฟ :wanwan003:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: kasetthai ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 23:01:48 :wanwan020: โห กระทู้นี้ มันส์สุดยอดเลยครับ ต้องขอบคุณแม่งาน ทั้งคุณ April07 และเจ๊โหด ด้วยนะครับ ที่คอยเคาะกระโหลก :wanwan017: จบกระทู้นี้ สินค้าไทยโกอินเตอร์อีกหลายกระบุงแน่ๆ :wanwan007:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: MikaylaMendez ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 23:58:45 สุดยอดเลย
อ่านแล้วได้ไอเดียขึ้นมาทันที หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 06 พฤศจิกายน 2013, 10:57:10 :wanwan020: โห กระทู้นี้ มันส์สุดยอดเลยครับ ต้องขอบคุณ:Xาน ทั้งคุณ April07 และเจ๊โหด ด้วยนะครับ ที่คอยเคาะกระโหลก :wanwan017: จบกระทู้นี้ สินค้าไทยโกอินเตอร์อีกหลายกระบุงแน่ๆ :wanwan007: ถ้าจะให้ดีเอาลูกค้าเป็นตัวตั้ง ระหว่างกระเป๋าหนัง กระเป๋าผักตบชวา กระเป๋าผ้าลูกค้าฃอบถืออะไรขายโคมไฟ เมืองนอกเขาใช้ไฟต่างจากเมืองไทย มีตัวแปลงให้เขามั้ยที eBay :wanwan016: หมดสมัยขายของถูก ไม่ลงทะเบียน คนข้างบ้านพี่ FB หกพันกว่า เจอ FB ไป 20 ตัว เหลือแค้ 94.7 เปอน์เซนต์ ช่วงนี้ของถึงช้า เพราะใกล้เทศกาล มือใหม่ ถ้าไม่ปรับกลยุทธ จะโดน Limit sell หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 06 พฤศจิกายน 2013, 18:36:43 ถ้าลอง seach ดูสินค้าบน ebay หรือ etsy หมวด carving wood lamp จะเห็นชิ้นงานโคมไฟแกะสลัก ราคาขายรวมค่าส่งมีตั้งแต่ 1000 ถึง 5000 บาท รูปแบบการผลิตชิ้นงานเท่าที่ดูมันออกแนว commercial พอสมควร แต่สินค้าตัวที่เราเตรียมเอาขึ้นขาย เป็น Otop แถวอีสาน งาน art ลายไทยล้วนๆ ผู้ผลิตขายส่งให้เราชิ้นละ 500-700 บาท เรากะจะเอาขึ้นขายประมาณ 2-2,500 บาท(รวมค่าส่งแล้ว) งาน handmade ชิ้นแรกที่เราเอาขึ้นขาย ตอนนี้มันขายได้ทุกวัน แต่ได้ออร์เดอร์จากอเมซอนเป็นส่วนใหญ่ ออร์เดอร์จากอีเบย์มีทุกวัน แต่ไม่มาก ความรู้อีเบย์เรายังอยู่ในระดับอนุบาล กำลังพยายามเรียนรู้อยู่เหมือนกันค่ะ สินค้าชิ้นแรกเราขายได้ทุกวัน จำนวนออร์เดอร์ไม่หวือหวา แต่ได้จำนวนออร์เดอร์ใกล้เคียงกันทุกวัน ตอนนี้เราก็มองว่าสินค้าชิ้นนี้เริ่มไปได้ เราสั่งผลิตล็อตที่สองไปอีก 4 แสนบาท ช่วงแรกเราตั้งเป้าสั่งผลิตอยู่ในช่วง 3-5 แสนบาทคงที่ทุกเดือน ลองคำนวณดูว่าคนผลิตชิ้นงานให้เรา เค้าจะได้ออร์เดอร์คงที่ขั้นต่ำวันละ 10,000 บาท กำไรที่หักต้นทุนแล้วต่อเดือนน่าจะมีโอกาสได้ถึงหนึ่งแสนบาท ผู้ผลิตน่าจะมีกำลังใจในการผลิตชิ้นงานให้เราพอสมควร ออร์เดอร์ไม่หวือหวา ผู้ผลิตก็ผลิตตามปกติ ยังไม่ต้องขยายกำลังผลิต ต่อไปเราก็จะค่อยๆขยายตลาด ให้ผู้ผลิตค่อยๆปรับตัวเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ตอนนี้เราเริ่มหาลูกค้าที่จะมาเป็น reseller ในต่างประเทศ ทำไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เตรียมเอาชิ้นงานตัวใหม่ขึ้นขาย ถ้าใครอยู่ใกล้ผู้ผลิตสินค้า ถือว่ามีโอกาสที่ดี อาจแค่ไปขอถ่ายรูปเพื่อโพสต์ขายก่อน ยังไม่ต้องสั่งผลิตจำนวนมากในช่วงแรก (นี่คือรูปแบบการดรอบชิปแบบหนึ่ง) อย่าลืมเช็กเรื่องลิขสิทธิ์ตามที่คุณ Trudy แนะนำนะคะ สำคัญมาก ไม่ควรมีประวัติเสียในเรื่องพวกนี้ ข้อดีที่ช่วยให้เราขายสินค้าได้ง่ายอย่างหนึ่งคือ ความรู้ด้านการขนส่ง ช่วยลดปัญหาได้เยอะพอสมควร เราได้ลูกค้าจากประเทศที่เราไม่คาดว่าเค้าจะซื้อของออนไลน์กัน อย่าง อิรัก จอร์แดน ลัทเวียร์ โคลอมเบีย ชิลี เปรู อย่างการส่งสินค้าไปรัสเซีย shipping agent บางรายยังมาขอให้เราทำให้ เราก็เก็บกำไรไปตามระเบียบ การที่เราจะลงทุนอะไรก็ตาม ต้องทำการศึกษาหาข้อมูล เก็บรายละเอียดงานให้ครบ ตัวอย่างที่เราเล่าให้ฟัง ฟังดูเหมือนง่าย น่าจะใช้เวลาไม่มาก แต่การจะเอาสินค้าแต่ละชิ้นขึ้นขาย เราใช้เวลาศึกษากับมันมากพอสมควร ศึกษารายละเอียดทุกแง่มุม คาดเดาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและหาทางป้องกันไว้ก่อน การขายสินค้าไทย ช่วงแรกจะค่อนข้างเหนื่อย อีกคำแนะนำคือถ้าอยากรู้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็ลองดูสถิติการส่งออกค่ะ อาจได้ไอเดียพอสมควร หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: loc.know ที่ 06 พฤศจิกายน 2013, 18:52:00 ถ้าลอง seach ดูสินค้าบน ebay หรือ etsy หมวด carving wood lamp จะเห็นชิ้นงานโคมไฟแกะสลัก ราคาขายรวมค่าส่งมีตั้งแต่ 1000 ถึง 5000 บาท รูปแบบการผลิตชิ้นงานเท่าที่ดูมันออกแนว commercial พอสมควร แต่สินค้าตัวที่เราเตรียมเอาขึ้นขาย เป็น Otop แถวอีสาน งาน art ลายไทยล้วนๆ ผู้ผลิตขายส่งให้เราชิ้นละ 500-700 บาท เรากะจะเอาขึ้นขายประมาณ 2-2,500 บาท(รวมค่าส่งแล้ว) งาน handmade ชิ้นแรกที่เราเอาขึ้นขาย ตอนนี้มันขายได้ทุกวัน แต่ได้ออร์เดอร์จากอเมซอนเป็นส่วนใหญ่ ออร์เดอร์จากอีเบย์มีทุกวัน แต่ไม่มาก ความรู้อีเบย์เรายังอยู่ในระดับอนุบาล กำลังพยายามเรียนรู้อยู่เหมือนกันค่ะ สินค้าชิ้นแรกเราขายได้ทุกวัน จำนวนออร์เดอร์ไม่หวือหวา แต่ได้จำนวนออร์เดอร์ใกล้เคียงกันทุกวัน ตอนนี้เราก็มองว่าสินค้าชิ้นนี้เริ่มไปได้ เราสั่งผลิตล็อตที่สองไปอีก 4 แสนบาท ช่วงแรกเราตั้งเป้าสั่งผลิตอยู่ในช่วง 3-5 แสนบาทคงที่ทุกเดือน ลองคำนวณดูว่าคนผลิตชิ้นงานให้เรา เค้าจะได้ออร์เดอร์คงที่ขั้นต่ำวันละ 10,000 บาท กำไรที่หักต้นทุนแล้วต่อเดือนน่าจะมีโอกาสได้ถึงหนึ่งแสนบาท ผู้ผลิตน่าจะมีกำลังใจในการผลิตชิ้นงานให้เราพอสมควร ออร์เดอร์ไม่หวือหวา ผู้ผลิตก็ผลิตตามปกติ ยังไม่ต้องขยายกำลังผลิต ต่อไปเราก็จะค่อยๆขยายตลาด ให้ผู้ผลิตค่อยๆปรับตัวเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ตอนนี้เราเริ่มหาลูกค้าที่จะมาเป็น reseller ในต่างประเทศ ทำไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เตรียมเอาชิ้นงานตัวใหม่ขึ้นขาย ถ้าใครอยู่ใกล้ผู้ผลิตสินค้า ถือว่ามีโอกาสที่ดี อาจแค่ไปขอถ่ายรูปเพื่อโพสต์ขายก่อน ยังไม่ต้องสั่งผลิตจำนวนมากในช่วงแรก (นี่คือรูปแบบการดรอบชิปแบบหนึ่ง) อย่าลืมเช็กเรื่องลิขสิทธิ์ตามที่คุณ Trudy แนะนำนะคะ สำคัญมาก ไม่ควรมีประวัติเสียในเรื่องพวกนี้ ข้อดีที่ช่วยให้เราขายสินค้าได้ง่ายอย่างหนึ่งคือ ความรู้ด้านการขนส่ง ช่วยลดปัญหาได้เยอะพอสมควร เราได้ลูกค้าจากประเทศที่เราไม่คาดว่าเค้าจะซื้อของออนไลน์กัน อย่าง อิรัก จอร์แดน ลัทเวียร์ โคลอมเบีย ชิลี เปรู อย่างการส่งสินค้าไปรัสเซีย shipping agent บางรายยังมาขอให้เราทำให้ เราก็เก็บกำไรไปตามระเบียบ การที่เราจะลงทุนอะไรก็ตาม ต้องทำการศึกษาหาข้อมูล เก็บรายละเอียดงานให้ครบ ตัวอย่างที่เราเล่าให้ฟัง ฟังดูเหมือนง่าย น่าจะใช้เวลาไม่มาก แต่การจะเอาสินค้าแต่ละชิ้นขึ้นขาย เราใช้เวลาศึกษากับมันมากพอสมควร ศึกษารายละเอียดทุกแง่มุม คาดเดาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและหาทางป้องกันไว้ก่อน การขายสินค้าไทย ช่วงแรกจะค่อนข้างเหนื่อย อีกคำแนะนำคือถ้าอยากรู้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็ลองดูสถิติการส่งออกค่ะ อาจได้ไอเดียพอสมควร อ่านกระทู้นี้มาพักนึงแล้ว ชอบแนวคิดกับวิธีการทำงานของคุณ April มากครับ + ให้อีก 1 ครับ เพราะปกติ คนเรามักไม่ยอมลงมือ หรือไม่ก็เลิกกลางทางซะก่อน แต่ที่อ่านนี่ มีปัญหาก็ค่อยๆแก้ไป ทำไปเรื่อย ผ่านไปทีละขั้น มันหลักการง่ายๆครับ ปัญหาแยะๆใหญ่ๆ ก็ย่อยมันลงเป็นทีละชิ้นแล้วก็แก้ไปทีละขั้น ถ้าเรามองภาพใหญ่อย่างเดียวบางทีมันท้อ แล้วเลิกได้ครับ แถมวิธีคิด ก็ดีมาก ค่อยๆปรับเก็บคู่ค้า ผู้ผลิตไว้กับเรา นี่แหละครับ ที่จะทำให้เราอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว ที่จะแนะนำเพิ่มคือ พยายามสร้างความต่างของผลิตภัณเราด้วย เพราะความต่างแค่นิดเดียว มันทำให้เราขายได้ แต่คู่แข่งขายไม่ได้ ผมลองมาแล้ว ไม่ใช่แข่งด้านราคาอย่างเดียว ไม่ใช่แค่คนไทย พวกเล่นง่ายๆก็ลดราคา คิดได้อย่างเดียวคือลดราคา :wanwan015: คิดง่ายๆ ก็จบง่ายๆ ตายไป คนซื้อได้เต็มๆ แต่ไอ้คนขายเฮงซวยมาทำลายตลาดพอไม่เวิร์ค พาคนอื่นตายด้วย ดังนั้น สร้างจุดต่าง และสินค้าคุณจะพิสูจน์ตัวมันเองครับ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 06 พฤศจิกายน 2013, 19:25:38 ปล.
ช่วงนี้เริ่มมีส้มจีน(ส้มลูกเล็กๆ)วางขาย อย่าพึ่งซื้อทานกันนะคะ มันยังไม่ถึงช่วงเวลาที่ส้มสุก ช่วงนี้ประมาณว่ากำลังจะเข้าสู่ช่วงเริ่มฤดูกาล ผู้ประกอบการไทยจีนส่วนหนึ่งที่มองเห็นแต่กำไร เห็นผลไม้ช่วงต้นฤดูส่วนใหญ่ขายได้ราคาดี ก็เก็บเกี่ยวส้มที่ยังไม่แก่ เอามาชุบสารเคมีเร่งสี เร่งรสชาติ ส้มพวกนี้เมื่อเก็บเกี่ยวจะมีสีเขียว หลังจากชุบสารเคมี เมื่อมาถึงไทย ส้มจะเปลี่ยนสีเป็นสีส้ม รสชาติเปรี้ยวนำ ถ้าชอบทานส้ม รออีกพักหนึ่งค่ะ พวกนี้ใช้เทคนิกเดียวกันกับการนำส้มมีใบเข้าประเทศ เอาส้มที่ไม่มีใบ หรือส้มที่ไม่ได้ชุบสารปิดท้ายตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อเปิดตู้ จนท.ก็จะเอาส้มที่อยู่ท้ายตู้ไปตรวจ วิธีการพวกนี้ก็แบบเดียวกับที่ทำให้ราคาทุเรียนในตลาดตกต่ำ ต้นฤดูก็ตัดทุเรียนอ่อน ชุบสารเร่งสุก ไปถึงจีนทุเรียนก็จะสุก เนื้อนิ่ม แต่ไม่มีรสชาติ เวลาจนท.ตรวจเจอ(ที่ packing house ในไทย ก่อนส่งออก) ถูกปรับ แต่ผู้ค้าเหล่าส่งออกวันละ 6-7 ตู้ ปรับแค่ 1-2 ล้านเรื่องเล็ก กำไรทุเรียนช่วงต้นฤดูต่อตู้เกือบล้าน หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 06 พฤศจิกายน 2013, 23:52:47 ถ้าลอง seach ดูสินค้าบน ebay หรือ etsy หมวด carving wood lamp จะเห็นชิ้นงานโคมไฟแกะสลัก ราคาขายรวมค่าส่งมีตั้งแต่ 1000 ถึง 5000 บาท รูปแบบการผลิตชิ้นงานเท่าที่ดูมันออกแนว commercial พอสมควร แต่สินค้าตัวที่เราเตรียมเอาขึ้นขาย เป็น Otop แถวอีสาน งาน art ลายไทยล้วนๆ ผู้ผลิตขายส่งให้เราชิ้นละ 500-700 บาท เรากะจะเอาขึ้นขายประมาณ 2-2,500 บาท(รวมค่าส่งแล้ว) งาน handmade ชิ้นแรกที่เราเอาขึ้นขาย ตอนนี้มันขายได้ทุกวัน แต่ได้ออร์เดอร์จากอเมซอนเป็นส่วนใหญ่ ออร์เดอร์จากอีเบย์มีทุกวัน แต่ไม่มาก ความรู้อีเบย์เรายังอยู่ในระดับอนุบาล กำลังพยายามเรียนรู้อยู่เหมือนกันค่ะ สินค้าชิ้นแรกเราขายได้ทุกวัน จำนวนออร์เดอร์ไม่หวือหวา แต่ได้จำนวนออร์เดอร์ใกล้เคียงกันทุกวัน ตอนนี้เราก็มองว่าสินค้าชิ้นนี้เริ่มไปได้ เราสั่งผลิตล็อตที่สองไปอีก 4 แสนบาท ช่วงแรกเราตั้งเป้าสั่งผลิตอยู่ในช่วง 3-5 แสนบาทคงที่ทุกเดือน ลองคำนวณดูว่าคนผลิตชิ้นงานให้เรา เค้าจะได้ออร์เดอร์คงที่ขั้นต่ำวันละ 10,000 บาท กำไรที่หักต้นทุนแล้วต่อเดือนน่าจะมีโอกาสได้ถึงหนึ่งแสนบาท ผู้ผลิตน่าจะมีกำลังใจในการผลิตชิ้นงานให้เราพอสมควร ออร์เดอร์ไม่หวือหวา ผู้ผลิตก็ผลิตตามปกติ ยังไม่ต้องขยายกำลังผลิต ต่อไปเราก็จะค่อยๆขยายตลาด ให้ผู้ผลิตค่อยๆปรับตัวเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ตอนนี้เราเริ่มหาลูกค้าที่จะมาเป็น reseller ในต่างประเทศ ทำไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เตรียมเอาชิ้นงานตัวใหม่ขึ้นขาย ถ้าใครอยู่ใกล้ผู้ผลิตสินค้า ถือว่ามีโอกาสที่ดี อาจแค่ไปขอถ่ายรูปเพื่อโพสต์ขายก่อน ยังไม่ต้องสั่งผลิตจำนวนมากในช่วงแรก (นี่คือรูปแบบการดรอบชิปแบบหนึ่ง) อย่าลืมเช็กเรื่องลิขสิทธิ์ตามที่คุณ Trudy แนะนำนะคะ สำคัญมาก ไม่ควรมีประวัติเสียในเรื่องพวกนี้ ข้อดีที่ช่วยให้เราขายสินค้าได้ง่ายอย่างหนึ่งคือ ความรู้ด้านการขนส่ง ช่วยลดปัญหาได้เยอะพอสมควร เราได้ลูกค้าจากประเทศที่เราไม่คาดว่าเค้าจะซื้อของออนไลน์กัน อย่าง อิรัก จอร์แดน ลัทเวียร์ โคลอมเบีย ชิลี เปรู อย่างการส่งสินค้าไปรัสเซีย shipping agent บางรายยังมาขอให้เราทำให้ เราก็เก็บกำไรไปตามระเบียบ การที่เราจะลงทุนอะไรก็ตาม ต้องทำการศึกษาหาข้อมูล เก็บรายละเอียดงานให้ครบ ตัวอย่างที่เราเล่าให้ฟัง ฟังดูเหมือนง่าย น่าจะใช้เวลาไม่มาก แต่การจะเอาสินค้าแต่ละชิ้นขึ้นขาย เราใช้เวลาศึกษากับมันมากพอสมควร ศึกษารายละเอียดทุกแง่มุม คาดเดาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและหาทางป้องกันไว้ก่อน การขายสินค้าไทย ช่วงแรกจะค่อนข้างเหนื่อย อีกคำแนะนำคือถ้าอยากรู้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็ลองดูสถิติการส่งออกค่ะ อาจได้ไอเดียพอสมควร โห สั่งผลิตเดือนละ 4 แสน ตังเยอะจังเลย :( มีตังทำไรก็สะดวก :wanwan044: ผ๋มมีเงินเก้บไม่กี่หมื่นเอง :wanwan008: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 07 พฤศจิกายน 2013, 08:50:42 ถ้าลอง seach ดูสินค้าบน ebay หรือ etsy หมวด carving wood lamp จะเห็นชิ้นงานโคมไฟแกะสลัก ราคาขายรวมค่าส่งมีตั้งแต่ 1000 ถึง 5000 บาท รูปแบบการผลิตชิ้นงานเท่าที่ดูมันออกแนว commercial พอสมควร แต่สินค้าตัวที่เราเตรียมเอาขึ้นขาย เป็น Otop แถวอีสาน งาน art ลายไทยล้วนๆ ผู้ผลิตขายส่งให้เราชิ้นละ 500-700 บาท เรากะจะเอาขึ้นขายประมาณ 2-2,500 บาท(รวมค่าส่งแล้ว) งาน handmade ชิ้นแรกที่เราเอาขึ้นขาย ตอนนี้มันขายได้ทุกวัน แต่ได้ออร์เดอร์จากอเมซอนเป็นส่วนใหญ่ ออร์เดอร์จากอีเบย์มีทุกวัน แต่ไม่มาก ความรู้อีเบย์เรายังอยู่ในระดับอนุบาล กำลังพยายามเรียนรู้อยู่เหมือนกันค่ะ สินค้าชิ้นแรกเราขายได้ทุกวัน จำนวนออร์เดอร์ไม่หวือหวา แต่ได้จำนวนออร์เดอร์ใกล้เคียงกันทุกวัน ตอนนี้เราก็มองว่าสินค้าชิ้นนี้เริ่มไปได้ เราสั่งผลิตล็อตที่สองไปอีก 4 แสนบาท ช่วงแรกเราตั้งเป้าสั่งผลิตอยู่ในช่วง 3-5 แสนบาทคงที่ทุกเดือน ลองคำนวณดูว่าคนผลิตชิ้นงานให้เรา เค้าจะได้ออร์เดอร์คงที่ขั้นต่ำวันละ 10,000 บาท กำไรที่หักต้นทุนแล้วต่อเดือนน่าจะมีโอกาสได้ถึงหนึ่งแสนบาท ผู้ผลิตน่าจะมีกำลังใจในการผลิตชิ้นงานให้เราพอสมควร ออร์เดอร์ไม่หวือหวา ผู้ผลิตก็ผลิตตามปกติ ยังไม่ต้องขยายกำลังผลิต ต่อไปเราก็จะค่อยๆขยายตลาด ให้ผู้ผลิตค่อยๆปรับตัวเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ตอนนี้เราเริ่มหาลูกค้าที่จะมาเป็น reseller ในต่างประเทศ ทำไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เตรียมเอาชิ้นงานตัวใหม่ขึ้นขาย ถ้าใครอยู่ใกล้ผู้ผลิตสินค้า ถือว่ามีโอกาสที่ดี อาจแค่ไปขอถ่ายรูปเพื่อโพสต์ขายก่อน ยังไม่ต้องสั่งผลิตจำนวนมากในช่วงแรก (นี่คือรูปแบบการดรอบชิปแบบหนึ่ง) อย่าลืมเช็กเรื่องลิขสิทธิ์ตามที่คุณ Trudy แนะนำนะคะ สำคัญมาก ไม่ควรมีประวัติเสียในเรื่องพวกนี้ ข้อดีที่ช่วยให้เราขายสินค้าได้ง่ายอย่างหนึ่งคือ ความรู้ด้านการขนส่ง ช่วยลดปัญหาได้เยอะพอสมควร เราได้ลูกค้าจากประเทศที่เราไม่คาดว่าเค้าจะซื้อของออนไลน์กัน อย่าง อิรัก จอร์แดน ลัทเวียร์ โคลอมเบีย ชิลี เปรู อย่างการส่งสินค้าไปรัสเซีย shipping agent บางรายยังมาขอให้เราทำให้ เราก็เก็บกำไรไปตามระเบียบ การที่เราจะลงทุนอะไรก็ตาม ต้องทำการศึกษาหาข้อมูล เก็บรายละเอียดงานให้ครบ ตัวอย่างที่เราเล่าให้ฟัง ฟังดูเหมือนง่าย น่าจะใช้เวลาไม่มาก แต่การจะเอาสินค้าแต่ละชิ้นขึ้นขาย เราใช้เวลาศึกษากับมันมากพอสมควร ศึกษารายละเอียดทุกแง่มุม คาดเดาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและหาทางป้องกันไว้ก่อน การขายสินค้าไทย ช่วงแรกจะค่อนข้างเหนื่อย อีกคำแนะนำคือถ้าอยากรู้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็ลองดูสถิติการส่งออกค่ะ อาจได้ไอเดียพอสมควร โห สั่งผลิตเดือนละ 4 แสน ตังเยอะจังเลย :( มีตังทำไรก็สะดวก :wanwan044: ผ๋มมีเงินเก้บไม่กี่หมื่นเอง :wanwan008: เจ็เคยมีสินค้่าที่ราคา 75 บาท แต่เจ็ขายได้4500 บาท สู้ๆนะคะ มือใหม่ ไม่มีเงิน ก็ต้องใช้หัว :wanwan013: :wanwan013: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 07 พฤศจิกายน 2013, 11:11:51 -
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 07 พฤศจิกายน 2013, 11:14:20 เจ็เคยมีสินค้่าที่ราคา 75 บาท แต่เจ็ขายได้4500 บาท สู้ๆนะคะ มือใหม่ ไม่มีเงิน ก็ต้องใช้หัว :wanwan013: :wanwan013: เจ๊เปิดคอร์สอนอีเบย์เลยดีกว่าค่ะ อยากเรียน ไปดูคอร์สที่เปิดสอน ทำไมไม่รู้สึกอยากเรียน แต่อ่านที่เจ๊ตอบคำถาม เริ่มอยากเรียนแล้วค่ะ [/quote] หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 07 พฤศจิกายน 2013, 14:25:53 ถ้าลอง seach ดูสินค้าบน ebay หรือ etsy หมวด carving wood lamp จะเห็นชิ้นงานโคมไฟแกะสลัก ราคาขายรวมค่าส่งมีตั้งแต่ 1000 ถึง 5000 บาท รูปแบบการผลิตชิ้นงานเท่าที่ดูมันออกแนว commercial พอสมควร แต่สินค้าตัวที่เราเตรียมเอาขึ้นขาย เป็น Otop แถวอีสาน งาน art ลายไทยล้วนๆ ผู้ผลิตขายส่งให้เราชิ้นละ 500-700 บาท เรากะจะเอาขึ้นขายประมาณ 2-2,500 บาท(รวมค่าส่งแล้ว) งาน handmade ชิ้นแรกที่เราเอาขึ้นขาย ตอนนี้มันขายได้ทุกวัน แต่ได้ออร์เดอร์จากอเมซอนเป็นส่วนใหญ่ ออร์เดอร์จากอีเบย์มีทุกวัน แต่ไม่มาก ความรู้อีเบย์เรายังอยู่ในระดับอนุบาล กำลังพยายามเรียนรู้อยู่เหมือนกันค่ะ สินค้าชิ้นแรกเราขายได้ทุกวัน จำนวนออร์เดอร์ไม่หวือหวา แต่ได้จำนวนออร์เดอร์ใกล้เคียงกันทุกวัน ตอนนี้เราก็มองว่าสินค้าชิ้นนี้เริ่มไปได้ เราสั่งผลิตล็อตที่สองไปอีก 4 แสนบาท ช่วงแรกเราตั้งเป้าสั่งผลิตอยู่ในช่วง 3-5 แสนบาทคงที่ทุกเดือน ลองคำนวณดูว่าคนผลิตชิ้นงานให้เรา เค้าจะได้ออร์เดอร์คงที่ขั้นต่ำวันละ 10,000 บาท กำไรที่หักต้นทุนแล้วต่อเดือนน่าจะมีโอกาสได้ถึงหนึ่งแสนบาท ผู้ผลิตน่าจะมีกำลังใจในการผลิตชิ้นงานให้เราพอสมควร ออร์เดอร์ไม่หวือหวา ผู้ผลิตก็ผลิตตามปกติ ยังไม่ต้องขยายกำลังผลิต ต่อไปเราก็จะค่อยๆขยายตลาด ให้ผู้ผลิตค่อยๆปรับตัวเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ตอนนี้เราเริ่มหาลูกค้าที่จะมาเป็น reseller ในต่างประเทศ ทำไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เตรียมเอาชิ้นงานตัวใหม่ขึ้นขาย ถ้าใครอยู่ใกล้ผู้ผลิตสินค้า ถือว่ามีโอกาสที่ดี อาจแค่ไปขอถ่ายรูปเพื่อโพสต์ขายก่อน ยังไม่ต้องสั่งผลิตจำนวนมากในช่วงแรก (นี่คือรูปแบบการดรอบชิปแบบหนึ่ง) อย่าลืมเช็กเรื่องลิขสิทธิ์ตามที่คุณ Trudy แนะนำนะคะ สำคัญมาก ไม่ควรมีประวัติเสียในเรื่องพวกนี้ ข้อดีที่ช่วยให้เราขายสินค้าได้ง่ายอย่างหนึ่งคือ ความรู้ด้านการขนส่ง ช่วยลดปัญหาได้เยอะพอสมควร เราได้ลูกค้าจากประเทศที่เราไม่คาดว่าเค้าจะซื้อของออนไลน์กัน อย่าง อิรัก จอร์แดน ลัทเวียร์ โคลอมเบีย ชิลี เปรู อย่างการส่งสินค้าไปรัสเซีย shipping agent บางรายยังมาขอให้เราทำให้ เราก็เก็บกำไรไปตามระเบียบ การที่เราจะลงทุนอะไรก็ตาม ต้องทำการศึกษาหาข้อมูล เก็บรายละเอียดงานให้ครบ ตัวอย่างที่เราเล่าให้ฟัง ฟังดูเหมือนง่าย น่าจะใช้เวลาไม่มาก แต่การจะเอาสินค้าแต่ละชิ้นขึ้นขาย เราใช้เวลาศึกษากับมันมากพอสมควร ศึกษารายละเอียดทุกแง่มุม คาดเดาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและหาทางป้องกันไว้ก่อน การขายสินค้าไทย ช่วงแรกจะค่อนข้างเหนื่อย อีกคำแนะนำคือถ้าอยากรู้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็ลองดูสถิติการส่งออกค่ะ อาจได้ไอเดียพอสมควร โห สั่งผลิตเดือนละ 4 แสน ตังเยอะจังเลย :( มีตังทำไรก็สะดวก :wanwan044: ผ๋มมีเงินเก้บไม่กี่หมื่นเอง :wanwan008: เจ็เคยมีสินค้่าที่ราคา 75 บาท แต่เจ็ขายได้4500 บาท สู้ๆนะคะ มือใหม่ ไม่มีเงิน ก็ต้องใช้หัว :wanwan013: :wanwan013: ผ๋มไม่ค่อยเก่งเรื่องการขาย คงต้องค่อยๆขายไปทีละเล็กละน้อยอ่ะฮาฟ :-X ค่อยเก้บตัง เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ :wanwan011: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: pandazz ที่ 07 พฤศจิกายน 2013, 18:03:13 แหล่ม มีสาระดี
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: JOWPAA ที่ 07 พฤศจิกายน 2013, 20:16:57 หนทางของเรา ยังอีกยาวไกล :-[
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 08 พฤศจิกายน 2013, 13:19:03 ถ้าลอง seach ดูสินค้าบน ebay หรือ etsy หมวด carving wood lamp จะเห็นชิ้นงานโคมไฟแกะสลัก ราคาขายรวมค่าส่งมีตั้งแต่ 1000 ถึง 5000 บาท รูปแบบการผลิตชิ้นงานเท่าที่ดูมันออกแนว commercial พอสมควร แต่สินค้าตัวที่เราเตรียมเอาขึ้นขาย เป็น Otop แถวอีสาน งาน art ลายไทยล้วนๆ ผู้ผลิตขายส่งให้เราชิ้นละ 500-700 บาท เรากะจะเอาขึ้นขายประมาณ 2-2,500 บาท(รวมค่าส่งแล้ว) งาน handmade ชิ้นแรกที่เราเอาขึ้นขาย ตอนนี้มันขายได้ทุกวัน แต่ได้ออร์เดอร์จากอเมซอนเป็นส่วนใหญ่ ออร์เดอร์จากอีเบย์มีทุกวัน แต่ไม่มาก ความรู้อีเบย์เรายังอยู่ในระดับอนุบาล กำลังพยายามเรียนรู้อยู่เหมือนกันค่ะ สินค้าชิ้นแรกเราขายได้ทุกวัน จำนวนออร์เดอร์ไม่หวือหวา แต่ได้จำนวนออร์เดอร์ใกล้เคียงกันทุกวัน ตอนนี้เราก็มองว่าสินค้าชิ้นนี้เริ่มไปได้ เราสั่งผลิตล็อตที่สองไปอีก 4 แสนบาท ช่วงแรกเราตั้งเป้าสั่งผลิตอยู่ในช่วง 3-5 แสนบาทคงที่ทุกเดือน ลองคำนวณดูว่าคนผลิตชิ้นงานให้เรา เค้าจะได้ออร์เดอร์คงที่ขั้นต่ำวันละ 10,000 บาท กำไรที่หักต้นทุนแล้วต่อเดือนน่าจะมีโอกาสได้ถึงหนึ่งแสนบาท ผู้ผลิตน่าจะมีกำลังใจในการผลิตชิ้นงานให้เราพอสมควร ออร์เดอร์ไม่หวือหวา ผู้ผลิตก็ผลิตตามปกติ ยังไม่ต้องขยายกำลังผลิต ต่อไปเราก็จะค่อยๆขยายตลาด ให้ผู้ผลิตค่อยๆปรับตัวเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ตอนนี้เราเริ่มหาลูกค้าที่จะมาเป็น reseller ในต่างประเทศ ทำไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เตรียมเอาชิ้นงานตัวใหม่ขึ้นขาย ถ้าใครอยู่ใกล้ผู้ผลิตสินค้า ถือว่ามีโอกาสที่ดี อาจแค่ไปขอถ่ายรูปเพื่อโพสต์ขายก่อน ยังไม่ต้องสั่งผลิตจำนวนมากในช่วงแรก (นี่คือรูปแบบการดรอบชิปแบบหนึ่ง) อย่าลืมเช็กเรื่องลิขสิทธิ์ตามที่คุณ Trudy แนะนำนะคะ สำคัญมาก ไม่ควรมีประวัติเสียในเรื่องพวกนี้ ข้อดีที่ช่วยให้เราขายสินค้าได้ง่ายอย่างหนึ่งคือ ความรู้ด้านการขนส่ง ช่วยลดปัญหาได้เยอะพอสมควร เราได้ลูกค้าจากประเทศที่เราไม่คาดว่าเค้าจะซื้อของออนไลน์กัน อย่าง อิรัก จอร์แดน ลัทเวียร์ โคลอมเบีย ชิลี เปรู อย่างการส่งสินค้าไปรัสเซีย shipping agent บางรายยังมาขอให้เราทำให้ เราก็เก็บกำไรไปตามระเบียบ การที่เราจะลงทุนอะไรก็ตาม ต้องทำการศึกษาหาข้อมูล เก็บรายละเอียดงานให้ครบ ตัวอย่างที่เราเล่าให้ฟัง ฟังดูเหมือนง่าย น่าจะใช้เวลาไม่มาก แต่การจะเอาสินค้าแต่ละชิ้นขึ้นขาย เราใช้เวลาศึกษากับมันมากพอสมควร ศึกษารายละเอียดทุกแง่มุม คาดเดาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและหาทางป้องกันไว้ก่อน การขายสินค้าไทย ช่วงแรกจะค่อนข้างเหนื่อย อีกคำแนะนำคือถ้าอยากรู้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็ลองดูสถิติการส่งออกค่ะ อาจได้ไอเดียพอสมควร อ่านกระทู้นี้มาพักนึงแล้ว ชอบแนวคิดกับวิธีการทำงานของคุณ April มากครับ + ให้อีก 1 ครับ เพราะปกติ คนเรามักไม่ยอมลงมือ หรือไม่ก็เลิกกลางทางซะก่อน แต่ที่อ่านนี่ มีปัญหาก็ค่อยๆแก้ไป ทำไปเรื่อย ผ่านไปทีละขั้น มันหลักการง่ายๆครับ ปัญหาแยะๆใหญ่ๆ ก็ย่อยมันลงเป็นทีละชิ้นแล้วก็แก้ไปทีละขั้น ถ้าเรามองภาพใหญ่อย่างเดียวบางทีมันท้อ แล้วเลิกได้ครับ แถมวิธีคิด ก็ดีมาก ค่อยๆปรับเก็บคู่ค้า ผู้ผลิตไว้กับเรา นี่แหละครับ ที่จะทำให้เราอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว ที่จะแนะนำเพิ่มคือ พยายามสร้างความต่างของผลิตภัณเราด้วย เพราะความต่างแค่นิดเดียว มันทำให้เราขายได้ แต่คู่แข่งขายไม่ได้ ผมลองมาแล้ว ไม่ใช่แข่งด้านราคาอย่างเดียว ไม่ใช่แค่คนไทย พวกเล่นง่ายๆก็ลดราคา คิดได้อย่างเดียวคือลดราคา :wanwan015: คิดง่ายๆ ก็จบง่ายๆ ตายไป คนซื้อได้เต็มๆ แต่ไอ้คนขายเฮงซวยมาทำลายตลาดพอไม่เวิร์ค พาคนอื่นตายด้วย ดังนั้น สร้างจุดต่าง และสินค้าคุณจะพิสูจน์ตัวมันเองครับ เราก็เห็นด้วยว่าคุณ April รอบคอบดีจังทำธุรกิจค่อยๆมีกำไรอย่างมั้นคง และคุณ Loc,know ว่าอย่าขายของคัดราตา รายได้ส่วนหนึ่งขอวเราเป็น Supplier ให้กัยคนขายอีเบย์ใน US ส่วนหนึ่ง ขายของออกได้เร็ว เราจะมี message ในแต่ละ รายการสินค้าว่า If you'd like to purchase in bulk, I 'll give you a special discount. เตยมีลูกค้าที่ US บอกว่าถ้าฉันซื้อของเธอเยอะ เธออย่าขายของตัดราคาได้ไหม :wanwan011: เราก็บอกว่าได้ ไม ต้องกังวล เราไม่ขายของตัวนี้บน eBay ไปขายที่ etsy แทน :wanwan007: :wanwan007: อีกหนึ่งวิธีขายคือเอาคู่แข่งบน eBay เป็นพันธมิตร เรา สินค้าจะได้ราคาดี :wanwan003: มาถึงน้องใหม่ที่โดน Limit ขายสมมต 100 รายการต่อเดือน น้องต้องกลับไปเช็คดูว่า ใน 100 ห็รายการนี้ ขายของออกกี่รายการ อย่าตะบึ้ตะบันลงขายของแบบไม่วิเคราะห์ เดี๋ยวจะมาบอกทีหลังว่าก้าวข้ามอย่างไร :wanwan016: :wanwan016: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 08 พฤศจิกายน 2013, 14:50:28 ถ้าลอง seach ดูสินค้าบน ebay หรือ etsy หมวด carving wood lamp จะเห็นชิ้นงานโคมไฟแกะสลัก ราคาขายรวมค่าส่งมีตั้งแต่ 1000 ถึง 5000 บาท รูปแบบการผลิตชิ้นงานเท่าที่ดูมันออกแนว commercial พอสมควร แต่สินค้าตัวที่เราเตรียมเอาขึ้นขาย เป็น Otop แถวอีสาน งาน art ลายไทยล้วนๆ ผู้ผลิตขายส่งให้เราชิ้นละ 500-700 บาท เรากะจะเอาขึ้นขายประมาณ 2-2,500 บาท(รวมค่าส่งแล้ว) งาน handmade ชิ้นแรกที่เราเอาขึ้นขาย ตอนนี้มันขายได้ทุกวัน แต่ได้ออร์เดอร์จากอเมซอนเป็นส่วนใหญ่ ออร์เดอร์จากอีเบย์มีทุกวัน แต่ไม่มาก ความรู้อีเบย์เรายังอยู่ในระดับอนุบาล กำลังพยายามเรียนรู้อยู่เหมือนกันค่ะ สินค้าชิ้นแรกเราขายได้ทุกวัน จำนวนออร์เดอร์ไม่หวือหวา แต่ได้จำนวนออร์เดอร์ใกล้เคียงกันทุกวัน ตอนนี้เราก็มองว่าสินค้าชิ้นนี้เริ่มไปได้ เราสั่งผลิตล็อตที่สองไปอีก 4 แสนบาท ช่วงแรกเราตั้งเป้าสั่งผลิตอยู่ในช่วง 3-5 แสนบาทคงที่ทุกเดือน ลองคำนวณดูว่าคนผลิตชิ้นงานให้เรา เค้าจะได้ออร์เดอร์คงที่ขั้นต่ำวันละ 10,000 บาท กำไรที่หักต้นทุนแล้วต่อเดือนน่าจะมีโอกาสได้ถึงหนึ่งแสนบาท ผู้ผลิตน่าจะมีกำลังใจในการผลิตชิ้นงานให้เราพอสมควร ออร์เดอร์ไม่หวือหวา ผู้ผลิตก็ผลิตตามปกติ ยังไม่ต้องขยายกำลังผลิต ต่อไปเราก็จะค่อยๆขยายตลาด ให้ผู้ผลิตค่อยๆปรับตัวเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ตอนนี้เราเริ่มหาลูกค้าที่จะมาเป็น reseller ในต่างประเทศ ทำไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เตรียมเอาชิ้นงานตัวใหม่ขึ้นขาย ถ้าใครอยู่ใกล้ผู้ผลิตสินค้า ถือว่ามีโอกาสที่ดี อาจแค่ไปขอถ่ายรูปเพื่อโพสต์ขายก่อน ยังไม่ต้องสั่งผลิตจำนวนมากในช่วงแรก (นี่คือรูปแบบการดรอบชิปแบบหนึ่ง) อย่าลืมเช็กเรื่องลิขสิทธิ์ตามที่คุณ Trudy แนะนำนะคะ สำคัญมาก ไม่ควรมีประวัติเสียในเรื่องพวกนี้ ข้อดีที่ช่วยให้เราขายสินค้าได้ง่ายอย่างหนึ่งคือ ความรู้ด้านการขนส่ง ช่วยลดปัญหาได้เยอะพอสมควร เราได้ลูกค้าจากประเทศที่เราไม่คาดว่าเค้าจะซื้อของออนไลน์กัน อย่าง อิรัก จอร์แดน ลัทเวียร์ โคลอมเบีย ชิลี เปรู อย่างการส่งสินค้าไปรัสเซีย shipping agent บางรายยังมาขอให้เราทำให้ เราก็เก็บกำไรไปตามระเบียบ การที่เราจะลงทุนอะไรก็ตาม ต้องทำการศึกษาหาข้อมูล เก็บรายละเอียดงานให้ครบ ตัวอย่างที่เราเล่าให้ฟัง ฟังดูเหมือนง่าย น่าจะใช้เวลาไม่มาก แต่การจะเอาสินค้าแต่ละชิ้นขึ้นขาย เราใช้เวลาศึกษากับมันมากพอสมควร ศึกษารายละเอียดทุกแง่มุม คาดเดาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและหาทางป้องกันไว้ก่อน การขายสินค้าไทย ช่วงแรกจะค่อนข้างเหนื่อย อีกคำแนะนำคือถ้าอยากรู้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็ลองดูสถิติการส่งออกค่ะ อาจได้ไอเดียพอสมควร อ่านกระทู้นี้มาพักนึงแล้ว ชอบแนวคิดกับวิธีการทำงานของคุณ April มากครับ + ให้อีก 1 ครับ เพราะปกติ คนเรามักไม่ยอมลงมือ หรือไม่ก็เลิกกลางทางซะก่อน แต่ที่อ่านนี่ มีปัญหาก็ค่อยๆแก้ไป ทำไปเรื่อย ผ่านไปทีละขั้น มันหลักการง่ายๆครับ ปัญหาแยะๆใหญ่ๆ ก็ย่อยมันลงเป็นทีละชิ้นแล้วก็แก้ไปทีละขั้น ถ้าเรามองภาพใหญ่อย่างเดียวบางทีมันท้อ แล้วเลิกได้ครับ แถมวิธีคิด ก็ดีมาก ค่อยๆปรับเก็บคู่ค้า ผู้ผลิตไว้กับเรา นี่แหละครับ ที่จะทำให้เราอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว ที่จะแนะนำเพิ่มคือ พยายามสร้างความต่างของผลิตภัณเราด้วย เพราะความต่างแค่นิดเดียว มันทำให้เราขายได้ แต่คู่แข่งขายไม่ได้ ผมลองมาแล้ว ไม่ใช่แข่งด้านราคาอย่างเดียว ไม่ใช่แค่คนไทย พวกเล่นง่ายๆก็ลดราคา คิดได้อย่างเดียวคือลดราคา :wanwan015: คิดง่ายๆ ก็จบง่ายๆ ตายไป คนซื้อได้เต็มๆ แต่ไอ้คนขายเฮงซวยมาทำลายตลาดพอไม่เวิร์ค พาคนอื่นตายด้วย ดังนั้น สร้างจุดต่าง และสินค้าคุณจะพิสูจน์ตัวมันเองครับ เราก็เห็นด้วยว่าคุณ April รอบคอบดีจังทำธุรกิจค่อยๆมีกำไรอย่างมั้นคง และคุณ Loc,know ว่าอย่าขายของคัดราตา รายได้ส่วนหนึ่งขอวเราเป็น Supplier ให้กัยคนขายอีเบย์ใน US ส่วนหนึ่ง ขายของออกได้เร็ว เราจะมี message ในแต่ละ รายการสินค้าว่า If you'd like to purchase in bulk, I 'll give you a special discount. เตยมีลูกค้าที่ US บอกว่าถ้าฉันซื้อของเธอเยอะ เธออย่าขายของตัดราคาได้ไหม :wanwan011: เราก็บอกว่าได้ ไม ต้องกังวล เราไม่ขายของตัวนี้บน eBay ไปขายที่ etsy แทน :wanwan007: :wanwan007: อีกหนึ่งวิธีขายคือเอาคู่แข่งบน eBay เป็นพันธมิตร เรา สินค้าจะได้ราคาดี :wanwan003: มาถึงน้องใหม่ที่โดน Limit ขายสมมต 100 รายการต่อเดือน น้องต้องกลับไปเช็คดูว่า ใน 100 ห็รายการนี้ ขายของออกกี่รายการ อย่าตะบึ้ตะบันลงขายของแบบไม่วิเคราะห์ เดี๋ยวจะมาบอกทีหลังว่าก้าวข้ามอย่างไร :wanwan016: :wanwan016: เทคกะนิค แยบยล จิงๆเลยฮาฟ อ่าน 3 ก๊กมาป่าวเนี่ย :wanwan012: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 08 พฤศจิกายน 2013, 16:22:31 คุณ Trudy ต้องรีบปาดหน้าแซงโค้งมาสอนแล้วละ นักเรียนรอเพียบ
วันนี้วันเกิดครบรอบหนึ่งเดือนของ ebay store ของเรา ดีใจสุดๆ ทำมาได้ครบเดือนแล้ว หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: [ramen] ที่ 08 พฤศจิกายน 2013, 17:49:55 ลองหาหนังสือ negotiation มาอ่านดูค่ะ ไม่เอาหนังสือแปล หรือ pocket book, how to book ที่มีขายตามร้านนายอินทร์ ซีเอ็ด นะคะ เอาเล่มที่เป็นตำราเรียน อย่างของ Lewicki ไม่เคยมีชิปเมนท์ ไม่เคยขายของมาก่อนก็ยังดีลได้ ถ้างั้นจะมีจุดเริ่มได้ยังไงคะ เราไม่เคยส่งพัสดุย่อยเลย เริ่มขายครั้งแรก เราก็ใช้ DHL Express ที่ว่ามาใช่พวกนี้หรือเปล่าครับ https://www.se-ed.com/product/Mastering-Business-Negotiation-A-Working-Guide-to-Making-Deals-and-Resolving-Conflict.aspx?no=9780787980993&utm_source=Lewicki&utm_medium=author&utm_term=3&utm_campaign=WebSearch https://www.se-ed.com/product/Negotiation-Readings-Exercises-and-Cases-4ED-IE.aspx?no=9780071123167&utm_source=Lewicki&utm_medium=author&utm_term=2&utm_campaign=WebSearch ถ้าใช่มีแบบแปลไทยแล้วยังคงต้นฉบับไว้ หรือเปล่าครับ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: zidit ที่ 08 พฤศจิกายน 2013, 19:10:53 เข้ามาไล่อ่านดู รู้สึกได้อะไรไปเยอะเลยครับ ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆ ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 08 พฤศจิกายน 2013, 21:05:06 ลองหาหนังสือ negotiation มาอ่านดูค่ะ ไม่เอาหนังสือแปล หรือ pocket book, how to book ที่มีขายตามร้านนายอินทร์ ซีเอ็ด นะคะ เอาเล่มที่เป็นตำราเรียน อย่างของ Lewicki ไม่เคยมีชิปเมนท์ ไม่เคยขายของมาก่อนก็ยังดีลได้ ถ้างั้นจะมีจุดเริ่มได้ยังไงคะ เราไม่เคยส่งพัสดุย่อยเลย เริ่มขายครั้งแรก เราก็ใช้ DHL Express ที่ว่ามาใช่พวกนี้หรือเปล่าครับ https://www.se-ed.com/product/Mastering-Business-Negotiation-A-Working-Guide-to-Making-Deals-and-Resolving-Conflict.aspx?no=9780787980993&utm_source=Lewicki&utm_medium=author&utm_term=3&utm_campaign=WebSearch https://www.se-ed.com/product/Negotiation-Readings-Exercises-and-Cases-4ED-IE.aspx?no=9780071123167&utm_source=Lewicki&utm_medium=author&utm_term=2&utm_campaign=WebSearch ถ้าใช่มีแบบแปลไทยแล้วยังคงต้นฉบับไว้ หรือเปล่าครับ มี ebook แบบแปลไทย ไหมฮาฟ :wanwan011: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: porpum ที่ 09 พฤศจิกายน 2013, 00:16:56 มิน่า ของบนห้างก็ใช่ว่าจะดีซะแล้ว โอ้ กระเทียม
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: jibfolks ที่ 09 พฤศจิกายน 2013, 01:21:00 มาเก็บความรู้ครับ
ขอบคุณมากนะครับ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: aekkamol ที่ 09 พฤศจิกายน 2013, 01:34:54 เปิดคอร์สสอน ขอเรียนด้วยคน
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 09 พฤศจิกายน 2013, 21:10:23 ถ้าลอง seach ดูสินค้าบน ebay หรือ etsy หมวด carving wood lamp จะเห็นชิ้นงานโคมไฟแกะสลัก ราคาขายรวมค่าส่งมีตั้งแต่ 1000 ถึง 5000 บาท รูปแบบการผลิตชิ้นงานเท่าที่ดูมันออกแนว commercial พอสมควร แต่สินค้าตัวที่เราเตรียมเอาขึ้นขาย เป็น Otop แถวอีสาน งาน art ลายไทยล้วนๆ ผู้ผลิตขายส่งให้เราชิ้นละ 500-700 บาท เรากะจะเอาขึ้นขายประมาณ 2-2,500 บาท(รวมค่าส่งแล้ว) งาน handmade ชิ้นแรกที่เราเอาขึ้นขาย ตอนนี้มันขายได้ทุกวัน แต่ได้ออร์เดอร์จากอเมซอนเป็นส่วนใหญ่ ออร์เดอร์จากอีเบย์มีทุกวัน แต่ไม่มาก ความรู้อีเบย์เรายังอยู่ในระดับอนุบาล กำลังพยายามเรียนรู้อยู่เหมือนกันค่ะ สินค้าชิ้นแรกเราขายได้ทุกวัน จำนวนออร์เดอร์ไม่หวือหวา แต่ได้จำนวนออร์เดอร์ใกล้เคียงกันทุกวัน ตอนนี้เราก็มองว่าสินค้าชิ้นนี้เริ่มไปได้ เราสั่งผลิตล็อตที่สองไปอีก 4 แสนบาท ช่วงแรกเราตั้งเป้าสั่งผลิตอยู่ในช่วง 3-5 แสนบาทคงที่ทุกเดือน ลองคำนวณดูว่าคนผลิตชิ้นงานให้เรา เค้าจะได้ออร์เดอร์คงที่ขั้นต่ำวันละ 10,000 บาท กำไรที่หักต้นทุนแล้วต่อเดือนน่าจะมีโอกาสได้ถึงหนึ่งแสนบาท ผู้ผลิตน่าจะมีกำลังใจในการผลิตชิ้นงานให้เราพอสมควร ออร์เดอร์ไม่หวือหวา ผู้ผลิตก็ผลิตตามปกติ ยังไม่ต้องขยายกำลังผลิต ต่อไปเราก็จะค่อยๆขยายตลาด ให้ผู้ผลิตค่อยๆปรับตัวเพื่อเพิ่มกำลังผลิต ตอนนี้เราเริ่มหาลูกค้าที่จะมาเป็น reseller ในต่างประเทศ ทำไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เตรียมเอาชิ้นงานตัวใหม่ขึ้นขาย ถ้าใครอยู่ใกล้ผู้ผลิตสินค้า ถือว่ามีโอกาสที่ดี อาจแค่ไปขอถ่ายรูปเพื่อโพสต์ขายก่อน ยังไม่ต้องสั่งผลิตจำนวนมากในช่วงแรก (นี่คือรูปแบบการดรอบชิปแบบหนึ่ง) อย่าลืมเช็กเรื่องลิขสิทธิ์ตามที่คุณ Trudy แนะนำนะคะ สำคัญมาก ไม่ควรมีประวัติเสียในเรื่องพวกนี้ ข้อดีที่ช่วยให้เราขายสินค้าได้ง่ายอย่างหนึ่งคือ ความรู้ด้านการขนส่ง ช่วยลดปัญหาได้เยอะพอสมควร เราได้ลูกค้าจากประเทศที่เราไม่คาดว่าเค้าจะซื้อของออนไลน์กัน อย่าง อิรัก จอร์แดน ลัทเวียร์ โคลอมเบีย ชิลี เปรู อย่างการส่งสินค้าไปรัสเซีย shipping agent บางรายยังมาขอให้เราทำให้ เราก็เก็บกำไรไปตามระเบียบ การที่เราจะลงทุนอะไรก็ตาม ต้องทำการศึกษาหาข้อมูล เก็บรายละเอียดงานให้ครบ ตัวอย่างที่เราเล่าให้ฟัง ฟังดูเหมือนง่าย น่าจะใช้เวลาไม่มาก แต่การจะเอาสินค้าแต่ละชิ้นขึ้นขาย เราใช้เวลาศึกษากับมันมากพอสมควร ศึกษารายละเอียดทุกแง่มุม คาดเดาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและหาทางป้องกันไว้ก่อน การขายสินค้าไทย ช่วงแรกจะค่อนข้างเหนื่อย อีกคำแนะนำคือถ้าอยากรู้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็ลองดูสถิติการส่งออกค่ะ อาจได้ไอเดียพอสมควร อ่านกระทู้นี้มาพักนึงแล้ว ชอบแนวคิดกับวิธีการทำงานของคุณ April มากครับ + ให้อีก 1 ครับ เพราะปกติ คนเรามักไม่ยอมลงมือ หรือไม่ก็เลิกกลางทางซะก่อน แต่ที่อ่านนี่ มีปัญหาก็ค่อยๆแก้ไป ทำไปเรื่อย ผ่านไปทีละขั้น มันหลักการง่ายๆครับ ปัญหาแยะๆใหญ่ๆ ก็ย่อยมันลงเป็นทีละชิ้นแล้วก็แก้ไปทีละขั้น ถ้าเรามองภาพใหญ่อย่างเดียวบางทีมันท้อ แล้วเลิกได้ครับ แถมวิธีคิด ก็ดีมาก ค่อยๆปรับเก็บคู่ค้า ผู้ผลิตไว้กับเรา นี่แหละครับ ที่จะทำให้เราอยู่ในตลาดได้ในระยะยาว ที่จะแนะนำเพิ่มคือ พยายามสร้างความต่างของผลิตภัณเราด้วย เพราะความต่างแค่นิดเดียว มันทำให้เราขายได้ แต่คู่แข่งขายไม่ได้ ผมลองมาแล้ว ไม่ใช่แข่งด้านราคาอย่างเดียว ไม่ใช่แค่คนไทย พวกเล่นง่ายๆก็ลดราคา คิดได้อย่างเดียวคือลดราคา :wanwan015: คิดง่ายๆ ก็จบง่ายๆ ตายไป คนซื้อได้เต็มๆ แต่ไอ้คนขายเฮงซวยมาทำลายตลาดพอไม่เวิร์ค พาคนอื่นตายด้วย ดังนั้น สร้างจุดต่าง และสินค้าคุณจะพิสูจน์ตัวมันเองครับ เราก็เห็นด้วยว่าคุณ April รอบคอบดีจังทำธุรกิจค่อยๆมีกำไรอย่างมั้นคง และคุณ Loc,know ว่าอย่าขายของคัดราตา รายได้ส่วนหนึ่งขอวเราเป็น Supplier ให้กัยคนขายอีเบย์ใน US ส่วนหนึ่ง ขายของออกได้เร็ว เราจะมี message ในแต่ละ รายการสินค้าว่า If you'd like to purchase in bulk, I 'll give you a special discount. เตยมีลูกค้าที่ US บอกว่าถ้าฉันซื้อของเธอเยอะ เธออย่าขายของตัดราคาได้ไหม :wanwan011: เราก็บอกว่าได้ ไม ต้องกังวล เราไม่ขายของตัวนี้บน eBay ไปขายที่ etsy แทน :wanwan007: :wanwan007: อีกหนึ่งวิธีขายคือเอาคู่แข่งบน eBay เป็นพันธมิตร เรา สินค้าจะได้ราคาดี :wanwan003: มาถึงน้องใหม่ที่โดน Limit ขายสมมต 100 รายการต่อเดือน น้องต้องกลับไปเช็คดูว่า ใน 100 ห็รายการนี้ ขายของออกกี่รายการ อย่าตะบึ้ตะบันลงขายของแบบไม่วิเคราะห์ เดี๋ยวจะมาบอกทีหลังว่าก้าวข้ามอย่างไร :wanwan016: :wanwan016: เทคกะนิค แยบยล จิงๆเลยฮาฟ อ่าน 3 ก๊กมาป่าวเนี่ย :wanwan012: มาดูวิธีที่คุณ April เขาทำธุรกิจเขาทำการบ้านมาค่อนข้างดี คื :wanwan016:อ มาวิเคราะห์ตัวสินค้า 1 หาสินค้าที่ทำกำไรมาขาย 2 สินค้านี้ขายได้กำไรเท่าไหร่ / 1 หน่วย 3 ใน 1 เดือนเขาจะขายสินค้าตัวนี้ได้กี่ชิ้น 4 คุณ April หวังว่าจะได้กำไรขั้นต่ำ 1 แสน UP ใน 1 เดือน ตรงนี้น้องจับจุดได้หรือยังว่าสินค้าที่จะขายบนร้านใน eBay ควรจะเป็นสินค้าประเภทใด :wanwan005: กำไร = ยอดขาย – ต้นทุน 1 สินค้าที่คุณ April นำมาขายบน eBay เป็นสินค้าที่ขายได้ตลอดทั้งปี ไม่ตกรุ่นคู่แข่งน้อยไม่มีการทำสินค้าลอกเลียนแบบขาย 2 สินค้าที่ขายมีกำไรมากกว่า 100 % 3 สินค้าที่ขายคาดว่าขายออกวันละ 5 ชิ้น กำไรชิ้นละ $40 1 เดือนขายได้ 150 ชิ้น กำไรทั้งหมด $6000 เป็นเงิน 180,000 บาท ฝรั่งเรียกตัวเลขนี้ว่า Arbitrate Opportunity เกิดจากการเอาจำนวนครั้ง(จำนวนชิ้น) ของสินค้าที่คาดว่าจะขายได้ใน 1 เดือนx กำไรต่อหน่วย :wanwan004: :wanwan004: ส่วนตัวของพี่จะเอาสินค้าลงขายในร้านค้าสัก 1 รายการก็ต่อเมื่อสินค้านี้ทำกำไรอย่างน้อย$600 / 1 เดือน :wanwan002: เพราะพี่มีข้อจำกัดเรื่องแรงงาน แรงงานประจำคือพี่คนเดียว :wanwan022: ของพี่เป็นร้าน Basic Store ซึ่ง eBay ให้ลงสินค้าได้ 150 รายการใน 1 เดือน ดังนั้นกำไรของพี่ควรจะเป็น $600 x150 = ????? คือ รายได้ที่ดีที่สุด ดังนั้นน้องที่บอกว่า เบื่อที่โดน eBay limit การขาย สิ่งที่น้องควรทำควรไปหาสินค้ามาขายเป็นสินค้าที่ให้ ค่า Arbitrate Opportunity เยอะๆ ที่พี่เขียน Arbitrate Opportunity เพราะว่าบางคนอาจจะไปเรียนคอร์ส dropship ที่พี่เห็นค่าอบรม 9,000 บาท ซึ่งเขาจะมีหัวข้อ Arbitrate tools คือวิเคราะห์สินค้าที่ได้ กำไร ดี ลอง login เข้าไปใน eBay ใน หลายๆประเทศ สินค้าอะไรขายดี:wanwan007: :wanwan007: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: ebizsl007 ที่ 10 พฤศจิกายน 2013, 00:54:40 สวดยอดฮาฟ :wanwan003:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: maniacadsense ที่ 10 พฤศจิกายน 2013, 01:00:54 กระทู้นี้ดีเยี่ยมเลยครับ ขอบคุณสำหรับการแชร์ประสบการณ์ครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: lattlatt ที่ 10 พฤศจิกายน 2013, 10:21:16 ตามอ่านอยู่ทุกวัน มีประโยชน์มาก
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 12 พฤศจิกายน 2013, 11:46:40 ต่อค่ะ
อาจจะเป็นกระทู้สุดท้ายที่เราจะเขียน งานยุ่งจริงๆค่ะ เขียนแบบสรุปนะคะ ส่วนวิธีการขาย เราคิดว่าคุณ Trudy อธิบายได้ดีกว่าเรา ละเอียด ชัดเจนดี สาเหตุที่เราเลือกขายสินค้าไทยคือ เราต้องการตัดคู่แข่งจากประเทศอื่นออกไป ดูจากสถิติการส่งออก จะเห็นว่าสินค้าไทยมันขายได้ในเกือบทุกประเทศ สินค้าก็อยู่รอบๆตัวเรา แต่เรามองผ่านมันไปเท่านั้นเอง ถ้าตัดคู่แข่งจากจีน ฮ่องกง ออกไปได้ ที่เหลือก็ไม่ใช่คู่แข่งของเรา จุดอ่อนของคนไทยคือเรื่อง customer service ระบบการให้ feedback ของ Ebay กับ Amazon แตกต่างกัน โอกาสที่จะได้ negative feedback จาก Ebay จะน้อยกว่าจาก Amazon รวมถึงการถอน feedback ก็ทำได้ง่ายกว่า เราจึงชอบขายที่ Amazon มากกว่าเพราะคนไทยพอเปิดขายที่ Amazon ไปได้ซักพัก feedback ก็จะค่อยๆลดลงไปเอง ในการหาสินค้า เราเริ่มจากการ survey แบบกว้างๆ เริ่มจากตัวเรา สิ่งที่ใกล้ตัวเราแล้วค่อยๆขยายขอบเขตออกไป เมื่อได้ลิสต์สินค้าที่น่าสนใจ หลังจากนั้นก็ทำการวิเคราะห์ต้นทุน กำไร คู่แข่ง วิธีการขาย และจัดทำเรทติ้งสินค้า เพื่อจัดลำดับว่าเราจะเริ่มขายสินค้าตัวไหนก่อน เมื่อได้สินค้าแล้ว วิธีการขายก็อ่านจากกระทู้ของคุณ Trudy ต่อได้เลยค่ะ ที่สำคัญคือเราต้องเข้าใจสินค้าที่เราจะขาย จะเขียนอธิบายอย่างไร และต้องเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า ต้องรู้ว่าลูกค้าจะ search หาสินค้าของเราอย่างไร สำหรับตัวเราเอง ไม่ได้มีเทคนิกพิเศษอะไรเลย แต่คนที่มีปัญหาคือคู่แข่งของเรา ขายๆไป feedback ก็ลดลงเรื่อยๆ จะขายตัดราคายังไงก็ไม่กระทบกับเรา ครูของเราก็คือ Ebay store เวลาว่างนอกจากอ่านหนังสือแล้วเราก็ชอบวิเคราะห์ store ของคนอื่น ฝึกอ่านต้นทุนของสินค้า ไม่ว่าจะเดินห้าง จะไปเที่ยว จับของซักชิ้น ก็มักจะมองไปถึงต้นทุน ที่มาของสินค้า สิ่งเหล่านี้มันเป็นความชอบส่วนตัว ที่อาจจะช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้น ถ้ามองเห็นช่องทางหรือโอกาส แต่ไม่รีบคว้าเอาไว้ หรือไม่รีบทำ โอกาสมันไม่อยู่รอเรานะคะ คนที่เข้าตลาดไป เค้าย่อมหาทางปิดช่องทางไม่ให้คนอื่นตามเข้ามา สาเหตุของการไม่ประสบความสำเร็จอาจมาจากจุดเล็กๆคือการเชื่อโดยขาดการพิจารณา ขาดจินตนาการ ใครสอนใครเล่ามา อ่านหนังสือ อ่านบทความ ก็เชื่อเลยว่าใช่ ปัจจุบันมีการรับจ้างเขียนบทความ ทำวีดีโอสอนเพื่อเอาค่าโฆษณา มีงานเขียน มีสื่อที่ด้อยคุณภาพเพื่อทำ SEO ทำให้มีบทความซ้ำๆมากมาย อาจทำให้เรื่องบางเรื่องกลายเป็นประเด็นสำคัญ ยกตัวอย่างการทำสินค้าเราให้ติดอันดับต้นๆใน Amazon หลายๆบทความ ก็เขียนเน้นเกี่ยวกับ long-tail keyword, long-tail keyword เป็นผลจากสถิติ ที่แนะนำให้ใช้ keyword 3 คำ ซึ่งเราคิดว่าเพราะมันยังมีโอกาส match กับคำที่ลูกค้า search และยังให้ค่า index สูงสุด แต่ถ้าใช้ keyword 4 คำ แล้ว match ค่า index ย่อมสูงกว่า 3 คำแน่นอน ดังนั้นถ้าเราเข้าใจสินค้า เข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การทำสินค้าให้ติดอันดับต้นๆไม่ยากเลย การทำให้สินค้าเราติดอันดับต้นๆ ขั้นแรกปัจจัยพื้นฐานต้องดี สินค้า การนำเสนอ การขนส่ง และการบริการดี เมื่อพื้นฐานดี ตัว keyword ก็จะเป็นปัจจัยเสริมที่ดี เราต้องเลือกวางตำแหน่งคำให้ถูก คำไหนควรวางไว้ในส่วนของ keyword search คำไหนต้องวางไว้ที่ title สิ่งที่ Ebay แนะนำในการทำลิสติ้ง เพื่อให้ติดอันดับใน best match ก็เช่นเดียวกัน จะเห็นได้ว่าทั้งหมดที่แนะนำคือเพื่อทำให้มีโอกาสได้ order สิ่งที่มีผลมากกับอันดับคือ order หรือโอกาสที่จะได้ order สิ่งที่ Ebay แนะนำเป็นการแนะนำทั่วๆไป เพราะสินค้าบน Ebay หลากหลายมาก จึงไม่สามารถลงรายละเอียดสำหรับสินค้าแต่ละชนิดได้ ถ้าเราเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย หาวิธีดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าที่ Ebay แนะนำ นั่นคือโอกาสของสินค้าเราที่จะขึ้นหน้าแรกมากกว่าคนอื่นเช่นกัน เมื่อมี order ก็จะมี factor เข้ามาคูณ ทำให้อันดับใน best match ดี หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 12 พฤศจิกายน 2013, 11:49:37 ลองหาหนังสือ negotiation มาอ่านดูค่ะ ไม่เอาหนังสือแปล หรือ pocket book, how to book ที่มีขายตามร้านนายอินทร์ ซีเอ็ด นะคะ เอาเล่มที่เป็นตำราเรียน อย่างของ Lewicki ไม่เคยมีชิปเมนท์ ไม่เคยขายของมาก่อนก็ยังดีลได้ ถ้างั้นจะมีจุดเริ่มได้ยังไงคะ เราไม่เคยส่งพัสดุย่อยเลย เริ่มขายครั้งแรก เราก็ใช้ DHL Express ที่ว่ามาใช่พวกนี้หรือเปล่าครับ https://www.se-ed.com/product/Mastering-Business-Negotiation-A-Working-Guide-to-Making-Deals-and-Resolving-Conflict.aspx?no=9780787980993&utm_source=Lewicki&utm_medium=author&utm_term=3&utm_campaign=WebSearch https://www.se-ed.com/product/Negotiation-Readings-Exercises-and-Cases-4ED-IE.aspx?no=9780071123167&utm_source=Lewicki&utm_medium=author&utm_term=2&utm_campaign=WebSearch เล่มที่เรามีเป็นสีฟ้าค่ะ น่าจะเป็นเล่มเดียวกัน แต่คนละ edition เราซื้อจากศูนย์ฯหนังสือจุฬา เมื่อหลายปีก่อน ราคาราวๆ 600 บาท หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: chatkiti ที่ 12 พฤศจิกายน 2013, 12:01:18 :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: oriox ที่ 12 พฤศจิกายน 2013, 12:22:41 ขอย้อนกลับไปเรื่องกระเทียมนิดนะคะ ตอบแบบรวมๆ เราไม่ได้ไปตระเวณดูสินค้าจีนอย่างเดียว เวียดนาม ไทย เราก็ดู เราตระเวณดูการผลิตสินค้าเกษตรไทยมาเกือบครบทุกจังหวัด ก่อนที่จะไปดูของจีนกับเวียดนาม เรื่องกระเทียมนั้นเรายกตัวอย่างให้ดู บางทีอาจจะเขียนเกินไปหน่อยก็ต้องขออภัย แค่อยากชี้ประเด็นว่า คนจีน(แผ่นดินใหญ่)ส่วนใหญ่มีเป้าหมายคือความมั่งคั่ง การมีชีวิตที่หรูหรา นิสัยส่วนใหญ่คือ ขยัน อดทด ประหยัด และอีกอย่างที่จะเพิ่มให้คือความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมีน้อยเมื่อเทียบกับชนชาติอื่น เดินตามถนนก็จะรู้ กลิ่นมาก่อน ขยะเกลื่อน เวียดนามยังดูสะอาดตากว่า แต่ด้วยการก่อสร้างค่อนข้างเยอะ เมืองจึงเต็มไปด้วยฝุ่น นิสัย+ความเคยชินของคนจีนก็จะสะท้อนออกมาในผลิตภัณฑ์ของเค้าด้วย ผลิตภัณฑ์ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นหนักไปในการลดต้นทุน ไม่ค่อยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ ส่วนเรื่องผัก สำหรับเราไม่ไช่แค่ตระเวณดู เราปลูกผักขายตั้งแต่ประถม วัยเด็กครอบครัวเรายากจนมาก ตาม format ของครอบครัวคนอีสานที่ผู้นำครอบครัวขาดความรู้ ความรับผิดชอบ ยายไปขอใช้ที่ข้างบ้านซึ่งเป็นที่ดินที่คนมีตังซื้อเอาไว้มาปลูกผักขาย เราไม่ได้เรียนอนุบาลเพราะที่บ้านไม่มีตัง เข้าเรียนชั้นแรกคือป.1 ตอน 7 ขวบ ก่อนไปเรียน เราต้องทำงานบ้าน และรดน้ำผักก่อน เลิกเรียนก็ดิ่งกลับบ้าน ทำงานบ้านเสร็จก็รีบเข้าไปดูแลแปลงผัก ช่วยยายเก็บผักมาล้างแล้วก็มัดเป็นกำๆ กว่าจะเสร็จงานแต่ละวันเกือบเที่ยงคืน แล้วยายก็เอาไปขายตอนเช้ามืด ส่วนวันเสาร์อาทิตย์เราก็ติดสอยห้อยตามยายไปทำงานรับจ้างทั่วไป รับจ้างเก็บเกี่ยวบ้าง บางวันก็เย็บกระสอบอยู่ที่บ้าน ชีวิตเราก็ตามนั้น เราเคยปลูกประเทียม เพื่อเก็บเป็นกระเทียมแห้งไว้ขาย เมื่อผ่านขั้นตอนทุกอย่าง กระเทียมก็จะเก็บโดยการแขวนเอาไว้ เก็บดีกว่ากระเทียมจีนแน่นอน เห็นโพสนี้แล้วมีความรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา.... แต่อดทนแลพเพียรพยายามมากๆ :wanwan017: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: Mi-Duem ที่ 12 พฤศจิกายน 2013, 16:29:59 เขียนหนังสือขายได้เลยนะครับ อ่านแล้วเพลินด้วยทั้งๆทีเนื้อหาเน้นๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: asbot1 ที่ 12 พฤศจิกายน 2013, 16:34:19 น่าจะ quote ทั้งหมดไว้หน้าแรกเลยนะครับ จะได้อ่านง่ายๆ :P
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: DDD1985 ที่ 13 พฤศจิกายน 2013, 13:35:52 ขอบคุณมากครับ :wanwan017: :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: prikthai ที่ 13 พฤศจิกายน 2013, 14:36:34 มันส์หยดติ๋ง เปิดโลกทัศน์ได้ดีเยี่ยมจริงๆ :wanwan020:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: tobythebook ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 14:35:10 มาลงชื่ออ่าน ขอบคุณค่ะ :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 16 พฤศจิกายน 2013, 21:13:23 สำหรับคำถามในข้อความส่วนตัว...
ถามเราได้ค่ะ แต่ไม่ควรบอกว่าคุณขายอะไร เราตอบให้รวมๆตามด้านล่างนี้นะคะ การขายของออนไลน์เป็นการลงทุนทำธุรกิจแบบหนึ่ง ตลาดเป็นของคนที่พร้อมลงทุน อาจลงทุนด้วยเงินหรือเวลา ก็ขึ้นกับความพร้อมของผู้ลงทุน ถ้างบน้อย อาจเริ่มจากการติดต่อ supplier แล้วก็เอาสินค้ามาขายก่อน ได้ order แล้วค่อยสั่งซื้อมาส่งให้ลูกค้าก็ได้ หรือถ้าจะเริ่มจาก dropship ก็ต้องให้เวลากับมันพอสมควร ในเวบ dropship มันจะต้องมีของที่ขายได้กำไรอยู่บ้าง แต่สัดส่วนจะน้อย เช่น จำนวนสินค้า 5000-10000 ชิ้น คุณอาจจะเจอสินค้าที่ทำกำไรได้ซัก 50-100 ชิ้น ใช้เวลาในการหาสินค้าพอควร หลังจากอ่านหนังสือหรือเข้าอบรม ก่อนเริ่มขาย เราแนะนำให้ศึกษา ebay store ของคนที่ประสบความสำเร็จ หลายๆ store ก่อน อ่านตั้งแต่ title ไปจนจบ แล้วก็หาเหตุผลว่าทำไมเค้าถึงทำแบบนั้น ศึกษาให้ละเอียดในทุกแง่มุม สำหรับการดีลบริษัทชิปปิ้ง ต้องมีแผนธุรกิจที่ดี ถ้าไม่มีบริษัทจะต้องมีเงินมัดจำ 50,000 บาท ถ้ารับได้กับ transit time 3-5 วัน แนะนำให้ลองติดต่อ DHL เพราะมีฐานลูกค้ารายเล็กมากพอสมควร โอกาสได้อนุมัติก็จะสูงกว่าบริษัทอื่น ส่วน Fedex UPS จะมี extra charge ค่อนข้างสูง ถ้าไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ก็จะไม่ได้รับการยกเว้น extra charge DHL ค่อนข้างเป็นที่นิยมถ้าเทียบกันในพื้นที่ที่เราใช้งานอยู่ แต่ละวัน Courier DHL ต้องวิ่งรับงาน 60-70 แห่งต่อวัน ส่วน UPS, Fedex วิ่งรับงาน 5-10 แห่งต่อวัน ตัวเลขนี้อาจบอกอะไรได้หลายๆอย่าง กรณีที่ต้องเสียภาษี DHL จะมีค่าใช้จ่ายต่ำสุดเมื่อเทียบกับ 3 บริษัท ตัวอย่างที่เราเจอมา กรณีส่งสินค้าเข้าอังกฤษเราทดลองส่งกับสามบริษัท สินค้าแบบเดียวกัน declare value เท่ากัน DHL เรียกเก็บ 5 GBP, Fedex 15 GBP, UPS 35 GBP สำหรับ Fedex จะมี hidden cost อย่างอื่นเพิ่มเข้ามาอีก อย่างค่า residential address (95 บาท), out of service address (320 บาท), Saturday delivery/pick up (300 บาท), address correction (150 บาท) hidden cost เหล่านี้คิดต่อ shipment Fedex เรียกค่าเหล่านี้ว่า surcharge แต่เราเรียกมันว่า hidden cost ซึ่ง surcharge เหล่านี้ DHL กับ UPS ไม่เก็บ Hidden cost ของ UPS Fedex อีกอย่างคือกรณีนำส่งไม่ได้ พัสดุถูกตีกลับ เราก็จะถูกเรียกเก็บค่าส่งขาเข้า ถ้าไม่ได้ทำดีลเอาไว้ ขั้นต่ำชิปละสามพันกว่าบาท ในขณะที่ DHL ไม่คิดเงินกรณีพัสดุถูกตีกลับไทย อีกหนึ่งข้อเสียของ UPS คือ ในการคำนวณภาษี UPS เค้าจะเอาค่าส่งราคาเต็มมาคิด ค่าใช้จ่ายเมื่อต้องเสียภาษี = (ค่าสินค้า +ค่าส่งราคาเต็ม) * อัตราภาษี + ค่าธรรมเนียมของ UPS การคำนวณภาษีแบบนี้ทำให้ค่าใช้จ่ายของ UPS สูงกว่าบริษัทอื่น ถึงจะ declare เป็น GIFT ก็ไม่มีผล UPS จะเช็กจากระบบว่าเรามีการส่งพัสดุบ่อยหรือไม่ ถ้าส่งเป็นประจำเค้าก็จะไม่มองว่าเป็น GIFT โครงสร้างส่วนลดของ DHL สำหรับลูกค้า e-com จะมีทั้งหมด 6 โครงสร้าง 1 – 6 , EC1 จะได้ส่วนลดน้อยที่สุด ถ้าดีลครั้งแรก พยายามให้ได้ส่วนลดที่ 2-3 ก็สามารถแข่งขันกับพัสดุย่อยได้สบายๆแล้ว แต่ถ้ามีแผนธุรกิจที่ดีมากๆ เจรจาเก่ง ก็จะสามารถขอส่วนลดพิเศษได้ คือส่วนลดสูงกว่าโครงสร้างที่ 6 ลูกค้า Top10 ก็ใช้เรทพิเศษนี้กันอยู่ ตอนนี้ DHL เป็นคนบริหารจัดการการขนส่งระหว่างประเทศให้กับไปรษณีย์ไทย ต่อไปไปรษณีย์ไทยอาจมีการเปลี่ยนแปลง DHL ค่อนข้างเข้มงวดกับการตรวจสอบพัสดุก่อนการส่งออก อนาคตถ้า DHL มี shipment volume สูงขึ้นก็อาจทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง โอกาสต่อรองเรทได้ดีก็มีสูงขึ้น สำหรับ UPS จะขออนุมัติที่สิงคโปร์ ทำให้ขอเรทยากกว่าบริษัทอื่น ส่วน Fedex จะเป็นบริษัทที่ขออนุมัติเรทง่ายที่สุด แต่ hidden cost เยอะมาก ข้อดีของ UPS คือ transit time ในอเมริกา 80% ใช้เวลาแค่ 2 วัน ข้อดีของ FedEx คือ transit time ดีในทุกๆประเทศ แต่พัสดุขาเข้าอเมริกามักถูกสุ่มตรวจ ข้อดีของ DHL คือ เคลียร์ของเก่ง ส่งกับ DHL ไม่ค่อยเจอสุ่มตรวจ ไม่ค่อยเจอภาษี แต่ transit time ไม่ค่อยดี เราหวังว่าข้อมูลที่เราให้มา จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ เลือกดีลตามอัธยาศัย เบอร์โทร DHL 02 345-5000, FedEx: 1782, UPS: 02 762-3300 หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: DePe ที่ 16 พฤศจิกายน 2013, 21:15:46 oh ได้ความรู้เยอะมากครับ ติดตามต่อครับผม ขอบคุณทุกท่านที่แชร์ครับ :wanwan017: :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: kobthekop ที่ 22 เมษายน 2014, 23:07:59 ขออ้างอิงและสอบถามคุณ April07 ครับ
"ข้อดีของ DHL คือ เคลียร์ของเก่ง ส่งกับ DHL ไม่ค่อยเจอสุ่มตรวจ ไม่ค่อยเจอภาษี แต่ transit time ไม่ค่อยดี" อันนี้เป็นเฉพาะในกรณีส่งออกหรือเปล่าครับ เพราะปกติผมจะสั่งสินค้าแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่งจากจากเว็บไซต์ฝั่ง UK เพื่อนำมาขายในไทย ซึ่งในการจัดส่งแต่ละครั้งจะโดนศุลกากรคิดเรทภาษีอยู่ที่ 40-45% ทุกครั้ง โดยจะมี sms จาก DHL แจ้งยอด เพื่ือให้โอนเข้าบัญชี (ผมอยู่ต่างจังหวัด) โดยเมื่อผมโอนเงินชำระค่าภาษีแล้ว ใน sms บอกว่าให้เมล์หลักฐานการโอนเงินไปที่อีเมล์ [email protected] ที่ผมอยากทราบว่านี่คือขั้นตอนตามปกติของ DHL ในการนำเข้าสินค้าหรือเปล่าครับ ... ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: Cevic ที่ 23 เมษายน 2014, 01:08:40 ข้อมูลแน่นจริงๆ
อยากเอาของไปขายบ้าง แต่ติดเรื่อง shipping ค่าส่งแพง ต้องศึกษาข้อมูลอีกเยอะ :P หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: fallenwing ที่ 23 เมษายน 2014, 01:54:43 :wanwan014: :wanwan014: :wanwan014:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: razY ที่ 23 เมษายน 2014, 05:03:36 ประสพการณ์สำคัญกว่าตำรา ขอบคุณครับ :wanwan017:
..... +1 หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: pichit roungsakul ที่ 23 เมษายน 2014, 08:01:43 :wanwan008: :wanwan008:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 23 เมษายน 2014, 09:28:10 ขออ้างอิงและสอบถามคุณ April07 ครับ "ข้อดีของ DHL คือ เคลียร์ของเก่ง ส่งกับ DHL ไม่ค่อยเจอสุ่มตรวจ ไม่ค่อยเจอภาษี แต่ transit time ไม่ค่อยดี" อันนี้เป็นเฉพาะในกรณีส่งออกหรือเปล่าครับ เพราะปกติผมจะสั่งสินค้าแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่งจากจากเว็บไซต์ฝั่ง UK เพื่อนำมาขายในไทย ซึ่งในการจัดส่งแต่ละครั้งจะโดนศุลกากรคิดเรทภาษีอยู่ที่ 40-45% ทุกครั้ง โดยจะมี sms จาก DHL แจ้งยอด เพื่ือให้โอนเข้าบัญชี (ผมอยู่ต่างจังหวัด) โดยเมื่อผมโอนเงินชำระค่าภาษีแล้ว ใน sms บอกว่าให้เมล์หลักฐานการโอนเงินไปที่อีเมล์ [email protected] ที่ผมอยากทราบว่านี่คือขั้นตอนตามปกติของ DHL ในการนำเข้าสินค้าหรือเปล่าครับ ... ขอบคุณครับ ที่เราอธิบายเป็นเป็นขาออกเน้นเข้าอเมริกาเพราะเป็นตลาดใหญ่ค่ะ สินค้าขาเข้า ถ้าเป็นสินค้าแบรนด์เนม ภาษีค่อนข้างแพง และเลี่ยงยาก ถ้าเค้าให้โอนจ่ายภาษีก่อนจะดีค่ะ แสดงว่าจะไม่มี extra fee อันนี้เป็นข้อดีนะ ถ้า COD จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกหลายร้อย คุณ kobthekop น่าจะเลือกชิปปิ้งถูกแล้วค่ะ เพราะส่งไปรษณีย์ปกติโอกาสหายเกือบ 100% ถ้าอยากรู้ว่าได้เรทถูกมั้ย pm รายละเอียดให้เราก็ได้ว่า นำเข้าล็อตละกี่กก. กี่วันครั้ง ขนาดสินค้าเป็นยังไง ถ้านำเข้าบ่อยๆน่าจะได้ส่วนลดสูงอยู่นะคะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: 50kpm ที่ 23 เมษายน 2014, 09:32:36 ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันครับ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: madopong ที่ 23 เมษายน 2014, 12:10:57 :wanwan017: :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 23 เมษายน 2014, 12:18:03 ข้อมูลแน่นจริงๆ 1 อ่านแยะเยอะ สังเกตเยอะๆอยากเอาของไปขายบ้าง แต่ติดเรื่อง shipping ค่าส่งแพง ต้องศึกษาข้อมูลอีกเยอะ :P อยากขายของแบบ 7-11 หรือ สินค้า Niche หรือ ถ้าค่าส่งแพง หาสินค้าอื่นมาขาย ก่อนอื่น ไปดูว่ามีเจ้าไหนขายบ้าง เจ้าใหญ่ เปิดคอร์สอบรม ebay amazon ด้วย เขาขายสินค้าแบบ 7-11 ของราคาเท่าไหร่ ราตาส่งเท่าไหร่ ดูเหมือนเขาจะขาดทุน แต่ไม่ขาดทุน ส่งยาหม่องเสือ 12 ขวด 30g เฉลี่ย ขวดละ $5 free shipping เราทำได้อย่างเขาหรือเปล่า วิชาที่แต่ละสำนักไม่ได้สอนในหลักสูตร advance คือ วิชา deal กับ shipping ไม่ใช่แนะนำ shipping มา แล้วไม่บอก rate ทั้ง 6 ระดับนะ ไม่ถือเป็น Advance ราคาค่าส่ง ของคนขายรายใหญ่ 7 หลัก ขี้นไปต่อเดือน มีอยู่ 6 ระดับ มือใหม่ ประสบปัญหา ไม่รู่จะขายอะไรดี ของหาย ลูกค้าโกง ขายของขาดทุน โดนโมษณาหลอกให้ไปขายสืนค้าตัวนี้สี ได้ ราตาดี ไปอบรมเสียเงินแพงก็ไม่เห็นจะขายดีเหมือนคนสอน มือเก่า ประสบปัญหา ขายของโดนตัดราคา กำไรลดลง โดน copy สินค้าทั้งร้าน 2 ถ้าจะให้แนะนำ คือตั้งสติให้ดี หาสาเหตุของปัญหา แล้วก็ก้าวผ่านให้พ้น สู้ๆจ้า :wanwan003: :wanwan003: :wanwan003: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: pichit roungsakul ที่ 23 เมษายน 2014, 13:02:12 ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: carpark ที่ 23 เมษายน 2014, 16:01:30 ขอบคุณครับ :wanwan020:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: carpark ที่ 23 เมษายน 2014, 16:07:40 ขอบคุณมากครับ :wanwan020:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: iceink555 ที่ 23 เมษายน 2014, 16:16:33 ขอบคุณครับ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: Cevic ที่ 23 เมษายน 2014, 17:20:24 อยากทราบเรื่อง FBA ถ้าใช้เครื่อง print แบบ inkjetสีธรรมดา จะปริ้นBarcode ได้ดี มีปัญหาหรือเปล่าครับ
ยังไม่มีตังซื้อเครื่องปริ้นBarcode กับ Laser ยิงบาร์โคดครับ :wanwan017: หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: kobthekop ที่ 23 เมษายน 2014, 20:14:48 ที่เราอธิบายเป็นเป็นขาออกเน้นเข้าอเมริกาเพราะเป็นตลาดใหญ่ค่ะ สินค้าขาเข้า ถ้าเป็นสินค้าแบรนด์เนม ภาษีค่อนข้างแพง และเลี่ยงยาก ถ้าเค้าให้โอนจ่ายภาษีก่อนจะดีค่ะ แสดงว่าจะไม่มี extra fee อันนี้เป็นข้อดีนะ ถ้า COD จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกหลายร้อย คุณ kobthekop น่าจะเลือกชิปปิ้งถูกแล้วค่ะ เพราะส่งไปรษณีย์ปกติโอกาสหายเกือบ 100% ถ้าอยากรู้ว่าได้เรทถูกมั้ย pm รายละเอียดให้เราก็ได้ว่า นำเข้าล็อตละกี่กก. กี่วันครั้ง ขนาดสินค้าเป็นยังไง ถ้านำเข้าบ่อยๆน่าจะได้ส่วนลดสูงอยู่นะคะ ขอบคุณสำหรับคำตอบ และประสบการณ์ตรงที่คุณ April07 นำมาแบ่งปันครับ โอกาสหน้าหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้า ผมขออนุญาตสอบทางไปทาง pm นะครับ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: patcharapna ที่ 23 เมษายน 2014, 23:20:40 ขอบคุณทั้ง2ท่านครับ มีประโยชน์มากเลย คุณtrudy เมื่อไรจะขายหนังสือครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: squidbanana ที่ 24 เมษายน 2014, 01:01:36 อยากทราบเรื่อง FBA ถ้าใช้เครื่อง print แบบ inkjetสีธรรมดา จะปริ้นBarcode ได้ดี มีปัญหาหรือเปล่าครับ ยังไม่มีตังซื้อเครื่องปริ้นBarcode กับ Laser ยิงบาร์โคดครับ :wanwan017: เดี๋ยวนี้มีกระดาษสติ๊กเกอร์แบบที่ใช้กับ Inkjet แล้ว มันจะเขียนบอกว่าใช้กับเครื่อง Inkjet ได้ในระดับดี แต่ถ้าใช้กับเครื่อง Laser จะดีกว่ามาก แต่มันก็ใช้ได้นะครับ ผมก็ใช้ Inkjet L110 ของ Epson ครับ เพิ่งลองส่ง FBA ไป ออเดอร์แรก ก็พิมพ์ได้ปรกติไม่มีปัญหานะครับ ส่งไปถึง ขายได้ด้วย . หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: cloudsphere ที่ 24 เมษายน 2014, 08:54:36 เข้ามารับฟังด้วย ขอบคุณมากๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: touchapong ที่ 24 เมษายน 2014, 11:56:15 ขอความรู้ด้วยครับ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: Punisher ที่ 24 เมษายน 2014, 15:11:12 ทิ้งท้ายเอาไว้ค่ะ ถ้าสินค้าทำกำไรเฉลี่ยชิ้นละ $20-25 ขายได้เฉลี่ยวันละ 5 ชิ้น แค่นี้ก็ได้เดือนละแสนแล้วนะคะ ไม่จำเป็นต้องขายเพชร อัญมณี (กรณีที่เราไม่ถนัด) คนขายเพชร อัญมณี น่าจะได้กำไรมากกว่านี้เยอะ สินค้าที่เราขาย เป็นสินค้าไทย ต้นทุน $30 กำไรเฉลี่ย $20-25 ขายได้มากกว่าวันละ 5 ชิ้นทุกวัน ตั้งแต่เปิดขายมา เราจึงสนใจที่จะเอาสินค้าไทยขึ้นขาย ราคาไม่ผันผวน ทำลิสติ้งเสร็จ ก็จะบริหารสต๊อกอย่างเดียว ถ้าขายพวกสินค้าตกแต่งบ้าน โคมไฟแฮนเมด ดีไซน์สวยๆ ยังมีโอกาสได้ลูกค้าประจำด้วยนะคะ พวกโรงแรม ร้านค้า อาจสั่งผลิต สินค้าไทยมีศักยภาพทำกำไรได้สูง เพราะมันมีวัฒนธรรมของไทยไปผสมผสานอยู่ในนั้น มันจึงดูเป็นสินค้าที่มีเสน่ห์ ฝรั่งจึงชอบ คนจีนหรือเอเชียก็ชอบนะคะ ถ้าขายพวกสินค้าตกแต่งบ้าน โคมไฟแฮนเมด ดีไซน์สวยๆ ยังมีโอกาสได้ลูกค้าประจำด้วยนะคะ พวกโรงแรม ร้านค้า อาจสั่งผลิต ตรงนี้ ขอให้คุณ April ถามผู้ผลิตออกไปว่า ออกแบบเองหรือไม่ มีลิชสิทธิชองเขาเองหรือเปล่า เพราะมีของแต่งบ้านไม่น้อยที่ไป copy แบบเขามา อย่างน้องคนนึงที่ List โดน Remove เขานึกว่าคนไทยแกล้ง ปรากฤว่าลายบนกำไลไม้มะม่วง ไปเหมือนกับลายบน website ใน US ตนที่แจ้งชายบย eBay แต่เขาไม่ได้เอาสินค้าตัวนี้ลง ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ :wanwan017: ไม่ได้เข้าบอร์ดซะนาน เข้ามาขอยืนยันว่าของ otop บางอย่างประเทศเราไปก๊อปเค้ามา ตามที่เจ๊โหดว่ามาครับ(โดนลบคาตาเลย) สำหรับท่านที่จะขายก็เช็คก่อน list สินค้าสักนิดครับเดียวจะโดนแบบผม ส่วนเรื่องกระเทียม บ้านผมก็ปลูกครับ ปลูกตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าแล้ว มาถึงพ่อแม่ผมในปัจจุบันก็ยังปลูกอยู่(สนใจติดต่อผมได้ครับผมให้ราคางามนะ :wanwan004:) เรียกว่าปลูกทั้งตำบลดีกว่า มีทั้งหอมแดง และกระเทียม ตั้งแต่เป็นเด็กผมก็เดินสายปลูก รดน้ำ ใส่ปุ๋ย แบก แขวน รัว ตัด มัด ทำมาแล้วทุกขั้นตอน ซึ่งขอยืนยันว่าไม่มีขั้นตอนใหนที่น่ากลัวแบบคนจีนทำครับ(หรือที่อื่นอาจจะมีก็ได้ แต่เท่าที่ทำมาตั้งแต่เด็ก ยังไม่เคยเห็น) อย่างมากก็ใช้ ปุ๋ยพืชสด กับปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมึกชีวะภาพหมักน้ำยาem(ปัจจุบันส่วนมากเห็นแต่ใช้ปุ๋ยเคมีกันแล้ว)ที่ได้จากมูลวัวควายเอาไปตากให้แห้งก่อน ส่วนถ้าถอนเสร็จต้องขนมาแขวนตาก ภายในวันนั้นเลยครับ ถ้าเอากองไว้ข้ามคืนมีเน่า และมีความชื้นถ้าขายราคาจะตกครับ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 24 เมษายน 2014, 18:44:44 ส่วนเรื่องกระเทียม บ้านผมก็ปลูกครับ ปลูกตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าแล้ว มาถึงพ่อแม่ผมในปัจจุบันก็ยังปลูกอยู่(สนใจติดต่อผมได้ครับผมให้ราคางามนะ :wanwan004:) เรียกว่าปลูกทั้งตำบลดีกว่า มีทั้งหอมแดง และกระเทียม ตั้งแต่เป็นเด็กผมก็เดินสายปลูก รดน้ำ ใส่ปุ๋ย แบก แขวน รัว ตัด มัด ทำมาแล้วทุกขั้นตอน ซึ่งขอยืนยันว่าไม่มีขั้นตอนใหนที่น่ากลัวแบบคนจีนทำครับ(หรือที่อื่นอาจจะมีก็ได้ แต่เท่าที่ทำมาตั้งแต่เด็ก ยังไม่เคยเห็น) อย่างมากก็ใช้ ปุ๋ยพืชสด กับปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมึกชีวะภาพหมักน้ำยาem(ปัจจุบันส่วนมากเห็นแต่ใช้ปุ๋ยเคมีกันแล้ว)ที่ได้จากมูลวัวควายเอาไปตากให้แห้งก่อน ส่วนถ้าถอนเสร็จต้องขนมาแขวนตาก ภายในวันนั้นเลยครับ ถ้าเอากองไว้ข้ามคืนมีเน่า และมีความชื้นถ้าขายราคาจะตกครับ แล้วกระเทียมยังขายได้กำไรมั้ยคะ สงสัยมากๆ ว่าคนปลูกกระเทียมไทยอยู่ได้ยังไง หลายปีก่อนเคยได้ข่าวว่าพวกขาใหญ่ทางเหนือขนกระเทียมเถื่อนเข้าทีเป็นลำเรือ แถมค้ายากันเยอะด้วย นำเข้าผักผลไม้จีนบังหน้า เวลากระจายสินค้าก็กระจายยาไปด้วย 2-3 ปีก่อน เรานำเข้าทับทิมมาขาย แปลกใจมากว่าทำไมราคาขายในตลาดถูกจัง เหมือนขายขาดทุนกัน มาถึงบางอ้อเมื่อเห็นข่าวรถทับทิมคว่ำ แต่ยาบ้ากระจาย หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: Punisher ที่ 25 เมษายน 2014, 10:53:07 แล้วกระเทียมยังขายได้กำไรมั้ยคะ สงสัยมากๆ ว่าคนปลูกกระเทียมไทยอยู่ได้ยังไง หลายปีก่อนเคยได้ข่าวว่าพวกขาใหญ่ทางเหนือขนกระเทียมเถื่อนเข้าทีเป็นลำเรือ แถมค้ายากันเยอะด้วย นำเข้าผักผลไม้จีนบังหน้า เวลากระจายสินค้าก็กระจายยาไปด้วย 2-3 ปีก่อน เรานำเข้าทับทิมมาขาย แปลกใจมากว่าทำไมราคาขายในตลาดถูกจัง เหมือนขายขาดทุนกัน มาถึงบางอ้อเมื่อเห็นข่าวรถทับทิมคว่ำ แต่ยาบ้ากระจาย ก็มีกำไรบ้างนะครับแล้วแต่ปี(ส่วนมากพ่อแม่ผมเป็นทำไม่ค่อยได้รู้เรื่องกำไรขาดทุนกับเค้า) บ้างปีก็ขาดทุนเพราะโดนพ่อค้าคนกลางกดราคา โดยมากแล้วชาวสวนเค้าจะขายยกให้พ่อค้าคนกลางครับ แต่จะเหลือในส่วนหัวพันธุ์เก็บไว้ปลูกปีต่อไป หรือไม่ก็ปลูกแล้วเปิดท้ายขายย่อย ส่วนขาใหญขายกระเทียม+ยานี้ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะที่บ้านผมเป็นแค่คนปลูกแล้วขายยกให้พ่อค้าอีกทีไม่ได้ส่งออกครับ อ่อ ขยายความนิดหน่อยเดียวจะเข้าใจผิดกัน ที่ผมบอกว่า "ไม่มีขั้นตอนใหนที่น่ากลัวแบบคนจีนทำ" ผมหมายถึงไม่ได้ใช้อึคนราดแบบในจีนครับ พิมพ์พิสดารไปหน่อยต้องขอโทษด้วยครับ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: buy high pr domain ที่ 25 เมษายน 2014, 11:27:37 ถ้าเป็นสินค้าแบรนด์เนม ภาษีค่อนข้างแพง
หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 25 เมษายน 2014, 11:46:15 แล้วกระเทียมยังขายได้กำไรมั้ยคะ สงสัยมากๆ ว่าคนปลูกกระเทียมไทยอยู่ได้ยังไง หลายปีก่อนเคยได้ข่าวว่าพวกขาใหญ่ทางเหนือขนกระเทียมเถื่อนเข้าทีเป็นลำเรือ แถมค้ายากันเยอะด้วย นำเข้าผักผลไม้จีนบังหน้า เวลากระจายสินค้าก็กระจายยาไปด้วย 2-3 ปีก่อน เรานำเข้าทับทิมมาขาย แปลกใจมากว่าทำไมราคาขายในตลาดถูกจัง เหมือนขายขาดทุนกัน มาถึงบางอ้อเมื่อเห็นข่าวรถทับทิมคว่ำ แต่ยาบ้ากระจาย ก็มีกำไรบ้างนะครับแล้วแต่ปี(ส่วนมากพ่อแม่ผมเป็นทำไม่ค่อยได้รู้เรื่องกำไรขาดทุนกับเค้า) บ้างปีก็ขาดทุนเพราะโดนพ่อค้าคนกลางกดราคา โดยมากแล้วชาวสวนเค้าจะขายยกให้พ่อค้าคนกลางครับ แต่จะเหลือในส่วนหัวพันธุ์เก็บไว้ปลูกปีต่อไป หรือไม่ก็ปลูกแล้วเปิดท้ายขายย่อย ส่วนขาใหญขายกระเทียม+ยานี้ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะที่บ้านผมเป็นแค่คนปลูกแล้วขายยกให้พ่อค้าอีกทีไม่ได้ส่งออกครับ อ่อ ขยายความนิดหน่อยเดียวจะเข้าใจผิดกัน ที่ผมบอกว่า "ไม่มีขั้นตอนใหนที่น่ากลัวแบบคนจีนทำ" ผมหมายถึงไม่ได้ใช้อึคนราดแบบในจีนครับ พิมพ์พิสดารไปหน่อยต้องขอโทษด้วยครับ อยู่แถวไหนคะ pm ให้หน่อยสิ เผื่อผ่านไปจะขอแวะไปศึกษา ปีนี้ห้องเย็นเราเหลือห้องว่างเยอะ อยากเก็บสต๊อกหอมแดงแต่ไม่ค่อยรู้เรื่องตัดแต่ง ที่จริงทำหอมแดงน่าจะกำไรนะ คนที่ขาดทุนน่าจะเป็นเพราะผลิตหอมแดงด้อยคุณภาพหรือเปล่าคะ เลยขายไม่ได้ราคา แต่ทำกระเทียมเราว่าเสี่ยงจริงๆนะ กระเทียมเถื่อนเยอะ ขนง่ายไปหน่อย พวกสองสัญชาติทางแถบเชียงใหม่ เชียงราย ทำกันเยอะ หัวข้อ: Re: วันเบาๆ กับแง่คิดในการขายสินค้าไทย เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 25 เมษายน 2014, 12:09:53 แล้วกระเทียมยังขายได้กำไรมั้ยคะ สงสัยมากๆ ว่าคนปลูกกระเทียมไทยอยู่ได้ยังไง หลายปีก่อนเคยได้ข่าวว่าพวกขาใหญ่ทางเหนือขนกระเทียมเถื่อนเข้าทีเป็นลำเรือ แถมค้ายากันเยอะด้วย นำเข้าผักผลไม้จีนบังหน้า เวลากระจายสินค้าก็กระจายยาไปด้วย 2-3 ปีก่อน เรานำเข้าทับทิมมาขาย แปลกใจมากว่าทำไมราคาขายในตลาดถูกจัง เหมือนขายขาดทุนกัน มาถึงบางอ้อเมื่อเห็นข่าวรถทับทิมคว่ำ แต่ยาบ้ากระจาย ก็มีกำไรบ้างนะครับแล้วแต่ปี(ส่วนมากพ่อแม่ผมเป็นทำไม่ค่อยได้รู้เรื่องกำไรขาดทุนกับเค้า) บ้างปีก็ขาดทุนเพราะโดนพ่อค้าคนกลางกดราคา โดยมากแล้วชาวสวนเค้าจะขายยกให้พ่อค้าคนกลางครับ แต่จะเหลือในส่วนหัวพันธุ์เก็บไว้ปลูกปีต่อไป หรือไม่ก็ปลูกแล้วเปิดท้ายขายย่อย ส่วนขาใหญขายกระเทียม+ยานี้ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะที่บ้านผมเป็นแค่คนปลูกแล้วขายยกให้พ่อค้าอีกทีไม่ได้ส่งออกครับ อ่อ ขยายความนิดหน่อยเดียวจะเข้าใจผิดกัน ที่ผมบอกว่า "ไม่มีขั้นตอนใหนที่น่ากลัวแบบคนจีนทำ" ผมหมายถึงไม่ได้ใช้อึคนราดแบบในจีนครับ พิมพ์พิสดารไปหน่อยต้องขอโทษด้วยครับ อยู่แถวไหนคะ pm ให้หน่อยสิ เผื่อผ่านไปจะขอแวะไปศึกษา ปีนี้ห้องเย็นเราเหลือห้องว่างเยอะ อยากเก็บสต๊อกหอมแดงแต่ไม่ค่อยรู้เรื่องตัดแต่ง ที่จริงทำหอมแดงน่าจะกำไรนะ คนที่ขาดทุนน่าจะเป็นเพราะผลิตหอมแดงด้อยคุณภาพหรือเปล่าคะ เลยขายไม่ได้ราคา แต่ทำกระเทียมเราว่าเสี่ยงจริงๆนะ กระเทียมเถื่อนเยอะ ขนง่ายไปหน่อย พวกสองสัญชาติทางแถบเชียงใหม่ เชียงราย ทำกันเยอะ แต่ก่อนมีการประกันราคาหอมแดง คนปลูกกันเยอะ แต่รัฐบาลไม่มีที่เก็บ ก็เลยเอาหอมแดงกองเป็นภูเขา ไปไว้ที่ศาลากลาง บ้างที่วัดบ้าง ปรากฏว่า หอมเน่า แมลงวัน เอย เป็นขยะพิษ :-X “วิชัย” บี้ “อุบลศักดิ์” ขบวนการทุจริตหอมแดง นาย วิชัย ล้ำสุทธิ ประธานคณะกรรมาธิการส่งเสริมราคาผลิตเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้ประชุมเพื่อพิจารณาตามการตรวจสอบการทุจริตงบประมาณโครงการแก้ไขปัญหาหอมแดงฤดูกาลผลิตปี ๒๕๕๔/๒๕๕๕ ที่ จ.ศรีสะเกษ โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูลถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของโครงการนี้ ซึ่ง นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการบริหารจัดการหอมแดงได้ชี้แจงว่า เมื่อเปรียบเทียบยอดเงินที่ ธ.ก.ส. โอนเข้าบัญชีเกษตรกรประมาณ ๓๓๓ ล้านบาท กับยอดเงินที่ อคส. แจ้งให้ ธ.ก.ส. โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรประมาณ ๒๘๑ ล้านบาทพบว่า ธ.ก.ส. โอนเงินมากกว่าที่ อคส. แจ้งประมาณ ๕๑ ล้านบาท จึงเห็นได้ว่าการเบิกจ่ายของ อคส. กับ ธ.ก.ส. ไม่สอดคล้องกัน นอกจากนี้การบริหารมียังข้อบกพร่องหลายประการ เช่น อคส. ส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำจุดรับซื้อเพียง ๓ คนทำให้ตรวจสอบและชั่งน้ำหนักหอมแดงไม่สมบูรณ์ประกอบกับ อคส. ไม่จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแลที่จัดเก็บจึงทำให้เกิดการขโมยหอมแดงที่รับซื้อมาแล้วและยังพบว่า อคส. เก็บรักษาหอมแดงไม่เหมาะสม เช่น เก็บไว้ใต้อาคาร วัด จนทำให้หอมแดงเน่าเสียเป็นจำนวนมาก สุดท้ายจึงทำให้หอมแดงอีกประมาณ ๓ แสนถุงหรือประมาณ ๖ พันตันหายไปจากยอดบัญชี ส่วนรอบ ๒ คชก. ได้อนุมัติเงินจำนวน ๑,๒๖๕ ล้านบาท อคส. เบิกเงินจ่ายค่ารับซื้อไปแล้วประมาณ ๒๒๒ ล้านบาทและในการรับซื้อหอมแดงครั้งนี้ คณะอนุกรรมการตรวจสอบพบว่า เกษตรกรบางรายที่ได้รับเงินช่วยเหลือประสบภัยพิบัติจากรัฐบาลไร่ละ ๙๑๒ บาทแล้วยังนำหอมแดงมาขายในโครงการด้วยจึงทำให้ได้รับเงินช่วยเหลือซ้ำซ้อน และพื้นที่ตรวจสอบโกดังเก็บหอมแดงพบว่ามีหอมแดงอยู่ในโกดังเพียง ๔๐ – ๕๐ ราย ที่เหลือเป็นโกดังเปล่าแต่ อคส. กลับแจ้งว่า ได้ตรวจสอบโกดังอีก ๓,๐๒๒ แห่งเรียบร้อยแล้วภายในระยะเวลาเพียง ๓ วันแล้วและรายงานว่ามีหอมแดงอยู่ครบตามจำนวน ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ว่า อคส. จะสามารถตรวจสอบโกดังทั้ง ๓,๐๒๒ แห่ง ได้ภายใน ๓ วัน ดังนั้น การดำเนินโครงการนี้มีการทุจริตแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการตั้งแต่เกษตรกร เจ้าหน้าที่รัฐ อคส. นักการเมืองท้องถิ่น โดยร่วมกันชักชวนให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ สวมสิทธิ์และปลอมแปลงเอกสารและมีการเวียนเทียน นำหอมแดงมาขายให้ อคส. ซึ่งเกษตรกรบางรายได้รับเงินค่าขายหอมแดงจากโครงการถึง ๙ ครั้ง ทั้งนี้คณะอนุกรรมการได้รวบรวมข้อเท็จจริงต่าง ๆ ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวกับการทุจริตทั้งหมดแล้ว ด้านนายวิชัย ล้ำสุทธิ ประธานคณะกรรมาธิการส่งเสริมราคา ฯ ขอให้ข้อเสนอแนะดังนี้ ๑. รัฐควรส่งเสริมการบริโภคหอมแดงในประเทศให้มากขึ้น ๒. กรมการค้าภายในควรให้ความช่วยเหลือหาช่องทางการกระจายผลผลิตทั้งในประเทศและนอกประเทศให้แก่เกษตรกร ๓. ให้กรมเจรจาการค้าต่างประเทศประสานกับประเทศอินโดนีเซีย ถึงปัญหาการจำกัดจุดนำเข้าผักผลไม้สดจากไทย จำนวน ๑๔ จุด เหลือ ๔ จุด ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสินค้าเกษตรจากไทยนำเข้าอินโดนีเซีย เนื่องจากให้การขนส่งยากลำบากทำให้เกิดการเน่าเสียก่อนถึงท่าเรือหรือตลาด ต่อไป |