ThaiSEOBoard.com

ความรู้ทั่วไป => Internet Marketing => ข้อความที่เริ่มโดย: washiravit ที่ 26 มิถุนายน 2013, 02:28:43



หัวข้อ: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: washiravit ที่ 26 มิถุนายน 2013, 02:28:43
(http://www.vittarot.com/wp-content/uploads/2013/06/13583263141358326415l1.jpg)

อะไร? ทำไม? หมอดูจึงเกลื่อนเมืองPosted by washiravit on 21 มิถุนายน 2556 under Experience    Edit
ก่อนที่คุณจะอ่านอะไรต่อจากนี้ ผมขอเตือนว่ามันมีส่วนที่ขัดต่อหลักการ หลักความเชื่อ หรือเรื่องอิทธิฤทธิ์ปราฏิหารย์ใดๆ อันอาจจะก่อให้เกิดการโต้วิวาทะอันรุนแรง ซึ่งผมกลัวมาก และถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากสร้างปัญหาหรือขัดผลประโยชน์อะไรของใคร ก่อนอื่นต้องเรียนก่อนว่าผมได้แรงบันดาลใจกระทู้นี้มาจากกระทู้ของคุณ “มสารัตน์” แห่งเว็บ palungjit.com กระทู้ที่จั่วหัวว่า Warning : หมอดูอันตรายจากประสบการณ์จริงผู้โพสต์ ซึ่งในกระทู้จะเป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ในฐานะลูกค้าที่เจอกับหมอดูเจ้าเล่ห์

ก่อนที่จะเริ่มต้นบทความนี้ ผมขอแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับวงการหมอดูให้รู้กันทั่วหน้าก่อน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เปิดเผยแต่ไม่เคยมีใครสนใจมาโดยตลอด ในปัจจุบันวงการหมอดูมีวงเงินสะพัดราวๆ 4 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งนั่นหมายถึงมูลค่าเม็ดเงินมหาศาลเทียบเท่ากับ GDP ของประเทศเล็กๆประเทศหนึ่งเลยทีเดียว วงการหมอดูเลยเป็นที่รุ่งเรื่องเป็นอย่างมาก สังเกตุได้จากหมอดูเริ่มมีอิทธิพลทุกวงการ โดยเฉพาะวงการบันเทิงที่ดูเหมือนกลายเป็นน้ำตาลกองหวาน ถ้าใครมีชื่อเสียงหรือสามารถลงเงินเพื่อสร้างประชาสัมพันธ์ได้ก็เท่ากับกุมอำนาจของเงิน(อันมหาศาล)ไว้ในมือแล้วส่วนหนึ่ง และการประชาสัมพันธ์ที่ใช้ต้นทุนน้อยที่สุดคืออะไรครับ? โทรทัศน์ หนังสือหรือใบปลิว คำตอบคืออินเตอร์เน็ตไง!

ลองจินตนาการดูว่าถ้าคุณอยากจะเริ่มต้นธุรกิจ คุณจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง คุณต้องเริ่มต้นจากการออมเงิน หาไอเดีย คำนวนต้นทุน ไปหาทำเล นั่งคิดวิธีการขาย กดเงินสดมาใช้ ทำบัญชีสำหรับเงินหมุนเวียน เริ่มแบ่งเวลาระหว่างงานประจำกับธุรกิจส่วนตัว จากนั้นก็ควักเนื้อเพื่อ Stock สินค้าและอีกมากมาย ในขณะที่คนบางกลุ่มที่อยากสร้างวิธีรวยทางลัดแต่ไม่มีดวงถูกหวย หมอดูที่ปรากฏอยู่ตามสื่อจึงเป็นอาชีพที่น่าจะเป็นทางเลือกได้ แถมเป็นอาชีพที่กำจัดข้อด้อยของทุกอาชีพที่ไม่ต้องใช้เงินทุนดูเหมือนอาชีพหมอดูจะตอบโจทย์ตรงนั้นได้ น้อยๆหน่อยก็คือค่าเล่าเรียนจากสถาบันที่สอนเรื่องการดูดวงซึ่งก็มีหลายสถาบันเหลือเกิน หนักๆหน่อยก็คือค่าเทวรูปที่ใช้ตกแต่งร้านเพื่อเพิ่มกระแสศรัทธาในตัวของพ่อหมอแม่หมอ ถึงแม้จะต้องมีต้นทุนแต่ถ้าให้เทียบกับการทำธุรกิจอื่นๆแล้ว ผมค้นพบว่าอาชีพหมอดูกำไรสุดๆ

ทีนี้เมื่อทุกคนรู้ตรงกันแล้วว่าการเป็นหมอดูเป็นอาชีพที่ลงทุนน้อยแต่ให้ผลตอบแทนเยอะ วงการหมอดูก็จะเริ่มแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มที่มีใจรักในการทำนาย และกลุ่มที่ตั้งใจเกิดขึ้นมาเพื่อกอบโกยเงินโดยเฉพาะ กลุ่มคนที่มีใจรักก็ดูไม่ยากครับ ถ้าเกิดเขาเป็นหมอดูที่มีคุณธรรมมากพอ เขาจะต้องไม่หมกเม็ด ไม่ซ่อนเรื่องชั่วร้ายไว้ภายใต้หน้ากากที่ยิ้มแย้ม บอกราคาเท่าไหร่ก็เท่านั้นตามตกลง และที่สำคัญคำทำนายหรือคำแนะนำจะต้องเป็นคำที่ทำให้เราสามารถเชื่อได้ลงว่าทำแล้วจะส่งผลดีต่อชีวิตเราจริงๆตามศรัทธา

ในขณะเดียวกัน หมอดูที่เริ่มต้นแบบธุรกิจมีลักษณะเป็นอย่างไร ง่ายๆเลยครับ ก็อย่างที่เป็นข่าวกันโครมๆไง คือการซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ภายใต้ใบหน้าอันทรงภูมิ และค่าใช้จ่ายแฝงหลังจากที่ต้องเสียค่าดูดวงอีก อาทิเช่นไม่ยอมบอกราคาก่อนล่วงหน้าแต่พอเช็คเงินทีก็หน้ามืดเลย เพื่อนผมคนหนึ่งไปดูดวงที่หมอดูใต้ต้นไม้ ถามค่าหมอเท่าไหร่ หมอบอกว่าแล้วแต่วิชา ถูกสุดก็ 90 บาท พอให้หมอดูดูให้เสร็จจะจ่ายตังค์หมอบอกว่า 500 บาท เพราะเมื่อกี้ดูไปหลายวิชาทั้งลายมือ โหงวเฮ้ง และจิตสัมผัส หรืออีกนัยหนึ่งซึ่งก็เป็นกรณีที่ผมไม่อยากให้เกิด กรณีแบบไหน ก็อย่างที่คุณผู้หญิงมักจะโดนกันบ่อยๆครับ การล่วงละเมิดทางเพศไง!!!

แล้วทำไมหมอดูประเภทนั้นถึงได้เยอะนักหละ ผมจะลองจำลองชีวิตดูง่ายๆก็ได้ครับ สมมุติว่าคุณทำงานเป็นพนักงานขายของกินเิงินเดือน เดือนๆหนึ่งคุณได้เงินเดือน 15,000 บาท และเมื่อได้รับเิงินเดือน กฏหมายประเทศก็บังคับให้ต้องหักเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับประกันสังคมและภาษี เปรียบเทียบกับอาชีพหมอดูที่ตั้งราคาดูดวงไว้ที่ 200 บาทต่อคน ถ้าเขาดูเพียง 75 คน เท่ากับว่าเขาจะได้เงินเท่ากับเงินเดือนปริญญาตรีคนๆหนึ่งเลยทีเดียว แล้วคุณคิดว่าหมอดูจะใช้เวลาเท่าไหร่ ในการดูดวงให้ครบ 75 คน (200 บาทนี่น่าจะเป็นราคากลางครับ อาจจะมีถูกและแพงกว่านี้ตามแต่หมอดูจะตั้งราคา)

ทีนี้ลองถามอีกว่าสมมุติหมอดูสามารถดูดวงได้ถึง 150 คนภายในหนึ่งเดือนหละจะเป็นอย่างไร นั่นเท่ากับหมอดูคนนั้นจะได้เงินถึง 30,000 บาทต่อเดือน ใช่ครับ 30,000 บาทต่อเดือนโดยที่ไม่ต้องเสียภาษี ไม่ต้องเสียค่าประกันสังคม นั่นมันเทียบเท่ากับมูลค่าเงินเดือนน้องๆผู้บริหารเลยนะครับ ชอบไหมหละอย่างนี้ เป็นผมผมก็ชอบ ฮ่าๆ

ทีนี้การจะได้ถึง 150 คนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเงินทุนไม่หนาสำหรับการทำ Marketing หรือลูกค้าไม่ศรัทธามากพอที่จะแนะนำลูกค้าให้แบบปากต่อปาก หรือถ้าหมอดูคนนั้นเคยได้ลูกค้าเยอะมาก่อนแต่ช่วงหลังลูกค้าน้อยลง หรืออีกกรณีหนึ่งที่น่าคิด สมมุติว่าหมอดูท่านนั้นเป็นหนี้บัตรเครดิตเป็นต้น เอ๊ะ ยังไง เอารวมๆเป็นประเด็นหลักๆก็คือถ้าหมอดูคนนั้นอยากได้เงินเยอะขึ้น แต่ไม่ได้ประกอบอาชีพอื่นๆ เขาจะต้องทำอย่างไรครับ?

ทำ OT ไง

โห่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (เสียงตอบรับสำหรับมุขไม่ฮา)

คำตอบที่ถูกต้องคือหมอดูเขาก็ทำแบบที่ทำกับคุณมสารัตน์ไงครับ!!!

ลองจินตนาการเล่นๆว่าถ้าหมอดูเรียกร้องเก็บค่าผูกดวงด้วยราคา 5,000 บาท ซึ่งเป็นพิธีกรรมไม่มีมูลค่าทางต้นทุนเลย ถ้าหมอดูท่านนั้นมีลูกค้าทั้งหมด 50 คนใน 1 เดือน และมีผู้หลงเชื่อทำพิธีกับหมอดูท่านนั้น 10 คนต่อเดือน หมอดูจะได้ “เงิน” เท่าไหร่ครับ

50 คน ค่าดูคนละ 200 หมอดูได้ค่าครูแล้วแน่ๆ 10,000 บาท มีผู้หลงเชื่อทำพิธี 10 คน ก็จะเท่ากับ 50,000 บาท รวมทั้งหมดเป็น 60,000 บาทถ้วน

คุณใช้เวลาเท่าไหร่ในการหาเงิน 60,000 บาท แถมเป็น 60,000 บาทที่ได้มาจากการลงทุนที่ถูกมากๆ (ต้นทุนคือศรัทธา)

ในขณะที่คุณต้องแบกร่างกายอันเหนื่อยหน่าย ฝ่าฟันรถติดเพื่อไม่ให้ถูกหักเงินจากการไปสาย ชีวิตก็เครียดเหมือนพายุลงอยู่แล้ว ทุกข์อยู่แล้ว อดทนทุกอย่างเพื่อหวังว่าสังวันหนึ่งจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ไหนจะค่ากิน ค่าใช้ ค่าภาษี ค่าประกันสังคม ผมขอถามอีกที คุณใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะออมเงินได้ 60,000 บาท ไม่ง่ายเลยใช่ไหมครับ

ในขณะที่หมอดูถ้าทำ Marketing ดีๆสามารถหาได้ภายในเดือนเดียว (หรืออาจจะสัปดาห์เดียว) และที่สำคัญ ยุคสมัยนี้ก็ดูเหมือนเป็นใจให้กับอาชีพนี้เหลือเกิน หมอดูบางคนสามารถหาเงินจากการโปรโมทผ่าน Internet ได้ กอบโกยเป็นกอบเป็นกำโดยไม่ต้องมีเว็บไซต์ ไม่ต้องมีการลงทุน หรือไม่ต้องแม้กระทั่งเปิดเผยใบหน้าของตัวเองด้วยซ้ำ จะมีอาชีพไหนในโลก ที่สบายกว่านี้หรือไม่

สมมุติว่าคุณทุกข์และไปปรึกษาจิตแพทย์ คุณอาจจะโต้เถียงหรือมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อจิตแพทย์ท่านนั้นก็ได้ เพราะเวลาคุณคุยกับจิตแพทย์ มันเป็นเรื่องของตรรกะ ความคิดและตัวตนของคุณ ถ้าอะไรที่มันขัดกับความเชื่อของคุณ คุณก็อาจจะเมินและลืมคำพูดของจิตแพทย์คนนั้นไปซ่ะ

ผิดกับหมอดู หมอดูเป็นอาชีพที่เน้นความศรัทธา คำพูดบางคำของหมอดู คุณแทบไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยซ้ำ แถมไม่สามารถโต้แย้งได้ด้วย เพราะหมอดูเป็นอาชีพที่คล้ายๆว่าจะอยู่เหนือเหตุเหนือผล บางคนร้ายไปพอเถียงหมอดูมากๆเข้า จากคำทำนายก็เริ่มจะกลายเป็นคำสาบแช่ง ถึงตอนนั้นต่อให้อยากจะเมินก็คงยากเพราะการตอกย้ำตัวเองด้วยการพยายามที่จะลืมก็ถือว่าได้สะกดจิตตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่าเป็นกิเลสส่วนตัวของคนก็ได้ ทุกข์ซ้ำทุกข์ซ้อนก็ได้

ทีนี้คุณอาจจะมองว่าสิ่งที่ผมพูดมาไร้แก่นสาร เพราะหมอดูที่เขาเคยเจอมาก็สามารถทำนายเขาได้แม่นยำเหมือนกัน แม้จะมีค่าพิธีกรรมหรือดูเหมือนหลอกลวงบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำทำนายของเขาแม่นจริงๆ ประเด็นนี้เถียงอย่างไรก็คงเถียงไม่จบครับ แต่ในขณะเดียวกัน ผมมองว่าหลังจากนี้ไป ประเทศไทยควรจะมีใครซักคนพิสูจน์เสียที ผมขอให้ทุกคนได้ลองดูคลิปนี้ครับ ไม่ต้องดูแบบใช้วิจารณญาณนะครับ ถือว่าดูเอาขำๆ

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=MDdQ4THh8R4

ดูจบหรือยังครับ ถ้ายังไม่ดูก็ขอแนะนำให้ดูก่อนนะครับ

ถามอีกที ดูหรือยัง ถ้ายังให้ดูก่อนนะครับ

ดูหรือยังครับ งั้นผมเล่าต่อนะ

คลิปนั่นมันคืออะไร?

Derren Brown เป็นนักมายาจิตครับ ผมหมายถึงเขาเป็นนักแสดง นักมายากล และนักจิตวิทยาในตัวคนๆเดียวกัน และการแสดงของเขาในคลิปนั้นก็คือการโชว์พลังของการทำนายถึงวิญญาณที่ติดตามคนดู ในคลิปไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคอะไรนัก เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง แต่ประเด็นหลังของคลิปนี้คือการท้าดวลระหว่าง Derren Brown กับร่างทรงคนหนึ่งครับ ซึ่งผู้หญิงอ้วนๆผิวขาวคนหนึ่งที่กล้องจับไว้ช่วงหนึ่งนั่นคือคนที่แอบอ้างว่าเป็นร่างทรง

เทคนิคที่ Derren Brown ใช้คือ Cold Reading หรือจิตวิทยาการ “ล้วง” เอาข้อมูลนั่นเอง เล่นล้วงจนคนถูกทักต่อมน้ำตาไหลเลยทีเดียว ทีนี้คุณก็อาจจะเถียงว่าหมอดูในไทยจะไปรู้จักเหรอ ไอ้วิชา Cold Reading ที่ว่าเนี่ย คำตอบง่ายๆก็คือ Cold Reading เป็นสิ่งที่ติดตัวเราทุกคนอยู่แล้วครับ ผมขอยกตัวอย่าง่ายๆ คุณเคยทำข้อสอบแบบข้อเขียนไหมครับ เวลาคุณไม่รู้คำตอบของคำถามแต่คุณไม่อยากสอบตกคุณจะทำอย่างไร ใช่!!! คุณก็ต้องเขียนมัน แล้วคุณจะเขียนอย่างไร คำตอบก็คือคุณก็ต้องเขียนมั่วๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำให้มีหลักการณ์มากที่สุด และใกล้เคียงกับคำตอบที่คุณคิดว่าน่าจะเป็นมากที่สุด

หรืออีกกรณีหนึ่งคือคุณเคยสงสัยมั้ยว่าแฟนคุณมีกิ๊ก แล้วเวลาคุณเจอหน้าแฟนคุณก็มักจะมีวิธีที่คุณสามารถล้วงเอาข้อมูลได้เสมอ น้อยๆหน่อยก็เช่นการถามว่ากินข้าวหรือยัง ถ้าเขาบอกว่ายังแต่คุณแอบสงสัยว่าเขาไปกินกับกิ๊กมาหรือเปล่า คุณก็จะพาเขาไปกินข้าวแล้วดูว่าเขากินได้มากน้อยขนาดไหน หรือถ้าเขาบอกว่ากินแล้ว คุณก็จะเริ่มถามต่อว่ากินอะไร ที่ไหน จนกระทั่งไปจบที่ว่ากับใครก็ได้

นี่คือ Cold Reading แบบอ่อนๆ

ทั้งหมดฟังดูคุ้นๆไหมครับเวลาคุณดูดวง คุณมักจะเจอการทายนิสัยก่อนว่าคุณเป็นคนอย่างนั้น อย่างนี้ เช่นถ้าผมทักว่าคุณเป็นคนใจเย็นคุณคิดว่าผมทายถูกไหม และถ้าผมทักว่าคุณเป็นคนใจร้อนคุณว่าผมทายถูกไหม ผมเชื่อว่าไม่ว่าผมจะทายอย่างไรก็ถูก เพราะคนเรามักใจเย็นกับบางเรื่องและใจร้อนกับบางเรื่องเช่นกัน แล้วแต่ว่าคุณจะเอาคำทำนายของหมอดูไปผูกกับเรื่องไหนของชีวิตคุณ

ต่อมาหมอดูก็อาจจะทายหว่านแหว่าดวงคุณดูไม่มีความสุขนะครับ ถ้าคุณตอบว่าใช่หมอดูก็อาจจะสาวต่อได้ แต่ถ้าคุณบอกว่าไม่หมอดูก็จะได้ข้อมูลไปอีกแบบ ทีนี้หลังจากที่หว่านแหไปแล้วและคุณยอมรับว่าคุณมีความทุกข์จริง หมอดูก็อาจจะบอกต่อไปว่ามีความทุกข์เพราะเรื่องความรักใช่หรือไม่ ถ้าคุณตอบก็ว่าใช่ก็ลงล็อค แต่ถ้าคุณตอบว่าไม่ใช่ หมอดูก็อาจจะมีวิธีเลี่ยงไปว่า แต่ในดวงคุณมันบอกว่าคุณจะมีปัญหาเรื่องคนนะ สุดท้ายจากคำถามใช่หรือไม่ใช่ มันก็จะกลายเป็นคำตอบที่หมอดูสามารถหยิบมาทายคุณได้ทันที

ทีนี้คนที่มาดูดวงส่วนใหญ่นะครับ มักจะแบกความทุกข์มาไม่มากก็น้อย คนที่มีความทุกข์ก็พร้อมเปิดใจเพื่อให้หมอดูได้รับฟังเรื่องราวของเขาเพื่อเป็นการระบายความในใจออกไปอยู่แล้ว ดังนั้นสำหรับบางคนเมื่อหมอดูสะกิดเรื่องด้วยคำพูดเข้าไปนิดเดียว ก็พร้อมที่พรั่งพูล “ข้อมูล” ออกมาอยู่แล้ว (หมอดูบางคนเห็นช่องสบโอกาสตรงนี้ หลังจากที่นั่งฟังเรื่องราวของเขาและแสร้งทำท่าเห็นใจ ก็อาจจะใช้ช่องนี้ในการนำเสนอบริการรูปแบบอื่นให้กับลูกค้าก็ได้)

ดังนั้นลองนึกดูนะครับ ว่าทุกครั้งที่คุณดูดวง คุณเคยตอบคำถามอะไรไปบ้าง?

Derren Brown เขาก็ใช้วิธีนั้นแหละ!

Cold Reading ใช้ยังไง มีวิธีฝึกซ้อมหรือเปล่า มีหนังสือเกี่ยวกับ Cold Reading มากมายในต่างประเทศครับ แต่ในประเทศไทยยังไม่มีเพราะเดาว่ามันเป็นวิชาที่ทำเงินไม่ได้เวลาพิมพ์หนังสือ เลยไม่มีใครเอาเข้ามาตีพิมพ์ขาย ผมขอยกบทความ Cold Reading มาจากเว็บ Astrosimple.com มา ณ ที่นี้ทั้งดุ้นเลยนะครับ ใครจะใช้เพื่อการณ์อะไรก็ตามแต่คุณธรรมแล้วกัน

*****************************

เทคนิคต่าง ๆ ของ cold reading

เนื่องจาก cold reading มีกลวิธีมากมาย การจะอธิบายทั้งหมดทำได้ยากและอาจจะเป็นการชี้นำให้คนเอาไปใช้ในทางที่ผิด ได้ สำหรับผู้สนใจจริง ๆ ลองหาหนังสือของ Ian Rowland ในเน็ต หาได้ไม่ยาก ในที่นี้ผมจะอธิบายภาพรวมของ cold reading ตามที่เอียน โรว์แลนด์แนะนำไว้ โดยขอเรียบเรียงใหม่ดังนี้

cold reading ประกอบด้วย
(๑) การเตรียมการ คือสร้างบรรยากาศ จัดสถานที่ ต้อนรับขับสู้ ทักทายเพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกเป็นกันเอง ผ่อนคลาย และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ การทำบรรยากาศให้ดูขลังโดยการทำเหมือนเป็นพิธีกรรมอะไรบางอย่าง สามารถจะโน้มน้าวให้ลูกค้ามีความรู้สึกร่วมได้ การมีหนังสืออ้างอิงตั้งอยู่ มีประกาศนียบัตรจากสถาบันสอนโหราศาสตร์ มีภาพถ่ายกับลูกค้าคนดัง มีภาพแสดงความเก่าแก่หรือยิ่งใหญ่ของโหราศาสตร์ เหล่านี้จะช่วยทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในตัวหมอดูและวิชาที่หมอดูใช้ การแสวงหาความร่วมมือในเบื้องต้น โดยบอกว่าการดูดวงจะต้องใช้ความร่วมมือกันของทั้งสองฝ่าย หมอดูเป็นคนอ่านดวงแต่ไม่รู้ข้อมูลจริง ส่วนลูกค้าจะต้องช่วยให้ข้อมูลจริงเพื่อทำคำทำนายให้ชัดเจนขึ้น การแสวงหาความร่วมมือในเบื้องต้นนี่เองที่โหราศาสตร์ถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการการพยากรณ์ ไม่ผิดอะไรที่หมอดูจะถามหาข้อมูลจากลูกค้าเพิ่มเติม ตรงนี้ทำให้เกิดช่องทางที่หมอดูจะดึงเอาข้อมูลไปใช้ในการพยากรณ์ได้ จนลูกค้าไม่รู้ตัวว่าเป็นคนให้ข้อมูลเขาไปเอง (แล้วก็มาประหลาดใจว่าหมอดูทายแม่น)

(๒) การทำนายอุปนิสัย มีใช้หลายเทคนิคได้แก่ เล่ห์สายรุ้ง (rainbow ruse) การออกคำพยากรณ์ที่มีความหมายตรงกันข้ามหรือขัดแย้งอยู่ในประโยคเดียวกัน เหมือนสายรุ้งที่มีหลายสี ถ้าไม่ถูกสีหนึ่งมันก็ต้องไปถูกอีกสีหนึ่งจนได้ (ตอนต้นผมเรียกว่าการหว่านแห) คำพยากรณ์แบบนี้เห็นได้ทั่วไปในความหมายของปัจจัยโหราศาสตร์ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ราศีกุมภ์มีความหมายว่ารักเพื่อนมนุษย์ ชอบสมาคม (เนื่องจากเป็นราศีธาตุลม เป็นความสัมพันธ์เชิงกลุ่มจึงรักคนอื่น ๆ) ในขณะเดียวกันก็มีความหมายว่ารักอิสระต้องการที่จะไม่เหมือนใครด้วย การชอบเข้ากลุ่มกับความต้องการที่จะแตกต่างเป็นความหมายที่ขัดแย้งในตัวเอง อย่างนี้ไม่โดนด้านหนึ่งก็ต้องโดนอีกด้านหนึ่งอยู่แล้ว นอกจากนั้นก็มี การประจบอย่างแนบเนียน การบอกลูกค้าว่าเขาก็มีสัมผัสพิเศษเหมือนกัน การอธิบายด้วยช่วงชีวิตที่ทุก ๆ ต้องผ่าน และเทคนิคที่ผมถือว่าเป็นพระเอกในเรื่องนี้คือ คำพยากรณ์ที่กว้าง ๆ ทั่วไป ไม่ชี้เฉพาะ (Barnum statement/Forer effect) เมื่อลูกค้าฟังคำพยากรณ์ที่กว้าง ๆ เขาจะรู้สึกว่าหมอดูบอกอะไรเขาเป็นพิเศษ แล้วจะโยงเข้ากับลักษณะของตัวเองในส่วนที่สอดคล้องกับคำพยากรณ์ แม้คำพยากรณ์จะดูกว้างแต่คนฟังก็รู้สึกว่าแม่น Barnum/Forer effect นี้นักจิตวิทยาเขาทำวิจัยกันเป็นเรื่องเป็นราว จนพบว่าคำพยากรณ์ของโหราศาสตร์มีลักษณะเช่นนี้เองจึงทำให้โหราศาสตร์ดู เหมือนแม่น ตัวอย่าง ของประโยคแบบนี้คือ “คุณเป็นคนใจกว้าง” เมื่อเราพิจารณาจะเห็นว่า ทุกคนมีความใจกว้างอยู่ในตัว แต่ใจอาจจะไม่กว้างตลอดเวลา หรือไม่กับทุก ๆ คนหรือกับทุก ๆ เรื่อง การทำนายอย่างนี้จึงมีโอกาสถูกมากกว่าผิด (มีโอกาสถูกเกือบร้อยเปอร์เซนต์)

(๓) การทำนายเหตุการณ์หรือข้อเท็จจริง เทคนิคหลักที่ใช้คือการออกคำพยากรณ์ที่มีความหมายหลายชั้น คลุมเครือ ตีความได้มากกว่าหนึ่งอย่าง และการใช้สถิติทั่วไปที่ได้จากสำรวจ เพื่อใช้เป็นข้อมูลว่าคนส่วนใหญ่มักจะมีพฤติกรรมหรือมีความเชื่ออย่างไร นอกจากนั้นยังใช้การเดา คือทายอะไรก็ทายไป (อาจจะเอาสิ่งที่เห็นในดวงทายออกไป) การเดานี้เป็นเหมือนการลงทุนของหมอดู ถ้าเดาถูกจะได้รับผลตอบแทนมาก แต่ถ้าเดาผิดคนมักจะไม่ค่อยสนใจ อาจจะบ่นนิดหน่อยแล้วก็ลืมไป แปลว่าทางได้มากกว่าเสีย โดยเฉพาะการเดาในเรื่องมีโอกาสถูกน้อย ถ้าเดาถูกก็อาจจะเป็นคนดังได้ในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว

(๔) การทำนายอนาคต ความจริงเรื่องนี้จะว่าง่ายก็ง่าย เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น ทายอะไรก็ได้ ทายไปเถอะ ถูกได้ก็ดี ไม่ถูกคนก็ไม่สนใจอะไรมาก เทคนิคที่ใช้คือ ทายแต่ในด้านดีเท่านั้น คือ “ได้แน่นอน” หรือ “รวยแน่นอน” อะไรทำนองนี้ อย่างไรคนฟังก็ชอบ ทายว่าเรื่องที่กำลังมีปัญหาจะดีขึ้นในอนาคต อันนี้ก็เป็นสูตรสำเร็จ นอกจากนี้ก็มี การทายแบบคลุมเครือ การเดา (เหมือนข้อที่แล้ว) การทายในเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ (คือถูกผิดก็ไม่มีใครรู้) เช่น ทายว่าจะมีเทพมาคุ้มครอง ทายว่ากรรมคุณจะมาเป็นแบบนี้ หรืออะไรทำนองนี้

(๕) การดึงข้อมูล ภาษาอังกฤษใช้ fishing แปลว่าการตกข้อมูลก็ได้ หรือการลวงเอาข้อมูลก็ได้ เรื่องนี้เป็นกลวิธีสำคัญที่หมอดูจะต้องใช้ ถ้าหมอดูไม่ได้ข้อมูลจากลูกค้า จะไม่มีทางทายเรื่องที่เฉพาะเจาะจงได้เลย จะทายได้แต่เรื่องกว้าง ๆ การดึงข้อมูลนี้มีตั้งแต่ การถามตรง การถามเหมือนไม่ถาม (เช่น ใช้คำแสดงความรู้สึกหรือคำอุทานแทน) การซ่อนคำถาม (เหมือนจะเป็นการให้ข้อมูลแต่เหน็บคำถามไปด้วย) การระดมยิงด้วยศัพท์แสงทางโหราศาสตร์ที่คนฟังไม่รู้เรื่อง แต่เขาก็จะอธิบายเรื่องราวออกมาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ใช่ไหม การอ่านจากภาษากาย ท่าทาง กิริยาวาจา ตลอดจนการแต่งตัว เครื่องประดับและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ สิ่งเหล่านี้แม้จะพูดไม่ได้ แต่มันบอกเรื่องราวที่เกี่ยวกับเจ้าตัวได้ หมอดูที่ดีจะมีสายตาแหลมคมเหมือนนักสืบ

(๖) การนำเสนอ เป็นกลวิธีการดำเนินการพยากรณ์ ข้อสำคัญได้แก่ การทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ ทำอย่างไรก็ได้ให้มีการโต้ตอบเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ข้อนี้สำคัญมาก ถ้าไม่มีการคุยกันการดูดวงจะได้เพียงภาพกว้าง ๆ เท่านั้น ดังนั้นหมอดูควรจะเริ่มใส่ใจตั้งแต่การเตรียมการ จัดสถานที่ ทำบรรยากาศให้เป็นกันเอง เพื่อลูกค้าจะได้เปิดใจคุยกับเราและพร้อมที่จะให้ข้อมูล นอกจากนั้นก็เป็นเทคนิคทางสองแพร่ง (forking) หรือการโยนหินถามทาง เหมือนเราตั้งสมมุติฐานไว้สองอย่าง ตั้งคำถามเพื่อหยั่งเชิง ถ้าได้คำตอบหนึ่งก็จะไปทางหนึ่ง ถ้าได้อีกคำตอบก็จะไปอีกทางหนึ่ง การทำคำพยากรณ์ให้เรียบง่าย โดยใช้ภาษาธรรมดา เรียบเรียงให้เข้าใจง่าย อันนี้ก็สำคัญเหมือนกัน

(๗) การแถ เมื่อเหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด คำทำนายผิดไปจากความเป็นจริง หมอดูต้องมีทางออก เทคนิคที่ใช้กันทั่วไปมีดังนี้ ยืนยันคำพยากรณ์ แล้วทำเป็นประหลาดใจ (นี่เป็นวิธีกดดันลูกค้าอย่างหนึ่ง เมื่อทำอย่างนี้ ลูกค้ามักจะพยายามไปหาเรื่องราวที่ตรงกับคำพยากรณ์นั้นให้จนได้) บอกว่าฉันทายถูกแล้วแต่คุณลืมไป บอกว่าฉันทายถูกแล้วแต่คุณไม่รู้ บอกว่าฉันทายถูกแล้วแต่ไม่มีใครรู้ บอกว่าฉันอาจจะผิดตอนนี้แต่จะถูกในอนาคต บอกว่าฉันอาจจะผิดแต่มันไม่สำคัญหรอก บอกว่ามันอาจจะผิดในข้อเท็จจริงแต่ถูกในเชิงอารมณ์ บอกว่ามันอาจจะผิดในส่วนย่อยแต่ถูกในภาพรวม (หรือกลับกัน) เมื่อไม่ไหวจริง ๆ ก็ยอมรับผิด แล้วบอกว่าหมอดูไม่ใช่ผู้วิเศษ

จากเทคนิคต่าง ๆ ที่อธิบายมาคร่าว ๆ จะเห็นว่า ถ้ามีใครฝึกทักษะเหล่านี้จนคล่อง แม้จะไม่มีความรู้โหราศาสตร์เลย ก็สามารถเป็นหมอดูเทวดาได้ไม่ยากนัก ท่านอาจจะแย้งอีกว่า ฉันไม่เคยตั้งใจที่จะใช้เทคนิคล่อลวงเหล่านี้เลย อันนี้ถือเป็นเจตนาอันบริสุทธิ์ของหมอดูที่มีจิตใจดี แต่ถ้าท่านวิเคราะห์โดยการสังเกตกระบวนการ ดูเหตุที่มาที่ไปของความแม่นที่เกิดขึ้น จะพบว่ามันก็อยู่ในปัจจัยต่าง ๆ ที่ว่ามานี่เอง ขอย้ำอีกรอบว่า คำพยากรณ์ที่ได้จากหลักการของโหราศาสตร์เป็นเพียงภาพกว้าง ๆ ที่สามารถตีความหมายได้มากมาย แต่ด้วยเทคนิค cold reading ที่กล่าวมา ทำให้คำพยากรณ์มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น จนถึงเรียกได้ว่าแม่นจนน่าตกใจ ข้อนี้สามารถพิสูจน์ได้ ถ้าท่านเป็นหมอดูก็ไม่ต้องถามอะไรจากลูกค้าเลย (และไม่อ่านอย่างอื่นที่เป็นอวจนภาษาด้วย) แล้วทายเท่าที่ดวงบอก แค่นี้ท่านก็บอกได้แล้วว่า ความแม่นมันแทบไม่เหลือเลย แต่ถ้าท่านเป็นลูกค้า ท่านเพียงหยุดการสื่อสารกับหมอดู ไม่ตอบคำถาม ไม่ให้ข้อมูลด้วยภาษาท่าทาง แค่นี้หมอดูก็ไปไม่เป็นแล้ว เขาอาจจะเชิญท่านให้ไปดูที่อื่น หรือไล่ท่านออกไป (อันนี้ไม่แนะนำให้ไปทำ ถ้าจะทำก็ระวังตัวเองด้วย)

*****************************

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงตั้งอกตั้งใจเขียนและผลักดันเว็บ vittarot.com เหลือเกิน เจตนาใหญ่ที่สุดของผมคือการทำลายล้างความเชื่อเกี่ยวกับหมอดูว่าเป็นผู้รู้ฟ้ารู้ดินและสามารถพลิกผลันธรรมชาติได้ดั่งใจนึกให้กลายเป็นอาชีพธรรมดาอาชีพหนึ่ง เป็นมนุษย์เดินดินกินข้าวเหมือนๆกัน ขี้เหมือนๆกัน เมื่อเรารู้ว่าทั้งหมดเกิดขึ้นจากความเป็นธรรมดา เราจะไม่ยึดติดกับกับดักที่เรียกว่าศรัทธาหรืองมงายอีกต่อไป

vittarot.com สนับสนุนคนที่อยากจะเล่นไพ่ Tarot เพื่อจะใช้ช่วยตัวเองเวลาพบเจอปัญหา เวลาเจอทางแยกของชีวิต หรือถ้าท่านจะเรียนรู้เพื่อเอาไปไว้คลายทุกข์ทางใจให้คนอื่นก็จะดีมากๆ สำหรับคนอื่นผมไม่แคร์ว่าเขาจะมองการเล่นไพ่ Tarot เป็นอย่างไร แต่ Tarot Reader ที่ดีต้องสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์นักมอบ inspiration ให้คนอื่นเก่งพอๆกับที่ตนเองได้รับจากไพ่ Tarot เช่นกัน ผมอยากให้วงการ Tarot Reader ไทยช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนสิ่งดีๆให้แก่กันและกัน เพราะผมเชื่อมั่นว่า Tarot Reader เป็นอาชีพที่มีประโยชน์ไม่แพ้อาชีพอื่นๆ เราทำงานเหมือนจิตแพทย์ และเราสามารถสร้างสังคมได้ด้วยสิ่งเล็กที่เรียกว่า Tarot ได้เช่นเดียวกัน


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: birdy2515 ที่ 26 มิถุนายน 2013, 02:44:21

 ยาวมาก  :-X


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: WPDSign ที่ 26 มิถุนายน 2013, 03:00:43
ยาวมาก คืออ่านบางท่อน  :wanwan017:

หากินบนความเชื่อคน รวยเอาง่ายๆ ถ้าศึกษามาพอ กล้า

หมอดู ชินแซ ทำดีรวย
ที่ บ ลูกค้าเชื่อชินแส เชื่อเกิน ซินแซฟันหัวแบะ


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: vava ที่ 26 มิถุนายน 2013, 03:25:27
อ่านได้ครึ่งเดียว ต้องไปนอนก่อนแล้วครับ พรุ่งน้จะมาอ่านต่อ สัญญากับตัวเอง เพราะเป็นบทความโคตรดีเลยครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: attaponmk ที่ 26 มิถุนายน 2013, 03:37:54
เอิ๊กๆชอบมากเลยครับ  :wanwan019:


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: totoshine ที่ 26 มิถุนายน 2013, 03:44:41
อ่านแล้วอ่านอีกเยี่ยมจริง ๆ อ่ะ  :wanwan020: :wanwan020: :wanwan020:


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: jit_tiger ที่ 26 มิถุนายน 2013, 09:48:58
เขียนได้ดีมากค่ะ ชอบๆ


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: thaimakemoney ที่ 26 มิถุนายน 2013, 09:50:49
น่าสนใจครับ


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: aofiezzangz ที่ 26 มิถุนายน 2013, 09:51:49
จองที่ไว้อ่าน ทำงานก่อน


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: TG_Min ที่ 26 มิถุนายน 2013, 09:52:40
เหตุผลที่ชอบ เพราะเงินนี่เอง


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: quick ที่ 26 มิถุนายน 2013, 10:22:13
เมื่อวานดูสาระแนช่วงข่าว เอาคลิปเมื่องนอกที่คนสามารถทายใจคนได้มาเปิดให้ดู

ตอนแรกผู้เข้าทดสอบก็อึ้งไปตามๆกันเพราะทายได้แม่นมาก รู้หมดทุกอย่าง

แต่สุดท้ายก็เฉลยว่าเป็นการทดลอง โดยมีคนอยู่หลังฉากคอยเปิดfacebookของผู้เข้าทดสอบแล้วส่งข้อมูลให้นักทายใจ

แล้วก็สรุปประมาณว่าข้อมูลบางอย่างเราก็ไม่ควรลงfacebook ประมาณนี้


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: Keiku ที่ 26 มิถุนายน 2013, 11:54:59
รวยจริงอะไรจริง  :wanwan024:


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: hyde4fun ที่ 26 มิถุนายน 2013, 12:00:01
เหมือนกับการเล่นหวยครับ ทุกวันนี้คนรอบข้าง เห็นอะไรตีเป็นเลขได้หมด ฟังแล้วก็นะ มันไม่ได้มีความน่าจะเป็นอยู่ซะหน่อย เพราะมันน้อยโคตรๆ โอกาสถูกรางวัลที่ 1


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: Thanan ที่ 26 มิถุนายน 2013, 12:19:15
ยาวมากจริงๆ

แต่ผมรู้จักหมอดูคนนึง ใช้ adwords ในการหาลูกค้า ดูดวงได้เดือนเป็นแสน

เค้าบอกว่ารายได้หลักไม่ได้มาจากการดูดวง แต่มาจากการทำพิธีกรรมให้ผู้ที่มาดูดวงต่างหาก

และจะมีบุคคลอยู่ 2 ประเภท ที่เวลาเค้าเอ่ยให้ทำพิธีจะยอมทำแน่นอน (ไม่บอกหน้าไมค์ อิอิ)

เวลาที่คนเราทุกข์มากๆ มักจะหาทางออกให้กับชีวิต เป็นหลักการธรรมชาติ เมื่อมีทุกข์จึงต้องหาทางออก


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: patcharapong ที่ 26 มิถุนายน 2013, 13:35:12
สรุปคืออาชีพหมอดูทำแล้วรวย  :zad: :zad:


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: holidaytours ที่ 26 มิถุนายน 2013, 13:38:18
เมื่อวานดูสาระแนช่วงข่าว เอาคลิปเมื่องนอกที่คนสามารถทายใจคนได้มาเปิดให้ดู
ตอนแรกผู้เข้าทดสอบก็อึ้งไปตามๆกันเพราะทายได้แม่นมาก รู้หมดทุกอย่าง
แต่สุดท้ายก็เฉลยว่าเป็นการทดลอง โดยมีคนอยู่หลังฉากคอยเปิดfacebookของผู้เข้าทดสอบแล้วส่งข้อมูลให้นักทายใจ
แล้วก็สรุปประมาณว่าข้อมูลบางอย่างเราก็ไม่ควรลงfacebook ประมาณนี้
เดี๋ยวนี้ facebook มาแรงจริง ๆ นะครับ
 :P

เรื่องยาวมาก แต่อ่านคราว ๆ แล้ว
ก็จริงนะครับ เงินดีครับ รายได้ดี บางคนไม่เสียภาษีไม่ต้องเสียด้วย
แต่คนที่เค้าทำจริง ๆ เป็นอาชีพผมว่าเค้าก็เสียภาษีปกตินะ เคยได้ข่าวบางคนเสียภาษีเยอะมาก ๆ

ที่น่าเป็นห่วงคือไปดูหมอดูกับหมอดูทีนิสัยไม่ดี
คนดี ๆ เค้าก็มีเยอะนะครับ จะทำให้เค้าเสียชื่อไปด้วยครับ
ไม่อยากให้เหมารวมกันไปทั้งหมด
โดยปกติ ทุกวงการก็จะมีทั้งคนดีและไม่ดีปนกันไปนะครับ
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: gangwell ที่ 26 มิถุนายน 2013, 13:39:12
ยาวมาก เขียนได้ดีครับ  :'(


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: Gunner12 ที่ 26 มิถุนายน 2013, 13:42:22
ยาวจริงด้วย


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: washiravit ที่ 26 มิถุนายน 2013, 14:14:15
เมื่อวานดูสาระแนช่วงข่าว เอาคลิปเมื่องนอกที่คนสามารถทายใจคนได้มาเปิดให้ดู
ตอนแรกผู้เข้าทดสอบก็อึ้งไปตามๆกันเพราะทายได้แม่นมาก รู้หมดทุกอย่าง
แต่สุดท้ายก็เฉลยว่าเป็นการทดลอง โดยมีคนอยู่หลังฉากคอยเปิดfacebookของผู้เข้าทดสอบแล้วส่งข้อมูลให้นักทายใจ
แล้วก็สรุปประมาณว่าข้อมูลบางอย่างเราก็ไม่ควรลงfacebook ประมาณนี้
เดี๋ยวนี้ facebook มาแรงจริง ๆ นะครับ
 :P

เรื่องยาวมาก แต่อ่านคราว ๆ แล้ว
ก็จริงนะครับ เงินดีครับ รายได้ดี บางคนไม่เสียภาษีไม่ต้องเสียด้วย
แต่คนที่เค้าทำจริง ๆ เป็นอาชีพผมว่าเค้าก็เสียภาษีปกตินะ เคยได้ข่าวบางคนเสียภาษีเยอะมาก ๆ

ที่น่าเป็นห่วงคือไปดูหมอดูกับหมอดูทีนิสัยไม่ดี
คนดี ๆ เค้าก็มีเยอะนะครับ จะทำให้เค้าเสียชื่อไปด้วยครับ
ไม่อยากให้เหมารวมกันไปทั้งหมด
โดยปกติ ทุกวงการก็จะมีทั้งคนดีและไม่ดีปนกันไปนะครับ
 :wanwan017:

หมอดูที่เสียภาษี คือหมอดูที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเลยครับ
นั่นหมายถึงหมอดูที่สังกัดกันเป็นค่ายเป็นทีมครับ ที่เห้นบ่อยก้ที่เคยฮิตอย่าง 1900 หรือเว็บรวมหมอดูใหญ่ๆครับผม


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: washiravit ที่ 26 มิถุนายน 2013, 14:17:25
ยาวมากจริงๆ

แต่ผมรู้จักหมอดูคนนึง ใช้ adwords ในการหาลูกค้า ดูดวงได้เดือนเป็นแสน

เค้าบอกว่ารายได้หลักไม่ได้มาจากการดูดวง แต่มาจากการทำพิธีกรรมให้ผู้ที่มาดูดวงต่างหาก

และจะมีบุคคลอยู่ 2 ประเภท ที่เวลาเค้าเอ่ยให้ทำพิธีจะยอมทำแน่นอน (ไม่บอกหน้าไมค์ อิอิ)

เวลาที่คนเราทุกข์มากๆ มักจะหาทางออกให้กับชีวิต เป็นหลักการธรรมชาติ เมื่อมีทุกข์จึงต้องหาทางออก

เรื่องนี้จริงครับ บนโลกนี้ยังมีคนที่มองเงินหลักหมื่นเป็นเศษเงินอยู่ ในขณะเดียวกันคนบางคนที่หาเช้ากินค่ำ แต่ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งพาใครที่ไหน ยอมเป็นหนี้เป็นสินกู้เงินมาทำจนชีวิตวิบัติไปก็มีครับ ผมสงสารคนเหล่านั้นมากครับ ผมหวังจากใจจจริงๆนะครับ อยากเห็นประเทศไทยมีใครซักคนหนึ่งยืนขึ้นและช่วยเหลือคนเหล่านั้นอย่างจริงจังครับ


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: amnuay58 ที่ 26 มิถุนายน 2013, 14:25:15
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงตั้งอกตั้งใจเขียนและผลักดันเว็บ vittarot.com เหลือเกิน เจตนาใหญ่ที่สุดของผมคือการทำลายล้างความเชื่อเกี่ยวกับหมอดูว่าเป็นผู้รู้ฟ้ารู้ดินและสามารถพลิกผลันธรรมชาติได้ดั่งใจนึกให้กลายเป็นอาชีพธรรมดาอาชีพหนึ่ง เป็นมนุษย์เดินดินกินข้าวเหมือนๆกัน ขี้เหมือนๆกัน เมื่อเรารู้ว่าทั้งหมดเกิดขึ้นจากความเป็นธรรมดา เราจะไม่ยึดติดกับกับดักที่เรียกว่าศรัทธาหรืองมงายอีกต่อไป

vittarot.com สนับสนุนคนที่อยากจะเล่นไพ่ Tarot เพื่อจะใช้ช่วยตัวเองเวลาพบเจอปัญหา เวลาเจอทางแยกของชีวิต หรือถ้าท่านจะเรียนรู้เพื่อเอาไปไว้คลายทุกข์ทางใจให้คนอื่นก็จะดีมากๆ สำหรับคนอื่นผมไม่แคร์ว่าเขาจะมองการเล่นไพ่ Tarot เป็นอย่างไร แต่ Tarot Reader ที่ดีต้องสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์นักมอบ inspiration ให้คนอื่นเก่งพอๆกับที่ตนเองได้รับจากไพ่ Tarot เช่นกัน ผมอยากให้วงการ Tarot Reader ไทยช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนสิ่งดีๆให้แก่กันและกัน เพราะผมเชื่อมั่นว่า Tarot Reader เป็นอาชีพที่มีประโยชน์ไม่แพ้อาชีพอื่นๆ เราทำงานเหมือนจิตแพทย์ และเราสามารถสร้างสังคมได้ด้วยสิ่งเล็กที่เรียกว่า Tarot ได้เช่นเดียวกัน

อ่าน แต่ ท่อนสุดท้ายครับ ยาวเกิ๊น...

ได้แต่สงสัย ไพ่ Tarot เสียเวลาม้ั๊ย? ได้ประโยชน์ คุ้ม กับ เวลา ที่สูญเสีย ไป หรือ ไม่?


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: pink-roof ที่ 26 มิถุนายน 2013, 14:49:14
อ่านไป 80 % รู้สึกเลยค่ะว่าผู้เขียนมีความตั้งใจมาก ขอบคุณมากค่ะ


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: sornlux ที่ 27 มิถุนายน 2013, 15:30:29
คนไทยก็มีน่ะครับ ที่ว่าเก่งและได้ออกสื่อ  วิน เอี่ยมอ่อง  ครับ
สุดท้ายภาษากายครับ ที่เหลือมองคนให้เป็นของเล่นที่เราควบคุมได้ ^___^


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: cloudsphere ที่ 27 มิถุนายน 2013, 19:22:17
รวยเว่ออ


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: jojyxword ที่ 28 มิถุนายน 2013, 13:43:02
หมอดูที่หลอกลวงประชาชน  มันเคยดูดวงตัวเองบ้างรึเปล่าครับว่า อนาคตของมันจะเป็นอย่างไรบ้าง :wanwan015:

ดีแต่หลอกเอาเงินชาวบ้าน   หากินในช่องโหว่งของจิตใจคน   หากินกับความทุกข์ของคน

หมอดูดีๆก็มี ไม่ได้ว่าอะไรนะ  แค่ไม่ชอบหมอดูชั่ว

* เนื้อหาดีครับ  สุดยอด :P


หัวข้อ: Re: เหตุที่หมอดูชอบเหลือเกิน Social
เริ่มหัวข้อโดย: papat11 ที่ 28 มิถุนายน 2013, 22:45:38
หมอดูรวยขนาดนี้เชียวหรือ