ThaiSEOBoard.com

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนักขายออนไลน์แน่นอนครับ

ศาลอเมริกาให้ ดร.สุภาพ เกิดแสง ชนะคดีกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ขายหนังสือมือ 2 (http://www.thairath.co.th/content/oversea/333615)

ที่มา : ไทยรัฐ

 :wanwan020: :wanwan020:

อ่านบทสัมภาษณ์ระหว่างสู้คดี

คดีตัวอย่าง ถูกฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์สหรัฐ 18 ล. ขายตำราเรียนผ่านอีเบย์ (http://news.voicetv.co.th/global/36774.html)

ที่มา : voice tv

อนาคตกลับมาแล้วววววว  :wanwan020:

สะเทือน??? ???

กรณีนี้ ก็อาจทำให้การตีพิมพ์ตำรา วรรณกกรม ต่างๆ ในประเทศนอก เมกา ลดลง เพราะไม่มีแรงจูงใจ ให้แก่บริษัทฯ ที่จะพิมพ์ตำราหรือ วรรณกรรม
ราคาถูกๆในประเทศที่ไม่สามารถแปลเป็นภาษาแม่ของตนเองได้

หึหึ นักศึกษา ในมหาลัยทั้งโลก ซวยสุด

เค้ารอดตายคนเดียว แต่เราตายทั้งเป็นกันทั้งทวีป  :wanwan015:

หมายความว่ายังไงครับ?

ก็ถ้าคนเคยซื้อหนังสือ Text จะรู้ครับ ว่ามันแพงแค่ไหน ถ้าชนะคดี ที่นู้นเค้าก็ต้องขายราคาเท่าอเมริกาแล้ว เราจะซื้อไหวเหรอครับ ขนาดที่ขายทุกวันนี้ยังราคาแพงจนบางคนซื้อไม่ได้เลยครับ มันส่งผลต่อการศึกษาของชาติโดยตรงครับ ทำให้เราขาดโอกาศทางการศึกษาหนักเข้าไปอีก ทุกวันนี้ Text ก็เล่มล่ะพันต้น ๆ ถ้าราคาอเมริกาเล่มล่ะสามพันจะจ่ายไหวเหรอครับ  ที่นี้จะทำยังไงครับ ช่องว่างระว่างคนจนกับคนรวยยิ่งห่างเข้าไปอีก แล้วคนที่จนจะเอาเงินที่ไหนซื้อหนังสือเล่มล่ะ 3 พันครับ  :wanwan017:

Oh ... งานเข้า ... :-[

ผมเห็นในมหาลัยส่วนมากถ่ายเอกสารกันเกือบหมดเลยนิครับ

ประเด็นนี้ก็น่าคิดครับ เพราะค่าครองชีพเรากับเมกา ต่างกันมากกกกกกก

พอดีไม่ได้อยู่ในวงการ เลยไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยสงสัยครับ

ปกติไม่ค่อยได้เสียเงินซื้อหนังสือสักเท่าไหร่

เท่าที่จำได้ ก็ซื้อแึค่หนังสือเรียนของโรงเรียน ของมหาลัย แล้วก็ตำหรับตำรากฏหมาย

เลยไม่รู้ว่า มันกระทบยังไงครับ ถามเพราะสงสัยจริงๆ  :-[


ซึ้งสมัยผสม ตำราโรงเรียน จำไม่ได้ น่าจะหลักร้อย

ตำมหาลัย มันเล่มไม่ถึง 50 บาท (อุดหนุนตำราหมาลัยรัฐครับ ค่าหน่วยกิตไม่แพง)

เรื่องถ่ายนั้นมันห้ามกันไม่ได้อยู่แล้วครับ  :wanwan004: ซื้อคุ้มกว่าถ่ายครับ ตามความเห็นผมนะ แพงกว่าถ่ายประมาณ 200-300 แต่เก็บได้ยาวกว่ากระดาษดีกว่า  :wanwan001: ถ่ายกับซื้อราคาห่างกันไม่มากถ้าเป็น international edition

จริงของท่านแหะ

คดีนี้ มีผลต่อการศึกษาไทยไม่น้อย ... โดยเฉพาะคณะที่ นิสิต นศ ต้องใช้ textbook เรียน


แต่ทางออกของ นิสิต นศ คงต้องอาศัยการ xerox ยกเล่มแน่ๆ ... ไม่งั้นตายแน่ (คนกลุ่มใหญ่)ซื้อไม่ไหวหรอก

ใช่เลยครับ มีผลต่อการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยครับ เพราะความรู้หนังสือในระดับมหาวิทยาลัยล้วนมาจากทางอเมริกาเกือบทั้งหมด  :wanwan017:

ทำไมสื่อถึงนำเสนอแนวๆว่าเป็นข่าวดี หรือเป็นเพราะเพียงเป็นคนไทยแล้วชนะ เลยช่วยกันดีใจ :P :P

เข้ามาอ่านครับ  น่าสนใจ

ตายทั้งเป็นยังไง ช่วยอธิบาย

ตอนผมเรียน ซีรอก เอาครับ หนาประมาณเกือบ 600 หน้า อ่านไม่เกิน 50 อิอิอิ

หนังสือจะมี 2 edition ครับ Version อเมริกา กับ Version international

version ที่ขายในบ้านเรารวมถึงประเทศแถบนี้ คือ international ครับ ราคาถูกกว่า ver อเมริกาเยอะครับ ทำให้ประเทศแถบบ้านเรา ทั้งเอเชียมีโอกาสเข้าถึงความรู้ระดับสูงในราคาที่ถูกครับ แล้วที่นี้คนไทยดันซื้อ ver inter เข้าไปขายในมะกัน เค้าก็เสียหายสิครับ ถ้าเค้าขึ้นราคาเท่ามะกัน หมายความว่า เรามีค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงศาสตร์ความรู้ระดับสูงที่ใช้ในการพัฒนาประเทศที่แพงมากขึ้นไปอีก

*มันไม่ได้ส่งผลแค่ประเทศไทยหรอกครับแต่ส่งผลทั้งทวีปเรา รวมถึงประเทศที่ยากจนกว่าเรา

คร่าว ๆ ประมาณนี้ครับผมก็อธิบายไม่ค่อยเก่งเท่าไร  :wanwan012:

ผมกลับมองว่า ผลที่จะเกิดขึ้นคือ ราคา Text ของเมกา จะราคาลดราคาลงมา ถูกเท่า เอเซีย แทน

หนังสือบ้านเค้าแพงจริงๆ ครับ

คนขยันๆ คนเก่งๆ บ้านเรา แทบจะเรียกว่าสละสมบัติซื้อกันเลยทีเดียว

พูดละเศร้าครับ T____T

 :wanwan003: :wanwan003:

คิดแบบเดี่ยวกันเลยครับ

รอดูกันต่อไปก่อนดีกว่า :wanwan044:

ผมเดาว่าที่ศาลให้รอด เพราะมันเป็นของแท้ไม่ได้ปลอม วัสดุการพิมพ์สภาพก็ต่างกัน เพราะจำเลยอ้างว่าหนังสือมือสอง และอีกอย่าง eBay มันขายให้ทั่วโลกไม่ได้ขายเฉพาะอเมริกา ถ้าจะตัดปัญหา ทางเจ้าของลิขสิทธิ์ต้องไม่ขายลิขสิทธิ์จัดพิมพ์ให้ใครเลย ห้ามนำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในอเมริกา

งั้นอีกหน่อย สนพ ในเมกา ก็คงนำเข้าหนังสือจากนอกประเทศ ซึ่งโรงพิมพ์ คงไม่คิดอย่างนั้นในแง่ธุรกิจ

ในตลาดเล็กๆ สีเทา เรื่องพวกนี้มีกรณีตัวอย่างให้เห็นมาเยอะแล้ว ว่าหนังสือจะไปอยู่ในประเภทที่ำำจำกัดการพิมพ์และกำหนดราคาไม่ต่างจากประเทศแม่เกิน 20%
และมีตัวแทนลิขสิทธิ์เ้ข้ามาหากินกันมากขึ้น เพราะยังไงของพวกนี้จับต้องได้ง่ายกว่าซอฟแวร์ เป็นเอกสารสำเนา
ที่สามารถเอาผิดได้ตามกฏหมายฯ ของหลายๆประเทศ

อ่านย่อหน้านี้ผมว่า งานนี้ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ในสหรัฐฯก็ต้องเลือกเอาว่าจะขึ้นราคาสินค้าลิขสิทธิ์ในต่างประเทศให้เท่ากับที่ขายในอเมริกา หรือจะลดราคาในอเมริกาลงมาให้เท่ากับที่ขายในต่างประเทศ
คงต้องดูว่าแบบไหนมันกำไรกว่ากัน แต่ผมว่าขายได้ทั่วโลกยังไงก็น่าจะกำไรดีกว่าขายได้ในอเมริกาอย่างเดียว ต่อให้ต้องขายถูกกว่าก็เถอะ

เห็นด้วยค่ะ

ขายEbook มือสองจะผิดไหม :wanwan004:

อเมริกาจะแก้เรื่องกฎหมายลิขสิทธ์ครับ ในกรณีนี้ คล้าย ลิขสิทธ์พืช GMO ที่ใครคิดค้น คนนำไปใช้ต้องจ่ายลิขสิทธ์ ไอ้พวกนายทุนไอ้กันไม่ยอมเสียเปรียบหรอกครับ บ้านเราไม่มีผลหรอก สมัยเรียนมหาลัยบ้าน ใครแม่งมีปัญญาซื้อ text บ้าง แม่งก็ copy กันงั้นแหระ เพราะมันแพงมาก ไม่คุ้ม บ้านเรากฎหมายไม่เข้มงวด ไม่จับหรอก เพราะบ้านเรายัง ยากจนเยอะ ไม่ต้องห่วงมีผลบ้านเราหรอก ขยันๆเรียนๆเข้าไปเหอะ เวอร์ชั่นสิงค์โปรก็ถูกกว่าเห็นๆ

ที่คดีมาชนะ ไอ้เจ้าของสำนักพิมพ์ จะได้รู้ว่า เอ็งไม่ใช่เจ้าของลิทสิทย์ยัน มือสองมือสามมือสี่นะ มันเกินไป แต่ แต่ แต่ ไอ้สำนักพิมพ์ มันแก้กฎหมายแน่ คงไม่ยอมหรอก แต่กว่าจะผ่านได้ ก็คงหลายสิบปี

ดีใจด้วยครับ  :wanwan019:

ผมก็ได้ยินข่าวทางช่อง 7 เขาบอกว่า คดีนี้ทำให้บริษัทผู้ผลิตสูญรายได้ไปหลายล้านเหรียญ<< อันนี้ผมฝังมาชัดมาก

แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าบริษัทผู้ผลิตจะสูญรายได้ไปยังไง  :P

สุ้ครับ  :'(

คงเหมือนกับที่บอกว่า จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อวินโดว์แท้ ประมาณนั้น ไม่เห็นต้องซื้อก็ได้นะครับ ของทดแทนมีอยุ่มากมาย เนทก็ยังมีให้ค้นคว้าครับ

แต่ก็น่าเห็นใจครับ เล่มนึงแพงจริงๆ ถ้าขายราคาเดียวทั่วโลก คงแย่เหมือนกัน

ไม่ค่อยรู้เรื่องกฏหมายพวกนี้เท่าไหร่ แต่ผมชอบตรงประเด็นที่ว่ามันเป็นหนังสือมือสอง จะให้สำนักพิมพ์หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ห้ามให้เราจำหน่ายสินค้ามือสองมือสามก็คงไม่ไหว :P

ส่วนตัว ไม่เห็นด้วย ที่ตัดสินออกมาเป็นแบบนี้

คิดดูง่ายๆ ถ้าเราเป็น สำนักพิมพ์ ที่แพ้คดีอยู่ตอนนี้
ต่อไป เขา ก็จะขาย ราคาเท่ากัน ทั่วโลกเลยไง
เพื่อ ป้องกัน พ่อค้า ดร. หัวใส  เอาหนังสือจากสำนักพิมพ์เขา มาขายต่ออีก
เพราะเขาจะขายราคาเท่ากันหมด

แล้วคนที่ซวย ก็คือใคร ก็นิสิต นักศึกษา ผู้แสวงหาความรู้ไงครับ
จะซื้อหนังสือแต่ละเล่ม ก็แพง เท่ากับอเมริกา

แบบนี้ไม่แย่เหรอครับ
แล้วจะมาดีใจอะไรอีกละ

ดีใจที่คนไทยชนะ หรือดีใจ ที่เห็นช่องโหว่ จะเอาหนังสือไปขายอย่างเขาบ้าง
ถ้าคิดอย่างนั้น ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า "คุณคิดผิด"

นิดหน่อยไม่เป็นไร แต่คดีนี้เหมือนจะหลายล้านนะครับ เป็นหมึ่นๆเล่ม
ไม่แน่ใจนะครับ ลองหาข้อมูลดูละกันครับ  :P

เป็นไปได้ว่า text อาจจะถูกลงเท่าของ asia

เรากลัวว่าบ้านเราจะแพงขึ้นไปนะคะ

ตอนแรกแค่ฟังผิวเผินนึกว่าเอาหนังสือมือสองที่เรียนจบแล้ว ไปขาย 8 เล่ม
ที่ไหนได้ เห็นเจ้าตัวบอกขายได้เงินหลายสิบล้าน หนังสือใหม่ๆส่งไปขายเป็นตันๆ
hปปp://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2012/04/X11975686/X11975686.html :P

ไม่เห็นด้วยฮะ
ผมว่าราคาทางฝั่งนู้นคงไม่ลง ไม่จำเป็นจริงๆ คงไม่มีใครลดราคาสินค้าของตัวเองลงมาหรอกครับ ...มันจะเสียหายในระยะยาว
แต่ราคาทางฝั่งนี้น่าจะขึ้นค่อนข้างแน่

ไม่อยากออกความเห็นว่าสิ่งที่อาจารย์แกทำลงไป มันถูกหรือผิด เพราะถ้าผมเห็นช่องทางอย่างแก ในขณะนั้นผมก็อาจทำอย่างนั้นเหมือนกัน
แต่ที่ผมอยากรู้ คือ แกจ่ายค่าทนายไปเท่าไหร่ คุ้มกับที่แกเคยได้มาหรือป่าว

ถ้าผมผิดทั้งโลกสะเทือน

แต่ถ้าผมถูก สะเทือนทั้งโลก  :P

ยินดีด้วยนะครับอาจารย์

คนไทยเค้าแจ๋วจริง
เมื่อคืนออกข่าวตั้งหลายช่อง  :wanwan020:

สมัยผม Text เล่มละพันกว่านี้ก็แพงแล้วล่ะครับ ก็ใช้วิธีดังเดิม คือ GB 555 นักศึกษาอ่ะครับรายได้ไม่มีก็ต้อง GB ไปก่อน

ถ่ายทียกเล่ม --> พี่ให้น้องสายรหัส --> น้องเอาไปขาย...เป็ด 555

ถ้ามองอีกมุมก็ถือว่าดีแล้วที่อาจารย์ชนะคดี  เพราะไม่อย่างงั้นทั้งโลกสะเทือนจริงๆ เนื่องจากเวลาเราจ่ายเงินซื้ออะไรมาสิทธิ์ก็ยังคงเป็นของคนขายอยู่ เช่น ซื้อกระเป๋ายี่ห้อดังราคาแพงมาใช้เบื่อแล้วสภาพยังดีจะขายต่อเป็นมือสองก็ต้องไปขออนุญาตตัวแทนจำหน่ายก่อน  , ซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านพอมีเก็บไว้เยอะๆ จะเอามาชั่งกิโลขายก็ต้องไปขออนุญาตก่อน , หรือแม้กระทั่งหอสมุดจะเอาหนังสือที่มีส่งต่อหมุนเวียนไปที่อื่นก็อาจต้องไปขออนุญาตก่อนเพราะเข้าข่ายการเปลี่ยนความเป็นเจ้าของ

สรุปว่าเราจ่ายเงินซื้ออะไรมาแล้ว ของสิ่งนั้นก็ควรจะเป็นสิทธิ์ของเรา เราจะทำอะไรกับของสิ่งนั้นก็ได้ ไม่ใช่ว่าสิทธิ์ยังเป็นของคนขายอยู่

ได้ค่าเสียหายคืนไหมครับ :o

สรุปว่า ศาลอเมริกา ท่านว่า ถ้าเราซื้อหนังสือเป็นของตนเองแล้วมีสิทธิ์ขายต่อได้โดยไม่กระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ครับ  :wanwan020: :wanwan020: :wanwan020:

เป็นไปได้ว่า ในเมกา จะมีราคาลดลง เพราะมูลค่า ตลาดทั่วโลก น่าจะมากกว่า

ความจริงก็ต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว
สมมติเราซื้อจักรยานยี่ห้อ trek มา
เราก็ขายจักรยานยี่ห้อ trek คันนั้นได้อยู่แล้ว

ผมเห็นด้วยกับอันนี้นะ มองเห็นข้อดีมากกว่าข้อเสียครับ สินค้ามือสอง ไม่ได้มีแค่หนังสือนะครับ

อยากรู้ว่าสรุปเสียค่าทนายไป 6 ล้าน ไม่ได้คืนใช่ปะครับ ?

ส่วนเรื่องผิดถูกผมว่ามันก็จะเป็นไปตามกระแสสังคมเอง เดี๋ยวมันก็มีกฏหมายใหม่ออกมาช่วยผู้ผลิตเองครับ  :wanwan013:

ราคาฝั่งไหนจะลงจะขึ้น ต้องดูว่าอันไหนมันคุ้มกว่ากันครับ ยังไงเค้าคงวิเคราะห์และมีทางออกของเค้าเองแหละครับ
แต่ก่อนที่ราคาในอเมริกามันแพงเพราะเจ้าของลิขสิทธิ์เค้าคงคิดว่าตั้งขายในอเมริกาแพงยังไงก็ขายได้ เพราะที่เค้าขายถูกในต่างประเทศใครจะไปซื้อมาขายในอเมริกาไม่ได้
เจอแบบคดีนี้เข้าไปก็คงต้องปรับตัว อาจจะลดราคาฝั่งในอเมริกาลงและปรับราคาสินค้านอกอเมริกาขึ้นมาให้เหมาะสมกัน
แต่ที่เห็นหลายคนบอกว่า กลัวว่าเค้าขึ้นราคาให้เท่ากับที่ขายในอเมริกาเลยนี่ ผมว่าเป็นไปไม่ได้เลยล่ะครับ
ถ้าขึ้นราคาในต่างประเทศแล้วไม่มีคนซื้อ คู่แข่งก็คอยจ้องจะเสียบแทนอยู่เสมอ แบบนี้ก็มีแต่เจ๊งอ่ะครับ

สรุปงานนี้ผู้บริโภค win ครับ

ข่าวนี้ดังมากครับ น่าจะมีคนยิ้มกันหลายคนในนี้  :wanwan020:

หมายความว่าเราสามารถซื้อ text book international edition ราคาถูกแล้วไปขายยัง อเมริกาเป็นหนังสือมือสองแต่ใหม่เอี่ยมได้ไงครับ ทำให้ผู้ผลิตเสียรายได้ เค้าเปิดช่องให้เราทำมาหากินแล้วนะครับ ใครอยากรวยก็รีบไปจอง text book ที่ศูนย์หนังสือจุฬาแล้วนำไปขาย เพื่อนผมทำอยู่ได้ปีเป็นล้านนะครับ แต่ตอนนั้นผมไม่ทำเพราะกลัวผิดกฏหมายครับ พอผลตัดสินมาอย่างงี้ โอ้ว ชี้ช่องรวยแท้ๆ

เจ้าของลิขสิทธิ์ จะขึ้นราคาทั้งโลกให้เท่าอเมริกา

หรือลดราคาในอเมริกาให้เท่ากับในเอเชีย

ดูแล้วน่าจะเป็นอย่างแรก

 :wanwan019: :wanwan019: :wanwan019:

เห็นด้วยครับ

ถ้าเอาตามเจตนา ผมว่าผิดน่ะ แม่มเล่นเอาไปขายเป็นตันๆ แบบนั้น ฝั่งเจ้าของลิขสิทธิ์เค้าก็เสียหายดิ  :wanwan005: :wanwan005: :wanwan005:

 :wanwan003: :wanwan003: :wanwan003:  ยินดีด้วยครับ  :wanwan003: :wanwan003: :wanwan003:

แต่ text มันไม่เหมือนสินค้าตัวอื่นเท่าไหร่นะ สนพเก่าขายแพง ใช่ว่าจะเสียบกันก็ไม่ใช่ง่ายๆ คนอ่านใช่ว่าจะยอมรับหนังสือคนเขียนใหม่ได้
มันมีเนื้อหา ไหนจะคนเขียนบอกกันต่อมาเรื่อยๆว่าต้องคนนี้ๆ ประมาณว่าหนังสือเรียนวิชานี้เขียนโดยคนนี้ถึงจะดี อธิบายดี ตัวอย่างเจ๋ง พรูพเข้าใจง่าย ไหนจะอ.ก็คงขี้เกียจเอาเล่มอื่้นมาสอน เพราะต้องเตรียมอ่านเนื้อหาใหม่หมด

ความจริงมันเป็นงั้นอยู๋แล้วครับ แต่คนไทยที่ทำเนี่ยพูดจริง ๆ คือจงใจทำเพื่อการค้าอย่างชัดเจน ไม่ใช่แบบที่คุณพูดมาครับ เวลาตัดสินเค้าก็ดูเจตนาด้วยอยู่แล้วครับ  :wanwan017:

 :wanwan011:  กลายเป็นเคสต้นแบบไปเลย


 สมัยเรียน ซื้อ Text  ทีนึงกินแกลบไปเกือบเดือน  :'(

ชนะคดีก็ดีแล้ว ไม่งั้นคงโดนปรับกันบานเลย  :wanwan035:

อ้าว แล้วขายซีดีมือสองของเรา ที่ใต้สะพานลอยเสียค่าปรับสองแสนติดคุกสองปีได้ไงว๊ะ

คนล่ะเรื่องเลยครับ อันนี้ขึ้นศาลที่อเมริกา  :wanwan004:

รู้แหละ แต่อยากฝากไปถึงผู้มีอำนาจออกกฏหมายใช้กฎหมายในบ้านในเมืองบ้าง อะไรควรไม่ควรอยู่ทีสำนึกของทุกคนไม่ใช่แค่ของนายทุน

ราคาเดียวทั่วโลกแน่ๆ ถ่ายเอกสารกันหนุกเบย

สะเทียนจริงๆ เป็นคดีที่น่าสนใจ  :wanwan044:

ปัจจุบันเค้าก็ถ่ายกันเยอะกว่าซื้อแล้วครับ  :wanwan004:

ขาย cd ติดคุกเพราะ ข้อหาขาย cd ไม่มีใบอนุญาตครับ ไม่ใช่ข้อหาขายของลิขสิท

ถ้าเอาที่ตัวเองใช้ไปขายจะไม่เป็นไรเลยแต่นี่เล่นทำกันเป็นทุระกิจกำไรๆรเป็นล้านๆก็ไม่ไหวนะครับมันเกินไป
ที่ชนะเพราะมองกันที่ก. ม. ทึ่ขายถูกเพราะต้องการช่วยพัฒนาโลก แต่กลับใช้ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง

ผมว่า ไม่ว่าจะซื้อจากที่ไหน
ก็มีสิทธิ์ขายเป็นของมือสองได้ทั่วโลก

ลองเดินไปถนนข้าวสารสิ
ฝรั่งพกหนังสือมาจากอเมริกา
แล้วขายให้รถเข็นเอาไปขายต่อ
แล้วจะมีเหตุอันใดปิดกั้นคนเอเชียไม่ให้ขายกลับไปทางนู้นบ้าง  
จำนวนมากน้อยแล้วแต่กำลังซื้อ
ยิ่งกำลังซื้อมาก ซื้อมาขายเยอะ
รายได้ยิ่งพุ่งไปสู่เจ้่าของมิใช่หรือ
เพียงแต่จะมาหวังเอากำไรมากๆจากการ "โก่งราคา" ในบางพื้นที่มากไม่ได้
และกระบวนการขายกลับไปเมกานั้นก็ไม่ได้ง่าย
คนซื้อที่โน่นถ้าเขาไม่ mind ราคาจริงจะดิ้นรนหาของมือสองจากเอเชียทำไม
ถ้าของถูกลิขสิทธิ์แล้วแปลว่าเจ้าของก็ได้เงินแล้ว
เพียงแต่จะโลภอยากได้เพิ่มอีกแค่ไหน