ThaiSEOBoard.com

อื่นๆ => Cafe => ข้อความที่เริ่มโดย: amulet ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:16:48



หัวข้อ: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: amulet ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:16:48
กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ

สำหรับภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของสรรพากรไตรมาสแรกของปีงบ 2555 คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม แต่ช่วงการจัดเก็บรายได้ภาพรวมในน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 1.62 ล้านล้านบาท มากกว่าปีที่แล้ว 7% โดยในปีนี้กรมสรรพสากรคาดว่าจะสูญเสียรายได้จากน้ำท่วม 6-7 หมื่นล้านบาท และสูญเสียรายได้จากมาตรการรัฐประมาณ 6 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีต้องเร่งเก็บภาษีในธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากน้ำท่วม อาทิ ค้าปลีก ขนส่ง
   
ทั้งนี้ ในปีหน้า กรมสรรพากรจะเอาจริงกับการจัดเก็บภาษีซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต (อี-คอมเมิร์ซ) ให้มากขึ้น โดยขณะนี้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้หมดแล้ว หากผู้ประกอบการรีบติดต่อมายังกรมสรรพากรเพื่อเสียภาษีให้ถูกต้องจะถูกเอาผิดย้อนหลังเพียง 2 ปี แต่ถ้ากรมสรรพากรต้องไปเรียกให้มาเสียภาษี ผู้ประกอบการต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มย้อยหลัง 5 ปี และจะไม่ได้รับลดหย่อนเลย

ปล. ท่านคิดอย่างไงกันบ้าง


ที่มา  http://www.usnzone.com/forum/thread-26448-1-1.html


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: amulet ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:21:43
เซ็งฉิบ กลัวมันจะประเมิณรายได้เกินจริง  :wanwan023:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: NeyoSosick ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:25:19
"ทั้งนี้ ในปีหน้า กรมสรรพากรจะเอาจริงกับการจัดเก็บภาษีซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต (อี-คอมเมิร์ซ) ให้มากขึ้น โดยขณะนี้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้หมดแล้ว" แล้วทำ amazon มันจะรวบรวมข้อมูลไงโทรไปถาม amazon หราเหอๆ


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: iluis ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:25:50
เวง!!! กำไรแทบจะไม่ได้อยู่แล้ว


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: oasis1984 ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:26:10
ผมเคยไปยื่นแจ้งขอเสียภาษีเมื่อ 1-2 ปีที่แล้ว ตอนนั้นก็เล่าให้เค้าฟังว่าขายสินค้าใน internet รายได้เท่านู้นเท่านี้ เค้าคิดผมเหมาๆๆ ปีละ 3000 โดยแบ่งจายเป็น 2 งวดต่อปีมาตลอด โดยยอมจ่ายย้อนหลังด้วยอีก 1 ปี (เสียค่าธรรมเนียมย้อนหลังหลายตังอยู่) เพราะตอนไปยื่นทำมากว่า 1 ปีแล้ว ใครเสียเหมือนผมบ้างครับ

ปล. ที่ยอมเสียภาษีตั้งแต่ต้นไม่ใช่เพราะว่ากลัวโดนย้อนหลังอะไร แค่อยากมีหลักฐานในการขอเครดิตกับธนาคาร ^^ :-[


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: ad2002 ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:27:27
"ทั้งนี้ ในปีหน้า กรมสรรพากรจะเอาจริงกับการจัดเก็บภาษีซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต (อี-คอมเมิร์ซ) ให้มากขึ้น โดยขณะนี้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้หมดแล้ว" แล้วทำ amazon มันจะรวบรวมข้อมูลไงโทรไปถาม amazon หราเหอๆ

ใช่ครับ   มันไม่ได้ตรวจสอบกันง่ายๆ มั้ง 

55สมน้ำหน้า ตรวจสอบไม่ได้  :wanwan007:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: mamazab ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:28:49
"ทั้งนี้ ในปีหน้า กรมสรรพากรจะเอาจริงกับการจัดเก็บภาษีซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต (อี-คอมเมิร์ซ) ให้มากขึ้น โดยขณะนี้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้หมดแล้ว" แล้วทำ amazon มันจะรวบรวมข้อมูลไงโทรไปถาม amazon หราเหอๆ
ถ้ากฎหมาย tax ยุ่งยาก เดี๋ยว amazon ก็ยกเลิก aff ประเทศไทย  :P


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: amulet ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:36:31
มันขู่จัง เก็บข้อมูลไว้หมดแล้ว  :wanwan014:

ไอข้อมูลที่มีตรงตามเป็นจริงรึเปล่า ดูสิแม่ค้าแผงลอยข้างถนนจะไปไล่เก็บบ้างป่าว


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: adsene5438 ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:38:30
ไม่มีทางเช็คได้ครับ  :P :P :P


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: logisfix ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:41:02
ผมเชื่อว่าเค้าไม่ได้มีข้อมูลทั้งหมดหลอกครับ แต่เค้าพูดเพื่อให้หลาย ๆ คนไปเดินเรื่องมันจะได้เหลือส่วนน้อย ๆ จะได้พอตามเรื่องได้บ้าง


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: mikeyx ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:41:14
มันตรวจสอบได้จริงเลอะ ผมรับเฉพาะเงินสด ๆกับมือ  :wanwan004:
เดือนบัญชีไม่เกินที่กฏหมายกำหนดอีก

amazon + adsense คงเก็บไม่ได้เพราะว่าไม่ได้ทำอยู่ประเทศไทย

ที่บอกว่าเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว โม้ ครับ


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: WPDSign ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:44:56
เคยมีคนพูดว่าเค้ามีสิทธิ จะเข้าไปเช็ค บช ธนาคาร ตามเลขบัตร ปชช ได้ จริงเปล่า


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: pigdoll ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:45:14


ที่บอกว่าเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว โม้ ครับ

 :wanwan004:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: kangtung ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:47:42
คือ มีบางเจ้าไปลง ทะเบียนพาณิชย์อิเล็คทรอนิค อย่างถูกต้องครับ ตัวนี้หละเก็บข้อมูลไว้หมดแล้ว

เว็บอื่นๆ ผมว่าหาเจอยากยากแน่ ยิ่งหาไม่ค่อยเจอในระบบ ด้วย ไม่รู้เว็บไซต์ในเมืองไทยมันมีมากเท่าไหร่ เว็บไทยบางเว็บยังอาศัยโฮสต์นอกอยู่เลย ไล่ตามยากแน่ๆๆ


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: amulet ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:52:14
รอดูสถานณ์กันไป.. :wanwan023:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: marketting ที่ 24 ธันวาคม 2011, 12:54:24
เรื่องนี้ก็ปล่อยไว้ไม่ได้เหมือนกัน ครับ ต้องติดตามครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: DOITJOB ที่ 24 ธันวาคม 2011, 13:00:48
ให้จ่ายจริงไม่เคยกลัวทำมาหากินอยู่จ่ายให้ได้ ดีแต่จะมามั่วตัวเลขนี่แหละพวกนี้ถ้าจะเก็บ
ดีแต่ออกมาพูด กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
แต่ กรมสรรพากร ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อี-คอมเมิร์ซ ว่ามันคืออะไรกันแน่
ก็ไม่ได้ว่าไรเขาหรอก แต่ก็นะพูดแล้วจะยาว ไม่รู้เรื่องอะไร คิดได้ก็จะเอา จะเอา  :wanwan020: :wanwan019:

ปล. ผมเองก็เสียให้เขาทุกแหละ แต่ก็คุยกัน มีรายได้เท่าไหร่ ว่ากันไป เอาตามจริง ไม่ใช่มาเดาส่ง เราๆ ทำงานสายนี้ มีๆก็จ่ายไปไม่เสียหายหรอก



หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: amulet ที่ 24 ธันวาคม 2011, 13:09:05
ให้จ่ายจริงไม่เคยกลัวทำมาหากินอยู่จ่ายให้ได้ ดีแต่จะมามั่วตัวเลขนี่แหละพวกนี้ถ้าจะเก็บ
ดีแต่ออกมาพูด กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
แต่ กรมสรรพากร ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อี-คอมเมิร์ซ ว่ามันคืออะไรกันแน่
ก็ไม่ได้ว่าไรเขาหรอก แต่ก็นะพูดแล้วจะยาว ไม่รู้เรื่องอะไร คิดได้ก็จะเอา จะเอา  :wanwan020: :wanwan019:

ปล. ผมเองก็เสียให้เขาทุกแหละ แต่ก็คุยกัน มีรายได้เท่าไหร่ ว่ากันไป เอาตามจริง ไม่ใช่มาเดาส่ง เราๆ ทำงานสายนี้ มีๆก็จ่ายไปไม่เสียหายหรอก




จ่ายได้ครับ แต่มาประเมิณเกินจริงนี่รับไม่ได้ 

เมื่อปี41 ครอบครัวทำธุรกิจร้านอาหาร (ตอนนี้เลิกทำละ) โดนมากับตัว เรื่องประเมิณเกินจริงหลายเท่า


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: 2day ที่ 24 ธันวาคม 2011, 13:10:40
แล้วอย่างนี้คนมีเว็บต้องไปจดทะเบียนอีเล็คทรอนิคไหมครับนี่


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: naraj ที่ 24 ธันวาคม 2011, 13:17:45
หมายถึงร้านค้าออนไลน์ต่างๆนี่ครับ พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายก็เตรียมตัวกันไว้หน่อยละกัน ส่วนพวก affiliate คงยังทำไม่ได้หรอก


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: tonmaiza ที่ 24 ธันวาคม 2011, 13:20:20
ต้องรอติดตามครับ เงินเดินผ่านบัญชีเยอะมากออ :P


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: businessman ที่ 24 ธันวาคม 2011, 13:23:19
ต้องรอติดตามครับ เงินเดินผ่านบัญชีเยอะมากออ :P
ผมก็ไม่ใช่น้อยๆเลย :wanwan031: เปลี่ยนบัญชีเว็ปไซด์ จะช่วยได้ไหม เปลี่ยนซัก10บัญชี (โดยที่บัญชีไม่ใช่ชื่อของเราด้วย เรื่องโดนตามผมมีวิธีเซฟเรื่องนี้อยู่แล้ว พอดีมีธุรกิจเทาๆอยู่)เอาให้งงไปเลยว่าเวลาเช็คบัญชี เขาจะเช็คบัญชีได้ไหมครับว่าตอนไหนใช้บัญชีไหน


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: mixsp ที่ 24 ธันวาคม 2011, 14:42:27
affiliate น่าจะรอดได้  :wanwan023: แต่ที่จะเข้มงวดน่าจะเวบที่เปิดขายของในประเทศนี่แหละครับ คิดว่านะ :wanwan044:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: tekub ที่ 24 ธันวาคม 2011, 14:52:10
กลัวจะมาแบบมั่วนิ่มมากกว่า  :P


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: eternity007 ที่ 24 ธันวาคม 2011, 15:07:11
ถ้ามีรายได้จริง การจ่ายภาษีมันจ่ายได้ครับ แต่อย่างที่หลายคนบอกแหละมันจะประเมินสูงกว่าความเป็นจริงแน่นอน แล้วรายได้ที่เราได้มายังไม่หักรายจ่ายที่จ่ายกันเลย ผมพึ่งจะได้เงินจากamazonเดือนแรกนี่แหละ100เหรียญเอง ทำมาเกือบปีละ เฮ้อ ส่วนรายจ่ายมันมากกว่า100เหรียญแน่นอน ยังไม่คุ้มเลย


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: mSkyline ที่ 24 ธันวาคม 2011, 15:36:49
โห เงินผ่านบัญชีผมเดือนละ หลักล้าน แต่เหลือไม่ถึงหมื่น
จะโดนเยอะมั้ยหนอ หุหุ


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: ไทยเฟิร์สทเซอร์วิส ที่ 24 ธันวาคม 2011, 15:39:33
ใครเงินหมุนเดือนละเยอะๆ มีหวังเสร็จแน่ :wanwan008:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: nichamp ที่ 24 ธันวาคม 2011, 16:50:46
http://tax.bugnoms.com/journal/internet-marketer-should-pay-tax/

บล็อกนี้เขียนไว้ค่อนข้างชัดเจนครับ เรื่องของ Google Adsense, Amazon, Hotel Affiliate และรายได้จาก Affiliate อื่นๆ

สรุปคือจริงๆ แล้วต้องเสีย อยู่ที่ว่าสรรพากรจะเล่นเราเมื่อไหร่ รายได้เกิน 1 ล้านต่อปี ไปจ่ายเลยครับ ภาษี 30%  :wanwan009:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: amulet ที่ 24 ธันวาคม 2011, 17:06:04
ใครเงินหมุนเดือนละเยอะๆ มีหวังเสร็จแน่ :wanwan008:

เว็บตลาดคอทคอม จะเสียภาษีเท่าไร ????


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: ปลาบิน ที่ 24 ธันวาคม 2011, 17:16:30
ลงทุนซื้อสคริปต์ ค่าโดเมน ค่าโฮสต์ ค่าแรงตัวเอง ก่อติดลบแล้ว


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: ปลาบิน ที่ 24 ธันวาคม 2011, 17:20:43
โดนหักภาษีไปแล้วด้วยตอนบริษัทเขาจะจ่ายเรา.


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: Tonkung ที่ 24 ธันวาคม 2011, 17:49:04
ใครเงินหมุนเดือนละเยอะๆ มีหวังเสร็จแน่ :wanwan008:

เว็บตลาดคอทคอม จะเสียภาษีเท่าไร ????

เค้าก็คงต้องเสียล่ะครับ แต่ขึ้นอยู่ว่าจะเท่าไร  :P


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: meechai27 ที่ 24 ธันวาคม 2011, 18:04:01
affiliate, amazon, adsense ไม่ต้องกลัวครับ ยังห่างไกล....ที่จะโดนก่อนก็พวกร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนไว้ ส่วนร้านที่ไม่ได้จดไม่รู้จะโดนตรวจสอบรึเปล่า


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: holidaytours ที่ 24 ธันวาคม 2011, 20:35:00
สำหรับ คนทำ aff จะโดนหักภาษี ณ ที่จ่ายอยู่แล้วนะครับ



หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: ปลาบิน ที่ 24 ธันวาคม 2011, 21:23:25
ในเมื่อค่าครองชีพสูงขึ้น 2 เท่า ฐานรายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษีต้องเพิ่ม 2 เท่าสิ ต้องกินต้องใช้
แล้วแรงงานต่างชาติ ก็ควรเพิ่มภาษีขึ้นอีกหลายเท่า เพื่อให้โอกาสคนไทยในการทำงานมากกว่า
เวลาคิดค่าครองชีพดันไปวัดจากโรงอาหารโรงงานประเภทความอร่อยก็หามีไม่ แล้วหาว่าห้างฟุ่มเฟือยไม่คิด
คนคำนวนเดินห้างรึเปล่า หรือวันๆกินอาหารโรงงานปลากระป๋อง กับ เมนูพิเศษวิญญาณไก่25บาท?


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: webunder ที่ 24 ธันวาคม 2011, 21:33:05
มันตรวจสอบได้จริงเลอะ ผมรับเฉพาะเงินสด ๆกับมือ  :wanwan004:
เดือนบัญชีไม่เกินที่กฏหมายกำหนดอีก

amazon + adsense คงเก็บไม่ได้เพราะว่าไม่ได้ทำอยู่ประเทศไทย

ที่บอกว่าเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว โม้ ครับ
ทำไมจะตรวจสอบไม่ได้หล่ะครับ
ก็ทั้งamazonกับgoogleก็มีสำนักงานในไทย เค้าแค่แจ้งไปขอข้อมูลมาจะกี่ปีมันก็มีหมดอะ

จำที่ google thailand บอกไว้ไม่ได้เหรอครับ พูดประมาณว่าเรื่องภาษี google thailand ยินดีให้ความร่วมมือและจัดการอย่างถูกต้องอยู่แล้ว
ว่าไปก็น่ากลัวนะ เรามีหลักฐานการรับเงิน แต่ไม่ได้เก็บหลักฐานการจ่ายเงินไว้เลย พวกค่าโฮส,PPC,domain,ค่าซื้อscript,ซื้อ keywordด้วย รายจ่ายเยอะไม่น้อยกว่ารายรับมากนักหรอก


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: metoo55 ที่ 24 ธันวาคม 2011, 21:38:12
อยากรู้จริงๆ เก็บภาษีอีคอมเมิร์ซ..จะได้ซักกี่ตังค์ ส่งเสริมก็ไม่ส่งเสริม..กลับมารีดเลือดจากปู

ที่อยากเก็บเพราะเคยไ้ด้ยินมูลค่าตลาด E-commerce ว่ามีแสนล้านบ้าง หลายหมื่นล้านบ้าง ข้อมูลโม้ทั้งนั้น แต่สรรพากรฟังแล้วหูกระดิก...

ทำไมเป็นข้อมูลโม้ เพราะเอาเข้าจริงตลาด E-Commerce ที่ซื้อๆขายๆ กันอยู่ในบ้านเราส่วนใหญ่เป็นแบบ C to C (Consumer to Consumer) หรือโพสเว็บบอร์ดขาย

ร้านค้าก็มี แต่ร้านใหญ่จริงๆ ลองนึดดูว่ามีร้านไรบ้าง tarad.com นี่เก็บค่าเช่านะไม่ได้ขายสินค้า ที่ขายคงมีแต่น้อย รายใหญ่ที่นึกออกคือพวก officemate.co.th ที่ยอดขายประมาณปีละ 1000 ล้าน รายอื่นที่มียอดสูงขนาดนี้ยังนึกไม่ออก สุดท้ายจะรอดูว่าจะเก็บได้เท่าไหร่  :wanwan044:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: yabby ที่ 24 ธันวาคม 2011, 21:40:06
ผมพร้อมจ่ายในส่วนที่สมควรจ่ายนะ แต่ค่า ใช้จ่ายที่ควรนำไปหักภาษีที่ไม่ได้ มีใบเสร็จ เยอะมากจริงๆ
ถ้าเสียภาษีโดยไม่หักค่าใช้จ่ายส่วนนี้ผมลำบากใจมากๆ


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: Love Family ที่ 24 ธันวาคม 2011, 21:41:13
 :wanwan006:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: NeyoSosick ที่ 24 ธันวาคม 2011, 21:50:07
มันตรวจสอบได้จริงเลอะ ผมรับเฉพาะเงินสด ๆกับมือ  :wanwan004:
เดือนบัญชีไม่เกินที่กฏหมายกำหนดอีก

amazon + adsense คงเก็บไม่ได้เพราะว่าไม่ได้ทำอยู่ประเทศไทย

ที่บอกว่าเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว โม้ ครับ
ทำไมจะตรวจสอบไม่ได้หล่ะครับ
ก็ทั้งamazonกับgoogleก็มีสำนักงานในไทย เค้าแค่แจ้งไปขอข้อมูลมาจะกี่ปีมันก็มีหมดอะ

จำที่ google thailand บอกไว้ไม่ได้เหรอครับ พูดประมาณว่าเรื่องภาษี google thailand ยินดีให้ความร่วมมือและจัดการอย่างถูกต้องอยู่แล้ว
ว่าไปก็น่ากลัวนะ เรามีหลักฐานการรับเงิน แต่ไม่ได้เก็บหลักฐานการจ่ายเงินไว้เลย พวกค่าโฮส,PPC,domain,ค่าซื้อscript,ซื้อ keywordด้วย รายจ่ายเยอะไม่น้อยกว่ารายรับมากนักหรอก


amazon มีที่ไหนในไทยอย่ามั่ว


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: forlife ที่ 24 ธันวาคม 2011, 21:50:21
อย่ากังวลกันเกินไปเลยครับ สรรพากรเค้าก็ทำหน้าที่ไป เค้าไม่ประเมินเกินหลักฐานที่รวบรวมได้ ถ้าเรามีรายได้ถึงเกณฑ์ก็มีหน้าที่เสียภาษีครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: ปลาบิน ที่ 24 ธันวาคม 2011, 21:51:58
คนทำ aff. นั้นทำเพราะไม่มีทุนพอจะไปทำธุรกิจจริง
นอกจากจะได้แค่เศษตังค์จากกำไรของเจ้าของธุรกิจซึ่งเป็นคนอื่นแล้ว
ยังต้องแบกต้นทุนค่าโฮสต์ โดเมน โปรแกรม แรงงาน ค่าโฆษณาลงทุนต่างๆ ซึ่งไม่ใช่น้อยเลย
และยังไม่สามารถเอาต้นทุนไปหักภาษีอะไรได้เลย
และส่วนมากจะเจ๊งกัน เป็นฐานปิรามิด พวกหัวปิรามิดที่รวยจริงมีไม่เท่าไหร่หรอก  
ขยันเพิ่มความลำบากให้คนใน ขณะที่ยังแข่งกับประเทศอื่นเขาไม่ค่อยได้ แถมเร่งอิมพอร์ตคนมาถลุงเค้กต้วยค่าตัวถูกกว่าภาษาดีกว่า แล้วจะเหลืออะไร


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: WPDSign ที่ 24 ธันวาคม 2011, 21:57:13
คนทำ aff. นั้นทำเพราะไม่มีทุนพอจะไปทำธุรกิจจริง
นอกจากจะได้แค่เศษตังค์จากกำไรของเจ้าของธุรกิจซึ่งเป็นคนอื่นแล้ว
ยังต้องแบกต้นทุนค่าโฮสต์ โดเมน โปรแกรม แรงงาน ค่าโฆษณาลงทุนต่างๆ ซึ่งไม่ใช่น้อยเลย
และยังไม่สามารถเอาต้นทุนไปหักภาษีอะไรได้เลย
และส่วนมากจะเจ๊งกัน เป็นฐานปิรามิด พวกหัวปิรามิดที่รวยจริงมีไม่เท่าไหร่หรอก  

เห็นด้วยครับ
ถ้าโดนจริงเราจะไปเอา บิล ค่า host domain จากใหนมายื่นได้


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: NeyoSosick ที่ 24 ธันวาคม 2011, 21:58:40
คนทำ aff. นั้นทำเพราะไม่มีทุนพอจะไปทำธุรกิจจริง
นอกจากจะได้แค่เศษตังค์จากกำไรของเจ้าของธุรกิจซึ่งเป็นคนอื่นแล้ว
ยังต้องแบกต้นทุนค่าโฮสต์ โดเมน โปรแกรม แรงงาน ค่าโฆษณาลงทุนต่างๆ ซึ่งไม่ใช่น้อยเลย
และยังไม่สามารถเอาต้นทุนไปหักภาษีอะไรได้เลย
และส่วนมากจะเจ๊งกัน เป็นฐานปิรามิด พวกหัวปิรามิดที่รวยจริงมีไม่เท่าไหร่หรอก  

เห็นด้วยครับ
ถ้าโดนจริงเราจะไปเอา บิล ค่า host domain จากใหนมายื่นได้

ถ้ิาเป็นแบบนี้เขาอาจจะดู 2 อย่าง คือเงินเคลื่อนไหวที่จ่ายไปยังบริษัทต่างๆที่เราจะอ้างว่าจดโดเมนด้วยกรณีบัตร be1st  หรือใช้บัตร visa ก็เช็คข้อมูลจาก visa ได้


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: ปลาบิน ที่ 24 ธันวาคม 2011, 22:12:22
แล้วจ่ายด้วไบัตรเครดิตเนื่องจากไม่มีทุนถุงเงินถุงทองอยู่ล่ะ มีใครช่วยสลายดอกเบี้ยและต้นทุนตรงนี้ไหม
คนที่ไม่มีหน้ามีตาพอจะไปกู้เป็นก้อนๆแบบชื่อเท่ๆว่าsme. แต่เป็นแค่คนเก็บขยะไซเบอร์หาต้นปีกินปลายปี. หาบเร่แผงลอยบนเน็ต
แล้วก็พวกนักศึกษาสร้างสรรค์ที่หันมาหาเงินเรียนแบบสุจริต ดีกว่าปล่อยไปทำอะไรแย่ๆ

ประเทศนี้โรงเรียนดังยังต้องไปอิมพอร์ตเด็กจบใหม่จากฟิลิปปินส์มาสอน
แต่เด็กจบปริญญาตรีต้องคิดว่าไปทำเซเว่นดีไหม เพราะต้องรอดูว่าเมื่อไหร่งานที่สมัครไว้จะรับเสียที


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: EleLight- ที่ 24 ธันวาคม 2011, 22:12:58
คือตัวภาษีที่บอกจะเก็บกันอะครับ  รายได้ต่อปี ต้องเกิน 350,000 บาทใชไหมครับ

แล้วถ้า แบบ Host ผมเปิดมา สองปี แต่รายได้ปีแรกไม่เกิน  แต่ปีนี้เกินหละครับ  แบบนี้เราต้อง เสียภาษียังไง

ถ้าเหมาจ่าย ปีละ 3000 จะโดนย้อนหลังไปกี่ปีอะครับ  ยัง งงๆ


ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: pok64 ที่ 24 ธันวาคม 2011, 23:19:40
เคยมีสรรพากรเขตมาที่บ้านผม เลยถามเรื่องที่ทำamazonแล้วจะต้องเสียภาษีรึเปล่า

เค้าบอกว่า มันเป็นรายได้ซึ่งเกิดนอกประเทศไทย เค้าไม่รู้จะคำนวณเก็บยังไง

จริงๆผมยังไงก็ได้ ถ้าให้เสียภาษีก็ได้ แต่เค้าว่ายังงี้ เลยไม่รู้จะเสียยังไง
คือตัวภาษีที่บอกจะเก็บกันอะครับ  รายได้ต่อปี ต้องเกิน 350,000 บาทใชไหมครับ

แล้วถ้า แบบ Host ผมเปิดมา สองปี แต่รายได้ปีแรกไม่เกิน  แต่ปีนี้เกินหละครับ  แบบนี้เราต้อง เสียภาษียังไง

ถ้าเหมาจ่าย ปีละ 3000 จะโดนย้อนหลังไปกี่ปีอะครับ  ยัง งงๆ


ขอบคุณมากครับ

รายได้ต่อปีเกิน150,000 ไม่ใช่เหรอครับ (ถ้าจำไม่ผิด)

ถ้ารายได้ไม่เกิน คุณแตงมีหลักฐานให้เค้าดูรึเปล่า แต่ยังไง เดี๋ยวเค้าก็ประเมินให้เกินอยู่ดี (ผมก็เคยโดน)

แต่คุณแตงยังไม่จดทะเบียนพานิชนี่ครับ เค้าคงไม่ตามหรอกมั้ง

แต่ถ้าสมมติว่าผมต้องเสียภาษี ผมต้องขอบิลใบเสร็จจากคุณแตงด้วยเพราะโฮสBMGก็เป็นต้นทุนผมเหมือนกัน

แล้วเค้าจะรู้มั้ยว่าBMGคืออะไร แล้วเดี๋ยวจะไล่เก็บทั้งระบบ โฮส,BMG อะไรอีก ดูดิ วุ่นวายชิกหัย :P


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: ปลาบิน ที่ 24 ธันวาคม 2011, 23:32:44
ปีใหม่ปีนี้เป็นปีที่รู้สึกจนมากที่สุด เศรษฐกิจแย่มาก ๆ ของก็แพงขึ้น ๆ ตลอดเป็นระลอก ๆ
เป็บซี่ถุงละ 11 บาท ตอนนี้โขกสับกันถุงละ 20 บาท


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: kazama ที่ 24 ธันวาคม 2011, 23:41:26
 :wanwan019: :wanwan019: :wanwan019:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: Webmonster ที่ 24 ธันวาคม 2011, 23:43:11
ตามหลัก ถ้ามีรายได้ต้องเสียอยู่แล้วครับ เพียงแต่ในทางปฏิบัติมันเช็คได้บางส่วนเท่านั้น มันเป็นอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิด

ส่วนผมจ่ายตามจริงทุกปี ไม่มีปัญหา  :wanwan020:

แต่คนขายของ online ใน weloveshopping tarad พวกนี้แหละ เต็มๆเลย


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: theonevip ที่ 24 ธันวาคม 2011, 23:55:58
งานเข้าแล้วไง
กรมนี้


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: mija ที่ 24 ธันวาคม 2011, 23:56:47
มันเป็นหน้าที่ของประชาชนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์จะต้องเสียภาษีเพื่อให้ภาครัฐนำไปพัฒนาประเทศอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ถึงแมภาครัฐจะถลุงหรืองุบงิบเองก็เหอะ ยังไงถ้าเป็นคนไทยหรือชาติไหนก็ตามก็ต้องเสียภาษี

ที่อเมริกาเก็บภาษี 60% จากรายได้ทั้งหมด เชื่อว่าทุกอาชีพแบบรับต้นทุนหมดและค่าใช้จ่ายที่ไม่ต่างกัน หลบได็ก็หลบ ลดหย่อนได้ก็ลดหย่อนไป แต่มีหน้าที่เสียก็เสียไป เพราะไม่งั้นประเทศจะเอาเงินที่ไหนมาพัฒนาให้เทียบเท่านานาชาติได้ล่ะคะ


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: EleLight- ที่ 25 ธันวาคม 2011, 00:04:08
เคยมีสรรพากรเขตมาที่บ้านผม เลยถามเรื่องที่ทำamazonแล้วจะต้องเสียภาษีรึเปล่า

เค้าบอกว่า มันเป็นรายได้ซึ่งเกิดนอกประเทศไทย เค้าไม่รู้จะคำนวณเก็บยังไง

จริงๆผมยังไงก็ได้ ถ้าให้เสียภาษีก็ได้ แต่เค้าว่ายังงี้ เลยไม่รู้จะเสียยังไง
คือตัวภาษีที่บอกจะเก็บกันอะครับ  รายได้ต่อปี ต้องเกิน 350,000 บาทใชไหมครับ

แล้วถ้า แบบ Host ผมเปิดมา สองปี แต่รายได้ปีแรกไม่เกิน  แต่ปีนี้เกินหละครับ  แบบนี้เราต้อง เสียภาษียังไง

ถ้าเหมาจ่าย ปีละ 3000 จะโดนย้อนหลังไปกี่ปีอะครับ  ยัง งงๆ


ขอบคุณมากครับ

รายได้ต่อปีเกิน150,000 ไม่ใช่เหรอครับ (ถ้าจำไม่ผิด)

ถ้ารายได้ไม่เกิน คุณแตงมีหลักฐานให้เค้าดูรึเปล่า แต่ยังไง เดี๋ยวเค้าก็ประเมินให้เกินอยู่ดี (ผมก็เคยโดน)

แต่คุณแตงยังไม่จดทะเบียนพานิชนี่ครับ เค้าคงไม่ตามหรอกมั้ง

แต่ถ้าสมมติว่าผมต้องเสียภาษี ผมต้องขอบิลใบเสร็จจากคุณแตงด้วยเพราะโฮสBMGก็เป็นต้นทุนผมเหมือนกัน

แล้วเค้าจะรู้มั้ยว่าBMGคืออะไร แล้วเดี๋ยวจะไล่เก็บทั้งระบบ โฮส,BMG อะไรอีก ดูดิ วุ่นวายชิกหัย :P



พอดีผมไปดูมา มีชาตที่ไม่เกินปีละ 350000 ต้องเสียอะครับ  ถ้า 150000 นี้ผมก็โดนสองปีเลย 

แบบนี้ถ้าจะเหมาจ่ายเราต้องไปทำยังไงบ้างอะครับ 


ปล.  BMG  Hosting  ก็มีใบเสร็จรับเงินปกตินะครับ  แต่ว่าผมไม่ได้ศึกษาตรงนี้เหมือนกัน  เห็นว่า ถ้าใช้ยื่นเรื่องขอ  เค้าก็ไล่มาตั้งแต่ ปลายน้ำยันต้นน้ำเลย 


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: GoOeaZy ที่ 25 ธันวาคม 2011, 00:17:38
หลักการด้านอีคอมเมิร์ซ

   พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีคอมเมิร์ซคือ  การค้าขายผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เนต  อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนวิถีทางการดำรงชีวิตของทุกคน  อินเตอร์เนต จะเปลี่ยนวิธีการศึกษาหาความรู้ อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนวิธีการทำมาค้าขาย อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนวิธีการหาความสุขสนุกสนาน  อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างจะรวมกันเข้ามาหาอินเตอร์เนต
   กล่าวกันว่าในปัจจุบันนี้ถ้าบริษัทห้างร้านใดไม่มีหน้าโฮมเพจในอินเตอร์เนตบริษัทห้างร้านนั้นก็ไม่มีตัวตน นั่นคือไม่มีใครรู้จัก เมื่อไม่มีใครรู้จักก็ไม่มีใครทำมาค้าขายด้วย แล้วถ้าไม่มีใครทำมาค้าขายด้วยก็อยู่ไม่ได้ต้องล้มหายตายจากไป
   ว่ากันว่าอินเตอร์เนตคือแหล่งข้อมูลข่าวสาร และข้อมูลข่าวสารอย่างหนึ่งก็คือ ข้อมูลเกี่ยวกับราคาสินค้า ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ และข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขายผู้ผลิต  ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคมีทางเลือกในการที่จะซื้อสินค้ากันมากขึ้น เช่นการเข้าไปเลือกซื้อจากในเว็บไซต์ มีการเข้าไปเปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนที่จะซื้อ  หากจะกล่าวว่า “ข่าวสาร” คืออำนาจ ในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคก็ได้รับการติดอาวุธอย่างใหม่ที่มีอำนาจมากพอที่จะต่อรองกับผู้ผลิต และผู้จำหน่ายสินค้าได้ผลดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาและพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
   ในการทำอีคอมเมิร์ซนั้นไม่ใช่เพียงแค่เป็นเว็บเพจหรือช่องทางการจำหน่ายสินค้า แต่อีคอมเมิร์ซยังมีความหมายรวมไปถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการทางธุรกิจ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดเวลาที่ต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับผู้บริโภค และผู้ค้าส่ง สำนักวิจัยไอดีซี (IDC) ได้ประมาณรายได้ของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (B-to-B) ว่าเพิ่มขึ้นจาก 80 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3,200 พันล้านบาทในปี พ.ศ. 2542 เป็น 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 40 ล้านล้านบาทในปี พ.ศ. 2546

คำจำกัดความของอีคอมเมิร์ซ

   คำจำกัดความของอีคอมเมิร์ซนั้นได้มีผู้ให้นิยามไว้ต่างๆ กันอันเนื่องมาจากมองในแง่มุมที่แตกต่างกัน ถ้าถามอาจารย์สามคนว่าอีคอมเมิร์ซคืออะไร ก็คงได้คำตอบสี่คำตอบ คือแต่ละคนให้คำตอบคนละคำตอบ แล้วเมื่อมาประชุมปรึกษาหารือกันก็ตกลงกันเป็นอีกคำตอบหนึ่ง
   ถ้าถามนักอินเตอร์เนตหรือที่เรียกกันว่าอินเตอร์นอต (Internaut แบบเดียวกับ Asternaut) ก็อาจจะได้คำตอบว่า อีคอมเมิร์ซคือระบบการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต
ถ้าถามนักสื่อสารก็อาจจะได้คำตอบว่า อีคอมเมิร์ซคือการใช้ระบบสื่อสารในการส่งโฆษณา สินค้าและบริการไปให้ลูกค้า การใช้ระบบสื่อสาร โดยลูกค้าสั่งซื้อสินค้าและการจ่ายเงิน
   ถ้าถามผู้ให้บริการก็อาจจะได้คำตอบว่า อีคอมเมิร์ซคือการให้บริการให้บริษัทห้างร้านต่างๆ ได้โฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า ให้บริการผู้ซื้อได้ดูโฆษณาเลือกหาสินค้า และให้บริการเจ้าของกิจการได้ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าและให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้า
ถ้าถามนักเทคโนโลยี ก็อาจจะได้คำตอบว่า อีคอมเมิร์ซคือการนำเทคโนโลยีมาใช้ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการค้าขาย

   สรุปอย่างง่ายๆ โดยสังเขปก็อาจจะได้ความว่า อีคอมเมิร์ซ ประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้

     (1) ผู้ประกอบการจัดตั้งร้านค้าหรือทำหน้าโฆษณาที่เรียกว่าโฮมเพจหรือเว็บเพจบนอินเตอร์เนต
     (2) ผู้ซื้อเข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าในอินเตอร์เนต
     (3) ผู้ซื้อติดต่อสอบถามรายละเอียดจากผู้ขาย เช่น ของดีจริงหรือไม่ ส่งได้รวดเร็วเท่าใด มีส่วนลดหรือไม่ เป็นต้น
     (4) ผู้ซื้อสั่งสินค้าและระบุวิธีจ่ายเงิน เช่น โดยผ่านบัตรเครดิต เป็นต้น
     (5) ธนาคารตรวจสอบว่าผู้ซื้อมีเครดิตดีพอหรือไม่และแจ้งให้ผู้ขายทราบ
     (6) ผู้ขายส่งสินค้าให้ผู้ซื้อ
     (7) ผู้ซื้ออาจจะใช้อินเตอร์เนตในการติดต่อขอบริการหลังการขายจากผู้ขาย้

ประวัติวิวัฒนาการอีคอมเมิร์ซโดยสังเขป

     การค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้นเริ่มขึ้นบนโลกครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2513 ซึ่งได้มีการเริ่มใช้ระบบโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเอฟที (EFT = Electronic Fund Transfer) แต่ในขณะนั้นมีเพียงบริษัทขนาดใหญ่และสถาบันการเงินเท่านั้นที่ใช้งานระบบโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ต่อมาอีกไม่นานก็เกิดระบบการส่งเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีดีไอ (EDI = Electronic Data Interchange) ซึ่งสามารถช่วยขยายการส่งข้อมูลจากเดิมที่เป็นข้อมูลทางการเงินอย่างเดียวเป็นการส่งข้อมูลแบบอื่นเพิ่มขึ้น เช่น การส่งข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินกับผู้ผลิต หรือผู้ค้าส่งกับผู้ค้าปลีก เป็นต้น
หลังจากนั้นก็มีระบบสื่อสารรวมถึงโปรแกรมอื่นๆ เกิดขึ้นมากมายตั้งแต่ระบบที่ใช้ในการซื้อขายหุ้นจนไปถึงระบบที่ช่วยในการสำรองที่พัก ซึ่งเรียกได้ว่าโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคของการสื่อสาร และเมื่อยุคของอินเตอร์เนตมาถึงเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เนตก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้เกิดขึ้น เหตุผลที่ทำให้ระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์เติบโตอย่างรวดเร็วคือโปรแกรมสนับสนุนการค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมามากมาย รวมถึงระบบเครือข่ายด้วย พอมาถึงประมาณปี พ.ศ. 2537 – 2542 ก็ถือได้ว่าระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์หรืออีคอมเมิร์ซก็เป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมอย่างมากและรวดเร็ว ซึ่งวัดได้จากการที่มีบริษัทต่างๆ ในอเมริกาได้ให้ความสำคัญและเข้าร่วมในระบบอีคอมเมิร์ซอย่างมากมาย

ประเภทของอีคอมเมิร์ซ

   มีการแบ่งประเภทอีคอมเมิร์ซกันหลายแบบ เช่น แบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 5 ประเภท แบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 3 ประเภท แบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 6 ส่วน และแบ่งอีคอมเมิร์ซตามประเภทสินค้าเป็น 2 ประเภท เป็นต้น

อีคอมเมิร์ซ 5 ประเภท ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 5 ประเภทก็ได้ดังต่อไปนี้

     (1) ธุรกิจกับผู้ซื้อปลีกหรือบีทูซี (B-to-C = Business-to-Consumer) คือประเภทที่ผู้ซื้อปลีกใช้อินเตอร์เนตในการซื้อสินค้าจากธุรกิจที่โฆษณาอยู่ในอินเตอร์เนต
     (2) ธุรกิจกับธุรกิจหรือบีทูบี (B-to-B = Business-to-Business) คือ ประเภทที่ธุรกิจกับธุรกิจติดต่อซื้อขายสินค้ากันผ่านอินเตอร์เนต
     (3) ธุรกิจกับรัฐบาลหรือบีทูจี (B-to-G = Business-to-Government) คือประเภทที่ธุรกิจติดต่อกับหน่วยราชการ
     (4) รัฐบาลกับรัฐบาลหรือจีทูจี (G-to-G = Government to Government) คือ ประเภทที่หน่วยงานรัฐบาลหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งติดต่อกับหน่วยงานรัฐบาลอีกหน่วยงานหนึ่ง
     (5) ผู้บริโภคกับผู้บริโภคหรือซีทูซี (C-to-C = Consumer-to-Consumer) คือ ประเภทที่ผู้บริโภคประกาศขายสินค้าแล้วผู้บริโภคอีกรายหนึ่งก็ซื้อไป เช่นที่อีเบย์ดอทคอม(Ebay.com) เป็นต้น ซึ่งผู้บริโภคสามารถจ่ายเงินให้กันทางบัตรเครดิตได้

อีคอมเมิร์ซ 3 ประเภท ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 3 ประเภทก็อาจจะแบ่งได้ ดังต่อไปนี้ ้

     (1)อีคอมเมิร์ซระหว่างผู้บริโภคกับธุรกิจ หรือ บีทูซี (B-to-C = Business-to-Consumer) ซึ่งอาจจะมีตัวอย่างดังต่อไปนี้
     - การติดต่อสื่อสารระหว่างผู้บริโภคกับธุรกิจโดยใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กลุ่มสนทนา  กระดานข่าว  เป็นต้น
     - การจัดการด้านการเงิน ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถจัดการเรื่องการเงินส่วนตัว เช่น ฝาก-ถอน เงินกับธนาคาร  ซื้อขายหุ้นกับผู้ค้าหุ้น  เช่น  อีเทรด (www.etrade.com (http://www.etrade.com)) เป็นต้น
     - ซื้อขายสินค้าและข้อมูล  ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถซื้อขายสินค้าและข้อมูลผ่านอินเตอร์เนตได้โดยสะดวก

     (2)อีคอมเมิร์ซภายในองค์กรหรือแบบอินทราออร์ก (Intra-Org E-commerce) คือ การใช้อีคอมเมิร์ซในการช่วยให้บริษัทหรือองค์ใดองค์กรหนึ่งสามารถปรับปรุงการทำงานภายในและให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้
     - การติดต่อสื่อสารภายในองค์กรจะสะดวกรวดเร็วจะได้ผลดีขึ้น โดยใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์  วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ และป้ายประกาศ เป็นต้น
     - การจัดพิมพ์เอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีพับลิซซิง (Electronic Publishing) ช่วยให้บริษัทสามารถออกแบบเอกสาร จัดพิมพ์เอกสาร และแจกจ่ายเอกสารได้สะดวกรวดเร็ว และใช้ค่าใช้จ่ายน้อย ไม่ว่าจะเป็นคู่มือข้อกำหนดสินค้า (Product Specifications) รายงานการประชุม เป็นต้น ทั้งนี้โดยผ่านเว็บ
     - การปรับปรุงประสิทธิภาพพนักงานขาย การใช้อีคอมเมิร์ซแบบนี้ช่วยปรับปรุงการสื่อสารระหว่างฝ่ายผลิตกับฝ่ายขาย และระหว่างฝ่ายขายกับลูกค้า ทำให้ได้ประสิทธิภาพดีขึ้น

     (3)อีคอมเมิร์ซระหว่างองค์กรหรือแบบอินเตอร์ออร์ก (Inter-Org E-commerce)  ซึ่งก็คือแบบเดียวกับแบบที่เรียกว่าบีทูบี (Business to Business) ทั้งนี้โดยมีตัวอย่างต่อไปนี้
     - การจัดซื้อ ช่วยให้จัดซื้อได้ดีขึ้น ทั้งด้านราคา และระยะเวลาการส่งของ
     - การจัดการสินค้าคงคลัง
     - การจัดส่งสินค้า
     - การจัดการช่องทางขายสินค้า
     - การจัดการด้านการเงิน

อีคอมเมิร์ซ 6 ส่วน   ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 6 ส่วนก็แบ่งได้ดังต่อไปนี้

     (1)การขายปลีกทางอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเทลลิ่ง (E-tailing= Electronic Retailing) หรือร้านค้าเสมือนจริง (Virtual Storefront) ยอดขายปลีกอิเล็กทรอนิกส์ในอเมริกาใน ค.ศ. 1999 มีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาท
     (2)การวิจัยตลาดทางอิเล็กทรอนิกส์หรือมาร์เก็ตอีรีเซิร์ช (Market E-research) คือการใช้อินเตอร์เนตในการวิจัยตลาดแบบเดียวกับที่สำนักวิจัยเอแบค-เคเอสซีอินเตอร์เนตทำอยู่ จากการใช้อินเตอร์เนตนี้ บริษัทห้างร้านสามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าปัจจุบัน และผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าในอนาคต ทั้งจากการลงทะเบียนเข้าใช้เว็บ จากแบบสอบถามและจากการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้า การวิจัยตลาด อินเตอร์เนตก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของอีคอมเมิร์ซ
     (3)อินเตอร์เนตอีดีไอ  หรือการส่งเอกสารตามมาตรฐานอีดีไอโดยใช้อินเตอร์เนต ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายต่ำลงก็ถือว่าเป็นอีคอมเมิร์ซประเภทหนึ่ง
     (4)โทรสารและโทรศัพท์อินเตอร์เนต  การใช้โทรสารและโทรศัพท์ทางไกลผ่านอินเตอร์เนตหรือ วีโอไอพี (VoIP= Voice over IP) นั้นมีราคาต่ำกว่าการใช้โทรสารและโทรศัพท์ธรรมดา และอาจจะใช้เป็นส่วนหนึ่งของอีคอมเมิร์ซ
     (6) การซื้อขายระหว่างบริษัทกับบริษัท บริษัทต่างๆ จำนวนมากในปัจจุบันติดต่อซื้อขายสินค้ากันโดยผ่านเว็บในอินเตอร์เนต ซึ่งก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของอีคอมเมิร์ซ
     (7) ระบบความปลอดภัยในอีคอมเมิร์ซ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญของอีคอมเมิร์ซ ทั้งนี้ในปัจจุบันมีการใช้วิธีต่างๆ เช่น เอสเอสแอล (SSL= Secure Socket Layer) เซ็ต (SET = Secure Electronic Transaction) อาร์เอสเอ  (RSA = Rivest, Shamir and Adleman) ดีอีเอส (DES= Data Encryptioon Standard) และดีอีเอสสามชั้น (Triple DES) เป็นต้น

อีคอมเมิร์ซ 2 ประเภทสินค้า ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซตามประเภทสินค้าก็แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ

     (1)สินค้าดิจิตอล เช่น ซอฟท์แวร์ เพลง วิดีโอ หนังสือ ดิจิตอล เป็นต้น ซึ่งสามารถส่งสินค้าได้โดยผ่านอินเตอร์เนต
     (2)สินค้าที่ไม่ใช่ดิจิตอล เช่น  สินค้าหัตถกรรม สินค้าศิลปชีพ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง เครื่องประดับ เครื่องจักรอุปกรณ์ เป็นต้น ซึ่งต้องส่งสินค้าทางพัสดุภัณฑ์ ผ่านไปรษณีย์หรือบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์

แนวคิดของอีคอมเมิร์ซ จะประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วนหลักๆ คือ

     (1) Customer Relationship Management (CRM) การบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้าเพราะลูกค้าคือส่วนสำคัญที่สุดและเป็นส่วนที่เป็นพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ บริษัทไม่สามารถที่จะพัฒนาได้ถ้าขาดความเชื่อมั่นจากลูกค้า เพราะฉะนั้นการปรับปรุงการโต้ตอบระหว่างลูกค้ากับกระบวนการต่างๆ ของธุรกิจ ที่เป็นกระบวนการย่อยซึ่งจะส่งผลต่อลูกค้าโดยรวม
     (2) Supply Chain Management (SCM) เป็นแนวคิดการผสานกลไกทางธุรกิจทั้งหมด ตั้งแต่การนำวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิต จนกระทั่งส่งสินค้าถึงมือลูกค้า ช่วยให้บริษัทสร้างระบบการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร สินค้า และการบริการ ให้มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ  นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยระบบงานภายในและภายนอกบริษัท
     (3) Enterprise Resource Planning (ERP) เป็นการวางแผนบริหารทรัพยากรภายในองค์กร โดยการมุ่งเน้นที่จะปรับปรุงระบบการดำเนินงานและการพัฒนาบุคลากรขององค์กร เพื่อให้องค์กรมีขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเป็นการผสานกลยุทธ์ทางธุรกิจ เทคโนโลยี และบุคลากรเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน

By atii.th.org


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: meechai27 ที่ 25 ธันวาคม 2011, 00:54:08
เคยมีสรรพากรเขตมาที่บ้านผม เลยถามเรื่องที่ทำamazonแล้วจะต้องเสียภาษีรึเปล่า

เค้าบอกว่า มันเป็นรายได้ซึ่งเกิดนอกประเทศไทย เค้าไม่รู้จะคำนวณเก็บยังไง

จริงๆผมยังไงก็ได้ ถ้าให้เสียภาษีก็ได้ แต่เค้าว่ายังงี้ เลยไม่รู้จะเสียยังไง
คือตัวภาษีที่บอกจะเก็บกันอะครับ  รายได้ต่อปี ต้องเกิน 350,000 บาทใชไหมครับ

แล้วถ้า แบบ Host ผมเปิดมา สองปี แต่รายได้ปีแรกไม่เกิน  แต่ปีนี้เกินหละครับ  แบบนี้เราต้อง เสียภาษียังไง

ถ้าเหมาจ่าย ปีละ 3000 จะโดนย้อนหลังไปกี่ปีอะครับ  ยัง งงๆ


ขอบคุณมากครับ

รายได้ต่อปีเกิน150,000 ไม่ใช่เหรอครับ (ถ้าจำไม่ผิด)

ถ้ารายได้ไม่เกิน คุณแตงมีหลักฐานให้เค้าดูรึเปล่า แต่ยังไง เดี๋ยวเค้าก็ประเมินให้เกินอยู่ดี (ผมก็เคยโดน)

แต่คุณแตงยังไม่จดทะเบียนพานิชนี่ครับ เค้าคงไม่ตามหรอกมั้ง

แต่ถ้าสมมติว่าผมต้องเสียภาษี ผมต้องขอบิลใบเสร็จจากคุณแตงด้วยเพราะโฮสBMGก็เป็นต้นทุนผมเหมือนกัน

แล้วเค้าจะรู้มั้ยว่าBMGคืออะไร แล้วเดี๋ยวจะไล่เก็บทั้งระบบ โฮส,BMG อะไรอีก ดูดิ วุ่นวายชิกหัย :P

เพื่อนผมเคยไปยื่นเสียภาษี amazon เจ้าหน้าที่ถามว่ามันคืออะไร  :-X

ตอนนั้นรายได้ 1-2 หมื่นบาท เอกสารอะไรก็ไม่มี มีแต่สมุดบัญชีกับตัวเลขลอยๆที่เป็นค่าใช้จ่าย
อธิบายที่มาที่ไปสักพัก สรุป..เจ้าหน้าที่บอกไม่ต้องยื่นหรอกพี่ก็ไม่รู้จะคิดอะไรยังไงเหมือนกัน  :P


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: น้องดราก้อน ที่ 25 ธันวาคม 2011, 00:57:18
หลักการด้านอีคอมเมิร์ซ

   พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีคอมเมิร์ซคือ  การค้าขายผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เนต  อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนวิถีทางการดำรงชีวิตของทุกคน  อินเตอร์เนต จะเปลี่ยนวิธีการศึกษาหาความรู้ อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนวิธีการทำมาค้าขาย อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนวิธีการหาความสุขสนุกสนาน  อินเตอร์เนตจะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างจะรวมกันเข้ามาหาอินเตอร์เนต
   กล่าวกันว่าในปัจจุบันนี้ถ้าบริษัทห้างร้านใดไม่มีหน้าโฮมเพจในอินเตอร์เนตบริษัทห้างร้านนั้นก็ไม่มีตัวตน นั่นคือไม่มีใครรู้จัก เมื่อไม่มีใครรู้จักก็ไม่มีใครทำมาค้าขายด้วย แล้วถ้าไม่มีใครทำมาค้าขายด้วยก็อยู่ไม่ได้ต้องล้มหายตายจากไป
   ว่ากันว่าอินเตอร์เนตคือแหล่งข้อมูลข่าวสาร และข้อมูลข่าวสารอย่างหนึ่งก็คือ ข้อมูลเกี่ยวกับราคาสินค้า ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ และข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขายผู้ผลิต  ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคมีทางเลือกในการที่จะซื้อสินค้ากันมากขึ้น เช่นการเข้าไปเลือกซื้อจากในเว็บไซต์ มีการเข้าไปเปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนที่จะซื้อ  หากจะกล่าวว่า “ข่าวสาร” คืออำนาจ ในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคก็ได้รับการติดอาวุธอย่างใหม่ที่มีอำนาจมากพอที่จะต่อรองกับผู้ผลิต และผู้จำหน่ายสินค้าได้ผลดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาและพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
   ในการทำอีคอมเมิร์ซนั้นไม่ใช่เพียงแค่เป็นเว็บเพจหรือช่องทางการจำหน่ายสินค้า แต่อีคอมเมิร์ซยังมีความหมายรวมไปถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการทางธุรกิจ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดเวลาที่ต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับผู้บริโภค และผู้ค้าส่ง สำนักวิจัยไอดีซี (IDC) ได้ประมาณรายได้ของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบธุรกิจต่อธุรกิจ (B-to-B) ว่าเพิ่มขึ้นจาก 80 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3,200 พันล้านบาทในปี พ.ศ. 2542 เป็น 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 40 ล้านล้านบาทในปี พ.ศ. 2546

คำจำกัดความของอีคอมเมิร์ซ

   คำจำกัดความของอีคอมเมิร์ซนั้นได้มีผู้ให้นิยามไว้ต่างๆ กันอันเนื่องมาจากมองในแง่มุมที่แตกต่างกัน ถ้าถามอาจารย์สามคนว่าอีคอมเมิร์ซคืออะไร ก็คงได้คำตอบสี่คำตอบ คือแต่ละคนให้คำตอบคนละคำตอบ แล้วเมื่อมาประชุมปรึกษาหารือกันก็ตกลงกันเป็นอีกคำตอบหนึ่ง
   ถ้าถามนักอินเตอร์เนตหรือที่เรียกกันว่าอินเตอร์นอต (Internaut แบบเดียวกับ Asternaut) ก็อาจจะได้คำตอบว่า อีคอมเมิร์ซคือระบบการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต
ถ้าถามนักสื่อสารก็อาจจะได้คำตอบว่า อีคอมเมิร์ซคือการใช้ระบบสื่อสารในการส่งโฆษณา สินค้าและบริการไปให้ลูกค้า การใช้ระบบสื่อสาร โดยลูกค้าสั่งซื้อสินค้าและการจ่ายเงิน
   ถ้าถามผู้ให้บริการก็อาจจะได้คำตอบว่า อีคอมเมิร์ซคือการให้บริการให้บริษัทห้างร้านต่างๆ ได้โฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า ให้บริการผู้ซื้อได้ดูโฆษณาเลือกหาสินค้า และให้บริการเจ้าของกิจการได้ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าและให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้า
ถ้าถามนักเทคโนโลยี ก็อาจจะได้คำตอบว่า อีคอมเมิร์ซคือการนำเทคโนโลยีมาใช้ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการค้าขาย

   สรุปอย่างง่ายๆ โดยสังเขปก็อาจจะได้ความว่า อีคอมเมิร์ซ ประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้

     (1) ผู้ประกอบการจัดตั้งร้านค้าหรือทำหน้าโฆษณาที่เรียกว่าโฮมเพจหรือเว็บเพจบนอินเตอร์เนต
     (2) ผู้ซื้อเข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าในอินเตอร์เนต
     (3) ผู้ซื้อติดต่อสอบถามรายละเอียดจากผู้ขาย เช่น ของดีจริงหรือไม่ ส่งได้รวดเร็วเท่าใด มีส่วนลดหรือไม่ เป็นต้น
     (4) ผู้ซื้อสั่งสินค้าและระบุวิธีจ่ายเงิน เช่น โดยผ่านบัตรเครดิต เป็นต้น
     (5) ธนาคารตรวจสอบว่าผู้ซื้อมีเครดิตดีพอหรือไม่และแจ้งให้ผู้ขายทราบ
     (6) ผู้ขายส่งสินค้าให้ผู้ซื้อ
     (7) ผู้ซื้ออาจจะใช้อินเตอร์เนตในการติดต่อขอบริการหลังการขายจากผู้ขาย้

ประวัติวิวัฒนาการอีคอมเมิร์ซโดยสังเขป

     การค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้นเริ่มขึ้นบนโลกครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2513 ซึ่งได้มีการเริ่มใช้ระบบโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเอฟที (EFT = Electronic Fund Transfer) แต่ในขณะนั้นมีเพียงบริษัทขนาดใหญ่และสถาบันการเงินเท่านั้นที่ใช้งานระบบโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ต่อมาอีกไม่นานก็เกิดระบบการส่งเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีดีไอ (EDI = Electronic Data Interchange) ซึ่งสามารถช่วยขยายการส่งข้อมูลจากเดิมที่เป็นข้อมูลทางการเงินอย่างเดียวเป็นการส่งข้อมูลแบบอื่นเพิ่มขึ้น เช่น การส่งข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินกับผู้ผลิต หรือผู้ค้าส่งกับผู้ค้าปลีก เป็นต้น
หลังจากนั้นก็มีระบบสื่อสารรวมถึงโปรแกรมอื่นๆ เกิดขึ้นมากมายตั้งแต่ระบบที่ใช้ในการซื้อขายหุ้นจนไปถึงระบบที่ช่วยในการสำรองที่พัก ซึ่งเรียกได้ว่าโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคของการสื่อสาร และเมื่อยุคของอินเตอร์เนตมาถึงเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เนตก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้เกิดขึ้น เหตุผลที่ทำให้ระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์เติบโตอย่างรวดเร็วคือโปรแกรมสนับสนุนการค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมามากมาย รวมถึงระบบเครือข่ายด้วย พอมาถึงประมาณปี พ.ศ. 2537 – 2542 ก็ถือได้ว่าระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์หรืออีคอมเมิร์ซก็เป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมอย่างมากและรวดเร็ว ซึ่งวัดได้จากการที่มีบริษัทต่างๆ ในอเมริกาได้ให้ความสำคัญและเข้าร่วมในระบบอีคอมเมิร์ซอย่างมากมาย

ประเภทของอีคอมเมิร์ซ

   มีการแบ่งประเภทอีคอมเมิร์ซกันหลายแบบ เช่น แบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 5 ประเภท แบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 3 ประเภท แบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 6 ส่วน และแบ่งอีคอมเมิร์ซตามประเภทสินค้าเป็น 2 ประเภท เป็นต้น

อีคอมเมิร์ซ 5 ประเภท ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 5 ประเภทก็ได้ดังต่อไปนี้

     (1) ธุรกิจกับผู้ซื้อปลีกหรือบีทูซี (B-to-C = Business-to-Consumer) คือประเภทที่ผู้ซื้อปลีกใช้อินเตอร์เนตในการซื้อสินค้าจากธุรกิจที่โฆษณาอยู่ในอินเตอร์เนต
     (2) ธุรกิจกับธุรกิจหรือบีทูบี (B-to-B = Business-to-Business) คือ ประเภทที่ธุรกิจกับธุรกิจติดต่อซื้อขายสินค้ากันผ่านอินเตอร์เนต
     (3) ธุรกิจกับรัฐบาลหรือบีทูจี (B-to-G = Business-to-Government) คือประเภทที่ธุรกิจติดต่อกับหน่วยราชการ
     (4) รัฐบาลกับรัฐบาลหรือจีทูจี (G-to-G = Government to Government) คือ ประเภทที่หน่วยงานรัฐบาลหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งติดต่อกับหน่วยงานรัฐบาลอีกหน่วยงานหนึ่ง
     (5) ผู้บริโภคกับผู้บริโภคหรือซีทูซี (C-to-C = Consumer-to-Consumer) คือ ประเภทที่ผู้บริโภคประกาศขายสินค้าแล้วผู้บริโภคอีกรายหนึ่งก็ซื้อไป เช่นที่อีเบย์ดอทคอม(Ebay.com) เป็นต้น ซึ่งผู้บริโภคสามารถจ่ายเงินให้กันทางบัตรเครดิตได้

อีคอมเมิร์ซ 3 ประเภท ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 3 ประเภทก็อาจจะแบ่งได้ ดังต่อไปนี้ ้

     (1)อีคอมเมิร์ซระหว่างผู้บริโภคกับธุรกิจ หรือ บีทูซี (B-to-C = Business-to-Consumer) ซึ่งอาจจะมีตัวอย่างดังต่อไปนี้
     - การติดต่อสื่อสารระหว่างผู้บริโภคกับธุรกิจโดยใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กลุ่มสนทนา  กระดานข่าว  เป็นต้น
     - การจัดการด้านการเงิน ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถจัดการเรื่องการเงินส่วนตัว เช่น ฝาก-ถอน เงินกับธนาคาร  ซื้อขายหุ้นกับผู้ค้าหุ้น  เช่น  อีเทรด ([url=http://www.etrade.com]www.etrade.com[/url] ([url]http://www.etrade.com[/url])) เป็นต้น
     - ซื้อขายสินค้าและข้อมูล  ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถซื้อขายสินค้าและข้อมูลผ่านอินเตอร์เนตได้โดยสะดวก

     (2)อีคอมเมิร์ซภายในองค์กรหรือแบบอินทราออร์ก (Intra-Org E-commerce) คือ การใช้อีคอมเมิร์ซในการช่วยให้บริษัทหรือองค์ใดองค์กรหนึ่งสามารถปรับปรุงการทำงานภายในและให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้
     - การติดต่อสื่อสารภายในองค์กรจะสะดวกรวดเร็วจะได้ผลดีขึ้น โดยใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์  วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ และป้ายประกาศ เป็นต้น
     - การจัดพิมพ์เอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีพับลิซซิง (Electronic Publishing) ช่วยให้บริษัทสามารถออกแบบเอกสาร จัดพิมพ์เอกสาร และแจกจ่ายเอกสารได้สะดวกรวดเร็ว และใช้ค่าใช้จ่ายน้อย ไม่ว่าจะเป็นคู่มือข้อกำหนดสินค้า (Product Specifications) รายงานการประชุม เป็นต้น ทั้งนี้โดยผ่านเว็บ
     - การปรับปรุงประสิทธิภาพพนักงานขาย การใช้อีคอมเมิร์ซแบบนี้ช่วยปรับปรุงการสื่อสารระหว่างฝ่ายผลิตกับฝ่ายขาย และระหว่างฝ่ายขายกับลูกค้า ทำให้ได้ประสิทธิภาพดีขึ้น

     (3)อีคอมเมิร์ซระหว่างองค์กรหรือแบบอินเตอร์ออร์ก (Inter-Org E-commerce)  ซึ่งก็คือแบบเดียวกับแบบที่เรียกว่าบีทูบี (Business to Business) ทั้งนี้โดยมีตัวอย่างต่อไปนี้
     - การจัดซื้อ ช่วยให้จัดซื้อได้ดีขึ้น ทั้งด้านราคา และระยะเวลาการส่งของ
     - การจัดการสินค้าคงคลัง
     - การจัดส่งสินค้า
     - การจัดการช่องทางขายสินค้า
     - การจัดการด้านการเงิน

อีคอมเมิร์ซ 6 ส่วน   ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซเป็น 6 ส่วนก็แบ่งได้ดังต่อไปนี้

     (1)การขายปลีกทางอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเทลลิ่ง (E-tailing= Electronic Retailing) หรือร้านค้าเสมือนจริง (Virtual Storefront) ยอดขายปลีกอิเล็กทรอนิกส์ในอเมริกาใน ค.ศ. 1999 มีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาท
     (2)การวิจัยตลาดทางอิเล็กทรอนิกส์หรือมาร์เก็ตอีรีเซิร์ช (Market E-research) คือการใช้อินเตอร์เนตในการวิจัยตลาดแบบเดียวกับที่สำนักวิจัยเอแบค-เคเอสซีอินเตอร์เนตทำอยู่ จากการใช้อินเตอร์เนตนี้ บริษัทห้างร้านสามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าปัจจุบัน และผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าในอนาคต ทั้งจากการลงทะเบียนเข้าใช้เว็บ จากแบบสอบถามและจากการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้า การวิจัยตลาด อินเตอร์เนตก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของอีคอมเมิร์ซ
     (3)อินเตอร์เนตอีดีไอ  หรือการส่งเอกสารตามมาตรฐานอีดีไอโดยใช้อินเตอร์เนต ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายต่ำลงก็ถือว่าเป็นอีคอมเมิร์ซประเภทหนึ่ง
     (4)โทรสารและโทรศัพท์อินเตอร์เนต  การใช้โทรสารและโทรศัพท์ทางไกลผ่านอินเตอร์เนตหรือ วีโอไอพี (VoIP= Voice over IP) นั้นมีราคาต่ำกว่าการใช้โทรสารและโทรศัพท์ธรรมดา และอาจจะใช้เป็นส่วนหนึ่งของอีคอมเมิร์ซ
     (6) การซื้อขายระหว่างบริษัทกับบริษัท บริษัทต่างๆ จำนวนมากในปัจจุบันติดต่อซื้อขายสินค้ากันโดยผ่านเว็บในอินเตอร์เนต ซึ่งก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของอีคอมเมิร์ซ
     (7) ระบบความปลอดภัยในอีคอมเมิร์ซ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญของอีคอมเมิร์ซ ทั้งนี้ในปัจจุบันมีการใช้วิธีต่างๆ เช่น เอสเอสแอล (SSL= Secure Socket Layer) เซ็ต (SET = Secure Electronic Transaction) อาร์เอสเอ  (RSA = Rivest, Shamir and Adleman) ดีอีเอส (DES= Data Encryptioon Standard) และดีอีเอสสามชั้น (Triple DES) เป็นต้น

อีคอมเมิร์ซ 2 ประเภทสินค้า ถ้าจะแบ่งอีคอมเมิร์ซตามประเภทสินค้าก็แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ

     (1)สินค้าดิจิตอล เช่น ซอฟท์แวร์ เพลง วิดีโอ หนังสือ ดิจิตอล เป็นต้น ซึ่งสามารถส่งสินค้าได้โดยผ่านอินเตอร์เนต
     (2)สินค้าที่ไม่ใช่ดิจิตอล เช่น  สินค้าหัตถกรรม สินค้าศิลปชีพ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง เครื่องประดับ เครื่องจักรอุปกรณ์ เป็นต้น ซึ่งต้องส่งสินค้าทางพัสดุภัณฑ์ ผ่านไปรษณีย์หรือบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์

แนวคิดของอีคอมเมิร์ซ จะประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วนหลักๆ คือ

     (1) Customer Relationship Management (CRM) การบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้าเพราะลูกค้าคือส่วนสำคัญที่สุดและเป็นส่วนที่เป็นพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ บริษัทไม่สามารถที่จะพัฒนาได้ถ้าขาดความเชื่อมั่นจากลูกค้า เพราะฉะนั้นการปรับปรุงการโต้ตอบระหว่างลูกค้ากับกระบวนการต่างๆ ของธุรกิจ ที่เป็นกระบวนการย่อยซึ่งจะส่งผลต่อลูกค้าโดยรวม
     (2) Supply Chain Management (SCM) เป็นแนวคิดการผสานกลไกทางธุรกิจทั้งหมด ตั้งแต่การนำวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิต จนกระทั่งส่งสินค้าถึงมือลูกค้า ช่วยให้บริษัทสร้างระบบการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร สินค้า และการบริการ ให้มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ  นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยระบบงานภายในและภายนอกบริษัท
     (3) Enterprise Resource Planning (ERP) เป็นการวางแผนบริหารทรัพยากรภายในองค์กร โดยการมุ่งเน้นที่จะปรับปรุงระบบการดำเนินงานและการพัฒนาบุคลากรขององค์กร เพื่อให้องค์กรมีขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเป็นการผสานกลยุทธ์ทางธุรกิจ เทคโนโลยี และบุคลากรเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน

By atii.th.org



+1ครับ นอกจากหน้าตาแล้วยังใจดีมีน้ำใจอีกต่างหาก  :wanwan003:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: Happymild ที่ 25 ธันวาคม 2011, 01:06:04
คนทำอีคอมเมิสท์ที่ใส่ชื่อ นามสกุล เลขที่บัญชี เป็น text ไว้ รีบไปเอาออกเลย


ใส่เป็นไฟล์ภาพซะ เหมือนพี่ช้างเคยมาเตือนเมื่อต้นๆปีละมั้ง


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: amulet ที่ 25 ธันวาคม 2011, 01:11:10
คนทำอีคอมเมิสท์ที่ใส่ชื่อ นามสกุล เลขที่บัญชี เป็น text ไว้ รีบไปเอาออกเลย


ใส่เป็นไฟล์ภาพซะ เหมือนพี่ช้างเคยมาเตือนเมื่อต้นๆปีละมั้ง

ใส่ไฟล์ภาพ ลูกค้าก็ก๊อปไปวางไม่ได้


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: Happymild ที่ 25 ธันวาคม 2011, 01:23:03
คนทำอีคอมเมิสท์ที่ใส่ชื่อ นามสกุล เลขที่บัญชี เป็น text ไว้ รีบไปเอาออกเลย


ใส่เป็นไฟล์ภาพซะ เหมือนพี่ช้างเคยมาเตือนเมื่อต้นๆปีละมั้ง

ใส่ไฟล์ภาพ ลูกค้าก็ก๊อปไปวางไม่ได้

เว็บอีคอมเมิสท์ เราทำแบบนี้มาตลอด 1 ปีเลยค่ะ มันปลอดภัยดี กันมีคนมาสืบชื่อนามสกุลของเราด้วย แฟนก่งแฟนเก่ากันได้หมด :wanwan004:

การทิ้งข้อมูลของเราให้ google index ไป มันอันตรายค่ะ ไม่ใช่แต่เฉพาะในเรื่องภาษี การปลอมแปลง การแอบอ้างชื่อนามสกุลของเรา ยิ่งเลขที่บัญชี พรางได้ก็ดีค่ะ ถ้าพรางไม่ได้ก็ใส่เป็นไฟล์ภาพดีกว่า


ปล.อันนี้คือแนวคิดส่วนตัวของเรานะคะ


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: DataCenterAsia.com ที่ 25 ธันวาคม 2011, 01:28:07
เคยมีสรรพากรเขตมาที่บ้านผม เลยถามเรื่องที่ทำamazonแล้วจะต้องเสียภาษีรึเปล่า

เค้าบอกว่า มันเป็นรายได้ซึ่งเกิดนอกประเทศไทย เค้าไม่รู้จะคำนวณเก็บยังไง

จริงๆผมยังไงก็ได้ ถ้าให้เสียภาษีก็ได้ แต่เค้าว่ายังงี้ เลยไม่รู้จะเสียยังไง
เจ้าหน้าที่สรรพากรคนนั้นคงไม่ค่อยแม่นเรื่องภาษี (ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ  :wanwan024: )

แล้วคำพูดหรือการปฎิบัติจากคนสรรพากรถ้าไม่มีหลักฐานชัดเจน  ไม่ถือว่าภาระทางภาษีหมดไปครับ
อยากรู้ชัด ๆ ต้องทำหนังสือปรึกษาหารือไปยังกรมสรรพากรครับ แล้วมันจะถูกใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินครับ

ผมมองคราว ๆ การทำแบบ Amazon เป็นรายได้ลักษณะเหมือนค่า Commission ครับ
และเรื่องว่า รายได้ต่างประเทศไม่รู้คำนวณยังไง ก็คำนวณจากการนำเงินเข้ามาในประเทศครับในปีภาษีนั้น ๆ


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: amulet ที่ 25 ธันวาคม 2011, 01:32:28
คนทำอีคอมเมิสท์ที่ใส่ชื่อ นามสกุล เลขที่บัญชี เป็น text ไว้ รีบไปเอาออกเลย


ใส่เป็นไฟล์ภาพซะ เหมือนพี่ช้างเคยมาเตือนเมื่อต้นๆปีละมั้ง

ใส่ไฟล์ภาพ ลูกค้าก็ก๊อปไปวางไม่ได้

เว็บอีคอมเมิสท์ เราทำแบบนี้มาตลอด 1 ปีเลยค่ะ มันปลอดภัยดี กันมีคนมาสืบชื่อนามสกุลของเราด้วย แฟนก่งแฟนเก่ากันได้หมด :wanwan004:

การทิ้งข้อมูลของเราให้ google index ไป มันอันตรายค่ะ ไม่ใช่แต่เฉพาะในเรื่องภาษี การปลอมแปลง การแอบอ้างชื่อนามสกุลของเรา ยิ่งเลขที่บัญชี พรางได้ก็ดีค่ะ ถ้าพรางไม่ได้ก็ใส่เป็นไฟล์ภาพดีกว่า


ปล.อันนี้คือแนวคิดส่วนตัวของเรานะคะ

555 แสดงว่าโจทย์เยอะ ไปทำให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจเยอะสิท่า  :wanwan004: :wanwan004: :wanwan004:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: Papza_allnew ที่ 25 ธันวาคม 2011, 01:34:43
ใครมีเงินเยอะ เปิด หจก หรือ บริษัทครับ

รับรอง  :wanwan020:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: Happymild ที่ 25 ธันวาคม 2011, 01:35:42
คนทำอีคอมเมิสท์ที่ใส่ชื่อ นามสกุล เลขที่บัญชี เป็น text ไว้ รีบไปเอาออกเลย


ใส่เป็นไฟล์ภาพซะ เหมือนพี่ช้างเคยมาเตือนเมื่อต้นๆปีละมั้ง

ใส่ไฟล์ภาพ ลูกค้าก็ก๊อปไปวางไม่ได้

เว็บอีคอมเมิสท์ เราทำแบบนี้มาตลอด 1 ปีเลยค่ะ มันปลอดภัยดี กันมีคนมาสืบชื่อนามสกุลของเราด้วย แฟนก่งแฟนเก่ากันได้หมด :wanwan004:

การทิ้งข้อมูลของเราให้ google index ไป มันอันตรายค่ะ ไม่ใช่แต่เฉพาะในเรื่องภาษี การปลอมแปลง การแอบอ้างชื่อนามสกุลของเรา ยิ่งเลขที่บัญชี พรางได้ก็ดีค่ะ ถ้าพรางไม่ได้ก็ใส่เป็นไฟล์ภาพดีกว่า


ปล.อันนี้คือแนวคิดส่วนตัวของเรานะคะ

555 แสดงว่าโจทย์เยอะ ไปทำให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจเยอะสิท่า  :wanwan004: :wanwan004: :wanwan004:

โปรดอย่าถามมม ว่าฉันเป็นใคร เมื่อในอดีต :wanwan024: :wanwan024: :wanwan024:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: webunder ที่ 25 ธันวาคม 2011, 01:53:59
มันตรวจสอบได้จริงเลอะ ผมรับเฉพาะเงินสด ๆกับมือ  :wanwan004:
เดือนบัญชีไม่เกินที่กฏหมายกำหนดอีก

amazon + adsense คงเก็บไม่ได้เพราะว่าไม่ได้ทำอยู่ประเทศไทย

ที่บอกว่าเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว โม้ ครับ
ทำไมจะตรวจสอบไม่ได้หล่ะครับ
ก็ทั้งamazonกับgoogleก็มีสำนักงานในไทย เค้าแค่แจ้งไปขอข้อมูลมาจะกี่ปีมันก็มีหมดอะ

จำที่ google thailand บอกไว้ไม่ได้เหรอครับ พูดประมาณว่าเรื่องภาษี google thailand ยินดีให้ความร่วมมือและจัดการอย่างถูกต้องอยู่แล้ว
ว่าไปก็น่ากลัวนะ เรามีหลักฐานการรับเงิน แต่ไม่ได้เก็บหลักฐานการจ่ายเงินไว้เลย พวกค่าโฮส,PPC,domain,ค่าซื้อscript,ซื้อ keywordด้วย รายจ่ายเยอะไม่น้อยกว่ารายรับมากนักหรอก


amazon มีที่ไหนในไทยอย่ามั่ว
ไม่ได้มั่วอะครับ ก็ตอบตามข้อมูล
Domain :      AMAZON.CO.TH   
ACE :      AMAZON.CO.TH   
Registrar :      T.H.NIC Co., Ltd.   
Name Server :      NS-1.AMAZON.COM
Status :      ACTIVE   
Created Date :      4 Jan 2000   
Exp Date :      3 Apr 2012   
Domain Type :      Business   
Domain Holder :      Amazon Internet (Thailand) Limited
Charn Issara Tower, 9th Floor, 942/142-3 Rama IV Road, Bangkok Thailand, Bangkok
10500
TH
Phone: +662-2330055

ถ้าไม่ใช่ สงสัยคงเป็นของปลอมมั่งครับ แต่เห็นชี้ nsไป amazonด้วย


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: Heng50 ที่ 25 ธันวาคม 2011, 02:17:49
แม้สรรพกรจะประเมิณรายได้ เพื่อใช้คำนวณภาษี     แต่สิทธิในการลดหย่อนก็สามารถหักลดหย่อนได้   เช่น
ลดหย่อนตนเอง  ลดหย่อนบุตร   ลดหย่อนบิดามารดา    เงินค่าเบี้ยประกันชีวิตตนเอง   เงินค่าเบี้ยประกันชีวิตบุพการี
เงินซืื้อหน่วยลงทุน LTF  RMF    เงินบริจาค

หากฐานภาษีสูงไป    แม้จะทะเบียนเป็นรูป  บริษัท  หจก    ด้วยไม่สามารถหาหลักฐานค่าใช้จ่ายมาประกอบ
การรวมตัว   เป็นสมาคม  ที่มีสมาชิกตั้งแต่  10,000  คนขึ้นไป   ก็มีอำนาจในการต่อรอง

ควรมีใครเป็นผู้นำร่องเรื่องนี้   ในอนาคต   เพื่อความเป็นธรรม


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: KINGRPG ที่ 25 ธันวาคม 2011, 02:23:58
 :P รายได้เกินเกณฑ์นิดหน่อยแต่รายจ่ายทะลุเกณฑ์ไปถึงดวงจันทร์แล้วเนีย  :'(


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: armuay.net ที่ 25 ธันวาคม 2011, 02:54:18
ก่อนสรรพากรจะเรียกคุณไปเค้าได้ปริ้น ข้อมูลบัญชีไว้หมดแล้ว บอกแค่นี้แหละ  อย่าคิดว่าทำ seo amz จะไม่โดน


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: KCdiary ที่ 25 ธันวาคม 2011, 06:20:27
กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ (ผู้ค้าออนไลน์ / การซื้อขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต)

ข้อมูลอี-คอมเมิร์ซ น่าจะมาข้อมูลการไปจดทะเบียนพาณิชย์อิเลคโทรนิค (แต่ถึงจะเป็นการซื้อขายปกติที่ไม่ผ่านอินเตอร์เน็ต ที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์ เค้าก็มีข้อมูลเหมือนกันครับ)

เอาเป็นว่า กรมสรรพากร ไม่เคยยกเว้นภาษีรายได้จากการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ต (ไม่เคยมีกฎหมายยกเว้นภาษีมาก่อน) เพียงแต่น่าจะมาเตือนมากกว่า

อีกอย่างหนึ่งการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตกับไม่ผ่านอินเตอร์เน็ต ก็ไม่แตกต่างกันครับ ยังคิดอยู่ว่า ถ้าในอนาคต คนหันมาซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น (แบบในต่างประเทศ) สรรพากรก็คงเก็บภาษีไม่ได้สิครับ


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: superaff ที่ 25 ธันวาคม 2011, 07:08:39
บอกได้เลยว่ายากครับ สรรพากรไม่มีทางเก็บภาษีจากคนทำ amazon หรือ ecommerce ที่ไม่ได้ลงทะเบี่ยนอิเล็กทรอนิกส์ได้หรอกครับ
เพื่อนผมทำงานสรรพากร เข้าบอกมาว่าได้แค่ขู่เท่านั้นครับ สบายใจได้ :wanwan003:


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: dashboard ที่ 25 ธันวาคม 2011, 09:18:16
ตรวจสอบคงยาก ถ้ายอดไม่ถึงคงไม่เป็นไร


หัวข้อ: Re: กรมสรรพากร จะเก็บภาษี อี-คอมเมิร์ซ
เริ่มหัวข้อโดย: holidaytours ที่ 25 ธันวาคม 2011, 09:43:35
ทำให้ถูกต้อง ผมว่าสบายใจดีนะ
ไม่ต้องกลัวโดนย้อนหลัง

ผมยื่นทุกปีนะ
แต่ไม่เคยขอคืนภาษี
จากภาษี หัก ณ ที่จ่ายเลย

เพราะบริษัทเค้าจะหักไว้ตอนจ่ายเงินเรา
:P