หัวข้อ: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: siamseoxx ที่ 05 มีนาคม 2011, 17:05:23 (http://i20.photobucket.com/albums/b240/johnnyfoster/stroke.jpg)
โรคความดันโลหิตสูง โรคความดันโลหิตสูง (อังกฤษ: Hypertension) เป็นภาวะทางการแพทย์อย่างหนึ่ง โดยจะตรวจพบความดันโลหิต อยู่ในระดับที่สูงกว่าปรกติเรื้อรังอยู่เป็นเวลานาน ทั้งนี้องค์การอนามัยโลก กำหนดไว้ในปี 1999 ว่า ผู้ใดก็ตามที่มีความดันโลหิตวัดได้มากกว่า 140 /90 มม.ปรอทถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง และ การที่ความดันโลหิตสูงอยู่เป็นเวลานาน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดในสมองตีบ โรคหัวใจ โรคไตวาย เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง อัมพาต ฯลฯ โรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ที่มีความดันโลหิตสูงมักจะไม่รู้ตัวว่าเป็น เมื่อรู้ตัวว่าเป็นส่วนมากจะไม่ได้รับการดูแลรักษา ส่วนหนึ่งอาจจะเนื่องจากไม่มีอาการทำให้คนส่วนใหญ่ ไม่ได้ให้ความสนใจ เมื่อเริ่มมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนแล้วจึงจะเริ่มสนใจและรักษา ซึ่งบางครั้งก็อาจจะทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร การควบคุมความดันโลหิตให้ปกติอย่างสม่ำเสมอ สามารถลดโอกาสเกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เป็นข้อเท็จจริงทางการแพทย์ที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป ปัจจัยที่มีผลต่อความดันโลหิต ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ดังนี้ 1.อายุ ส่วนใหญ่เมื่ออายุมากขึ้น ความดันโลหิตจะสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น ขณะอายุ 18 ปี ความดันโลหิต เท่ากับ 120/70 มม.ปรอท แต่พออายุ 60 ปี ความดันโลหิต อาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 140/90 แต่ก็ไม่ได้เป็นกฎตายตัวว่าอายุมากขึ้นความดันโลหิตจะสูงขึ้นเสมอไป อาจวัดได้ 120/70 เท่าเดิมก็ได้ 2.เวลา ความดันโลหิตจะขึ้นๆ ลงๆ ไม่เท่ากันตลอดวัน ตัวอย่างเช่น ในตอนเช้าความดันซิสโตลิกอาจจะวัดได้ 130 มม.ปรอท ขณะที่ ตอนช่วงบ่ายอาจวัดได้ถึง 140 มม.ปรอท ขณะนอนหลับอาจวัดได้ต่ำถึง 100 มม.ปรอท เป็นต้น 3.จิตใจและอารมณ์ พบว่ามีผลต่อความดันโลหิตได้มาก ขณะที่ได้รับความเครียด อาจทำให้ความดันโลหิตสูงกว่าปกติได้ถึง 30 มม.ปรอท ขณะที่พักผ่อนความดันโลหิตก็จะสามารถกลับมาสู่ภาวะปกติได้ เมื่อรู้สึกเจ็บปวดก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้เช่นกัน 4.เพศ พบว่าเพศชายจะเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้บ่อยกว่าเพศหญิง 5.พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ผู้ที่มีบิดาและมารดา เป็นโรคความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติในครอบครัว สิ่งแวดล้อม ที่เคร่งเครียด ก็ทำให้มีแนวโน้มการเป็นโรคความดันสูงขึ้นด้วยเช่นกัน 6.สภาพภูมิศาสตร์ ผู้ที่อยู่ในสังคมเมืองจะพบภาวะความดันโลหิตสูงมากกว่าในสังคมชนบท 7.เชื้อชาติ พบว่าชาวแอฟริกันอเมริกันมีความดันโลหิตสูงมากกว่าชาวอเมริกันผิวขาว 8.ปริมาณเกลือที่รับประทาน ผู้ที่รับประทานเกลือมากจะมีโอกาสเกิดโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าผู้ที่รับประทานเกลือน้อย ตัวอย่างเช่น ชาวญี่ปุ่นตอนเหนือรับประทานเกลือมากกว่า 27 กรัม/วัน มีผู้ป่วยความดันโลหิตสูงถึง 39% ส่วนชาวญี่ปุ่นตอนใต้รับประทานเกลือวันละ 17 กรัม/วัน เป็นมีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงเพียง 21% ระดับความรุนแรง ระดับที่ 1 ความดันโลหิตสูงระยะเริ่มแรก ค่าความดันโลหิต ระหว่าง 140-159/90-99 มม.ปรอท ระดับที่ 2 ความดันโลหิตสูงระยะปานกลาง ค่าความดันโลหิต ระหว่าง 160-179/100-109 มม.ปรอท ระดับที่ 3 ความดันโลหิตสูงระยะรุนแรง ค่าความดันโลหิต มากกว่า 180/110 มม.ปรอท การวัดความดันโลหิตควรจะวัดขณะนอนพัก ควรวัดซ้ำ 2-3 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นความดันโลหิตสูงจริงๆ ภาวะแทรกซ้อน ทำงานหนักขึ้น ทำให้ผนังหัวใจหนาตัวและถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ผนังหัวใจจะยืดออกและเสียหน้าที่ ทำให้เกิดหัวใจโต และหัวใจวายได้ในที่สุด อาจเกิดภาวะหลอดเลือดในสมองตีบตันหรือแตก ทำให้เป็นอัมพาตหรือเสียชีวิตได้ ถ้าเป็นเรื้อรัง อาจกลายเป็นโรคความจำเสื่อม สมาธิลดลง เลือดอาจไปเลี้ยงไตไม่พอ เนื่องจากหลอดเลือดเสื่อม ทำให้ไตวายเรื้อรังและภาวะไตวายจะยิ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นอีก หลอดเลือดแดงในตาจะเสื่อมลงอย่างช้าๆ อาจมีเลือดที่จอตา ทำให้ประสาทตาเสื่อม ตามัวลงเรื่อยๆ จนตาบอดได้ บางที่อาจปวดที่ก้น ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีความดันโลหิตสูง 1.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ตัวอย่างเช่น การเดินเร็วๆ วิ่งเหยาะ หรือว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ควรออกกำลังกายประมาณ 15-20 นาที อย่างน้อย 3-6 ครั้ง/สัปดาห์ 2.ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เพื่อลดปริมาณเกลือซึ่งจะทำให้ความดันโลหิตสูงได้ 3.ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ 4.ลดความเครียดของงานและภาวะแวดล้อม 5.ลดน้ำหนักตัว โดยเฉพาะในรายที่น้ำหนักเกินมาตรฐาน ความอ้วนถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคความดันโลหิตสูง 6.รับประทานยาและพบแพทย์สม่ำเสมอ เพื่อตรวจวัดความดันโลหิตและปรับยาให้เหมาะสม ขอขอบคุณเนื้อหาดีๆจาก เวปไซต์ http://th.wikipedia.org หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: bestnmk21 ที่ 05 มีนาคม 2011, 17:08:39 มันคือฆาตกรดีๆ นี่เอง
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: siamseoxx ที่ 05 มีนาคม 2011, 17:14:32 ครับ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: Jb.kt ที่ 05 มีนาคม 2011, 17:22:51 น่ากลัวๆ
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: iluis ที่ 05 มีนาคม 2011, 17:24:48 ต้องรักษาสุขภาพกันล่ะครับ :wanwan009:
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: siamseoxx ที่ 05 มีนาคม 2011, 17:26:43 :P ส่วนตัวผมก็ เป็น เเต่ไว้รักษาตอนอายุ 25 +
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: คุณสู้จริงหรือเปล่า ที่ 05 มีนาคม 2011, 17:27:44 เครียดโดนggแบนบ่อยๆนี่ต้องระวังแล้วเรา :wanwan009:
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: Webstory ที่ 05 มีนาคม 2011, 17:33:41 ว่าง ๆ ไปตรวจสุขภาพกันบ้างนะครับ อย่าทำแต่งานอย่างเดียว
เจอโรคแต่เนิ่น ๆ ยังไงก็รักษาได้ทันครับ หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: kingkong701 ที่ 05 มีนาคม 2011, 17:36:24 ผมก็เป็น ตอนนี้พยาม กินให้น้อยลง ลดน้ำอัดลม ชา กาแฟ นานจะกินทีถ้าหิวจริง และ เดิน วิ่ง บ้าง วันละ 30-50 นาที ผมต้องลดน้ำหนักอีก 30 กิโล ถึงน่าจะอยู่จุดที่พอดี :-X แต่ใครเป็นความดันแล้วจะไม่หายขาดนะครับ จะยังมีอาการต่อเนื่อง ต้องดูแลตัวเอง และควบคุมอาหารให้ตลอด
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: siamseoxx ที่ 05 มีนาคม 2011, 17:39:21 เมื่อปีที่เเล้ว ไปตรวจ ที่ โรงพยาบาล 2 ครั้ง ได้นอนโรงพยาบาลทุกครั้ง :wanwan019:
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: chui761 ที่ 05 มีนาคม 2011, 17:40:59 โอ้ ท่าน avatar ของท่านกับรูปประกอบ ช่างพ้องกันเหลือเกิน หุๆๆ
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: hincheeranun ที่ 05 มีนาคม 2011, 18:26:20 ผม 35 + แล้ว ดื่มจัดกับดูดบุหรี่ มีแววอยู่ว่าจะเป็นถึง 80%
จะฝากบอกด้วยว่าเรื่องอาหารก็สำคัญครับพวก กะทิ ของมัน เลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ เพราะมันจะไปกระตุ้น หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: timemaxs ที่ 05 มีนาคม 2011, 18:27:53 รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: Tanut007 ที่ 05 มีนาคม 2011, 18:28:28 ผมเป็นโรคความดันทุรังสูงฮะ ต้องลดอะไรบ้าง :wanwan004:
สงสัยต้องไปวิ่งบ้างล่ะ ขี้เกียจแว๊บเข้าโรงพยาบาลประจำ หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: darksammer ที่ 05 มีนาคม 2011, 19:20:41 ผมเป็นโรคความดันทุรังสูงฮะ ต้องลดอะไรบ้าง :wanwan004: สงสัยต้องไปวิ่งบ้างล่ะ ขี้เกียจแว๊บเข้าโรงพยาบาลประจำ ลดอีโก้ 555 แต่หุ่นอย่างงี้ โอกาสเป็นสูง :wanwan004: หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: rayjung ที่ 05 มีนาคม 2011, 19:23:09 ขอบคุณครับ +1
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: yoyout ที่ 14 พฤษภาคม 2019, 16:45:58 https://hellokhunmor.com/health-centre/ศูนย์ความดันโลหิต/กินลดความดันโลหิต/ (https://hellokhunmor.com/health-centre/ศูนย์ความดันโลหิต/กินลดความดันโลหิต/)
ขออนุญาติมาแชร์ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องของ อาหารเหล่านี้ที่กินเข้าไปแล้วสาารถช่วยลดความดันโลหิตได้ค่ะ จะมีอาหารประเภทไหนบ้างนั้น ลองคลิกเข้าไปอ่านกันดูเลยค่ะ หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: smilegadget ที่ 21 พฤษภาคม 2019, 23:12:45 ขอบคุณมาก ๆ ค้าบ กำลังรื้อฟื้นระบบสุขภาพใหม่
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: tamuraki ที่ 24 พฤษภาคม 2019, 16:39:19 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017: ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: kop109 ที่ 17 มิถุนายน 2019, 18:43:56 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: yimmyfoto ที่ 18 มิถุนายน 2019, 22:28:54 หันมาดูแลสุขภาพกันครับทุกท่าน เบาๆหน้าคอมกันหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: supertrip ที่ 03 กรกฎาคม 2019, 17:03:19 อันตรายจริงๆครับ โรคนี้
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: รุ่งเรืองตลอดกาล ที่ 30 กรกฎาคม 2019, 07:20:58 เมื่อเป็นแล้วรักษาด้วยยาสมุนไพรครับ ไม่มีผลข้างเคียง ถ้าท่านรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน จะมีผลข้างเคียงแถมมาอีก เช่นเมื่อกินยาไปนานๆก็จะได้โรคไตมา เมื่อเป็นไตนานเข้าก็ไตเสื่อม ทำงานไม่ได้ก็ต้องฟอกไต ใช้สมุนไพรสกายฟี่ครับ ไม่ใช่มาโฆษณาแอบแฝง แต่อยากให้เพื่อนๆทุกคนปลอดภัย http://www.skyfiherbs.com หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: IR888 ที่ 04 สิงหาคม 2019, 15:55:55 น่ากลัวมากๆครับ ผมว่าผมก็เป็นเช่นกันครับ นี่กำลังอายุ25นะครับ :-X
หัวข้อ: Re: เอาความรู้มาฝาก สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เริ่มหัวข้อโดย: Aoying ที่ 19 สิงหาคม 2019, 12:23:00 :wanwan020:
|