ThaiSEOBoard.com

กรณีนี้ อยากถามคุณ kazama โดยเฉพาะครับ หรือคุณ toony หรือเพื่อนๆ ที่มีความรู้เรื่องบัญชีและภาษีครับ

ว่า
1. อย่างช่วงนี้เราควรจะยื่นภาษีกลางปีเลยได้ไหมครับ (ภงด.94) หมดเขตกันยายนนี้ หรือควรไปยื่นต้นปีหน้าทีเดียว

2. รายได้จาก AdSense จะถือว่าเป็นรายได้ประเภท 8 ได้ไหมครับ


3. การหักค่าใช้จ่ายจะเลือกเป็น หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมา สำหรับเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8



แบบนี้เหมาะสม หรือถูกต้องไหมครับ และสรรพากรจะถามเรามากน้อยแค่ไหน หรือหักเหมาแล้วจบไม่เรื่องมาก

หรือแบบไหนที่พอจำคุณ Witz บอกได้ว่า เหมาปีละ 1,200 มันเข้าข่ายข้อไหนครับ  :P

(http://www.googeb.com/images/arx1188409348k.jpg)

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

win  :D

 

เงียบๆไว้ 8) เดี๋ยวเป็นข่าวดังแล้วจะยุ่ง

ผมขายของชำครับ

สากกะเบือ ยันเรือรบ ขายอะไรได้ขาย

ภาษี ก็จ่ายแบบร้านโชว์ห่วยครับ

ปีละพันสอง

แบ่งจ่าย 2งวด งวดละ 600 + ค่าขนมให้น้องที่จัดการเอกสารให้อีก 200

สรุปว่า ปีละ 1600 บาทถ้วนๆครับภาษี

อย่าคิดมาก จ่ายๆไปเถอะครับ

 :)

ขอบคุณครับ :D

ถามเพื่อนๆ ที่มีความรู้เพิ่มนิดนึงครับ ว่าอย่างเช็คที่เราได้รับจาก Citybank แล้วนำเข้าบัญชี
สรรพากร มีสิทธิ์สุ่มเจอมากน้อยแค่ไหน หรือว่า Account ธนาคารเรามี Privacy แค่ไหนน่ะครับ

เรื่องนี้รู้น้อยจริงๆ  :P




เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลหรอกครับ หน้าที่พลเมือง ผมมีความคิดว่า ถ้าเพียงแต่ถ้าเรามีความรู้และวางแผนภาษีดีดี มันก็ดีเองครับ  :)

อ่าาา ขอเป็นขั้นตอนเลยได้ป่าวอะครับ ว่าต้องทำอะไรบ้างในการเสียภาษีแบบเรียงลำดับ
1....
2...
3...
ผมว่าในที่นี้คงมีคนไม่รู้เรื่องภาษีอีกมากมายน่ะครับ (ผมเรียนบริหารแต่ก็ไม่รู้เรื่องภาษี :P)
จะได้เสียได้ถูกต้องตามกฏหมาย และไม่ต้องกลัวโดนย้อนหลัง
หวังว่าคงไมขอมากไปนะครับ(หรือจะมากไปหว่า :D)
ขอบคุณครับ

 :o  ตอนนี้รัฐบาลกำลังถังแตกครับ ช่วยๆกันจ่ายหน่อย

อันนี้ผมคิดเองนะครับ ไม่รู้เรื่องภาษีเหมือนกัน

เคสที่พวกเรากำลังทำอยู่ มันไม่เหมือนเคสอื่น ๆ นะครับ

ลองคิดดูครับ ทั้งค่าใช้จ่าย ทั้งรายได้ ไม่ได้มีส่วนที่เกี่ยวกับในประเทศแม้แต่นิดเดียว ทั้งคนจ่ายตังเรา คนที่เราจ่ายตังก็อยู่นอกประเทศกันหมด

มีแค่เราอยู่ในประเทศเท่านั้น ถ้าอยากจะจ่ายผมว่าก็ดีครับ แต่ถ้าไม่จ่ายส่วนตัวผมก็ว่ามันก็ไม่ผิดนะครับ

แล้วถ้ากลัวว่าจะโดนตรวจสอบ ผมว่าอย่ากลัวเกินเหตุเลยครับ เงินก็มีเข้าแบงค์ทุกวันแหละครับ เขาไม่มาตรวจสอบจากตรงนี้หรอกครับ

แล้วได้เช็ค ในชื่อคนอื่นเนี่ยต้องจ่ายไหมครับ  ;D ;D

เรื่องภาษีผมไม่รู้ แต่ว่าเรื่องตรวจสอบมีแน่นอนครับ แต่ไม่ใช่ทุกรายจำไม่ได้ว่ายอดเงินเท่าไรขึ้นไป ถ้ายอดเงินมากแบงค์ต้องรายงานให้แบงค์ชาติตามระเบียบ ลองไปหาดูเรื่องกฏหมายการฟอกเงินครับ แต่แบงค์เขาจะรู้จักในนาม KYC = Know Your Customer (ต้องทราบที่มาที่ไปของแหล่งเงินธุระกรรมนั้นๆ)

ง่า  คุณวินจำแม่นจริง ๆ ว่าผมจบบัญชี

เข้า 40(๘) แน่นอนครับ   ส่วนอยู่ข้อ 25 รึเปล่า  ผมมองเป็นข้อ 44 มากกว่า   ผมเองก็ไม่เคยเสียเพราะปีที่แล้วรายได้จาก adsense ไม่มี  :-X  ผมเองเป็นคนทำบัญชีที่ไม่เก่งบัญชีครับ  :P โดยเฉพาะภาษี  แต่เห็นคนเคยมาโพสท์ในนี้ว่าคุณตราวุธเสียภาษีแบบหักค่าใช้จ่ายเหมาที่ร้อยละ 80  แล้วค่อยเอา 20% ที่เหลือไปคิดภาษีตามอัตราก้าวหน้าต่อไป  คิดว่าทำตามคุณตราวุธได้เลยไม่น่าจะผิดอะไร

การเสียภาษีของคุณ witz น่าจะเป็นการเสียภาษีแบบเหมา  ร้อยละ 0.5  ถ้าเสียภาษีปีละ 1,200 เนี่ย  เขาคงเดาเอาว่าคุณ witz มีรายได้เดือนละ 20,000 หรือปีละ 240,000  ซึ่งรายได้ร้านคุณ witz แค่เดือนละสองหมื่นหรือเปล่า  ผมก็ไม่รู้  อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่า   แต่ไม่มีอัตรารายได้เดียวเหมาตลอดแน่   ไม่งั้นคนทำงานเงินเดือนสองหมื่นสามหมื่นเสียภาษีปีนึงหลายพัน   แล้วสมมุติร้านคุณ witz ขายได้กำไรเดือนเป็นแสนเป็นล้าน  แล้วเสียภาษีปีละพันสอง  มันยุติธรรมรึเปล่าครับ  แต่ปกติร้านค้าเล็ก ๆ ทั่วไป ก็กุตัวเลขรายได้แบบนี้กันทั้งนั้น

สรรพากรไม่น่าจะมานั่งเช็คบัญชีคนทุกคนหรอกครับ  แต่เพื่อความสบายใจและเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ  เสียภาษีเป็นสิ่งดีครับ  แต่ถ้าสรรพากรสงสัยใคร   เงินในบัญชีธนาคาร  สรรพากรสั่งอายัดได้ทันที  เบิกถอนไม่ได้เลยครับ

รายได้จากต่างประเทศ  แม้ว่าจะเกิดจากการทำธุรกรรมในต่างประเทศทั้งหมด  ก็ต้องเสียภาษีครับ  มีข้อยกเว้นเพียงตัวเราต้องอยู่เมืองไทยไม่ถึง 180 วัน หรือหกเดือน กรณีนี้ถึงไม่เสียภาษี   เหมือนภราดรน่ะครับ  รายได้จากการแข่งขันก็มาจากนอกประเทศเกือบทั้งนั้น  ภราดรเลยไม่ค่อยจะอยู่เมืองไทย   เพราะไม่อยากเสียภาษีมั้ง  :-\  ถ้าใครคิดว่าไม่จ่ายไม่ผิด   ถูกครึ่งเดียวครับ  อีกครึ่งคือ คุณต้องเอาตัวเองออกนอกประเทศให้เกินหกเดือน  ไม่งั้นผิด

ได้เช็คในชื่อคนอื่น   คนอื่นก็ต้องเสียภาษี  ;D

ปล. ปกตินิสัยผมตรง ๆ ออกขวางโลก  คงเพราะจบบัญชีด้วย  แต่กรณีนี้ผมว่าขึ้นอยู่กับจิตสำนึกแต่ละคนครับ  อยากเสียก็เสีย  ไม่อยากเสียก็ไม่ต้อง  เพราะไม่มีใครบังคับคุณให้ไปเสียภาษีได้

แต่อย่าลืมนะว่า ถ้าเกิด google รองรับเวบภาษาไทยเมื่อไหร่  มันน่าจะมีแบบฟอร์มให้กรอกเพิ่มแบบ US คือ พวกเลขประจำตัวเสียภาษี  เพื่อที่ google จะหักภาษีส่งทางการ   แล้วถ้า google support ไทย เมื่อไหร่  ถึงเราไม่ได้ทำเวบไทยก็เถอะ ก็อาจจะโดนไปด้วย  เพราะเท่ากับว่า google ทำธุรกรรมในไทย  และต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายส่งให้สรรพากร   แล้วใครที่ยอดเยอะ  สรรพากรเห็นแล้วเอะใจ ให้ google ส่งยอดรายได้ย้อนหลังขึ้นมา  ก็ตัวใครตัวมันครับ  โดนภาษีย้อนหลัง บวกเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม  ก็รับสภาพกันเองครับ    พูดเหมือนขู่เลยฟ่ะตรู  :D

กำลังจะถามพอดี  ;D ;D

ผมจ้างบริษัททำบัญชีทำให้ เขาคิดเดือน สองพันห้า ทำบัญชีให้ ยื่นสรรพากรให้ แต่สิ้นปีงบประมาณ เซ็นตรวจสอบบัญชีอีกหมื่นหนึ่ง  :o
เดือนที่แล้ว ยื่น ภพ 30 ภพ50 ภพ51 จ่ายกันอ๊วกแตก

ผมเปิดบริษัทอยู่ครับ และก็เอารายได้ adsense เข้าบริษัท เพื่อเลี่ยงภาษีบุคคลธรรมดา
เสียภาษีเป็นนิติบุคคลจะลดหย่อนได้เยอะครับ

ที่ทำงี้ได้ประโยชน์คือ
1. เงินผ่านบัญชีบริษัทเยอะ
2. เงินเข้าและคงอยู่ในบัญชีเยอะ
3. แสดงต้นทุน เงินรายได้ อัตราก้าวหน้าชัดเจน
4. เวลาที่จะขยายกิจการ กู้เงินธนาคารได้ไม่ยาก
5. ลดหย่อนภาษีได้
6. เสียภาษีถูกต้องตามกฏหมาย
7. รู้ต้นทุน รายได้ อัตราก้าวหน้าของการทำงาน สามารถวางแผนธุรกิจได้
8. เอาเงินรายได้ adsense มาจ่ายให้พนักงานเพื่อทำเว็บหาเงินจาก adsense อีกต่อหนึ่งก็จะเป็นระบบมากขึ้น
9. ช่วยชาติบ้านเมือง
10. โปร่งใส เป็นธรรม


ไม่ต้องทำตามผมก็ได้ พอดี มันค่อนข้างยุ่งยากนิดหนึ่ง เสียภาษีแบบคุณตราวุท อ่ะ ถูกแระครับ ง่ายดี  ;)

ผมเอาแยกจากรายได้บริษัทครับ เพราะว่า ปัจจุบัน ก็หาทางหักรายจ่ายกันไม่หวาดไม่ไหวแล้วครับ
ถ้าเอารายได้ adsense เข้าเป็นรายได้บริษัทอีกนี่ สงสัยเสียภาษีกันหัวโตครับ ทางบริษัทบัญชี
แนะนำให้ คิดต้นทุนเป็น 80% ของรายได้ครับ ส่วนอีก 20% ให้เสียภาษีอัตราก้าวหน้าในนามบุคคลครับ
สรุปแล้ว ก็เสียไม่เท่าไรครับ ถ้าเทียบกับรายรับ หรือจะเอาแบบคุณวิชก็ได้นะครับ ทำเป็นเปิดร้านขายของ
แล้วเสียภาษีอัตราเหมา แต่กลัววันดีคืนดี สรรพากรมาหาที่บ้าน แล้วสงสัยว่า ร้านของชำที่ไม่มีสินค้าเนี่ย
ทำไมขายได้เยอะจัง :D จะทำอย่างไรดี อิอิอิ

แต่ที่แน่ ๆ ชื่อคนอื่น ผมเงียบไว้ครับ !

ยังไม่มีรายได้เยอะขนาดนั้นเรย

ไม่สิ ยังไม่ได้เลยอ่ะ  :-X

ชื่นชมคุณ thusawan และคุณ ตราวุธครับ   :)  จริง ๆ คนที่ทำ adsense หรือหารายได้ทางเนท  แล้วได้เดือนนึงเยอะ ๆ  ทำตามคุณ thusawan ดีกว่าครับ   เปิดบริษัทจ้างคน  หารายจ่ายซะหน่อย  ก็จะเสียภาษีน้อยลงเยอะครับ

ตอนสัมมนาล่าสุด (underground) ของคุณตราวุธ มีคำถามเกี่ยวกับภาษี ได้คำตอบมาว่า รายได้จาก affiliate เค้าเสียเหมือนกัน แต่เสียที่อเมริกา เพราะเงินเข้าที่นั้น (พูดลอยๆมาว่า จริงๆจะไม่เสียก็ได้) พยายามแยกเป็นหลายๆชื่อเพื่อกดอัตราภาษีที่คิดแบบก้าวหน้า แต่ตกท้ายว่า ถ้าใครไม่คิดอะไรมากก็เงียบๆไปก็ได้ ก่อนจะบอกว่าพูดเล่น เสียนะดีแล้ว แต่ไม่ได้บอกละเอียดว่าเสียยังไง

ตอนนี้คุณตราวุธกำลังจะตั้งมูลนิธิเกี่ยวกับการพัฒนาความรู้ ecommerce สู่เยาวชน ผมว่าจะเข้าร่วมเหมือนกัน อยากทำมานานแล้ว

ขอบคุณคุณ kazama และทุกความเห็นมากครับ

ขอถามเพิ่มว่า ที่คุณ kazama มองเป็นข้อ 44 นั้น เรายังสามารถตีเป็น % เหมาค่าใช้จ่าย 80% จะได้ไหม

เรื่องภาษีนี่ ผมว่ายังไงก็ต้องเสีย แต่ถ้าเราวางแผนภาษีดี บริหารการเงิน อาจจะเสียน้อยมากก็ได้นะครับ

เพราะตอนนี้ผมก็เตรียมค่าลดหย่อนไว้ส่วนนึงแล้ว ทั้งเบี้ยประกันชีวิต และ ใบเสร็จบริจาคมูลนิธิต่างๆ

แล้วที่มองอยู่ก็ กองทุน LTF, RMF น่ะครับ

ผมเห็นด้วยนะครับ จ่ายๆ ไปเถอะครับ ผมบวกลบคุณหารแล้วได้ไม่คุ้มเสีย  :)

เจ๋งเลย ทำตามคุณ Witz เลย

ไปจดทะเบียนการค้า แบบ ร้านค้าคนเดียว  เจ้าของคนเดียว

แล้วเสียภาษีแบบเหมา

ไม่ต้องเอาแบบ ร้านค้าก็ได้ แต่เป็น บริการ และ เจ้าของคนเดียว

บริการอะไรก็ได้ นายหน้า รับจ้างต่างๆ บริการxxxxx  ก็ว่าไป

แล้วเสียภาษี เราก็ทำถูกต้อง เสียภาษีแล้วด้วยจริงๆๆ

หมดปัญหาเลย (เพราะอย่างน้อยก็เสียภาษีให้แล้ว)

ขอบคุณมากๆๆครับ

อ่านที่ผมเขียนกันด้วยนะ  คนที่คิดว่าคุณ witz ทำถูกแล้วน่ะ  แล้วลองคิดว่าดูว่าคนเงินเดือนสองสามหมื่นเสียภาษีหลักพันหรืออาจจะถึงหมื่น  กับร้านค้าที่ขายได้กำไรเดือนละหลายหมื่นหรือเป็นแสนขึ้น แต่เสียภาษีปีละพันสอง  มันยุติธรรมรึเปล่า

ผมยังไม่เห็นรายละเอียดการยื่นภาษีส่ง  แต่เดาได้ว่าเป็นการเสียแบบเหมา  ร้อยละ 0.5 แน่ ๆ แล้วกุตัวเลขว่ารายได้เดือนละสองหมื่น   จึงจ่ายแค่เดือนละพันสอง  ต้องรอคุณ witz มายืนยันก่อน  ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ได้หมดปัญหานะครับ  บอกได้แค่นี้   เพราะเขียนไปมากกว่านี้ จะเป็นการบอกให้คนเลี่ยงภาษีซะเปล่า ๆ  ซึ่งมันจะขัดกับหลักจรรยาบรรณของคนทำบัญชี  ซึ่งก็ไม่สำคัญหรอก   แต่ผมถือ

วิธีของคุณ thusawan และคุณ win เป็นวิธีที่ถูกครับ  เสียอย่างถูกต้อง  แต่เตรียมรายจ่ายที่กฎหมายยอมให้หักได้มาเป็นค่าใช้จ่าย  หักไปหักมาอาจจะไม่ต้องเสีย  หรือเสียน้อยมาก ๆ

ตกลงทำ adsense ต้องเสียภาษีหรือครับ

แล้วถ้าได้น้อยแล้วต้องเสียไหม

เ่ท่าที่ทราบ ได้ ต่ำกว่า 1 แสนบาท ต่อปี ไม่ต้องเสียภาษีใดๆครับ


วิธีเี่ลี่ยง ทำหลายๆ แอคเค้า ยืมชื่อหลายๆคน (เลือกคนที่มีรายได้น้อยๆๆ) พี่ป้าน้าอา มารับแทน แบ่งๆ แอคเค้าละไม่เกิน 1 แสนต่อปี อิอิ เสียววุ้ย

ใช่ครับ  อย่าคิดว่าเสียเยอะนะครับ  หักค่าใช้จ่ายได้ 80% นะครับ (ตามคุณตราวุธ)
แถมหักค่าลดหย่อนอีก 30,000  เท่ากับว่าถ้าไม่มีรายได้อื่นเลย  มีแต่รายได้จาก adsense อย่างเดียวนี่

คุณต้องมีรายได้จาก adsense ปีนึงมากกว่า 650,000
(650,000 * 20% =130,000   หักค่าลดหย่อน 30,000  และเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแสนแรกไม่ต้องเสียภาษี)  นี่ยังไม่หักพวกค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ยอมให้หักได้แบบที่คุณ win  เตรียมไว้นะครับ 

สรุปคือจะเสียภาษีต่อเมื่อปีนึงได้มากกว่า650,000 บาท(ในกรณีมีรายได้จาก adsense อย่างเดียว)  ได้น้อย ๆ ก็ไม่ต้องเสียครับและควรจะไปยื่นแบบเสียภาษี แต่ไม่รู้ว่าจะโดนสรรพากรขอร้องแกมบังคับให้จ่ายเป็นแบบเหมาไปแทนหรือเปล่า

ทำไมผมทำงานเป็นพนักงานได้ปีละ 3 แสนกว่า แต่ยังต้องเสียภาษีเลย

ทำไมทำ adsense ถึง มากกว่า 650000 แล้วค่อยเสีย
ไม่ค่อยเข้าใจครับ

คือต้องมีรายได้ 650000 หรอคับถึงต้องเสียภาษี 20% อะ อ่านแล้วงงๆ

ต่างกันที่อัตราหักค่าใช้จ่ายครับ  พนักงานกินเงินเดือน  เขามองว่าค่าใช้จ่ายไม่เยอะ  ดังนั้น 40 (๑,๒) เนี่ยยอมให้หักได้แค่ 40 % แต่ไม่เกิน 60,000 บาท  ในขณะที่การค้าขายทำกิจการส่วนตัว  มีรายจ่ายเยอะ  จึงยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้เยอะ  อย่างกรณีนี้คือ 80%

คุณ tanut มีได้เงินปีละ สามแสนกว่า  หัก 40 % แต่ไม่เกิน 60,000 บาท  ก็เหลือสองแสนกว่าเกือบสามแสน เอาไปหักลดหย่อน 30,000 แสนแรกไม่ต้องเสีย  เท่ากับมีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีอัตราก้าวหน้าประมาณแสนนึง  ถ้าไม่มีค่าใช้จ่ายนำมาหักได้มากกว่านี้

แต่ทำ adsense ยอมให้หักค่าใช้จ่ายได้ 80%  เงินได้ 650,000 หักแล้วเหลือ 130,000 หักค่าลดหย่อนและแสนแรกไม่เสีย  ก็เท่ากับว่าไม่ต้องเสียภาษี

มันต่างกันตรงที่อัตราหักค่าใช้จ่ายครับ  เพราะพนักงานบริษัทไม่ต้องลงทุน  ก็เลยให้หักค่าใช้จ่ายไม่เยอะ  หวังว่าคงเข้าใจครับ

คุณตราวุทธิ์ เสียภาษีในประเทศไทยในส่วนของลิขสิทธิ์ค่ะ เป็นเงินไม่เท่าไหร่ 
ส่วนเงินได้ที่ได้จากการโฆษณาเค้าเสียที่ต่างประเทศ

เงินได้จากส่วนนี้ที่พวกเรากำลังทำอยู่นี้ จะว่ากันตามตรงแล้ว สรรพากรไม่ทราบหรอกค่ะ (ถ้าคุณไม่ไปบอก)
เค้ายังไม่มีทีมตรวจสอบแหล่งเงินได้บนอินเตอร์เน็ท  เค้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเงินสะพัดในส่วนนี้เท่าไหร่อย่างไร
เพราะเมื่อไหร่ที่เค้ารู้  อธิบดีคงหน้าบานว่าคงหาแหล่งเก็บภาษีได้อีกไม่รู้กี่เท่าจากปัจจุบัน
แล้วสรรพากรก็ต้องตั้งทีมตรวจสอบแหล่งเงินได้บนอินเตอร์เน็ทขึ้นมาโดยเฉพาะ...
และคงเป็นงานที่หนักหนาเอาการกว่าที่เป็นอยู่...(การทำงานของทีมตรวจของสรรพากรน่าเห็นใจมากค่ะ)
เพราะฉะนั้นตอนนี้อย่าไปเพิ่มงานเค้าดีกว่ามั้ยคะ

กรณีที่จะโดนตรวจสอบก็คือคุณได้รับเช็คจากต่างประเทศเป็นจำนวนถึง 200,000 บาท/ใบ (จำผิดรึเปล่าไม่รู้)
อย่างนี้อาจต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นเงินได้จากอะไร...เพราะเป็นจำนวนที่น่าสังเกต
อาจมีหนังสือเชิญพบ เพื่อสอบถามแหล่งที่มาของเงินได้นั้น (แล้วคุณจะรู้ว่ามันน่าเบื่อขนาดไหน)
(เพราะทางธนาคารคงแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง สรรพากรน่าจะเป็นหนึ่งที่เกี่ยวข้อง)

ถ้าคุณอยากจะเสียภาษีกันจริงๆ แนะนำว่าให้เสียภาษีเงินได้ประเภทอื่น ไม่ต้องไปบอกว่าคุณได้จากการเป็น Affiliate
เช่นเอาเงินได้ไปลงทุนใน 40(4) ซื้อพันธบัตร กองทุน ฯลฯ (5) ค่าเช่า (6) วิชาชีพอิสระ (7) รับเหมา  (8) เงินได้อื่นๆ ขายของชำก็ได้
การเป็น Affiliate น่าจะเข้าข่าย 40(2) นายหน้า ตัวแทน ได้คอมมิสชั่น

คุณ chilyna เรียนบัญชี  ทำงานบัญชีหรือเปล่าครับ  เพราะดูแล้วคุณแนะนำแปลกมาก ๆ
เอาเงินไปลงทุน ใน 40(4-8)  รายได้ก็ส่วนรายได้  กำไรจากรายได้ก็เป็นอีกส่วนไม่ปนกัน  เอาไปเสียกันยังไง

แถมลงทุนในอันอื่นก็ยังพอโอเค  ลงทุนใน 40(6)  ทำยังไงครับเนี่ย  เอาเงินไปลงทุนได้ยังไงกัน

อีกอย่างที่ผมไม่ชอบคือ  การที่คนมีความรู้บัญชีมาบอก มาสอนให้คนหลบเลี่ยงภาษี  ถ้าคิดว่าตัวเองมีความรู้พอที่จะแนะนำคนให้หลบเลี่ยงได้  ก็เงียบ ๆ ไว้ก็ดีครับ  มันทำลายประเทศชาติทางอ้อม
เงินภาษีเอาไปพัฒนาบ้านเมือง  ถนนหนทาง  ค่าเล่าเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยของรัฐ  ถ้าคนไทยทุกคนคิดกันแต่จะหลบเลี่ยงอย่างเดียว   บ้านเมืองเราคงเจริญครับ
ช่วยกรุณา edit ข้อความตัวเองหน่อยเถอะครับ

ส่วนคุณตราวุธ  ถ้าเสียแค่นั้นจริง ๆ แถมบอกใน course underground เหมือนจะให้หลบเลี่ยง  ก็ช่วยเตือน ๆ หน่อยเถอะครับ  เรื่องแบบนี้พูดมากไป  ถ้าเกิดเจอคนไม่หวังดี  หรือเกิดซวยไปเจอคนทำงานในสรรพากรขึ้นมา   โดนตรวจสอบย้อนหลังคงโดนไม่ใช่น้อย

ผมว่า ดังไป จะทำให้คนไทย หลายร้อยคน เดือดร้อนนะครับ

อีกอย่าง การตรวจสอบทาง internet มันยุ่งยากมากนะครับ
ดีไม่ดีจะทำให้ทั้งระบบ ยุ่งยาก
เพราะมันต้องติดต่อต่างประเทศถึงปลายทางนะครับ มีแหล่งที่มาอ้างอิง
ดีไม่ดี จะทำให้ affiliate เขา black list ประเทศไทย อะไรโง้ย ยุ่งยากจิงๆ ตูไม่เอาแล้วประเทศนี้

ผมว่า บางคนที่หวังดี และอยากทำอย่างถูกต้อง จะกลายเป็นการสร้างปัญหาแทนนะครับ

ผมว่า เงียบๆ จะสร้างปัญหาให้น้อยลงนะครับ

เห็นด้วยครับ และนับถือมาก ที่ต้องการเสียให้ถูกต้อง (เสียเต็มราคา)
ผมก็เป็นคนตรงๆไปตรงๆมา มีอะไรก็เสียๆ มันไปให้หมด เต็มๆ ด้วย จะได้ไม่มีปัญหาทีหลังจริงๆใหมครับ

แต่ส่วนตัว ผมเห็นด้วยในอุดมการ แต่ไม่เห็นด้วยในทางปฎิบิตจริงครับ

ในทางปฎิบัติแล้ว หลายๆคนคง เลือกที่จะเงียบๆ ดีกว่าครับ

ไปเสียเป็นอ่างอื่นแทนดีกว่า อย่างน้อยก็ได้เสียให้แล้ว

ข้อสอบ

A. ไม่เสียเลย (เงียบๆ ดีกว่า) 
B. เสียเป็นอย่างอื่นๆ แทน (เลี่ยง)
C. เสียเต็มๆๆ ตรงๆ 100% (เสียหมดเลย)

ผมว่าข้อ B. น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องมากที่สุดนะครับ

อย่างน้อย เราก็ช่วยชาติแล้วละ 

หรือว่าจะเอาข้อ A. ดี เงียบๆ ดีกว่า อิอิ

สำหรับคนที่จะไปจดทะเบียน เจ้าของกิจการคนเดียว อาจจะเลือกเฉพาะ ธุรกิจที่เป็นบริการ นะครับ น่าจะตรงมากที่สุด
ถ้าเอาเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต ก็น่าจะเป็น รับจ้างทำเว็บ รับออกแบบเว็บ(ห่วยๆก็ได้ถือว่ารับทำเหมือนกัน) รับเขียนโปรแกร
ไปจนถึง รับงานแปลบทความ รับจ้างเขียนบทความ แต่งจดหมาย เรียงความ อะไรก็ว่าไป



ปล. ผมเข้าใจในจิตสำนึกอันแรงกล้าครับ 

มีความรู้ดีครับ ตกลงขอคอนเฟิมหน่อยครับว่า ขั้นต่ำเท่าไร ที่กี่แสน ต่อเดือนหรือต่อปี ครับ ต้องเสียภาษี เผื่อได้เท่านั้นแล้วจะได้วางแผน  :P

 :-\ พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง   ;D นี่น๊า

ขอโทษด้วยครับ  จริง ๆ ผมก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้   เพราะคนไทยนี่เป็นอะไรกันก็ไม่รู้

โกง adsense  ทำเวบหลอกลวงคนมาคลิ๊ก  คิดแต่วิธีโกง ๆ ทุกวิถีทาง  ทำยังไงก็ได้ให้ gooได้เงิน
เรื่องเสียภาษีก็เหมือนกัน  ต่อให้ goo ทำ adsense ได้เดือนละเป็นล้าน หลายล้าน   goo ก็ไม่อยากเสียภาษี   :-X

ไม่เสียก็ไม่เสียครับ  ผมเองก็ไม่เคยว่าใคร  และไม่อยากว่าใครด้วย  แต่การเขียน พูดในที่สาธารณะ  คนเยอะ ๆ   บอกวิธีการหลบเลี่ยงภาษี  โกงภาษี  หรือเสียภาษีต่ำ ๆ โดยการกุตัวเลขขึ้นมาซึ่งไม่ถูกต้อง  มันก็คือการโกงครับ  คนที่ทำแบบนี้แล้วคิดว่าตัวเองถูก  เอาวิธีผิด ๆ มาสอนมาบอกคนอื่น  เหมือนจะสร้างเป็นบรรทัดฐานขึ้นมาว่า  เสียภาษีน่ะไม่เจ๋งจริง  ไม่เสียน่ะเก่ง  ไม่เสียภาษีแล้วน่าภูมิใจ

ลองคิดดูแล้วกันครับ  ถ้าสรรพากรจะตรวจขึ้นมาจริง ๆ ทำไมเขาจะตามไม่เจอ มีเช็คเดือนละใบมาจากธนาคารเดียวกันตลอด  สรรพากรคงตรวจสอบยากแน่ ๆ  :-\   ที่ไม่โดนเพราะเขาไม่มีเวลามาตามอย่างที่คุณ chilyna บอก  งานการเขาทุกวันนี้เยอะพออยู่แล้ว จำนวนคนมีจำกัด  ถึงไม่ได้ตามกันมากกว่า

ในบอร์ดนี้  หลายกระทู้ที่เราประฌามคนทำเวบโกง adsense หลอกให้คลิ๊กสารพัดวิธี  แล้วการโกงภาษีแตกต่างอะไรกับการโกง adsense ครับ  แล้วผลที่ได้จากการโกงภาษี  นอกจากความภูมิใจของเราเองที่เก่งโกงภาษีได้  มันมีผลอะไรอีกครับที่ตกกับคนไทยทั้งหมด 

สรุปนะครับ การโกงภาษีมันเลวร้ายกว่าการโกง adsense อีก  และที่เลวร้ายกว่า คือการบอกให้คนอื่นทำตาม  ดังนั้นถ้าคุณจะไม่เสีย  ก็ไม่เป็นไรครับ  สิทธิของคุณ  แต่อย่าบอกกับคนอื่นเลยครับว่าคุณไม่เสียยังไง   มันเหมือนประจานตัวเองให้คนอื่นรู้   แล้วยังภูมิใจอีก
สุดท้ายนี้ผมขอชื่นชมคุณ win และคุณ thusawan ครับที่เสียภาษีหรือคิดจะเสียอย่างถูกต้อง

ปล.  ผมเบื่อที่จะคุยเรื่องการทำสิ่งที่ถูกต้องกับคนไทยด้วยกันมากเลย  คุยกันทีไร  ผมกลายเป็นตัวประหลาด ขวางโลกทุกที

สรุปแล้วถ้าผมอยากทำให้ถูกต้องเนี่ยต้องทำยังไงอ่ะครับ
ถ้าผมได้เดือนละ1-2หมื่นนี่ต้องเสียหรือเปล่า แล้วถ้าเสียจะต้องทำยังไงถึงจะถูกต้องล่ะครับบ


งงงงงงง ไม่อยากหลบภาษีแต่ไม่รู้วิธีที่ถูกเลยกลายเป็นคนผิดไปโดยปริยาย  :-\

20,000ต้องเสียครับ แต่เสียให้ผมนะ... :-*

ผมก็ไม่รู้ว่าผมจ่ายอยู่ มันแบบไหนนะครับ ก่อนนี้ผมเปิดร้าน รับ service เกี่ยวกับ IT อะไรทำได้ ทำหมด คอมพิวเตอร์ มือถือ งานตัดต่อ multimedia งาน backup data อื่นๆอีกมากมาย ผมก็จ่ายปีละ 1,200 มาตลอด จะได้เดือนละ สองสามพัน หรือสองสามแสน ผมก็จ่ายมาปีละ 1,200 จ่ายมาตั้งแต่ปี 43 ละ

เจ้าหน้าที่เขามาเดินตรวจ ผมก็เอาใบเสร็จ ที่เสียภาษีให้เขาดู เขาก็ไม่เห็นว่าอะไรนะครับ

ก็จ่ายๆไปเถอะครับ จ่ายน้อย ดีกว่าไม่จ่าย

 :)

ตกลงว่าต้องมีรายได้ 650,000/ปี ถึงจะเสีย 130,000 ถูกต้องมะคับ แล้วถ้าน้อยกว่านั้นจะคิดยังไงอะ

เมื่อกี้เขียนแรงไป ขอโทษทุกคนด้วยครับ  ผมไม่ได้ว่าคุณ witz น่ะครับ  เพราะคุณ witz เองก็มีเจตนาเสียภาษี  แต่ไม่รู้ว่าตัวเองเสียอะไร  ยังไงบ้าง  เพราะให้คนอื่นทำให้

อธิบายไปมา  ก็กลับมาจุดเริ่มต้นใหม่   :'(  ลองหาเบอร์โทรกรรมสรรพากรแล้วโทรไปถามดีกว่าครับ  รู้สึกว่าอธิบายไป  ผมจะเริ่มงงเองแล้ว

ต้องเสียด้วยหรอ  ???

ถ้าผมได้เป็นแสนผมก็คงต้องเสีย แต่นี่ยังไม่เห็นตังเลย  ;D

เอาล่ะครับ เพื่อนๆ

หลังจากที่ผมถามได้ความรู้จากคุณ kazama และเพื่อนๆ และจากการไปศึกษาเองในเว็บกรมสรรพากรอยู่ค่อนวัน

ผมขอสรุปรายการตามนี้ครับ
โดยได้เอาข้อมูลบางส่วนจากเว็บกรมสรรพากรและลง link อ้างอิงไว้ตามจำเป็นนะครับ

ประเด็นสำคัญ คือเราจะตีความรายได้เราอย่างไร และหักค่าใช้จ่ายได้กี่เปอร์เซนต์
เอาที่รู้คร่าวๆ ก็คือที่มีเพื่อนในบอร์ด บอกมาแล้วว่า คุณตราวุธเอง เสียแบบหัก 80% มันเป็นยังไง
ทำไมคุณ Witz เสียปีละ 1,200 บาทผมพอจะหาที่มาได้แล้ว

คนที่อยากรู้ ลองไล่อ่านตามกันไปนะครับ
ในที่นี้จะพูดเรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เท่านั้น

1. เราต้องเสียภาษีด้วยหรือ

ต้องเสียภาษีตามหน้าที่พลเมืองครับ โดยทั่วไป เราทำงานกินเงินเดือน ประกอบธุรกิจเอง ไม่ได้ตั้งเป็นบริษัทจดทะเบียน เราจะต้องเสีย "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" โดยยื่นแบบในเดือนมกราคมถึงมีนาคมของปีถัดไป (สำหรับ ภงด.90 และ ภงด.91) และสำหรับคนที่มีรายได้บางประเภท ก็ต้องยื่นกลางปีด้วย (ภงด.94)




2. แต่รายได้เรามาจากต่างประเทศนะ ยังต้องเสียอีกหรือ



3. เรามีรายได้แบบไหน และต้องยื่นตาม ภงด. เบอร์อะไร

เขาแบ่งรายได้เป็น 8 ประเภท ตามนี้ครับ


แบบที่มีการยื่นกันหลักๆ ก็มี

3.1 ภงด.91 ยื่นแบบในเดือนมกราคมถึงมีนาคมของปีถัดไป
เพื่อนที่ทำงานเป็นลูกจ้าง พนักงานบริษัท คงรู้อยู่แล้ว อันนี้ส่วนใหญ่คงต้องเคยผ่านกันมาแล้ว



3.2 ภงด.90 อันนี้ก็ ยื่นแบบในเดือนมกราคมถึงมีนาคมของปีถัดไป เหมือนกัน โดยเป็นรายได้ตามมาตรา 40(2) - 40 ( 8 )

3.3 ภงด.94  อันนี้เจาะจงเฉพาะผู้มีรายได้ตามมาตรา 40 (5) (6) (7) ( 8 )

มีอะไรบ้าง ???


อย่างเราเรา น่าจะเข้าข่าย 40 ( 8 ) อย่างที่คุณ kazama ให้ความเห็น คือ ประกอบธุรกิจส่วนตัว

4. เราจะโดนเยอะมั้ย กลัวจริงๆ


ขอบอกว่าไม่เยอะเลย ถ้าเราวางแผนเป็น
จากที่คุณ kazama บอกไว้ในโพสต์ข้างบนแล้ว เพื่อนๆ รู้ไหมว่า การที่เรามีรายได้จาก 40 ( 8 ) นี่สามารถหักค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการเป็นพนักงานประจำกินเงินเดือนซะอีก!!

ขนาดการเก็บค่าต๋งจากการแข่งพนัน การเล่น หรือกระทั่ง แข่งม้า ทำน้ำตาล ฯลฯ
ยังหักค่าใช้จ่ายได้อย่างต่ำๆ ก็ร้อยละ 60 - 80 แล้วครับ
ในขณะที่พนักงานเงินเดือน หักได้ร้อยละ 40 เท่านั้นเองและต้องไม่เกินที่กฎหมายกำหนดด้วย (ตอนนี้อยู่ที่ 60,000 บาท)

เริ่มเห็นอะไรหรือยังครับ?

เริ่มหายกลัวสรรพากรแล้วใช่ไหมครับ?

5. ยังไม่ค่อยเห็นภาพเลย งงๆ อยู่ ??

ถ้าใครยังงงอยู่  ลองมาดูตัวอย่างกัน

สมมติ นาย ก. มีรายได้จากการประกอบธุรกิจทางอินเตอร์เน็ต เดือนละ 50,000 บาท
นาย ก. ต้องการยื่นแบบ ภงด.94 กลางปี โดยมีรายได้เข้าข่ายมาตรา 40 ( 8 )

(ตรงนี้คือการอนุมานนะครับ จากเรื่องเล่าอ้างถึงที่คุณตราวุธบอกว่าสามารถเสียลักษณะแบบนี้ได้)

ลองดูภาพแบบฟอร์มจริงๆ กัน ผมลองกรอกให้ดู

(http://www.googeb.com/images/opt1188489272x.jpg)

จะเห็นได้ว่ารายการลดหย่อน เรียกว่าลดแล้ว ลดอีก

ม.ค. - มิ.ย. 6 เดือน รายได้ฟาดไป 6X50,000 = 300,000 บาท
แต่หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 80% เหลือเงินได้พึงประเมิน 60,000 บาท พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!!

มาดูอีกว่าลดอะไรได้อีก  

เอ้า มีคู่สมรส มีลูก มีพ่อ มีแม่ มีค่าเบี้ยประกันสุขภาพคุณพ่อ คุณแม่ ค่าเบี้ยประกันชีวิตเราเอง เอามาลดได้!
อ้าว พอดี ซื้อบ้าน ผ่อนคอนโดอยู่ เอาดอกเบี้ยมาหักลดได้อีก!

อ้าว รายได้ยังเหลือเยอะไปเหรอ แบ่งเงินไปซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) สิ หัดลงทุนบ้าง เงินเฟ้อขึ้นทุกวัน



RMF ลงทุนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ หรือไม่เกิน 300,000 บาท
LTF  ลงทุนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้ หรือไม่เกิน 300,000 บาท

ขอถามว่า แค่นี้ ลด แลก แจก แถม เพียงพอหรือยัง !??


ลองดูตัวอย่างข้างบนนะครับ แล้วไปดูรายการหมวด ค. การคำนวณภาษีข้อ 3
พระเจ้าช่วยอีกแล้ว!!! เงินได้สุทธิ ติดลบ ก็ศูนย์บาทนั่นล่ะครับ
ดูข้อ 9 ครับ ภาษี 0 บาท!!!!!
ถึงตอนนี้เงินบริจาคจะมีมากน้อยก็ไม่ต้องเอามาลดแล้วก็ได้ คือรายได้สุทธิมันติดลบซะเหลือเกิน

แต่อย่าเพิ่งดีใจเกินไป
ยังมีข้อ 10 ครับ คือ อีกไม้นึงที่สรรพากรดักไว้ คือ ถ้ามีเงินรายได้ในหมวด ก. เกิน 60,000 ให้เอารายได้รวมหมวด ก. X0.005 ครับ

(บรรทัดนี้ เป็นคำตอบกรณีคุณ Witz ครับ นั่นคือคุณ Witz ต้องแสดงว่ามีรายได้เดือนละ 20,000 บาทครับ ปีนึง 240,000 บาท เอามา X ตามข้อ 10 = 240,000 X 0.005 = 1,200 บาท)

ระหว่างข้อ 9 และ ข้อ 10 อันไหนมากกว่า เอาอันนั้นครับ



สรุปนะครับ มีรายได้เดือนละ 50,000 บาท ทำธุรกิจเอง ไม่ได้ตั้งเป็นบริษัท เวลาผ่านไป 6 เดือน ยื่นเสียภาษีกลางปี ภงด.94 แม้จะหักลดหย่อนเยอะแยะจนเหลือรายได้ติดลบ ก็ยังต้องเสียภาษีตามข้อ 10

นั่นคือ...300,000X0.005 = 1,500 บาท ครับ

หรือประมาณปีละ 3,000 บาท หรือวันละ 8.2 บาท

แค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงใช่ไหมครับ??

6. ชักคันไม้คันมือ อยากเสียภาษีแล้วไปดูเว็บไหน

อันนี้เลยครับ


ภงด.94 มีกำหนดรับยื่นทางอินเทอร์เน็ต ถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2550 เท่านั้นนะครับ

เสีย ภงด.94 แล้ว ต้นปีหน้า ต้องยื่น ภงด.90 ด้วยนะครับ จะมีช่องให้คำนวณด้วยว่าเราเสียภาษีตาม ภงด.94 ไปแล้วเท่าไร ต้องเสียอีกเท่าไหร่


7. คุณ win รับประกันความถูกต้องรึเปล่าเนี่ย

ไม่รับประกันนะครับ ผมเองก็จะเริ่มทดลองยื่นทางอินเทอร์เน็ตเหมือนกัน โดยใช้รายได้ตามมาตรา 40 ( 8 )
โดยยึดตามที่อ่านและวิเคราะห์มาว่ารายได้เราน่าจะอยู่ในมาตรานี้แหละ


เท่านี้ล่ะครับ
ขอบคุณคุณ kazama ที่แนะนำ
ใครมีความเห็นยังไง เชิญได้เต็มที่เลยครับ

ส่วนใครที่ทำรูปบริษัท ก็อ่านความเห็นคุณ thusawan นะครับ

เงียบ ๆ ไว้เถิดครับ  เดี๋ยวคนมีรายได้น้อยจะพลอยถูกหักภาษีด้วย

เราไม่จำเป็นต้องไปบอกกับสรพพกรว่า ผมเป็นคนดีนะ ผมได้ตังมาจาก adsense จะมาเสียภาษี ชาว adsense คนอื่น ๆ จะโดนไปด้วย

ผมแนะนำว่า  ใครที่ได้มากกว่าเดือนละ สอง สามหมื่น   ควรจะเสียสละทำอะไรเพื่อสาธารณะประโยชน์ ช่วยเหลือสังคมบ้างก็ Ok แล้วครับ

การเอาเงิน adsense ไปเสียภาษี  ภาษีจะเข้าไปสู่สังคมเท่าไหร่เชียว  เพราะภาษีบางส่วนมันจะถูกนักการเมือง ดูดไปแบ่งกันกิน  แต่ถ้าเราเอาเงินไปทำคุณประโยชน์แก่สังคม   เงินจะไม่ผ่านใครดูดเลย  เข้าสู่สังคมอย่งแท้จริง

 :-*

หนังสือสอนทำ AdSense 2 เล่ม 2 สำนักพิมพ์ มันกระจายสู่ท้องตลาดทั่วประเทศ มันไม่ใช่ความลับอะไรแล้วครับ
ชามก๋วยเตี๋ยว สรรพากรยังไปนั่งนับได้เลย กะแค่หนังสือ AdSense มันต้องผ่านตาเขาบ้างแล้วล่ะครับ e-bay e-commerce ทำไมสรรพากรจะไม่รู้จักระบบอินเทอร์เน็ต อย่าประมาทเขาเกินไป

ถ้าเราหาวิธีรับมือได้ เราก็จะผ่านไปได้ง่ายๆ

อีกอย่างการระบุรายได้ก็ระบุไปตามที่ตัวอักษรที่เขามีรายการให้กรอก ไม่ต้องไปกรอกว่า AdSense เดี๋ยวยิ่งงงกันใหญ่!

ใครจะรู้ครับ อีก 10-20 ปี คุณ Love_u อาจจะเป็นคนดังในสังคมก็ได้ อนาคตใครจะรู้ แต่โดนสรรพากรเล่นงานย้อนหลัง เสียหน้า เสียค่าปรับ แลกกับการไม่เสียภาษีตามหน้าที่พลเมือง ปีละไม่กี่พันบาท ลองคิดดูว่าจะเลือกแบบไหน

บริจาคเข้ามูลนิธิ การกุศลโดยตรง ก็เป็นเรื่องดีครับ ถ้ามีจิตศรัทธาก็ทำ แต่อย่าลืมว่าประเทศเราก็ยังต้องการงบพัฒนาในระดับมหภาคนะครับ การศึกษา การสร้างถนนหนทาง การค้า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ฯลฯ  ถึงใครจะว่ามีนักการเมืองโกงกินก็เถอะ มันก็ไม่ควรเอามาเป็นเหตุอ้างเพื่อการไม่จ่ายภาษี

แต่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ก็เสียๆ ภาษี ไปเถอะครับ หน้าที่พลเมืองดีนะครับ

เสียภาษีเถอะนะ  เดี๋ยวต่อไปภายหน้าเกิดกลายเป็นคนดัง   ....
จะมีคนขุดประวัติ... เจอไม่เสียภาษี...งามหน้าไหมละ ;D

เงินภาษีของเราทุกคน ก็นำมาใช้เพื่อประชาชนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง การศึกษา เสียภาษีเถอะเพื่อประเทศชาติของเรา  :)   

ขอบคุณท่านวินมากครับ อุตส่าห์ไปขุดคุ้ยข้อมูลมาได้อย่างละเอียดกันเลยทีเดียว งงอยู่ตั้งนานคุณวินเอามาให้อ่านแล้วเข้าใจเลย

ขอถามเพื่อทบทวนความเข้าใจหน่อยนะครับ สมมติผมมีรายได้เดือนละ 15000 บาทแล้วไม่ลงทุนอะไรเลย นะครับ
เงินได้           15,000 * 12 =  180,000
หักค่าใช้จ่าย  180000 * 0.8 = 144,000     <-- ตรงนี้ต้องแจกแจงรายละเอียดหรือเปล่าครับ แล้วหักได้เน็ตๆ 80%                                     
                                                                 ถึงแม้เราจะไม่ได้มีค่าใช้จ่ายจริงเหรอครับ ??
คงเหลือ     180000-144000 = 36000

หักครอบครัว      บิดา               15000   <---บิดามารดา เราก็มีรายได้สามารถลดหย่อนได้ด้วยเหรอ ???
                      มารดา            15000

รวม                                       6000   <--- เอาไปเสียภาษี *30% ใช่ป่าวครับ
                                                             (ขอโทษทีครับเพิ่งเรียนจบไม่เคยเสียภาษีเลยไม่รู้)

สรุป เสียภาษี 1800 บาท ถูกต้องมั้ยครับ
===========================================================
แต่ถ้าหากนำเงินไปลงทุน จ่ายเบี้ยประกันชีวิต ทำบุญ ฯลฯ ที่สามารถหักได้เป็นจำนวนรวมมากกว่า 6000 บาท
ก็จะกลายเป็นจ่ายภาษี = 180,000*0.005 = 900 บาท ถูกต้องมั้ยครับ
===========================================================
ที่ผมสงสัยคือตรงลูกศรชี้น่ะครับว่า
1.หักค่าใช้จ่าย80%ได้ถึงแม้จะไม่มีค่าใช้จ่ายจริงใช่หรือไม่ครับ
2.บิดามารดามีรายได้ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เหมือนกันใช่หรือไม่ครับ
3.หักทุกอย่างเรียบร้อยเอาตรงที่รวมไปคูณกับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใช่หรือไม่ครับ (30%รึเปล่า)

ช่วยตอบให้หายสงสัยหน่อยครับ :-*
ขอบคุณครับ

ขอบคุณทุกท่านที่มาให้ความรู้คับ

เด๋วมาตามเก็บทีหลัง อ่านแล้วมึน

สนับสนุนให้เสียภาษีครับ จะได้มีหลักฐานว่าเราได้เงินจริงๆ

เพราะบางทีเราอาจจะอยากกู้เงิน หรือผ่อนบ้านผ่อนรถอ่ะครับ

ขนาดของผมฟันไปไม่ต่ำกว่า เดือนละ 50000 ไปขอผ่อนรถเค้ายังไม่ให้ผ่อนเลย บอกว่าไม่มีรายได้แน่นอน

หลังจากนั้นผมอ่านหนังสือของ อ. สุวรรณ วลัยเสถียร เลยรู้ว่าต้องทำยังไง อย่างที่คุณวินบอกนี่ถูกต้องทุกประการครับ
หักก่อนนำมาเสียภาษีได้ แต่ถ้าใครได้เยอะขึ้นมาอีก ก็จะเสียอัตราก้าวหน้าครับ แต่ว่าหักได้ 80 เปอเซน (ปกติผมหัก 60  หุหุ) เราก็จะเสียในเรตที่ต่ำกว่าแล้ว

สำหรับบางคนที่บอกว่ากลัวเค้าทำงานหนักหนะ ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เพราะถ้าคุณเสียภาษีกันเนี่ย เค้าต้องมีตังจ้างเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นแน่ครับ กลัวแต่ไม่มีภาษีให้เก็บนั่นหละ คุณว่าป่ะ
ถือว่าเป็นการช่วยในการจ้างแรงงานเพิ่มเติมด้วยจะเป็นไรไป กำไรสองต่อครับ

ลองดูนะถ้าคนที่หลบมาตลอดมาเสียภาษีนี่ ลองคิดดูว่าจะมากแค่ไหน รับรองว่าจ้างเจ้าหน้าที่เพิ่มได้เป็นพัน หุหุ

แล้วเรื่องที่ว่ากลัว affiliate แบนอ่ะ ไม่ต้องกลัวครับ เพราะถ้าเราจ่ายกันทุกคนอยู่แล้ว สรรพากรก็ไม่ต้องไปตามใช่ป่ะครับ แล้วแค่ติดต่อไปแค่นี้อ่ะ เค้าไม่ลำบากหรอกที่จะตอบ
ที่ว่ากลัวผมว่ากลัวจะได้จ่ายตะหาก หุหุ  :D ;D

รายละเอียดเงื่อนไข การลดหย่อน ผม upload ไว้นะครับ ใครสนใจลองดาวน์โหลดไปอ่านดู
เป็นของปีล่าสุดเลยครับ

http://upload.mthai.com/file.php?is=0&fi=46d72457ddddd (http://upload.mthai.com/file.php?is=0&fi=46d72457ddddd)

อ๋อ เข้าใจละ งั้นถ้าหากรายได้พึงประเมินต่ำกว่า 100000 ก็ต้องเสียแบบเหมาใช่มั้ยครับ ง้นสรุปก็เสียภาษีแค่ 0.5% ของรายได้เอง น้อยจังเลย  :D

ขอบคุณท่านวินมากครับ  :)
คอยช่วยตอบทุกปัญหาจริงๆเลย  :'( <<ซึ้งใจ

ภงด.94 มีกำหนดรับยื่นทางอินเทอร์เน็ต ถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2550
เราจะคำนวนเงินได้ตั้งแต่เดือนไหนถึงเดือนไหนครับ


ผมเพิ่งมีรายได้เยอะๆ ยังไม่ถึง 6 เดือนเลย
ผมเลยคิดว่าจะเสียภาษีครั้งแรก ต้นปีหน้านะ
โดยคิด รายได้จาก 07/07-12/07 นะ
จะได้ไหมครับ  ???

ปล. แล้วคนที่ทำงานประจำด้วย และมีรายได้ทางเน็ตด้วย
เค้าจะเสียยังไงครับ

ขอบคุณสำหรับความรู้+คำแนะนำ ของทุกท่านค่ะ(http://www.nice5ive.org/onion/imgs/5fc0f220.gif)

มีเวลาศึกษาอีก 1 เดือน  :)

คุณ zern ลืมหักลดหย่อนตัวเอง 30,000 บาทครับ

และถ้าจะเอาพ่อแม่มาหัก  อย่าลืมว่าต้องเข้าหลักเกณฑ์ด้วยนะครับ  เท่าที่จำได้ก็อายุต้องเกิน 60 ปี ไม่มีรายได้  และไม่มีพี่น้องคนไหนของคุณ zern เอาไปหัก

แต่แค่หักค่าลดหย่อนตัวเองก็แทนตรงนี้ได้แล้วครับ 
และยังมีหักค่าใช้จ่าย ๆ อื่นให้หักได้อีก  เช่นถ้ามีกู้ซื้อบ้าน  ดอกเบี้ยส่วนที่ผ่อนบ้านก็เอามาหักได้

คนที่ทำงานประจำด้วย   เงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายก็เอามารวมกันครับ 
40(1) เงินเดือน ก็หักค่าใช้จ่าย 40% แต่ไม่เกิน 60,000
40(๘) เงินที่เราได้จากทางเนตก็หักค่าใช้จ่าย 80% 
เหลือเท่าไหร่ เอาทั้งสองอย่างมารวมกันคิดค่าลดหย่อนต่อไป

คุณวิน  ขยันดีครับ  ทำให้เข้าใจง่ายดี

ปวดหัวคับเรื่องภาษี :-X
แต่ก็อยากจ่าย อยากเป็นพลเมืองที่ดีคับ ;D

รายได้ยังไม่เยอะ ไม่อยากคิด  :-X นี้ทำงานประจำ ก็โดนหักไปหลายแล้วเน้อ  :-\

สำหรับคนที่ชอบพูดว่า อย่าเสียงดังไป เงียบๆ ไว้...


รู้ไหมว่า สรรพากร เขากำลังพัฒนาระบบอยู่ ตั้งแต่ปี 2548 แล้ว เพื่อจัดการกับ e-commerce
อ่านๆ ในเน็ตดู เห็นว่ามีการพูดถึงรายได้จากสินค้าที่จับต้องไม่ได้, ดาวน์โหลด, web hosting ฯลฯ

เพียงแต่เขาจะเริ่มเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

ดังนั้น แทนที่จะกลัว ก็หมั่นศึกษาเอาไว้ไม่เสียหายครับ

กระทู้นี้เริ่มด้วยคนที่อยากที่จะเสียภาษีนะครับ  หารือกันเรื่องเสียภาษี   ถ้าใครไม่อยากเสีย  ก็ไม่ได้ว่านะครับ  แต่ขอร้องว่าอย่าเข้ามา  บอกว่าจะไม่เสียภาษีอย่างนั้นอย่างนี้  อ้างนู่นอ้างนี่  รวมทั้งบอกวิธีให้คนหลบเลี่ยงภาษี  ผมเข้าใจครับว่าความจำเป็นของคนเราไม่เหมือนกัน  บางคนลำบากจริง ๆ เดือน ๆ หนึ่งเงินไม่พอใช้  ค่าเช่าบ้าน กินอยู่ แถมต้องส่งเงินช่วยที่บ้าน  ผมเข้าใจครับ บางคนก็กลัวจะเดือดร้อน ไม่มีตังไปกินเหล้า ไม่มีตังเล่นบอล หรือไปเที่ยวอย่างว่าทุกอาทิตย์  อันนี้ผมก็เข้าใจครับ

แต่กับคนมีเจตนาที่ดี  มีสามัญสำนึกที่ดีควรจะส่งเสริมกันนะครับ  ไม่ใช่มาทำให้ความตั้งใจที่จะเป็นคนดีของเขาเสียไป  ผมเห็นคุณ win ตอบแบบถนอมน้ำใจ  ตอบและอธิบายให้เยอะมาก ๆ  คนก็ยังมาอ้างนู้นอ้างนี่กัน  ผมเห็นแล้วเหนื่อยใจแทนคุณ win ที่อยากเป็นคนดี  แต่ทำไมการเป็นคนดีทำไมมันยากกันจริง ๆ  ผมเลยตอบแบบโหด ๆ ให้แล้วกัน   กระทู้นี้ปรึกษาเรื่องจะเสียภาษีอย่างไรให้ถูกต้อง  ไม่ได้ปรึกษากันเรื่องจะหลบเลี่ยงภาษีกันอย่างไร   ถ้าคุณทำดีไม่ได้  ก็อย่าทำลายความตั้งใจของคนที่อยากทำความดีเลยครับ  ขอชมเชยบางคนนะครับ  ที่คิดจะเสียภาษี ไม่ใช่เพราะกลัวสรรพากรจับได้  แต่เพราะอยากเป็นคนดีครับ

อ้อต้องหักของตัวเองด้วย ขอบคุณครับคุณ kazama
ว่าแต่รายได้จะนับเดือนยังไงล่ะครับ ทำ adsense ตัดยอดปลายเดือนนี้ เช็คมาต้นเดือนตุลา จะนับเป็นรายได้ของเดือนไหนครับ  ???
ผมว่าน่าจะเดือนตุลานะ

กฏหมายย้อนหลังไม่ได้ หรือคงต้องรอกฏหมายมารองรับก่อนครับ

มีแต่ คมช ใช้กฏหมายย้อนหลัง ถ้าเป็นแบบนี้ถือว่าซวยไป

กรณีจตุคาม พอกรมสรรพกรรู้ว่าเงินสะพัดในธุรกิจนี้เขาก็เลยเก็บครับ จากที่ไม่เคยเก็บเลย หลายธุรกิจก็ไม่มีเก็บหรือหาระบบมาจัดการไม่ได้ เช่น การเช่าพระเครื่อง ฯลฯ

ถ้าขนาดของธุรกิจนี้ใหญ่ สรรพากรมาแน่ แต่ถ้าไม่มากก็ยังก่อน เงินเยอะเมื่อไหร่มาแน่ แบบเก็บภาษีดาราไงครับ

กรณีกลางปี ภงด. 94 ก็คือเอาจากรายได้จริงๆ ที่มาถึงมือเรา ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนครับ

รายได้ทุกอย่างต้องเสียภาษีครับ  จริงอยู่ที่ไม่มีกฎหมายออกมาอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้  แต่กฎหมายออกครอบไว้นานแล้ว  ด้วยคำว่า  ถ้าไม่มีอยู่ในข้อใดให้เข้าข้อนี้  ลองไปอ่าน 40(๘) ข้อ44 ดูครับคุณ blogger  และอ่านข้อความของผมเรื่องคนตั้งใจทำความดีด้วยครับ

อาจารย์ที่เคยสอนผมเรื่องภาษี  เป็นอดีตอธิบดีกรมสรรพากร  คนเรียนบัญชีส่่วนใหญ่รู้จักแกทั้งนั้น แกบอกว่า รายได้ทุกอย่างต้องเสียภาษี  ถ้ายึดตามกฎจริง ๆ ขอทานก็ยังต้องเสียเลย

ผมเสียภาษีเกินปี 3 หมื่นมา 2-3 ปีโดยไม่ทราบ เพราะให้คนอื่นทำให้ แต่ก็ไม่ได้ทวงครับ และกรมสรรพกรก็ไม่แจ้งเหมือนกันว่ารับเงินเกิน

ผมว่า ทุกฝ่ายก็ควรมีสปิริตเท่านั้น ไม่ต้องคิดมากนะครับ เด๋วแก่เร็ว

การเก็บภาษีต้องมีเรื่องจริยธรรมด้วยครับ จะเก็บขอทาน คนยากคนจนผมว่ามันเกินไป พวกเก็บภาษีเป็นที่ปรึกษาให้เลี่ยงภาษีก็เยอะครับ ทำบริษัทเป็นเรื่องเป็นราวเลย

คนที่ควรจะเก็บไม่เก็บ จะมาเก็บกับคนจน ถ้าจะทำก็ทำตัวเองให้สะอาดหมดจดก่อน

มีใบแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเสียภาษี ส่งมาที่บ้าน ทางอําเภอแนะนําว่าให้ทําบัตรผู้เสียภาษีเลยดีที่สุด
ปีหนึ่งผมเสียภาษี ไม่ถึง หมื่น (หลักพัน) ถ้าจําไม่ผิด ร้อย ละ 7 % อะไรนี่ละครับ
 ???

ภาษี ก็เหมือนลงขัน กันพัฒนา สังคม สภาพแวดล้อมที่เราอยู่นั่นเองครับ  มีประโยชน์ทางอ้อมกับผู้เสียภาษีทางหนึ่งก็คือ
ทำให้มีวินัยการใช้เงินมากขึ้น เพราะตั้งแต่ที่ผมต้องเสียภาษี ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลนี่ ทำให้ผมต้องเริ่มทำบัญชี อย่างละเอียดยิ๊บ  จะได้รู้ต้นทุนกำไร อัตราก้าวหน้าอย่างชัวร์ๆ แถม อันไหนที่พอหักลดหย่อนภาษีได้ก็หักลดหย่อนได้ล่วย

"คนที่ควรจะเก็บไม่เก็บ จะมาเก็บกับคนจน ถ้าจะทำก็ทำตัวเองให้สะอาดหมดจดก่อน"

ชอบคำนี้จัง

จะบอกให้ว่า ช่วงนี้สรรพากรจะไม่สนใจอะไรหรอกครับ เอาไว้รออีกสัก 5-10 ปีแกจะมาไล่เก็บค่าปรับย้อนหลังเอง เพราะตอนนั้นมันจะได้เนื้อมากกว่า
 

 :P

ปกติแล้วการเสียภาษีนี่อายุเท่าไหร่ถึงเสียครับ หรือคนที่ทํางานต้องเสียทุกคนไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่

คนมีรายได้ทุกคนต้องเสียภาษีครับ

จริง ๆ แล้วคนจนไม่ได้เสียภาษีนะครับ  เพราะว่าจะเสียภาษีนี่  อย่างน้อยต้องมีรายได้เกือบ ๆ สองแสนต่อปี หรือเดือนละไม่ต่ำกว่า หมื่นห้า  คนมีเงินเดือนหมื่นห้าขึ้นไป  คงไม่นับว่าจนแล้วมั้ง  น่าจะเป็นระดับล่าง ๆ ของชนชั้นกลางมากกว่า  แต่สิ่งที่คนมีรายได้น้อยต้องทำคือการยื่นขอเสียภาษี  แล้วก็เสียภาษี 0 บาทเท่านั้น   สรรพากรไม่ใช่โจรนะครับ  พูดซะเลวร้ายกันจังเลย

ขอบคุณครับ

เมือกี้ผมเสียทาง Internet ล่ะ
ตั้งแต่ ม.ค. ถึง มิ.ย. 50
(30,000 x 6) x 0.005 = 900

ไม่ได้มากมายเลย แต่รู้สึกดีที่ได้ทำตามกฏหมายและคืนกำไรสู่สังคม

ปล. หวังว่าเงินภาษีผม คงไม่นักการเมืองกินหมดนะ

เมื่อไรเราจะได้มาให้หักมั้งนะ  :'(

ถ้ามีรายได้ แต่ไม่ยื่นขอเสียภาษี  เพราะว่าคำนวนแล้วมันไม่ถึงเกณที่จะต้องเสียนี่ ถ้าเอาแบบถูกต้องจริงๆ จะถือว่ามีความผิดฐานไม่ยื่นหรือเปล่าครับ ถ้าผิดแล้วจะมีโทษแบบไหน

เป็นที่น่าชื่นชมนัก  :D

:-[

   เห็นด้วยกับคุณ kazama  ครับ  ที่สนับสนุนในการเสียภาษีให้ถูกต้อง   ผมก็เคยทำงานบัญชีครับ  แต่ออกมาทำธุึรกิจส่วนตัวหลายปีละ   

   เวลาเสียภาษี อย่าไปคิดครับว่า นักการเมืองหรือใครจะโกงกิน  อันนั้นมันเป็นปัญหาคนละประเด็นครับ ก็ต้องไปจัดการเอาต่างหาก จะเลือกใครก็คิดดีๆแค่นั้น   แต่หน้าที่เรา ก็ต้องเสียภาษีครับ  ไ่ม่อย่างนั้น ประเทศชาติจะพัฒนาไปได้อย่างไรครับ   จริงๆแล้ว  ในกฎหมายก็มีการกลั่นกรองมาพอสมควรแล้ว  ผู้มีรายได้น้อยก็มักจะได้รับยกเว้น หรือเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าอยู่แล้ว  หรือไม่ต้องเสียเลย  แต่สิ่งที่เราทุกคนควรจะทำก็คือ พยายามศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเสียภาษีไว้ให้มากครับ  เพื่อจะได้ประหยัดค่าภาษีได้  โดยไม่ต้องมานั่งหลบให้เหนื่อย 

    การเสียภาษี หลักๆ ก็แบ่งเป็น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กับ ภาษีเงินได้นิติบุคคล (บริษัท ,หจก. ,...) 


ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 
- ฐานภาษีเป็นเกณฑ์เงินสด คือคิดจากเงินที่ได้รับแล้ว ถ้ายังไม่ได้เงินก็ไม่คิด
- การคิด คิดจากยอดรายรับ และเป็นอัตราก้าวหน้า คือยิ่งรายได้มาก ยิ่งเสียในอัตราที่สูง
- การหักค่าใช้จ่ายต่างๆ  แบ่งไปตามประเภทของเงินได้ ซึ่งมี 8 ประเภท อย่างที่โพสบนๆ บอกไว้แล้ว
  โดยหลักการแล้ว กฎหมายก็พยายามที่จะกำหนดอัตราที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย อันไหนน่าจะมีต้นทุยเยอะ ก็ยอมให้หักเยอะหน่อย  อันไหนลงแต่แรง ก็หักได้น้อยหรือหักไม่ได้เลย 

  ข้อดีคือ  ง่ายในการคิด  เพราะไม่ต้องแสดงหลักฐานมากนัก ไม่ต้องจัดทำบัญชี  ไม่ต้องมีการตรวจสอบบัญชี
  ข้อเสียคือ  ถ้ามีรายได้มาก จะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง  และบางทีกฎหมายไม่่อัพเดตตามสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้เิกิดช่องว่างของกฎหมาย ทำให้มีข้อโต้เถียงกันขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที กับผู้เสียภาษี 

    อย่างเช่นเมื่อเรามีรายได้ ที่ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า เข้าข่ายเป็นเงินได้ประเภทใด  อย่างเช่น  รายได้จากการทำ Affliate  อย่างที่คิดกันว่า น่าจะเข้าเป็น 40( 8 ) คือเป็นการพาณิชย์อื่นๆ  ซึ่งส่วนมากหักได้ 70-80%   แต่ถ้าจะแปลกันตรงๆ  มันก็คือค่าคอมมิชชั่น หรือค่านายหน้านั่นเอง  40( 2 ) เหมือนกับค่านายหน้าที่พนักงานขายได้รับทั่วๆไป  แต่ปัญหาก็คือถ้าโดนตีเข้าเป็นค่านายหน้า และหักได้แค่ 40% ไม่เกิน 60000  ผมว่าหลายคนหน้ามืด เพราะมันไม่ได้เหมือนพนักงานขายตามบริษัทที่โทรศัพท์เอา หรือไม่ก็ไปหาลูกค้า   แต่ขายของให้คนอื่นในเน็ตและกินค่าคอมมิชชั่น  ต้องลงทุนเยอะ โดยเฉพาะถ้าใช้ PPC  บางคนลงทุน 70%   แต่หักได้แค่ 60000    โหะๆ  แล้วที่เหลือไปเสียภาษีตามอัตราก้าวหน้าอีกเต็มๆ   แต่ในเมื่อมันไม่ได้มีการเขียนไว้ในตัวบทกฎหมาย อำนาจในการพิจารณา มันก็อยู่ที่เจ้าพนักงานละครับ 

   การสอบถามเรื่องที่สำคัญอย่างนี้ ถ้าให้ดีที่สุดก็คือ ทำเป็นลายลักษณ์อักษรถามไป   หรือถ้าสะดวกจะโทรถามเอา  แนะนำให้จดชื่อคนตอบไว้ก็ดีครับ  เจ้าหน้าที่สรรพากร ไม่ใช่จะเป็นผู้รู้เสมอไป  บางทีถามสองคน ตอบไม่เหมือนกันยังมี   ให้ดีก็ให้ถามไปที่ฝ่ายกฎหมาย ของกรมสรรพากรครับ เชื่อถือได้มากหน่อย    แต่ถ้ามีกรณีที่คนอื่ื่นถูกสอบสวนไว้แล้ว ก็สามารถนำมาเทียบเคียงอ้างอิงได้     ปล.ขนาดตอบเป็นหนังสือมาแล้ว ยังมีพลิกได้อีกอะ อย่างที่เห็นในข่าวอิๆ

   
ภาษีเงินได้นิติบุคคล
- ฐานภาษีเป็นเกณฑ์สิทธิ์ คือคิดจากยอดรายได้ที่เกิด (ไม่ว่าจะได้รับเิงินแล้วหรือไม่) อย่างเช่น ขายของได้ ส่งของไปแล้ว แต่เงินยังไม่ได้รับ ก็ต้องนำคิดภาษี แต่การหักต้นทุนก็สามารถนำต้นทุนที่เกี่ยวข้อง (ถึงแม้จะยังไม่ได้จ่ายเงิน) มาหักได้เช่นกัน
- การคิด คิดจากยอดกำไรสุทธิ ก็คือรายรับหักค่าใช้จ่ายตามจริง  (แต่ต้องเก็บหลักฐานต่างๆให้ดีนะ)
    ข้อดี คือ ยุติธรรมทั้งสองฝ่าย เพราะคิดจากรายได้ค่าใ้ช้จ่ายจริงๆ  อัตราที่เสียก็คงที่ (ทั่วไป 30% แต่มีบางกรณีลดได้ อย่างเช่น SME)  ไม่ได้ปรับขึ้นตามยอดรายได้
    ข้อเสีย คือ ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในการจัดทำบัญชี การตรวจสอบบัญชีประจำปี (หลายหมื่นบาท)  เนื่องจากการให้หักค่าใช้จ่ายตามจริง จึงต้องให้มั่นใจในความถูกต้องของข้อมูลที่เราแสดง ไม่อย่างนั้น คงจะโกงกันแหลก  ขนาดมีการตรวจสอบบัญชี มันก็ยังพยายามโกงกัน!


  ถ้ามีรายได้มากๆ แนะนำให้ทำในรูปนิติบุคคลจะดีกว่าครับ  จะประหยัดภาษีได้  และไม่ต้องตีความกฎหมายให้ยุ่งยาก   แต่ถ้ารายได้ไม่มากก็เสียแบบบุคคลธรรมดาไป    อนาคตอาจมีการบัญญัติเพิ่มเข้าไปในกฎหมายก็ได้ เกี่ยวกัีบรายได้จากการทำธุรกรรมในอินเตอร์เน็ต  ซึ่งบางครั้งโครงสร้างต้นทุนมันไม่ได้เหมือนกับการทำธุรกิจทั่วๆไป  ตอนนี้สรรพากรมีอำนาจเต็มที่ครับ ในการพิจารณาเอา "ตามสมควร"  ประโยคเด็ดที่จะมีเขียนทิ้งไว้ให้เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานเสมอๆ


  ส่วนที่ว่า สรรพากรจะตามเราเจอมั้ย ปกติแล้วเค้าก็จะมีเครื่องไม้เครื่องมืออยู่ครับ อาวุธหลักก็คือ ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย ที่เราจะได้รับ ถ้าเป็นลูกจ้าง หรือไปรับจ้างทำงาน รับจ๊อบ ตามบริษัท  แล้วเค้าหักตังเราไว้บางส่วน   อันนั้นก็จะมีข้อมูลในระบบของสรรพากรทันที  เพราะทางบริษัทเค้านำส่งภาษีที่เค้าหักไว้ จะมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของเรา
 
  ตามปกติ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่ค่อยโดนตรวจสอบครับ  เพราะคนส่วนใหญ่ทำงานกินเงินเดือนกันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องตรวจกันมาก  จะเน้นไปทางภาษีนิติบุคคลพวกบริษัทต่างๆมากกว่า เพราะหลบเลี่ยงกันเยอะมาก    แต่บุคคลธรรมดาที่ทำการค้าในที่แจ้ง เปิดร้านต่างๆ  อันนี้มันก็จะมีทีมตรวจสอบคอยมาด้อมๆมองๆ  อย่างนับชามก๋วยเตี๋ยวที่คุณ  kazama บอกนี่ เรื่องจิงคับ  บ้านผมเคยขายก๋วยเตี๋ยว โดนมาแล้ว แต่พอดีร้านเล็กๆ ขายได้มั่งไม่ได้มั่ง เลยไม่ค่อยมีอะไร   ตอนนี้ธุรกรรมบนเน็ต สรรพากรคงกำลังจับตามองแหละครับ แต่การออกกฎหมายต่างๆ ก็ต้องมีการกลั่นกรองกันพอสมควร  กว่าจะสรุปออกมาได้ คงต้องรอกันไปอีกพักใหญ่ๆ  ซี้ซั้วออกมา เด๋วก็ไม่ถูกใจเราๆท่านๆอีก    แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าสรรพากรเค้าจะงานหนักหรอกครับ  เวลาเค้าเรียกตรวจที บุคคลธรรมดาอย่างเรา เค้าก็เชิญไปพบแค่นั้นหละครับ  เราอะต้องเสียเวลาไปมากกว่า     ตรวจสอบบริษัทโน่นอะคับงานหนัก ต้องไปเยี่ยมที่ทำการจริงๆหลายรอบ บางทีต้องตามไปนับของตามคลังสินค้าอีก  แล้วก็หมกเม็ดกันเป็นอาชีพอยู่แล้วอิๆ


   อีกเรื่องที่สำคัญคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax : VAT)  ถ้าเป็นรายได้ตาม ( 8 )  หลายตัวอยู่ในข่ายที่ต้องเข้าระบบ VAT  โดยหลักการคือถ้ารายได้ในปีไหนรวมถึง 1.8 ล้านเมื่อไหร่   ต้องแจ้งเข้าระบบ VAT ทันที หรืออย่างช้า 30 วัน นับตั้งแต่วันที่รายได้รวมในปีนั้นเกิน 1.8 ล้าน    อันนี้น่ากลัวครับ  เพราะเมื่อเข้า VAT ก็ต้องนำส่ง VAT 7% ของรายได้ทุกเืดือน  ส่งช้าก็โดนปรับ  ร้านของชำบางร้าน เจ๊งไปเลยก็มีครับ เพราะรายได้เกินแล้วไม่แจ้งเข้า VAT เจอตรวจทีหลังก็ประเมิน VAT ย้อนหลัง นับตั้งแต่วันที่ถึงเกณฑ์ต้องเข้า   อ๊วกครับ เพราะมีเบี้ยปรับมหาโหดด้วย
ส่วนไอ้ที่พวกเราทำๆกัน อันไหนมันเกี่ยวกับ VAT มั่งอันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ถ้ารู้แล้วจะมาบอกครับ

แค่นี้ก่อนละกันอิๆ  ข้อมูลอันไหนคลาดเคลื่อน ใครทราบก็แก้ให้ด้วยนะัคับเหะๆ  ไม่ได้ตามมานานแล้วอะเรื่องภาษี
 

ถ้ารายได้คุณไม่ถึง 3 หมื่นต่อเดือน ให้ถือว่าเป็นบุคคลไม่ต้องเสียภาษี คราบบบบบบบบบบบบบ

รายได้จากการขึ้นเช็คของเราครั้งหนึ่งถ้าเกิน 5,000,000 ขึ้นไป ธนาคารจะต้องรายงานธนาคารแห่งประเทศไทย ถ้าไม่ถึงก็ไม่ต้องครับ และก็ไม่รู้ด้วยว่าเรามีรายได้จากต่างประเทศ และมีคนเลี่ยงภาษีกันแยะ สอบถามที่สรรพกรแล้ว ทางกรมฯกำลังหามาตรการกับพวกที่ทำธุรกิจ adsense และ aff อยู่ เพื่อจะได้จัดระเบียบครับ เนื่องจากเช็คไม่ได้จริงๆเช็คยากมาก แต่ในความเป็นจริงเราเป็นคนไทย มีหน้าที่เสียภาษีครับ เอารายได้รายเดือน คูณด้วย 12 ได้เท่าไหร่ ลบด้วย 40 เปอร์เซ็น หักค่าลดหย่อนอื่นๆ ถ้าเหลือไม่ถึง 30000 ก็ไม่ต้องเสีย 555555555555555 เสียไปเถอะไม่กี่บาทหรอก ถ้ามันตามเจอละก็ คูณ 10 ทุกปี ทวีคูณนะครับ

ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เพียบเลย

จะได้ไปทำเรื่องยื่นเสียภาษีกับเค้ามั่งครับ

สนใจแบบนี้ครับ ว่าแต่ ทำเปิดว่าบริษัทเกี่ยวกับไรครับ

อิอิ  ขอแถม อวาตาร์สวยมากครับ

Confirm ครับว่าถ้าเอาเช็คเงินสกุลต่างประเทศไปขึ้นแล้ว ใบละเกิน 5 ล้านบาท ทางธนาคารที่รับขึ้นก็จะต้องแจ้งไปทาง ธปท ครับ (เมื่อก่อนนานมากแล้วมัน 3 ล้านครับ แต่ผมเองก็ไม่สนใจจนมันขึ้นเป็น 5 ล้านตั้งแต่เมหื่อไหร่ก็ไม่รู้) ทั้งหมดนี้เพื่อป้องกันการฟอกเงินครับ

เอาเป็นว่า ตามคำนี้ไว้แล้วกันครับ เช็คเงินสกุลต่างประเทศ ที่ ใบละเกิน 5 ล้านบาท ก็จะถูกแจ้งไปทาง ธปท ครับ

_

ถ้าได้เดือนละหลายล้าน ก็อยากเสียภาษีเหมือนกันนะ แต่คนรวย ๆ เขาเลี่ยงภาษีกันทั้งนั้นล่ะ ให้ไปไม่รู้เข้ากระเป๋าคนบางคนหรือ ช่วยคนหลายคนกันแน่

ไม่เสียครับ  ;D

ขุดมาลึกมากเลย   :(  >:(

ขออนุญาต ขุดกระทู้นะครับ

สมมุดถ้าผมมีรายได้ aff  เดือนละ 3หมื่น ต้องเสียภาษีแบบไหนครับ


ภงด90 หรือ 94  หรือต้องเสีย 2 แบบเลย แนะนำด้วยครับ

ขุดอีกได้ไหมครับ
เป็นยังไงกันแล้วบ้าง?

3-4 เดือนรับที เจ้าหน้าที่บอก ไม่ต้องแจ้งก็ได้ ผมไปถามมาแล้ว

เราก็ 3-4 เดือนรับทีค่ะ แรกๆ นะ แต่มา หลังๆ รับทุกเดือน ขยันขึ้นค่ะ  :wanwan003:

สมัยนี้เช็คจาก ยอดเงินเข้าในบัญชี หรือจำนวน transaction เงินเข้า ถ้าไม่เยอะเกินไปก็ไม่เป็นไรครับ
ถ้าเยอะก็เปลี่ยนบัญชี เวลารับเงินจาก adsense

แต่ภาษีไม่น่ากังวลเท่ายอดคลิกนะ ถ้ามีรายได้ adsense จนถึงเสียภาษีน่าจะดีใจมากกว่า

 :P

ตามค่ะ

เราสามารถเปลี่ยนบัญชี เป็นชื่อคนอื่นได้ไหม ถ้าก่อนหน้านี้รับชื่อเรา

อยากเสียใจจะขาด แต่รายได้ไม่ถึง