ThaiSEOBoard.com

ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปเองหรือเปล่า ผมกะว่าจะไปเดินถนนคนเดิน แล้วติดต่อพวกพ่อค้าแม่ขาย ว่าจะเป็นเอเย่นขายของให้เค้า

ละทีนี้ผมกำลังคิดว่า จะบวกกำไรไปกี่เปอร์เซ็นดี บวกมากไป ก็กลัวจะขายไม่ออก น้อยไปก็กลัวเข้าเนื้อ

อีกอย่าง กลัวจะมีคนมาบอกว่า "เย้ยย อันนี้เห็นขายที่ถนนคนเดิน ไม่กี่บาทเองนิ๊" อะไรทำนองนี้

หรือว่าผมคิดมากไปเองครับ

ไม่ทราบว่ามีใครเคยมีประสบการณ์รับของมาขายต่อไหมครับ

คือต้องเข้าใจนะครับว่าของถนนคนเดิน มันชิ้นละไม่กี่สิบบาท คงจะบวกค่ากำไรอะไรได้ไม่มาก

ใครพอจะมีแนวคิดอะไรดีๆ แนะนำบ้างครับ ไหนๆ ก็จดชื่อโดเมนเป็นสถานที่หลักของเชียงใหม่ละ

เลยคิดว่าถ้าทำแบบนี้ด้วยน่าจะดี

 :wanwan017:

+1 ทุก คห. ครับ

อยากทราบด้วยคน เคยคิดเหมือนกันแบบนี้แป๊ะๆๆ

แต่ผมว่าถ้าไม่ใช่คนเชียงใหม่ แล้วสินค้าเป็นนิสมากๆๆแบบไม่ค่อยที่จังหวัดอื่น ผมว่าน่าจะขายได้

กำคิดทำแบบนี้เหมือนกันครับ แหะๆๆๆ

มาๆ มาขายด้วยกันดีกว่าครับท่าน  :wanwan011:

ของจำพวกไหนหรอครับ

 :wanwan011: :wanwan011:

ถ้าขายผ่านเว็บ +เปอร์เซ็นเข้าไปเลยค่ะ อย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์
คิดดูนะ ถนนคนเดินต้องไปซื้อเองซื้อผ่านเว็บนั่งกระดิกเมาส์อยู่ที่บ้านก็ได้ของแล้ว เปอร์เซ็นต์ที่บวกเพิ่มถือว่าเป็นเรื่องธรรมดานะค่าอำนวยความสะดวกไง

จากประสบการณ์ที่ผมขายนะครับ

ของ 100 นึงตามข้างถนน ผมเอามาขายบนเว็บ 200 ได้สบายๆ

บางครั้งต้นทุน 100 กว่าบาท ผมขาย 300 ก็ออก แต่มันต้องดูดีมีราคาจริงๆนะครับ

แต่บางตัวรับมา 100 ขาย 150 ก็ยังลำบาก อันนี้ต้องแล้วแต่ประสบการณ์ในการเลือกครับ

ถ้าถามว่าทำไมถึงขายออก ลูกค้าผมส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด ซึ่งไม่มีของที่ผมขายให้เลือกมากนัก

เค้าจึงยอมจ่าย แม้ว่ามันจะแพง



ถ้าของชิ้นใดที่ผมขายในเน็ต แล้วได้กำไรต่ำกว่า 30% ผมไม่ขายครับ เพราะจริงๆ แล้วไม่ได้มีต้นทุนแค่นั้น

ถ้าของมีปัญหาจะทำยังไง ถ้าลูกค้าคืนของ เปลี่ยนของ เราก็ต้องเสียต้นทุนตรงนั้นเหมือนกัน ผมขายแพง แต่บริการลูกค้าเต็มที่ครับ

มีตำหนิผมก็รับเปลี่ยน ลูกค้าไม่พอใจผมก็รับเปลี่ยน

อย่าไปแคร์อะไรมากครับ ผมมองว่าการที่เราจะซื้อขายกันนั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของ 2 ฝ่ายมากกว่า

จริงอยู่ที่บางคนเขาอาจจะรู้แหล่งและเขาก็จะเลือกไม่ซื้อกับเราก็ไม่เป็นไร แต่คนที่ไม่รู้แหล่งเขาเห็นสินค้าของท่านและเขามีความสนใจในสินค้ามันก็ Ok ครับ Win Win ทั้ง 2 ฝ่าย

ผมก็เคยโดนครับ แต่เราก็อย่าไปไหวหวั่นสนใจอะไรมาก :-[ :-[

เคยจับของแถวตลาดปัฐวิกรณ์ มาขาย เมื่อ 4-5 ปีก่อน ผมจับพวก PDA ปาร์ลม Pocket PC และ Notebook ที่เป็นของแปลกๆ และลูกเล่นแปลก บางชิ้น 1 วันปล่อยได้ แต่ก็ปล่อยได้หมดครับ มีขาดทุนบ้างได้กำไรบ้าง แต่ส่วนมากได้กำไรครับ แต่ข้อดีของการซื้อของตามตลาดนัดผมว่าดีตรงที่เราต่อรองราคาได้ คุยง่ายบางครั้งพูดโดนใจเขาๆลดให้เยอะเลยแหละครับ อาจจะตั้งขาย 5000 ขอลด 2500 ได้ส่วนลด 50% แล้วผมซื้อ โพสขึ้น thai2hand ราคาเดิม 5000 บาท ปล่อยได้วันเดียวครับ และพออยู่บน thai2hand เป็นเดือนๆจนคนคุ้นเคยชื่อเราแล้ว เขาจะโทรมาให้เราหาสินค้าให้เองครับ แต่ตอนนี้สินค้าประเภทนี้เริ่มขายยากแล้วครับเพราะมีของจีนราคาถูกๆมาเป้นตัวเปรียบเทียบ  ผมวางมือมานานแล้วแต่จะว่าไปแล้วผมเกิดจากสินค้า ไอทีครับ แต่ตอนนี้คิดเหมือนท่านเลยอยากทำอีก เมื่อวานเดินไปตลาดปัฐฯเห็นสินค้าแปลกเยอะแยะ (ของเก่าอ่ะครับ) บางชิ้นน่าจะสมัยรัชกาลที่ 5 มั็๊๊งครับ เครื่องชั่งโบราณ แจกัน ตะเกียง อยากเอามาทำราคาออนไลน์ แต่พอถามราคาแล้ว 6000 ขึ้น บางชิ้นเป็นหมื่น เลยถอนใจครับ ความเห็นผมนะครับ ถ้าสินค้าโดนใจลูกค้าราคาสูงกว่าตลาดนัดนิดหนึ่งก็ขายได้ครับ แต่ผมว่าหากขายสินค้าราคาถูกๆ เช่นหลักสิบ ขายออนไลน์ไม่ค่อยคุ้มครับเพราะทั้งค่าขนส่งอีกอย่างลูกคัาที่สั่งบางทีก็สั่งชิ้นเดียวเอง แต่ก็อยู่ที่ดุลยพินิจครับ  มีสินค้าอีกมากมายที่โลกออนไลน์ไม่รู้จักอะไรที่คนอื่นเขาไม่ขาย เราก็มีโอกาสขายได้ครับ และอีกเช่นกันก็มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะขายไม่ได้เลยครับ อิอิอิ แค่ออกความเห็นเฉยๆครับ

โอ้ว สุดยอดทุกท่านจริงๆ ครับ +1 แล้วนะคร้าฟ  :wanwan019:

ดีครับ ผมคงไม่ต้องขึ้นเครื่องเพื่อไปซื้อของที่ชอบเพียง 1-2 ชิ้นหรอกครับ
ของออนไลน์ถึงขายได้ เพราะมันง่าย สะดวก ไม่ต้องเดินทาง
ทำเลยครับ :wanwan003:

กะว่าจะทำแบบดีๆ เหมือนกันครับ ทำสตูดิโอถ่ายเล็กๆ เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย เอิ๊กๆ

ทำไปเลยครับถ้าไม่ได้คิดจะขายแค่เชียงใหม่ที่เดียว บางคนอยู่เชียงใหม่ยังไม่อยากจะไปเลยเพราะคนเยอะมาก เดินลำบาก ที่จอดรถหายาก ฯลฯ
ของถูกขายแพงได้เพราะบริการกับวิธีนำเสนอครับ จัดแสงถ่ายรูปดีๆของ 10 บาทก็กลายเป็น 100 บาทได้ในชั่วอึดใจครับ  :wanwan004:

เห็นด้วยครับบบบ  :wanwan019:

ทำไปเลยครับ ท่านตั้งใจเป็นเอเย่นไม่ได้สต๊อกของ ขายได้ก็ดีขายไม่ได้ก็ได้เรียนรู้ตลาดมีแต่ได้อย่างมากแค่เสียแรงครับ

ลองดูอันนี้เผื่อเป็นกำลังใจครับ http://www.candywarehouse.com/

ที่นี่ขายลูกกวาด ลูกอม จากทั่วโลก และส่งขายทั่วโลก เหมือนกัน ผมเห็นโกดังเขา ใหญ่กว่า Tesco Lotus เสียอีก (ดูจากสารคดี)

ไม่ต้องสนใจเรื่องราคาครับ มันมีอยู่แล้ว พวกชอบติ แต่ให้นึกถึงลูกค้า ที่อยากได้ อยากซื้อ แต่ไม่มีโอกาสสิครับ เช่น การเดินทาง ค่ารถ ค่าเสียเวลา

คนกลุ่มนี้ ไม่สนเรื่องราคา ขอให้ได้ของเป็นพอใจ แพงกว่านิดหน่อย ช่างมัน ไม่ต้องเสียเวลา อย่างผมเป็นต้น

คนมันจะติ ขนาดแจกให้ฟรี มันยังติให้เสียอารมณ์เลยก็มี  :wanwan010:

สู้ๆ ครับ :wanwan019:

ทำก่อนเลยครับ มันมีช่องอยู่เสมอให้เราทำเงิน

ถ้ามีคนบอกว่า ของเราแพงกว่าซื้อที่ถนนคนเดิน บอกเค้าไปเลยครับว่า "พี่ก็นั่งรถมาซื้อที่เชียงใหม่สิครับ" 555+ :wanwan007:

บ้านผมขายของ ไม่ว่าอะไร *2เท่าหมด บางชิ้นมากกว่าด้วย ไม่ได้ล้อเล่น :wanwan017:

อย่าคิดมากค่ะ
สินค้าคุณหามาขาย ถ้าลูกค้าบ่นว่าเจอตามทางเดิน
ก็แนะนำลูกค้าว่าคุณให้บริการส่งถึงที่(ไปษณีย์ และคัดเกรดสินค้าสวย ดีกว่า)

หากลูกค้าสะดวกซื้อตามทางเดินก็เป็นทางเลือกของเค้าไปนะค่ะ

เพราะแหล่งที่คุณรับมาที่เชียงใหม่
คุณจะได้ลูกค้าทั่วไทยที่ไม่สามารถไปซื้อที่เชียงใหม่ได้นะค่ะ

ไม่ต้องเครียดกับคำวิจารณ์ของลูกค้าในพื้นที่นะค่ะ

ตามความคิดผม ขายของเราก็ต้องการกำไร แต่จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของเราเองด้วย แบบที่เมืองท่องเที่ยว ขายให้คนไทยราคาหนึ่ง ขายให้ฝรั่งอีกราคา เพราะเขามองถึงปัจจัยคนซื้อด้วยว่าเป็นอย่างไร อาทิเช่น ผมซื้อของมา 100 บาท ถ้าผมขายให้บ้านใกล้กันผมอาจจะบวกค่าน้ำมันค่าเสียเวลา อาจจะขายเป็น 130-150 บาท ซึ่งถ้าเขาออกไปซื้อเองก็อาจจะเสียค่าใช้จ่ายเยอะกว่านั้น แต่ถ้าขายให้คนต่างพื้นที่ ผมก็อาจจะขาย/ในราคา 180 - 200 บาท ก็แล้วแต่ความเหมาะสมของสินค้านั้นๆด้วยนะครับผมว่าท้องตลาดต้องการสินค้านี้มากน้อยแค่ไหน และปัจจัยอื่นๆ  และไม่ต้องไปกังวลกับคำพูดหรอกครับ ผมเห็น 7/11 คนก็บอกว่าราคาสินค้าไม่ได้ถูกกว่าท้องตลาดบางครั้งแพงกว่าด้วย แต่ก็ยังมีคนเข้าไปซื้อมากมาย ผิดพลาดขออภัย


 

ของแบบนี้ต้องลองครับ ขายของทางเน็ต ที่ยากคือทำอย่างไรให้มีทราฟฟิค อย่าลืมคิดตรงจุดนี้นะครับ

ถ้าสินค้ามีเฉพาะพื้นที่ น่าจะเป็นจุดแข็ง เพราะคนต่างพื้นที่หาซื้อไม่ได้ ถ้าไม่มาซื้องเองก็ต้องซื้อผ่านเน็ต

ค่ารถคงแพงกว่าสิครับ :wanwan019:

ขอบคุณและ +1 ให้ทุกท่านครับ

ปล. บางท่านก็ + ให้ไม่ได้ เพราะว่าผมเพิ่ง + ท่านไปยังไม่ถึง 72 ชั่วโมงครับ :>

 :wanwan011:

เน้นงานฝีมือ ของทำมือ คุณเขียนอ่านภาษาอังกฤษได้ น่าจะมีช่องทางครับ  :wanwan003: :wanwan003:

อย่าคิดมากค่ะ ทำไปเลย เดี๋ยวนี้เค้าก็เป็นแบบนี้ัทั้งนั้น เดินไปในซอนละลายทรัพย์ เจอขนมประจำจังหวัดอยุธยา(บวกราคาไม่น่าเกลียด 30 บาท) ทำให้เราได้กินของอร่อยไม่ต้องถ่อไปถึงอยุธยา ผู้ขายเองก็ได้ตรงส่วนต่างไป ถือเป็นการช่วยกันค่ะ :-[

ลองทำดูค่ะ

นี้เลยครับท่าน  โดนๆ  :wanwan017:

 :wanwan003: คนซื้ออนไลน์ส่วนใหญ่เขาก็หาซื้อทางออนไลน์คะ ไม่ค่อยออกไปเดินหาหรอกคะ

ผมขออนุญาติแบ่งปันความคิดเห็นครับ

ของชนิดเดียวกัน แต่ถ้ามันอยู่ต่างที่ ต่างเวลากัน คุณค่าในตัวมันเองก็แตกต่างกันครับ

1. พลาสติกคลุมรถ ถ้าเอามาขายตอนนี้คงไม่มีคนสนใจซื้อครับ แต่ถ้าย้อนหลังไปเมื่อปีที่แล้วตอนน้ำท่วม
ใบละ 2-3 พันบาทยังมีคนซื้อเลยครับ เมื่อเทียบกับราคาพลาสติกกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับรถ

(http://www.9tarad.com/uppic/files/82c0b632e0161730.jpg)

2. ตะไคร่น้ำ ถ้ามันติดอยู่ตรงพื้น มันไม่มีประโยชน์แถมยังมีโทษด้วยครับ ทำให้เราลื่นหัวแตกเอาง่ายๆ แต่ถ้าตะไคร่น้ำไปเกิดขึ้นบนหินในป่า มันจะก่อให้เกิดความงดงามงามแบบศิลปะ (ขออนุญาติแชร์บทความจากพี่หนุ่มเมืองจันครับ)

(http://image.ohozaa.com/i/9eb/GQrkkH.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wqmTVpQlB9PUbwcf)

ธรรมชาติของลูกค้า ณ ตอนนี้ คือ ต้องการความสะดวกสบาย + คุณภาพสินค้า + ราคา
ธุรกิจ e-commerce ถึงได้เติบโตได้ไวขนาดนี้ครับ (เมืองไทยอาจจะโตไม่มาก เพราะยังขาดความเชื่อมั่นครับ)

ลูกค้าไม่ได้ต้องการสินค้าที่ถูกที่สุดครับ แต่ลูกค้าต้องการสินค้าที่คุ้มค่าที่สุดครับ

สงสัยเหมือนเจ้าของกระทู้เด๊ะ ๆ คำตอบดี ๆ มากมาย ขอบคุณด้วยคนค่า  :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:

เอาทฤษฎีนี้ไปใช้ได้ ผมแอบเห็นร้านขายคอมที่พันทิพย์

เค้าจะตั้งราคาประมาณนี้ครับ

4 ระยะ

1 ต้นทุน
2 กำไรขั้นต่ำ
3 กำไรขั้นกลาง
4 กำไรขั้นสูง

เช่น

1 1000 ต้นทุน
2 1100 กำไรขั้นต่ำ
3 1200 กำไรขั้นกลาง
4 1400 กำไรขั้นสูง

ก็ลดจากสูงมากลาง และต่ำ ถ้าเกินนี้ก็อย่าขาย

ผมอยากจะกด + ให้ท่านสักร้อยครั้ง

(http://www.thaiseoboard.com/Smileys/default/cry.gif)

แนวความคิดโดนใจ ผมเลยครับ เอาของถนนดังๆ มาขายบนเวป ยังไงก็ขายได้แน่นอนครับ อย่ากลัวที่จะขายครับ จงกล้าที่จะทำครับ ปากนกปากกามีทุกแห่งทุกหนครับ อย่าใส่ใจครับ +1 ให้แนวความคิดนี้ครับ  ยังไงก็รวยแน่ๆครับ