ThaiSEOBoard.com

อื่นๆ => Cafe => ข้อความที่เริ่มโดย: darkknightza ที่ 26 กันยายน 2010, 21:19:05



หัวข้อ: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กันยายน 2010, 21:19:05
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีเพียงไม่กี่หน้า แต่เป็นหนังสือที่มีสาระเน้นๆเท่านั้น อยากจะแนะนำ เราไม่จำเป็นต้องซื้อเล่มอื่นเลย เป็นหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ชื่อเรื่องว่า



วิธีสร้างบุญบารมี
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ ๑๙




คนส่วนใหญ่รู้แค่ว่าการทำบุญคือการให้ทาน แต่แท้จริงแล้วการทำบุญโดยย่อมี 3 อย่าง
1.ให้ทาน
2.รักษาศีล
3.เจริญภาวนา
เรื่องให้ทานไม่ต้องพูดถึง ใครๆก็รู้ แต่ที่ส่วนมากไม่รู้คือเรื่องจำนวนเงินนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ความตั้งใจ
ถ้าตั้งใจจะได้อานิสงค์เต็มที่
วันนี้จะพูดเรื่องการรักษาศีล
ถ้าเราให้ทานแต่ถ้าไม่รักษาศีลมันก็เหมือนกันเราทำบาปอีกอย่างหนึ่ง ทำให้เราศีลเราขาด เข้าเรื่องดีกว่า
1.งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ด้วยตนเอง และใช้คนอื่นให้ฆ่า หมายความถึงการขายสัตว์เพื่อนำไปฆ่าด้วย
2.งดเว้นจากการลักทรัพย์ ด้วยตนเอง และใช้คนอื่นให้ลัก ถ้าเป็นพระอาบัติถึงปาราชิกเลย
3.งดเว้นจากการประพฤติละเมิดในทางประเวณี
4.งดเว้นจากการพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
5.เว้นจากการดื่มน้ำเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ถ้าเรารักษาศีลไม่ให้ขาดก็เหมือนกับการที่เราทำบุญนั่นแหละ


ธรรม 4 อย่างนี้ ย่อมเนื่องกัน แต่ละอย่างๆ มีหน้าที่เฉพาะของตน
1.คือความพอใจ ในฐานะเป็นสิ่งที่ ตนถือว่า ดีที่สุด ที่มนุษย์เรา ควรจะได้ ข้อนี้ เป็นกำลังใจ อันแรก ที่ทำให้เกิด คุณธรรม ข้อต่อไป ทุกข้อ
2.คือความพากเพียร หมายถึง การการะทำที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จนประสบ ความสำเร็จ คำนี้ มีความหมายของ ความกล้าหาญ เจืออยู่ด้วย ส่วนหนึ่ง
3.หมายถึงความไม่ทอดทิ้ง สิ่งนั้น ไปจากความรู้สึก ของตัว ทำสิ่งซึ่งเป็น วัตถุประสงค์ นั้นให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า สมาธิ อยู่ด้วยอย่างเต็มที่
4.หมายถึงความสอดส่องใน เหตุและผล แห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า ปัญญา ไว้อย่างเต็มที่


สติ หมายถึง ความระลึกได้ ก่อนจะทำ พูด หรือคิด คืออาการของจิตที่นึกขึ้นได้ว่าจะทำ จะพูดอย่างไรจึงจะถูกต้อง มีหน้าที่กระตุ้นเตือนคนเราให้ทำ พูด หรือคิดในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่หลงลืมตัว โดยใช้ดุลพินิจพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจึงปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมต่างๆ ออกมา

กล่าวคือความไม่ประมาทปล่อยจิตนึกคิดไปตามอารมณ์ที่ปรารถนา

“สติ” เป็นธรรมควบคุมเหนี่ยวรั้งจิตใจให้คิดดี ทำดี หรือพูดดี เพราะธรรมชาติของจิตมีการนึกคิดตลอดเวลา ซึ่งถ้าขาดสติกำกับ เป็นความคิดที่ฟุ้งซ่านไปตามอารมณ์ต่างๆ อย่างไร้ทิศทาง แต่ถ้ามีสติกำกับแล้วจะทำให้ไม่ประมาทหรือพลั้งเผลอคิดชั่ว พูดชั่ว หรือทำชั่ว เพราะสติจะทำหน้าที่คอยควบคุม รักษาสภาพจิตใจให้อยู่ในภาวะที่ต้องการ โดยการตรวจตราความคิดเลือกรับแต่สิ่งที่ดีงาม กีดกันสิ่งที่ไม่ดีซึ่งตรงกันข้าม ตรึงกระแสความคิดให้เข้าที่ ทำให้จิตเป็นสมาธิได้ง่าย

ในการเรียนหนังสือ ถ้านักเรียนควบคุมจิตใจให้มีสติมั่นคง สนใจในวิชาที่เรียน ขยันทบทวนสิ่งที่ได้เรียนมาแล้ว ไม่ปล่อยจิตฟุ้งซ่านคิดถึงเรื่องอื่นๆ สำรวมจิตให้จรดนิ่งสงบตั้งมั่นในอารมณ์เดียวไปตามลำดับ ไม่วอกแวก จะช่วยจำบทเรียนได้ดีกว่าคนที่ฟุ้งซ่าน

นักเรียนที่มีผลการเรียนดีจึงมีพื้นฐานมาจากการฝึกสตินี้เอง

ในหน้าที่การงาน คนที่มีสติสามารถทำงานได้ผลดียิ่ง มีความผิดพลาดน้อย หรืออาจจะไม่มีข้อผิดพลาด หากขาดสติงานต้องผิดพลาดอยู่ร่ำไป ทำให้งานล่าช้า เสร็จไม่ทันตามกำหนด ไม่สามารถพัฒนาก้าวหน้าได้

ในการทำความดี ผู้มีสติสามารถดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท เว้นจากการทำความชั่วทุกอย่าง กระทำแต่ความดี และทำจิตให้ผ่องแผ้วจากกิเลสทั้งปวง สติเป็นหลักธรรมที่มีอุปการะมาก พัฒนาจิตพิจารณารู้เท่าทันสภาพที่แท้จริง ทำให้การดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข เมื่อเจริญสติให้มากยิ่งขึ้นสามารถบรรลุมรรค ผล และนิพพานได้ในที่สุด

ความรู้ตัวในขณะที่กำลังทำ กำลังพูด หรือกำลังคิดอยู่ เป็นอาการของจิตที่รู้จักแยกแยะสิ่งที่ตนกำลังทำ พูด คิดอยู่นั้นว่าเป็นประโยชน์ หรือไม่เป็นประโยชน์ เหมาะกับตนหรือไม่ เป็นความสุขหรือทุกข์ และเป็นความดีหรือชั่วหรือไม่อย่างไร ความรู้ชัด ความรู้ตัว เป็นลักษณะแห่งความรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลานี้ เรียกว่า  “สัมปชัญญะ”

“สัมปชัญญะ” เป็นธรรมที่ปฏิบัติคู่กับสติ แยกกันไม่ออก กล่าวคือสติเป็นเครื่องระลึกควบคุมยับยั้งจิตมิให้คิด พูด หรือทำชั่ว ส่วนสัมปชัญญะจะทำหน้าที่กำหนดรู้ในเวลาคิด พูด หรือทำอยู่ ดังนั้น จึงเรียกว่า สติสัมปชัญญะ

สติ ระลึกได้ทั้งในเรื่องอดีต อนาคต และปัจจุบัน ต้องใช้ในเวลาก่อนคิด พูด และทำ...สัมปชัญญะ รู้ตัวในปัจจุบัน ต้องใช้ในขณะที่กำลังคิด พูด และทำอยู่

สติและสัมปชัญญะนี้จัดเป็นกุศลธรรมที่คู่กันเสมอ จะแยกจากกันมิได้ เมื่อมีสติต้องมีสัมปชัญญะ สติเปรียบเหมือนดวงไฟ ส่วนสัมปชัญญะเปรียบเหมือนแสงสว่างของดวงไฟ

การทำหน้าที่ คนเราจำต้องมีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะ คือควรเจริญให้เกิดมีขึ้นในตนตลอดเวลา ทั้งในขณะจะทำ พูด หรือคิด เพราะสติสัมปชัญญะจะคอยคุมรักษาจิตให้ตั้งมั่นแน่วแน่ในทางที่ดีมีประโยชน์ ไม่ให้ความชั่วร้ายเข้าครอบงำจิตได้ ดังนั้น สติสัมปชัญญะจึงเป็นคุณธรรมที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง

“สติสัมปชัญญะ” มีอุปการะมากแก่คนเรา โดยเป็นธรรมควบคุมเส้นทางดำเนินชีวิตไม่ให้พลั้งเผลอทำในสิ่งที่ไม่สมควร ท่านเปรียบเหมือนหางเสือ ที่คอยกำหนดทิศทางไม่ให้เรือแล่นไปเกยตื้น เป็นเครื่องปลุกเร้าให้บุคคลมีเหตุผล รู้จักไตร่ตรองด้วยปัญญา และสนับสนุนธรรมคือการรู้จักคิดอย่างมีเหตุผล

พฤติกรรมของผู้มีสติสัมปชัญญะจะแสดงออกมาในลักษณะที่พิจารณาด้วยปัญญาแล้ว บริโภคอาหาร รู้จักประมาณ รู้จักคุณโทษของอาหารที่จะบริโภค ไม่เผลอสติในการทำงาน มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการทำกิจ เป็นต้น

ผู้มีสติสัมปชัญญะย่อมมีความสำนึกรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ว่าตัวเองเป็นใคร มีหน้าที่อย่างไร เมื่อปฏิบัติหน้าที่อยู่ รู้ตัวอยู่เสมอว่าตัวเองกำลังทำอะไร ดีหรือชั่ว เป็นคุณหรือโทษ เท่ากับว่าควบคุมตัวเองไว้ได้ตลอดเวลา

ด้วยความสำคัญดังกล่าวมานี้ ท่านจึงจัดสติสัมปชัญญะว่าเป็นธรรมมีอุปการะมาก คือเป็นคุณธรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนเรา และเป็นธรรมมีอุปการะให้กุศลธรรมอื่นๆ เกิดขึ้นดำรงมั่นคงอยู่ในจิตได้


ตามหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ธรรมอันทำงาม นั้นมีอยู่ 2 ประการ ดังนี้

         ประการแรก คือ ขันติ ความอดทน หมายถึง ความอดทนอดกลั้นไว้ได้ในเมื่อใจถูกกระทบด้วยอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ก็ไม่แสดงอาการวิตกทุกข์ร้อน หรือโมโหฉุนเฉียว ไม่มีการทำหรือคำพูดตอบโต้ เรื่องที่ต้องใช้ความอดทนนั้น มีอยู่ 4 ชนิด คือ อดทนต่อความลำบากตรากตรำ ไม่แสดงอาการย่อท้อ สิ้นหวัง ต่ออุปสรรคของชีวิต ทนต่อทุกเวทนา ไม่แสดงอาการทุรนทุรายจนเกินควรเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ทนต่อความเจ็บใจ ไม่แสดงอาการโกรธเมื่อไม่พอใจที่ถูกคนอื่นทำ หรือพูดกระทบกระแทกแดกดัน ทนต่ออำนาจกิเลส  ไม่แสดงอาการอยากมีอยากได้จนออกนอกหน้า แม้ได้มาก็ไม่ยินดีเกินเหตุ

         ประการที่ 2 คือ โสรัสจะ ความเสงี่ยม หมาย ถึง การรู้จักปรับสภาพจิตใจให้เยือกเย็นเหมืนเป็นปกติในเมื่อมีเรื่องต้องอดทน แม้จะถูกผู้อื่นทำหรือพูดกระทบกระทั่งจนเกิดเจ็บใจแต่ก็ทนได้ ไม่แสดงอาการใดๆ ให้ปรากฎ เป็นเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ธรรมข้อนี้ มีหน้าทีข่มใจให้สงบนิ่ง ไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาภายนอก

         ธรรมทั้ง 2 ประการนี้ เรียกว่า โสภณธรรม  ธรรมอันทำให้งาม  เครืองประดับกายจำพวกเพชรนิลจินดา เป็นแค่เครื่องส่งเสริมความงามภายนอก แต่ขันติและโสรัสจะนี้ เป็นเครืองประดับภายในจิตใจ ทำให้เป็นคนมีสง่าราศรี น่ายกย่องนับถือ

         แค่หัวข้อธรรม 2 ข้อนี้คุณก็เป็นคนงามแล้ว ซึ่งไม่มีใครสามารถมาแย่งชิงเอาได้ ถ้าใครอยากได้ต้องทำให้เกิดขึ้นในใจเอง



"ธรรมคุ้มครองโลก" หมายถึง ธรรมที่ช่วยคุ้มครองทั้งมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ให้อยู่ด้วยกันอย่างปกติสุข โลกร่มเย็น ไม่เดือดร้อนวุ่นวาย เพราะมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายไม่เบียดเบียนกัน มีเมตตากรุณาต่อกัน ต่างไว้วางใจกันและกัน ในเรื่องต่างๆ เช่นชีวิต ทรัพย์สิน และของรักของหวง

เป็นคุณธรรมที่สนับสนุนหลักมนุษยธรรมให้เป็นไปด้วยดี โดยชักนำจิตใจของบุคคลให้เกิดความละอายต่อความชั่วและความเกรงกลัวต่อความประพฤติชั่วและผลของความชั่วที่จะติดตามมาทั้งยังป้องกันไม่ให้กระทำความชั่ว ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

เป็นหลักธรรมสนับสนุนให้บุคคลมีสามัญสำนึกในการละเว้นความชั่วทุจริต เป็นการเบียดเบียนตนและผู้อื่นให้เดือดร้อนภายหลัง

ธรรมคุ้มครองโลก มี 2 ประการ คือ หิริ และโอตตัปปะ

2.โอตตัปปะ หมายถึง ความเกรงกลัวต่อผลของความชั่ว มีลักษณะหวาดสะดุ้งกลัวต่อผลที่จะเกิดจากการทำบาปทุจริต คือ การประพฤติผิดทั้งทางกาย วาจา และใจ โดยพิจารณาเห็นชัดว่าสัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน ทำกรรมใดไว้ต้องรับผลกรรมของนั้น จึงมีความหวาดกลัวสะดุ้งต่อผลของกรรมชั่ว ไม่กล้าทำแม้ความผิดเล็กน้อย

เหตุที่ทำให้เกิดความกลัวต่อความชั่ว คือ

- เพราะกลัวต้องติเตียนตัวเอง

- เพราะกลัวผู้อื่นจะติเตียน

- เพราะกลัวถูกลงโทษ ถูกลงอาญา

- เพราะกลัวความทุกข์จะส่งผลในภายหน้า

เมื่อคนเรามาพิจารณาคำนึงถึงเหตุนี้ข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ความกลัวต่อความชั่วย่อมเกิดขึ้น

ผู้มีความสะดุ้งกลัวต่อผลของบาปทุจริต เปรียบเหมือนคนที่มีนิสัยหวาดกลัวเป็นนิจเห็นอสรพิษแม้ตัวเล็กๆ เกิดสะดุ้งกลัว ไม่อยากเข้าใกล้ พยายามหลีกหนีให้ห่างไกล

ฉะนั้น ความกลัวที่จัดว่าเป็นโอตตัปปะแท้จริงนั้น ต้องเป็นความกลัวต่อผลของความชั่วบาป หรือทุจริตเท่านั้น ในกรณีที่คนเรากำลังเดินอยู่กลางป่า บังเอิญไปพบเสือโคร่งเข้าพอดี ย่อมเกิดความกลัวอันตรายที่จะได้รับ

ความกลัวเช่นนี้ไม่จัดว่าเป็นความกลัวด้วยโอตตัปปะ หากแต่เป็นความกลัวตามสัญชาตญาณของมนุษย์และสัตว์ เพราะไม่ใช้ความกลัวต่อความชั่ว

ลักษณะของผู้มีหิริโอตตัปปะนั้นคือ "อายชั่ว กลัวบาป" บุคคลผู้ฝึกจิตใจให้อายชั่วกลัวบาปได้ดีแล้วเท่านั้น จึงจะไม่ทำความผิดทั้งต่อหน้าและลับหลัง ดังนั้น หิริโอตตัปปะจึงเป็นธรรมคุ้มครองโลก

คือมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนพื้นแผ่นดินนี้ให้อยู่เย็นเป็นสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กันยายน 2010, 10:30:22
บุคคลหาได้ยาก


มวลมนุษย์มีมากมาย ต่างจิตใจ ต่างอัธยาศัย แต่บุคคลที่ดีพร้อมซึ่งหาได้ยากในโลกนี้ มีเพียง 2 ประเภทเท่านั้น คือ

1. บุพการี บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน

2. กตัญญูกตเวที บุคคลผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้วทำตอบแทน

บุคคลผู้พร้อมด้วยคุณสมบัติทั้งสองประเภทนี้หาได้ยาก คือฝ่ายหนึ่งทำอุปการะก่อน แต่อีกฝ่ายหนึ่งได้รับแล้วแต่ไม่ตอบแทน ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติต่อกันไม่สม่ำเสมอ เพราะคนเรานั้นถูกอวิชชาและตัณหาครอบงำจึงมุ่งแต่ประโยชน์ตนฝ่ายเดียว เมื่อตนได้รับความสุขแล้ว ไม่คิดแลเหลียวผู้อื่น จึงเป็นการยากที่จะเป็นบุพการี ส่วนผู้ที่ได้รับอุปการะจากผู้อื่นแล้วนั้นโดยมาก มักรู้จักแต่คุณ ไม่รู้จักตอบแทน จึงเป็นการยากเช่นกันที่จะทำตนให้เป็นผู้กตัญญูกตเวทีต่อบุพพการีได้

บุพพการี บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน หมาย ถึงบุคคลผู้มีอัธยาศัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารี มีจิตประกอบด้วยความรัก ความปรารถนาดี มุ่งกระทำอุปการคุณ หวังความสุขความเจริญต่อผู้อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทนในภายหลัง จำแนกเป็น 4 ประเภท คือ 1. มารดาบิดา 2. ครูอาจารย์ 3. พระมหากษัตริย์ 4. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

มารดาบิดา เป็นบุพการีของบุตรธิดา ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตของบุตรธิดา บำรุงเลี้ยงดูให้ได้รับความสุข คอยห้ามปรามไม่ให้กระทำความชั่ว แนะนำพร่ำสอนให้ตั้งอยู่ในความดี ให้ศึกษาวิชาความรู้ตามสมควรแก่ฐานะ จัดหาคู่ครองที่ดีให้ และมอบทรัพย์สมบัติให้ในเวลาอันเหมาะสม นับว่ามีพระคุณอย่างใหญ่หลวง

ครูอาจารย์ เป็นบุพการีของศิษย์ เพราะเป็นผู้อนุเคราะห์ศิษย์ด้วยการแนะนำสั่งสอนต่อจากพ่อแม่ ให้ศิษย์รู้ว่าสิ่งใดดี มีประโยชน์ สิ่งใดไม่ดี ไม่มีประโยชน์ มีโทษ ควรหรือไม่ควรประพฤติ

พระมหากษัตริย์ เป็นบุพการีของพสกนิกร เพราะทรงเป็นผู้ประกอบด้วยพรหมวิหารธรรม ทรงบำเพ็ญทศพิธราชธรรม วางพระองค์เหมาะสม ทรงอดทนต่อกิเลสและทุกข์นานาประการ ไม่ทรงกริ้วโกรธโดยไร้เหตุผล ไม่ทรงเบียดเบียนให้ได้รับความเดือดร้อน ไม่ทรงประพฤติผิดทำนองคลองธรรม ทรงปกครองพสกนิกรโดยไม่ลำเอียง และทรงมุ่งประโยชน์สุขของประชาชนเป็นสำคัญ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นบุพการีของพุทธบริษัท เพราะทรงมีพระกรุณาคุณแก่พุทธบริษัทอย่างใหญ่หลวง เมื่อตรัสรู้แล้วทรงเมตตาแสดงธรรมสั่งสอนสรรพสัตว์ให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วย พระโอวาทอันเป็นหลักสำคัญ 3 ประการ คือ ทรงสอนให้ละชั่วทุกอย่าง บำเพ็ญความดีทุกประการ และทำจิตของตนให้ผ่องแผ้วจากกิเลสทั้งปวง
กตัญญูกตเวที คือผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้วทำตอบแทนท่าน  บุคคลที่รู้จักบุญคุณของผู้อื่นที่ทำแล้วแก่ตน โดยรู้คุณค่าแห่งการทำความดีของผู้อื่นและกระทำตอบแทน แสดงออกด้วยวิธีสุจริตธรรมเป็นการบูชาคุณความดีของท่าน แล้วมุ่งทำตอบแทนในภายหลัง เป็นการประกาศเปิดเผยคุณของบุพการีให้ผู้อื่นรู้ เปรียบเหมือนบุคคลที่เป็นหนี้ท่านอยู่ ไม่ลืมบุญคุณของท่าน ตั้งใจขวนขวายใช้หนี้ท่าน

บุคคลเช่นนี้ชื่อว่า กตัญญูกตเวที จำแนกเป็นบุคคล 4 ประเภท เพื่อให้ตรงกับบุพการี 4 ประเภท จัดเป็น 4 คู่ คือ 1. บุตรธิดา คู่กับ มารดาบิดา 2. ศิษย์ คู่กับ ครูอาจารย์ 3. พสกนิกร คู่กับ พระมหากษัตริย์ 4. พุทธบริษัท คู่กับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีหลักการแสดงความกตัญญูกตเวที ดังนี้

"บุตร-ธิดา" พึงแสดงกตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดา โดยสำนึกว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณและยอมรับด้วยว่าอุปการคุณที่ทำแก่ตนนั้น เป็นความดีจริงแล้วสนองตอบพระคุณท่านด้วยการเลี้ยงดูปรนนิบัติ เชื่อฟังตั้งอยู่ในโอวาทของท่าน

"ศิษย์" พึงแสดงกตัญญูกตเวทีต่อ ครูอาจารย์ โดยสำนึกว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณแก่ตนและยอมรับด้วยใจว่าการอบรมของท่านนั้น เป็นความดีจริงแล้วสนองตอบพระคุณท่านด้วยการแสดงความเคารพ ปรนนิบัติรับใช้ ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นท่าน

"พสกนิกร" พึงแสดงกตัญญูกตเวทีต่อ พระมหากษัตริย์ โดยสำนึกว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้มีพระคุณแก่ตนจริง แล้วรับด้วยใจว่าการที่พระองค์ทรงดูแลทุกข์สุขปกป้องผองภัยต่างๆ แก่ตนนั้นเป็นความดีจริงแล้วสนองตอบพระคุณของพระองค์ด้วยการแสดงความจงรัก ภักดี หรือการประพฤติตนเป็นพลเมืองดี รู้รักสามัคคี เป็นต้น

"พุทธบริษัท" พึงแสดงกตัญญูกตเวทีต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยสำนึกว่าพระพุทธองค์ทรงมีพระกรุณาคุณต่อมวลมนุษย์และสรรพสัตว์จริง และยอมรับด้วยใจว่าการที่พระองค์ทรงสั่งสอนหลักธรรมที่ตรัสรู้นั้นเป็นความ ดีอันยิ่งใหญ่ แล้วสนองตอบพระคุณด้วยการน้อมนำหลักพุทธธรรมไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันให้ เกิดประโยชน์สูงสุด

ผู้มีปัญญาควรทำอุปการะแก่ผู้อื่น ในขณะเดียวกันก็ระลึกถึงอุปการะของท่าน และทำตอบแทนสนองคุณท่านตามหน้าที่ดังกล่าวมา จัดว่าเป็นคนดีที่หาได้ยากในพระพุทธศาสนา

อานิสงส์ของความกตัญญูกตเวทีมีหลายประการ คือจัดว่าเป็นคนดีเป็นที่ยกย่องสรรเสริญของนักปราชญ์ เป็นเหตุให้ได้มนุษยสมบัติ สวรรคสมบัติ นิพพานสมบัติ มุ่งไปสู่มหากุศลตามลำดับ เป็นผู้ไม่ประมาท มีแก่นธรรมประจำใจ ได้รับประโยชน์ทั้งรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ ชื่อว่าเจริญรอยตามนักปราชญ์ มีที่พึ่งอันประเสริฐ เลิศด้วยคุณธรรมคือ ศีล สมาธิ ปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Juhmoo ที่ 27 กันยายน 2010, 12:07:46
โอ้วว..ยาวเลย  ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กันยายน 2010, 12:43:57
ประพฤติชอบทางกาย มี 3 อย่างคือ
เว้นจากฆ่าสัตว์
เว้นจากลักทรัพย์
เว้นจากประพฤติผิดในกาม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กันยายน 2010, 21:22:03
วจีสุจริต
เว้นจากการ พูดเท็จ
เว้นจากการ พูดส่อเสียด
เว้นจากการ พูดคำหยาบ
เว้นจากการ พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล

มโนสุจริต 3
1.ไม่โลภอยากได้ของเขา
2.ไม่พยาบาทปองร้ายเขา
3.เห็นชอบตามคลองธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: เก๋าลัดคุง ที่ 27 กันยายน 2010, 21:23:23
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กันยายน 2010, 12:51:40
อกุศลมูล 3 (อกุศล=ความไม่ฉลาด, มูล=รากเหง้า)แปลตามตัวอักษรว่า รากเหง้าของความไม่ฉลาด หมายถึง รางเหง้าหรือต้นตอของความชั่วทั้ง
ปวง เมื่อกำเริบจะแสดงออกมาเป็นทุจริตทางกาย วาจา ใจ รวมเป็นเหตุให้เกิดกิเลส มี ๓ ประการ คือ
1.โลภะ ความอยากได้ โลภะ คือ ความอยากได้ของคนอื่นมาเป็นของตน อยากให้ตนมีเหมือนคนอื่น หรือมีมากกว่าผู้อื่น ความอยากมีหลายรูป
แบบ ซึ่งจะก่อให้เกิดรากเหง้าของความชั่วทั้งปวง เช่น อิจฉา ความอยาก ปาปิจฉา ความอยากอย่างชั่วช้าลามก มหิจฉา ความอยากรุนแรง อภิชฌาวิสมโลภะ
ความอยากได้ถึงขั้นเพ่งเล็ง ความอยากจะเกิดมากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดความชั่วในตัวเอง วิธีแก้ไขความอยากคือการใช้สติ ระลึกรู้ในตน
2.โทสะ ความคิดประทุษร้าย โทสะ คือ ความคิดประทุษร้าย ได้แก่ การอยากฆ่า การอยากทำลายผู้อื่นๆ ความคิดประทุษร้ายเป็นรากเหง้าให้เกิด
กิเลส ได้หลายอย่าง เช่น ปฏิฆะ ความหงุดหงิด โกธะ ความโกรธ อุปนาหะ ความผูกโกรธ พยาบาท ความคิดปองร้าย ถ้าปล่อยให้มีโทสะมาก ผู้นั้นจะเป็นคนชั่ว คน
พาล และเป็นภัยต่อสังคม วิธีแก้ไขโทสะ คือการใช้สติระงับตน และฝึกตนให้เป็นผู้มีอโทสะ
3.โมหะ ความหลงไม่รู้จริง โมหะ คือ ความหลงไม่รู้จริง ได้แก่ ความไม่รู้ไม่เข้าใจ ความมัวเมา ความประมาท เป้นรากเหว้าให้เกิดกิเลสได้ต่างๆ
มาก มาย เช่น มักขะ ลบหลู่คุณท่าน ปลาสะ ตีเสมอ มานะ ถือตัว มทะ มัวเมา ปมาทะ เลินเล่อ โมหะทำให้ขาดสติ ไม่รู้ผิดชอบร้ายแรงกว่าโลภะ และโทสะ รวมทั้ง
ส่งเสริมให้โลภะและโทสะมีกำลังมากขึ้นยิ่งด้วย วิธีที่จะทำให้โมหะลดลงนั้นจะต้องปฏิบัติตนเป็นผู้ที่มี อโมหะ ความไม่หลงงมงาย


กุศลมูล 3
กุศลมูล 3 หมายถึง รากเหง้าหรือต้นตอของความดีทั้งปวง ซึ่งเป็นหลักธรรมที่ตรงกันข้ามกับ อกุศลมูล มี ๓ ประการดังนี้
1.อโลภะ ความไม่อยากได้ อโลภะ คือ ความเป็นผู้ไม่มีความทะยานอยาก เป้นผู้ที่มีสติระลึกรู้ตัวอยู่เสมอไม่ว่าจะกระทำสิ่งใดๆ มีแต่ความยินดี
และ พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่เท่านั้น การปฏิบัติตนเป็นผู้มีอโลภะนั้น จะต้องปฏิบัติธรรมที่ตรงกันข้ามกับโลภะ เช่น สันโดษ ความพอใจ ทาน การบริจาค จาคะ การเสีย
สละ อนภิชฌา ความไม่โลภไม่อยากได้ของผู้อื่น เป็นต้น
2.อโทสะ ความไม่คิดประทุษร้าย อโทสะ คือ คสามไม่คิดประทุษร้าย ไม่โกรธ ไม่ผูกพยาบาท จะทำอะไรก็มีสติรู้สึกตัวอยู่เสมอใช้ปัญญาในการ
ประกอบ การตัดสินใจต่างๆ การปฏิบัติตนเป็นผู้มีอโทสะนั้น จะต้องปฏิบัติธรรมที่ตรงกันข้ามกับโทสะ เช่น เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข กรุณา ความ
สงสาร อโกธะ ความไม่โกรธ อพยาบาท ความไม่ปองร้ายผู้อื่น อวิหิงสา ความไม่เบียดเบียน ตีติกขาขันติ ความอดทนต่อความเจ็บใจ เป็นต้น
3.อโมหะ ความไม่หลง อโมหะ คือ ความไม่หลงงมงาย ไม่ประมาทอันเป็นสาเหตุให้เกิดความชั่วทั้งปวง ให้เป็นผู้มีสติปัญญามั่นคงใช้ปัญญา
พิจารณา ไตร่ตรองโดยยึดหลักเหตุผล เมื่อมีอโมหะเกิดขึ้นกับตัวแล้ว โลภะ โทสะ และโมหะ ก็มิอาจเกิดขึ้นได้ การปฏิบัติตนเป็นผู้มีอโทสะนั้น จะต้องปฏิบัติ
ธรรม ที่ตรงกันข้ามกับโทสะ เช่น พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ศึกษารับฟังมาก วิมังสา หมั่นตรึกตรองพิจารณา สัทธา เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ โยนิโสมนสิการ การรู้
จักตรึดตรองให้รู้จักดีชั่ว ปัญญา รอบรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ เป็นต้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กันยายน 2010, 21:27:47
อปัณณกปฏิปทา 3 (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด, ปฏิปทาที่เป็นส่วนแก่นสารเนื้อแท้ ซึ่งจะนำผู้ปฏิบัติให้ถึงความเจริญงอกงามในธรรม เป็นผู้ดำเนินอยู่ในแนวทางแห่งความปลอดพ้นจากทุกข์อย่างแน่นอนไม่ผิดพลาด
       1. อินทรียสังวร (การสำรวมอินทรีย์ คือระวังไม่ให้บาปอกุศลธรรมครอบงำใจ เมื่อรับรู้อารมณ์ด้วยอินทรีย์ทั้ง 6
       2. โภชเน มัตตัญญุตา (ความรู้จักประมาณในการบริโภค คือรู้จักพิจารณารับประทานอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายใช้ทำกิจให้ชีวิต ผาสุก มิใช่เพื่อสนุกสนาน มัวเมา)
       3. ชาคริยานุโยค (การหมั่นประกอบความตื่น ไม่เห็นแก่นอน คือ ขยันหมั่นเพียรตื่นตัวอยู่เป็นนิตย์ ชำระจิตมิให้มีนิวรณ์ พร้อมเสมอทุกเวลาที่จะปฏิบัติกิจให้ก้าวหน้าต่อไป)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Keiku ที่ 28 กันยายน 2010, 22:14:21
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: maxmail ที่ 28 กันยายน 2010, 22:21:22
 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 28 กันยายน 2010, 23:01:06
มงคลชีวิต 38 ประการ

มงคลที่ 1.ไม่คบคนพาล
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน

มงคลที่ 2.การคบบัณฑิต
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา

มงคลที่ 3.การบูชาบุคคลที่ควรบูชา
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ

มงคลที่ 4.การอยู่ในถิ่นอันสมควร
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมา-ไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล

มงคลที่ 5.เคยทำบุญมาก่อน
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก

มงคลที่ 6 การตั้งตนชอบ
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา

มงคลที่ 7 ความเป็นพหูสูต
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี

มงคลที่ 8 การรอบรู้ในศิลปะ
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ

มงคลที่ 9 มีวินัยที่ดี
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย
คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา
เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ

ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก
ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ
ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน

มงคลที่ 10 กล่าววาจาอันเป็นสุภาษิต
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเลลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง

มงคลที่ 11 การบำรุงบิดามารดา
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง

มงคลที่ 12 การสงเคราะห์บุตร
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์

มงคลที่ 13.การสงเคราะห์ภรรยา
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทงผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย

มงคลที่ 14.ทำงานไม่คั่งค้าง
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ

มงคลที่ 15.การให้ทาน
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน

มงคลที่ 16.การประพฤติธรรม
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี

มงคลที่ 17.การสงเคราะห์ญาติ
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ

มงคลที่ 18 ทำงานไม่มีโทษ
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน

มงคลที่ 19 ละเว้นจากบาป
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย

มงคลที่ 20 สำรวมจากการดื่มน้ำเม
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน

มงคลที่ 21 ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน

มงคลที่ 22 มีความเคารพ
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง

มงคลที่ 23 มีความถ่อมตน
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย

มงคลที่ 24 มีความสันโดษ
ความสันโดษ พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี

มงคลที่ 25 มีความกตัญญู
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน

มงคลที่ 26 การฟังธรรมตามกาล
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร

มงคลที่ 27 มีความอดทน
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล

มงคลที่ 28 เป็นผู้ว่าง่าย
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา

มงคลที่ 29 การได้เห็นสมณะ
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี

มงคลที่ 30 การสนทนาธรรมตามกาล
ยามหดหู่ ฟุ้งซ่าน กาลสงสัย
เป็นสมัย ไต่ถาม ตามเหตุผล
เพื่อบรรเทา คลี่คลาย หายกังวล
ควรจะสน- ทนาธรรม ตามที่ควร

มงคลที่ 31 การบำเพ็ญตบะ
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข ฌาณโกลีย์

มงคลที่ 32 การประพฤติพรหมจรรย์
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ์
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคล

มงคลที่ 33 การเห็นอริยสัจ
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร

มงคลที่ 34 การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก

มงคลที่ 35 การมีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ

มงคลที่ 36 การมีจิตไม่โศกเศร้า
คราวพลักพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง

มงคลที่ 37 มีจิตปราศจากกิเลส
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม

มงคลที่ 38 มีจิตเกษม
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร  


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กันยายน 2010, 23:19:53
มงคลชีวิต 38 ประการ

มงคลที่ 1.ไม่คบคนพาล
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน

มงคลที่ 2.การคบบัณฑิต
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา

มงคลที่ 3.การบูชาบุคคลที่ควรบูชา
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ

มงคลที่ 4.การอยู่ในถิ่นอันสมควร
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมา-ไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล

มงคลที่ 5.เคยทำบุญมาก่อน
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก

มงคลที่ 6 การตั้งตนชอบ
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา

มงคลที่ 7 ความเป็นพหูสูต
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี

มงคลที่ 8 การรอบรู้ในศิลปะ
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ

มงคลที่ 9 มีวินัยที่ดี
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย
คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา
เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ

ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก
ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ
ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน

มงคลที่ 10 กล่าววาจาอันเป็นสุภาษิต
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเลลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง

มงคลที่ 11 การบำรุงบิดามารดา
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง

มงคลที่ 12 การสงเคราะห์บุตร
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์

มงคลที่ 13.การสงเคราะห์ภรรยา
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทงผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย

มงคลที่ 14.ทำงานไม่คั่งค้าง
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อาผมล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ

มงคลที่ 15.การให้ทาน
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน

มงคลที่ 16.การประพฤติธรรม
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี

มงคลที่ 17.การสงเคราะห์ญาติ
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ

มงคลที่ 18 ทำงานไม่มีโทษ
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน

มงคลที่ 19 ละเว้นจากบาป
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย

มงคลที่ 20 สำรวมจากการดื่มน้ำเม
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน

มงคลที่ 21 ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน

มงคลที่ 22 มีความเคารพ
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง

มงคลที่ 23 มีความถ่อมตน
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย

มงคลที่ 24 มีความสันโดษ
ความสันโดษ พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี

มงคลที่ 25 มีความกตัญญู
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน

มงคลที่ 26 การฟังธรรมตามกาล
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร

มงคลที่ 27 มีความอดทน
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล

มงคลที่ 28 เป็นผู้ว่าง่าย
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา

มงคลที่ 29 การได้เห็นสมณะ
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี

มงคลที่ 30 การสนทนาธรรมตามกาล
ยามหดหู่ ฟุ้งซ่าน กาลสงสัย
เป็นสมัย ไต่ถาม ตามเหตุผล
เพื่อบรรเทา คลี่คลาย หายกังวล
ควรจะสน- ทนาธรรม ตามที่ควร

มงคลที่ 31 การบำเพ็ญตบะ
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข ฌาณโกลีย์

มงคลที่ 32 การประพฤติพรหมจรรย์
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ์
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคล

มงคลที่ 33 การเห็นอริยสัจ
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร

มงคลที่ 34 การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก

มงคลที่ 35 การมีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ

มงคลที่ 36 การมีจิตไม่โศกเศร้า
คราวพลักพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง

มงคลที่ 37 มีจิตปราศจากกิเลส
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม

มงคลที่ 38 มีจิตเกษม
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร  
ขอบคุณครับ ช่วยๆกันเผยแพร่นะครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 28 กันยายน 2010, 23:33:11
ทุกข์เพราะ...

คนทุกคนในโลกนี้ ไม่ใช่ทุกข์เพราะเสือกิน ไม่ใช่ทุกข์เพราะ
งูร้ายกัด ไม่ใช่ทุกข์เพราะช้างฆ่า .....

แต่ทุกข์เพราะความโลภ ความโกรธ ความหลงของตน...
จะทุกข์เพราะสิ่งใดๆ ก็ตามตัวความโลภ ความโกรธ ความหลง
นี่แหละเป็นผู้ฆ่า

ความโลภ..
ความโกรธ..
ความหลง..

3 สิ่งนี้ร้ายกาจกว่าสิ่งอะไรทั้งหมด...
ร้ายกว่าผีร้าย ร้ายกว่าเสือร้าย ร้ายกว่างูร้าย...
ไม่มีสิ่งไหนจะร้ายกว่าตัวความโลภ ความโกรธ ความหลง...

เพราะฉะนั้น..ให้ระวังที่สุดในเรื่องของความโลภ ความโกรธ ความหลง
3 ประการนี้มันสามารถทำให้ผู้รู้แจ้งเป็นคนมืดก็ได้...
ฤทธิ์ของมันน่ะ มันอยู่เหนือทุกคนในโลกที่ได้เกิดมาในโลกนี้
ยกเว้นเสียแต่..."พระอรหันต์"...ฯ

~ธรรมโอวาทหลวงปู่คำดี~


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กันยายน 2010, 16:21:32
ไตรลักษณ์ แปลว่า "ลักษณะ 3 อย่าง" หมายถึงสามัญลักษณะ หรือลักษณะที่เสมอกัน หรือข้อกำหนด หรือสิ่งที่มีประจำอยู่ในตัวของสังขารทั้งปวงเป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ 3 อย่าง ได้แก่

   1. อนิจจตา (อนิจจลักษณะ) - อาการไม่เที่ยง อาการไม่คงที่ อาการไม่ยั่งยืน อาการที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมและสลายไป อาการที่แสดงถึงความเป็นสิ่งไม่เที่ยงของขันธ์.
   2. ทุกขตา (ทุกขลักษณะ) - อาการเป็นทุกข์ อาการที่ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัว อาการที่กดดัน อาการฝืนและขัดแย้งอยู่ในตัว เพราะปัจจัยที่ปรุงแต่งให้มีสภาพเป็นอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงไป จะทำให้คงอยู่ในสภาพนั้นไม่ได้ อาการที่ไม่สมบูรณ์มีความบกพร่องอยู่ในตัว อาการที่แสดงถึงความเป็นทุกข์ของขันธ์.
   3. อนัตตตา (อนัตตลักษณะ) - อาการของอนัตตา อาการของสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน อาการที่ไม่มีตัวตน อาการที่แสดงถึงความไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร ไม่อยู่ในอำนาจควบคุมของใคร อาการที่แสดงถึงไม่มีตัวตนที่แท้จริงของมันเอง อาการที่แสดงถึงความไม่มีอำนาจแท้จริงในตัวเลย อาการที่แสดงถึงความด้อยสมรรถภาพโดยสิ้นเชิงไม่มีอำนาจกำลังอะไรต้องอาศัย พึงพิงสิ่งอื่นๆมากมายจึงมีขึ้นได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 29 กันยายน 2010, 16:24:40

โหลดบิทมาครับ

สวัสดีครับ

ตอนแรกผมตั้งใจจัดทำและรวบรวมบทสวดมนต์คาถาต่างๆ เพื่อใช้ส่วนตัวและให้กับคนใกล้ชิด เพราะจุดประสงค์หลักเลย ผมจะได้ไม่ต้องพกหนังสือสวดมนต์หลายเล่มครับ ซึ่งบทสวดมนต์ทำมือนี้จะมีประโยชน์มากๆเลยครับ สำหรับท่านที่ชอบสวดมนต์หรือท่องคาถาหลายๆบท

ผมได้รับคำแนะนำจากเพื่อนว่าไหนๆทำแล้ว ก็ควรนำมาเผยแพร่ให้คนอื่นๆด้วย ดังนั้นผมจึงได้เรียบเรียงใหม่เพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทานครับ ทุกท่านสามารถนำไปปริ้นท์ลงกระดาษขนาด A4 และเย็บเล่มได้เลยนะครับ

ผมไม่ประสงค์ลงชื่อนามสกุลในส่วนผู้จัดทำนะครับ เพราะทำด้วยใจจริงๆ ซึ่งผมได้เว้นบรรทัดตรงชื่อนามสกุลเพื่อให้ทุกท่านได้ใส่ลงไปในกรณีที่ต้องการเผยแผ่ต่อด้วย และหากท่านใดประสงค์สำเนาต่อเพื่อแจกจ่ายให้คนรู้จัก จักเป็นพระคุณยิ่งและขออนุโมทนาบุญกุศลนี้ด้วยนะครับ

ด้านล่างคือสารบัญของบทสวดมนต์และคาถาต่างๆที่ได้รวบรวมไว้ในหนังสือนี้ครับ

บทบูชาพระรัตนตรัย
บทกราบพระรัตนตรัย
บทนมัสการพระรัตนตรัย
บทขอขมาพระรัตนตรัย
บทไตรสรณคมน์
บทสมาทานศีล ๕
บทชุมนุมเทวดา
บทพระพุทธคุณ
บทพระธรรมคุณ
บทพระสังฆคุณ
บทชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ)
บทชัยปริตร (มหากาฯ)
บทพระพุทธคุณเท่าอายุบวกหนึ่ง
บทพระคาถาชินบัญชร
ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก
เมตตาพรหมวิหาระภาวนา
กรณียเมตตสูตร                      
บทบูชาพระสิวลี
บทคำอธิฐานขอลาภจากพระสีวลี
บทหัวใจพระสีวลี
บทบูชาขอลาภพระสิวลี (ประจำวัน)
บทบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
บทบูชาพระพิฆเนศวรเจ้า
บทบูชาท้าวมหาพรหม
บทบูชาพระสดามหาศิวะเจ้า
บทบูชาพระศรีมหาอุมาเจ้า
บทบูชาพระลักษมีเทวีเจ้า
บทคาถาลักษมีคเณศมนตรา
บทบูชาพระสยามเทวาธิราช
บทคาถาบูชาดวงประจำวันเกิดทั้ง ๗ วัน
บทคาถาเงินล้าน
บทคาถามหาลาภ
บทคาถาค้าขายดี
บทคาถาเมตตามหานิยม
บทคาถาเวลาขับรถ
บทอัญเชิญเทวดากลับ
บทประกาศให้อโหสิกรรม
บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
บทแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์
บทอุทิศส่วนกุศล
บทกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล

ธรรมะสวัสดีครับทุกท่าน

-------------------------------------------------------------------------------------------------------

อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ด้วยเดชะกุศลผลบุญแห่งข้าพเจ้า Nababhat ได้รักษาศีล ถวายสังฆทาน ธรรมทาน วิหารทาน การสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก บำเพ็ญภาวนา ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ตลอดถึงบุญกุศลใดๆทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้สร้างสมมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันวันนี้ บุญทั้งหลายจะทำให้เกิดประโยชน์ ความสุข ความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรืองแก่ข้าพเจ้าเพียงใด ข้าพเจ้าขอน้อมถวายกุศลแด่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสงฆ์ และพระอริยบุคคลทั้งหมด ขอท่านได้โปรดค้ำชูอุดหนุนคุณบิดา มารดา อุปัชฌาย์อาจารย์ ผู้มีพระคุณทั้งหมด ตลอดถึงบุตร ภรรยา สามี มิตรสหาย ที่ล่วงลับไปแล้วและที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งมีความผูกพันต่อชีวิตของข้าพเจ้าทั้งในอดีตชาติและชาติปัจจุบันนี้ ตลอดทั้งขอได้โปรดคุ้มครองทุกๆคนในครอบครัวของหมู่บริวาร และทหารตำรวจชายแดนที่ดูแลประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนสัตว์น้อยใหญ่ที่เสียสละชีวิตให้ข้าพเจ้าเพื่อการดำรงชีวิต ขอให้ท่านทั้งหลายทั้งหมด หลุดพ้นจากความทุกข์ ประสบแต่ความสุขยิ่งขึ้นไปและตลอดไป

ขออุทิศกุศลแด่ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ทิศ พระสยามเทวาธิราชทุกๆพระองค์ พระยายมราช นายนิริยบาล ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ พระพิฆเนศวรเจ้า ท้าวมหาพรหม พระสดามหาศิวะเจ้า พระศรีมหาอุมาเจ้า พระลักษมีเทวีเจ้า แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระเพลิง แม่พระพาย แม่โพสพ แม่ซื้อผู้เรืองฤทธิ์ พระภูมิเจ้าที่ เทพยดาทั้งหลายตั้งแต่ชั้นจตุมหาราชิกาเบื้องบน จนถึงที่สุดชั้นพรหม เบื้องล่างตั้งแต่ชั้นอเวจีมหานรก จนถึงโลกมนุษย์โดยรอบสุดขอบจักรวาล อนันตจักรวาล ขอท่านทั้งหลายได้โมทนา

ขออุทิศกุศลแด่สมเด็จบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกๆพระองค์ วีรกษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ขอน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ทุกๆพระองค์ท่าน ขอจงมากล้นด้วย
บุญญาธิการ มากล้นด้วยฤทธิ์เดช และบารมียิ่งๆขึ้นด้วยเทอญ

ขออุทิศกุศลนี้ไปถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินกระทำความผิด ตั้งแต่ในอดีตก็ดี ในปัจจุบันก็ดี ทั้งที่ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ขอได้โมทนา เมื่อโมทนาแล้ว ขอจงได้อโหสิกรรมยกโทษทั้งหลายทั้งหมดให้แก่ข้าพเจ้าด้วย และกรรมเวรใดๆ ที่ท่านทั้งหลายได้ทำแก่ข้าพเจ้ามาทุกภพทุกชาติ จนถึงชาติปัจจุบันนี้
ข้าพเจ้าอโหสิกรรมให้แก่ท่านทั้งหลายด้วยเช่นกัน

สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนจองเวรจองกรรมซึ่งกันและกันเลย จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นทุกข์ภัยทั้งหมดทั้งสิ้นตลอดไป จนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพานเทอญ

ด้วยเดชะกุศลและอานิสงส์ผลบุญแห่งข้าพเจ้าได้น้อมถวายนี้ โปรดบันดาลให้ข้าพเจ้าประสบแต่ความสุขกาย สุขใจ ความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม แคล้วคลาดจากอันตรายใดๆทั้งปวง กรรมเก่าหมดไป กรรมใหม่อย่าให้เกิดขึ้น มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากศัตรู หมู่มาร พบเจอแต่กัลยาณมิตร ศัตรูกลับใจมาเป็นมิตร ให้ข้าพเจ้าสำเร็จสมหวังทั้งเรื่องการงาน การเงิน ชีวิตครอบครัว ชีวิตสังคม และยังเป็นพลวปัจจัยนิสัย ตราบใดที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ขอให้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนาและวิปัสสนากรรมฐาน ทุกชาติ ทุกภพจนกว่าข้าพเจ้าจะได้เข้าถึงพระนิพพานเทอญ

พุทธัง อนันตัง ธัมมัง จักกะวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจะโยโหตุฯ


บทสวดมนต์และคาถาต่างๆ(ฉบับทำมือ).pdf (http://www.4shared.com/document/H1gjtLbp/___online.html)

โหลดบิทมาครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pizad_sura ที่ 29 กันยายน 2010, 16:27:32
ชอบครับ ขอบคุณมาก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กันยายน 2010, 23:38:59
อคติ  หมายความว่า  การกระทำอันทำให้เสียความเที่ยงธรรม  มี 4 ประการ

1.ฉันทาคติ    ลำเอียงเพราะรักใคร่

2.โทสาคติ     ลำเอียงเพราะโกรธ

3.โมหาคติ     ลำเอียงเพราะเขลา

4.ภยาคติ       ลำเอียงเพราะกลัว
อคติ 4 นี้ ไม่ควรประพฤติเพราะเป็นทางแห่งความเสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กันยายน 2010, 21:57:43
    บรรดากิเลสทั้ง 3 คือ ราคะ (โลภะ) โทสะ โมหะ ท่านว่ามีโทษหนักเบาไม่เท่ากัน ราคะนั้นดูเหมือนว่ามีโทษเบา แต่ละได้ยาก โทสะมีโทษหนักแต่ละได้ง่าย ส่วนโมหะมีโทษหนักและละได้ยาก เฉพาะโทสะ(ความโกรธ ความขุ่นเคือง) นั้น เวลามันเกิดขึ้นจะเอะอะตึงตัง มึงมาพาโวย เรียกว่าเห็นช้างเท่าหมู ไม่กลัวใคร แต่ก็มักสงบง่าย เพราะฉะนั้นท่านจึงว่าความโกรธมีโทษมาก

    ท่านบอกวิธีเอาชนะความโกรธ 9 วิธี สำหรับผู้มักขี้ยัวะ ลองฝึกปฏิบัติดูนะครับ ถ้าได้ผลอย่างไร ช่วยบอกผมด้วย จะได้ทำตามเพราะผมก็ใช่ย่อยเหมือนกัน ลูกศิษย์บางคนว่า อะไรๆ ก็ดี แต่ดุชะมัดญาติว่าอย่างนั้น

1.ให้นึกถึงผลเสียของคนมักโกรธ

    พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า คนที่โกรธคนอื่นนับว่าเป็นคนเลวอยู่แล้ว แต่ใครโกรธตอบเขากลับเป็นคนเลวกว่า พระองค์ทรงสรรเสริญเมตตา ความรักและความปรารถนาดีต่อกัน ถ้าเรามัวเป็นคนมักโกรธ ไม่รู้จักเมตตารักใคร่คนอื่นบ้างเลย จะนับว่าเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร

    เวลาเขาโกรธเรามา เราไม่โกรธตอบ นับว่าเป็นผู้เอาชนะใจคนได้ เอาชนะสงครามที่ชนะได้แสนยากและยิ่งรู้ว่าเขาโกรธและ ขุ่นเคืองเรา เราไม่แสดงอาการโกรธและขุ่นเคืองออกมา นับว่าได้ทำประโยชน์ทั้งสองฝ่ายคือ ทั้งแก่ตนเองและแก่คนที่โกรธเรา(การทะเลาะเบาะแว้ง หรือลงไม้ลงมือประหัตประหารกันก็จะไม่เกิดเพราะเราตั ดไฟแต่ต้นลม)

2.ให้พิจารณาโทษของความโกรธ

    คนเราเวลาไม่โกรธก็ดูดี ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่พอโกรธขึ้นมาก็กลายเป็นคนละคน หน้าตาจะบูดเบี้ยวแดงก่ำ บางคนมือไม้สั่นยังกับเจ้าเข้า เต้นแรงเต้นกา ปากก็กล่าวคำหยาบ ไม่รู้ไปสรรค์หาคำด่ามาจากไหน ไม่มีความสง่า สวยงามเหลือแม้แต่นิดเดียว เรียกว่าเป็นนางฟ้าอยู่หยกๆ กลายเป็นนังยักษ์ขมูขีทันที

    หรือถ้าจะให้ชัดเวลาที่เราโกรธ ลองส่องกระจกดูก็แล้วกัน หน้าที่ที่สวยงามยิ้มแย้มแจ่มใส มีเสน่ห์น่ารักนั้น ไม่รู้มันหายไปไหนกลายเป็นหน้ายักษ์หน้ามาร น่าเกลียดน่าชัง เมื่อพิจารณาเห็นความน่าเกลียดน่ากลัวของตนเองอย่างน ี้แล้ว ความโกรธที่มีมาก็อาจหายไปได้

3.นึกถึงความดีของคนที่เราโกรธ

    เวลาเราโกรธใครส่วนมากก็ขุดเอาแต่เรื้องที่ไม่ดีมาด่ าว่า ทีนี้ลองพยายามคิดถึงความดีของเขาดูสิ ว่าเขามีดีอะไรบ้าง เพราะตามธรรมดานั้น คนเราย่อมมีดีและไม่ดีเหมือนๆ กันต่างแต่ว่าใครจะดีมากดีน้อยเท่านั้น ไม่มีใครดอกที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรือชั่วร้อยเปอร์เซ ็นต์ เพราะฉะนั้น ถ้าใครมาทำให้เราโกรธไม่พอใจ นั่นเป็นจุดที่ไม่ดีของเขา เราก็ไม่ควรมองแต่จุดนั้น ลองหันไปดูจุดดีของเขาบ้าง เมื่อมองหาจุดดีก็อาจประหลาดใจว่า แท้ที่จริงแล้วเขามีความดีมากมาย "เขามีความไม่ดีบ้างก็ช่างเขา..." อะไรประมาณนั้น

    นึกได้อย่างนี้แล้วความโกรธที่มีอยู่อาจหายไปได้

4.ความโกรธทำให้ศัตรูสมใจ

    นอกจากทำให้ตัวเองทุกข์แล้วยังสาสมใจศัตรูด้วย เวลาถูกความโกรธครอบงำ จิตใจเรามักร้อนรุ่มยังกับหอบกองไฟลุกโชนไว้ในอก หาความสุขไม่ได้ ที่สำคัญคือเรากำลังทำตนให้เป็นที่สะใจแก่ศัตรูผู้มุ ่งร้ายแก่เรา โดยที่เขามิได้ลงทุนเลย เราทำให้เขาแท้ๆ

    คนที่ไม่ชอบเรา เขามักคิดภาวนาในใจ(พูดให้ชัดคือสาปแช่ง) ว่า "เจ้าประคุณ ขอให้ไอ้/อี...มันพินาศฉิบหายในเร็ววันเถิด" ถ้าเราเป็นคนมักโกรธ ก็เท่ากับเรากระทำการต่างๆ เข้าทางศัตรู โดยที่เขาไม่ต้องเสียแรงเสียเวลามาทำให้เราเลย

    ให้สอนตนเสมอว่า "คนอื่นอยากให้เจ้าโกรธ จึงแกล้งทำสิ่งไม่ถูกใจให้เจ้า แล้วไฉนเจ้าจึงช่วยให้เขาสมปรารถนา ด้วยการปล่อยให้ความโกรธเกิดขึ้นเล่า"

    " เวลาเจ้าโกรธขึ้นมาแล้ว เจ้าก็ไม่สามารถทำทุกข์ให้เกิดขึ้นแก่เขา มิหนำซ้ำ เจ้าได้ทำร้ายตัวเองเข้าแล้ว ด้วยความทุกข์เพราะความโกรธนั้น"

5.พิจารณาความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน

    ให้คิดว่าทุกคนมีกรรมเป็นของตน ต่างก็จะได้รับผลแห่งกรรมที่ตนทำ เราโกรธเขา แสดงว่าเราได้ทำอกุศลคือกรรมชั่ว กรรมชั่วที่เราทำลงไปมันก็จะมีผลร้าย ก่อความเสียหายขึ้น เราก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้น ดุจเอามือทั้งสองกอบถ่านที่ลุกโชน มือทั้งสองของเราก็ไหม้เอง หรือดุจเอามือกอบอุจจาระไปโปะคนอื่น ตัวนั้นแหละย่อมเปรอะอุจาระก่อน

    เมื่อพิจารณาเห็นว่าทุกคนต่างก็มีกรรมเป็นของตนเช่นน ี้ ก็จะเห็นในฝ่ายเขาเช่นเดียวกันว่า ถ้าเขาโกรธเขาก็ได้ทำกรรมไม่ดี และจะได้รับผลแห่งกรรมไม่ดีเช่นเดียวกัน เมื่อต่างคนต่างมีกรรมเป็นของตน เก็บเกี่ยวผลแห่งกรรมของตนอยู่แล้ว เรื่องอะไรมามัววุ่นวายโกรธกันอยู่ทำไม ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่กรรมดีมิดีกว่าหรือ

6.พิจารณาพระจริยวัตรของพระพุทธเจ้า

    พระจริยวัตรของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าพิจารณาจากช่วงไหน ก็จะเห็นชัดเหมือนกันว่า พระองค์ทรงมีเมตตา ไม่โกรธใคร ขณะทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ก็ทรงเอาความด ีชนะความชั่วตลอดมา แม้จะถูกกลั่นแกล้งโดยผู้ไม่ปรารถนาดี ก็ไม่ถือโทษ ดังเมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นภูริทัต จะถูกศัตรูทรมานอย่างไรก็ไม่โกรธไม่ทำร้ายตอบ ทั้งๆ ที่อยู่ในฐานะจะทำได้

    เมื่อพระองค์เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ถูกเทวทัตจองล้างจองผลาญต่างๆ นานา ขนาดกลิ้งก้อนหินหมายประหารชีวิตพระองค์ แต่ก้อนหินปะทะง่อนผา สะเก็ดหินกระเด็นไปต้องพระบาท ได้รับทุกขเวทนาอย่างกล้า อีกครั้งหนึ่งสั่งให้ปล่อยช้างตกมันเพื่อทำร้ายพระพุ ทธองค์ถึงแก่ชีวิต ขณะเสด็จออกโปรดสัตว์ในเมือง พระองค์ก็ไม่ทรงถือสา กลับมีเมตตาต่อเทวทัตผู้มุ่งร้ายพระองค์สารพัด

    บางครั้งถูกอันธพาลที่ได้รับจ้างจากผู้มุ่งร้ายพระอง ค์ตามด่า ตลอดเจ็ดวัน พระองค์ก็ทรงสงบนิ่ง แผ่เมตตาจิตให้พวกเขา ไม่ทรงโกรธตอบ จนพระอานนท์ทูลให้เสด็จไปที่อื่นที่ไม่มีคนด่า พระองค์ตรัสสอนพระอานนท์ว่า ถ้าจะแก้ปัญหาโดยการหนี ก็คงหนีไปไม่มีที่สุด เพราะคนส่วนมากทุศีล ที่ถูกคือให้อดทนต่อคำล่วงเกิน ด้วยจิตประกอบด้วยเมตตา

    เมื่อพิจารณาถึงพระจริยวัตรของพระพุทธเจ้าอย่างนี้แล ้ว ได้เห็นว่าพระพุทธองค์ทรงเผชิญเรื่องที่เลวร้ายกว่าเ รา พระองค์ยังทนได้ เมื่อเราปฏิญาณว่าเป็นสาวกของพระองค์ ไฉนไยไม่ดำเนินตามรอยยุคลบาทเล่า เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว ความโกรธอาจหายไปได้

7.พิจารณาความเกี่ยวพันกันในสังสารวัฏ

    นี่ก็เป็นวิธีที่หนึ่งที่จะดับความโกรธได้ คือให้คิดว่าในโลกนี้ ไม่มีใครที่ไม่เคยเป็นญาติพี่น้องกันมาก่อน หากใครมาทำให้ท่านเกิดความโกรธ ก็ให้พิจารณาว่า คนๆ นี้อาจเคยเป็นบิดามารดาเรามาก่อน ในชาติใดชาติหนึ่งที่ล่วงมาแล้วก็ได้ หรืออาจเป็นแฟนเป็นกิ๊กที่เรารักสุดชีวิตมาก่อนก็เป็ นได้ แล้วเรื่องอะไรเราจะมาโกรธพ่อเรา แม่เรา หรือคนรักของเรา ถ้าพิจารณาอย่างนี้แล้วความโกรธที่มีก็อาจสงบได้

8.พิจารณาอานิสงส์ของเมตตา

    ความโกรธเป็นปฏิปักษ์ของเมตตา ขณะใดความโกรธเกิดขึ้น ลองหันมาพิจารณาถึงคุณประโยชน์ของเมตตาดูสิว่า เมตตาความรักความปรารถนาดีต่อกันนั้น เป็นสิ่งที่ดีงามอย่างไร เมื่อพิจารณาถึงความดีงามของเมตตา ก็อาจระงับความโกรธได้

    ความดีงามหรืออานิสงส์ของเมตตา พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่ามี 11 ประการคือ

    1.คนที่มีเมตตานอนหลับก็เป็นสุข

    2.ตื่นขึ้นมาก็เป็นสุข คือหน้าตาสดใสเบิกบาน

    3.ไม่ฝันร้าย

    4.เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย ใครเห็นใครก็รัก มีเสน่ห์

    5.เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย อย่าว่าแต่มนุษย์ด้วยกัน ภูตผีเทวดาก็รัก คนมีเมตตาผีไม่หลอกหลอน แทนที่จะหลอกหลอนกลับให้อารักขา อยู่อย่างปลอดภัยเสียอีก

    6.เทวดาอารักขา

    7.ปลอดภัยจากอัคคีภัย ยาพิษ และศาสตราอาวุธ

    8.จิตเป็นสมาธิได้เร็ว

    9.สีหน้าผ่องใสเบิกบาน

    10.ถึงคราวตายก็ตายอย่างมีสติ

    11.ถ้ายังไม่บรรลุคุณธรรมสูงกว่า ตายไปก็เข้าถึงพรหมโลกแน่นอน

    ถ้าอยากมีคุณสมบัติดังกล่าวนี้ ก็พึงพยายามเป็นคนไม่โกรธ หัดเป็นคนมีเมตตาเป็นธรรมประจำใจให้ได้

9.ให้แยกธาตุ

    วิธีแยกธาตุนี้เป็นวิธีที่ได้ผลชงัดนัก เพราะตราบใดเรายังมองเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นตัวเป็นคนเป็นนายนั่นนางนี่อยู่ ความโกรธก็เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเราแยกธาตุเสีย ทั้งธาตุเขาและธาตุเรานั้นแหละ ความโกรธก็อาจหายไป เพราะไม่รู้ว่าจะไปโกรธส่วนไหน เพราะแต่ละส่วนก็ไม่ใช่ตัวตน หากเป็นเพียงธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ แค่นั้นเอง ขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) แค่นั้นเอง

    เช่น เพราะคิดว่านายแมวมันด่ากูจึงโกรธ แต่ถ้าคิดแยกธาตุเสียว่า ส่วนไหนเป็นนายแมว รูปหรือเวทนาหรือ สัญญาหรือ วิญญาณหรือ ดินหรือ น้ำหรือ ไฟหรือ ลมหรือ ก็เปล่าทั้งเพ มันเพียงแค่ธาตุสี่ ขันธ์ห้าเท่านั้นเอง นายแมวนายหมูอะไรหามีไม่ เมื่อไม่มีนายแมวนายหมู คำด่ามันจะมีได้อย่างไร เมื่อไม่มีคำด่าแล้วจะโกรธทำไม

    ในทำนองเดียวกัน ที่เรียกว่า "กู" ก็เพียงประชุมแห่งธาตุสี่ขันธ์ห้าเท่านั้นเอง เมื่อแยกส่วนจนหมดแล้ว ก็ไม่มี "กู" ที่ไหน แล้วเราจะโกรธอยู่ทำไม

    พูดถึงตอนนี้ นึกถึงหลวงพ่อคูณสมัยท่านยังไม่ดังเปรี้ยงปร้างอย่าง สมัยนี้ หลวงพ่อท่านเดินทางไปกับศิษย์สองสามรูป ผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ญาติโยมก็ยกมือไหว้ นั่งยองๆ แล้วถามว่า "หลวงพ่อไปไหนมาคร้าบ" หลวงพ่อคูณก็เดินเฉย ไปได้อีกหน่อย โยมคนหนึ่งก็ถามอีกว่า "หลวงพ่อไปไหนมาค่ะ" หลวงพ่อก็เฉยเช่นเดียวกันจนลูกศิษย์ถามว่า "หลวงพ่อ โยมถาม ทำไมไม่ตอบ"

    หลวงพ่อพูดว่า "กูไม่มา แม่มันจะถามใครหว่า" (ถ้ากูไม่มาเสียแล้ว จะถามใครเล่า) เออจริงสินะ ถ้าไม่มีกู แล้วคำถามมันจะมีได้อย่างไร ก็ให้คิดเสียว่า กูไม่มาก็แล้วกัน คำถามจะได้ไม่มี

    เวลาโกรธใครสักคน ก็ให้พิจารณาแยกธาตุดังว่ามาข้างต้นนั้น ความโกรธอาจหายไปได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: fatcat ที่ 01 ตุลาคม 2010, 13:09:38
อนุโมธนา ค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: two49 ที่ 01 ตุลาคม 2010, 14:25:46
ขอบคุณมาก สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ตุลาคม 2010, 20:56:51
ความเพียร หมายถึง ความก้าวไปข้างหน้า ความดำเนินไป ความบากบั่น ความพยายาม ความอุตสาหะ ความหมั่น ความออกแรง ความไม่ถอยหลัง ความทรงไว้ ความไม่ย่อหย่อน ความไม่ทอดทิ้งฉันทะ ความไม่ทอดทิ้งธุระ ความประคอง ธุระไว้วิริยะ วิริยินทรีย์ วิริยพละ สัมมาวายามะ ที่เป็นไปทางจิต
อรรถกถาสัพพาสงสังวรสูตรกล่าวว่า ความเพียรเป็นสภาวะที่แกล้วกล้า มีความประคับประคองจิตเป็นลักษณะ มีการอุปถัมภ์จิตเป็นกิจ มีความไม่ท้อแท้แห่งจิตเป็นเครื่องปรากฏ
มีความเพียรเป็นคุณสมบัติหรือ อาการอย่างหนึ่งของจิตเป็นคุณสมบัติที่เป็นกลางๆ ไม่ดี ไม่ชั่ว ถ้าพากเพียรไปในทางที่ถูก เช่นหาเลี้ยงชีพอย่างสุจริต ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ก็จัดเป็นกุศลธรรม นำความสุข ความเจริญ และความสำเร็จมาสู่ชีวิต ถ้าพากเพียรไปในทางผิด เช่น เสพของมึนเมา เล่นการพนัน ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ชีวิตก็มีแต่ความทุกข์ ความเดือดร้อน
อรรถกถารูปาทิวรรค กล่าวถึงความเพียร 2 ประการคือ

1. ความเพียรทางกาย ได้แก่ ความเพียรทางกายของภิกษุ ผู้ชำระจิตจากนิวรณ์ ด้วยการเดิน การนั่งตลอดวัน กลางคืนพัก 4 ชั่วโมงในมัชฌิมยาง (สี่ทุ่มถึงตีสอง)

2. ความเพียรทางจิต เมื่อภิกษุผู้พากเพียรผูกใจว่า เราจักไม่ออกไปจากที่เร้นนี้ หรือเราจักไม่เลิกขัดสมาธินี้ ตราบเท่าที่จิตของเรายังไม่หลุดพ้น จากอาสวะ ย่อมถึงพร้อมด้วยความเพียรทางกายและทางจิต

อรรถกถากายสูตร กล่าวถึงธาตุเพียง 3 ประการ คือ

1. อารพฺธาตุ ได้แก่ความเพียรครั้งแรก

2. นิกฺขมธาตุ ได้แก่ความเพียรที่มีกำลังกว่านั้น เพราะออกจากความเกียจคร้าน

3. ปรกฺกมธาตุ ได้แก่ความเพียรที่มีกำลังกว่านั้น เพราะเป็นเหตุให้ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยไป

ปธานสูตร (21/13) กล่าวถึงความเพียร 4 ประการคือ

1. สังวรปธาน เพียรระวังไม่ให้อกุศลธรรมเกิดขึ้น

2. ปหานปธาน เพียรละอกุศลธรรม ที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป

3. ภาวนาปธาน เพียรให้กุศลธรรมเกิดและเจริญยิ่งขึ้น

4. อนุรักขนาปธาน เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เสื่อม

ในเรื่องความเพียร หลวงวิจิตรวาทการ ให้ความเห็นไว้อย่างน่าฟังว่า

ไทยเราได้แปลความเพียรผิดไป คือเราแปลหรือสอนกันว่า ความเพียรหมายถึง “เหนื่อยไปก่อนคงสบายเมื่อปลายมือ” เราพากเพียรทำงานเพื่อหวังผลอย่างเดียว คือ “สบายเมื่อปลายมือ”

เราไม่ได้สอนกันว่า ความเพียรนั้นเป็นลักษณะของมนุษย์ที่ดี ซึ่งจะต้องทำไปจนตลอดชีวิต ไม่มีความจำเป็นต้องหยุด ความสุขไม่ได้หมายถึงการอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร เราควรจะสอน ให้คนของเราเข้าใจว่า ความสุขของมนุษย์อยู่ที่การทำงาน ให้สำเร็จไปเรื่อยๆ
เหตุเกิดความเพียร

พระอรรถกถาจารย์กล่าวถึงเหตุ 11 ประการ ที่ทำให้พระภิกษุเกิดความเพียร ในที่นี้จะนำมาเรียบเรียงใหม่ เหลือ 8 ข้อ ดังนี้

1. ถ้าไม่รีบทำความดีเสียในวันนี้ พรุ่งนี้เราอาจจะตาย เลยหมดโอกาสทำความดี

2. งานจะเสร็จได้ก็ต่อเมื่อลงมือทำอย่างจริงจัง ถ้ามัวนอนอยู่งานก็ไม่มีวันเสร็จ

3. เราจะเดินไปตามทางที่พระพุทธเจ้า พระสาวก พระเจ้าจักรพรรดิ มหาเศรษฐี หรือบุคคลผู้ประสบความสำเร็จอื่นๆ ได้เสด็จดำเนินและเดินไปแล้ว แต่ทางนั้นคนเกียจคร้านไม่อาจจะเดินไปได้

4. ถ้าเรามัวเกียจคร้าน ดีแต่แบมือขอจากพ่อแม่ญาติพี่น้องเราไม่อายเขาบ้างหรือ

5. ถ้าเรามัวเกียจคร้าน ก็ไม่อาจรักษามรดกที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษไว้ได้ ตายแล้วจะไปพบหน้าท่านได้อย่างไร

6. เราเกิดมาในตระกูลที่มีชื่อเสียงและฐานะถึงเพียงนี้ ถ้ามัวเกียจคร้านอยู่ จะสมควรหรือ

7. เขาก็คน เราก็คน เมื่อเขาทำดีได้ เราก็ต้องทำดีให้ได้อย่างเขาหรือดีกว่า

8. แม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ เช่น มด ยังรู้จักขยันหากินและสร้างรังถ้ามัวนอนอยู่เราไม่อายสัตว์มันบ้างหรือ

นอกจากนี้ ความเพียรอาจเกิดจาก

9. ความเมตตากรุณา เช่น อยากช่วยเหลือคนไข้ จึงพยายามเรียนแพทย์จนสำเร็จ

10 ตัณหา เช่น อยากได้ของที่ถูกใจ แต่ไม่อาจได้โดยสุจริตจึงพยายามขโมยจนสำเร็จ

11. ความอาฆาต จึงพยายามแก้แค้นจนสำเร็จ

12 ความกลัว เช่นกลัวจะไม่มีกิน เลยพยายามทำมาหากินตัวเป็นเกลียว

เหตุเกิดความเพียรมีมากทั้งดีและชั่ว แต่ถ้าจะสรุปก็เหลือเพียงประการเดียว คือเห็นประโยชน์ที่เกิดจากความเพียร และเห็นโทษของความเกียจคร้าน

อานุภาพความเพียรพระพุทธเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่งที่เป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่ เกิดขึ้น อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมไปเหมือนการปรารภความเพียร เมื่อบุคคลเป็นผู้ปรารภความเพียร กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดย่อมเกิดขึ้น อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะชี้แจงถึงเหตุภายใน เราย่อมไม่เล็งเห็น เหตุอื่นแม้อย่างหนึ่งที่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนการปรารภความเพียร การปรารภความเพียรย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่

พระพุทธดำรัสนี้แสดงให้เห็นถึงอานุภาพความเพียรหลักเรื่องความเพียรเป็น ลักษณะสำคัญอย่างหนี่งของพุทธศาสนา คำสอนใดเป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน คำสอนนั้นไม่ใช่พุทธศาสนา ความเพียรเป็นองค์ประกอบในหมวดธรรมะที่สำคัญต่างๆ มากมาย เช่น อิทธิบาท (ธรรมที่ทำให้สำเร็จความประสงค์) โพชฌงค์ (ธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้) นาถกรณธรรม (ธรรมที่เป็นที่พึ่งของตน) เป็นต้น

 เป็นที่น่าสังเกตว่า หมวดธรรมะที่กล่าวถึงความเพียร มักจะมีปัญญากำกับอยู่ด้วย เพราะความเพียรที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา เป็นความเพียรที่ผิดพลาด ไร้อานุภาพ ไม่สำเร็จประโยชน์อันใด เช่น การรีดนมจากเขาโค เป็นการกระทำที่โง่เขลา เป็นความเพียรที่ผิดอย่างมหันต์ แม้จะพยายามอย่างไรก็เหนื่อยเปล่า ไม่มีทางสำเร็จได้เลย ความเพียรจะสำเร็จประโยชน์ได้ ก็ต่อเมื่อมีปัญญาคอยนำทางหรือชี้แนะ ความเพียรจะมีอานุภาพหรือมีผลมากยิ่งขึ้น ถ้ามีธรรมะมาเสริมอีก 2 ประการ คือฉันทะและจิตตะ รวมเป็นหมวดธรรมะที่เรียกว่า อิทธิบาท 4 ซึ่งเป็นธรรมะที่ทำให้สำเร็จความประสงค์ทุกอย่างที่ไม่เหลือวิสัย อิทธิบาท 4 มี

1. ฉันทะ พอใจทำ
2. วิริยะ ขยันทำ
3. จิตตะ ตั้งใจทำ
4. วิมังสา (ปัญญา) เข้าใจทำ

คนที่เกียจคร้านมัวแต่คิดสมบัติบ้าเพ้อฝันถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ซึ่ง สำนวนไทยเรียกว่า มั่งมีในใจแล่นใบบนบก คนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อหยิบหย่งจับจด ไม่ทำอะไรจริงจัง คนที่ก่อแล้วไม่สาน ปล่อยงานการให้คั่งค้างไว้ คนเหล่านี้ไม่อาจประสบความสำเร็จในชีวิตได้เลย คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าในทางโลกหรือทางธรรมล้วน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 01 ตุลาคม 2010, 23:32:17
เพียรรักษาความดี (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) 
 
เ พี ย ร รั ก ษ า ค ว า ม ดี


ครั้งที่แล้วได้อธิบายธรรมที่เรียกว่า “ภาวนาปธาน”
เพียรทำความดีให้เกิดมีขึ้นในใจของตน
แล้ววันนี้จะแสดงธรรมเรื่อง “อนุรักขนาปธาน” ต่อไป

อนุรักขนาปธาน
คือ การรักษาความดีที่เกิดมีขึ้นในตนไว้ไม่ให้เสื่อมสูญไป
อุปมาเหมือนปิดกั้นสระใหญ่ ไม่ให้น้ำไหลออกจากสระนั้น
พอฝนตกมามันก็จะเก็บน้ำไว้ให้เต็มเปี่ยม
ผู้สร้างคุณงามความดี คือ สร้างกุศลทั้งปวงนั้น
เรียกว่า สะสมคุณงามความดี มีน้อยก็เก็บไว้ มีมากก็เก็บไว้
เหมือนฝนที่ตกลงมา ไม่ว่าห่าใหญ่ห่าน้อย
ตกลงมากแล้วไม่รั่วไหลไปไหน มีแต่จะมากขึ้น

การที่จะรักษาคุณงามความดีของตนไว้ได้
จะต้องเห็นคุณค่าของคุณงามความดีที่เราสร้างนั้นก่อน
เห็นเป็นของมีค่ามีประโยชน์ยิ่ง
เมื่อได้มาแล้ว ก็ยินดีพอใจในการที่ได้กุศลนั้น
เช่น เรายังไม่เคยเข้าวัดฟังธรรม ไม่เคยทำบุญทำทาน
และไม่เคยรู้จักรสชาติของสัจธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ต่อมาเมื่อเราเข้าวัดจิตใจเบิกบาน แช่มชื่นปลอดโปร่ง
เพราะได้เห็นได้ฟังแต่สิ่งที่ดีที่งาม
วัดเป็นที่บำเพ็ญกุศล เป็นที่อบรมจิตใจ
เป็นที่ระงับดับเสียซึ่งความเดือดร้อนวุ่นวาย เป็นสถานที่ที่สงบ
เมื่อเข้าไปถึงวัดเห็นคุณค่าประโยชน์อย่างนี้
เราก็พยายามที่จะรักษาคุณงามความดีไว้ คือ หมั่นเข้าวัด
บางคนถึงจะไม่หมั่นก็ช่างเถิด
แต่พอได้รับความเดือดร้อน จนใจเป็นทุกข์ จะต้องดิ่งเข้าวัด
พอก้าวย่างเข้าไปในเขตวัดเท่านั้น
ยังไม่ทันทำอะไรเลย จิตใจจะสงบเยือกเย็น
ถ้าได้ไปคบค้าสมาคมกับพระสงฆ์ผู้มีศีล
มีธรรมคุณงามความดีของท่านเหนือจากเรา
เราเห็นแล้วก็อดที่จะละอายความชั่วของเราไม่ได้
หรือหากเข้าไปหาท่านผู้รู้ผู้ฉลาดครูบาอาจารย์ผู้มีความสามารถ
ท่านแนะนำให้เราเข้าใจในธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ความเดือดร้อนกังวลทั้งหลาย จะหายไปอย่างเด็ดขาด
ถ้าเห็นคุณค่าประโยชน์เช่นนี้
เรียกว่า คุณงามความดีได้เกิดมีขึ้นในตนแล้ว

เมื่อเราทำกุศลแล้ว เกิดความอิ่มอกอิ่มใจ พอใจ ยินดีปีติ
เราจะรักษาคุณงามความดี คือ รักษาวัตรปฏิปทาของการทำดีนั้น
เช่น เช้าตื่นขึ้นมาทำบุญตักบาตร
หรือก่อนจะหลับจะนอนก็ไหว้พระสวดมนต์
ตื่นขึ้นกลางคืนดึกดื่นสงบสงัด ก็ทำความสงบอบรมสมาธิภาวนา
พิจารณาสังขารร่างกาย
หรือจวนจะสว่างก่อนไปทำการทำงานไหว้พระสวดมนต์
ทำความสงบอบรมสมาธิภาวนา
จิตใจของเราก็มีความสงบ ได้รับความเยือกเย็น
หากผู้ใดทำจนเห็นคุณค่าประโยชน์อย่างนี้แล้ว
ผู้นั้นจะต้องรักษากิจวัตรอันนั้นไว้ประจำในใจของตน
เรียกว่า “อนุรักขนา” เพียรพยายามรักษาความดีไม่ได้เสื่อม
เหตุนั้นท่านจึงสอนให้รู้จักดี รู้จักชั่ว รู้จักผิด รู้จักถูก
ให้มันหายจากโมหะ คือ ความหลง อวิชชา คือ ความไม่รู้
และเห็นความจริงขึ้นมาว่า ดีเป็นของดีจริง ชั่วเป็นของชั่วจริง
ที่ชั่วก็ละเสีย ที่ดีก็รักษาไว้จริงๆ

ธรรมดาทุกคนไม่ว่าใคร ถ้าไม่เห็นชัดด้วยตนเอง
ไม่เห็นคุณค่าประโยชน์ในสมบัติที่ตนได้
เหมือนไก่เห็นพลอย เหมือนลิงได้แก้ว
ไก่เห็นพลอยมันจะมีประโยชน์อะไรแก่ไก่
เพราะนำไปใช้อะไรไม่ได้ ไม่รู้จักคุณค่าของพลอยนั้น
ลิงเห็นแก้วก็เหมือนกัน
ลิงจะไปประดับที่ตัวมันตรงไหนกัน ก็ไม่มีคุณค่าประโยชน์อะไร
 
 
 
 

 
 
คนเราถ้าหากมีของดี คือ บุญกุศลคุณงามความดี
ที่เราบำเพ็ญอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนแล้ว ก็ไม่รู้จักจะรักษา
เมื่อไม่รู้จักจะรักษา ก็หายไปเสื่อมสูญไปอย่างน่าเสียดาย
เปรียบเหมือนเราทำสวนหรือไร่นา
เมื่อถากถางและขุดไถให้เรียบร้อยแล้ว จึงปลูกพืชลงไปนั้น
แล้วจำเป็นจะต้องรักษาโดยทำรั้วกั้น
ป้องกันไม่ให้สัตว์เข้าไปกินไปเหยียบย่ำ จึงจะได้รับผล
มิใช่ว่าปลูกแล้วทอดทิ้ง
ถ้าปลูกแล้วทอดทิ้ง ไม่มีหวังได้กินเลย

เราสร้างคุณงามความดีมาแต่ไหนแต่ไร
ก็เพราะต้องการคุณงามความดีบุญกุศลเวลาได้ขึ้นมาจริงๆ
แล้วกลับไม่รู้จักของดีนั้น ทิ้งขว้างไม่รู้จักของมีค่า
จึงเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้มีการรักษาคุณงามความดีที่มีอยู่
อย่าให้เสื่อมหายไป

คนที่ทำทาน แล้วทอดทิ้งปล่อยวาง
โดยคิดว่า ตนทำทาน แล้วก็แล้วไปหมดเรื่อง
แบบนี้ก็ได้ผลอยู่ แต่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
หากหมั่นพิจารณาถึงการทำทาน การสละจาคะของตน
ฝึกคิดจนเป็นอนุสสติ เรียกว่า จาคานุสสติ
เห็นประโยชน์ในการทำทาน
การสละนั้นจริงๆ แล้ว จะได้ประโยชน์มากมาย
จิตใจจะเบิกบานอิ่มเอิบปลื้มปีติอยู่ตลอดเวลา
จะมากน้อยเท่าใดเห็นได้ที่ใจของตน
แม้กาลเวลาล่วงไปแล้ว เมื่อมาระลึกถึงเรื่องเหล่านั้น
จิตใจก็จะแช่มชื่นยินดีด้วย
การทานนี่ก็เป็น “อนุรักขนา” เหมือนกัน
เมื่อผู้รับได้ประโยชน์จากทานนั้น
เราจึงจะได้รับสุข เป็นอานิสงส์จากไทยทานของตน
เช่น ให้ข้าว น้ำ หรืออาหารไป
จากทานนั้นเขาก็จะได้มีชีวิตยืนยาวสืบไป มีสุขภาพดี
หรือเรามีผ้าผ่อน ผ้านุ่งผ้าห่ม ให้ทานเขาไป
เขาจะได้หุ้มห่อร่างกาย ปกปิดไม่ให้เกิดความละอาย
เพื่อกันแดดกันฝน กันร้อนกันหนาว
เราเห็นคุณประโยชน์เพียงแค่นี้ ก็จะเกิดปลื้มปีติขึ้นในใจว่า
เราได้ช่วยคนมีทุกข์ ให้พ้นทุกข์ได้ชั่วระยะหนึ่ง
เราให้ทานความสุขแก่คนอื่นให้ทานชีวิตแก่เขา

เมื่อเราได้ทำคุณงามความดีให้เกิดมีขึ้น มากน้อยก็ตาม
มีเท่าไรเราสะสมไว้ ของเล็กของน้อยนานๆ เข้ามันค่อยเพิ่มขึ้น
ผู้พิจารณาเห็นประโยชน์แล้วรักษาจริยาวัตร
คือ ประพฤติคุณงามความดีนั้นไว้ให้ติดต่อสืบเนื่องกันไป
เรียกว่า “อนุรักขนาปธาน”
ถ้าหากว่านำเอาคุณความดีที่ตนได้ปฏิบัติ
มาพิจารณากำหนดสติ ก็จะได้ความปีติอิ่มใจ
จิตสงบเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง

บุญกุศลจากการทำทานนั้น
ก่อนหน้าที่จะลงมือทำทานได้
เกิดคิดนึกที่จะทำทานก่อน
จึงแสวงหาปัจจัยไทยทานต่างๆ
เวลานั้นก็เกิดความปลื้มปีติแล้ว จึงเป็นบุญมาตั้งแต่ต้น

ขณะที่ทำทานอยู่นั้น ถ้าทำแก่ผู้มีศีล เช่น ภิกษุ สามเณร เป็นต้น
จิตใจเบิกบานอิ่มอยู่ตลอดเวลา ก็เป็นบุญเป็นกุศล
หลังจากนั้นเสร็จธุระแล้ว
ก็ยังมีความอิ่มเอิบเบิกบานในการที่ได้ทำทานอยู่อีก
เป็นการได้กุศลทั้ง ๓ สมัยอย่างเต็มที่
คือ ก่อนทำทาน ขณะทำ และหลังจากได้ทำแล้ว
ทำมากหรือน้อยก็อิ่มอกอิ่มใจ
ทำน้อยกลับกลายได้ผลมากกว่าคนที่ทำบุญมากๆ
แล้วไม่รักษา ไม่ได้พยายามรักษา

คนที่เคยสร้างความดีนั้น รู้สึกเป็นของง่าย
แต่แท้ที่จริงไม่ใช่ของง่าย
คนที่ไม่เคยสร้างความดี ยิ่งมองไม่เห็น
แม้คนที่เคยสร้างความดีแล้วก็ตาม
ถ้าไม่รักษาไว้ให้ดี เมื่อสูญเสียไปแล้ว จะทำใหม่ก็ไม่ใช่ของง่าย
เช่น คนดื่มสุราพยายามละสุรา พยายามยากแสนยาก
ร้อยทั้งร้อยเกือบจะไม่ได้
หากว่าละได้แล้ว ถ้าไม่ตามระวังรักษาความดีนั้นไว้
ไปคบค้าสมาคมกับเพื่อนนักดื่มกลับติดสุราอีก
ทีนี้ยิ่งร้ายกว่าเก่า หากคบค้าเพื่อนฝูงอันธพาลยิ่งไปใหญ่โต

ความดีนั้นเป็นของสร้างได้ยาก ความชั่วสร้างได้ง่ายที่สุด
ทำเมื่อไรก็ได้ ความชั่วนั้น มีผลให้ได้รับความทุกข์
ผลของความดีเท่านั้น นำให้เกิดความสุข
คนไม่ต้องการทุกข์ ต้องการความสุข แต่ไม่อยากสร้างความดี
คนเราเป็นอย่างนี้ อยากได้แต่ผล ต้นเหตุไม่สร้าง
ถ้าหากรู้จักว่า ผลของความสุข เกิดจากเหตุที่สร้างความดี
เราก็มาสร้างความดีผล คือ ความสุขมันเกิดขึ้นเอง
เราอยากได้แต่ความสุข แต่เราไม่สร้างความดีให้เกิด
ไปกินเหล้าเมาสุรา เกกมะเหรกใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักประมาณ
ขี้เกียจขี้คร้าน แล้วจะได้ความสุขมาจากไหน
เรารู้จักแต่ “อบายมุข” ที่แปลว่า ทางเสื่อม ทางให้ถึงความฉิบหาย
ให้ถึงความล่มจม ให้ถึงความชั่วนั่นเอง มันเป็นของน่ากลัว
แต่เราพากันทำชั่วทั้งหมด โดยไม่รู้จักกลัวกัน
กลับชอบอบายมุขด้วยซ้ำ
ส่วนอุบายที่ทำให้เกิดความเจริญไม่เอา แต่ว่าชอบความเจริญ

เมื่อเข้าใจตามนี้และเห็นชัดด้วยตนเอง
มั่นใจด้วยตนเองด้วย ละความชั่วได้ง่ายที่สุด
ไม่ต้องมีใครบังคับเลย
ความดีก็เหมือนกัน บุญกุศลก็เหมือนกัน
ถ้าหากเราเห็นอำนาจอานิสงส์ของการสร้างความดี
ว่านำให้เกิดความสุขจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นการทำทาน รักษาศีล หรือเจริญภาวนากัมมัฏฐาน
ทำแล้วจิตใจเบิกบานสงบเยือกเย็น
เห็นประโยชน์อย่างชัดเจนด้วยตนเองแล้ว
มันขยันทำความเพียรอยู่ตลอดเวลา

สิ่งที่ตนเห็นด้วยตนเองนั้น ไม่ว่าอะไรทั้งหมด
มันเป็นของสบาย ไม่ต้องมีใครบังคับ
แต่ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตนเองแล้ว บังคับมันยากเหลือเกิน
คิดดูตามภาษาคำพูดก็แล้วกัน “บัง” และ “คับ”
นี่มันบังไว้ไม่ให้เห็น มันคับจริงๆ
มันไม่ใช่การตักเตือนว่ากล่าวแนะนำเสียแล้ว
มันเป็นเรื่องบีบคั้นหัวใจของผู้ที่ไม่เห็นด้วย
ให้กลับเป็นทุกข์จากการบังคับ
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ความสุขจะมาจากไหน
แต่การเห็นด้วยตนเองไม่ต้องบังคับ
ทำด้วยความเต็มใจ แล้วจิตใจจะเบิกบาน

การรักษาศีลก็เหมือนกัน เมื่อเห็นด้วยปัญญาของตน
ว่าศีลเป็นของดีมีค่า ระลึกถึงศีลแล้ว จิตใจจะเบิกบาน
เปรียบเหมือนเวลาที่หิว จะนึกถึงอาหารที่เคยรับประทานเคยชอบ
พอนึกแล้วจิตใจมันเบิกบาน นำลายมันฟูออกมาแล้ว
รสชาติมันเอร็ดอร่อยขึ้นมาแล้ว

เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้พวกเรา
เข้าใจหลักในการสร้างคุณงามความดี ให้มันเจริญให้มีขึ้นมา
ถ้าสิ่งที่ตนต้องการและปรารถนามากที่สุด คือ ความดี
และผล คือ ความสุข แล้วก็ต้องมีอนุรักขนาปธาน
การรักษาคุณงามความดีที่เกิดขึ้นแล้วในตนของตน
เพียรให้เกิดมีอยู่เสมอ


ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 01 ตุลาคม 2010, 23:33:10
อานิสงส์ แผ่เมตตา 11 ข้อ 

(http://tanentemple.org/media/upload/01-1.jpg)

ที่มาhttp://tanentemple.org/jaran/handprint/detail.php?section=11&category=33&id=62


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 01 ตุลาคม 2010, 23:33:54
ทำความดีจะได้ดีนั้น

(http://tanentemple.org/media/upload/katilp03.jpg)


หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 01 ตุลาคม 2010, 23:35:19
เทศน์อบรมฆราวาส

ณ วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จ.นครราชสีมา

เมื่อบ่ายวันที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓


บุญติดแนบหัวใจ

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


นี่ก็คิดถึงพี่น้องทั้งหลายนะ ที่หลวงตาอุตส่าห์บึกบึนมานี้
เพราะเห็นแก่หัวใจของพี่น้องทั้งหลายทั่วหน้ากันถึงได้บึกบึนมา ใกล้ไกลก็มา
มานี้รถวิ่งไม่หยุด ๓ ชั่วโมง ๔๐ นาทีจากวัดป่าบ้านตาดมาที่นี่
เป็นเวลา ๓ ชั่วโมง ๔๐ นาที
เวลากลับไปบวกกันเข้าอีกจะเป็น ๗ ชั่วโมง ๒๐ นาที
เวลาขากลับไปก็ไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่ใกล้ๆ นะ
เราอุตส่าห์บึกบึนไป เราไม่ได้มาหาอะไรนะ
เงินทองข้าวของเศรษฐีเต็มบ้านเต็มเมืองทั่วแผ่นดินนี้
ใครมีทั้งนั้นมีเงินมีทองข้าวของ แต่ความทุกข์ไม่ได้ห่างจากใจของมนุษย์
ที่เป็นมหาเศรษฐีนั้นเลยนะ เพราะขาดธรรมภายในใจ


เพราะอย่างนั้นท่านทั้งหลายขอให้บำรุงจิตใจด้วยศีลด้วยธรรม
ถ้าจิตใจมีศีลมีธรรมแล้วไปที่ไหนเบาหวิวๆ นะ
ที่หนักอึ้งที่สุดก็คือมีแต่บาปหาบแต่กรรม
ไปที่ไหนหนักอึ้งๆ ไปแล้วแทนที่จะพาขึ้นพาจม เป็นอย่างนั้น
สร้างเสียความดีงามนี้ละจะพึ่งเป็นพึ่งตายกันได้
อย่างอื่นต่างท่านต่างเหมือนกันหมด
ใครจะมีมากน้อยเพียงไรก็ตามเขาไม่พังเราก็พังเหมือนกันหมด
แต่บุญกุศลนี้ไม่พัง ติดอยู่กับจิตใจของเราไปด้วยอำนาจแห่งบุญแห่งกุศล
สรุปลงแล้วอำนาจแห่งบุญพาไป
อำนาจแห่งบาปกดถ่วงลงตลอดเวลา จึงพากันสร้างบุญกุศล


จิตใจไม่ตายนะ บุญกุศลก็ติดไปกับใจนั้นแหละ
ใจไม่เคยมีป่าช้าไม่มี..ใจ ออกจากร่างนี้ไปเข้าร่างนั้น
ออกจากร่างนี้ไปเข้าร่างนั้นตามอำนาจแห่งบุญ
กรรมที่มีมากน้อยต่างกัน นี่ละตรงนี้ละ
แต่ให้จิตมันตายไม่ตายละ ไม่เคยตายจิต ไม่เคยฉิบหาย
บุญกุศลก็เหมือนกัน ติดแนบกันไป
ให้พากันสร้างความดีงาม จะมีมากมีน้อยเท่าไรก็ตาม
สมบัติเงินทองไม่มีใครจะเหนือใครไปได้ละ
มีคนมีคนจนเต็มบ้านเต็มเมืองครั้นแล้วความทุกข์ก็มีเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนกัน
ผิดแปลกกันก็คือว่า ผู้มีบุญมีกุศลภายในใจอันนี้ผิดกันอยู่มากนะ
ถึงจะไม่มีอะไรก็ตามเรารู้อยู่เต็มหัวใจ ต่างกันตรงนี้
เพราะอย่างนั้นจงพากันสร้างบุญสร้างกุศล


สิ่งอื่นสิ่งใดเราก็ต่างคนต่างเสาะแสวงหามาตั้งแต่วันเกิด จนกระทั่งบัดนี้
และยังจะเสาะแสวงหาจนกระทั่งถึงวันตาย
มันก็ได้มาเสียไปได้มาเสียไปเท่าๆ กันหมด ไม่เหมือนบุญเหมือนกุศล
กุศลนี้ได้มาแล้วติดปั๊บๆ ติดกับใจ ไม่สูญหายไปไหนละ
เวลาจะเป็นจะตาย อะไรสมบัติเงินทองข้าวของบริษัทบริวารอะไรมองไม่เห็นนะ
จะมองเห็นแต่บุญกุศลเท่านั้นนะ เพราะมาติดแนบกับหัวใจของเราผู้สร้างบุญ
แต่ ผู้สร้างบาปก็มีแต่บาปต้องมาติดแนบในหัวใจ
ตายแล้วก็พาจมเลยๆ
สถานที่ใดที่เราไม่ปรารถนานั่นละบาปมันจะพาไปที่นั่นนะ
คนสร้างบาปเป็นอย่างนั้น
คนสร้างบุญที่ไหนเป็นสิ่งดีแล้วไปล่ะพาไปที่ตรงนั้นๆ นะ


ให้พากันอุตส่าห์พยายามสร้างบุญสร้างกุศล
คำพูดนี้ออกมาจากจอมปราชญ์คือ
พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์สอนไว้แบบเดียวกันหมด
เรียกว่า สวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้วเหมือนกัน
ให้เราอุตส่าห์พยายามดำเนินตามนี้
อย่าขี้เกียจขี้คร้านนะ เป็นเรื่องของมารที่จะทำลายเรา
ให้ปัดออกๆ ขี้เกียจขี้คร้านขนาดไหนก็ให้สร้าง สร้างบุญ
เวลาจะเป็นจะตายจริงๆ
บุญนี้แหละที่เราขี้เกียจขี้คร้านสร้างจะติดแนบหัวใจของเรา
อย่างอื่นไม่มีที่อาศัยละ บุญกรรมนี้ละสำคัญมาก


จอมปราชญ์นะที่แสดงไว้นี้ นรกมีมาตั้งกัปตั้งกัลป์
สวรรค์-พรหมโลก-นิพพานมีมากี่กัปกี่กัลป์มีแต่จอมปราชญ์สอนไว้อย่างไม่ผิด
เราทั้งหลายตาบอดหูหนวกใจบอดก็ให้เดินตามท่าน ไม่อยากไปก็ให้ฝืนไปนะ
คนเราถ้าจะทำความดีมันไม่อยากทำ ถ้าทำความชั่วเร็วยิ่งกว่าลิงเข้าใจไหม
นี่ละตัวลิงมันเร็วนะมันจะพาเราไปทำความชั่วช้าลามก
ให้เอาบุญเอากุศลตีข้อมือมันไว้อย่าให้มันพาเราไปทำ บาปกรรมมันไม่เอาเราเป็นผู้รับ


ให้เราสร้างเสียตั้งแต่บัดนี้
สร้างบุญสร้างกุศลสร้างเข้าเต็มที่เต็มฐานเต็มหัวใจแล้วเบาหมดนะ
บุญกุศลเต็มหัวใจเบาหมดเลย ไม่มีอะไรจะเบาเท่าบุญกับใจเป็นอันเดียวกัน
หรือว่าธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วเบาหวิวๆ
ไปภพใดชาติใดมีแต่ภพที่เบาหวิวๆ ทั้งนั้นแหละ
ภพที่หนักอึ้งเป็นภพที่ของคนสร้างบาป
สร้างตั้งแต่บาปหาบแต่กรรมมันไปที่ไหนหนักอึ้งๆ
อย่างเขาได้ของดิบของดีแทนที่จะได้ของดีเหมือนเขามันก็ไม่ได้
หากไปได้ที่ไม่พึงปรารถนานั้นละ ถ้าได้เมียก็เมียที่บ่นเก่งๆ
ได้ผัวก็ผัวขี้เหล้าเมาสุราสูบกัญชายาเมาไม่ดี
ผัวคนนี้ต้องการไหมล่ะ แต่มันก็เป็นของเราแล้ว ผัวของเราจะว่าอย่างไร
แล้วเมียที่บ่นเก่งๆ นั้นมันก็เป็นเมียเราแล้ว แล้วจะเป็นใครละ
ตำหนิใครไม่ได้ก็เราสร้างมาอย่างนั้น เวลาเจอมันก็เจออย่างนั้นแหละ


เพราะอย่างนั้นจึงพากันสร้างบุญสร้างกุศล บังคับใจนะบุญกุศล
ไม่ใช่ไม่บังคับ บังคับเต็มที่
เวลาไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรการสร้างบุญสร้างกุศลมันขี้เกียจมากนะ
การสร้างบาปมันเร็ว แต่พอรู้ภาษีภาษาเมื่อไรการสร้างบุญก็มีกำลังใจขึ้นมา
หนักเข้ากว่านั้นก็หมุนติ้วเลยในการสร้างบบุญสร้างกุศล ให้พากันจำเอานะ
เวลาเราสร้างไม่หยุดบุญกุศลก็มีกำลังเหมือนกัน
พาเราหมุนติ้วทางบุญทางกุศล
อยู่ที่ไหนไม่ได้สร้างบุญสร้างกุศลอยู่ไม่ได้นะ
ไปบ้านใดเมืองใดเขาไม่มีศาสนา
เขาไม่มีบุญมีกุศลเขาไม่มีการทำบุญให้ทานอยู่ไม่ติดนะ
เขาจะเป็นเศรษฐีก็ตามไม่ติด
เราเป็นคนจนแต่ชอบทำบุญให้ทานไปเข้ากับเศรษฐีนี้ไม่ติดนะ
ไปติดเศรษฐีเห็นเขามีเงินมากไม่ติด
แต่ติดตั้งแต่บุญแต่กรรมความงามความดีของเราเท่านั้นละ ติดอันนี้ละ
เวลาตายแล้วก็ไม่ต้องนิมนต์พระมา กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา
บุญกุศล ที่เราสร้างไว้แล้วนั้นแหละเป็นธรรมที่กุสลาส่งเราให้ไปสวรรค์-พรหมโลก
ตลอด นิพพาน ให้พากันจำเอานะ วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้แหละ


ดีแล้วละวันนี้มา ครูบาอาจารย์ก็ได้เห็น อาจารย์ทั้งหลายก็ได้เห็นทั่วหน้ากัน
ถ้าธรรมดาท่านไม่มาให้เราเห็น วันนี้ก็ไม่ใช่ธรรมดา ท่านมาเอง
พวกเราทั้งหลายได้เห็นได้พบได้กราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจ


ท่านแสดงไว้ในธรรมะในตำราอ่านออกมา
ธัมมิกอุบาสกท่านติดพันกับบุญกับกุศล
จวนตัวเท่าไรยิ่งไม่ห่างจากอรรถจากธรรมเลย ไปไหนไม่ยอมไป
ลูกเต้าจะพาไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ โอ้ยสู้ไปกับธรรมไม่ได้ ไปกับธรรมดีกว่า
ไปเที่ยวทางนู้นทางนี้ไม่เกิดประโยชน์
ว่าอย่างนั้นนะ ถ้าไปกับธรรมแล้วเกิด
พอดีท่านเจ็บไข้ได้ป่วยนิมนต์พระมา
โยมคนนั้นให้ลูกไปนิมนต์พระมาสวดอรรถสวดธรรมให้ฟัง
ท่านก็ฟังเสียจนเพลิน ทีนี้พวกเทพทั้งหลายเอารถมาเต็มท้องฟ้า
ใครก็เชิญไปสวรรค์ชั้นของตนๆ
สุดท้ายสวรรค์ทุกชั้นควรแก่อุบาสกคนนี้ทั้งนั้นเลย
คนนั้นก็เชิญขึ้นคันนั้น คนนี้เชิญขึ้นคันนี้
ท่านนี้ก็ฟังธรรมะท่านเพลินไปเรื่อย ฟังไปเพลินไป


พวกเทวบุตรเทวดาเชื้อเชิญให้ท่านไป
ท่านไปสวรรค์สดๆ ร้อนๆ เวลาฟังเทศน์อยู่นั้นน่ะ
ท่านเลยกลัวมันจะเป็นอันตรายต่อธรรมเลยมันหลุดปากออกมาจริงๆ
เดี๋ยวให้รอก่อนว่าอย่างนั้น
คือบอกพวกทั้งหลายที่มาเชื้อเชิญท่านให้ไปสวรรค์ชั้นนั้นๆ
ควรแก่สวรรค์ทุกชั้น
ทางนี้ก็บอกว่าให้รอก่อน พระก็เป็นพระอย่างแบบหลวงตาบัวนี่ละ
พอว่าให้รอก่อน โห โยมนี่นิมนต์เรามาสวดแล้วไล่เรากลับ
ให้หยุดแล้วก็พากันเลิกไปเลย ไปวัด พอไปถึงวัด
พระพุทธเจ้าขนาบ อ้าวพากันมาทำไมนี่
เรื่องราวยังไม่เสร็จอะไร เขาบอกว่าให้หยุด
ถ้าพวกนี้มันแปลใหม่ๆ บอกให้รอก่อนไม่ว่านะบอกให้หยุด
บอกพวกเทพต่างหากที่มารอจะเอาอุบาสกคนนี้ไปสวรรค์
บอกทางนู้นให้รอ ไม่ได้บอกว่าให้หยุด
ไปให้กลับคืนไปอีก ไล่พระมาอีกมาสวดอีก


พอแกรู้สึกตัวขึ้นมา อ้าวพระคุณเจ้าไปไหน ท่านไม่ได้บอกว่าให้นี้หยุด
ให้รอพวกเทพทั้งหลายมาเชิญชวนให้ไปสวรรค์ชั้นของตนๆ
ควรแก่สวรรค์ทุกชั้นเลย นั่นละต่างหากนะ
ไปกลับคืนไปอีก ไล่มาพระพุทธเจ้าไล่มาเอง
ท่านห้ามทางสวรรค์ต่างหากให้รอไว้ก่อนต่างหาก
เขามากวนเขาจะเอาไปสดๆ ร้อนๆ
เลยกลับคืนมาอีก พอรู้สึกตัวขึ้นมาพระท่านไปหมดแล้ว
พระคุณเจ้าไปไหนหมด พ่อว่าให้หยุดว่าอย่างนั้นท่านก็ไปละซิ นึกว่าให้หยุด
พ่อไม่ได้ให้พระหยุดนะ ให้พวกนั้นหยุดต่างหาก
ให้รอเสียก่อน มันกวนการฟังธรรม ให้กลับคืนไปอีก
เลยไปหาพระพุทธเจ้าก็ไล่กลับมาอีกมาที่นั่น


พออุบาสกคนนั้นตื่นขึ้นมารู้สึกตัวขึ้นมาก็ถามหาพระไปหมดแล้ว
ทำไมท่านไปละ ก็พ่อให้ท่านหยุด พ่อไม่ได้บอกให้ท่านหยุด
ให้พวกเทพทั้งหลายที่กวนอยู่บนฟ้าอากาศเต็มนั่นให้พักให้รอไว้ก่อน
มันกวนการฟังธรรมความหมายว่าอย่างนั้น ไปกลับคืนไป
ไล่พระกลับคืนมาอีกเหมือนกับพระพุทธเจ้า
ผู้ที่ป่วยแกก็บอกว่าแกไม่ได้ห้ามพระ แกห้ามพวกนั้นต่างหาก
แล้วให้ไปเอาพระท่านกลับมาอีก พระพุทธเจ้าก็ขนาบที่ว่านั้นเขาไม่ได้ห้าม
เขาห้ามพวกเทพทั้งหลายต่างหาก ไปให้กลับคืนไป พระพุทธเจ้าไล่กลับคืนไป


พอตื่นขึ้นมาพระคุณเจ้าไปไหน ก็ไล่ท่านกลับ ไม่ได้ไล่
บอกว่าพวกนั้นรอเสียก่อนมันกวนธรรม
กำลังฟังธรรมเพลิน ท่านสวดธรรมให้ฟังนี้ต่างหากนะ
จึงไล่กลับมาสวดอรรถสวดธรรมเสร็จเรียบร้อยแล้วทีนี้ก็เป็นอันว่า
ยุติก็ไปละนะไปในระยะนั้น
พอฟังเทศน์ฟังธรรมจบเรียบร้อยแล้วพ่อจะไปละนะทีนี้นะ
พวกนั้นมารออยู่แล้วพวกเทพทั้งหลายมารอเอาไปสวรรค์ชั้นของตนๆ
รอแล้วพ่อก็ไปเลย นี่เรื่องราวเป็นอย่างนี้
ถ้าไม่มีหูทิพมันไม่รู้ พระพุทธเจ้าต่างหากเป็นหูทิพ
ค้านจังๆ เลย ไม่ได้ห้ามนี้ ห้ามพวกนั้นต่างหาก
เข้าใจไหมล่ะเป็นอย่างนั้น มีในตำรา วันนี้พูดเพียงเท่านี้



รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
http://www.luangta.com หรือ http://www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ

ที่มา... http://www.luangta.com


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 01 ตุลาคม 2010, 23:38:58
ใกล้ตายจึงนึกถึงพระ 
 
 
มีทุกข์มาถึงจึงนึกถึงพระศาสนา

บรรดาสัตว์ทั้งหลายนั้น เมื่อไม่มีทุกข์มาถึงตัว มักไม่เห็นคุณพระศาสนา มัวเมาประมาท ปล่อยกายปล่อยใจให้ประพฤติทุจริตผิดศีลธรรมอยู่เป็นประจำนิสัยเห็นผิดเป็นถูก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ต่อเมื่อได้รับทุกข์เข้า ที่พึ่งอื่นไม่มีนั่นแหละ จึงได้คิดถึงพระ คิดถึงศาสนา แต่ก็เป็นเวลาที่สายไปแล้ว

ทำความดีให้เป็นที่อยู่ของจิต

ความดีนั้นเราต้องทำอยู่เสมอให้เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิต ให้เป็นมรรค คือ ทางดำเนินไปของจิต มันจึงจะเห็นผลของความดีไม่ใช่เวลาใกล้จะตาย จึงนิมนต์พระไปให้ศีล ให้ไปบอกพุทโธ หรือตายไปแล้วให้ไปรับศีล เช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดทั้งหมด

เหตุว่าคนเจ็บ จิตมัวติดอยู่กับเวทนา ไฉนจะมาสนใจไยดีกับศีลได้ เว้นไว้แต่ผู้ที่รักษาศีลมาเป็นปกติเท่านั้น จึงจะระลึกได้เพราะตนเองเคยทำมาจนเป็นอารมณ์ของจิตแล้วแต่ส่วนมากใกล้ตายแล้วจึงเตือนให้รักษาศีล

ส่วนคนตายแล้วไม่ต้องพูดถึงเพราะคนตายนั้นร่างกายจิตใจจะไม่รับรู้ใดๆ แล้ว แต่ก็ดีไปอย่างเหมือนพระเทวทัต ทำกรรมจนถูกแผ่นดินสูบ เมื่อลงไปถึงคางจึงระลึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า ขอถวายคางเป็นพุทธบูชา พระเทวทัตยังมีสติระลึกถึงได้จึงมีผลดีในภายภาคหน้า

ความดีเราทำเองดีกว่า

แม้เปรตตนนั้นก็เหมือนกัน ตายไปแล้วจึงมาขอส่วนบุญ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ทำอันตรายแม้พระพุทธรูป แผ่เมตตาให้ไปได้รับหรือไม่ก็ไม่รู้ สู้เราทำเองไม่ได้ เราทำของเรา ได้มากน้อยเท่าไรก็มีความปิติ อิ่มเอิบใจเท่านั้นธรรมทั้งหลายไหลมาจากเหตุ กายก็เป็นเหตุอันหนึ่ง วาจาก็เป็นเหตุอันหนึ่ง ใจก็เป็นเหตุอันหนึ่ง ทางของบุญหรือบาปเหล่านี้มีอยู่ในตัวของเราเอง ไม่ได้อยู่ที่ไหน เราทำเอง สร้างเอง อย่ามัวมั่วอดีต เป็นอนาคตมีแต่ปัจจุบันเท่านั้นที่เป็น "ธรรมดา"

ความดีต้องทำในปัจจุบัน

สิ่งใดที่มันล่วงมาแล้ว เลยมาแล้ว เราไม่สามารถไปตัด ไปปลงมันได้อีกแล้ว

สิ่งที่เราทำไปนั้น ถ้ามันดีมัน ก็ดีไปแล้ว ผ่านไปแล้ว พ้นไปแล้ว ถ้ามันชั่วมันก็ชั่วไปแล้ว ผ่านไปแล้ว เช่นกันอนาคตยังมาไม่ถึง สิ่งที่ยังไม่มาถึงเราก็ยังไม่รู้เห็นว่ามันจะเป็นอย่างไร อย่างมากก็เป็นแต่เพียงการคาดคะเนเอาเองว่าควรเป็นยังงั้น เป็นยังงี้ ซึ่งมันอาจจะเป็น ไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดคะเนก็ได้

ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราได้เห็นจริง ได้สัมผัสจริง เพราะฉะนั้นความดีต้องทำในปัจจุบันทานก็ดี ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี ต้องทำเสียในปัจจุบันที่เรายังมีชีวิตอยู่เราต้องการความดี ก็ต้องทำให้เป็นความดีในปัจจุบันนี้ ต้องการความสุข ต้องการความเจริญ ก็ต้องทำให้เป็นไปในปัจจุบันนี้.....


(หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 01 ตุลาคม 2010, 23:40:38
จะเป็นคู่สร้างคู่สม เมื่อมีสมธรรม ๔ ประการ

ชีวิต คู่ครองนี้ มีคำเรียกตามนิยมว่า ชีวิตสมรส ในทางพระพุทธศาสนามีคำสอนว่า ชีวิตสมรสที่จะมีความสุข ราบรื่น มั่นคงยืนยาวได้นั้น คู่สมรสควรมีคู่ธรรมที่สมหรือสม่ำเสมอกัน อันจะพึงเรียกได้ว่า สมธรรม ๔ ประการ คือ สมศรัทธา สมศีลา สมจาคา และ สมปัญญา สมธรรม ๔ ประการนี้ เป็นฐานรองรับชีวิตคู่ครองในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าฆราวาสธรรม ๔ อย่างที่กล่าวมาแล้ว เพราะแสดงถึงความมีคุณสมบัติสมกันและความมีลักษณะนิสัยสม่ำเสมอกันของคู่ ครอง ซึ่งจะทำให้ผู้สมรสทั้งสองสมชีพหรือสมชีวี คือมีชีวิตที่สมหรือเสมอกัน สมธรรม ๔ ประการ นั้น คือ

๑. สมศรัทธา มีศรัทธาสมหรือเสมอกัน ศรัทธานั้นหมายถึงความเชื่อ ความเลื่อมใส หรือความใฝ่นิยม เช่น ความเชื่อถือในลัทธิศาสนา ความเลื่อมใส ในพระรัตนตรัย และความใฝ่นิยมในคุณค่า หรือสิ่งที่ยึดถือเข้าใจว่าเป็นความดีงามต่าง ๆ ความมีศรัทธาสมกันย่อมเป็นสิ่งสำคัญเบื้องแรกที่จะทำให้ชีวิตครองเรือน กลมกลืนสนิทสนมแน่นแฟ้น เพราะศรัทธาเป็นเครื่องหล่อหลอมความรู้สึกนึกคิด และเป็นพลังชักจูงใจในการดำเนินชีวิตและกระทำกิจการต่าง ๆ ความมีศรัทธาสมกัน ตั้งต้นแต่ความเชื่อถือในลัทธิศาสนาอย่างเดียวกัน ตลอดจนการมีรสนิยมแนวเดียวกันจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิตสมรส ถ้าศรัทธาเบื้องต้นไม่เป็นอย่างเดียวกัน ก็ต้องตกลงปรับให้เป็นไปด้วยความเข้าใจต่อกัน

๒. สมศีลา มีศีล คือความประพฤติสมหรือเสมอกัน คือ มีความประพฤติที่เข้ากันได้ อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่เป็นเหตุให้เกิดความรังเกียจ ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือขัดแย้งรุนแรงต่อกัน เช่น ฝ่ายหนึ่งปากร้าย ชอบกล่าวคำหยาบคาย อีกฝ่ายหนึ่งได้รับการอบรมกวดขันมาทางด้านการพูดจาสุภาพอ่อนหวาน ทนฟังคำหยาบ ไม่ได้ หรือฝ่ายหนึ่งชอบเป็นนักเลงหัวไม้ แต่อีกฝ่ายหนึ่งชอบชีวิตสงบไม่วุ่นวาย ก็อาจเป็นทางเบื่อหน่ายร้าวฉานเลิกร้างกัน หรืออยู่อย่างทนทุกข์ทรมาน

๓. สมจาคา มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เสียสละสมหรือเสมอกัน ในชีวิตของบุคคลที่ต้องติดต่อเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ เริ่มแต่ญาติมิตรสหายเป็นต้นไปนั้น ธรรมข้อสำคัญที่จะต้องแสดงออกอยู่เสมอก็คือ ความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความมีใจกว้างขวาง การช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกัน หรือในทางตรงข้าม ก็เป็นความ ตระหนี่ ความมีใจคับแคบ กระด้าง คู่ครองที่มีจาคะไม่สมกันย่อมมีโอกาสเกิด ความขัดแย้งกระทบกระเทือนจิตใจกันอยู่เรื่อยไป ทำให้ชีวิตครอบครัว เป็นชีวิตที่เปราะ มีทางที่จะแตกร้าวได้ง่าย

๔. สมปัญญา มีปัญญาสมหรือเสมอกัน ปัญญาหมายถึงความรู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักดีชั่ว รู้จักประโยชน์มิใช่ประโยชน์ ความรู้จักคิด ความสามารถในการ ใช้ความคิดและเข้าใจในเหตุผล ความมีปัญญาสมกันมิได้หมายความว่าคู่ครองทั้งสองฝ่ายจะต้องได้เล่าเรียน ศิลปวิทยาการ ทรงความรู้เชี่ยวชาญเหมือน ๆ กัน แต่หมายถึงการมีความคิด การรู้จักรับฟังและเข้าใจในเหตุผลของกันและกัน และการช่วยเป็นคู่คิดของกันและกันได้ อย่างที่กล่าวกันง่าย ๆ ว่าพูดกันรู้เรื่อง คุณธรรม ข้อนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะสามีภรรยาเป็นผู้อยู่ร่วมใกล้ชิดกันทุกเวลา จำต้องมีความเข้าใจกัน ร่วมคิดร่วมปรึกษาหารือกัน บรรเทาข้อหนักใจ และช่วยกันหาทาง แก้ไขปัญหาต่าง ๆ เป็นกำลังแก่กันและกันได้ ความมีปัญญาสมกันนี้ นอกจากเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจทำให้มีความสนิทสนมกันด้วยดีแล้ว ยัง ทำให้ชีวิตของคู่ครอง ทั้งสองฝ่ายเป็นชีวิตที่ส่งเสริมคุณค่าเพิ่มกำลังแก่กันและกันอีกด้วย

พระ บรมศาสดาตรัสแสดงว่า สมธรรม ๔ ประการ นี้ จะเป็นเหตุให้คู่สามีภรรยาได้พบกันทั้งชาตินี้และชาติหน้าตามความประสงค์ สมดังพุทธพจน์ที่ยกขึ้น เป็นนิกเขปบทเบื้องต้นว่า อากงฺเขยฺ ยํเจ คหปตโย อุโภ ชานิปตโย” ดังนี้เป็นต้น แปลความว่า ถ้าคู่สามีภรรยา หวังจะได้พบกันทั้งชาตินี้และชาติหน้าแล้วไซร้ ทั้งสอง พึงเป็นผู้มีศรัทธาสมกัน มีศีลสมกัน มีจาคะสมกัน มีปัญญาสมกัน ดังนี้

ความ สมหรือเสมอกันของคู่ครองตามหลักธรรม ๔ ประการนี้มีความสำคัญอย่างมาก เพราะบุคคลทั้งสองมามีชีวิตอยู่ร่วมกันใกล้ชิดยิ่งกว่าใคร ๆ จนใน ทางโลกกล่าวว่าเป็นบุคคลเดียวกัน การที่จะมารวมเข้าด้วยกันจึงต้องอาศัยความประสานกลมกลืนเหมาะสมกันตามทาง ธรรมดังกล่าวมา

จะร่วมชีวิตกันทั้งที ควรคิดให้ดีว่าจะเป็นคู่ประเภทใด

การ อยู่ครองเรือนของคู่สมรสนั้น เป็นการร่วมกันนำชีวิตทั้งสองผ่านเหตุการณ์ทั้งปวงทั้งที่ดีและร้ายไปด้วย กัน เป็นชีวิตที่ร่วมสุขร่วมทุกข์ทั้งปวง ในแง่นี้ ท่านจึงถือว่าทั้งสองฝ่ายเป็นเพื่อนหรือเป็นสหายกัน และเป็นเพื่อนที่ยิ่งกว่าเพื่อนใด ๆ เพราะร่วมรู้เห็นเหตุการณ์ ร่วมรับสุขทุกข์ครบถ้วนพร้อมกันกว่าเพื่อนอื่น ๆ ดังพุทธภาษิตที่ว่า “ภริยา ปรมา ขา” แปลว่า ภรรยาเป็นเพื่อนอย่างยิ่ง หรือ ภรรยาเป็นยอดสหาย โดยความหมายว่าเป็นคู่ร่วมสุขร่วมทุกข์ดังอธิบายมาแล้ว

อนึ่ง พึงสังเกตว่า ในทางพระศาสนา ท่านแสดงเพื่อนใกล้ตัวไว้อีกบุคคลหนึ่ง ดังพุทธภาษิตว่า “มาตา มิตฺตํ เก ฆเร” แปลว่า มารดาเป็นมิตรในเรือนของตน พุทธภาษิตนี้มิได้ขัดแย้งกับพุทธภาษิตข้อก่อนที่ว่าภรรยาเป็นเพื่อนอย่าง ยิ่งนั้นแต่ประการใด เพราะเพ่งความคนละอย่าง ในพุทธภาษิตข้อก่อน ท่านมุ่งแสดงลักษณะความเป็นไปของชีวิตหรือความสัมพันธ์ที่มองเห็นได้ในภาย นอกว่า ภรรยาเป็นผู้ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสามี ส่วนในพุทธภาษิตข้อหลัง ท่านมุ่งแสดงถึงคุณธรรมในใจ เพราะคำว่ามิตร มีความหมายเพ่งเล็งไปในทางด้านจิตใจและคุณธรรมมากกว่าคำว่าสหายและเพื่อน ตามพุทธภาษิตข้อที่ ๒ นี้ จึงมีความหมายว่า ในบ้านของแต่ละคน มีมารดาเป็นผู้มีเมตตามีความปรารถนาดีต่อบุตร เป็นที่วางใจ พึ่งอาศัยได้อย่างแท้จริง เป็นมิตรแท้คู่บ้าน แน่นอนอยู่ท่านหนึ่งแล้ว

ใน กรณีนี้ หากภรรยาผู้ใดสามารถปฏิบัติตนทำจิตใจให้เป็นมิตรแท้ มีเมตตาปรารถนาดีต่อสามีได้อย่างแท้จริงเหมือนอย่างมารดาแล้ว พระบรมศาสดา ก็ตรัสยกย่องภรรยานั้นว่าเป็น มาตาสมภริยา หรือ มาตาภริยา คือ ภรรยาเสมอด้วยมารดา หรือ ภรรยาเยี่ยงมารดา ส่วนภรรยาผู้มีคุณธรรมอย่างอื่นก็ตรัสเปรียบไว้เหมือนพี่น้องหญิง เหมือนเพื่อนเป็นต้น ดังที่เคยตรัสสอนนางสุชาดา ผู้เป็นสะใภ้ของอนาถปิณฑิกเศรษฐีว่า มีภรรยาอยู่ ๗ ประเภท เป็นฝ่ายร้าย ๓ ประเภท และฝ่ายดี ๔ ประเภท คือ

๑. วธกาภริยา ภรรยาเยี่ยงเพชฌฆาต ได้แก่ภรรยาผู้มีจิตประทุษร้าย ปรารถนาความเสื่อมเสียหายแก่สามี ดูหมิ่นและคิดหาทางทำลายสามี
๒. โจรีภริยา ภรรยาเยี่ยงโจร ได้แก่ภรรยาผู้ล้างผลาญทรัพย์สมบัติที่สามีหามาได้
๓. อัยยาภริยา ภรรยาเยี่ยงนาย ได้แก่ภรรยาผู้ไม่ใส่ใจการงาน เกียจคร้าน รับประทานมาก ปากร้าย หยาบคาย ใจ*ม ข่มสามี
๔. มาตาภริยา ภรรยาเยี่ยงมารดา ได้แก่ภรรยาผู้หวังดีทุกเวลา คอยห่วงใยรักษาสามีเหมือนมารดาปกป้องบุตร และประหยัดรักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้
๕. ภคินีภริยา ภรรยาเยี่ยงน้องสาว ได้แก่ภรรยาผู้เคารพสามีดังน้องกับพี่ มีใจอ่อนโยน คล้อยตามสามี
๖. สขีภริยา ภรรยาเยี่ยงสหาย ได้แก่ภรรยาที่พบสามีเมื่อใดก็ปลาบปลื้ม ดีใจเหมือนเพื่อนพบเพื่อนผู้จากไปนาน เป็นคนมีตระกูล (ได้รับการศึกษาอบรม) มีความประพฤติดี รู้จักปฏิบัติสามี
๗. ทาสีภริยา ภรรยาเยี่ยงทาส ได้แก่ภรรยาที่ยอมอยู่ในอำนาจสามี ถูกขู่ตะคอกเฆี่ยนตี ก็อดทนได้ ไม่โกรธตอบ

คนดีมาครองคู่คือเอาคุณค่าของชีวิตมาเสริมกัน และทวีกำลังในการสร้างสรรค์

พรรณนาความ ตามที่แสดงมาทั้งหมดนี้ ควรถือเอาสาระสำคัญที่เป็นใจความอย่างหนึ่งว่า หลักธรรมสำหรับการครองเรือน ที่สอนให้คู่ครองมีความสมกันทั้งหลายก็ดี ให้รู้จักปฏิบัติหน้าที่ถนอมรักษาน้ำใจกันด้วยประการต่าง ๆ ก็ดี รวมทั้งหมดนี้ล้วนมีความมุ่งหมายเพื่อให้การครองเรือนของคู่สามีภรรยา เป็นไปในทางที่ส่งเสริมคุณค่าแห่งชีวิตของกันและกัน และเป็นเครื่องอุปถัมภ์ส่งเสริมเพิ่มพูนกำลังแก่กัน เช่น เมื่อมีคุณธรรมความดีอยู่แล้ว ก็จักได้บำเพ็ญ คุณธรรมความดีเหล่านั้นให้เพิ่มพูนยิ่ง ๆ ขึ้นไป เมื่อกระ ทำประโยชน์ตนอยู่ก็จักได้กระทำประโยชน์นั้นให้เข้มแข็งหนักแน่น ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เมื่อบำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่นอยู่ ก็จักได้มีกำลังช่วยกันบำเพ็ญประโยชน์นั้นให้กว้างขวางได้ผลดียิ่ง ๆ ขึ้นไป เป็นการสร้างเสริมความสุขความเจริญก้าวหน้าทั้งแก่ชีวิตตนเอง ชีวิตคู่ครอง และชีวิตอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดถึงสังคมส่วนรวม ทำตนให้เป็นผู้ควรได้ชื่อว่าเป็น สัตบุรุษ หรือสัปปุรุษ ซึ่งเป็นบุคคลที่ดีมีค่า ตามความ หมายของพระพุทธศาสนา ดังพุทธพจน์แสดงปฏิปทาของสัตบุรุษว่า

“ภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษเมื่อเกิดในตระกูล ย่อมเกิดเพื่อประโยชน์เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก แก่บิดามารดา แก่บุตรภรรยา แก่คนรับใช้ และกรรมกร แก่มิตรและผู้ร่วมงาน แก่บรรพชน แก่รัฐ แก่ทวยเทพ และแก่สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาเมฆที่ตกลงมายังข้าวกล้าให้เจริญงอกงามทั่วกัน ก่อให้เกิดประโยชน์ ความเกื้อกูล และความสุขแก่ชนเป็นอันมาก ฉะนั้น”

ประโยชน์ สุขอันกว้างขวางซึ่งเกิดมีเพราะสัตบุรุษเช่นนี้ ย่อมต้องเริ่มต้นจากวงแคบออกไปก่อนตามลำดับ คือเริ่มจากครอบครัว และเริ่มจากการประพฤติ ปฏิบัติต่อกันระหว่างคู่ครองทั้งสองแต่ละฝ่าย เมื่อคู่ครองต่างฝ่ายมีคุณธรรมและรู้จักปฏิบัติหน้าที่ของตน เป็นกำลังส่งเสริมแก่กัน ทำชีวิตครอบครัวให้มีความสุขความเจริญแล้ว ก็จะแผ่ขยายประโยชน์สุขนั้นออกไปให้กว้างขวางได้สำเร็จสมความปรารถนา ดังนั้น ชีวิตครองเรือนที่มุ่งหมายในพระศาสนาจึงได้แก่ชีวิตที่คู่วิวาห์ มาร่วมอุปถัมภ์ซึ่งกันและกัน เพิ่มพูนคุณค่าแห่งชีวิตทั้งสอง ทวีกำลังในการบำเพ็ญประโยชน์ ุขให้ภิญโญแผ่ไพศาล คู่สมรสใดดำเนินชีวิตครอบครัวของตน ให้มี คุณลักษณะสมดังที่ได้พรรณนามา ก็จักได้ชื่อว่าเป็นคู่ครองที่ควรยกย่องสรรเสริญ ควรนับว่าเป็นชีวิตครองเรือนที่ประสบความสำเร็จด้วยดี

คู่ครองที่ดี

คู่ครองที่ดี ที่จะเป็นคู่ร่วมชีวิตกันได้ นอกจากกามคุณแล้ว ควรมีคุณสมบัติ และประพฤติตามข้อปฏิบัติ ดังนี้

ก. คู่สร้างคู่สม มีหลักธรรมของคู่ชีวิต ที่จะทำให้คู่สมรสมีชีวิตสอดคล้อง กลมกลืนกัน เป็นพื้นฐานอันมั่นคงที่จะทำให้อยู่ครองกันได้ยืดยาว เรียกว่า สมชีวิธรรม ๔ ประการ คือ

๑. สมสัทธา มีศรัทธาสมกัน เคารพนับถือในลัทธิศาสนา สิ่งเคารพบูชา แนวความคิดความเชื่อถือ หรือหลักการต่างๆ ตลอดจนแนวความสนใจอย่างเดียว กันหนักแน่นเสมอกัน หรือปรับเข้าหากัน ลงกันได้
๒. สมสีลา มีศีลสมกัน มีความประพฤติ ศีลธรรม จรรยา มารยาท พื้นฐานการอบรม พอเหมาะสอดคล้อง ไปกันได้
๓. สมจาคา มีจาคะสมกัน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความโอบอ้อมอารี ความมีใจกว้าง ความเสียสละ ความพร้อมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น พอกลมกลืนกัน ไม่ขัดแย้งบีบคั้นกัน
๔. สมปัญญา มีปัญญาสมกัน รู้เหตุรู้ผล เข้าใจกัน อย่างน้อยพูดกันรู้เรื่อง
(องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๕๕/๘๐)

ข. คู่ชื่นชมคู่ระกำ หรือ คู่บุญคู่กรรม คือ คู่ครองที่มีคุณธรรม ลักษณะนิสัยความประพฤติปฏิบัติ การแสดงออกต่อกัน ที่ทำให้เกื้อกูลกันหรือถูกกัน ก็มี ต้องยอมทนกันหรืออยู่กันอย่างขมขื่น ก็มี ในกรณีนี้ ท่านแสดงภรรยาประเภทต่าง ๆ ไว้ ๗ ประเภท คือ

๑. วธกาภริยา ภรรยาเยี่ยงเพชฌฆาต คือ ภรรยาที่มิได้อยู่กินด้วยความพอใจ ดูหมิ่น และคิดทำลายสามี
๒. โจรีภริยา ภรรยาเยี่ยงโจร คือ ภรรยาชนิดที่ล้างผลาญทรัพย์สมบัติ
๓. อัยยาภริยา ภรรยาเยี่ยงนาย คือ ภรรยาที่เกียจคร้าน ไม่ใส่ใจการงาน ปากร้าย หยาบคาย ชอบข่มสามี
๔. มาตาภริยา ภรรยาเยี่ยงมารดา คือ ภรรยาที่หวังดีเสมอ คอยห่วงใย เอาใจใส่สามี หาทรัพย์มาได้ก็เอาใจใส่ คอยประหยัดรักษา
๕. ภคินีภริยา ภรรยาเยี่ยงน้องสาว คือ ภรรยาผู้เคารพรักสามี ดังน้องรักพี่ มีใจอ่อนโยน รู้จักเกรงใจ มักคล้อยตามสามี
๖. สขีภริยา ภรรยาเยี่ยงสหาย คือ ภรรยาที่เป็นเหมือนเพื่อน มีจิตภักดี เวลาพบสามีก็ร่าเริงยินดี วางตัวดี ประพฤติดี มีกิริยามารยาทงาม เป็นคู่คิดคู่ใจ
๗. ทาสีภริยา ภรรยาเยี่ยงนางทาสี คือ ภรรยาที่ยอมอยู่ใต้อำนาจสามี ถูกสามีตะคอกตบตี ก็อดทน ไม่แสดงความโกรธตอบ
(องฺ. ตฺตก. ๒๓/๖๐/๙๒)

ท่าน สอนให้ภรรยาสำรวจตนว่าที่เป็นอยู่ ตนเป็นภรรยาประเภทไหน ถ้าจะให้ดี ควรเป็นภรรยาประเภทใด สำหรับชายอาจใช้เป็นหลักสำรวจอุปนิสัยของตน ว่าควรแก่หญิงประเภทใดเป็นคู่ครอง และสำรวจหญิงที่จะเป็นคู่ครองว่าเหมาะกับอุปนิสัยตนหรือไม่

แม้สามีก็ย่อมมีหลายประเภทพึงเทียบเอาจากภรรยาประเภท ต่าง ๆ เหล่านั้น

จากhttp://sathira-dhammasathan.org/index.p ... 15582.html


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 01 ตุลาคม 2010, 23:41:51
ตั้งสติอยู่กับปัจจุบัน   

 การเจริญสติควรจะดำเนินในชีวิตประจำวันด้วย กินข้าว อาบน้ำ ทำครัว ซักผ้า
นี่คือโอกาสในการเจริญสติได้ทั้งนั้น คือทำอะไรก็อยู่กับสิ่งนั้น
อย่าปล่อยให้ใจฟุ้งซ่าน ทำเป็นอย่างๆ ไม่ใช่กำลังกินก็คิดไปเรื่องงานเรื่องการ
คนเราสมัยนี้ชอบจะคิดข้ามชอตอยู่เป็นประจำ
ไม่ยอมอยู่กับสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเรา อย่างนี้คือไม่มีสติ 

 การอยู่กับปัจจุบันไม่ได้ขัดแย้งกับการวางแผนชีวิตนะขณะที่คุณวางแผน
ถ้าใจคุณคิดอยู่กับการวางแผน ตอนนั้นก็เท่ากับการคิดวางแผนเป็นปัจจุบันขณะ
เมื่อคุณกำลังวางแผนการทำงานในวันพรุ่งนี้ก็ให้คุณมีสติอยู่กับสิ่งนั้น
อย่าวอกแวก อย่าคิดวน แล้วมันจะมีอารมณ์ความวิตกกังวลเข้ามา
ที่พระพุทธเจ้าบอกให้อยู่กับปัจจุบันขณะคือไม่ฟูมฟายไปกับอดีต
และไม่วิตกกังวลไปกับอนาคตเพราะมันยังมาไม่ถึง
จะวิตกกังวลไปทำไม เพราะมันก็ไม่ช่วยให้อนาคตเป็นไปอย่างที่คุณต้องการ 

 ง่ายๆ เวลาเจอไฟแดงแล้วรถติด ทำไมคนส่วนใหญ่ทุกข์ เพราะกลัวว่าจะไปสาย
แล้วใจที่อยากจะให้ไฟเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวไวๆ ถามว่าทุกข์หรือเปล่า
ถามว่าได้ประโยชน์อะไรมั้ย การที่คุณกังวลมากแล้วจะทำให้ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวหรือเปล่า
จะทำให้ถึงที่หมายได้เร็วขึ้นหรือเปล่า ในเวลาเช่นนั้นไม่ดีกว่าเหรอ
ถ้าคุณจะสนใจกับเสียงเพลงหรือข่าวที่คุณเปิดทางวิทยุ
หรือว่าดูลมหายใจเข้า-ออก แทนที่จะวิตกกังวลว่าเมื่อไหร่จะเขียวสักที
นี่คือการอยู่กับปัจจุบัน ไม่มัวกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง 

  ข้อคิดดีๆ กับ พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคโต 

-http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=34601


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 01 ตุลาคม 2010, 23:42:47
พึงอยู่ด้วยความไม่ประมาท

หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี


วิปัสสนานี้มีผลอานิสงส์ใหญ่ยิ่งกว่าทาน ศีล พรหมวิหารภาวนา
ย่อมทำให้ผู้เจริญนั้นมีสติไม่หลงเมื่อทำกาลกิริยา
มีสุคติภพคือมนุษย์และโลกสวรรค์เป็นไปในเบื้องหน้า
หากยังไม่บรรลุผลทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
ถ้าอุปนิสัยมรรคผลมี ก็ย่อมทำให้ผู้นั้นบรรลุมรรคผล
ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ในชาตินี้นั่นเทียว

อนึ่ง ยากนักที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์
เพราะต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์
คือ ศีล ๕ และกุศลธรรมบท ๑๐
จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ชีวิตที่เป็นมานี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก
เพราะอันตรายชีวิตทั้งภายในภายนอกมีมากต่างๆ
การที่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ
คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก
เพราะกาลที่เปล่าว่างอยู่
ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกยืดยาวนานนัก
บางคาบบางสมัยจึงจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง
เหตุนั้นเราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด
อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาเลย




จาก ลานธรรมจักร



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ตุลาคม 2010, 15:40:01
คนที่มีความรู้สูง
ตำแหน่งหน้าที่การงานดี
มิใช่ว่าจะเป็นคนดี
คนที่มีความรู้น้อย
ตำแหน่งหน้าที่การงานต่ำ
มิใช่ว่าจะเป็นคนชั่ว
แต่ดีหรือชั่ว
อยู่ที่ถูกต้อง เมตตา และคุณธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ตุลาคม 2010, 22:55:52
กาลามสูตร

1.ฟัง :อย่าเชื่อโดยการฟังบอกต่อกันมา

อย่าเชื่อตามการรับฟังต่อๆกันมา เช่นคนนี้ว่าอย่างโน้น คนโน้นว่าอย่างนี้ จงใคร่ครวญด้วยปัญญา

2.สืบ : อย่าเชื่อว่าเป็นการทำตามสืบๆ กันมา

อย่า เชื่อตามการกระทำตามๆสืบๆกันมาต้องพิจารณาว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นการเพิ่ม หรือลดปัญหา ถ้าเพิ่มปัญหาก็ไม่ต้องทำให้เสียเวลา เช่น แฟชั่นต่างๆ พิธีกรรมต่างๆ ที่งมงายไม่มีเหตุผล

3.ลือ :อย่าเชื่อตามเสียงเล่าลือ

อย่า เชื่อตามการเล่าลือ ข่าวโคมลอย เขาว่าอย่างโน้น เขาว่าอย่างนี้ หรือแบบกระต่ายตื่นตูม ตัวเองโง่คนเดียวไม่พอ ทำให้คนอื่นพลอยโง่ไปด้วย ต้องระวังให้มาก เช่น หมอดู เจ้าแม่ เจ้าพ่อ สิ่งศักดิ์สิทธิต่างๆ เครื่องลางของขลัง พระเครื่อง โดยมากจะมีหน้าม้าคอยโฆษณาชวนเชื่อ

4.ถือตำรา : อย่าเชื่อตามตำรา

อย่า เชื่อเพราะมีเหตุเพียงว่ามีอ้างไว้ในตำรา เพราะนั่นเป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น ดังนั้นในทฤษฎีที่อ้างไว้ในตำรานั้นให้ศึกษาแล้วนำมาปฏิบัติดูว่าผลลัพท์ที่ ได้เป็นไปตามที่อ้างไว้ในทฤษฎีหรือไม่

5.ว่าคาดเดา : อย่าเชื่อตามเหตุผล/ตรรกะ /แนวโน้ม สถิติ

อย่ายึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เข้าใจเอาเอง เดาสุ่ม มั่วๆเอา

6.เหมาคาดคะเน : อย่าเชื่อตามการคำนวณ

อย่า ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น เห็นแค่บางส่วนอย่าเหมาว่าทั้งหมดมันควรจะเป็นเหมือนกันหมด

7.โมเมตามอาการ :อย่าเชื่อด้วยการตรึกตามอาการ

อย่า เชื่อหรือรับเอามาเชื่อด้วยการตรึกเอาตามอาการ เพราะจะทำให้ถูกหลอก และเกิดกิเลสฟรีๆก็ได้ ดังนั้นต้องคิดเผื่อไว้บ้าง เช่น การแก้ปัญหาก่อนหน้านี้เคยแก้ได้ด้วยวิธีนี้ พอมาเจอกับปัญหาเดิมๆแต่กาลเวลาไม่เหมือนเดิม อาจจะไม่สามารถใช้วิธีแก้แบบเดิมได้ก็ได้ อย่าเข้าข้างตัวเอง

8.สานความเห็นเรา : อย่าเชื่อด้วยเห็นว่าข้อความนั้นเป็นไปได้หรือเข้ากับความเห็นเรา

อย่า เชื่อด้วยเพียงสักว่า ข้อความนั้นมันเป็นได้ หรือเข้ากันได้กับความเห็นของตัวเรา เพราะตัวเรานั้นยังมีกิเลสอยู่ จึงไม่บริสุทธิ์ ต้องถือตามกฎธรรมชาติเป็นหลัก จึงไม่เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ คือ ถ้ามีกิเลสแล้วตัวต้องเป็นทุกข์ทั้งนั้น แต่ถ้ามีธรรมแล้ว จิตจะไม่เป็นทุกข์ นี้เป็นกฎธรรมชาติที่ตายตัวแน่นอน และไม่เปลี่ยนแปลง พระพุทธเจ้าทรงนำมาเปิดเผยขึ้นในโลก

9.เขาน่าเชื่อถือ : อย่าเชื่อว่า ผู้พูดเป็นผู้มีลักษณะน่าเชื่อถือ

อย่าเชื่อด้วยเหตุเพียงสักว่าผู้พูดมีลักษณะน่าเชื่อถือ มีตำแหน่งใหญ่โต แต่งตัวดี ภูมิฐาน เพราะอาจจะโดนหลอกได้

10.หรือเป็นครูเรา : อย่าเชื่อว่านี่คือครูของเรา

อย่าเชื่อด้วยเหตุเพียงสักว่าผู้พูดมีลักษณะน่าเชื่อถือ มีตำแหน่งใหญ่โต แต่งตัวดี ภูมิฐาน เพราะอาจจะโดนหลอกได้

 สรุป สิ่งใดที่เป็นกุศล ขอให้เชื่อสิ่งนั้น สิ่งใดไม่เป็นกุศลสิ่งนั้นไม่น่าเชื่อ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ตุลาคม 2010, 23:49:56
สอนใจตัวเองก่อน

 

เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่  เป็นครู  เป็นพ่อแม่

 

มีลูกน้อง มีลูกศิษย์ มีลูก

 

สมมติว่าเราเป็นพ่อแม่มีลูก

 

เมื่อลูกทำผิดจริง ๆ แล้วเราโกรธ ใจร้อน อย่าเพิ่งสอนลูก

 

สอนใจตัวเองให้ระงับอารมณ์ร้อน ให้ใจเย็น ใจดี

 

มีเมตตาก่อน จนรู้สึกมั่นใจว่าใจเราพร้อมแล้ว

 

และดูว่าลูกพร้อมที่จะรับฟังไหม ถ้าเราพร้อม

 

แต่ลูกยังไม่พร้อม ก็ยังไม่ต้องพูด เพราะไม่เกิดประโยชน์

 

เราพร้อมที่จะสอน เขาพร้อมที่จะฟัง

 

จึงจะเกิดประโยชน์เป็นการสอน

 

ถ้าเราสังเกตุดู บางครั้งใจเรารู้สึกเหมือนอยากจะสอน

 

แต่ความเป็ฯจริงแล้วเราเพียงอยากระบายอารมณ์ของเรา

 

สิ่งที่เราพูดแม้เป็นเรื่องจริง แต่ก็แฝงด้วยความโกรธ

 

เพราะยังเป็นความใจร้อน มีตัณหา

 

ถ้าใจเราโกรธ พูดเหมือนกัน พูดคำเดียวกัน นั่นคือโกรธ

 

ถ้าใจเราดี ใจเขาดี คำพูดของเราเป็นประโยชน์ นั่นคือสอน

 

เมื่อเราอยู่ในสังคม สิ่งที่ต้องระวังคือ หากเห็นใครทำผิด

 

อย่ายึดมั่นถือมั่นในความรู้สึกและความคิดของตน

 

อย่ายินดี อย่ายินร้าย ใจเย็น ๆ  ไว้ก่อน

 

พยายามอบรมใจตนเองว่า

 

ธรรมชาติของคนเรา มักจะมองข้ามความผิดของตนเอง

 

ชอบจับผิดแต่คนอื่น



มองเห็นความผิดของคนอื่นเหมือนภูเขา

 

เห็นความผิดตนเท่ารูเข็ม

 

ตดคนอื่นเหม็นเหลือทน

 

ตดตนเองเหม็นไม่เป็นไร

 

ปากคนอื่นเหม็นเหลือทน

 

ปากของตนเหม็นไม่รู้สึกอะไร

เรามักทุ่มใจ ไปอยู่ที่ความรู้สึกนึกคิดของตนเอง

อย่าเชื่อความรู้สึก อย่าเชื่ออารมณ์ อย่ายินดี ยินร้าย

พยายามรักษาใจเย็น  ใจดี ใจกลาง ๆ

ปกติเราทำผิดเหมือนกัน เท่ากัน หรืออาจจะมากกว่าเขา

แต่ความรู้สึกของเรามักจะมากกว่าเขา

และไม่เห็นความผิดของตัวเองเลยน่ากลัวจริง ๆ

สังเกตุดู คนที่ขี้บ่น ขี้โมโหว่าคนอื่นทำอะไรไม่ดี ไม่ถูก

ตัวของเขาเอง คิดดี พูดดี ทำดีไหม....ก็อาจจะไม่

 

เราเองก็เหมือนกัน เมื่อเราเกิดอารมณ์ไม่พอใจ

 

อย่าเชื่อความรู้สึกให้ระงับอารมณ์เสีย ทำใจเป็นกลาง ๆไว้

อย่าเชื่อความรู้สึก

อย่าเชื่ออารมณ์

อย่ายินดียินร้าย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 ตุลาคม 2010, 22:53:48
ความเพียรชนะโชคชะตา

ความเพียรของมนุษย์
เทวดาก็กีดกันไม่ได้ ว่างั้นนะ
อันนี้ก็หมายความว่า
พุทธศาสนาเนี่ยไม่ยอมแก่เรื่องโชคชะตา
ให้มีความเพียรพยายามใช้สติปัญญากำลังความสามารถ
แล้วจะสามารถเอาชนะแม้แต่โชคชะตาได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: เก๋าลัดคุง ที่ 04 ตุลาคม 2010, 23:15:14
 :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ตุลาคม 2010, 23:44:58
เมื่อคนเราเกิดมา มีพ่อแม่ให้กำเนิด  สอนเรามาตั้งแต่เรายังเล็ก  จนเติบใหญ่  ในอดีตที่ผ่านมานั้น  เราได้เคยทดแทนพระคุณพ่อแม่แค่ไหน ขอให้คิดดูเถิด
      ยามนี้เมื่อเราได้มีความเจริญเป็นผู้ใหญ่ มั่งมีทรัพย์แล้ว  เหลียวแลพ่อแม่ หรือเปล่า   ต่อไปภายหน้าเราก็ต้องแก่เฒ่า ไม่วันใดก็วันหนึ่งใช่ไหม
      ฉะนั้น  ขอให้ทุกท่าน จงตรึกนึกคิด
      ความ กตัญญู ที่มนุษย์ทุกคนควรมีนี้  ควรมีอยู่ในสำนึกจากจิตใจที่ดีของตนเอง ที่มีให้ต่อผู้มีพระคุณยิ่ง ได้แก่ พ่อ แม่ของตนเอง  ขอให้รู้ไว้ว่า โลกมนุษย์ ได้มีพระธรรมอันเลิศของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทศน์โปรดให้มนุษย์ได้หลุดพ้นทุกข์  ก็ขอให้ทุก ๆ คนใฝ่รู้ พากเพียร  มีความขยัน ตั้งใจทำความดีเสมอ    บุญแห่งความดีนี้ จะรักษาตน  นำพาตน ไปสู่แดนอันมีสุขได้
      ขอให้ทุกท่าน จงตั้งใจทำความดี  มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้มีพระคุณ อย่างมากที่สุด สมกับผู้ที่ได้ชื่อว่า ?ลูกกตัญญู?


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้มคอมพิวเตอร์ ที่ 06 ตุลาคม 2010, 00:08:39
ชาติที่แล้วเราไปผูกมัดใครไว้บ้างหรือเปล่า? 
 
 
กรรมที่ทำให้เราไม่เจอเนื้อคู่ - สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี
ชาติที่แล้วเราไปผูกมัดใครไว้บ้างหรือเปล่า?

        ชาติที่แล้วเราไปผูกมัดใครไว้บ้างก็ไม่รู้ด้วยคำสัญญา เช่น เราจะรักกันทุกชาติไป โดยหารู้ไม่ว่ากรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ชาติภพใหม่ก็เลยแตกต่างกันไป แต่คำมั่นที่สาบานยังอยู่ อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณยังเป็นโสดจนทุกวันนี้ ลองสวดมนต์บทนี้ดูอาจจะดีขึ้นนะ คำขอขมาและอธิษฐานจิต อธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดก่อนนอนก็ได้

( นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ )

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต

      'หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกิน บิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า
ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วย กาย วาจา ใจ ก็ดี ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา
      ขออนุญาติมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร
       ขอบุญบารมี ในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติ ปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ โรคภัยใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก ทางธรรมตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ
         หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความพยาบาท ความอาฆาต และคำสาปแช่งในทุกชาติทุกภพ
ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรมนายเวร'


คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ แต่ละคนมีเจ้ากรรมนายเวรที่แตกต่างกัน การสวดขอขมาเพื่อลดและปลดหนี้กรรมให้น้อยลง

( คาถา บทนี้ เป็นคาถาที่ใช้สำหรับขอขมาพระรัตนตรัย และใช้เพื่อถอนคำสาปแช่ง ในอดีตชาติ ที่ติดตามมา เพราะเราไม่รู้ว่าเคยได้ ล่วงเกินปรามาสใครไปบ้างก็ไม่รู้ ไม่เว้นแม้กระทั้ง
พระพุทธองค์ พระอรหันต์ พ่อ แม่ เป็นต้น เพราะบางคนทำการใดๆ มักมีอุปสรรค หรือมักมีคนไม่ชอบหน้า )


 
 
 
ที่นี่ดอทคอม




หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bigblog ที่ 06 ตุลาคม 2010, 00:14:48
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ตุลาคม 2010, 01:25:04
ขอพวกเราทั้งหลายจำไว้เถิด
ว่าการเกิดนี้ลำบากยากนักหนา
ครั้นคนเราได้กำเนิดเกิดขึ้นมา
ก็กลับพากันถึงซึ่งความตาย

(หลวงวิจิตรวาทการ)


ต้องเวียนเกิดเวียนตายตามบุญบาป
เมื่อไรทราบธรรมแท้ไม่แปรผัน
ไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายสบายครัน
มีเท่านั้นใครหาพบจบกันเอย

(ท่านพุทธทาสภิกขุ)


กายนี้ท่านเปรียบดั่งท่อนไม้
ครั้นดับไปสมมติว่าเป็นผี
เครื่องเปื่อยเน่าสะสมถมปฐพี
เหมือนกันทั้งผู้ดีและเข็ญใจ

(เจ้าพระยาคลัง หน)


อันรูปรสกลิ่นเสียงนั้นเพียงหลอก
ไม่จริงดอกอวิชชาพาให้หลง
อย่าลืมนะร่างกายไม่เที่ยงตรง
ไม่ยืนยงทรงอยู่คู่ฟ้าเอย

(จากหนังสือเก่าโบราณ)


กลางทะเลอวกาศที่เวิ้งว้าง
สรรพสิ่งได้ถูกสร้างแปลงไว้
จากดินน้ำลมและไฟ
ก่อเกิดเป็นสิ่งใหม่เรื่อยมา

เมื่อถึงคราวแตกดับ
สรรพสิ่งก็หมุนกลับไปหา
ธรรมชาติเดิมแท้นั้นอีกครา
เวียนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ตุลาคม 2010, 23:35:17
- เทคนิคมองโลกในแง่ดี -

คนไทยสมัยนี้เครียดกันง่ายจัง วันๆ หนึ่งต้องพบกับความทุกข์ใจ ไม่สบายใจ กังวลใจ กันหลายๆ ครั้ง ไม่ เหมือนกับคนไทยสมัยโบราณที่กว่าจะเกิดความเครียดขึ้นมาได้ โน่น..ต้องมีเสือบุกเข้ามากินวัว โจรบุกเข้ามาปล้น ถึงจะเกิดความเครียดกันทีหนึ่ง เรียกว่าวันๆ หนึ่งแทบจะไม่รู้จักความเครียดกันเลย ใบหน้าคนไทยสมัยก่อนจึงมีแต่รอยยิ้ม พวกฝรั่งซึ่งเป็นคนมาจากวัฒนธรรมอื่นมาเห็นเข้าพากันแปลกใจว่าทำไมคนไทย อารมณ์ดีกันจัง ก็เลยตั้งชื่อว่าให้ว่า "สยามเมืองยิ้ม"

นอก จากนี้คนไทยยังมีวิธีคิดที่ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา ให้รู้จักคิดปล่อยวาง คิดให้สบายใจ ในยามที่ต้องพบกับปัญหาหนักๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเหลือร่องรอยวิธีคิดเหล่านี้อยู่ในนิสัยคนไทยทั่วๆ ไปบ้าง แต่บางคนก็ลืมไปแล้ว หรือคนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก วันนี้เครือข่ายฯจึงขอนำวิธีคิดเหล่านี้นำมาปรับปรุงแก้ไขให้มีความเป็นพุทธ และ ให้มีความทันสมัย เหมาะกับคนยุคปัจจุบันมากขึ้น นำเสนอเป็นเทคนิควิธีคิดมองโลกในแง่ดีสำหรับคนยุคไอที ดังต่อไปนี้


ยามพบอุปสรรคในการทำงาน

ไม่ เป็นไร..เอาใหม่ : คำพูดนี้สำคัญมากครับ เอาไว้ใช้อุทาน เวลาท่านต้องประสบกับปัญหาความล้มเหลวในการทำงานหรือ เจอข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน หรือ เวลาเพื่อนร่วมงานทำงานผิดพลาด คำพูดนี้จะเป็นเครื่องปลอบใจและให้กำลังใจได้เป็นอย่างดี คำว่า "ไม่เป็นไร" เป็นคำที่ทำให้จิตใจปล่อยวางจากปัญหา ไม่ถูกบีบคั้นจากปัญหา คำว่า "เอาใหม่" เป็น คำพูดที่ปลุกคุณธรรมข้อ "วิริยะ" แปลว่า เพียรสู้งาน ปลุกใจให้เราคิดสู้ปัญหา ไม่ท้อถอย


ยามพบกับเหตุการณ์ร้ายที่ไม่พึงปรารถนา

โชคดีนะเนี่ย : ไม่ว่าคุณเจอะเจอกับความทุกข์กายทุกข์ใจอะไรในชีวิตประจำวัน ให้คิดเสียว่าสิ่งเลวร้ายที่เราต้องประสบทุกๆ ครั้ง มันไม่ได้ร้ายกาจจนถึงที่สุดแม้สักอย่างเดียว มันเป็นความ"โชคดี"ของเราจริงๆ ที่ไม่เจอหนักกว่านี้

ยกตัวอย่าง

เดินหัวชนเสาหัวปูด อุทานว่า "อูย ! ..โชคดีนะเรา หัวยังไม่แตก"
โดนตัดเงินเดือน พูดกับตัวเองว่า "เขาไม่ไล่เราออก ก็บุญแล้ว ถือว่ายังโชคดีนะเนี่ย"
ทำกาแฟร้อนๆ หกรดขากางเกง พูดกับตัวเองว่า "เหอ..ๆ โชคดี ที่มันไม่หกรดเป้ากางเกงเรา"


ยามมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

เขา ยังดีนะ : เวลาคุณมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์ เช่นเพื่อนร่วมงาน คนข้างบ้าน ฯลฯ เช่น บางคนอาจจะทำงานไม่ถูกใจ บางคนอาจจะทำอะไรผิดใจคุณ หรือ บางคนอาจจะมีเจตนาไม่ดีกับคุณ ให้คิดเช่นเดียวกันว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันก็ยัง ไม่ได้ร้ายกาจถึงที่สุดกับคุณแต่อย่างใด มันยังมีแง่ดีๆ ให้เราคิดถึงเขาอยู่เสมอ

ยกตัวอย่าง

คนข้างบ้านนินทาเรา เราก็บอกกับตัวเองว่า โอ้... นี่เขายังดีนะที่ไม่ถึงกับมาดักทำร้ายเรา
มีคนมาขโมยปากกาที่โต๊ะทำงานเราไป เราก็คิดว่า เจ้าขโมยนี่ยังดี ที่ไม่ยกเครื่องคอมพ์เราไป
สาวหักอก เราก็คิดว่า เธอยังดีนะเนี่ย ที่ไม่ควงคู่แข่งมาเย้ยเราให้เจ็บใจหนักไปกว่านี้
เพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ เราก็คิดว่า เขาก็ยังดีที่ไม่ใส่ร้ายป้ายสีเราข้างหลัง


เทคนิคคิดเมื่อเจอปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

เอ๊ะ...! ตรงนี้เราได้อะไร : เป็นการตั้งคำถามเพื่อให้จิตตั้งแง่คิดเพื่อมุ่งหาความรู้ทันทีที่ได้พบกับ ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น นาย ก. เดินตกท่อ ขาแข้งถลอก นาย ก. ทั้งๆ ที่เจ็บปวด กลับตั้งคำถามขึ้นมาในใจว่า เราเดินตกท่อตรงนี้ เราได้อะไร ! เท่านั้นเองคำตอบต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมามากมาย อาทิเช่น

ก. เราได้ดูแลรักษาตัวเองอีกแล้วดีจัง ไม่ได้ดูแลตัวเองมานาน
ข. เราได้บทเรียนซาบซึ้งกับคำว่า "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง"
(เคยเดินมาดีๆ ทุกวัน วันนี้ใครกันดันมาเปิดฝาท่อ)

ค. มันทำให้เราได้ไอเดียเกี่ยวการทาแถบสีสะท้อนแสงตรงขอบท่อ เพื่อคนจะได้สังเกตเห็นได้แต่ไกลๆ

วิธี คิดเช่นนี้จะทำให้เรารู้สึกเลยว่า ชีวิตนี้มีแต่ได้ ไม่มีเสีย คือ แม้ว่าเราจะพบกับสิ่งที่ไม่น่าพึงปรารถนาก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักตั้งคำถามเช่นนี้เป็นนิสัย เราก็จะได้สิ่งที่ดีๆ มากมายจนบางครั้งเราอาจจะต้องนึกขอบคุณที่ได้เจอกับปัญหาบ่อยๆ เลยทีเดียว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: YAMS ที่ 08 ตุลาคม 2010, 00:00:44
ท่าน darkknightza สึกหรือยังคะ
ขอแสดงความเสียใจเรื่องคุณย่าด้วยนะคะ
พอดีเราเพิ่งย้อนกลับไปดูกระทู้นั้นแล้วเพิ่งทราบค่ะ

ขอบคุณที่นำธรรมะมาฝากค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: natterwoods ที่ 08 ตุลาคม 2010, 00:03:13
ขออ่านทีละคำสอน เป็นเรื่องๆ ไปนะครับ

เยอะมาก ค่อยๆ เคลียร์
 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ตุลาคม 2010, 01:03:56
ท่าน darkknightza สึกหรือยังคะ
ขอแสดงความเสียใจเรื่องคุณย่าด้วยนะคะ
พอดีเราเพิ่งย้อนกลับไปดูกระทู้นั้นแล้วเพิ่งทราบค่ะ

ขอบคุณที่นำธรรมะมาฝากค่ะ
ยังเลยโยม เอ่อ หลังจากลอยอังคารย่าพ่อก็เสียตามไปเลย แต่ไม่เป็นไร เพราะมันเรื่องธรรมดา
คนเ้ราตายได้ทุกลมหายใจ
ขอฝากธรรมะที่สำคัญมากๆ
เรามีความแก่เป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้

เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้

เรามีความตายเป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้

เราจักพลัดพรากจากของที่รัก ของชอบใจทั้งหลาย

เรามีกรรมเป็นของๆตน  เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

เรามีกรรมเป็นแดนเกิด  เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธ์

เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย  เราทำกรรมอันใดไว้

เป็นกรรมดีก็ตาม  เป็นกรรมชั่วก็ตาม

เราจักต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น

เราทั้งหลายพึงพิจารณาเนืองๆอย่างนี้แล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ball772 ที่ 09 ตุลาคม 2010, 01:08:56
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ตุลาคม 2010, 10:36:10
สติปัฏฐาน 4 และความเบิกบาน 4 แง่มุม

เพื่อให้เข้าใจง่ายและ เห็นภาพของจิตที่เข้าถึงแก่นของพระศาสนา เราลองตั้งมุมมองแบบรวบรัดกันทีเดียว คือคิดว่าจิตของพระอรหันต์ก็คือสภาวะหนึ่ง ถ้าบรรยายให้พออนุมานได้ ควรจะมีคุณสมบัติหรือภาพลักษณ์ประการใด

ก่อนจะอนุมานก็ต้องมีเกณฑ์ใน การอนุมาน เช่นสภาวะอันเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ซึ่งสภาวะเหล่านี้พอจะทำความเข้าใจจากประสบการณ์แบบหยาบได้ในปุถุชนทั่วไป

แต่ หากจะทำความเข้าใจความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานของพระอรหันต์ ก็ควรมีหลักเกณฑ์มาซ้อน มาซอยให้ละเอียดลออยิ่งขึ้นไป เกณฑ์นั้นน่าจะได้แก่ผลอันเกิดจากทางดำเนินเข้ามรรคเข้าผลเป็นข้อๆ คือทาน ศีล สมาธิ และปัญญา

ถ้าหากตกลงกันว่าจะอนุมานสภาพจิตอันสมบูรณ์แบบของพระอรหันต์ตามแนวนี้ ก็ควรกล่าวดังนี้

แง่ มุมแรก จิตนั้นควรมีความเปิดกว้าง ไม่ปิดแคบ ไม่รู้สึกอึดอัดคับข้องด้วยพิษความเห็นแก่ตัว นอกจากเปิดกว้างแล้วควรมีคุณสมบัติคู่ขนานกัน คือความเยือกเย็นไม่รุ่มร้อนจากการผูกเจ็บ คิดอาฆาตพยาบาทจองเวร อันนี้เข้าข่ายของความมีกระแสจิตไหลไปทางเดียวกับกระแสของทาน เรียกว่าทรัพยทานบ้าง อภัยทานบ้าง ธรรมทานบ้าง เห็นออกมาจากภายในว่าจิตตนเป็นทานจิตอยู่โดยปกติ แง่มุมที่สอง จิตนั้นควรมีความสะอาดผ่องใส ไม่สกปรกรุงรังด้วยความคิดอันเป็นอกุศลประการต่างๆ ไม่มีความอยากทำร้ายใคร อย่าต้องให้ถึงขั้นอยากฆ่า ไม่มีความโลภอยากได้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นสมบัติ อย่าต้องให้ถึงขั้นอยากลักขโมย ไม่มีความอยากในกามหลงเหลือ อย่าต้องให้ถึงขั้นอยากลักลอบเป็นชู้ ไม่มีความอยากพูดอย่างไร้ประโยชน์ อย่าต้องให้ถึงขั้นอยากโป้ปดมดเท็จ ไม่มีความอยากบริโภคเกินจำเป็น อย่าต้องให้ถึงขั้นอยากกินเหล้าเมายา เห็นออกมาจากภายในว่าจิตตนเป็นศีลจิตอยู่โดยปกติ

แง่มุมที่สาม จิตนั้นควรมีความตั้งมั่น นิ่มนวล ไม่ซัดส่าย ไม่แข็งกระด้าง เพราะจิตขาดจากเหตุแห่งความเคลื่อน อันได้แก่กิเลสอย่างหยาบ อย่างกลาง และอย่างละเอียดเสียแล้ว จิตจึงจับอยู่เฉพาะสภาวะที่รู้ได้ในปัจจุบัน หรือแม้จะต้องคิด ก็ไม่ติด ไม่หลงเตลิดไปเอาเงาในอดีตหรือภาพลวงในอนาคตมารบกวนคุณภาพจิตได้อีก

แง่ มุมสุดท้าย จิตนั้นควรมีสติสมบูรณ์ เบิกบาน เป็นอิสระเต็มที่ เพราะรู้เองโดยไม่ต้องพิจารณา รู้เองโดยไม่ต้องระวังจะหลงไปว่ามีสภาวะใดสภาวะหนึ่งเป็นตัวเป็นตน เป็นที่น่าคาดหวัง เป็นที่น่าพิศวาส แม้กระทั่งความหมายรู้หมายจำ ความรู้สึกนึกคิดและตัวของจิตเอง ยังแจ่มแจ้งแทงตลอดว่าเป็นอนัตตา จะยังมีภาวะใดให้ยึดมั่นถือมั่นได้อีก

ลองอนุมานตามมีตามเกิด ว่าถ้ารวมเอาทุกแง่มุมที่กล่าวมาข้างต้น มารวมไว้ในจิตของบุคคลผู้หนึ่ง ซึ่งไม่เคลื่อนจากความเป็นเช่นนั้นเลย จะน่าปรารถนาและคู่ควรแก่การเพียรทำให้ถึงพร้อมหรือไม่

ขณะเดียวกัน เราก็สามารถใช้ความเบิกบานอันเป็นคุณสมบัติของจิตพระอรหันต์ในแต่ละข้อมา ตรวจสอบตนเองได้ด้วย ว่าเราเองใกล้ความจริงเข้าไปหรือยัง ทั้งในส่วนของความสามารถที่จะตั้งเจตนางดเว้นสิ่งที่เป็นโทษ และในส่วนของความสามารถที่จะตั้งสติรู้สิ่งที่เป็นอนัตตา

สรุป

ถ้า หากจะเริ่มต้นปฏิบัติธรรมกันด้วยการ ตั้งมุมมอง เราก็ควรมองให้เห็นว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหน การปฏิบัติธรรมก็คล้ายการออกเดินทาง ถ้าเริ่มผิดทิศ ก็จะเสียแรง เสียเวลาเปล่า แต่ถ้าเริ่มถูกทิศ แม้ช้าเหมือนเต่าคลาน ก็ได้ชื่อว่าเขยิบเข้าใกล้จุดหมายปลายทางเข้าไปทุกที

ในการเดินทาง นั้น เราเห็นด้วยตาเปล่าว่าภูมิประเทศใกล้เคียงกับจุดหมายหรือยัง แต่ในการปฏิบัติธรรมเราต้องเห็นด้วยจิตซื่อว่ากิเลสคือโลภะ โทสะ และโมหะนั้น ลดลงบ้างหรือยัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nay-banana ที่ 09 ตุลาคม 2010, 11:39:23
ขออนุโมธนา สาธุ ด้วยครับ

ไม่ค่อยได้เห็นกระทู้ธรรมะใน TSB เท่าไร

ที่จริงหากจะเปิดห้อง ธรรมะ ด้วยก็น่าจะดีนะครับ
เผื่อจะได้สอนรุ่นหลัง ๆ ให้มีความมานะ พยายาม อดทน ฯลฯ

 :'( :'( :'(


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ตุลาคม 2010, 00:19:32
กำลังใจดีๆ ให้ตัวเอง


.. ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า
แม้แต่คนโง่ที่สุดยังฉลาดในบางเรื่อง
และคนฉลาดที่สุด
ก็ยังโง่ในหลายเรื่อง ..

.. ไม่มีอะไรเสียเวลาไปมากกว่า
การคิดที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีต

ไม่เคยมีอะไรช้าเกินไป
ที่จะทำใหสิ่งที่ตนฝัน ..

.. คนที่ไม่เคยหิว
ย่อมไม่ซาบซึ้งรสของความอิ่ม

ความสำเร็จที่ผ่านความล้มเหลว
ย่อมหอมหวานกว่าเดิม ..

.. อันตรายที่สุดของชีวิตคนเราคือ การคาดหวัง
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
เหตุผลขอคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่เหตุผลของคน
อีกคนนึง ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า
ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร
ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง ..

.. คนเรา
ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง
แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น
ที่ได้ทำ ..

หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย
หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง .. มากกว่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ตุลาคม 2010, 18:44:01
ธรรมสำหรับการครองเรือนในชีวิตของบุคคลทั่วไปได้แก่
๑.พูดจริงทำจริงและซื่อตรง (สัจจะ)
๒.ฝึกหัดแก้ไขปรับปรุง (ทมะ)
๓.อดทนตั้งใจและขยัน (ขันติ)
๔.เสียสละ (จาคะ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ตุลาคม 2010, 12:31:44
ทุกคนก็คงเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่า..
ความดี..คือ...ความอ่อนน้อมทางกาย...
ความดี..คือ...ความอ่อนหวานทาง...
ความดี..คือ...ความอ่อนโยนทางใจ...
ความดี..คือ...ความงดงามทั้งกาย วาจา และจิตใจ...
ความดี..คือ..คุณธรรมที่น้อมนำให้เราเป็นคนดี..(ความดีคู่กับคุณธรรม)..
ความดี..คือ..สภาพของความรู้สึกแสดงความปลาบปลื้มเป็นสุขให้กับผู้กระทำ..

ถ้าจะถามว่า..
ระหว่างความดีกับความชั่วอะไรจะทำได้ง่ายกว่ากัน Huh?

หลายต่อหลายเหตุผล...แล้วแต่เราจะตอบ..
แต่มีพระพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าของเราตรัสไว้ว่า..
>>>…ความดี.....คนดี.......ทำได้ง่าย
>>>…ความดี.....คนชั่ว.....ทำได้ยาก
>>>…ความชั่ว...คนดี.......ทำได้ยาก
>>>…ความชั่ว...คนชั่ว.....ทำได้ง่าย
ดังนั้นเราก็พอจะวัดคุณภาพความดีของเราได้ว่า...
เราจัดอยู่ในความดีประเภทใด..

เพราะฉะนั้นเครื่องวัดคุณธรรม คือ ความดีของเรา..
สามารถวัดได้จาก....เกรดแห่งคุณธรรม ๔ ระดับ คือ....
>>>…เกรด D เป็นการทำความดีเพื่อตนเอง..
+ + + ……....ไม่สนใจผู้อื่นว่าจะเป็นอย่างไร..
+ + + ……....คิดเห็นแต่ประโยชน์ตนเป็นหลัก..
>>>….................เป็นความดีระดับเบื้องต้น..คือ...(ดี)....ธรรมดา..

>>>…เกรด C เป็นการทำความดีเพื่อผู้อื่น
+ + + ……...โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ตนเองเลยสักนิด..
+ + + ……....แต่สนใจและคำนึงถึงการทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา..
>>>…................เป็นความดีระดับปานกลาง..คือ...(ดีมาก).....

>>>…เกรด B เป็นการทำความดีเพื่อตนเองและผู้อื่น
+ + + ……...ประเภทนี้ก็ถือว่า..ยกระดับความดีควบคู่กัน คือ..
+ + + ……...ทำดีเพื่อตนแล้ว ยังทำเพื่อคนอื่น รวมถึงสังคมด้วย..
>>>…................เป็นความดีระดับสูง..คือ...(ดีที่สุด).....

>>>…เกรด A เป็นการทำความดีที่ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น..
+ + + ……....เมื่อมีโอกาสก็ทำทันที ไม่ต้องเดี๋ยว ไม่ต้องรอ
+ + + ……....ถ้าเป็นเรื่องดี....คิดแล้วทันที...
+ + + ……....ถ้าเป็นเรื่องไม่ดี...ต้องคิดแล้วคิดอีก..คิดเป็นร้อยครั้ง...พันครั้ง..
+ + + ……....จนลืมไปเลยว่า..เราคิดเรื่องไม่ดี...(ลืมความชั่ว..ทำแต่ดี..มีคุณจริง)...
>>>…................เป็นความดีระดับดีที่สูงกว่าที่สุด...จนหาประมาณมิได้..
>>>…................(ดีแท้แน่นอน..ประเสริฐสุด..สุดยอด)...และไม่หยุดทำความดี..ทำดีตลอดเวลา..

เพราะฉะนั้น...
การที่เราวัดใครเป็นคนดี...มีคุณธรรม..
ก็วัดได้จาก ๔ เกรดดังที่กล่าวแล้ว...
เกรด ( ( A ) )…ดีที่สุดกว่าที่สุด...จนหาประมาณมิได้...ทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน
เกรด ( ( B ) )…ดีที่สุด...ทำเพื่อประโยชน์ของตน ของผู้อื่น และสังคม..
เกรด ( ( C ) )…ดีปานกลาง....ทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นเป็นหลัก..
เกรด ( ( D ) )…ดีธรรมดา...เพราะทำเพื่อประโยชน์ตนโดยส่วนเดียว...

ดังบทกลอนที่ว่า...
อยากได้ดี ไม่ทำดี นั่นมีมาก
ดีแต่อยาก ไม่ยอมทำ น่าขำหนอ
อยากได้ดี ไม่ทำดี มีแต่รอ
ดีแต่ขอ รอแต่ดี เดี๋ยวค่อยทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: TakeAction ที่ 11 ตุลาคม 2010, 13:40:59
โยนิโสมนะสิการ
 :wanwan007:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: koblee ที่ 11 ตุลาคม 2010, 14:28:01
มีประโยชน์มากครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ตุลาคม 2010, 01:02:41
อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน
อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา
อย่าเสาวนาคนชั่ว อย่ามั่วอบายมุข
อย่าสุกก่อนห่าม อย่าพล่ามก่อนทำ
อย่ารำก่อนเพลง อย่าข่มเหงผู้น้อย
อย่าคอยแต่ประจบ อย่าคบแต่เศรษฐี
อย่าดีแต่ตัว อย่าชั่วแต่คนอื่น
อย่าฝืนกฏระเบียบ อย่าเอาเปรียบสังคม
อย่าชื่นชมคนผิด อย่าคิดเอาแต่ได้
อย่าใส่ร้ายคนดี อย่ากล่าววจีมุสา
อย่านินทาพระเจ้า อย่าขลาดเขลาเมื่อมีทุกข์
อย่าสุขจนลืมตัว อย่าเกรงกลัวงานหนัก
อย่าพิทักษ์พาลชน อย่าลืมตนเมื่อมั่งมี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ตุลาคม 2010, 10:10:12
รู้จักสงบนิ่งบ้าง....
แล้วจะเห็น..ความเคลื่อนไหว...ภายในใจ

อย่าใส่ใจ...กับคำพูด...ที่ไร้สาระ
ของคนที่พูดอะไรโดยไม่คิด..แบบโง่ ๆ..

มีปากเอาไว้กินข้าว..
ดีกว่าพูด..กล่าวร้าย..นินทาผู้อื่น..
ทำให้เราเจ็บปวดหัวใจ...
สู้ยอมทำตนเป็นใบ้...ดีกว่า..ทำร้ายจิตใจผู้อื่น...

คนโง่..ก็พูดโง่ ๆ ไร้สาระ..ไม่เกิดประโยชน์...
คนฉลาด..เขาจะรู้จักเงียบ..คิดทบทวน..ก่อนพูด..

กวีบทเดียว...สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนเราได้ทั้งชีวิต
แต่คำพูด คำเดียว..สามารถทำให้คนเป็นอาชญากรทำผิดได้..ชั่วชีวิต

ไม่มีอะไรที่จะบั่นทอน..ความตั้งใจ...ได้ดี
เท่ากับ..คำพูดของคนโง่...
บัณฑิตอย่าพึงใส่ใจ..ของคำพูดชั่ว ๆ ของคนพาล

ไม่รู้หรือว่า...
เขาเดือนร้อน..เพราะตัวเรา..(อย่าทำเป็นอันขาด)

จงคิดเสมอว่า...
คนที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน...ขออย่าเป็นเรา..

ข้อคิดสุนทรภู่..
อันอ้อยตาลหวานลิ้น..แล้วสิ้นซาก..
แต่ลมปาก...หวานหู..ไม่รู้หาย..(ช๊อบ..ชอบ)
เพราะฉะนั้น..ขอให้ทำดี พูดดี คิดดี ทุกที่ทุกเวลา..


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pongsak01 ที่ 12 ตุลาคม 2010, 10:16:01
อ่านแล้วกินใจครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: vemede ที่ 12 ตุลาคม 2010, 10:40:52
สำนึกถึงวันเกิด

   “งานวันเกิด”       ยิ่งใหญ่         ใครคนนั้น
ฉลองกัน         ในกลุ่ม         ผู้ลุ่มหลง
หลงลาภยศ         สรรเสริญ         เพลินทะนง
วันเกิดส่ง         ชีพสั้น         เร่งวันตาย
   อีกมุมหนึ่ง   ซึ่งเหงา         น่าเศร้าแท้
หญิงแก่แก่         นั่งหงอย         และคอยหาย
โอ้วันนั้น         เป็นวัน         อันตราย
แม่คลอดสาย      โลหิต            แทบปลิดชนม์
   วันเกิดลูก              เกือบคล้าย         วันตายแม่
เจ็บท้องแท้         เท่าไหร่         มิได้บ่น
กว่าอุ้มท้อง         กว่าจะคลอด      รอดเป็นคน
เติบโตจน         บัดนี้            นี่เพราะใคร
   แม่เจ็บเจียน      ขาดใจ         ในวันนั้น
กลับเป็นวัน         ลูกฉลอง         กันผ่องใส
ได้ชีวิต         แล้วก็หลง         ระเริงใจ
ลืมผู้ให้         ชีวิต            อนิจจา
   ไฉนจึง         เรียกกัน         ว่า “วันเกิด”
วันผู้ให้         กำเนิด         จะถูกกว่า
คำอวยพร         ที่เขียน         ควรเปลี่ยนมา
ให้มารดา         คุณเป็นสุข         จึงถูกแท้
   เลิกจัดงาน      วันเกิด         กันเถิดนะ
ควรที่จะ          คุกเข่า         กราบเท้าแม่
ระลึกถึง         พระคุณ         อบอุ่นแด
อย่ามัวแต่         จัดงาน         ประจานตัว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ตุลาคม 2010, 21:06:57
สำหรับคนทั่วไปไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับความตาย
เพราะความตายไม่เพียงพรากเราไปจากทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่เรารักและหวงแหนเท่านั้น
หากยังนำมาซึ่งความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานอย่างยิ่งยวด
ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะหมดไป
ความตายที่ไม่เจ็บปวดจึงเป็นยอดปรารถนาของทุกคน
รองลงมาจากความปรารถนาที่จะเป็นอมตะ
แต่ความจริงที่เที่ยงแท้แน่นอนก็คือเราทุกคนต้องตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 12 ตุลาคม 2010, 21:11:16
พระองคุลีมาล  (มาลัยแห่งนิ้วมือ)

ตัวเอยตัวเรา   ก่อนเก่าชื่อจริงอหิงสกะ
ผู้ไม่เบียดเบียนใครแต่ไม่ละ  การเข่นฆ่าปานะเพราะใจพาล
จึงไม่สมกับนามตามที่ตั้ง  แต่บัดนี้สมดังนามขนาน
เพราะเราเว้นเข่นฆ่าสัตว์สาธาร  ไม่เบียดพลาญใคร ๆ ทั่วไปเอย

ตัวเอยตัวเราก่อนเก่านั้นเคยเป็นโจรป่า   
องคุลีมาลย์สมัญญา  มีนิ้วมือชาวประชาเป็นมาลัย
ถูกห้วงน้ำห้วงใหญ่พัดไปอยู่  คือพรั่งพรูด้วยกิเลสอนุสัย
ได้พระพุทธองค์ทรงชัย   เป็นฉัตรใหญ่ร่มเกล้าของเราเอย

มือเอยมือฉัน เคยกระสันศาสตราเที่ยวฆ่าเข่น
หลั่งเลือดเหม็นคาวทุกเช้าเย็น  ด้วยเห็นวิปริตผิดไป
บัดนี้มือคาวเราล้างแล้ว  ผ่องแผ้วเพราะได้อาศัย
คุณพระพุทธองค์ทรงชัย  ถอนตัณหาเสียได้หมดสิ้นเอย

ผลเอยผลกรรมที่เราได้ทำไว้หนักหนา 
มาสนองปัจจุบันเห็นทันตา  ต้องถูกขว้างป้าแทบบรรลัย 
เจ็บปวดรวดเร็วทุกขุมขน  จำทนอดกลั้นไม่หวั่นไหว 
บัดนี้หมดหนี้ได้เป็นไทย  บริโภคอย่างไม่เป็นทาสเอย

คนเอยคนเขลา มัวเมาประมาทมิมีสร่าง
บัณฑิตบรรเทามัวเมาจาง  ดำเนินทางอัปมาทไม่ขาดตอน
รักษาไว้ให้เหมือนทรัพย์ประเสริฐ  ไม่ละเมิดสัทธรรมคำสั่งสอน
จงนำตนดลสุขสถาพร  ดั่งบัณฑิตผู้รอนประมาทเอย

อย่าเอยอย่าประกอบความชอบชื่นใจในประมาท
อย่าคลุกคลีหลงใหลในรสชาติ แห่งกามซึ่งมีทาสความลวง
ผู้ไม่ประมาทเพ่งพินิจ  ย่อมประสพสุขกิจอันใหญ่หลวง
ได้รู้แจ้งเห็นจริงสิ่งทั้งปวง ไม่หลงสิ่งล่อลวงต่อไปเอย

การเอยการมาสู่พระศาสนาของข้าเจ้า
เป็นการมาที่ดีไม่เบา ไม่เปล่าประโยชน์โสตถิคุณ
การตัดสินใจในครั้งนี้   เป็นกุศลราศีประเสริฐศุภ
สิ่งที่ได้ทั้งผองคือกองบุญ   ที่อดุลย์เด่นนั้นนิพพานเอย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ratchanon ที่ 12 ตุลาคม 2010, 21:13:02
 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ตุลาคม 2010, 17:41:55
เมื่อ เราขึ้นรถหรือลงเรือ และนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เราพลิกมือขึ้นพลิกมือลง เราเคลื่อนมือ เหยียดมือ หรือคลึงนิ้วมือ กะพริบตา หายใจกลืนน้ำลาย และอื่นๆ ให้รู้สึกตัวถึงการเคลื่อนไหวเหล่านี้ มันเป็นวิธีที่เรียกความรู้สึกให้กลับมาที่ตัวของเรา เอง เมื่อความคิดเกิดขึ้นให้รู้ถึงความคิดนั้นและปล่อยวา ง

วิธีของการเจริญสติเมื่อเราอยู่บ้าน
เรา อาจจะนั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ นั่งบนเก้าอี้ หรือนั่งเหยียดขา เราอาจจะยืนหรือนอนสร้างจังหวะได้เช่นเดียวกัน เมื่อเราเดินจงกรม (เดินกลับไปกลับมาระยะประมาณ ๘ - ๑๒ ก้าว) เราต้องไม่แกว่งแขน เราอาจกอดอกหรือเอามือประสานไว้ข้างหน้า หรือประสานไว้ข้างหลังก็ได้ วิธีปฏิบัติในท่านั่งมีดังนี้

ภาค ๑ : อารมณ์สมมุติ
ต้อง รู้ รูป-นาม (ร่างกาย-จิตใจ) ต้องรู้ รูปทำ-นามทำ ต้องรู้รูปโรค-นามโรค รูป-โรค-นามโรคมีสองชนิด โรคในทางร่างกาย เช่น ปวดหัว ปวดท้อง หรือมีบาดแผล เราต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล โรคทางจิตใจ คือ โทสะ โมหะ โลภะ (ความโกรธ, ความหลง, ความโลภ) ในการแก้ไขเราต้องใช้วิธีของการ

เจริญสตินี้
ต่อ ไปต้องรู้ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา (ทนไม่ได้, ไม่เที่ยง, บังคับควบคุมไม่ได้) แล้วต้องรู้ สมมุติ (สิ่งที่ยอมรับตกลงกัน) ไม่ว่าสมมุติ อะไรในโลกรู้ให้ถึงที่สุด

แล้วต้องรู้ ศาสนา ("คำสอน") ต้องรู้ พุทธศาสนา ("คำสอนของพระพุทธเจ้า") ศาสนาคือคนทุกคนไม่ยกเว้น ศาสนาหมายถึงคำสอนของท่านผู้รู้ รู้พุทธศาสนา พุทธะหมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรมซึ่งได้แก่ สติ สมาธิ ปัญญา (การรู้ตัว, การตั้งใจ, การรู้) ดังนั้นเราจึงเจริญปัญญา

แล้ว ต้องรู้ บาป ("ความชั่ว, ความมัวหมอง") ต้องรู้ บุญ ("ความดี, คุณงามความดี") บาปคือความมืด ความโง่ การไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นอย่างไรบุญคือความฉลาด การรู้ การรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ใครก็ตามที่ไม่รู้เรียกว่าเป็นผู้ยังไม่มีบุญ

จบ ภาคที่ ๑ จะเกิดอุปสรรคขึ้นที่จุดนี้ เพราะว่าเรายึดติดในความรู้ของวิปัสสนุ วิปัสสนุ (เครื่องเศร้าหมองของความรู้ภายใน คือเมื่อเรารู้ออกนอกตัวของเราไม่สิ้นสุด เราจะต้องถอนตัวออกมา เราจะต้องไม่เข้าไปในความคิด

ภาค ๒ : อารมณ์ปรมัตถ์
ใช้ สติดูความคิด เมื่อความคิดเกิด รู้มัน เห็นมัน เข้าใจมัน สัมผัสมัน ทันทีที่ความคิดเกิด ตัดมันทิ้งไปทันที ทำเหมือนแมวตะครุบหนู หรือเหมือนนักมวยที่ขึ้นเวทีต้องชกทันที เขาไม่จำเป็นต้องไหว้ครู ไม่ว่แพ้หรือชนะนักมวยต้องชก เราไม่ต้องคอยใครหรือเหมือนกับการขุดบ่อน้ำ เมื่อเราค้นพบน้ำ เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องตักโคลน ตักเลนออก ตักน้ำออกจนหมดน้ำเก่าเอาออกให้หมด บัดนี้น้ำใหม่จากภายในจะไหลออกมา เราจะต้องกวนที่ปากบ่อ ล้างปากบ่อ ล้างโคลน ล้างเลนออกให้หมด ทำมันบ่อยๆ น้ำจะใสสะอาดโดยตัวของมันเอง เมื่อน้ำใสสะอาดมีอะไรตกลงไปในบ่อ เราจะรู้เห็นและเข้าใจทันที การตัดความคิดก็เช่นเดียวกัน ยิ่งเราตัดเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น

แล้วให้เราเห็น วัตถุ (สิ่งที่มีอยู่) เห็น ปรมัตถ์ (สิ่งที่กำลังมีอยู่เป็นอยู่ สัมผัสอยู่) เห็น อาการ (การเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่กำลังมีอยู่) วัตถุหมายถึงของที่มีอยู่ในโลก ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวคนและจิตใจของคนและสัตว์ปรมัตถ์ หมายถึงของที่มีอยู่จริง เรากำลังเห็นกำลังมีกำลังเป็นเดี๋ยวนี้ต่อหน้าต่อตาข องเรา สัมผัสกได้ด้วยจิตใจ อาการ หมายถึงการเปลี่ยนแปลง สมมุติเรามีสีย้อมผ้าอยู่เต็มกระป๋อง เดิมคุณภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเรานำมาย้อมผ้ามันจะติดเนื้อผ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อเรารู้ เราเห็น เราสามารถสัมผัสด้วยจิตใจ สียังเต็มกระป๋องเหมือนเดิม แต่คุณภาพได้เสื่อมไปแล้ว นำมันไปย้อมผ้ามันจะไม่ติดเนื้อผ้า สิ่งที่เราต้องเห็นจริงๆ ต้องรู้จริงๆ แล้วเห็น โทสะ โมหะ โลภะ แล้วให้เราเห็น เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ (การรู้สึก-การจำได้-การปรุงแต่ง-การรับรู้) เห็นมัน รู้มัน และสัมผัสมัน เข้าใจสิ่งนี้จริงๆเราไม่ต้องสงสัย

บัดนี้ จะเกิด ปีติ (ความยินดี) ขึ้นเล็กน้อย แต่ปีติเป็นอุปสรรคของการปฏิบัติในชั้นสูง เราไม่ต้องสนใจกับปีตินั้น เราต้องมาดูความคิด นี้คือจุดเริ่มต้นของอารมณ์ปรมัตถ์ของการเจริญสติแบบ นี้ของผู้มีปัญญา ดูความคิดต่อไป จะเกิดความรู้หรือ ญาณ หรือ ญาณปัญญา(ความรู้ของการรู้) ขึ้น

เห็น รู้ และเข้าใจ กิเลส (ยางเหนียว) ตัณหา (ติด, หนักอุปาทาน (ไปยึดไปถือ) และ กรรม (การกระทำหรือการเสวยผล) ดังนั้นความยึดมั่นถือมั่นจะจืดลง จะหลุดตัวออก จะจางหายไป เหมือนดังสีที่คุณภาพเสื่อมไปแล้ว ไม่สามารถจะย้อมติดผ้าได้อีก จะเกิดปีติขึ้นอีก เราต้องไม่สนใจในปีตินั้น ถอนความพอใจและความไม่พอใจออกเสีย ดูความคิดต่อไป ดูจิตใจที่กำลังนึกคิดอยู่ จะเกิดญาณชนิดหนึ่งขึ้นเห็น รู้ และเข้าใจ ศีล ศีลขันธ์ สมาธิขันธ์ ปัญญาขันธ์ หรือ อธิศีลสิกขา(ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกหัด อบรมในทางความประพฤติอย่างสูงๆ") อธิจิตตสิกขา ("ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกหัดอบรมในทางจิตเพื่อให้เกิดสมาธ ิอย่างสูง")อธิปัญญา สิกขา ("ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกหัดอบรมในทางจิต เพื่อให้เกิดความรู้แจ้งอย่างสูงในทางหลุดพ้นหรือถอน ราก") ขันธ์ หมายถึง รองรับหรือต่อสู้สิกขา หมายถึง บดให้ละเอียดหรือถลุงให้หมดไป

ดัง นั้น ศีล (ความเป็นปกติ) เป็นเครื่องกำจัดกิเลสอย่างหยาบ กิเลสอย่างหยาบ คือ โทสะ โมหะ โลภะ ตัณหา อุปาทาน กรรม เมื่อสิ่งเหล่านี้จืดลง จางลง และคลายลง ศีลจึงปรากฏ

สมาธิ เป็นเครื่องกำจัดกิเลสอย่างกลาง กิเลสอย่างกลาง คือ ความสงบ เห็น รู้ และเข้าใจ กามาสวะ (อาสวะ คือ "ความใคร่ ความอยาก") ภวาสวะ (อาสวะ คือ "ความเป็น") และ อวิชชาสวะ ("อาสวะคือ การไม่รู้") เพราะกิเลสนี้เป็นกิเลสอย่างกลางซึ่งทำให้จิตใจสงบ

นี้คืออารมณ์ หนึ่งของการเจริญสติวิธีนี้ เมื่อเรารู้และเห็นอย่างนี้ เราจะรู้ ทาน ("การ-ให้") การรักษาศีลและกระทำกรรมฐาน ("การภาวนา")ทุกแง่ทุกมุม แล้ว ญาณปัญญา จะเกิดขึ้นในจิตใจ ฯลฯ

จบอารมณ์ของการเจริญสติวิธี นี้ มันจะเป็นอย่างมหัศจรรย์และยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งมีอยู่ ในจิตใจของคนทุกคนไม่ยก เว้น ถ้าเรายังคงไม่รู้เดี๋ยวนี้ เมื่อใกล้จะหมดลมหายใจ เราต้องรู้อย่างแน่นอนที่สุด ผู้ที่เจริญสติ เจริญปัญญามีญาณจะรู้ ส่วนผู้ที่ไม่เคยเจริญสติ เจริญปัญญา เมื่อใกล้จะหมดลมหายใจมันจะเป็นอย่างเดียวกัน แต่เขาไม่รู้ เพราะว่าเขาไม่มีญาณรู้อย่างแจ่มแจ้ง และเห็นอย่างแท้จริง มิใช่เป็นเพียงการจำหรือการรู้จัก รู้ด้วยญาณปัญญาของการเจริญสติที่แท้ สามารถรับรองตัวเองได้ กล่าวกันว่าเมื่อถึงที่สุดแล้ว ญาณย่อมเกิดขึ้น ให้ระมัดระวังความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น ให้รู้สึกตัวของเธอเองอย่าได้ยึดติดในความสุขหรือสิ่ งใดๆ ที่เกิดขึ้น ความสุขก็ไม่เอา ความทุกข์ก็ไม่เอา เพียงกลับมาทบทวนอารมณ์บ่อยๆ จากรูป-นาม จนจบทีละขั้นๆและรู้ว่าอารมณ์มีขั้นมีตอน
แน่นอนทีเดียว ถ้าเธอเจริญสติอย่างถูกต้อง การปฏิบัติอย่างนานที่สุดไม่เกิน ๓ ปี อย่างกลาง ๑ ปี และอย่างเร็วที่สุด ๑ วัน ถึง ๙๐วัน เราไม่จำต้องพูดถึงผลของการปฏิบัตินี้ ความทุกข์ไม่มีจริงๆ

มีการ ปฏิบัติกรรมฐานต่างๆ อยู่หลายวิธี ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติวิธีต่างๆมาเป็นอันมาก แต่วิธีเหล่านั้นไม่นำไปสู่ปัญญา บัดนี้วิธีที่เรากำลังปฏิบัติอยู่นี้คือวิธีที่นำไปส ู่ปัญญาโดยตรง ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ถ้าเขารู้วิธีการอย่างถูกต้อง เมื่อปัญญาเกิดขั้นเขาจะรู้ เห็น และเข้าใจด้วยตัวของเขาเอง ดังนั้นวิธีของการพลิกมือขึ้นและลงนี้ คือวิธีสร้างสติ เจริญปัญญา เมื่อมีการปฏิบัติอย่างทั่วถึงโดยตลอดแล้ว มันก็จะสมบูรณ์และเป็นไปเอง

ทุก คนสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ยกเว้น ไม่ว่าเขาจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ไม่ว่าเขาจะทำงานอะไร ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาไหน เขาสามารถปฏิบัติได้ทุกคนมีร่างกายและจิตใจ ร่างกายคือวัตถุที่เราสามารถเห็นได้ด้วยตา เราอาจเรียกมันว่ารูป แต่จิตใจเราไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา เราไม่สามารถสัมผัสด้วยมือเราอาจเรียกมันว่า นาม ทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกัน

เมื่อเราสร้างสติ เจริญสติ ปัญญาจะเกิดขึ้นและรู้ด้วยตัวของมันเองเพียงแต่ให้สิ ่งที่มีอยู่แล้วได้เติบ โตงอกงามขึ้น สิ่งที่ไม่เป็นจริงเราไม่ต้องทำมันขึ้นมา เมื่อเรารู้รูป-นาม เรารู้ทุกสิ่งและเราสามารถแก้ทุกข์ได้จริงๆ ยกตัวอย่างเช่น เราจะไม่ยึดติดใจสมมุติ เมื่อรู้สิ่งนั้นแล้ว เราปฏิบัติความรู้สึกตัวให้มากขึ้นเคลื่อนไหวมือดังท ี่ข้าพเจ้าแนะนำเธอ บัดนี้ทำให้เร็วขึ้น ความคิดเป็นสิ่งที่เร็วที่สุด มันเร็วยิ่งกว่ากระแสไฟฟ้า

เมื่อสติปัญญาเพิ่มขึ้น มันจะรู้ เห็นและเข้าใจโทสะ โมหะ โลภะเมื่อเรารู้มัน ทุกข์ในจิตใจจะลดลง คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดและคิดว่า โทสะ โลภะและโมหะ เป็นสิ่งปกติ แต่ผู้รู้กล่าวว่า โทสะ โมหะ โลภะ เป็นทุกข์ เป็นของน่าเกลียดสกปรก ดังนั้นเขาจะไม่ให้สิ่งนั้นมาเข้าใกล้นี้เรียกว่า การรู้ชีวิตจิตใจของตนเองซึ่งมีความสะอาด สว่างและสงบ เมื่อเรารู้จุดนี้ มันจะเกิดศักยภาพอันยิ่งใหญ่เหมือนดังลำธารสายเล็กๆ ไหลลงกลายเป็น แม่น้ำใหญ่

ดังนั้น วิธีของการปฏิบัติคือ มีความรู้สึกตัวมากขึ้นๆ รู้อิริยาบถของร่างกาย และการเคลื่อนไหวเล็กๆ เช่น กะพริบตา เหลียวซ้ายแลขวาหายใจเข้าและหายใจออก การเคลื่อนไหวทั้งหมดเหล่านี้สามารถเห็นได้ด้วยตาแต่ เราไม่อาจเห็นความคิด ด้วยตาได้ เราเพียงสามารถรู้และเห็นด้วยสมาธิ สติปัญญา สมาธิที่ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงอยู่นี้ มิใช่การนั่งหลับตา สมาธิ หมายถึงการตั้งจิตใจเพื่อให้รู้สึกถึงตัวของเราเอง เมื่อเรามีความรู้สึกตัว อย่างต่อเนื่องนี้เรียกว่าสมาธิ หรืออาจเรียกว่าสติ เมื่อจิตใจคิดเราจะรู้ความคิดทันที และความคิดจะสั้นเข้าๆ เหมือนดังบวกกับลบ ถ้าหากจะพูดก็มีเรื่องจะต้องพูดอีกมาก แต่ข้าพเจ้าประสงค์ให้พวกเธอทั้งหมดปฏิบัติการเคลื่อ นไหว ปฏิบัติด้วยตัวของเธอเองโดยวิธีของการเคลื่อนไหว ผลจะเกิดขึ้นด้วยตัวของมันเอง

การแสวงหาพระพุทธเจ้าก็ตาม แสวงหาพระอรหันต์ก็ตาม แสวงหามรรคผลนิพพานก็ตาม อย่าไปแสวงหาที่ๆ มันไม่มี แสวงหาตัวเรานี้ ให้เราทำความรู้สึกตื่นตัวอยู่เสมอ นี่แหละ จะรู้จะเห็น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 13 ตุลาคม 2010, 21:15:24
ธรรมมีอุปการะมาก

หลักธรรมที่ควบคุมไม่ให้บุคคลทำผิดพลาด ควบคุมพฤติกรรมของบุคคลให้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง ควบคุมอารมณ์ไม่ให้วู่วาม รู้จักคิด ไม่ปล่อยความนึกคิดไปตามความรู้สึกที่ชอบใจหรือไม่ชอบใจ คอยเหนี่ยวรั้งใจให้ทำ พูด หรือคิดในสิ่งที่ดี เหมือนบิดามารดาคอยห้ามบุตรธิดาไม่ให้ทำความชั่ว แนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี เป็นธรรมที่มีอุปการะมาก เกื้อกูลอุดหนุนในการทำความดีทุกอย่างให้มั่นคงดียิ่งขึ้น

หลักธรรมดังกล่าวมานี้ มี 2 ประการ คือ 1. สติ 2. สัมปชัญญะ

สติ หมายถึง ความระลึกได้ ก่อนจะทำ พูด หรือคิด คืออาการของจิตที่นึกขึ้นได้ว่าจะทำ จะพูดอย่างไรจึงจะถูกต้อง มีหน้าที่กระตุ้นเตือนคนเราให้ทำ พูด หรือคิดในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่หลงลืมตัว โดยใช้ดุลพินิจพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจึงปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมต่างๆ ออกมา

กล่าวคือความไม่ประมาทปล่อยจิตนึกคิดไปตามอารมณ์ที่ปรารถนา

“สติ” เป็นธรรมควบคุมเหนี่ยวรั้งจิตใจให้คิดดี ทำดี หรือพูดดี เพราะธรรมชาติของจิตมีการนึกคิดตลอดเวลา ซึ่งถ้าขาดสติกำกับ เป็นความคิดที่ฟุ้งซ่านไปตามอารมณ์ต่างๆ อย่างไร้ทิศทาง แต่ถ้ามีสติกำกับแล้วจะทำให้ไม่ประมาทหรือพลั้งเผลอคิดชั่ว พูดชั่ว หรือทำชั่ว เพราะสติจะทำหน้าที่คอยควบคุมรักษาสภาพจิตใจให้อยู่ในภาวะที่ต้องการ โดยการตรวจตราความคิดเลือกรับแต่สิ่งที่ดีงาม กีดกันสิ่งที่ไม่ดีซึ่งตรงกันข้าม ตรึงกระแสความคิดให้เข้าที่ ทำให้จิตเป็นสมาธิได้ง่าย

ในการเรียนหนังสือ ถ้านักเรียนควบคุมจิตใจให้มีสติมั่นคง สนใจในวิชาที่เรียน ขยันทบทวนสิ่งที่ได้เรียนมาแล้ว ไม่ปล่อยจิตฟุ้งซ่านคิดถึงเรื่องอื่นๆ สำรวมจิตให้จรดนิ่งสงบตั้งมั่นในอารมณ์เดียวไปตามลำดับ ไม่วอกแวก จะช่วยจำบทเรียนได้ดีกว่าคนที่ฟุ้งซ่าน

นักเรียนที่มีผลการเรียนดีจึงมีพื้นฐานมาจากการฝึกสตินี้เอง

ในหน้าที่การงาน คนที่มีสติสามารถทำงานได้ผลดียิ่ง มีความผิดพลาดน้อย หรืออาจจะไม่มีข้อผิดพลาด หากขาดสติงานต้องผิดพลาดอยู่ร่ำไป ทำให้งานล่าช้า เสร็จไม่ทันตามกำหนด ไม่สามารถพัฒนาก้าวหน้าได้

ในการทำความดี ผู้มีสติสามารถดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท เว้นจากการทำความชั่วทุกอย่าง กระทำแต่ความดี และทำจิตให้ผ่องแผ้วจากกิเลสทั้งปวง สติเป็นหลักธรรมที่มีอุปการะมาก พัฒนาจิตพิจารณารู้เท่าทันสภาพที่แท้จริง ทำให้การดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข เมื่อเจริญสติให้มากยิ่งขึ้นสามารถบรรลุมรรค ผล และนิพพานได้ในที่สุด

ความรู้ตัวในขณะที่กำลังทำ กำลังพูด หรือกำลังคิดอยู่ เป็นอาการของจิตที่รู้จักแยกแยะสิ่งที่ตนกำลังทำ พูด คิดอยู่นั้นว่าเป็นประโยชน์ หรือไม่เป็นประโยชน์ เหมาะกับตนหรือไม่ เป็นความสุขหรือทุกข์ และเป็นความดีหรือชั่วหรือไม่อย่างไร ความรู้ชัด ความรู้ตัว เป็นลักษณะแห่งความรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลานี้ เรียกว่า “สัมปชัญญะ”

“สัมปชัญญะ” เป็นธรรมที่ปฏิบัติคู่กับสติ แยกกันไม่ออก กล่าวคือสติเป็นเครื่องระลึกควบคุมยับยั้งจิตมิให้คิด พูด หรือทำชั่ว ส่วนสัมปชัญญะจะทำหน้าที่กำหนดรู้ในเวลาคิด พูด หรือทำอยู่ ดังนั้น จึงเรียกว่า สติสัมปชัญญะ

สติ ระลึกได้ทั้งในเรื่องอดีต อนาคต และปัจจุบัน ต้องใช้ในเวลาก่อนคิด พูด และทำ...สัมปชัญญะ รู้ตัวในปัจจุบัน ต้องใช้ในขณะที่กำลังคิด พูด และทำอยู่

สติและสัมปชัญญะนี้จัดเป็นกุศลธรรมที่คู่กันเสมอ จะแยกจากกันมิได้ เมื่อมีสติต้องมีสัมปชัญญะ สติเปรียบเหมือนดวงไฟ ส่วนสัมปชัญญะเปรียบเหมือนแสงสว่างของดวงไฟ

การทำหน้าที่ คนเราจำต้องมีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะ คือควรเจริญให้เกิดมีขึ้นในตนตลอดเวลา ทั้งในขณะจะทำ พูด หรือคิด เพราะสติสัมปชัญญะจะคอยคุมรักษาจิตให้ตั้งมั่นแน่วแน่ในทางที่ดีมีประโยชน์ ไม่ให้ความชั่วร้ายเข้าครอบงำจิตได้ ดังนั้น สติสัมปชัญญะจึงเป็นคุณธรรมที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง

“สติสัมปชัญญะ” มีอุปการะมากแก่คนเรา โดยเป็นธรรมควบคุมเส้นทางดำเนินชีวิตไม่ให้พลั้งเผลอทำในสิ่งที่ไม่สมควร ท่านเปรียบเหมือนหางเสือ ที่คอยกำหนดทิศทางไม่ให้เรือแล่นไปเกยตื้น เป็นเครื่องปลุกเร้าให้บุคคลมีเหตุผล รู้จักไตร่ตรองด้วยปัญญา และสนับสนุนธรรมคือการรู้จักคิดอย่างมีเหตุผล

พฤติกรรมของผู้มีสติสัมปชัญญะจะแสดงออกมาในลักษณะที่พิจารณาด้วยปัญญาแล้วบริโภคอาหาร รู้จักประมาณ รู้จักคุณโทษของอาหารที่จะบริโภค ไม่เผลอสติในการทำงาน มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการทำกิจ เป็นต้น

ผู้มีสติสัมปชัญญะย่อมมีความสำนึกรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ว่าตัวเองเป็นใคร มีหน้าที่อย่างไร เมื่อปฏิบัติหน้าที่อยู่ รู้ตัวอยู่เสมอว่าตัวเองกำลังทำอะไร ดีหรือชั่ว เป็นคุณหรือโทษ เท่ากับว่าควบคุมตัวเองไว้ได้ตลอดเวลา

ด้วยความสำคัญดังกล่าวมานี้ ท่านจึงจัดสติสัมปชัญญะว่าเป็นธรรมมีอุปการะมาก คือเป็นคุณธรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนเรา และเป็นธรรมมีอุปการะให้กุศลธรรมอื่นๆ เกิดขึ้นดำรงมั่นคงอยู่ในจิตได้



.....................................................

คัดลอกมาจาก ::
หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 31 คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: m-16-150 ที่ 13 ตุลาคม 2010, 21:31:50
มีสติ รู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่น และเป็นกลาง :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ตุลาคม 2010, 22:31:23
ควรมองปัญหาที่อยู่ตรงหน้า ว่ามันเกิดขึ้นมาเพื่อมอบบทเรียนให้เรา



หากในความคิดเธอไม่คิดทำร้ายใคร เธอย่อมได้ความสงบครบวันคืน



หากใจไม่ผูกโกรธถือโทษใคร เธอย่อมได้อารมณ์ดีทุกวี่วัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: vitit_s ที่ 13 ตุลาคม 2010, 22:54:40
สาธุครับ  :wanwan017: อ่านแล้วรู้สึกสงบดีครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: YAMS ที่ 13 ตุลาคม 2010, 23:12:19
ท่าน darkknightza สึกหรือยังคะ
ขอแสดงความเสียใจเรื่องคุณย่าด้วยนะคะ
พอดีเราเพิ่งย้อนกลับไปดูกระทู้นั้นแล้วเพิ่งทราบค่ะ

ขอบคุณที่นำธรรมะมาฝากค่ะ
ยังเลยโยม เอ่อ หลังจากลอยอังคารย่าพ่อก็เสียตามไปเลย แต่ไม่เป็นไร เพราะมันเรื่องธรรมดา
คนเ้ราตายได้ทุกลมหายใจ
ขอฝากธรรมะที่สำคัญมากๆ
เรามีความแก่เป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้

เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้

เรามีความตายเป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้

เราจักพลัดพรากจากของที่รัก ของชอบใจทั้งหลาย

เรามีกรรมเป็นของๆตน  เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

เรามีกรรมเป็นแดนเกิด  เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธ์

เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย  เราทำกรรมอันใดไว้

เป็นกรรมดีก็ตาม  เป็นกรรมชั่วก็ตาม

เราจักต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น

เราทั้งหลายพึงพิจารณาเนืองๆอย่างนี้แล
ขอแสดงความเสียใจเรื่องพ่อของท่านด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับธรรมะบทนี้นะคะ

ตอนที่ดิฉันไปปฏิบัติธรรมที่วัดสายพระป่าแห่งหนึ่ง
ที่วัดแห่งนั้นดิฉันจะได้สวดมนต์ที่มีคำแปลคล้ายๆอย่างที่ท่านโพสมาน่ะค่ะ แต่จะยาวกว่านี้ค่ะ

และจะมีบทที่พิจารณรูปกายด้วย เรียกแบบนี้หรือเปล่าดิฉันไม่แน่ใจ
ที่พิจารณาตั้งแต่ขน ผม เล็บ ไปจนถึงอวัยวะต่างๆของร่างกาย
ซึ่งสุดท้ายๆทุกๆอย่างมันไม่ใช่ของเราเลย ท้ายสุดต้องเน่าเปื่อยผุพัง ไม่จีรังยั่งยืน
บทสวดแปลออกมาได้ประมาณนี้น่ะค่ะ

ดิฉันชอบมากค่ะ แต่พอดิฉันย้ายบ้าน
ดิฉันหาหนังสือสวดมนต์ของที่วัดนั้นไม่เจอค่ะ ไม่รู้หายไปไหน เสียดายมากๆ
จะไปปฏิบัติธรรมที่นั่นอีกก็ยังไม่มีโอกาสไปอีกเลย เพราะวัดอยู่ต่างจังหวัด

หากท่านพอจะมีบทสวดอย่างที่ดิฉันว่ามา รบกวนท่านด้วยค่ะ
ไม่ทราบว่าท่านบวชอยู่วัดในกรุงเทพฯหรือเปล่าคะ เผื่อมีโอกาสดิฉันจะแวะไปทำบุญค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ตุลาคม 2010, 09:14:11
ท่าน darkknightza สึกหรือยังคะ
ขอแสดงความเสียใจเรื่องคุณย่าด้วยนะคะ
พอดีเราเพิ่งย้อนกลับไปดูกระทู้นั้นแล้วเพิ่งทราบค่ะ

ขอบคุณที่นำธรรมะมาฝากค่ะ
ยังเลยโยม เอ่อ หลังจากลอยอังคารย่าพ่อก็เสียตามไปเลย แต่ไม่เป็นไร เพราะมันเรื่องธรรมดา
คนเ้ราตายได้ทุกลมหายใจ
ขอฝากธรรมะที่สำคัญมากๆ
เรามีความแก่เป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้

เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้

เรามีความตายเป็นธรรมดา  จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้

เราจักพลัดพรากจากของที่รัก ของชอบใจทั้งหลาย

เรามีกรรมเป็นของๆตน  เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

เรามีกรรมเป็นแดนเกิด  เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธ์

เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย  เราทำกรรมอันใดไว้

เป็นกรรมดีก็ตาม  เป็นกรรมชั่วก็ตาม

เราจักต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น

เราทั้งหลายพึงพิจารณาเนืองๆอย่างนี้แล
ขอแสดงความเสียใจเรื่องพ่อของท่านด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับธรรมะบทนี้นะคะ

ตอนที่ดิฉันไปปฏิบัติธรรมที่วัดสายพระป่าแห่งหนึ่ง
ที่วัดแห่งนั้นดิฉันจะได้สวดมนต์ที่มีคำแปลคล้ายๆอย่างที่ท่านโพสมาน่ะค่ะ แต่จะยาวกว่านี้ค่ะ

และจะมีบทที่พิจารณรูปกายด้วย เรียกแบบนี้หรือเปล่าดิฉันไม่แน่ใจ
ที่พิจารณาตั้งแต่ขน ผม เล็บ ไปจนถึงอวัยวะต่างๆของร่างกาย
ซึ่งสุดท้ายๆทุกๆอย่างมันไม่ใช่ของเราเลย ท้ายสุดต้องเน่าเปื่อยผุพัง ไม่จีรังยั่งยืน
บทสวดแปลออกมาได้ประมาณนี้น่ะค่ะ

ดิฉันชอบมากค่ะ แต่พอดิฉันย้ายบ้าน
ดิฉันหาหนังสือสวดมนต์ของที่วัดนั้นไม่เจอค่ะ ไม่รู้หายไปไหน เสียดายมากๆ
จะไปปฏิบัติธรรมที่นั่นอีกก็ยังไม่มีโอกาสไปอีกเลย เพราะวัดอยู่ต่างจังหวัด

หากท่านพอจะมีบทสวดอย่างที่ดิฉันว่ามา รบกวนท่านด้วยค่ะ
ไม่ทราบว่าท่านบวชอยู่วัดในกรุงเทพฯหรือเปล่าคะ เผื่อมีโอกาสดิฉันจะแวะไปทำบุญค่ะ
เอ่อ จริงๆแล้วในบทสวดทำวัตรเช้ามันก็มีความหมายเกี่ยวกับการพิจารณาร่างกายอยู่แล้วโยม
แต่มันไม่มีคำแปลในหนังสือมนต์พิธี พิจารณาเกี่ยวกับขันธ์ 5 ว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา
อาตมาว่าบทสวดไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ว่าเราพิจารณาให้ดี พิจารณาแบบอาตมาก็ได้ว่า
ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง มีความแปรปรวนตลอด เช่น ร่างกายของเราเองมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เสื่อมลมทุกลมหายใจ หมายความว่าเราใกล้ตายทุกลมหายใจนั่นเอง ร่างกายเราบังคับไม่ได้ ให้มันไม่แก่ เจ็บ ตายไม่ได้
เรื่องเป็นทุกข์คือ การเกิดก็เป็นทุกข์ เพราะ เกิดมาแล้ว ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ต้องพลัดพรากจากของที่รัก ของชอบใจทั้งหลาย
ถ้าเราไม่เกิดซะอย่างเดียว ทุกข์ที่เหลือจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย นั่นหมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่มีตัวตน ร่างกายไม่มีในเรา เราไม่มีในร่างกาย ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ของเรา พ่อแม่ ก็ไม่ใช่ของเรา คอมก็ไม่ใช่ของเรา เงินก็ไม่ใช่ของเรา ลองพิจารณาดูนะ อาตมาอยู่ต่างจังหวัดโยม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ตุลาคม 2010, 19:16:38
ความลำบากสร้างคน ความสบายทำลายคน

หากในจิตไม่อาฆาตพยาบาทใคร เธอย่อมไร้ศัตรูผู้จองเวร

หากในหัวเธอไม่คิดอิจฉาใคร เธอย่อมได้หลับฝันดีทุกราตรีกาล

หากเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นมา จงอย่าเก็บความทุกข์เอาไว้ในขวดโหลแห่งความทรงจำ แต่จงเปิดฝาขวดเพื่อปลดปล่อยให้ความทุกข์ได้โบยบินออกไปให้เร็วที่สุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ตุลาคม 2010, 09:58:26
จงทำงานให้เหมือนกับเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ จงทำใจให้หนักแน่นดั่งขุนเขา


จงอย่าลืมมือทุกมือที่เคยให้โอกาส จงอย่าประมาทคนที่กำลังล้มคว่ำ


ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี เพราะถ้าหากคุณมีทุกอย่างพร้อมสรรพ แต่ทว่าสุขภาพไม่ดี ทุกสิ่งที่มีก็ดูเหมือนไร้ความหมาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: witoony ที่ 15 ตุลาคม 2010, 10:01:52
ปากเหวลึก อย่านึกว่าปากเหวตื้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ตุลาคม 2010, 17:58:52
มองอะไร มองให้เห็น เป็นครูสอน
มองไม้ขอน หรือมองคน มองค้นหา
มองเห็นความ เสมอกัน มีปัญญา
มองเห็นว่า ล้วนมีพิษ: อนิจจัง
มองทุกข์สุข ก็จงจ้อง มองให้ดี
มองว่าเป็น อย่างที่ คนเราหวัง
มองว่าเป็น ตามปัจจัย ให้ระวัง
มองจริงจัง ก็จักเห็น เป็นธรรมดา
มองโดยนัย ที่มันสอน จะถอนโศก
มองเยกโยก มันไม่สอน ร้อนเป็นบ้า
มองไม่เป็น โทษผีสาง นางไม้มา
มองถูกท่า ไม่คว้าทุกข์: มองถูกจริง!
-------------------------------------------------

ร้ายอะไร ไม่ร้ายเท่า จะเอาดี
เป็นธุลี จับจิต เกิดริษยา
ชิงดีแล้ว อวดเด่น เห็นออกมา
ตัวกูจ้า บ้าคลั่ง สังเวชใจ
สร้างนรก เป็นที่อยู่ เพราะเหตุนี้
"ตัวกูดี, ตัวกูเด่น" เห็นหรือไม่?
กลัวหมดดี จุดจี้ ให้เกิดไฟ
"เผาตัวเอง" ต่อไป เศร้าใจเอย ฯ
(นี่แหล่ะตัวกู ของกู)
-------------------------------------------------

เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง
เหมือนหนึ่งยูงมีดีที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน
ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ
ถ้ามีครบ ควรเรียกมนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูกทุกเวลา
เปรมปรีดา คืนวันสุขสันต์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า
ใครมีเข้า ควรเรียกว่าผีสิง
เพราะพูดผิดทำผิด จิตประวิง
แต่ในสิ่งนำตัว กลั้วอบาย
คิดดูเถิดถ้าใคร ไม่อยากตก
จงรีบยก ใจตนรีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย
ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือนเอยฯ
-------------------------------------------------

ตากับตีน อยู่กันมา แสนผาสุข
จะนั่งลุกยืนเดิน เพลินหนักหนา
มาวันหนึ่ง ตีนทะลึ่ง เอ่ยปรัชญา
ว่าตีนมีคุณแก่ตา เสียจริงๆๆ
ตีนช่วยพา ตาไป ที่ต่างๆๆ
ตาจึงได้ชมนาง และสรรพสิ่ง
เพราะฉะนั้นดวงตา จงประวิง
ว่าตีนนี้เป็นสิ่ง ควรบูชา
ตาได้ฟังตีนคุยโม้ ก็หมั่นไส้
จึงร้องบอกออกกไป ด้วยโทสา
ว่าที่ตีนเดินไปได้ ก็เพราะตา
ดูมรรคา เศษแก้วหนาม ไม่ตำตีน
เพราะฉะนั้น ตาจึงสำคัญกว่า
ตีนไม่ควรจะมาคิดดูหมิ่น
สรุปแล้ว ตามีค่า สูงกว่า ตีน
ทั่วธานินทร์ ตีไปได้ก็เพราะตา
ตีนได้ฟัง ให้คั่งแค้น แสนจะโกรธ
วิ่งกระโดดโลดไปใกล้หน้าผา
เพราะอวดดี คุยเบ่ง เก่งกว่าตา
ดวงชีวา จะดับไป ไม่รู้เลย
ตาเห็นตีน ทำเก่งเร่งกระโดด
ก็พิโรธ แกล้งระงับ หลับตาเฉย
ตีนพาตา ถลาล้ม ทั้งก้มเงย
ตกแล้วเหวย หน้าผา ทั้งตาตีน
-------------------------------------------------

พระพุทธะ พระธรรมะ และพระสงฆ์
ล้วนต่างองค์ เป็นสามพระ หรือไฉน
หรือเป็นองค์ เดียวกัน ที่ชั้นใน
ดูเท่าไร ก็ไม่เห็น เป็นสามองค์
นั่นถูกแล้ว ถ้าดูกัน แต่ชั้นนอก
คือดูออก มีพุทธะ จอมพระสงฆ์
ได้ตรัสรู้ ซึ่งพระธรรม ทรงจำนง
สอนพระสงฆ์ ทั้งหลาย ให้รู้ตาม
แต่เมื่อดู ชั้นใน กลับได้พบ
ว่าธรรมหนึ่ง ซึ่งอยู่ครบ ในพระสาม
ทั้งพุทธ สงฆ์ หรือว่าองค์ พระธรรมงาม
ล้วนมีความ สะอาด สว่าง สงบ บรรจบกันฯ
-------------------------------------------------

งานวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ใครคนนั้น ฉลองกันในกลุ่มผู้ลุ่มหลง
หลงลาภยศ สรรเสริญ เพลินกมล วันเกิดตนชีพสั้นเร่งวันตาย
ณ มุมหนี่งซึ่งเหงาน่าเศร้าแท้ หญิงแก่แก่ซึ่งหงอยและคอยหาย
โอ้วันนี้ในวันนั้นอันตราย แม่คลอดสายโลหิตแทบปลิดชนม์
วันเกิดลูกนั้นคล้ายวันตายแม่ เจ็บท้องแท้สักเท่าไรก็ไม่บ่น
กว่าอุ้มครรภ์จะคลอดรอดเป็นคน เติบโตจนมาบัดนี้นี่เพราะใคร
แม่เจ็บเจียรขาดใจในวันนั้น กลับเป็นวันลูกฉลองกันผ่องใส
ได้ชีพแล้วก็หลงระเริงใจ ลืมผู้ให้ชีวิตอนิจจา
ไฉนหนอเขาเรียกกันว่าวันเกิด วันผู้ให้กำเนิดจะถูกกว่า
คำอวยพรที่เขียนควรเปลี่ยนมา ให้มารดาเป็นสุขจึงถูกแท้
เลิกจัดงานวันเกิดกันเถิดหนา แล้วหันมาคุกเข่ากราบเท้าแม่
ควรคิดถึงพระคุณอบอุ่นแท้ อย่ามัวแต่จัดงานประจานตัว
-------------------------------------------------

ผิดแล้วรู้จักแก้ = ที่แท้คือบัณฑิต

ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า หกซ้ำ อภัยไฉน ฯ
-------------------------------------------------

ขอพวกเราทั้งหลายจำไว้เถิด
ว่าการเกิดนี้ลำบากยากนักหนา
ครั้นคนเราได้กำเนิดเกิดขึ้นมา
ก็กลับพากันถึงซึ่งความตาย
(หลวงวิจิตรวาทการ)

ต้องเวียนเกิดเวียนตายตามบุญบาป
เมื่อไรทราบธรรมแท้ไม่แปรผัน
ไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายสบายครัน
มีเท่านั้นใครหาพบจบกันเอย
(ท่านพุทธทาสภิกขุ)

กายนี้ท่านเปรียบดั่งท่อนไม้
ครั้นดับไปสมมติว่าเป็นผี
เครื่องเปื่อยเน่าสะสมถมปฐพี
เหมือนกันทั้งผู้ดีและเข็ญใจ
(เจ้าพระยาคลัง หน)

อันรูปรสกลิ่นเสียงนั้นเพียงหลอก
ไม่จริงดอกอวิชชาพาให้หลง
อย่าลืมนะร่างกายไม่เที่ยงตรง
ไม่ยืนยงทรงอยู่คู่ฟ้าเอย
(จากหนังสือเก่าโบราณ)

กลางทะเลอวกาศที่เวิ้งว้าง
สรรพสิ่งได้ถูกสร้างแปลงไว้
จากดินน้ำลมและไฟ
ก่อเกิดเป็นสิ่งใหม่เรื่อยมา

เมื่อถึงคราวแตกดับ
สรรพสิ่งก็หมุนกลับไปหา
ธรรมชาติเดิมแท้นั้นอีกครา
เวียนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น
(สมภาร พรหมทา)
-------------------------------------------------

ยามเจ้ามา เอาอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน
ยามเจ้าไป เจ้าจะ เอาอะไร
เจ้าก็ไป ตัวเปล่า เหมือนเจ้ามา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ตุลาคม 2010, 08:37:54
อย่าปล่อยให้ความทุกข์ของเมื่อวาน มีอายุยืนนานถึงวันพรุ่งนี้

คนที่วันนี้ไม่ยอมอดทน ก็จะต้องพบกับความอับจนในวันหนึ่งข้างหน้า

จินตนาการในวัยเยาว์เป็นอนาคตของเราในวัยผู้ใหญ่

อย่าภูมิใจที่หลอกคนอื่นได้สำเร็จ เพราะมันต้องแลกมากับการเป็นคนที่ด้อยคุณค่าของตัวคุณเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ตุลาคม 2010, 17:57:15
ขอพวกเราทั้งหลายจำไว้เถิด
ว่าการเกิดนี้ลำบากยากนักหนา
ครั้นคนเราได้กำเนิดเกิดขึ้นมา
ก็กลับพากันถึงซึ่งความตาย

(หลวงวิจิตรวาทการ)


ต้องเวียนเกิดเวียนตายตามบุญบาป
เมื่อไรทราบธรรมแท้ไม่แปรผัน
ไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายสบายครัน
มีเท่านั้นใครหาพบจบกันเอย

(ท่านพุทธทาสภิกขุ)


กายนี้ท่านเปรียบดั่งท่อนไม้
ครั้นดับไปสมมติว่าเป็นผี
เครื่องเปื่อยเน่าสะสมถมปฐพี
เหมือนกันทั้งผู้ดีและเข็ญใจ

(เจ้าพระยาคลัง หน)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: myfiatza ที่ 16 ตุลาคม 2010, 18:35:25
แวะมาอ่าน :P


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณนายหวานแหวว ที่ 16 ตุลาคม 2010, 19:01:31
thank +1  15>>>>>16 :-[ :-[


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ตุลาคม 2010, 07:48:39
จงอย่าให้ราคากับสายตาของสังคมมากเกินไป


หากในความฝันเธอไม่ต้องการแข่งกับใคร เธอย่อมได้ความปลอดโปร่งโสรจสรงใจ


หากในความหลังเธอไม่ฝังใจเจ็บใคร เธอย่อมได้ปัจจุบันอันรื่นรมย์


ชีวิตมันสั้นมาก จะทำอะไรสักอย่างต้องคิดให้ดี อย่าเอาเวลาของชีวิตไปเสียให้กับเรื่องที่ไม่ใช่ความฝันของเรา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 17 ตุลาคม 2010, 07:53:27
การสัมผัสของขวัญแห่งชีวิต

เมื่อเรามีความคิดที่เต็มไปด้วยความโกรธ ความกลัว หรือความสิ้นหวัง ความคิดที่ไม่ดีเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราและสุขภาพของโลกในทันที ดังนั้นเราควรดำเนินชีวิตในวิถีที่ไม่ก่อให้เกิดความคิดเช่นนี้บ่อยๆ ความคิดที่เกิดขึ้นนี้เรียกได้ว่าเป็นกรรมหรือการกระทำประเภทหนึ่ง ที่จะกลายเป็นการสืบเนื่องของเราต่อไปในอนาคต

คำพูดต่างๆ ของเราควรจะเป็นสัมมาวาจาดังเช่นที่พระพุทธองค์ทรงแนะนำไว้ สิ่งที่เราพูดออกไปควรเป็นการแสดงออกถึงความรักความเมตตา การไม่แบ่งแยก และความตั้งใจมั่นที่จะบรรเทาความทุกข์ เราควรใช้คำพูดที่เมื่อเรากล่าวแล้วจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้เราได้รับการเยียวยา ทำให้ทุกคนบนโลกนี้ได้รับประโยชน์จากคำพูดแห่งความรักความเมตตา การให้อภัย และความกรุณาของเรา ในแต่ละวัน เราควรพูดอย่างนี้บ่อยๆ เพื่อที่จะเยียวยาและแปรเปลี่ยนตัวเราและโลกนี้

เมื่อเรามีการกระทำทางกายที่มีพลังอำนาจแห่งการปกป้อง รักษา สนับสนุน หรือบรรเทาทุกข์ การกระทำในลักษณะเช่นนี้จะช่วยเยียวยาตัวเราและโลกใบนี้ เมื่อจิตใจของเราเต็มเปี่ยมด้วยความกรุณา การกระทำที่ดีงามต่างๆ จะเกิดขึ้นเอง โดยที่เราไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก นั่นเพราะความรักและความกรุณาในใจได้เรียกร้อง ให้เราลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างให้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

เมื่อมองไปที่ต้นส้ม เราจะเห็นว่ามันได้ผลิใบ ผลิดอก ออกผลส้มที่สวยงาม นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ต้นส้มต้นหนึ่งจะสามารถทำเพื่อโลกใบนี้ได้ ในฐานะมนุษย์เราก็สามารถมอบสิ่งต่างๆ ให้กับโลกในทุกขณะของชีวิตของเราได้ ด้วยความคิด คำพูด และการกระทำของเรา เราควรมอบความคิดที่ดีที่สุด คำพูดที่ดีที่สุด และการกระทำที่ดีที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้คือการสืบเนื่องของเรา ไม่ว่าเราจะต้องการให้เป็นเช่นนั้นหรือไม่ "กรรมเหตุ" คือการกระทำที่เป็นต้นเหตุ จะนำมาซึ่ง "กรรมผล" คือการกระทำที่เป็นผล พวกเราต่างสืบเนื่องไปในอนาคตด้วยการกระทำทั้งหลายเหล่านี้นี่เอง

การสืบเนื่องอันงดงาม

เมื่อร่างกายนี้สลายลง เราไม่อาจนำสิ่งใดติดตัวไปกับเราได้เลย ไม่ว่าจะปริญญาบัตร ชื่อเสียงหรือเงินทอง สิ่งเดียวที่จะติดตามเราไปคือการกระทำทั้งหลายอันเป็นผลจากความคิด คำพูด และการกระทำของเราในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่

เราปรากฏขึ้น ณ เวลาหนึ่ง และเราก็เคยปรากฏขึ้นมาแล้วหลายครั้งหลายคราว เราอาจเรียกการปรากฏขึ้นในครั้งก่อนๆ ว่าเป็นชีวิตในชาติที่แล้วๆ มา หากเราได้ปรากฏขึ้นแล้วในอดีตและปรากฏอยู่ในปัจจุบัน เราก็จะปรากฏขึ้นอีกในอนาคต ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

การคิดว่า หลังจากร่างกายนี้ย่อยสลายลง เราจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย เป็นการคิดที่ออกจะไร้เดียงสาอยู่สักหน่อย ด้วยการสังเกตอย่างลึกซึ้ง เรารู้ว่าไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นและไม่มีอะไรที่ตายลง ธรรมชาติที่แท้จริงนั้นไม่มีการเกิดและไม่มีการตาย ผู้ที่ปฏิบัติสมาธิภาวนาในวิถีพุทธคงตระหนักรู้ถึงความจริงนี้ได้ไม่ยาก ก่อนที่ก้อนเมฆจะปรากฏขึ้นเป็นเมฆ ก้อนเมฆเองก็เป็นสิ่งอื่นมาก่อนหน้านี้ เป็นน้ำในห้วงมหาสมุทร เป็นความร้อนอันเกิดจากดวงอาทิตย์ และเป็นน้ำที่ระเหยขึ้นไปเป็นไอ ก้อนเมฆไม่ได้มาจากความไม่มีอะไรเลย ก้อนเมฆเกิดขึ้นจากบางสิ่งบางอย่าง เกิดขึ้นจากหลายๆ สิ่งที่ประกอบกันขึ้น ช่วงขณะที่เราเห็นก้อนเมฆเป็นก้อนเมฆนั้นเป็นเพียงช่วงขณะแห่งการสืบเนื่องเท่านั้น

ผลแห่งกรรมสองทบ

ในพุทธศาสนา คำว่า "ผลกรรม" หมายความถึงผลแห่งการกระทำของเราที่จะเกิดในอนาคต ผลกรรมมีความหมายสองแบบ แบบแรกคือขันธ์ 5 ซึ่งได้แก่ รูป, ความรู้สึก (เวทนา), การรับรู้ (สัญญา), การปรุงแต่งของจิต (สังขาร), และจิตรับรู้ (วิญญาณ) ความหมายอีกแบบหนึ่งของผลกรรมคือสิ่งแวดล้อม เราควรมองให้เห็นถึงธรรมชาติทั้งสองด้านของผลกรรมไปพร้อมกัน เธอก็คือสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่เธอสร้างขึ้นทั้งในแง่ที่เป็นส่วนบุคคลและส่วนรวม อย่างไรก็ตาม เรายังต้องก้าวต่อไปอีกขั้นหนึ่ง นั่นคือก้าวข้ามผ่านทวิภาวะระหว่างขันธ์ทั้ง 5 และสิ่งแวดล้อมของเรา

เมื่อเธอแหงนมองดวงดาวและดวงจันทร์ เธอรู้ว่าเธอนั้นคือดวงดาวและดวงจันทร์ และเมื่อเธอมองภูเขาหรือป่าไม้ เธอรู้ว่าเธอเองนั้นคือภูเขา คือป่าไม้ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผลกรรมทั้งสองรูปแบบนั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จริงแล้วๆ ธาตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลม น้ำ ดิน และไฟนั้นมีการเข้าและออกระหว่างกันอยู่เสมอ ขณะที่เราหายใจออก มีบางอย่างออกไปสู่สิ่งแวดล้อม เมื่อเราหายใจเข้า มีบางอย่างเข้ามาสูร่างกายของเรา ดังนั้นเธอจึงไม่เพียงอยู่ที่นี่ แต่เธออยู่ที่นั่นด้วย

วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับกระบวนการรับรู้ และประสาทวิทยาได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง "ภายในนี้" และ "ภายนอกโน้น พวกเรารับรู้ความจริงในแบบที่ขึ้นกับความชอบของแต่ละบุคคล และเราอาจตั้งคำถามว่าความจริงภายนอกโน้นเป็นสิ่งเดียวกับความจริงที่เรารับรู้ภายในนี้หรือไม่ หากเธอเจริญสมาธิอย่างต่อเนื่องและลึกซึ้ง เธอจะสามารถข้ามผ่านทวิภาวะของภายในนี้และภายนอกโน้นได้

เธออาจเชื่อว่าดอกไม้ดอกนี้อยู่ภายนอก แต่ฉันไม่มั่นใจเช่นนั้นเลยสักนิด คำถามที่ว่า ‘ดอกไม้ที่เธอเห็นนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ภายในจิตรับรู้หรืออยู่ภายนอกจิตรับรู้' เป็นคำถามที่ไม่ง่าย ในสาขาวิชาควอนตัมฟิสิกส์ สาขาประสาทวิทยา หรือสาขาวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับกระบวนการรับรู้ นี่เป็นคำถามที่ยากมาก แต่พระพุทธองค์ทรงบอกเราเป็นนัยๆ ไว้อย่างมากมายเพื่อให้เราได้สัมผัสกับความจริงอย่างที่มันเป็น ...๐


ธรรมบรรยายโดย ทานติช นัท ฮันห์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ตุลาคม 2010, 16:34:29
เวลาที่เราให้อภัยแก่ใครสักคนหนึ่ง คนที่ได้รับผลตอบแทนเป็นเบื้องแรกก็คือ ตัวเรานั่นเอง     

ให้อภัยเขา มีค่าเท่ากับปลดปล่อยตัวเอง ออกจากพันธนาการแห่งความทุกข์

อย่าฝากความฝันของคุณไว้กับริมฝีปากของใคร แต่เชื่อมั่นว่าคุณเกิดมาเพื่อสิ่งใด ก็จงมุ่งมั่นต่อไปเพื่อทำสิ่งนั้นให้สัมฤทธิ์

คนที่ปัดความรับผิดชอบเมื่อทำงานผิดพลาด ก็เท่ากับปิดโอกาสที่ตัวเองจะได้พัฒนา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ตุลาคม 2010, 20:03:34
" ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก เพื่อนเอย ถึงสี่อีกทีห้า หกซ้ำ อภัยไฉน "

จงสังเกตพิจารณาดูให้ดีเถิด จะเห็นได้ว่า นักค้นคว้าวิทยาศาสตร์ทางโลกก็ดี และท่านผู้วิเศษที่เป็นศาสดาจารย์ในทางธรรมทั้งหลายก็ดี ล้วนแต่ผ่านพ้นอุปสรรคความผิดพลาดที่จะทำอะไรไม่ผิดนั้น ข้อสำคัญอยู่ที่สติ ถ้ามีสติคุ้มครอง กาย วาจา ใจ อยู่ทุกขณะ จะทำอะไรไม่ผิดพลาดเลย ที่ผิดพลาดเพราะขาดสติ คือ เผลอเหม่อ เลินเล่อ ประมาท ระเริง หลงลืม จึงผิดพลาด
จงนึกถึงคติพจน์ว่า

“กุมสติต่างโล่ป้อง อาจแกล้วกลางสนาม “


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ตุลาคม 2010, 08:42:30
ธรรมดาชีวิตทุกชนิดทั้งมนุษย์และสัตว์ ตลอดทั้งพืชพันธุ์พฤกษาชาติเป็นอยู่ได้ด้วยการต่อสู้

ชีวิต คือ การต่อสู้ เมื่อต่อสู้ไม่ไหวขณะใดก็ต้องถึงที่สุดแห่งชีวิตคือ “ความตาย“เพราะฉะนั้นยังมีสติอยู่ตราบใด ถึงตายก็ตายแต่กาย เช่นกับพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ท่านมีสติไพบูลย์อยู่ทุกขณะจิต ท่านจึงทำอะไรไม่ผิด และถึงซึ่งอมตธรรม คือ ธรรมที่ไม่ตาย จึงเรียกว่า ปรินิพพาน คือ นาม รูป สังขาร ร่างกาย ที่เรียกว่าเบญจขันธ์ ขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แตกดับไปเท่านั้น

เพราะฉะนั้น ควรฝึกฝนสติสัมปชัญญะ เมื่อทำเสร็จแล้วก็มีสติตรวจตรา พิจารณาดูว่า บกพร่องอย่างไร หรือเรียบร้อยบริบูรณ์ดี ถ้าบกพร่องก็รีบแก้ไขให้สมบูรณ์ต่อไป ถ้าเรียบร้อยดีอยู่ก็พยายามให้เรียบร้อยดียิ่ง ๆ ขึ้นไปจนถึงที่สุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ตุลาคม 2010, 16:15:40
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

คนที่มีความรู้สูง
ตำแหน่งหน้าที่การงานดี
มิใช่ว่าจะเป็นคนดี
คนที่มีความรู้น้อย
ตำแหน่งหน้าที่การงานต่ำ
มิใช่ว่าจะเป็นคนชั่ว
แต่ดีหรือชั่ว
อยู่ที่ถูกต้อง เมตตา และคุณธรรม

ยามบุญมากาไก่กลายเป็นหงส์
ยามบุญลงหงส์เป็นกาน่าใจหาย
ยามบุญมาหมูหมามามากมาย
ยามบุญหายหายหมาไม่มาเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ตุลาคม 2010, 19:05:44
“วันหนึ่งเราจะต้องตายกัน หมด” นี่เป็นสัจธรรมอันหนักแน่นพอที่เราจะนำมาเตือนตนเองว่า “อย่าบ้าหาเงินจนเกินไป” จนหลงลืมที่จะใช้ชีวิตในแง่มุมอื่น     

เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ก่อนจะจากโลกนี้ไป ควรจะถามตัวเองว่า คนรุ่นหลังจะเอ่ยอ้างถึงเราว่าอย่างไรกันนะ ?

หากในสมองเธอไม่ผยองอยากเป็น "ใคร" เธอย่อมได้บรมสุขทุกนาที

หากในความรู้สึก เธอไม่เผลอระลึกถึงอดีต อนาคต เธอย่อมมีชีวิตสดสดอยู่ในปัจจุบันอันเปรมปรีดิ์

พระพุทธรูปยังมีปางไสยาสน์ คนทำงานก็ควรจะเปิดโอกาสให้ตนเองได้พักผ่อนอยู่เสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ตุลาคม 2010, 08:39:50
การมองเห็นความบกพร่องของตนเอง มีค่าดังหนึ่งได้ดวงตาเห็นธรรม

ดอกไม้หอมได้บางดอก แต่คนหอมได้ทุกคน ถ้าเป็นคนดี

สำหรับอาตมา ให้ราคาคำชมคำด่าเสมอกัน ถูกชมเป็นเรื่องธรรมดา ถูกด่าเป็นเรื่องไม่เหนือความคาดหมาย

ระลึกรู้ปัจจุบัน สำคัญกว่าระลึกชาติในอดีต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 19 ตุลาคม 2010, 16:26:45
คติธรรมคำกลอน

   จะซ่อนกาย ภายในถ้ำ หรือดำดิน      จะบินหนี ไปกลางสมุทร หรือสุดหล้า
จะใช้ฤทธิ์ ใช้เสน่ห์ เล่ห์นานา            ท่านกล่าวว่า ไม่อาจพ้น ผลของกรรม

   เร่งละชั่ว ทำตัวดี เถิดพี่น้อง         เรื่องหมองเศร้า เราเคยผิด คิดแก้ไข
กาลเวลา หาได้ง้อ รอผู้ใด            ก่อนสิ้นใจ จึงนึกได้ นั้นสายเกิน

   มียศศักดิ์ อัครฐาน ปานบดินทร์      มีที่ดิน แลสินทรัพย์ นับไม่ไหว
มีอำนาจ วาสนา ยิ่งกว่าใคร            รวยแค่ไหน ใหญ่เหลือล้น ไม่พ้นตาย

   บุญบาป นรกสวรรค์ นั้นมีจริง         หาใช่สิ่ง ลวงหลง อย่าสงสัย
ความเห็นชอบ ระบอบนี้ มีที่ใด         ที่นั้นไซร้ สุขสันต์ สวรรค์บนดิน

(ธมฺมวฑฺโฒ ภิกฺขุ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ตุลาคม 2010, 17:18:18
ความมั่นคงทางจิตใจ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่เป็นสิ่งที่ถูกมองข้ามมากที่สุด   

คนที่ชอบตัดสินคนอื่นนั้น โดยพื้นฐานของจิตใจเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาตัดสินตนเองอย่างเด็ดขาด

คนที่ควรสมเพชก็คือ ตัวเราเอง ซึ่งในบางครั้งทั้งๆ ที่รู้ว่าอะไรดี แต่กลับไม่ทำ และทั้งๆ ที่รู้ว่าอะไรไม่ดี แต่กลับตั้งใจทำลงไปแล้ว

คนที่มองหาความสมบูรณ์แบบจากคนอื่นนั้น เป็นการสะท้อนอยู่ในทีว่า เขาไม่รู้จักความเป็นมนุษย์ของตัวเองดีพอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ตุลาคม 2010, 19:08:34
บนเส้นทางสู่มหาบัญฑิต
ฉากชีวิตเริ่มสร้างหนทางใหม่
ทางแห่งเกียรติการศึกษาปรากฏไกล
จงก้าวไป...อย่างมั่นคงไม่หลงทาง
ปราการหนึ่งเตรียมใจไว้ต่อสู้
เรียนให้รู้ ขั้นวิจัยในวงกว้าง
เจาะให้ลึกตรึกให้ชัด...จัดแนวทาง
แล้วสรรค์สร้างแนวคิด...พิจารณา
และจะต้องเตรียมกายด้วยหมายมั่น
สู่บากบั่น ฝึกเขียนอ่าน การศึกษา
ทุกนาที...ที่ผันผ่าน...แห่งกาลเวลา
เป็นคุณค่า...อย่าเฉยเมย...ปล่อยเลยไป
มนุษยสัมพันธ์อันดี..จะมีมิตร
คอยช่วยคิด..แนะแนวทางบางอย่างให้
เคารพครู..อาจารย์..ประสานใจ
ศึกษาในแนวปรัชญา...สถาบัน

จะเอื้อมดาว จรัสดวงบนห้วงฟ้า
เป็นมหาบัณฑิต..ดั่งคิดฝัน
อุปสรรค์..จะผ่านมา สารพัน
ขอจิตมั่น...รักดี..เท่านี้พอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kerokid ที่ 19 ตุลาคม 2010, 19:51:23
อนุโมทนา สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ตุลาคม 2010, 09:09:58
อย่ากลัวว่าคนจะไม่เห็นคุณค่า จงกลัวแต่ว่าเมื่อเขาเห็นคุณค่าแล้ว คุณจะยังดีไม่พอ     

อำนาจต้องสนองการพัฒนา ไม่ใช่สนองตนเอง

การมองเห็นความบกพร่องของตนเอง มีค่าดังหนึ่งได้ดวงตาเห็นธรรม

ดอกไม้หอมได้บางดอก แต่คนหอมได้ทุกคน ถ้าเป็นคนดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 20 ตุลาคม 2010, 10:09:52
ปลุกเร้าคุณธรรมและชักนำปัญญา

ปุจฉา: วิธีการคิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม จะนำมาปฏิบัติในครอบครัวอย่างไร

วิสัชนา: การคิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม ก็คือการมองสิ่งต่างๆ ในทางที่จะให้เกิดผลดีงาม หรือเป็นประโยชน์ เป็นเรื่องที่ต้องเริ่มต้นในครอบครัว อย่างในการศึกษาของเด็ก เช่น พ่อ แม่ ไปกับลูก ขับรถไป เห็นเด็กแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าขาด สกปรก ตอนนี้ลูกมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัว เขาจะมีท่าทีจิตใจมองในแง่ใด มีความรู้สึกต่อภาพที่ปรากฏนั้นอย่างไร พ่อ แม่ จะชักนำได้ ไม่ว่าจะในทางที่เป็นการเร้ากุศลหรือเร้าอกุศล เช่น พ่อแม่บอกว่าเด็กคนนั้นน่าเกลียด สกปรก อย่าดูมัน ก็เป็นการเร้าอกุศล
แต่ถ้าพ่อแม่พูดไปในทำนองที่ว่า น่าเห็นใจเขานะ บ้านเมืองยังมีความยากจนอย่างนี้ เขาเกิดมาไม่มีเสื้อผ้าใช้ เมื่อเรามีโอกาส เราต้องช่วยกันนะ เอาเสื้อผ้าไปช่วยให้เขาได้ใส่บ้าง จะได้อยู่ดีมีสุข อย่างนี้เป็นการปลุกเร้ากุศล
พ่อแม่มีอิทธิพลในเรื่องนี้มาก เวลาไปห้างสรรพสินค้า ซื้อของต้องคิดว่าจะพูดอย่างไร ให้ลูกมีท่าทีมองสิ่งเหล่านั้นอย่างไร ถ้าพ่อแม่พาลูกไปห้างสรรพสินค้า ไม่ได้ใช้ความคิด ก็ไม่สามารถชักนำโยนิโสมนสิการให้แก่เด็กได้ ไม่เป็นกัลยาณมิตร อาจจะกลายเป็นปาปมิตรไป คือมิตรที่ไม่ดี
ถ้าเป็นกัลยาณมิตรก็จะชี้แนะ พอลูกเห็นอะไรสะดุดตา สึแดง สีเขียว ฉูดฉาด ก็จะวิ่งรี่เข้าไป ตรงนี้ถ้าพ่อแม่กระตุ้นผิดทาง ก็จะบอกได้แค่ว่าอันนี้ไม่สวย อันนั้นสวยกว่า เอาอันนั้นดีกว่า อันนี้อย่าไปเอาเลย ฯลฯ แต่ถ้ามีโยนิโสมนสิการ ก็จะกระตุ้นในแง่ที่ว่าของนี้คืออะไร ทำด้วยอะไร มาจากไหน ใช้ทำอะไร มีแง่ดี แง่เสียอย่างไร ควรจะใช้ประโยชน์อย่างไร ถ้าลูกเป็นคนทำ จะแก้ไขปรับปรุงอย่างไร เป็นการให้ความรู้และปลุกเร้าฉันทะไปด้วย เด็กก็จะเกิดความใฝ่รู้ และสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆ ถ้าได้มากกว่านั้นเด็กอาจจะเกิดความคิดที่จะทำหรือประดิษฐ์ขึ้นบ้าง ไม่ใช่ติดอยู่กับความชอบใจ ไม่ชอบใจ สีสวย ไม่สวย แล้วจบ ซึ่งจะไม่เกิดปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ตุลาคม 2010, 16:37:03
ธรรมนั้นยาก ที่จะมี ผู้รู้แจ้ง     มีแต่ขัด แย้งกัน แข่งศักดิ์ศรี
รู้แต่ธรรม ไม่มีธรรม โอ้อวดดี    ถึงล้านปี ล้านชาติ ไม่เห็นธรรม
 
จะบรรลุ ธรรมใด ใจต้องแน่    แม้เกือบแย่ ต่อมาร ด่านทดสอบ
อย่าไปหลง อย่าไปตก จงรอบคอบ    แม้ถูกลอบ ต่อมารใด จงมั่นคง

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นสิ่งที่สมมุติขึ้นมาทั้งสิ้น เพราะอะไรถึงบอกว่าสมมุติ ก็เพราะเหตุว่า สิ่งที่เราเรียกว่าตัวเรา
คือร่างกายนี้ หรือวัตถุสิ่งของต่างๆ ที่อยู่รายล้อมตัวเราท่านทั้งหมดทั้งสิ้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน
ล้วนแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไป ทุกอย่างมีอายุขัยของมันทั้งสิ้น
ฉะนั้นแล้วทุกตัวตนเราท่านทั้งหลายที่ได้เกิดมาอยู่บนโลกมนุษย์นี้จึงประสบแต่สิ่งที่เป็นทุกข์
เพราะความปรารถนาไม่สมหวังไม่เป็นดั่งใจ เกิดความบีบคั้นทั้งกายและใจ ต้นเหตุที่มนุษย์ต่างเป็นทุกข์
ก็เพราะว่าใจของเราท่านทั้งหลายต่างไปยึดกับสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น และหมายมั่นเอาเองว่า
เป็นตัวตนแท้จริงของเราและคิดเอาเองว่าสิ่งเหล่านี้จะอยู่กับเราตลอดไป

อารมณ์ทั้งหลาย ธรรมทั้งหลาย โลกทั้งโลกนี้ ล้วนเกิดที่จิต อุปาทานความยึดมั่นถือมั่นก็เกิดที่จิต
เมื่อเธอทั้งหลายจะละความเห็นนี้ออก ก็ต้องย่อมละที่จิตนี้เองมิใช่ที่อื่น

สตินี้แล เป็นธรรมอันยอดแล้ว เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการประพฤติปฏิบัติเพื่อเป็นไปต่อการถ่ายถอนความเห็นผิด
และเพื่อเจริญในธรรมเพื่อความพบอมตสุข คือนิพพาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 20 ตุลาคม 2010, 18:50:10
ละความยึดมั่นถือมั่นและปล่อยวาง

             เมื่อเราเข้าใจไตรลักษณ์คือ อนิจจังความไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์ อนัตตาความไม่ใช่ตัวตน แล้วก็เข้าใจความไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่ของเราไปด้วย
ความเข้าใจอันนี้ เมื่อเรานำมาพิจารณาบ่อย ๆ พิจารณากับทุกสิ่งที่ได้พบ พิจารณากับทุกปัญหาทุกข์ใจของเรา พิจารณาด้วยความเป็นธรรม ยอมรับความจริงของสัจธรรม ยอมรับความจริงของสัจธรรมของโลก เพราะเถียงไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ในเมื่อความจริงมันเป็นเช่นนั้น ไม่มีวันเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีวันเปลี่ยนไปตามที่ใจเราต้องการ
ถ้าเรายอมรับสัจธรรมนี้ได้จิตใจของเราจะอ่อนลง ความยึดมั่นถือมั่นจะผ่อนคลายลง อย่างที่ท่านเรียกว่า ปล่อยวาง มันลง เราก็จะหลุดออกจากความทุกข์ได้ เริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ สะสมความเย็น ความปล่อยวางนี้ไปเรื่อย ๆ มันจะค่อย ๆเพิ่มขึ้นเอง จนวันหนึ่งจะชัดเจนจนสังเกตได้ว่าเรื่องที่เราเคยทุกข์หนัก พอพบเรื่องที่ควรจะทุกข์ เราจะทุกข์น้อยลง
ในการสอนระดับสูง ท่านไม่ให้ยึดมั่นแม้แต่ในเรื่องการทำดี พูดอย่างนี้ ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องทำดี แต่แปลว่า ทำดีเสร็จแล้ว ไม่ยึดติดกับความดีที่ทำไปแล้วนั้นจนเป็นทุกข์อีก พระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้ยึดมั่นแม้ในนิพพาน คือ ให้ปล่อยวางในทุก ๆเรื่อง เพื่อให้สงบ
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ร่างกายนี้เปราะเหมือนไข่ พร้อมที่จะแตก แม้ร่างกายจะกระวนกระวาย ขออย่าให้ใจกระวนกระวายแม้จะแก่ชรา หรือเจ็บไข้


ธรรมรอบกองไฟ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ตุลาคม 2010, 21:36:48
ในทางพุทธศาสนา ความทุกข์เป็นครูผู้มาปลุกให้ตื่น แต่คนขาดสติเมื่อความทุกข์มาปลุก เขาจะลุกไม่ขึ้นเพราะมัวแต่ “เป็น” ทุกข์จนมองไม่ “เห็น” ทุกข์

ความเกรี้ยวกราดสะท้อนความ อ่อนแออย่างรุนแรงที่แฝงอยู่ในตัวคน ความเมตตา พร้อมที่จะเข้าอกเข้าใจ สงบ และให้อภัยต่างหากคือความเข้มแข็งของจิตใจ

คนที่จะได้รับประโยชน์จาก การให้อภัยเป็นคนแรกก็คือตัวผู้ให้อภัยนั่นเอง คนที่ไม่ยอมให้อภัยก็คือคนที่กักขังตัวเองไว้ในคุกของความเจ็บปวดอันยาวนาน

สายน้ำไม่อาจหวนคืน สายธารเวลาไม่อาจหวนกลับ

ในขณะที่นักหนังสือพิมพ์กำลังตรวจสอบนักการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะนั้น สังคมก็กำลังตรวจสอบนักหนังสือพิมพ์ด้วยเช่นเดียวกัน

ทุกสิ่งที่เราลงมือทำ ไม่ว่าจะด้วยความมีสติ หรือขาดสติก็ตาม ในที่สุดแล้ว การกระทำของเราจะส่งผลสะเทือนต่อมนุษยชาติในแง่ใดแง่หนึ่งเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ตุลาคม 2010, 17:47:21
ทางพระพุทธศาสนา ถือ มละ ว่า เป็นมลทิน เพราะอะไร ?
เพราะว่า เป็นธรรมอันทำใจของบุคคล ให้เศร้าหมอง เมื่อเกิดมีก็ทำใจให้เศร้าหมองขุ่นมัว ไม่สามารถมองเห็นอรรถ มองเห็นธรรมได้
มลทิน เครื่องเศร้าหมอง ถ้าบังเกิดขึ้นในจิตสันดาน จะชำระได้ อย่างไร ?
พึงชำระได้โดยวิธี เจริญธรรมทั้งหลาย อันเป็นเครื่องแก้กัน ดังต่อไปนี้
เจริญเมตตา แก้ความโกรธ
บำเพ็ญกตัญญูกตเวที แก้ลบหลู่คุณท่าน
เจริญมุทิตา แก้ความริษยา
ให้ทานหรือบริจาค แก้ความตระหนี่
ทำความซื่อตรง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม แก้มารยา
บำเพ็ญอปจายนะหรืออัตตัญญุตา แก้มักอวด
พูดวาจาจริง แก้พูดปด
มักน้อยและสันโดษ แก้ความปรารถนาลามก
สัมมาทิฏฐิ แก้ความเห็นผิด
คำว่าโกรธ คืออะไร ?
คือ ความขุ่นแค้นขัดเคือง ในบุคคล หรือในสัตว์ที่ตนไม่ชอบใจ เมื่อเกิดแล้ว เป็นสมุฏฐาน คือ เหตุให้เกิดโทสะ ความคิดร้าย ถ้า สติรั้งไม่อยู่ ย่อมพูดคำหยาบ ก่อการวิวาท ทำร้ายร่างกาย

คำว่า ลบหลู่คุณท่าน คืออะไร ?
คือ ไม่รู้จักบุญคุณของท่านที่มีแล้วแก่ตน แก่ผู้อื่น หรือประเทศ ชาติแม้มีโอกาส ก็ไม่คิดตอบแทนบุญคุณของท่าน บางทีกลับแสดงอาการดูหมิ่นท่านเสียอีก

คำว่า ริษยา หมายถึงอะไร ?
หมายถึง ความที่จิตดิ้นรน กระวนกระวาย กระสับกระส่ายในเมื่อเห็นผู้อื่นดีกว่าตนหรือเสมอตนจะอดทนอยู่ไม่ได้

คำว่า ตระหนี่ หมายถึงอะไร ?
หมายถึง ความเหนียวแน่น แม้มีความจำเป็น ก็ไม่ยอมสละทรัพย์สินเงินทอง ไม่ปรารถนาจะบริจาคแก่ใคร

คำว่า มายา หมายถึงอะไร ?
หมายถึง เจ้าเล่ห์ เจ้าอุบาย แสดงอาการกาย วาจาผิดปกติ จากความเป็นจริงด้วยประสงค์จะให้เขาเกิดความเอ็นดูสงสาร เป็นต้น

คำว่า มักอวด หมายถึงอะไร ?
หมาย ถึงการคุยอวดคุณความดีของตน เพื่อยกตนเองว่าวิเศษ โดยแสดงออกทางกาย หรือ ทางวาจา เพื่อให้ผู้อื่นรู้ว่าตนมีโคตรตระกูล ยศ ศักดิ์ ความรู้และคุณธรรมดีอย่างนั้นดีอย่างนี้เพื่อให้เขานิยมชมชอบในตน รักใคร่ นับถือตน

คำว่า พูดปด หมายถึงอะไร ?
หมายถึง การพูดให้ผิดไปจากความจริง การเขียนหนังสือปด หรือสั่นศรีษะ พยักหน้าให้เขาเข้าใจผิด จัดว่าพูดปด


คำว่า มีความปรารถนาลามก หมายถึงอะไร ?
หมาย ถึง ความปรารถนาชั่วเช่นปรารถนาได้ทรัพย์ในทางทุจริต มิจฉาชีพต่าง ๆ เช่น มีการต้มตุ๋น ล่อลวงอวดคุณวิเศษหลอกลวงเขาเลี้ยงชีวิต เป็นต้น

เห็นผิด หมายถึง อะไร ?
หมายถึง ความเห็นผิด ที่ผิดจากคติทางพระพุทธศาสนา คือเห็นว่าบาปบุญไม่มี มารดาบิดาไม่มีคุณ เป็นต้น

ธรรมอันหมดจดมีเท่าไร ?
ก็มี ๙ เหมือนกัน (ซึ่งตรงกันข้ามกับ มละ คือ มลทิน) คือ
- มีจิตใจไม่โกรธง่าย
- กตัญญูกตเวที
- มุทิตา
- มีใจเผื่อแผ่
- เป็นคนตรง
- ไม่โอ้อวด
- พูดความจริง
- มีความปรารถนาในทางที่ดี
- มีความเห็นชอบ

มละ กับ อุปกิเลส ต่างกันอย่างไร ?
ต่างกัน คือ
มละ หมายถึง เป็นธรรมอันทำใจให้เศร้าหมอง
อุปกิเลส หมายถึง กิเลสเป็นเครื่องเศร้าหมองใจ

ลบความดี กับยกย่องความดี ต่างกันอย่างไร ?
ต่างกัน คือ
ลบความดี คือ กลบ ปิดบังซึ่งคุณงามความดีที่ผู้อื่นได้กระทำไว้แล้วแก่ตน หรือ แก่ผู้อื่น หรือแก่ส่วนรวม
ยกย่องความดี คือ ยกย่อง ชมเชย ยกย่องเอาความดีขึ้นมาแสดงให้ปรากฏ

มายา กับ พูดปด ต่างกันอย่างไร ?
ต่างกันดังนี้
มายา หมายถึง เจ้าเล่ห์ เจ้าอุบาย แสดงอาการกาย วาจาผิดปกติจากความเป็นจริงด้วยประสงค์จะให้เขาเกิดความเอ็นดูสงสาร เป็นต้น
พูดปด หมายถึง การพูดให้ผิดคลาดเคลื่อนไปจากความจริง การเขียนหนังสือปด หรือสั่นศรีษะ พยักหน้าให้เขาเข้าใจผิด จัดว่าพูดปด

บรรดามลทิน ๙ อย่าง อย่างไหนมีโทษร้ายแรงที่สุด เพราะเหตุไร ?
เห็น ผิด คือ เห็นผิดจากคลองธรรมมีโทษร้ายแรงที่สุดเพราะ ความเห็นผิด เมื่อเกิดมีแก่ผู้ใด ผู้นั้นย่อมทำชั่วได้ทุกอย่าง และถ้ามีความเห็นผิดดิ่งเป็นนิยตะ ก็นับว่าอาภัพที่สุด

สนิมภายใน คืออะไร เปรียบด้วยอะไร และจะชำระออกด้วยอะไร ?
กิเลส กรรม ทั้ง ๙ มี โกรธ เป็นต้น ชื่อว่ามลทิน เป็นสนิมภายใน เปรียบเหมือนสนิมภายในที่ทำให้จิตสกปรก จิตที่สกปรกด้วยมลทิน ต้องชำระด้วยด้วยปัญญา

ธรรมที่เป็นเครื่องชำระจิต คือ มลทิน ๙ อย่าง คือ อะไร ?
ธรรมที่เป็นเครื่องชำระจิต คือ มลทิน ๙ อย่าง คือ
๑. โกรธ แก้ด้วยขันติ เมตตา กรุณา
๒. ลบหลู่คุณท่าน แก้ด้วยกตัญญูกตเวที
๓. ริษยา แก้ด้วยมุทิตา
๔. ตระหนี่ แก้ด้วยทาน
๕. มายา แก้ด้วย อุชุ อาชวะ ความซื่อตรง
๖. มักอวด แก้ด้วย อัตตัญญุตา อปจายนะ
๗. พูดปด แก้ด้วยสัจจวาจา
๘. ปรารถนาลามก แก้ด้วยเห็นชอบตามคลองธรรม
๙. เห็นผิด แก้ด้วยเห็นชอบตามคลองธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ตุลาคม 2010, 11:49:33
มหาภูตรูปทั้ง ๔ คือ ดินน้ำไฟลม ประกอบเข้าเป็นรูปกายมนุษย์ เป็นกายนอก ที่ จับต้องมองเห็นนี้ มิใช่รูปขันธ์ในขันธ์ ๕

มนุษย์มีขันธ์ ๕ ขันธ์ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ เป็นทีมงานที่สามัคคีทำงานอยู่ด้วยกัน เข้าสวมอยู่ในกายธาตุที่จับต้องได้นี้ มันมีรูปขันธ์ ที่ซ้อนอยู่ในรูปกาย

ขันธ์ ๕ นี้ โดยทั่วไป ภาษาพูดเรียกว่า วิญญาณ เข้ามาอาศัยใน รูปกายนี้ เมื่อตายภาษาพูดก็บอกว่าไม่มีวิญญาณ ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่า วิญญาณในที่นี้ กับวิญญาณขันธ์ เป็นคำที่มีความหมายเดียวกัน

ก็แม้เฉพาะวิญญาณขันธ์ประการเดียว เข้าอาศัยแล้วออกไป เราคงจะไม่เจ็บ ไม่จำ ไม่นึกคิด มิใช่หรือ แต่ทำไม เรามีเจ็บ มีจำ มีการนึกคิด นั่นแสดงว่า ภาษาพูดดังกล่าวคลาดเคลื่อน แท้จริงแล้วคำว่า วิญญาณ (ในภาษาพูดดังกล่าว) ก็คือขันธ์ ๕ มีอยู่ครบด้วยกันทั้ง ๕ ประกอบกันเข้าทั้ง รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ อยู่ในคำว่าวิญญาณนั้นด้วย

ศพ ภาษาพูดเรียกปราศจากวิญญาณบ้าง วิญญาณออกจากร่างบ้าง คล้ายกับว่าเฉพาะวิญญาณขันธ์ ตัวเดียวที่ไม่มีเสียแล้ว ซึ่งก็คลาดเคลื่อนอีกนั่นแหละ ก็แม้ศพนั้นไปแต่วิญญาณ แสดงว่าในศพยังมีเวทนาขันธ์ ยังมีสัญญาขันธ์ ยังมีสังขารขันธ์ เหลืออยู่ด้วยหรืออย่างไร หรืออีกนัยหนึ่งว่า ศพนั้นยัง รู้จักเจ็บ รู้จักจำ ยังรู้จักการนึกคิด

ศพ เป็นสภาพที่ปราศจากความรู้สึก แสดงว่าความรู้สึก กับขันธ์ ๕ นี้ คือตัวเดียวกัน

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ขันธ์ ๕ นี่แหละเป็นตัวทุกข์ นั่นก็ตรงกับความเป็นจริงที่คนทั่วไปเข้าใจแล้วว่า ความทุกข์ ของคนเรา มันทุกข์ อยู่ในความรู้สึก รูปกายส่วนแขนขา ที่มันชา มันไม่รู้สึก เอาเล็บไปหยิก มันจะไม่เจ็บ มันก็ไม่ทุกข์

เมื่อศพ เป็นสภาพที่หมดความรู้สึก และความรู้สึกคือขันธ์ ๕ นั่นแสดงว่า ขณะที่ตาย ย่อมมีอาการที่เกิดปรากฏการณ์ที่ มีรูป(ขันธ์)ทิ้งรูปเสียด้วย และมันก็แสดงอยู่โดยปริยายว่า ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ มันยังมีรูป ที่ซ้อนอยู่ในรูปอีกชั้นหนึ่งด้วย มิฉะนั้นแล้ว มันคงจะมีรูป(ขันธ์) ที่ทิ้งรูป(กาย) ในขณะตาย หาได้ไม่


รูป(ขันธ์) ที่ซ้อนอยู่ในรูป (กายนอก) นี่แหละ ท่านอาจารย์แป้นเรียกว่า กายในกาย เป็นรูปปรมัตถ์ จะต้องดูด้วยตาปัญญาอีกทีหนึ่ง จึงจะเห็นได้ ทั้ง กายในกาย เป็นที่แห่งหนึ่ง สำหรับยกจิตมาวางในขณะเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ตามหลักสติปัฏฐาน ๔

บางท่านเข้าใจ(ผิด)ว่า รูปกายที่จับต้องมองเห็นได้ กับรูปขันธ์ เป็นตัวเดียวกัน ก็เข้าใจสืบต่อไปว่า สิ่งที่พรากไปจากศพ ไปเพียง ๔ ขันธ์ คือไปแต่เพียง เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณ เท่านั้น ทิ้งรูปขันธ์(คือรูปศพ) ไว้
แม้ความเข้าใจดังกล่าวถูกต้องแล้วละก็ มนุษย์ที่ตายทุกคน จะต้องไปเกิด เป็นอรูปพรหม เท่านั้น ซึ่งเป็นภพภูมิที่ไม่มีรูป จะไปเกิดในภพภูมิที่มีขันธ์ ๕ ขันธ์ไม่ได้อีก ก็ท่านบอกว่า รูปขันธ์มันไม่ได้ไปด้วย นี้ก็เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่า รูปกายที่ประกอบด้วยธาตุ ๔ กับรูปขันธ์เป็นตัวเดียวกัน มันก็จะขัดกันเองอย่างนี้


สมัยนี้ มีการผลิตหุ่นยนต์ที่มีคนเข้าไปควบคุมในตัวหุ่น ควบคุมอยู่ให้หุ่นยนต์ขยับแขนขาลำตัว คู้เหยียดเคลื่อนไหว เหมือนขันธ์ ๕ เข้าอาศัยในรูปกายอันประกอบกันเข้าด้วยดินน้ำไฟลม นี้

ต่างแต่เพียงว่า บุคคลผู้นั่งในหุ่นยนต์นั้น นั่งตรงจุดควบคุมแห่งเดียว เมื่อจะยกมือขยับนิ้วหุ่น ก็เพียงกดปุ่มโน้นปุ่มนี้ ไม่ต้องออกจากลุกจากที่หรือออกจากตัวหุ่นเดินมายกมือขยับนิ้วหุ่นแต่อย่างใด แต่ขันธ์ ๕ ที่เข้าสวมอาศัยควบคุมรูปกายนี้ ถ้ามันต้องการให้มือคู้เหยียด ขยับนิ้ว มันก็ต้องย้ายทีมงานทั้ง ๕ เคลื่อนไปทำการงานอยู่ตรงมือตรงนิ้วที่กำลังขยับนั้น เพียงจุดเดียว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ตุลาคม 2010, 17:49:28
สระน้ำที่กว้างขนาด ๑ ไร่ สระทั้งสระมีปลาเพียงตัวเดียว เป็นปลาที่มีความรวดเร็วประดุจสายฟ้า ลัดนิ้วเดียวไปอยู่ขอบสระอีกด้านหนึ่งได้ ชาวประมงผู้มีแหอยู่ในมือ ต้องการจะจับปลาตัวนั้น ชาวประมงบางคนก็เหวี่ยงแหสุ่มไปทั่วทั้งสระ เขาก็เหนื่อยเปล่า บางคนก็ไปเอาแหขนาดเท่ากับสระ แต่เขาก็เหวี่ยงแห่ผืนใหญ่ขนาดนั้นไม่ไหว ก็เหนื่อยเปล่า แต่มีชาวประมงผู้ฉลาดผู้หนึ่ง เขาคอยจ้องอยู่ตรงที่ปลามันผุดมีน้ำกระเพื่อมทำปากให้ผัสสะกับผิวน้ำ เขามีปัญญารู้ชัดว่า เมื่อปลาผุดที่ใดแล้ว ทั้งในน้ำและผิวน้ำ ทั่วทั้งสระบริเวณอื่นๆ จะว่างเปล่า ก็สมัยใดที่ปลามันผุดตรงหน้า เขาก็เหวี่ยงแหตรงที่มันผุด ก็เป็นอันว่าสมัยนั้น เขาจับปลาตัวนั้นได้แล้ว

ในที่นี้ ปลาตัวนั้นคือความรู้สึก คือขันธ์ ๕

สระน้ำคือ ธาตุ ๔ อันประกอบกันเป็นแขนขาลำตัว เป็นรูปกายที่มองจับต้องได้นี้

สมัยที่ปลาผุดมีน้ำกระเพื่อมกระทำปากให้ผัสสะกับผิวน้ำ คือสมัยที่รู้สึกอยู่ตรงนิ้ว ตรงมือ ตรงแขน ฯ ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งกำลังไหว กำลังเคลื่อน หรือกำลังผัสสะ

คำว่า เขามีปัญญารู้ชัดว่า เมื่อปลาผุดที่ใดแล้ว ทั้งในน้ำและผิวน้ำ ทั่วทั้งสระบริเวณอื่นๆ จะว่างเปล่า คือ ขันธ์ ๕ นี้ ทำงานเป็นทีมงาน เกิดดับอยู่ด้วยกันทีละขณะ หรือจิตนี้ เกิดดับได้ทีละดวง จะเป็น ๒ ดวงในขณะเดียวกันหาได้ไม่ เมื่อมีความรู้สึกตรงที่นิ้วกำลังขยับจุดเดียว ตรงอื่นทั่วรูปกายจะว่างจากความรู้สึก แม้การตรึกนึกคิด ดำริ จงใจ ครุ่นคิด ทั้งหลายทั้งปวงก็ดับสนิท

คำว่า เขาก็เหวี่ยงแหตรงที่ปลาผุด คือ มีสติประคับประคอง ให้ตรงต่อมือที่กำลังขยับเคลื่อนเป็นต้น ซึ่งจะตรงต่อความรู้สึกที่กำลังปรากฏ หรือมีสติประคับประคองตรงสัมปชาโน ที่กำลังปรากฏซึ่งหน้า

คำว่า เป็นอันว่าสมัยนั้นเขาจับปลาตัวนั้นได้แล้ว คือ หยั่งความรู้สึกถูกต้องตรง ฐานใดฐานหนึ่งในสติปัฏฐาน ๔ ได้แล้ว ยกจิตสู่พระไตรลักษณ์ได้แล้ว แม้ที่มือขยับ ก็เป็นการยกจิตสู่พระไตรลักษณ์ เห็นพระไตรลักษณ์ตรงมือนั้นเทียว

ขันธ์ ๕ นั้น แม้มีรูปขันธ์ รวมอยู่ด้วย แต่รูปขันธ์ดังกล่าว เป็นรูปปรมัตถ์ มองด้วยตาเนื้อไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่ถึงแม้จะมองไม่เห็นขันธ์ ๕ แต่สมัย ที่เขาผัสสะกระทบกันอยู่ภายใน ก็เป็นสมัยที่เราหยั่งให้ถูกต้องเขาได้ อุปมาเหมือนลมที่พัด ที่จริงเราก็ไม่เห็นลมๆ เหมือนขันธ์ ๕ ที่เรามองไม่เห็น แต่เราเห็นใบไม้ไหว เห็นฝุ่นปลิว ก็รู้ว่าใบไม้แลฝุ่นเหล่านั้นไหวได้เพราะกำลังผัสสะอยู่กับลม มีการกระทบอยู่กับลม เราก็อาศัยหยั่งลงที่รูปที่กำลังไหว ก็ย่อมถูกต้องเข้าที่ลมด้วย

ในความรู้สึก จะรู้สึกตรงนิ้วขยับ ตรงแขน ตรงลิ้น จะตรงส่วนไหนของร่างกาย ที่กำลังไหว กำลังผัสสะ ณ ที่ๆ รู้สึกนั้น มีขันธ์ ๕ เกิดดับปรากฏอยู่ด้วยกันทั้ง ๕ ขันธ์

เห็นในความรู้สึก อย่างเดียว เป็นการเห็นรูป(ขันธ์) ด้วยแล้ว มิใช่เป็นการเห็น นาม อย่างเดียว

ดังนั้น ในพระปริยัติธรรม ท่านจึงเรียกรวมกันในทุกที่ว่า "เห็นรูปนามเกิดดับ" จะไม่มีที่ใดที่แยกใช้ว่า "เห็นรูป เกิดดับ" หรือ "ห็นนามเกิดดับ" โดยส่วนแห่งคำอย่างใดอย่างหนึ่งฝ่ายเดียว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ตุลาคม 2010, 09:25:47
การรับธรรมะ คือการได้รับถ่ายทอด "วิถีแห่งจิต" เมื่อสอง พันห้าร้อยกว่าปีก่อน ท่านจอมปราชญ์ขงจื่อ ก็ได้รับการถ่ายทอด "จุดสถิตชีวิตสว่างดวงธรรมญาณ" จากพระอริยเจ้าเหลาจื่อ เรียกว่า ได้รับการถ่ายทอด "จุดตรัสรู้"

พระมหากัสสปะ ก็ได้รับการถ่ายทอดจุดตรัสรู้จากพระพุทธ องค์ จากการชูดอกบัวให้เห็นตรงหน้า เป็นปริศนาธรรม

ประมาณหนึ่งพันกว่าปีก่อน พระพุทธจีกงต้องอาศัยการถูก ตบหน้าจากพระอาจารย์ เป็นอุบายเบือนความสนใจจากสงฆ์น้อย ใหญ่ในที่นั้น พร้อมกับได้รับการถ่ายทอดจุดตรัสรู้โดยฉับพลัน

เมื่อหนึ่งพันสามร้อยกว่าปีก่อน พระสังฆปรินายกหงเหยน จะถ่ายทอดจุดสถิตชีวิตสว่าง ให้แก่ท่านเว่ยหล่าง ผู้ซึ่งเข้าถึงภาวะ สงบ ว่าง วางจิตลงได้แล้ว ยังจะต้องแอบนัดหมายในเวลาคํ่ามืด ปลอดคน อีกทั้งยังต้องใช้จีวรคลุม แล้วจึงถ่ายทอดจุดสถิตจิตญาณ

จึงมีคำกล่าวถึงความวิเศษของการได้รับการถ่ายทอดวิถีแห่ง จิตนี้มากมาย เช่น

"เช้าได้รับวิถีธรรม แม้เย็นตายก็ไม,เสืยดาย" หรือ "เจนจบ หมื่นคัมภีร์ศาสน์ มิอาจเทียบพระวิสุทธิอาจารย์ประทานจุด" หรือ

"ความรู้ท่วมหัว พาตัวไม่พ้นทาง บทกลอนเต็มทุงกาง ไม่รู้ ทางที่เกิดตาย" หรือ "ทางไปพระนิพพาน ที่ว่าไกลถึงสิบหมื่นแปด พันลี้ เพียงชุดเโเดชี้ อยูไกล้แค่นัยน์ตา" เป็นต้น

ธรรมญาณ คือจิตเดิมแท้ในกายเรา เป็นหลักในการปกครอง กายสังขาร เมื่อหลงลืมจิฅเดิมแท้ ไม,รู้ว่าเกิดมาจากทึ่ใด เมื่อตายจะ ไปสู่ที่ใด จึงลงสู่นรกภูมิเวียนว่ายเกิดแก่เจ็บตายไม่สิ้นลุ[ด" แต่ถ้าได้ รับวิถีธรรม ก็คือ ได้รับการเปิดประตู "ชีวิตสว่างดวงธรรมญาณ" หลังจากทิ้งกายสังขารไปแล้ว จึงมีโอกาสบรรลุคืนสู่แดนอนุตตรภูมิ ได้ เหมือนกับพระอริยเจ้าทุกพระองค์

การรับธรรมะ จะได้รับสิ่งวิเศษ 3 ประการ ซึ่งเป็นความลับ ของสวรรค์มีดังนี้
1. จุดญาณทวาร (จุดสถิตชีวิตสว่างดวงธรรมญาณ) พระเยซูเจ้าทรงกล่าวไว้ว่า "แผ่นดินของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางของ พวกท่าน" (you midst) และยังตรัสอีกว่า "จงเข้าไปทางประตูแคบ เถิด เพราะประตูกว้าง และทางเดินสายนั้นย่อมนำไปสู่นรก มิคนมาก มายเดินสายนั้น ส่วนประดูแคบและทางเดินวิบาก ซึ่งนำไปสู่ชีวิตนั้น มิน้อยคนนักที่จะได้พบ" (ท่านมัทธิว 7:13-14) ประตูแคบก็คือ "ธุด ญาณทวาร" ประตูกว้างก็คือ ตา หู จมูก ปาก สะดือ กระหม่อม (ชีว วิถีหก)

องค์พระสัมมาส้มพุทธเจ้าก็ได้ตรัสไว้ในคิริมานนทสูตรว่า "ทางไปพระนิพพานนั้นเล็กนิดเดียว เอาเส้นผมมาผ่าออกเป็นสาม เสี้ยว แยงเข้าไปยังคับๆ" เป็นด้น ปริศนาธรรมต่างๆ เหล่านี้ เป็น ความลับของสวรรค์ มิอาจเปิดเผยได้ เฉพาะผู้ที่ได้รับวิถีอนุตตร ธรรมเท่านั้น จึงจะรู้ปริศนาธรรม หรือหนทางนิพพาน ที่พระอริยเจ้า ทั้งหลายได้ทรงกล่าวไว้

2. รหัสคาถา เป็นสัจคาถาศักดิสทธ ถ่ายทอดจากปาก สู่จิต จดจำไว้ในใจ ใช้สื่อถึงสิ่งศักดิสิทธทั้งหลาย ช่วยรักษากาย สังขาร ให้รอดพ้นจากเคราะห์ร้ายภัยพิบัติต่างๆ ได้

3. ลัญจกร เป็นตราประทับศักดิสทธของพระพุทธะ เป็นเครื่องหมายที่จะพาให้พ้นจาก 81 มหันตภัย ในธรรมกาลยุคขาว สุดท้ายนี้ ใช้ร่วมกับสองสิ่งแรกเพื่อให้เกิดพุทธานุภาพที่ยิ่งใหญ่ และ ตราประทับนี ยังซ่อนความนัยของการบำเพ็ญธรรมไว้อีกด้วย ดังคำ กล่าวของพระเยซูเจ้าที่ว่า " ท่านจะเป็นประชากรของพระเจ้าไม่ได้ เลย นอกจากท่านจะทำใจให้เหมือนเด็กๆ" (ท่านมัทธิว 18:3)

สรุป การกราบขอรับวิถีอนุตตรธรรม ก็คือ การมาเปิดประตู "สถิตชีวิตสว่างดวงธรรมญาณ" จากพระพุทธพระโพธิสัตว์ ซึ่งได้ รับสนองบัญชาจากพระแม่องค์ธรรม หรือพระผู้เป็นเจ้า ให้มาเป็น พระวิสุทธิอาจารย์ในยุคนี้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ตุลาคม 2010, 18:01:25
ชีวิตของคนเราล้วนมีปัญหาเกิดขึ้น และต้องเรียนรู้ที่จะแก้ไขเรื่องที่คาใจนั้น ให้ได้อยู่ตลอดเวลาอาจเป็นปัญหาที่เล็กน้อย กระทั่งเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นแต่เราผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาก็ควรรู้จักเกี่ยว ข้องอย่างผู้รู้จักปล่อยวาง และเข้าใจ แม้จะไม่สามารถละวางได้ทั้งหมดก็ตาม แต่ก็ควรรู้จักวางใจให้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรู้เท่าทัน แล้วปัญหาที่มีอยู่ย่อมมีทางคลี่คลายลงได้ในสักวัน

การ สอนให้ผู้อื่นให้ทำตาม ไม่ควรสอนในขณะที่ตัวเองมีความโกรธ และเต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแต่ควรสอนในขณะที่สติปัญญามีอยู่อย่างบริบูรณ์ และควรสอนด้วยความปรารถนาดีที่มาจากใจ เพราะหากสอนโดยการใช้อารมณ์ ผู้ถูกสอนจะไม่จำคำสอนที่ถูกว่ากล่าวตักเตือน แต่เขาจะจดจำใบหน้าที่ดุร้าย และกิริยาที่แสดงความเกรี้ยวกราดของผู้สอน นั่นถือว่าเป็นความทรงจำที่เลวร้ายของผู้ถูกสอนตราบนานเท่านานคำพูดที่คนเรา เปล่งออกมาแต่ละครั้ง ถือว่าเป็นพลังงานของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ภาวะใหม่เสมออาจเป็นไปในทางที่ดี หรือเลวร้าย ก็อยู่ที่เราผู้ออกคำสั่งเป็นหลัก ด้วยเหตุที่คำพูดล้วนมาจากใจเป็นผู้กรองข้อมูลของถ้อยคำปราชญ์ จึงเตือนให้รู้จักคิดเสียก่อนแล้วจึงค่อยพูดเพราะเมื่อเปล่งวาจาออกไปแล้ว นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ที่เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรก็ตามมา

สุนทรภู่กวีเอกแห่งแผ่นดินสยาม จึงกล่าวให้ข้อคิดเกี่ยวกับการพูดไว้ว่า

“ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา”
การค้นพบว่าตัวเองชอบอะไรนั้น ชื่อว่าเป็นคุณค่าอย่างหนึ่งของการได้เกิดมา แต่การ ค้นพบความเป็นอิสระที่มีอยู่ในตัวเอง แล้วนำไปสู่การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสงบมีค่ายิ่งกว่า เพราะทำให้เรารู้จักจัดระเบียบชีวิตของตัวเองได้ง่ายขึ้น แม้ว่าจะไม่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของคนอื่นแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ตัวเราค้น พบความสุขที่อยู่ใกล้ ๆซึ่งถือว่าเป็นความสุขที่เรียบง่าย แต่งดงามในความทรงจำของการได้ชีวิตมา คนที่ไม่ รู้จักการดำเนินชีวิตอย่างผู้มีปัญญา ชื่อว่าเป็นชีวิตที่มืดบอดจากความดีงามทั้งหลาย เพราะเมื่อสติปัญญาถูกปิดบัง การเห็นสิ่งต่าง ๆย่อมกลับกลายเป็นความพร่ามัวไปในที่สุด แม้ว่าเราจะชื่อว่ามีตาที่มองเห็น แต่หากไร้ปัญญาในการทำความเข้าใจ เราก็เป็นได้แค่คนตาดีที่ไม่สามารถแสวงหาความดีงามมาประดับชีวิตได้เช่นเคย

โปรดทำความเข้าใจไว้เสมอว่า ไม่มีอะไรที่เราไม่รู้เสียเลย และก็ไม่มีอะไรที่เรารู้ไปเสียทุกอย่าง ถ้าเราทำความเข้าใจอย่างนี้อยู่เสมอ เราจะรู้ว่า ควรจะปัดปัญหาที่เปรียบเสมือนเส้นผมที่บังตาไม่ให้เราเห็นภูเขาคือ ความจริงที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างไร

บางครั้งปัญหาของชีวิตก็เกิดจากเรื่องเล็ก ๆ ที่เราไม่เคยมอง กระทั่งก่อตัวเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในเวลาต่อมา เศษผงเล็ก ๆ ที่เข้าตาคนอื่น เรามักจะช่วยเอาออกจากตาของเขาได้ แต่เมื่อปัญหาอันเปรียบเหมือนเป็นผงเล็ก ๆ ที่เข้าตาตัวเอง เรากลับมีความรู้สึกว่ามันช่างยากลำบาก ที่จะทำให้ออกไปจากตาได้

ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองข้ามปัญหาเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ชิด แต่ควรรู้จักมองปัญหาที่ใกล้ตัวด้วยใจที่มีวิจารณญาณ เพื่อไม่ให้สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ยิ่งในโอกาสต่อไป

การปรับทัศนคติของชีวิตถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเพราะหากรู้จักปรับความเห็นในมุมที่ เป็นบวก เราย่อมรู้จักที่จะคัดเลือกสิ่งดีให้กับตัวเอง แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ตาม แต่หากมีทัศนคติที่ติดลบมองโลกแต่แง่ร้ายในฝ่ายเดียว เราย่อมเหมือนคนที่อยู่ในมุมที่คับแคบ ย่อมก่อให้เกิดความอึดอัดขัดเคือง แม้จะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้เพราะเรามองว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเลวร้ายไปเสียหมด อนาคตที่ควรจะถูกต่อยอดเป็นความดีงามจึงยุติบทบาทลงในทันที

บางครั้งการพ่ายแพ้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชีวิตรู้สึกแย่เสมอไป เพราะหากเคยได้รับแต่ชัยชนะเพียงอย่างเดียวเราย่อมไม่สามารถรับรู้ความ รู้สึกอีกด้านหนึ่งที่เป็นความผิดหวัง ด้วยเหตุที่ไม่เคยแพ้ เมื่อวันหนึ่งความผิดหวังเข้ามาเยือน ย่อมทำให้เราระทมตรมตรอมจากภาวะที่พ่ายแพ้นั้น แต่หากเรียน รู้ที่จะแพ้บ้างในบางโอกาสที่เหมาะสมเพื่อยอมรับที่จะแก้ไขสิ่งที่บกพร่อง ให้ดีขึ้น เมื่อชัยชนะใหม่มาครอบครอง เราย่อมรู้จักรสชาติของความสมหวังอย่างรู้คุณ

การที่เราผิดพลาดแล้วได้รับการให้อภัยจากผู้อื่นถือว่าเป็นความโชคดีอย่างมากของชีวิต เพราะ เป็นการได้รับโอกาสที่จะแก้ไขสิ่งบกพร่องให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันเราก็ควรรู้จักที่จะพัฒนาตนเองให้ดีกว่าเดิม มิใช่ยินดีกับการได้รับการให้อภัยแล้วหยุดเรียนรู้ที่จะแก้ไข เพราะเมื่อวันหนึ่งที่ไม่มีใครเห็นใจ เราจะเดียวดายจากคนรอบข้างที่เคยเห็นคุณค่าในตัวเรา เพราะเราเป็นผู้ผลักไสให้เขามองเราว่าเป็นคนไร้ค่าด้วยตัวของเราเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: wiroon ที่ 23 ตุลาคม 2010, 18:23:28
เข้ามาอ่านให้ใจร่มๆ ขอไข่ในป่าแตก   :wanwan044:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: topbaba2 ที่ 23 ตุลาคม 2010, 18:56:14
สาธุครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 23 ตุลาคม 2010, 22:45:53
จิตเป็นตัวสั่งสมบุญและบาป

ลักษณะที่สำคัญประการหนึ่งของจิต ก็คือ เป็นตัวสั่งสมบุญบาป กรรม และกิเลสเอาไว้ ก็เมื่อจิตมีหน้าที่รับอารมณ์ จึงเก็บอารมณ์ทุกชนิดทั้งที่เป็นบุญ ทั้งที่เป็นบาป ทั้งที่ไม่ใช่บุญไม่ใช่บาปเอาไว้ แล้วเก็บไว้ในภวังค์ที่เรียกว่า ภวังคจิต เก็บไว้ได้หมดสิ้นอย่างละเอียด และสามารถนำติดตัวข้ามภพช้ามชาติไปได้ด้วย

ลักษณะที่จิตเก็บบุญและบาปเอาไว้นั้น เหมือนกระดาษซับ ที่สามารถซับน้ำเอาไว้คือ ตามปกติเมื่อมีน้ำหกราดลงบนโต๊ะหรือบนพื้นห้อง ถ้ามีกระดาษซับ เรามักจะใช้กระดาษนี้ซับน้ำที่หกราดนั้นให้แห้งไปได้ กระดาษซับสามารถเก็บน้ำได้หมด ฉันใด จิตก็เหมือนกัน เมื่อคนเราทำบุญหรือบาปลงไป จิตก็ซับเก็บไว้ได้หมด ฉันนั้น จิตจึงเป็นสภาพพิเศษที่น่าศึกษาจริง ๆ และเราทุกคนก็ได้ใช้จิตสั่งงานอยู่เกือบตลอดเวลา คนฉลาดจึงเห็นคุณค่าในการพัฒนาจิต อบรมจิตของตน

ในเรื่องที่จิตสามารถเก็บบุญและบาปเอาไว้จนถึงนำข้ามภพข้ามชาติไปได้นี้ บางคนอาจจะสงสัยและคัดค้านว่า "ถ้าหากว่าจิตมีลักษณะเกิดดับอยู่ตลอดเวลาแล้ว เมื่อจิตดวงที่ทำบุญและบาปเอาไว้ดับไปแล้ว บุญและบาปจะติดตามจิตต่อไปได้อย่างไร เพราะบุญและบาปได้ดับไปพร้อมจิตดวงนั้นเสียแล้ว"

ข้อนี้ขอเฉลยว่า ธรรมชาติของจิตเกิดดับอยู่ตลอดเวลาก็จริง แต่ก็ได้เกิดดับสืบต่อกันไปไม่ขาดสาย เหมือนกระแสไฟฟ้าที่เกิดดับอยู่ตลอดเวลา ทำให้แสงสว่างติดต่อกันตลอด เพราะเกิดดับไวมาก อันธรรมชาติของจิตนั้น ก่อนที่มันจะดับไป ได้ถ่ายทอดทิ้งเชื้อ คือ บุญ บาป กรรม กิเลส ไว้ให้จิตดวงต่อไป เก็บไว้นำต่อไป แล้วแสดงผลออกมาเป็นระยะ ตามพลังแห่งกรรมคือบุญและบาปที่ได้สั่งสมไว้ บุญบาป มิได้สูญหายไปพร้อมกับความตายของร่างกาย หรือพร้อมกับความดับของจิต แต่ได้ถ่ายทอดสืบเนื่องไปตลอดเวลา

เหมือนกับพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่ถ่ายทอดสืบต่อมาจากพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด แม้ท่านจะตายล่วงลับไปแล้ว แต่ตัวท่านก็ยังมีอยู่ เพราะยีน (Gene) ซึ่งถ่ายมาจากสเปอร์ม และไข่ อันเป็นเชื้อในพันธุกรรมของท่าน ซึ่งเปรียบเสมือนบุญและบาป ยังสืบต่ออยู่ในบุตรหลานของท่าน เพราะฉะนั้น บุญ บาป จึงมิได้หายไปตราบเท่าที่คนนั้นยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ แม้จิตจะเป็นธรรมชาติเกิดดับอยู่ตลอดเวลาก็ตาม คนที่เคยพัฒนาตนไว้ดีเมื่อชาติก่อน ๆ เมื่อมาสู่ชาตินี้ จิตก็ยังมีคุณภาพสูงอยู่ ดังที่เราได้พบเห็นท่านผู้ที่บุญมากที่มาเกิด ซึ่งเป็นคนมีรูปร่างดี ปัญญาเฉียบแหลม จิตใจเข้มแข็ง ประกอบด้วยเมตตากรุณา เป็นต้น แต่ถ้าผู้นั้นจะกินแต่บุญเก่าอย่างเดียว ไม่ยอมพัฒนาตนเองในปัจจุบัน พลังของบุญหรือพลังแห่งการพัฒนาตนไว้เมื่อชาติก่อนนั้น ย่อมหมดไปได้ ฉะนั้น คนที่ฉลาดจึงไม่หวังแต่กินบุญเก่าอย่างเดียว แต่ได้พยายามเพิ่มบุญใหม่ด้วยการพัฒนาตน อบรมตนในปัจจุบันด้วย


ตายแล้วไปไหน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 23 ตุลาคม 2010, 22:49:20
ลักษณะของบุญและบาป

เนื่องจากจิตเป็นตัวรับหรือเก็บเอาบุญบาปเอาไว้ ฉะนั้น การศึกษาให้เข้าใจเรื่องบุญบาปตามหลักพระพุทธศาสนา จึงมีความจำเป็นประการหนึ่งในการอบรมจิต เพราะจิตของคนที่สั่งสมบุญไว้มาก เป็นจิตที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากเป็นจิตที่ได้รับการพัฒนา ส่วนจิตของคนที่สั่งสมบาป หรือทำบาปไว้มาก เป็นจิตที่มีคุณภาพต่ำ เพราะขาดการพัฒนา ฉะนั้น จิตของคนที่มีบุญมากกับมีบาปมาก จึงต่างกันมาก เหมือนกับสภาพของประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศที่ด้อยพัฒนา เราจะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันประชาชนในหมู่ประเทศทั้ง ๒ มีความเป็นอยู่แตกต่างกันมาก
เพื่อประโยชน์ในการฝึกอบรมจิต เราจึงควรทราบลักษณะของบุญและลักษณะของบาปตามหลักพระพุทธศาสนา ดังต่อไปนี้

ลักษณะของบุญ   
บุญมีลักษณะที่จะเข้าใจได้ง่าย ๆ อยู่ ๓ ประการ คือ
ก. เมื่อกล่าวถึงเหตุของบุญ ได้แก่ การทำความดีทุกอย่าง
ข. เมื่อกล่าวถึงผลของบุญ ได้แก่ ความสุขกายสุขใจทั้งในชาตินี้และในชาติต่อไป
ค. เมื่อกล่าวถึงสภาพของจิต ได้แก่ จิตใจที่สะอาดผ่องใส
เพราะฉะนั้น บุญก็คือการทำความดี อันเป็นเหตุทำจิตของตนให้ผ่องใสสะอาด แล้วก่อผลส่งผลให้เกิดความสุขความเจริญทั้งร่างกายและจิตใจให้แก่คนที่ทำบุญไว้ หรือคนที่อบรมจิตของตน หรือจะพูดอย่างย่อก็คือ บุญคือความสุขนั่นเอง ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย คำว่าบุญนี้เป็นชื่อแห่งความสุข"   

ลักษณะของบาป   
ส่วนบาปนั้น มีลักษณะตรงกันข้ามกับบุญ ซึ่งมีลักษณะ ๓ อย่าง เช่นเดียวกัน คือ
ก. เมื่อกล่าวถึงเหตุของบาป ได้แก่ การทำชั่วทุกอย่าง
ข. เมื่อกล่าวถึงผลของบาป ได้แก่ ความทุกข์กายทุกข์ใจทั้งในชาตินี้และในชาติหน้า
ค. เมื่อกล่าวถึงสภาพของจิตใจ ได้แก่ ความสกปรกเศร้าหมองของจิตใจ
ฉะนั้น บาปคือการทำชั่ว อันเป็นเหตุทำจิตใจของตนให้สกปรกเศร้าหมอง แล้วส่งผลเป็นความทุกข์ความเดือดร้อน พระพุทธเจ้าจึงตรัสเตือนไว้ว่า "ความชั่วไม่ทำเสีบเลยดีกว่า เพราะว่าความชั่วย่อมตามตามเผาผลาญในภายหลังได้" (ขุ. ธ. ๒๕/๓๒/๕๖)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ตุลาคม 2010, 00:30:06
เรา มักได้ยินใครๆพูดกันว่า ไปทำบุญ  ซึ่งส่วนใหญ่ จะหมายถึงการทำบุญตักบาตร  การไปวัด   การให้ทานสิ่งของเครื่องใช้ หรือเงินทอง การปล่อยนกปล่อยปลา  การบริจาคเงินสร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างโรงเรียนหรือการบริจาคเงินให้มูลนิธิและอื่นๆ  ซึ่งล้วนแต่ต้องใช้เงินในการทำบุญทั้งนั้น

เรา ต้องใช้เงินซื้อหาอาหารมาทำบุญ  หรือซื้อหาสิ่งของเครื่องใช้  หรือใช้เงินบริจาคให้ไป  ถ้าการทำบุญต้องใช้เงินเสมอ  คนจนที่แทบไม่มีเงินพอซื้ออาหารและเสื้อผ้า  ก็จะไม่มีโอกาสทำบุญเลยใช่ไหม

อันที่จริงแล้ว  หลักแห่งการทำบุญนั้นมีถึง 10 วิธี  ดังนี้:

บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ คือ หนทางแห่งการทำบุญหรือทำความดี 10 วิธี
(bases of meritorious action)

       1. ทานมัย (merit acquired by giving)
เป็น การทำบุญด้วยการให้สิ่งของ  ไม่ว่าจะเป็นอาหาร  เสื้อผ้า  ยารักษาโรค หนังสือ  หรือแม้แต่เงินบริจาค  จัดเข้าเป็นการให้ทานทั้งสิ้น (การให้บุหรี่  เหล้า  ยาพิษ  สินบน  ค่าจ้าง  อาวุธ ไม่ถือเป็นการทำบุญ เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่นำซึ่งความสุขความเจริญ  ไม่เป็นการทำความดี)  ซึ่งมีเพียงวิธีนี้วิธีเดียว ที่การทำบุญต้องใช้เงิน

       2. สีลมัย (by observing the precepts or moral behavior)
เป็นการทำบุญด้วยการรักษาศีลหรือประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี
วิธีการทำบุญนี้ ไม่ต้องใช้เงินเลย  เพียงเราประพฤติปฏิบัติตนด้วยการรักษาศึล 5 ให้ได้  ก็เป็นการทำบุญแล้ว
 
       3. ภาวนามัย (by mental development)
เป็น ทำบุญด้วยการเจริญภาวนาคือฝึกอบรมจิตใจ    เช่น ฝึกให้เป็นคนโกรธให้ช้า และอภัยให้เร็ว   หรือ เป็นคนที่ไม่ถือโทษโกรธใครเลย  มีจิตเมตตา  มองผู้อื่นด้วยความปรารถนาดีเสมอ
ฝึกตนเองให้พึงพอใจในสิ่งที่ตนมี  ไม่โลภ  ไม่อยากได้ของของคนอื่น  ไม่คิดชิงดีชิงเด่นกับใครๆ เป็นต้น  วิธีการทำบุญนี้ ก็ไม่ต้องใช้เงินเลย  เพียงเราเฝ้าดูจิตใจของเรา  อย่าให้เกิดโทสะ อย่าให้เกิดความละโมบโลภมาก  ก็เป็นการได้ทำบุญแล้ว

       4. อปจายนมัย (by humility or reverence)
ทำ บุญด้วยการประพฤติอ่อนน้อม  เช่น  การเคารพผู้อื่น   ไม่คิดว่าตนเองมีดี วิเศษกว่าคนอื่น เราต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน  มีความสุภาพอ่อนโยนต่อผู้อื่นเสมอ  รู้จักรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น  ไม่ดูถูกดูแคลนภูมิปัญญาของคนอื่น รู้จักยกย่องให้เกียรติผู้อ่ืน  ด้วยการเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน  วิธีการทำบุญนี้ ก็ไม่ต้องใช้เงินเลย

       5. เวยยาวัจจมัย (by rendering services)
ทำ บุญด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้ เช่น  การเป็นอาสาสมัครทำงานในองค์กรการกุศลต่างๆ เช่นมูลนิธิ   วัด หรือการอาสาสมัครทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและสังคม  โดยไม่หวังค่าตอบแทนใดๆ  หรือแม้แต่การดูแลรับใช้พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หรือผู้มีพระคุณ อย่างเต็มอกเต็มใจ   รวมไปถึงการแสดงน้ำใจต่อบุคคลอื่นด้วยการกระตือรือร้น    แม้แต่เพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ  เช่น การบอกทางอย่างเต็มอกเต็มใจแก่ผู้หลงทางมา    การช่วยเก็บเศษขยะตามพื้นในโรงเรียนไปทิ้งถังขยะ  ฯลฯ  สิ่งเหล่านี้ เป็นน้ำใจที่เราสามารถแสดงออกได้ทุกวัน และ ทุกสถานที่  วิธีการทำบุญแบบนี้ก็ไม่ต้องใช้เงินเลย

       6. ปัตติทานมัย (by sharing or giving out merit)
ทำ บุญด้วยการยกความดีให้แก่ผู้อื่น   หรือ ทำบุญด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้อื่น  ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ   ด้วยการทำใจให้สงบ  น้อมรำลึกถึงคุณงามความดีที่เราได้กระทำไป  และตั้งจิตอธิษฐาน  ขอให้บุญกุศลที่เราทำไปแล้วนั้น     หรือที่กำลังจะทำต่อไป  ขออุทิศกุศลผลบุญนั้น ให้กับทุกคนที่เราต้องการอุทิศส่วนกุศลให้   ทั้งผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว   และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่    หรือแม้แต่ในการทำการงานใดๆ   ในความสำเร็จของงานที่เราทำนั้น  ย่อมมีหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และให้ความร่วมมือ เพื่อให้งานสำเร็จขึ้นมา  เราควรยกความดีนั้น ให้แก่เพื่อนร่วมงานของเราหรือทุกคนที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนช่วยให้งานสำเร็จ  ไม่ควรคิดว่า เราเก่งอยู่คนเดียวงานจึงสำเร็จออกมาได้ เป็นต้น ในการทำบุญด้วยวิธีนี้ ก็ไม่ต้องใช้เงินเลย

       7. ปัตตานุโมทนามัย (by rejoicing in others’ merit)
ทำ บุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น  หรือเรียกว่า การอนุโมทนา นั่นเอง  เมื่อเราเห็นใครทำความดี เราควรมีจิตยินดีด้วยในสิ่งดีๆที่เขาได้กระทำไป   กล่าวคำอนุโมทนาบุญกับเขาด้วย  เพื่อเป็นกำลังใจให้เขาทำดีต่อไป  ในการทำบุญวิธีนี้ก็ไม่ต้องใช้เงินเลย

       8. ธัมมัสสวนมัย (by listening to the Doctrine or right teaching)
ทำ บุญด้วยการฟังธรรมศึกษาหาความรู้   ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือธรรมะ   การท่องเว็บธรรมะ  การฟังเทศน์ฟังธรรม  หรือรับฟังคำสั่งสอนจากพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ฯลฯ  รวมไปถึงข้อคิดดีๆต่างๆ เพื่อการประเทืองปัญญา   ทำให้เราฉลาดขึ้น   เข้าใจชีวิตมากขึ้น และรู้วิธีแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง  มีผลดีตามมาจากการแก้ปัญหานั้น  ไม่ใช่แก้ปัญหาอย่างหนึ่ง แต่ไปเพิ่มปัญหาอีกอย่างหนึ่ง ฯลฯ  การทำบุญอย่างนี้ก็ไม่ต้องใช้เงินเลย

       9. ธัมมเทสนามัย (by teaching the Doctrine or showing truth)
ทำ บุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้     การรับฟังปัญหาชีวิตของผู้อื่น และให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่เขา   ชี้แนะทางออกที่มีผลดีแก่ชีวิตเขา     การพิมพ์หนังสือธรรมะแจกจ่ายให้แก่บุคคลทั่วไป   การบรรยายธรรม   การเขียนบทความธรรม  และ  การเขียนข้อคิดที่ดี  เพื่อความรู้ความเข้าใจในเรื่องของชีวิต เพื่อรับมือและจัดการกับปัญหาในชีวิตประจำวันได้ดี  การทำบุญอย่างนี้ก็ไม่ต้องใช้เงินเลย(ยกเว้นการออกเงินเพื่อพิมพ์หนังสือธรรมะ)

       10. ทิฏฐุชุกัมม์ (by straightening one’s views or forming correct views)
ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ตรง  ทำความเห็นให้ถูกต้อง  หรือ สัมมาทิฏฐิ  เช่น  มีความเห็นว่า  ผล วิบากของกรรมที่ทำดี ทำชั่วแล้ว มีอยู่จริง   โลกนี้มีจริง โลกหน้ามีจริง   บิดามารดามีบุญคุณต่อเรา   ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า  เป็นต้น  การทำบุญด้วยวิธีนี้ก็ไม่ต้องใช้เงินเลยเพียงแต่เราทำความเห็นของเราให้ถูกต้อง


ที่ กล่าวมาทั้งหมด   เพียงจะชี้ให้เห็นว่า   ในการทำบุญ 9 ประการหลังนั้น  เราไม่ต้องใช้เงินเป็นปัจจัยเลย    แม้เราไม่มีเงิน เราก็ยังทำบุญได้ทุกวัน   แต่ถ้าเราสามารถสละทรัพย์ของเราแม้เพียงเล็กน้อยเราก็สามารถทำบุญให้ครบทั้ง 10 ประการ  ได้



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ตุลาคม 2010, 16:46:06
“พระพุทธเจ้าทรงงดงาม ทรงประกาศชัดเจนว่าผู้หญิงมีความสามารถในการบรรลุธรรมได้เช่นกัน สามารถบรรลุโสดาบันขั้นพระอรหันต์ได้เช่นเดียวกับผู้ชาย  "
     
       สังคมอินเดียมีการแบ่งวรรณะ พระพุทธเจ้าทรงล้มระบบวรรณะ โดยกล่าวว่า-จัณฑาลไม่ได้เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นจัณฑาล แต่เกิดจากการกระทำ การพูดเช่นนี้เป็นการท้าทายต่อคุณค่าทางสังคมของอินเดียสมัยนั้นนอกเหนือจาก การท้าทายระบบวรรณะแล้ว พระพุทธเจ้ายังท้าทายเรื่องศักยภาพของความเป็นมนุษย์ เปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาปฏิบัติธรรมอย่างเป็นระบบ
     
       “ศาสนาพุทธงดงามมาก เปิดประตูให้ผู้หญิงได้รับอิสรภาพโดยสิ้นเชิง การหลุดพ้นของผู้หญิงไม่ได้ขึ้นกับสามี ไม่ได้ขึ้นกับลูกอีกต่อไป ผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานก็สามารถบรรลุธรรมได้”
     
       หลวงแม่เล่าว่า ผู้หญิงอินเดียสมัยดั้งเดิมจะมีคุณค่าต่อเมื่อแต่งงานแล้ว และต้องมีลูกชายด้วย เพราะความเชื่อว่าหลังจากพ่อแม่ตาย ลูกชายจะป็นคนไหว้พระส่งวิญญาณพ่อแม่ไปสู่สรวงสวรรค์ ผู้หญิงที่แต่งงานจึงมีหน้าที่มีลูกผู้ชาย หากไม่มีไม่ว่าสาเหตุใด ผู้หญิงก็เป็นฝ่ายถูกตำหนิติเตียน ผู้หญิงอินเดียสมัยก่อนต้องแบกภาระทั้งลูกและสามีเฉกเช่นเดียวกัน สังคมไทยรับประเพณีค่านิยมเหล่านี้มาด้วย กระทั่งปัจจุบัน
     
       “ผู้หญิงชอบสวยชอบงาม เนื่องจากติดค่านิยมดั้งเดิม-ลูกผู้หญิงโตขึ้นมาต้องแต่งงาน การปลูกฝังอบรมเลี้ยงดูทั้งหลายล้วนเป็นไปเพื่อให้ลูกผู้หญิงเป็น ‘กุลสตรี’ ทำการบ้านการเรือน เย็บปักถักร้อย และต้องมีความงามเพียบพร้อม เพื่อพร้อมออกเรือน”
 
        ‘ความงาม’ ที่หลวงแม่หมายถึง คือ งามทางกาย
     
       ทีนี้ผู้หญิงไม่ได้เกิดมามีความงามเพียบพร้อม แทนที่ผู้หญิงจะให้ความสำคัญกับงามทางจิตใจ กลับไปให้ความสำคัญแต่ความสวยทางกาย ค่านิยมปัจจุบันต้องจมูกโด่ง ต้องตาสองชั้น ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ เราเอาค่านิยมตะวันตกเข้ามา นำพลาสติกมาทำให้สวยขึ้น
     
       คำว่า ‘สวยขึ้น’ กลายเป็นคุณค่าที่ตั้งกันขึ้นมา
       
      จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่ากลุ่มผู้หญิงที่นิยมทำศัลยกรรมกันมาก ที่สุด คือ พยาบาล ถ้าเป็นอาชีพดาราที่ต้องขายรูปร่างหน้า ยังเข้าใจได้ แต่นี่กลับเป็นอาชีพพยาบาล
     
       ส่วนหนึ่งเพราะพยาบาลใกล้ชิดหมอ รู้ว่าอาจารย์หมอคนไหนเก่ง และสามารถจ่ายค่าทำศัลยกรรมตกแต่งได้ในราคาถูก แต่ที่สำคัญ คือ เรื่องค่านิยม หลวงแม่มองว่าเนื่องจากผู้หญิงถูกปลูกฝังมาทางด้านเดียวให้เป็นแม่ศรีเรือน ไม่ต้องมีความคิดเห็น มีแต่ความจงรักภักดี ทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายมีสามี  ค่านิยมเบี่ยงเบนเช่นนี้เองทำให้ผู้หญิงหันไปสนใจความงามภายนอกกันมาก ซึ่งนี่แหละเป็นรากความทุกข์ของผู้หญิง
     
       หลวงแม่อธิบายชี้ให้เห็นว่า “ร่างกายประกอบขึ้นด้วยธาตุ-ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุเหล่านี้อาศัยกันและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เมื่อเราไปให้ความสำคัญกับร่างกายที่ประกอบด้วยธาตุ เราพยายามรักษามันให้สวยงาม ขณะที่ธรรมชาติของธาตุทั้งสี่นั้น คือ การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา"
     
       เมื่อให้ความสำคัญผิดจุดด้วยความไม่เข้าใจสภาพแห่งความเป็นจริง ย่อมเป็นทุกข์ เพราะทุกข์แปลว่าตั้งอยู่ไม่ได้ แต่ไปยึดมั่นให้มันตั้งอยู่ให้ได้ ทุกข์จึงเกิด ผู้หญิงหลายคนกังวลเรื่องหน้าตา ทรงผม เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ความกังวลของผุ้หญิงผูกพันกับสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น
     
       เมื่อผู้หญิงเราเอาความกังวลความใส่ใจไปอยู่กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ก็ย่อมทุกข์ตลอดเวลา เมื่อสังคมไปจัดสรรว่าผู้หญิงจะมีคุณค่าต่อเมื่อผู้หญิงได้ออกเรือน มีสามี มีครอบครัว ผู้หญิงก็ต้องให้ความสำคัญกับการแต่งงาน
     
       ผู้หญิงบางคนมีศักยภาพสูงมาก แต่เพียงเพราะแต่งงานไปแล้วสามีนอกใจ พลังงานทั้งหลายของผู้หญิงคนนี้ไปเวียนวนกับการจัดการกับผู้หญิงที่เข้ามา เป็นบุคคลที่3 แทนที่จะได้พัฒนาศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่ให้ประสบความสำเร็จในชีวิตหน้าที่ การงาน ต้องไปเสียพลังในเรื่องผู้หญิงของสามี
     
       “ตราบใดผู้หญิงตั้งหลักตัวเองไม่ได้ เอาความสำคัญของชีวิตไปทุ่มให้กับสามีและลูกหมด โดยไม่เข้าใจว่าตัวเราก็เป็นมนุษย์อีกคนหนึ่ง นั่นก็เป็นการตั้งฐานความเป็นจริงผิดพลาด”

        หลวงแม่ยกตัวอย่างชัด ๆ อีกกรณี “สามีเติบโตในหน้าที่การงาน เขาย่อมใช้เวลากับการสรรค์สร้างหน้าที่การงาน และหวังว่าภรรยาจะเข้ามาแบ่งปันความรับผิดชอบของครอบครัวลูกที่แม่อยู่ดูแล ตั้งแต่เล็กพอโตขึ้น ลูกก็มีความสนใจที่จะไปกับเพื่อนช่วงนี้เองผู้หญิงจะอยู่ในวัย 40 กว่าขึ้น 50 อาจเกิดภาวะ Middle Life Crisis ช่วงวัยกลางชีวิตที่เลยมาแล้วทันทีทันใดดูเหมือนว่าไม่มีความหมายอีกต่อไป ตรงนี้เองที่ผู้หญิงเราต้องมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริง เข้าใจว่าชีวิตของเรามีความหมายโดยตัวเราเอง ไม่ต้องพึ่งพาสามีและลูก”
     
       หลวงแม่ย้ำว่าความหมายของความเป็น ‘ผู้หญิง’ ไม่ได้อยู่ที่การเป็น ‘แม่’ เท่านั้น  “ถ้าพูดว่าผู้หญิงจะมีความหมายในชีวิตได้ต่อเมื่อเธอเป็นแม่แล้วไซร้ ผู้หญิงจำนวนมากที่ไม่ได้แต่งงานก็กลายเป็นกลุ่มผู้หญิงที่ไม่มีความหมายกับ ชีวิตใช่มั้ย... ผู้หญิงเราเองต้องตระหนักคุณค่าของความเป็นมนุษย์ หลวงแม่คิดว่าคุณค่าในความเป็นมนุษย์ของหญิงชายเท่ากัน”
     
       การที่ผู้หญิงเราไม่ยอมออกจากกรอบความคิดของตัวเอง เพราะไม่มีความคิดเป็นระบบ ทำความเข้าใจว่าประเพณีคืออะไร หน้าที่บทบาทของเราเปลี่ยนไปแล้วมันต้องกระทบกับการเปลี่ยนแปลงของประเพณี อย่างไร ส่วนหนึ่งไม่ใช่เฉพาะนิสัยของผู้หญิง แต่เป็นของคนไทย
     
       คนไทยเป็นชาติที่ไม่คิดมาก ไม่มีจิตวิพากษ์ ไม่ค่อยรู้จักการใช้เหตุผล บางทีเอาเหตุของอันนั้นมาประกบกับผลของอันนี้ บ่อยครั้งสังคมไทยทำอะไรผิดฝาผิดตัว และปัญหาของผู้หญิงที่ติดอยู่กับรูปกับเงาก็จะเป็นปัญหาต่อไป เป็นทุกข์ต่อไป ตราบเท่าที่ผู้หญิงยังไม่ตระหนักว่าชีวิตตัวเองมีคุณค่ามีความหมายความสำคัญ อย่างไร พูดง่ายๆ ผู้หญิงยึดมั่นในรูปโฉมมากเพียงใด ความทุกข์จะทวีคูณเป็นเงาตามตัว
     
       "ประเทศไทยมีประชากรเป็นชาวพุทธ 95% แต่ใน 95% นี้มีสักกี่คนที่เข้าใจธรรมะ หลายคนบอกเป็นธรรมมะลึกซึ้ง แต่หลายคนบอกเป็นธรรมะที่เรียบง่ายมาก เป็นจริงที่เห็นได้ สัมผัสได้ เข้าใจได้”
             
       การทำความเข้าใจคอนเซ็ปต์ ‘ทุกข์’ ก็คือ สภาพที่อยู่เฉยๆไม่ได้ มันต้องเปลี่ยนแปลงไป ทุกคนไม่ว่ายาจกวณิพก หรือพระมหากษัตริย์ ล้วนอยู่ในภาวะทุกข์ทั้งสิ้น ไม่มีใครสามารถล่วงทุกข์นี้ได้ตราบเท่าที่เรายังมีร่างกาย แต่ศาสนาพุทธสามารถล่วงทุกข์ได้ ก็คือ ทุกข์ที่เกิดจากการยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ซึ่งตัวตนแต่เดิมก็ไม่มีความเป็นจริงตรงนี้ คือ แก่นแกนหัวใจของพุทธศาสนา
     
       หลวงแม่คิดว่าการเข้าใจเรื่องทุกข์ เป็น key word เวลามีสุขมีทุกข์เข้ามาจะไม่หวั่นไหว เห็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ พอกระทบเศรษฐกิจหน่อย พ่อก็ฆ่าลูกฆ่าเมียตาย เป็นความทุกข์จากไม่เข้าใจชีวิต ไม่เข้าใจโลก อย่างมหาศาล เป็นการสร้างอกุศลกรรมสืบต่อไปอย่างมากๆ มีทุกข์แล้วมีสุข … มีสุขก็ย่อมหนีไม่พ้นมีทุกข์เป็นของคู่กัน
     
       ท่านเทศน์ต่อเรื่องความสุข เพื่อให้เข้าใจความทุกข์ยิ่งขึ้น “จริงๆแล้ว ไม่มีแบ่งแยกความสุขของผู้หญิงหรือผู้ชายความสุขเป็นสภาวะจิตใจที่รู้สึกพอ ใจกับสภาพเป็นอยู่ อาจเป็นบ้านช่อง ความสัมพันธ์กับลูกสามี กับคนรอบข้าง เรารู้สึกพอ เรารู้สึกสบาย นั้นเรียกว่าเป็นความสุขที่เป็นสภาวะจิตใจ หรือสภาวะภายใน นั่นเองความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุภายนอก เพราะวัตถุภายนอกทำให้สบายกาย สภาวะภายในไม่ขึ้นอยู่กับ กาย "
     
     
       ทีนี้ความสุขของผู้หญิงเรามักเป็นความสุขที่ติดกับรูปแบบ ซื้อกระเป๋าใบนี้มาใหม่ มีเพื่อนถือวิสาสะหยิบไปใช้และโดนฝนกลับมา สภาพหนังเสียหายหมด นี่เป็นของรักของหวงนะ ลูกโกรธจนตัวสั่น เพราะลูกถือว่ากระเป๋าใบนี้เป็นของรักของเรา …. ตอนที่กระเป๋าใบนี้อยู่ในร้าน อะไรเกิดขึ้นกับมัน เราไม่เดือดร้อนใช่มั้ย ที่ลูกรู้สึกเดือดร้อนเพราะลูกรู้สึกเป็นเจ้าของ ความรู้สึกเป็นเจ้าของทำให้เดือดร้อนมาก อารมณ์ความรู้สึกเดือดร้อนผลักให้เราตกลงไปในกับดักของความทุกข์ นั่นเอง
     
       “แต่งงานแล้วสามีนึกว่าภรรยาเป็นของเขา ทันทีที่ผู้หญิงคลอดลูก ก็นึกว่าลูกเป็นของเรา เข้าไปครอบครองกำหนดชีวิตลูก ซึ่งความเป็นจริงมันไม่ใช่ "
     
       เป็นแม่ลูกกัน เพราะมีบุญกรรมด้วยกัน วิบากกรรมของคนสองคนได้สัดส่วนกัน ณ เวลาที่มาอาศัยท้องเกิด แต่หลังจากนั้น แม่มีวิบากกรรมของตัวเอง ลูกที่มาเกิดในท้องแม่ก็มีวิบากกรรมของเขาเอง ไม่มีใครเป็นของใคร
     
       แม้แต่ตัวของเรา ก็ไม่ใช่ของๆเราอย่างแท้จริง ถ้าตัวเราเป็นของๆ เราอย่างแท้จริง เราต้องบงการได้ เรามองดูกระจก -วันนี้สวยนะ ขอให้สวยอย่างนี้ตลอดไป มันก็ไม่ได้ เวลาผ่านไป ความแก่เริ่มเข้ามา มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ภาษาพุทธพูดว่า-ไม่มีอะไรฝืนการเปลี่ยนแปลงได้
       
 
       ความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวขึ้นกับเหตุปัจจัย เวลาผู้ชายบอก- ผมรักคุณที่สุดในโลก หลวงแม่เชื่อนะว่าพูดจริง แต่เป็นความจริง ณ วันนั้น 5 ปีผ่านไป เอ้า แล้วทำไมเขาไปมีคนอื่นด้วยล่ะ ?
     
       5 ปีผ่านไป ผู้หญิงต้องทราบว่าเราเปลี่ยน เขาก็เปลี่ยน ช่วง 5 ปีนี้ยาวนานมาก มันมีเหตุปัจจัยอื่นเข้ามาแทรก เหตุปัจจัยที่ทำให้เขาบอกว่าเขารักเราที่สุด เวลานี้ไม่มีเหตุปัจจัยนั้นแล้ว
     
       เราจะไปว่าเขาไม่รักษาสัจจะวาจาไม่ได้ เพรามันเป็นสัจจะวาจาที่รักษาไม่ได้ เพราะมันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ถ้าเข้าใจธรรมชาติของสรรพสิ่ง-อ๋อ มันเป็นเช่นนั้นเอง แทนที่เราจะทุกข์ 100% เราอาจจะกระสับกระส่ายสักหนึ่งชั่วโมง ชั่วโมงที่สองค่อยๆคลี่คลาย ไม่กระสับกระส่ายตลอดไป”


       ทว่ากว่าจะ ‘นิ่ง’ มี ‘สติ’ ‘เข้าใจ’ ธรรมชาติสรรพสิ่งได้ เราคนทำงานหลายคนคงสงสัย ต้องเข้าวัด อ่านหนังสือธรรมะเหรอ มีวิธีอื่นที่ง่ายและใกล้ตัวกว่านี้มั้ย ? หลวงแม่ท่านแนะนำว่า  “ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตของแต่ละคนว่าสะดวกยังไง การหาหนังสืออ่านก็ยากนะลูก เวลาเข้าไปตลาดหนังสือ มันมีเป็นพันเป็นหมื่น ไม่รู้จะหยิบเล่มไหน ต้องดูด้วยพระอาจารย์รูปนี้ท่านเข้าใจปัญหาสังคมมากน้อยแค่ไหน พอจะดึงธรรมะมาประยุกต์กับปัญหาของเราได้มั้ย หรือท่านพูดตามตำรา”
             
       หลวงแม่จึงแนะนำวิธีง่ายๆใกล้ ๆ ตัว โดยฝึกจากการทำงานนี่แหละ “ให้มองคนที่ทำงานเป็นพี่เป็นน้องเวลาไปทำงาน ถ้าเรารู้สึกดีกับคนที่ทำงาน กลไก mechanism ในร่างกายในจิตใจของเราจะเปลี่ยนไปเลย อะไรที่เรารู้สึกรำคาญจะกลายเป็น-ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูจัดการให้เอง เปลี่ยนจากความอิจฉาริษยา การแย่งชิง เป็นความเอื้ออาทรหากเราสามารถเปลี่ยนฐานใจตรงนั้นได้ มันจะทำให้การทำงานของเราสนุก”
     
       หลวงแม่ทำงานอยู่ธรรมศาสตร์ 27 ปี อย่างหนึ่งที่ธรรมศาสตร์ให้หลวงแม่ คือ หลวงแม่รู้สึกดี อยากไปทำงาน บางครั้งในการทำงานก็มีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่เพราะคนทำงานรู้สึกดี หลวงแม่จึงมีความสุข กระทั่งวาระสุดท้ายของปีที่ 27 หลวงแม่ไม่เคยไม่อยากไปทำงาน รู้สึกรักที่ทำงาน รู้สึกเราได้สร้างพลังที่ดีกับจุดที่เราไปนั่งทำงาน จุดที่เราไปนั่งทำงานไม่ได้เกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่หมายถึงสภาพบรรยากาศรอบ ๆ ด้วย
     
       "ถ้าลูกสามารถรู้สึกอย่างนั้นในที่ทำงานของลูกได้ ลูกจะทำงานด้วยความสุขคิดว่าไปทำงาน คือ ไปเจอะเพื่อนฝูงญาติมิตรที่จะเอื้ออาทรกัน งานนี้เป็นงานของเราและของคนอื่นด้วย ไม่ใช่งานนี้เป็นของเขา หรือของเรา ถ้าปรับฐานจิตตรงนี้ได้ ลูกจะรู้สึกว่าชีวิตการทำงานมันดีมากๆ ผลผลิตของงานที่ออกมา ใครชมนะคะ บอก-เป็นของบริษัทค่ะ แม้จริงๆแล้วเป็นของเรา”
     
       หลวงแม่เน้นว่าคุณค่าของคนอยู่ผลงาน แนวคิดแนวทางของท่านไม่จำกัดเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น “ไม่ต้องแบ่งหญิงชาย เพราะหลวงแม่คิดว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่รูปลักษณ์ แต่อยู่ที่ความดี ถ้าเรา shift base ปรับฐานความคิดมาที่ผลงาน และคิดในเชิงพุทธ ไม่ว่าจะเป็นมาฆบูชา วันวิสาขบูชา หรือวันไหนๆของชีวิต ถ้าคนเรามีทิศทางคิดได้ชัดเจนอย่างนี้ ทั้งผู้หญิงผู้ชายก็จะมีความมั่นคง”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ตุลาคม 2010, 16:48:19
คนเราทุกข์เพราะกิเลสทำให้จิตเศร้าหมองเกิดอกุศล แก้โดยทำให้จิตเราไม่เศร้าหมองทำให้จิตเกิดกุศล โดยการระลึกสติอยู่เสมอ
เมื่อสติตั้งมั่นก็เกิดปัญญา คือตัวรู้ทำให้เราคิดดีทำดีเกิดมหากุศลจิต ทำให้จิตใจเบิกบานชุ่มชื่น เหมือนฟ้าหลังฝน
ความโกรธ ความหลง คือไฟร้อนที่จะมาเผาผลาญจิตใจ มากระทบเรา  เราไม่รับ(รู้เท่าทัน)มันก็เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
เราฝึกให้มีสติทุกๆวันเหมือนน้ำหยดทีละหยด หยดบ่อยๆจนเป็นสายน้ำแห่งบุญ(ความสุข)รับรองความชั่ววิ่งตามไม่ทันแน่
พร้อมกับการแผ่เมตตาให้สัตว์โลก ความเย็นความชุ่มฉ่ำจะมาคุมจิตใจ ทำให้เกิดปิติ เกิดความสุขได้อย่างมหัศจรรย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ตุลาคม 2010, 12:40:31
พระ มหาสมปอง บรรยายธรรมว่า ความสุขเกิดขึ้นได้ต้องอยู่ที่ตัวเรา ความสุขของตัวเราอยู่บนใบหน้า เราจะมีความสุขได้ต้องเริ่มต้นจากการยิ้ม

 

เริ่ม ยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนยิ้มให้คนอื่นและคนรอบข้าง เมื่อใดที่เรายิ้มได้ก็จะลืมทุกข์ได้ ดังนั้น ความวุ่นวายที่เกิดในบ้านเมืองของเรา จะแก้ไขได้เริ่มแรกต้องไม่แบ่งสี ไม่แบ่งข้าง และต้องรู้จักยิ้มให้กัน อีกทั้งเวลาทำอะไรเราต้องตั้งสติให้ดี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าเรื่องตึกล้มเราสร้างใหม่ได้ เศรษฐกิจล้มเราสร้างใหม่ได้ แต่ชีวิตที่เสียไปเราสร้างใหม่ไม่ได้ เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดของชีวิตเราคือการมีลมหายใจ

 

          ส่วน การนำธรรมะมาใช้ในการทำงานให้สนุก เราต้องรู้จักเรื่องการครองตน ครองคนและครองงาน การครองตนคือการตั้งอยู่บนความซื่อสัตย์สุจริตยุติธรรม ตั้งอยู่บนขันติหรือความอดทน และต้องรู้จักจาคะคือ เสียสละ เพื่อเกิดประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น ส่วนการครองคน เราต้องนำหลักธรรมะสังคหวัตถุ 4 คือ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตตา มาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวกับผู้ร่วมงาน การเอื้อเฟื้อแบ่งปันผู้อื่น การไม่พูดเท็จ การทำงานให้เกิดประโยชน์แก่องค์กร และการทำงานด้วยความเสมอต้นเสมอปลาย

 

ส่วนการครองงาน ที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ ต้องนำหลักธรรมอิทธิบาท 4 มาเป็นหลัก คือ ฉันทะ ความพอใจ วิริยะ ความพยายามในการทำงาน จิตตะ การใส่ใจในงานที่ทำ และวิมังสา การปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หากนำมาใช้ชีวิตการทำงานจะมีแต่ความสุข

 

          "การ ใช้ชีวิตให้มีความสุขต้องเอาธรรมะมาเป็นเครื่องนำจิตใจ ชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอน อย่าเสียเวลามัวแต่ทะเลาะกัน ควรทำประโยชน์ให้บ้านเมืองให้เกิดความสุขมากที่สุด หากต้องการให้ความสุขอยู่กับเราตลอดไป เราต้องแยกแยะว่าอะไรคือสิ่งที่ดีหรือไม่ดี อะไรคือสิ่งที่ถูกหรือไม่ถูก หากแยกแยะได้เราจะเจอสิ่งที่ดีทั้งวัน เพราะสิ่งไม่ดีเราได้นำมาพัฒนาให้เป็นสิ่งที่ดีให้กับตัวเองได้แล้ว เราต้องรู้จักใช้ความคิดในการแก้ปัญหาให้มากกว่าใช้กำลัง หากเราคิดดีแล้ว ความสุขจะอยู่กับตัวเราตลอดไป" พระมหาสมปองกล่าว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ตุลาคม 2010, 12:42:37
“ความสุขของผู้หญิงติดกับรูปแบบ…ทุกข์เพราะไปผูกพันกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง”

“ผู้หญิงชอบสวยชอบงาม เนื่องจากติดค่านิยมดั้งเดิม-ลูกผู้หญิงโตขึ้นมาต้องแต่งงาน การปลูกฝังอบรมเลี้ยงดูทั้งหลายล้วนเป็นไปเพื่อให้ลูกผู้หญิงเป็น ‘กุลสตรี’ ทำการบ้านการเรือน เย็บปักถักร้อย และต้องมีความงามเพียบพร้อม เพื่อพร้อมออกเรือน”

‘ความงาม’ ที่หลวงแม่หมายถึง คือ งามทางกาย

“ทีนี้ผู้หญิงไม่ได้เกิดมามีความงามเพียบพร้อม แทนที่ผู้หญิงจะให้ความสำคัญกับงามทางจิตใจ กลับไปให้ความสำคัญแต่ความสวยทางกาย

ค่านิยมปัจจุบันต้องจมูกโด่ง ต้องตาสองชั้น ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ เราเอาค่านิยมตะวันตกเข้ามา นำพลาสติกมาทำให้สวยขึ้น

คำว่า ‘สวยขึ้น’ กลายเป็นคุณค่าที่ตั้งกันขึ้นมา

จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า กลุ่มผู้หญิงที่นิยมทำศัลยกรรมกันมากที่สุด คือ พยาบาล ถ้าเป็นอาชีพดาราที่ต้องขายรูปร่างหน้า ยังเข้าใจได้ แต่นี่กลับเป็นอาชีพพยาบาล ส่วนหนึ่งเพราะพยาบาลใกล้ชิดหมอ รู้ว่าอาจารย์หมอคนไหนเก่ง และสามารถจ่ายค่าทำศัลยกรรมตกแต่งได้ในราคาถูก แต่ที่สำคัญ คือ เรื่องค่านิยม หลวงแม่มองว่า เนื่องจากผู้หญิงถูกปลูกฝังมาทางด้านเดียวให้เป็นแม่ศรีเรือน ไม่ต้องมีความคิดเห็น มีแต่ความจงรักภักดี ทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายมีสามี

ค่านิยมเบี่ยงเบนเช่นนี้เองทำให้ผู้หญิงหันไปสนใจความงามภายนอกกันมาก ซึ่งนี่แหละเป็นรากความทุกข์ของผู้หญิง”

หลวงแม่อธิบายชี้ให้เห็นว่า

“ร่างกายประกอบขึ้นด้วยธาตุ-ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุเหล่านี้อาศัยกันและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เมื่อเราไปให้ความสำคัญกับร่างกายที่ประกอบด้วยธาตุ เราพยายามรักษามันให้สวยงาม ขณะที่ธรรมชาติของธาตุทั้งสี่นั้น คือ การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

เมื่อให้ความสำคัญผิดจุดด้วยความไม่เข้าใจสภาพแห่งความเป็นจริง ย่อมเป็นทุกข์ เพราะทุกข์แปลว่าตั้งอยู่ไม่ได้ แต่ไปยึดมั่นให้มันตั้งอยู่ให้ได้ ทุกข์จึงเกิด

ผู้หญิงหลายคนกังวลเรื่องหน้าตา ทรงผม เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ความกังวลของผุ้หญิงผูกพันกับสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น

เมื่อผู้หญิงเราเอาความกังวลความใส่ใจไปผูกพันกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ก็ย่อมทุกข์ตลอดเวลา

เมื่อสังคมไปจัดสรรว่าผู้หญิงจะมีคุณค่าต่อเมื่อผู้หญิงได้ออกเรือน มีสามี มีครอบครัว ผู้หญิงก็ต้องให้ความสำคัญกับการแต่งงาน

ผู้หญิงบางคนมีศักยภาพสูงมาก แต่เพียงเพราะแต่งงานไปแล้วสามีนอกใจ พลังงานทั้งหลายของผู้หญิงคนนี้ไปเวียนวนกับการจัดการกับผู้หญิงที่เข้ามา เป็นบุคคลที่ 3 แทนที่จะได้พัฒนาศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่ให้ประสบความสำเร็จในชีวิตหน้าที่ การงาน ต้องไปเสียพลังในเรื่องผู้หญิงของสามี

ตราบใดผู้หญิงตั้งหลักตัวเองไม่ได้ เอาความสำคัญของชีวิตไปทุ่มให้กับสามีและลูกหมด โดยไม่เข้าใจว่าตัวเราก็เป็นมนุษย์อีกคนหนึ่ง นั่นก็เป็นการตั้งฐานความเป็นจริงผิดพลาด”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ตุลาคม 2010, 18:58:53
โอวาทก่อนปรินิพพานของพระพุทธเจ้า

             “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ครั้งก่อนแต่ตรัสรู้เมื่อเรายังเป็นโพธิสัตย์ยังไม่ตรัสรู้นั่นเทียว ได้เกิดการปริวิตกขึ้นว่า อะไรหนอเป็นรสอร่อยในโลก อะไรเป็นโทษในโลก อะไรเป็นอุบายเครื่องออกไปจากโลก ภิกษุทั้งหลาย ! ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า สุข โสมนัสที่ปรารภโลกเกิดขึ้นนี้เองเป็นรสอร่อยในโลก โลกไม่เที่ยงทรมานมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา นี่เองเป็นโทษในโลก การนำออกเสียสิ้นเชิง ซึ่งความกำหนัดด้วยอำนาจเพลินในโลกนี่เอง ถ้าเป็นอุบายเครื่องออกไปจากโลกได้ภิกษุทั้งหลาย !ตลอดเวลาเพียงไรที่เรายัง ไม่รู้ จักว่ารสอร่อยของโลกว่าเป็นรสอร่อย ยังไม่รู้จักโทษของโลกว่าเป็นโทษ ยังไม่รู้จักเครื่องออกว่าเป็นเครื่องออกตามที่เป็นจริงตลอดเวลาเพียงนั้น เรายังไม่ได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทวดา พร้อมทั้งมนุษย์ ภิกษุทั้งหลาย !เมื่อใดแล เรา ได้รู้จักรสอร่อยของโลกว่าเป็นรสอร่อย รู้จักโทษของโลกว่าเป็นโทษ รู้จักอุบายเครื่องออกว่าเป็นเครื่องออกตามที่เป็นจริง ด้วยอาการอย่างนี้ เมื่อ นั้นเราได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทวดา พร้อมทั้งมนุษย์ ก็แหละญาณทรรศนะเครื่องรู้เครื่องเห็นเกิดขึ้นแล้วว่า ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพเป็นที่เกิดใหม่ไม่มีอีกดังนี้”
            “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  !พรหม จรรย์นี้เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคน มิใช่เพื่อให้คนทั้งหลายมานับถือ มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักการะและความสรรเสริญ มิใช่จุดมุ่หมายเพื่อเป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้ มิใช่เพื่อให้ใครรู้จักตัวว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้ พรหมจรรย์นี้เราประพฤติเพื่อสังวระ คือ ความสำรวม เพื่อปหานะ คือ ความละ เพื่อวิราคะ คือ คลายความกำหนัดยินดี และเพื่อนิโรธะ คือความดับทุกข์”
           “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ! ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ลึกซึ้งเห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบประณีตมิใช่วิสัยแห่งตรรก คือคิดเอาไม่ได้หรือไม่ควรลงความเห็นด้วยการเดา แต่เป็นธรรมที่บัณฑิตพอรจะรู้ได้”
           “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ! จงดูกายอันนี้เถิด ฟันหัก ผมหงอก หนังเหี่ยวๆ ยานๆ มีอาการทรุดโทรมให้เห็นอย่างเด่นชัด เหมือนเกวียนที่ชำรุดแล้วชำรุดอีก ได้อาศัยแต่ไม้ไผ่มาซ่อมไว้ผูกกระหนาบคาบค้ำไว้จะยืนนานไปได้สักเท่าไร การแตกสลายย่อมจะมาถึงเข้าสักวันหนึ่ง ภิกษุทั้งลาย !พวกเธอจงมีธรรมเป็นที่เกาะที่พึ่งเถิด อย่าคิดถึงสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย แม้ตถาคตก็เป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น”
            “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  !จง ดูกายอันเปื่อยเน่านี้เถิด มันอาดูรไม่สะอาด สิ่งสกปรกมันไหลเข้าไหลออกอยู่เสมอ ถึงกระนั้นก็ตามมันยังเป็นที่พอใจปรารถนายิ่งนักของผู้ไม่รู้ความจริงข้อนี้ ภิกษุทั้งหลาย ! ร่างกายนี้ไม่นานนักหรอกคงจะทับถมแผ่นดิน ร่างกายนี้เมื่อปราศจากวิญญาณครองแล้ว ก็ถูกทอดทิ้งเหมือนท่อนไม้ที่ไร้ค่าอันเขาทิ้งเสียแล้วโดยไม่ใยดี”
           “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ! อันร่างกายนี้สะสมไว้แต่ของสกปรกโสโครก มีสิ่งปฏิกูลออกจากทวารทั้งเก้า มีช่องหู ช่องจมูก เป็นต้น เป็นที่อาศัยแห่งสัตว์เล็กสัตว์น้อย เป็นป่าช้าแห่งซากสัตว์นานาชนิด เป็นรังแห่งโรค เป็นที่เก็บมูตรและกรีษ อุปมาเหมือนถุงหนังซึ่งบรรจุเอาสิ่งโสโครกต่างๆ เข้าไว้แล้วซึมออกมาเสมอๆ เจ้าของกานจึงต้องชำระล้างขัดถูวันละหลายๆครั้ง เมื่อเว้นจากการชำระล้างแม้เพียงวันเดียวหรือสองวัน กลิ่นเหม็นก็ปรากฏเป็นที่น่ารขยะแขยง”
             “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ! ร่างกายนี้เป็นเหมือนเรือนซึ่งสร้างด้วยโครงกระดูก มีหนังและเลือดเป็นฉาบทา ที่มองเห็นเปล่งปลั่งผุดผาดนั้น เป็นเพียงผิวหนังเท่านั้น เหมือนมองเห็นความงามแห่งหีบศพอันวิจิตรตระการตา ผู้ไม่รู้ก็ติดในหีบศพนั้น แต่ผู้รู้เมื่อทราบว่าเป็นหีบศพ แม้ภายนอกจะวิจิตรตระการตาเพียงไร ก็หาพอใจยินดีไม่ เพราะทราบชัดว่าภายในแห่งหีบอันสวยงามนั้นมีสิ่งปฏิกูลพึงรังกียจ”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ตุลาคม 2010, 12:20:06
"ท่าน ว.วชิรเมธี"  เปิดฉากการเสวนาว่า สิ่งที่อยู่กับเราตลอดเวลา คือ ความคิด ชีวิตของคนเราเป็นเงาสะท้อนของความคิด เราคิดอะไร ชีวิตเราก็จะปรากฏมาอย่างนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรามีทั้งดีและไม่ดี แต่มันอยู่ที่แนวความคิดของเราว่า เราจะเอาสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา มาทำให้เรามีกำลังใจที่จะต่อสู้กับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราอย่างไร เวลาเจองานหนักให้บอกกับตัวเองว่า นี่คือโอกาสกับตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ เวลาเจอทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่ทำให้เกิดทักษะในการดำรงชีวิต
การคิดบวกจะได้ผลหรือไม่ได้ผลต้องดูว่า มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเราหรือไม่ ซึ่งประโยคนี้ "ท่าน ว.วชิรเมธี" ขยายความว่าการ คิดบวกมี 2 ลักษณะ คือ เป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับความคิดอย่างเดียว คือ คิดบวกแล้วทำให้ชื่นอกชื่นใจ ทำให้ได้ปัญญา หรือคิดบวกแล้ว ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงจริงๆ เช่น ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างนี้ เราต้องคิดบวก คือ คิดที่จะอยู่ให้ได้จะไปประท้วงให้น้ำมันลดลงได้หรือไม่ คำตอบคือ คงไม่ได้ ในเมื่อลดไม่ได้ฉันจะลดเอง คือ ลดความต้องการบริโภคให้น้อยลง
ที่เราทุกข์กันอยู่ทุกวันนี้เพราะบริโภคมาก และมีเหตุปัจจัยหนึ่งที่ทุกข์ คือ "โรคจมไม่ลง" คือ เคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย อย่างมหาเศรษฐีโลกทั้งหลาย ไปไหนต้องนั่งรถราคาแพงๆ คำใช้จ่ายก็สูงขึ้น แต่เราจมไม่ลง ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรากำลังแย่ เราก็จ่ายแพงขึ้นเพื่อประคับประคองตัวฉันให้โดดเด่นอยู่ในวงสังคม สุดท้ายไม่ใช่แค่จมไม่ลง มันล้มเลย
วิธีคลายเครียด
หากจะอยู่ให้รอดในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ "ท่าน ว.วชิรเมธี" บอกว่า ต้องเปลี่ยนวิธีบริโภคจากที่เคยตามใจตัวเอง มาเป็นบริโภคตามความจำเป็น ถ้าวิ่งตามความอยาก ไม่ว่าวันไหนๆ เราก็จะทุกข์ เพราะความอยากไม่เคยมีขีดจำกัด กินเท่าที่จำเป็น ใช้เท่าที่จำเป็น ถ้าอยู่ในโลกของความเป็นจริง ไม่ต้องจ่ายแพงเพื่อรักษาหน้าตา ทำตัวเป็นคนธรรมดาๆ ก็ไม่ต้องเสียเงินรักษาภาพพจน์ และจะมีความสุขได้ แม้ในยุคข้าวยากหมากแพง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ตุลาคม 2010, 16:14:39
การที่เรายึดติดในความคิดเห็นของตัวเองอย่างเข้มข้น จนไม่เปิดใจฟังคนที่คิดต่าง ก็ทำให้เรากลายเป็นส่วนหนึ่งของความรุนแรงได้แล้ว 

ความสำคัญตนว่า “ตนเป็นเพียงคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง” ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของอัตตาด้วยเช่นกัน

ตราบใดที่ยังไม่หมด “ความสำคัญตน” ก็ยังต้องทนทุกข์เพราะพิษของอัตตาตราบนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ตุลาคม 2010, 21:48:47
โชค คือ ระบบแห่งเหตุปัจจัยที่มนุษย์ยังหาคำอธิบายไม่ได้เท่านั้นเอง  

การวิพากษ์วิจารณ์นั้นเป็นงานชั้นสูง อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า นักวิจารณ์ทำงานกันง่ายๆ

สันติส่วนบุคคล คือสันติภาพสากลของมนุษยชาติ

เป็นตำรวจจน ๆ ดีกว่าเป็นนายพลคอรัปชั่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ตุลาคม 2010, 09:23:48
คนก็เหมือนผลไม้ มีสุข(สุก) ก็ต้องมีทุกข์(หง่อม) เหมือนผลไม้นั่นเอง

ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข

คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง (should be ยับยั้งชั่งใจ) คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: finise ที่ 27 ตุลาคม 2010, 10:42:00
ระลึกเสมอซักวันเราก้อจะตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ตุลาคม 2010, 13:21:24
ถ้าคุณเป็นคนดีแล้ว นั่นแหละคุณบรรลุวัตถุประสงค์ของการมีวัด วัดอยู่ในใจคุณแล้ว

"ความจริงบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องไปพิสูจน์ให้เห็นด้วยตา เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องใช้ปัญญา ในการมอง"

คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์ ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thammaonline ที่ 27 ตุลาคม 2010, 14:04:38
......................อนุโมทนาครับ.......................................................................
..................อนุโมทนาบุญด้วยครับ..................................................................
............อนุโมทนาครับ.อนุโมทนาครับ...................................อนุโมทนาครับ.........
........อนุโมทนาครับ........อนุโมทนาครับ...........................อนุโมทนาบุญด้วยครับ....
.....อนุโมทนาครับ...............อนุโมทนาครับ ................อนุโมทนาครับ.อนุโมทนาครับ.
...อนุโมทนาครับ....................อนุโมทนาครับ.............อนุโมทนาครับ..อนุโมทนาครับ.
..อนุโมทนาครับ......................อนุโมทนาครับ........อนุโมทนาครับ......อนุโมทนาครับ.
.อนุโมทนาครับ........................อนุโมทนาครับ.....อนุโมทนาครับ.......อนุโมทนาครับ..
อนุโมทนาครับ.........................อนุโมทนาครับ...อนุโมทนาครับ........อนุโมทนาครับ...
.อนุโมทนาครับ.........................อนุโมทนาครับ.อนุโมทนาครับ.....อนุโมทนาครับ.......
..อนุโมทนาครับ.........................อนุโมทนาครับ..................อนุโมทนาครับ.............
...อนุโมทนาครับ...................................................อนุโมทนาครับ.......................
…...อนุโมทนาครับ.............................................อนุโมทนาครับ..........................
.........อนุโมทนาครับ...................................อนุโมทนาครับ.................................
............อนุโมทนาครับ...........................อนุโมทนาครับ......................................
................อนุโมทนาครับ....................อนุโมทนาครับ.........................................
..................อนุโมทนาครับ..............อนุโมทนาครับ.............................................
......................อนุโมทนาครับ.........อนุโมทนาครับ..............................................
..........................อนุโมทนาครับ….อนุโมทนาครับ...............................................
..............................อนุโมทนาครับอนุโมทนาครับ...............................................
...................................อนุโมทนาบุญ...ด้วยครับ...............................................
.............................................อนุโมทนาบุญครับ..............................................
....................................................อนุโมทนาครับ............................................


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ตุลาคม 2010, 18:13:16
ทอดกฐินแล้วอย่าลืมทอดผ้าป่ากิเลสทิ้งไปด้วย ผ้าป่า 3 กองที่ควรทอดทิ้งเป็นอย่างยิ่ง คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง

จงมองซองกฐินที่เกลื่อนเมืองว่านี่คือช่วงเวลาที่คุณจะได้สะสมบุญหรือให้ดีกว่านั้น จงคิดว่าเมืองไทยยังเป็นเมืองที่คนส่วนใหญ่เป็นคนใจบุญ

เมื่อความเพียรออกเดินทาง ความสำเร็จก็จะตามมาติดๆ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ตุลาคม 2010, 21:02:41
จับผิด ริษยา บ้าอำนาจ ขาดความรู้ อยู่ไปวันๆ คือลักษณะที่ไม่สร้างสรรค์ของคนมองโลกในแง่ลบ

ความทุกข์มีความจำเป็นมากต่อการค้นพบความสุข เพราะหากปราศจากความทุกข์เสียแล้ว ความสุขก็คงเกิดไม่ได้

มองโลกในแง่ดีมีรอยยิ้ม แต่กระหยิ่มได้ไม่นานก็พลันหมอง มองโลกในแง่ร้ายก็ไม่วายน้ำตานอง มีแต่มองตามความจริงจึงพริ้งพราว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ตุลาคม 2010, 12:01:58
เกียรติของคนอยู่ที่การน้อมตนลงรับใช้เพื่อนมนุษย์

คอรัปชั่นยังอยู่ตราบใด ประชาธิปไตยก็ยังล้าหลังตราบนั้น

เห็นคุณค่าเมื่อตอนยังอยู่ ดีกว่าคอยเชิดชูเมื่อร่างแตกดับ

ฟังเสียงธรรม 'ปาฏิหาริย์แห่งปัจจุบันขณะ' ว.วชิรเมธี http://fb.me/JmkqLRWN


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ตุลาคม 2010, 16:47:06
อาทิตย์ไม่เคยหวงแสง เมฆไม่เคยหวงฝน คนไม่ควรหวงของ

ให้เกียรติคนที่อยู่ตรงหน้า มีค่าเท่ากับให้เกียรติตนเอง

อยากมีกำลังภายนอก ต้องเคลื่อนไหว อยากมีกำลังภายใน ต้องสงบนิ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ตุลาคม 2010, 18:49:06
วัฒนะ (ความเจริญ) ของอำนาจ ก็คือ การรู้จักใช้อำนาจนั้้น เพื่อประโยชน์สุขของประเทศและประชาชน

หายนะ (ความเสื่อม) ของอำนาจ ก็คือ การใช้อำนาจนั้้น เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง

ฟังและดาวน์โหลดเสียงธรรมบรรยาย http://fb.me/z6HkoqjI

ทรัพย์สินเป็นสิ่งสมมุติ ประโยชน์ที่รังสรรค์แก่เพื่อนมนุษย์เป็นของจริง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ตุลาคม 2010, 08:40:25
ประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน นี่แหละคือมรรคผลของการเมือง

มีกัลยาณมิตรหรือเพื่อนแท้ ก็เหมือนมีดวงอาทิตย์ประจำตัว

ความจริงปกป้องตัวมันเองได้เสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ตุลาคม 2010, 12:19:54
ธรรมชาติ คือ มารดาของมนุษย์ ธรรมจริยา คือมารดาของคนดี

อย่าจริงจังกับโลกจนถึงกับต้องฆ่าตัวตาย อย่าวิ่งวุ่นโวยวายจนถึงกับวิกลจริต

สภาพจิตของตนเป็นอย่างไร ก็จะได้คุณภาพชีวิตเป็นอย่างนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ตุลาคม 2010, 17:19:48
หลักกรรม คือ หลักแห่งการลงมือทำ ไม่ใช่หลักแห่งเวรกรรมอันน่ากลัว

มีเงินแต่ไม่รู้จักให้ มีใจแต่ไม่รู้จักเมตตา คือคนอนาถาของโลกใบนี้

ชื่อเสียงเหมือนสายลมเย็น ไม่มีตัวตนเป็นๆ ให้ถือครอบครอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ตุลาคม 2010, 20:31:34
สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา" สิ่งนั้นทั้งหมด ต้องมีความดับเป็นธรรมดา

อธิบายได้ว่า

การเกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นมาจากเหตุปัจจัย ไม่ใช่เกิดขึ้นมาได้เองลอยๆโดยไม่มีเหตุปัจจัย

เมื่อจะดับ ก็ต้องดับไปเพราะขาดเหตุหรือปัจจัย

ทุกข์ก็เกิดมาจากเหตุปัจจัย(ความยึดถือว่ามีตัวเรา)

ทุกข์ดับไปก็เพราะขาดเหตุปัจจัย(ไม่มีความยึดถือว่ามีตัวเรา)

แม้จิต หรือ วิญญาณ ก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัยเพื่อเกิดขึ้น(อาศัยร่างกาย)

เมื่อไม่มีร่างกาย มันก็เกิดขึ้นมาไม่ได้

ซึ่งนี่คือการเห็นอนัตตา ที่จะทำให้เกิดปัญญาเข้าใจได้ว่า แท้จริงสิ่งที่เป็นตัวเรา-ของเรานั้นไม่ได้มีอยู่จริง(ไม่มีอัตตา)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ตุลาคม 2010, 08:26:21
@ อย่าเพิ่งคิด ไกลโพ้น หรือโน่นนี่
ตรองให้ดี ถี่ถ้วน กระบวนท่า
บริหารจิต มากมาย ในตำรา
แต่ยกมา เพื่อให้ เด็กได้รู้

@ สติตั้ง กำหนดกาย ให้แม่นมั่น
จิตรู้ทัน รู้เห็น กายเป็นอยู่
การเคลื่อนไหว แห่งกาย ให้ตามดู
กำหนดรู้ ทุกขณะ อย่าละวาง

@ สติตาม เวทนา อาการอีก
อย่าหลบหลีก ลี้ไกล ปล่อยใจห่าง
มันปวดข้อ ปวดขา เปลี่ยนท่าทาง
รู้เห็นอย่าง เข้าใจ ไม่เที่ยงแท้

@ สติตาม ดูจิต ที่คิดอีก
สติหลีก หนีไกล ไม่ได้แน่
จิตคิดได้ ตาดู รู้เห็นแล
คิดเป็นแต่ จิตอาจ คิดพลาดพลั้ง

@ สติตั้ง รู้ธรรม แล้วกำหนด
สิ่งปรากฏ ต่อหน้า อะไรมั่ง
บุญหรือบาป รู้ไว้ ให้ระวัง
สติตั้ง คิดให้ถูก ปลูกศรัทธา

@ ศรัทธาธรรม นำทาง สร้างความสุข
ไม่ตกยุค จิตสะอาด ปรารถนา
การงานรุ่ง การเรียนนั้น ผลทันตา
มีปัญญา ยอดเยี่ยม ไร้เทียมทาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ตุลาคม 2010, 13:03:53
มนุษย์เรานี้ เมื่อมีความสุขก็จะลืมความทุกข์ไปเสียสิ้น และเมื่อได้รับความทุกข์ ก็จะมองไม่เห็นความสุข คนส่วนมากเมื่อทุกข์ก็จะคิดว่าตัวต้องทุกข์ไปตลอด หรือเมื่อสุขก็คิดว่า ความสุขนั้นจะเป็นนิรันดร์ หารู้ไม่ว่าทั้งสุขทั้งทุกข์นั้นมิใช่ของจริง เหมือนดั่งเห็นเงาจันทร์ในขันน้ำ เงานั้นมิใช่ดวงจันทร์ที่แท้จริงดอก  สุขและทุกข์เป็นของไม่เที่ยง เมื่อเห็นดังนี้แล้ว ผู้ที่มีสติก็ย่อมเบื่อหน่ายทั้งสุขและทุกข์ ย่อมหลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่น ไม่วิวาททุ่มเถียงกับผู้ใด แม้คำพูดนั้นจะระคายหู ก็ให้มีสติรู้ว่าเป็น แค่คำพูดเท่านั้นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ตุลาคม 2010, 18:44:37
    บรรดากิเลสทั้ง 3 คือ ราคะ (โลภะ) โทสะ โมหะ ท่านว่ามีโทษหนักเบาไม่เท่ากัน ราคะนั้นดูเหมือนว่ามีโทษเบา แต่ละได้ยาก โทสะมีโทษหนักแต่ละได้ง่าย ส่วนโมหะมีโทษหนักและละได้ยาก เฉพาะโทสะ(ความโกรธ ความขุ่นเคือง) นั้น เวลามันเกิดขึ้นจะเอะอะตึงตัง มึงมาพาโวย เรียกว่าเห็นช้างเท่าหมู ไม่กลัวใคร แต่ก็มักสงบง่าย เพราะฉะนั้นท่านจึงว่าความโกรธมีโทษมาก

    ท่านบอกวิธีเอาชนะความโกรธ 9 วิธี สำหรับผู้มักขี้ยัวะ ลองฝึกปฏิบัติดูนะครับ ถ้าได้ผลอย่างไร ช่วยบอกผมด้วย จะได้ทำตามเพราะผมก็ใช่ย่อยเหมือนกัน ลูกศิษย์บางคนว่า อะไรๆ ก็ดี แต่ดุชะมัดญาติว่าอย่างนั้น

1.ให้นึกถึงผลเสียของคนมักโกรธ

    พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า คนที่โกรธคนอื่นนับว่าเป็นคนเลวอยู่แล้ว แต่ใครโกรธตอบเขากลับเป็นคนเลวกว่า พระองค์ทรงสรรเสริญเมตตา ความรักและความปรารถนาดีต่อกัน ถ้าเรามัวเป็นคนมักโกรธ ไม่รู้จักเมตตารักใคร่คนอื่นบ้างเลย จะนับว่าเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร

    เวลาเขาโกรธเรามา เราไม่โกรธตอบ นับว่าเป็นผู้เอาชนะใจคนได้ เอาชนะสงครามที่ชนะได้แสนยากและยิ่งรู้ว่าเขาโกรธและ ขุ่นเคืองเรา เราไม่แสดงอาการโกรธและขุ่นเคืองออกมา นับว่าได้ทำประโยชน์ทั้งสองฝ่ายคือ ทั้งแก่ตนเองและแก่คนที่โกรธเรา(การทะเลาะเบาะแว้ง หรือลงไม้ลงมือประหัตประหารกันก็จะไม่เกิดเพราะเราตั ดไฟแต่ต้นลม)

2.ให้พิจารณาโทษของความโกรธ

    คนเราเวลาไม่โกรธก็ดูดี ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่พอโกรธขึ้นมาก็กลายเป็นคนละคน หน้าตาจะบูดเบี้ยวแดงก่ำ บางคนมือไม้สั่นยังกับเจ้าเข้า เต้นแรงเต้นกา ปากก็กล่าวคำหยาบ ไม่รู้ไปสรรค์หาคำด่ามาจากไหน ไม่มีความสง่า สวยงามเหลือแม้แต่นิดเดียว เรียกว่าเป็นนางฟ้าอยู่หยกๆ กลายเป็นนังยักษ์ขมูขีทันที

    หรือถ้าจะให้ชัดเวลาที่เราโกรธ ลองส่องกระจกดูก็แล้วกัน หน้าที่ที่สวยงามยิ้มแย้มแจ่มใส มีเสน่ห์น่ารักนั้น ไม่รู้มันหายไปไหนกลายเป็นหน้ายักษ์หน้ามาร น่าเกลียดน่าชัง เมื่อพิจารณาเห็นความน่าเกลียดน่ากลัวของตนเองอย่างน ี้แล้ว ความโกรธที่มีมาก็อาจหายไปได้

3.นึกถึงความดีของคนที่เราโกรธ

    เวลาเราโกรธใครส่วนมากก็ขุดเอาแต่เรื้องที่ไม่ดีมาด่ าว่า ทีนี้ลองพยายามคิดถึงความดีของเขาดูสิ ว่าเขามีดีอะไรบ้าง เพราะตามธรรมดานั้น คนเราย่อมมีดีและไม่ดีเหมือนๆ กันต่างแต่ว่าใครจะดีมากดีน้อยเท่านั้น ไม่มีใครดอกที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรือชั่วร้อยเปอร์เซ ็นต์ เพราะฉะนั้น ถ้าใครมาทำให้เราโกรธไม่พอใจ นั่นเป็นจุดที่ไม่ดีของเขา เราก็ไม่ควรมองแต่จุดนั้น ลองหันไปดูจุดดีของเขาบ้าง เมื่อมองหาจุดดีก็อาจประหลาดใจว่า แท้ที่จริงแล้วเขามีความดีมากมาย "เขามีความไม่ดีบ้างก็ช่างเขา..." อะไรประมาณนั้น

    นึกได้อย่างนี้แล้วความโกรธที่มีอยู่อาจหายไปได้

4.ความโกรธทำให้ศัตรูสมใจ

    นอกจากทำให้ตัวเองทุกข์แล้วยังสาสมใจศัตรูด้วย เวลาถูกความโกรธครอบงำ จิตใจเรามักร้อนรุ่มยังกับหอบกองไฟลุกโชนไว้ในอก หาความสุขไม่ได้ ที่สำคัญคือเรากำลังทำตนให้เป็นที่สะใจแก่ศัตรูผู้มุ ่งร้ายแก่เรา โดยที่เขามิได้ลงทุนเลย เราทำให้เขาแท้ๆ

    คนที่ไม่ชอบเรา เขามักคิดภาวนาในใจ(พูดให้ชัดคือสาปแช่ง) ว่า "เจ้าประคุณ ขอให้ไอ้/อี...มันพินาศฉิบหายในเร็ววันเถิด" ถ้าเราเป็นคนมักโกรธ ก็เท่ากับเรากระทำการต่างๆ เข้าทางศัตรู โดยที่เขาไม่ต้องเสียแรงเสียเวลามาทำให้เราเลย

    ให้สอนตนเสมอว่า "คนอื่นอยากให้เจ้าโกรธ จึงแกล้งทำสิ่งไม่ถูกใจให้เจ้า แล้วไฉนเจ้าจึงช่วยให้เขาสมปรารถนา ด้วยการปล่อยให้ความโกรธเกิดขึ้นเล่า"

    " เวลาเจ้าโกรธขึ้นมาแล้ว เจ้าก็ไม่สามารถทำทุกข์ให้เกิดขึ้นแก่เขา มิหนำซ้ำ เจ้าได้ทำร้ายตัวเองเข้าแล้ว ด้วยความทุกข์เพราะความโกรธนั้น"

5.พิจารณาความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน

    ให้คิดว่าทุกคนมีกรรมเป็นของตน ต่างก็จะได้รับผลแห่งกรรมที่ตนทำ เราโกรธเขา แสดงว่าเราได้ทำอกุศลคือกรรมชั่ว กรรมชั่วที่เราทำลงไปมันก็จะมีผลร้าย ก่อความเสียหายขึ้น เราก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้น ดุจเอามือทั้งสองกอบถ่านที่ลุกโชน มือทั้งสองของเราก็ไหม้เอง หรือดุจเอามือกอบอุจจาระไปโปะคนอื่น ตัวนั้นแหละย่อมเปรอะอุจาระก่อน

    เมื่อพิจารณาเห็นว่าทุกคนต่างก็มีกรรมเป็นของตนเช่นน ี้ ก็จะเห็นในฝ่ายเขาเช่นเดียวกันว่า ถ้าเขาโกรธเขาก็ได้ทำกรรมไม่ดี และจะได้รับผลแห่งกรรมไม่ดีเช่นเดียวกัน เมื่อต่างคนต่างมีกรรมเป็นของตน เก็บเกี่ยวผลแห่งกรรมของตนอยู่แล้ว เรื่องอะไรมามัววุ่นวายโกรธกันอยู่ทำไม ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่กรรมดีมิดีกว่าหรือ

6.พิจารณาพระจริยวัตรของพระพุทธเจ้า

    พระจริยวัตรของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าพิจารณาจากช่วงไหน ก็จะเห็นชัดเหมือนกันว่า พระองค์ทรงมีเมตตา ไม่โกรธใคร ขณะทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ก็ทรงเอาความด ีชนะความชั่วตลอดมา แม้จะถูกกลั่นแกล้งโดยผู้ไม่ปรารถนาดี ก็ไม่ถือโทษ ดังเมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นภูริทัต จะถูกศัตรูทรมานอย่างไรก็ไม่โกรธไม่ทำร้ายตอบ ทั้งๆ ที่อยู่ในฐานะจะทำได้

    เมื่อพระองค์เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ถูกเทวทัตจองล้างจองผลาญต่างๆ นานา ขนาดกลิ้งก้อนหินหมายประหารชีวิตพระองค์ แต่ก้อนหินปะทะง่อนผา สะเก็ดหินกระเด็นไปต้องพระบาท ได้รับทุกขเวทนาอย่างกล้า อีกครั้งหนึ่งสั่งให้ปล่อยช้างตกมันเพื่อทำร้ายพระพุ ทธองค์ถึงแก่ชีวิต ขณะเสด็จออกโปรดสัตว์ในเมือง พระองค์ก็ไม่ทรงถือสา กลับมีเมตตาต่อเทวทัตผู้มุ่งร้ายพระองค์สารพัด

    บางครั้งถูกอันธพาลที่ได้รับจ้างจากผู้มุ่งร้ายพระอง ค์ตามด่า ตลอดเจ็ดวัน พระองค์ก็ทรงสงบนิ่ง แผ่เมตตาจิตให้พวกเขา ไม่ทรงโกรธตอบ จนพระอานนท์ทูลให้เสด็จไปที่อื่นที่ไม่มีคนด่า พระองค์ตรัสสอนพระอานนท์ว่า ถ้าจะแก้ปัญหาโดยการหนี ก็คงหนีไปไม่มีที่สุด เพราะคนส่วนมากทุศีล ที่ถูกคือให้อดทนต่อคำล่วงเกิน ด้วยจิตประกอบด้วยเมตตา

    เมื่อพิจารณาถึงพระจริยวัตรของพระพุทธเจ้าอย่างนี้แล ้ว ได้เห็นว่าพระพุทธองค์ทรงเผชิญเรื่องที่เลวร้ายกว่าเ รา พระองค์ยังทนได้ เมื่อเราปฏิญาณว่าเป็นสาวกของพระองค์ ไฉนไยไม่ดำเนินตามรอยยุคลบาทเล่า เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว ความโกรธอาจหายไปได้

7.พิจารณาความเกี่ยวพันกันในสังสารวัฏ

    นี่ก็เป็นวิธีที่หนึ่งที่จะดับความโกรธได้ คือให้คิดว่าในโลกนี้ ไม่มีใครที่ไม่เคยเป็นญาติพี่น้องกันมาก่อน หากใครมาทำให้ท่านเกิดความโกรธ ก็ให้พิจารณาว่า คนๆ นี้อาจเคยเป็นบิดามารดาเรามาก่อน ในชาติใดชาติหนึ่งที่ล่วงมาแล้วก็ได้ หรืออาจเป็นแฟนเป็นกิ๊กที่เรารักสุดชีวิตมาก่อนก็เป็ นได้ แล้วเรื่องอะไรเราจะมาโกรธพ่อเรา แม่เรา หรือคนรักของเรา ถ้าพิจารณาอย่างนี้แล้วความโกรธที่มีก็อาจสงบได้

8.พิจารณาอานิสงส์ของเมตตา

    ความโกรธเป็นปฏิปักษ์ของเมตตา ขณะใดความโกรธเกิดขึ้น ลองหันมาพิจารณาถึงคุณประโยชน์ของเมตตาดูสิว่า เมตตาความรักความปรารถนาดีต่อกันนั้น เป็นสิ่งที่ดีงามอย่างไร เมื่อพิจารณาถึงความดีงามของเมตตา ก็อาจระงับความโกรธได้

    ความดีงามหรืออานิสงส์ของเมตตา พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่ามี 11 ประการคือ

    1.คนที่มีเมตตานอนหลับก็เป็นสุข

    2.ตื่นขึ้นมาก็เป็นสุข คือหน้าตาสดใสเบิกบาน

    3.ไม่ฝันร้าย

    4.เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย ใครเห็นใครก็รัก มีเสน่ห์

    5.เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย อย่าว่าแต่มนุษย์ด้วยกัน ภูตผีเทวดาก็รัก คนมีเมตตาผีไม่หลอกหลอน แทนที่จะหลอกหลอนกลับให้อารักขา อยู่อย่างปลอดภัยเสียอีก

    6.เทวดาอารักขา

    7.ปลอดภัยจากอัคคีภัย ยาพิษ และศาสตราอาวุธ

    8.จิตเป็นสมาธิได้เร็ว

    9.สีหน้าผ่องใสเบิกบาน

    10.ถึงคราวตายก็ตายอย่างมีสติ

    11.ถ้ายังไม่บรรลุคุณธรรมสูงกว่า ตายไปก็เข้าถึงพรหมโลกแน่นอน

    ถ้าอยากมีคุณสมบัติดังกล่าวนี้ ก็พึงพยายามเป็นคนไม่โกรธ หัดเป็นคนมีเมตตาเป็นธรรมประจำใจให้ได้

9.ให้แยกธาตุ

    วิธีแยกธาตุนี้เป็นวิธีที่ได้ผลชงัดนัก เพราะตราบใดเรายังมองเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นตัวเป็นคนเป็นนายนั่นนางนี่อยู่ ความโกรธก็เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเราแยกธาตุเสีย ทั้งธาตุเขาและธาตุเรานั้นแหละ ความโกรธก็อาจหายไป เพราะไม่รู้ว่าจะไปโกรธส่วนไหน เพราะแต่ละส่วนก็ไม่ใช่ตัวตน หากเป็นเพียงธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ แค่นั้นเอง ขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) แค่นั้นเอง

    เช่น เพราะคิดว่านายแมวมันด่ากูจึงโกรธ แต่ถ้าคิดแยกธาตุเสียว่า ส่วนไหนเป็นนายแมว รูปหรือเวทนาหรือ สัญญาหรือ วิญญาณหรือ ดินหรือ น้ำหรือ ไฟหรือ ลมหรือ ก็เปล่าทั้งเพ มันเพียงแค่ธาตุสี่ ขันธ์ห้าเท่านั้นเอง นายแมวนายหมูอะไรหามีไม่ เมื่อไม่มีนายแมวนายหมู คำด่ามันจะมีได้อย่างไร เมื่อไม่มีคำด่าแล้วจะโกรธทำไม

    ในทำนองเดียวกัน ที่เรียกว่า "กู" ก็เพียงประชุมแห่งธาตุสี่ขันธ์ห้าเท่านั้นเอง เมื่อแยกส่วนจนหมดแล้ว ก็ไม่มี "กู" ที่ไหน แล้วเราจะโกรธอยู่ทำไม

    พูดถึงตอนนี้ นึกถึงหลวงพ่อคูณสมัยท่านยังไม่ดังเปรี้ยงปร้างอย่าง สมัยนี้ หลวงพ่อท่านเดินทางไปกับศิษย์สองสามรูป ผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ญาติโยมก็ยกมือไหว้ นั่งยองๆ แล้วถามว่า "หลวงพ่อไปไหนมาคร้าบ" หลวงพ่อคูณก็เดินเฉย ไปได้อีกหน่อย โยมคนหนึ่งก็ถามอีกว่า "หลวงพ่อไปไหนมาค่ะ" หลวงพ่อก็เฉยเช่นเดียวกันจนลูกศิษย์ถามว่า "หลวงพ่อ โยมถาม ทำไมไม่ตอบ"

    หลวงพ่อพูดว่า "กูไม่มา แม่มันจะถามใครหว่า" (ถ้ากูไม่มาเสียแล้ว จะถามใครเล่า) เออจริงสินะ ถ้าไม่มีกู แล้วคำถามมันจะมีได้อย่างไร ก็ให้คิดเสียว่า กูไม่มาก็แล้วกัน คำถามจะได้ไม่มี

    เวลาโกรธใครสักคน ก็ให้พิจารณาแยกธาตุดังว่ามาข้างต้นนั้น ความโกรธอาจหายไปได้




หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ตุลาคม 2010, 09:27:11
ป ริ ศ น า ธ ร ร ม จ า ก พิ ธี ก ร ร ม ใ น ง า น ศ พ
: อุบายการสอนธรรมะอันแยบคาย

ศาสนพิธี ประเพณี พิธีกรรมต่างๆ การกระทำแต่ละขั้นตอนนั้น
โบราณท่านได้สอนธรรมะไว้ในพิธีกรรมเหล่านั้นไว้ด้วยอุบายอันแยบคาย
เช่น ประเพณี พิธีกรรมใน งานศพ

๑. การรดกัน ที่มือของผู้ตาย

ซึ่งบางท่านเข้าใจว่าเป็นการขอ อโหสิกรรม
ความจริงแล้วมุ่งเตือนสติผู้ที่มาร่วมงานว่า
ผู้ที่ตายทุกคนไปแต่มือเปล่าไม่ได้อะไรติดตัวไปเลย แม้แต่น้ำที่เทลงฝ่ามือก็ไหลร่วง

๒. เอาเงินเหรียญ ใส่ปาก

ก็เพื่อจะเตือนให้รู้ว่า แม้แต่บาทเดียวก็เอาไปไม่ได้
เพราะสัปเหร่อบางคนเขายังควักออกมา

๓. มัดตราสังข์ สามเปราะ

มัดที่คอ หมายถึง บ่วงรักลูก มัดที่มือ หมายถึง บ่วงรักสามี-ภรรยา
มัดตรงข้อเท้า หมายถึง บ่วงรักทรัพย์สมบัติ
ติดอยู่สามบ่วงนี้ ไป นิพพาน ไม่ได้ ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏไม่มีจบสิ้น

๔. เคาะโลง รับศีล ไม่ใช่ให้ คนตาย มารับศีล

แต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่าเอาแต่มัวเมาประมาทขาดสติ
ไม่สนใจในหลักธรรมคำสอน เมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี
จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้

๕. จุดตะเกียง หรือจุดเทียน ไว้หน้าศพ

เตือนให้รู้ว่าการเกิดของคนเราต้องการแสงสว่าง
ต้องมี พระธรรม เป็นดวงประทีปช่วยส่องทางเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต

๖. สวดอภิธรรม มักสวดเป็น ภาษาบาลี

คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง จึงนึกว่าสวดให้คนตาย
แต่จริงๆ แล้วเป็นการสวดเพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่
เพื่อที่จะได้นำหลักธรรมไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตประจำวัน

ดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผล
ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระสวด
ให้จิตสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็เกิดสมาธิจิตได้

๗. บวชหน้าไฟ

มักเข้าใจว่า เป็นการบวชจูงผู้ตายขึ้นสวรรค์
ความจริงนั้นไม่ใช่ เพราะการบวชหน้าไฟเป็นการ ปลงธรรมสังเวช
เบื่อหน่ายต่อชีวิตในโลกีย์วิสัย ไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาส
มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นเข้าสู่มรรคผลนิพพาน

๘. การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ

เพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่า
ตอนที่ยังอยู่ต้องเดินตามหลังพระ
หมายความว่าได้เดินตามพระธรรมคำสอนของพระนั่นเอง
จึงอยู่ดีมีสุข มีความเจริญก้าวหน้า

๙. การ เวียนซ้าย ๓ รอบ

หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสาม
อันมี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจ กิเลสตัณหาอุปทาน
ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลส
เป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย

๑๐. การใช้ น้ำมะพร้าว ล้างหน้าศพ

เพื่อชี้ให้เห็นว่า น้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาด บริสุทธิ์
ผู้เข้าสู่มรรคผลนิพพาน ต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำพระธรรม

๑๑. การแปรรูปหลังจากเผาแล้ว

มีการเก็บ อัฐิ และมีการเขี่ย ขี้เถ้า ผู้ตายให้เป็นรูปร่าง
กลับไปกลับมาเพื่อจะบอกว่า ได้กลับชาติใหม่แล้วตามวิบากของกรรมต่อไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ตุลาคม 2010, 12:30:21
คนเราเมื่อตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติแม้แต่เข็มสักเล่มเดียว
ก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้
วิธีเดียวที่จะนำทรัพย์ติดตัวไปได้ คือการนำทรัพย์นั้นไปทำทาน เป็นประโยชน์
แก่ผู้มีชรา (ความแก่) พญาธิ (ความเจ็บ) มรณะ (ความตาย) เผาผลาญอยู่
ถ้ารู้จักออกด้วยทาน ทรัพย์นั้นย่อมเป็นประโยชน์แก่เขาได้
ทรัพย์ที่บำเพ็ญทานแล้วเชื่อว่าขนออกแล้ว
ดูเถอะเจ้าของเรือนที่ถูกไฟไหม้ ทรัพย์ใดที่ขนออกได้ก็เป็นประโยชน์แก่เขา
ส่วนทรัพย์ใดที่ขนออกไม่ได้ก็ต้องถูกไฟไหม้อยู่ในเรือนนั่นเอง
ทานที่ให้แล้วไม่ได้บุญ

1.ให้ทานสุรายาเสพติด เช่นบุรี่ เหล้า ฝิ่น กัญชา ยาบ้า ฯลฯ

2.ให้อาวุธเช่น เขากำลังทะเลาะกัน ยื่นปืนให้ ยื่นมีดให้

3.ให้มหรสพ เช่น พาไปดูหนัง ดูละคร ฟังดนตรี เพราะทำให้กามกำเริญ

4.ให้สัตว์เพศตรงข้าม เช่นหาสุนัขตัวเมียไปให้ตัวผู้หาสาวๆให้เจ้านาย

5.ให้ภาพลามก รวมถึงหนังสือลามกและสิ่งยั่วยุกามารมณ์ทั้งหลาย
ชีวิตของคนเราจึงดำรงอยู่ได้ด้วยทาน
เราโตมาได้ก็เพราะทาน  เรามีความรู้ด้านต่างๆก็เพราะทาน
โลกนี้จะมีสันติสุขได้ก็เพราะทานการให้
จึงเป็นสิ่งจำเป็น และมีคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อมนุษย์ชาติ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ตุลาคม 2010, 19:24:19
มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง
อาศัยอยู่บ้านหลังหนึ่ง
ทุกๆเช้า ภรรยาจะแอบมองดูเพื่อนบ้าน
จากหน้าต่างชั้นบนบ้าน
และวิ่งกลับมารายงานให้สามีฟัง
" เพื่อนบ้านเรานี่
ซักผ้าไม่เป็นเลย
เสื้อผ้าสกปรกเหลือเกิน
ไม่รู้เขาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร
หรือใช้วิธีซักอย่างไร "

สามีก็ตอบว่า
"อย่าไปสนใจคนอื่นเขาเลย
เราซักผ้าของเราให้สะอาดก็แล้วกัน"

แต่ภรรยาก็ยังไปแอบดูเพื่อนบ้านอยู่ทุกเช้า
จากหน้าต่างข้างบนบ้าน
และวิ่งกลับมารายงานสามีทุกเช้า

"เสื้อผ้าของเขาสกปรกอีกแล้ว"

ต่อมาวันหนึ่ง
ภรรยาวิ่งลงมารายงานสามี
ด้วยความแปลกประหลาดใจ
"ไม่เข้าใจจริงๆ
ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น
เสื้อผ้าของเขาขาวสะอาด
อยากจะรู้เหลือเกินว่า
เขาเปลี่ยนมาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร
หรือทำอย่างไร.."
สามีหัวเราะและกล่าวว่า

"นี่..ฉันรำคาญเธอเหลือเกิน เมื่อเช้าฉันตื่นแต่เช้ามืด
และไปเช็ดกระจกหน้าต่างให้ใสสะอาด..
ก่อนหน้านี้ กระจกมันสกปรก
เธอมองออกไป ก็เห็นแต่ความสกปรก.."

มนุษย์เราชอบมองคนอื่น
โดยผ่านจิตใจของเราออกไป
เมื่อจิตใจของเราสะอาด
เราก็จะเห็นแต่ความดีงามรอบๆตัว

แต่ถ้าจิตใจของเราสกปรก เราก็จะเห็นแต่ความสกปรกรอบตัว
การที่เราเห็นแต่ความเลวรอบๆตัวเรา เราต้องเข้าใจว่า
แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่เราเห็น มันเกิดขึ้นในจิตใจของเรา
และเราจะต้องหาทางฝึกจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์
ถ้าเราเห็นแต่สิ่งที่เลว จิตใจก็ไม่สงบ
เราก็จะกลุ้มอกกลุ้มใจ มีความทุกข์

แต่ถ้าเราหัดมองในแง่ดี เราก็จะคิดแต่สิ่งที่ดี
จิตใจก็จะเบิกบานและมีความสุข

คนที่ถูกนินทาด่าว่ามีอยู่ทั่วไป ถ้าจะเพิ่มเราเป็นผู้ถูกนินทา
เข้าไปอีกสักคน จะเป็นไรไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤศจิกายน 2010, 08:42:49
อย่าพูดมาก ปากกล้า เวลาโกรธ
เสียประโยชน์ โทษหนัก เสียศักดิ์ศรี
ต้องสะกด อดกลั้น มีขันตี
พูดให้ดี มีประโยชน์ ไม่โกรธกัน

ยะโต ยะโต จะ ปาปะกัง ตะโต ตะโต มะโม นิวาระเย
แปลว่า พึงห้ามจิตจากอารมณ์ที่เป็นบาปนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤศจิกายน 2010, 17:49:48
หลักแห่งการปฏิบัติธรรม ๕ ประการ

๑. ศีล ด้วยการทำตนให้สงบ ระวังความชั่วทางกาย - ใจ
๒. สมาธิ ต้องฝึกจิต อบรมจิตให้ระงับความวิตกฟุ้งซ่าน
๓. ปัญญา ต้องศึกษาลักษณะจิตด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง ในหลักแห่งความจริง
๔. วิมุตติ ต้องเข้าใจลักษณะแห่งจิต ที่พ้นจากเพลิงทุกข์ ว่าเป็นอย่างไร
๕. วิมุตติญาณทัสสนะ ต้องศึกษาถึงความรู้จักตน ว่าอย่างไรจึงรู้แน่
กายสุจริต วจีสุจริตต มโนสุจริต

หัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา ๓ ประการได้แก่

๑.ไม่ทำความชั่วทั้งปวง
๒.ทำความดีให้ถึงพร้อม
๓.ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส
พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้พระอริยสงฆ์จำนวน ๑๒๕๐ รูปที่ต่างมาประชุมโดยพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย
ในวันเพ็ญเดือน ๓ (วันมาฆบูชา) เรียกว่า "โอวาทปาติโมกข์ " อันถือเป็นข้อธรรมที่เป็นประธานของคำสอนทั้งหลาย

ฆราวาสธรรม ๔
คือธรรมสำหรับการครองเรือนในชีวิตของบุคคลทั่วไปได้แก่

๑. สัจจะ คือ พูดจริงทำจริงและซื่อตรง
๒. ทมะ คือ ฝึกหัดแก้ไขปรับปรุง
๓. ขันติ คือ อดทนตั้งใจและขยัน
๔.จาคะ คือ เสียสละ

ธรรมคุ้มครองโลกมี ๒ อย่างคือ

๑.หิริ คือ ความละอายใจในการทำบาป
๒.โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัวผลของการทำชั่ว

อิทธิบาท ๔ หรือธรรมที่ช่วยให้สำเร็จในสิ่งที่ประสงค์ได้แก่

๑. ฉันทะ คือ ความพอใจรักใคร่
๒. วิริยะ คือ ความเพียร
๓. จิตตะ คือ เอาใจฝักใฝ่ ไม่วางธุระ
๔. วิมังสา คือ หมั่นตริตรอง พิจารณาเหตุผล

สัมมัปปาธาน ๔

๑. พยายามเพื่อจะไม่ให้เกิดอกุศลกรรม คือ บาปเกิดในตน
๒. พยายามเพื่อจะละอกุศลธรรม คือ บาปที่เคยเกิดขึ้นแล้วในตน
๓. พยายามเพื่อจะเจริญกุศลธรรม คือ บุญให้มีในตน
๔. พยายามเพื่อรักษากุศลธรรม คือ บุญที่เกิดขึ้นแล้วในตนให้มีอยู่
ข้อแรกคือ ให้ระวังทวารหก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ข้อที่เหลือ คือ ต้องขับไล่ของเก่า คืออย่าไปแยแส
ไม่ต้องรำพึง เพียงแต่เจริญสติ

เมื่อพระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้วได้แสดงปฐมเทศนาโปรดแก่ ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ (ผู้ที่เคยอุปัฏฐากปรนนิบัติพระองค์มาได้แก่ โกณทัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ) เป็นครั้งแรก มรรคอันมีองค์ ๘ นี้เป็นข้อปฏิบัติแบบสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ที่ทรงโปรดแก่เหล่าปัญจวัคคีย์

มรรคมีองค์ ๘ ได้แก่

๑.สัมมาทิฏฐิ คือมีปัญญาอันเห็นชอบ ได้แก่การเห็นในอริยสัจ ๔ คือ
    -  ทุกข์ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ (สมุทัย)
    -  ความดับทุกข์ (นิโรธ)
    -  ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ (มรรค)
๒.สัมมาสังกัปปะ คือดำริชอบ ได้แก่
    -  ดำริที่จะออกจากกาม (เนกขัมมะ)
    -  ดำริในการไม่พยาบาทปองร้ายผู้อื่น
    -  ดำริในการไม่เบียดเบียนผู้อื่น
๓.สัมมาวาจา คือเจรจาชอบ ได้แก่การเว้นจากวจีทุจริต ๔ คือไม่ประพฤติชั่วทางวาจาอันได้แก่
    -  ไม่พูดเท็จ (มุสาวาทา)
    -  ไม่พูดส่อเสียด ยุยงให้เขาแตกร้าวกัน (ปิสุณาย วาจาย)
    -  ไม่พูดคำหยาบคาย (ผรุสาย วาจาย)
    -  ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระ (สัมผัปปลาปา)
๔.สัมมากัมมันตะ คือทำการงานชอบโดยประกอบการงานที่ไม่ผิดประเพณี ไม่ผิดกฏหมาย ไม่ผิดศีลธรรม
    และเว้นจากการทุจริต ๓ อย่างได้แก่
    -  การเบียดเบียนฆ่าสัตว์ตัดชีวิต (ปาณาติบาต)
    -  การลักขโมย และฉ้อฉลคดโกง แกล้งทำลายผู้อื่น (อทินนาทาน)
    -  การประพฤติผิดในกาม (กาเมสุมิจฉาจาร)
๕.สัมมาอาชีวะ คือเลี้ยงชีวิตชอบได้แก่ การเว้นจากการเลี้ยงชีพในทางที่ผิด การประกอบสัมมาอาชีพคือ
    -  เว้นจากการค้าขายเครื่องประหารมนุษย์และสัตว์
    -  เว้นจากการค้าขายมนุษย์ไปเป็นทาส
    -  เว้นจากการค้าสัตว์สำหรับฆ่าเป็นอาหาร
    -  เว้นจากการค้าขายน้ำเมา
    -  เว้นจากการค้าขายยาพิษ
๖.สัมมาวายามะ คือมีความเพียรชอบ ๔ ประการได้แก่
    -  เพียรระวังมิให้บาปหรือความชั่วเกิดขึ้น
    -  เพียรละบาปหรือความชั่วที่เกิดขึ้นแล้ว
    -  เพียรทำกุศลหรือความดีให้เกิดขึ้น
    -  เพียรรักษากุศลหรือความดีที่เกิดขึ้นแล้วให้คงอยู่
๗.สัมมาสติ คือระลึกชอบได้แก่ การระลึกวิปัฏฐานได้แก่ การระลึกในกาย เวทนา จิต และธรรม ๔ ประการคือ
    -  พิจารณากาย ระลึกได้เมื่อรู้สึกสบายหรือไม่สบาย พิจารณาลมหายใจเข้าออก
    -  พิจารณาเวทนา ระลึกได้เมื่อรู้สึกสุข หรือทุกข์ หรือเฉยๆ มีราคะ โทสะ โมหะหรือไม่
    -  พิจารณาจิต ระลึกได้ว่าจิตกำลังเคร้าหมองหรือผ่องแผ้ว รู้เท่าทันความนึกคิด
    -  พิจารณาธรรมให้เกิดปัญญา ระลึกได้ว่าอารมณ์อะไรกำลังผ่านเข้ามาในใจ
๘.สัมมาสมาธิ คือตั้งใจชอบ ทำจิตให้สงบระงับจากกิเลส เครื่องเศร้าหมอง ให้มีอารมณ์แน่วแน่เป็นอันเดียว เพื่อให้จิตจดจ่อ
       ไม่ฟุ้งซ่าน หาอารมณ์อันไม่มีโทษให้จิตยึด จะได้ไม่พร่าไปหลายทางได้แก่ การเจริญฌานทั้ง ๔ คือ
    -  ปฐมฌาน หรือฌานที่ ๑
    -  ทุติยฌาน หรือฌานที่ ๒
    -  ตติยฌาน หรือฌานที่ ๓
    -  จตุตถฌาน หรือฌานที่ ๔

เคล็ดลับการเป็นพหูสูต ๕ อย่าง

๑.ฟังมาก หรือศึกษาเล่าเรียนมาก
๒.จำมาก คือหมั่นสังเกตจดจำสิ่งต่างๆที่เห็นมา เรียนมา
๓.ท่องจนคล่องขึ้นใจ คือจำได้โดยไม่ต้องนึกคิด
๔.เจนใจ คือการคิดจนสร้างมโนภาพในใจขึ้นได้ทันที
๕.ทะลุปรุโปร่ง คือนำข้อมูลที่ได้ศึกษามาพิจารณาเป็นข้อสรุป อธิบายต้นสายปลายเหตุได้อย่างถูกต้อง

อานิสงส์ในการฟังธรรม ๕ ประการได้แก่

๑.ย่อมได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๒.สิ่งที่ได้ฟังแล้ว ย่อมชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้น
๓.บรรเทาความสงสัยเสียได้
๔.ทำความเห็นให้ตรง
๕.จิตของผู้ฟังย่อมผ่องใส
ไม่ได้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แต่เป็นโอวาทที่ท่านธนัญชัยเศรษฐีได้ให้ไว้กับนางวิสาขาก่อนออกเรือน
ซึ่งถือว่าเป็นข้อพึงปฏิบัติที่ดีสำหรับสตรีทั่วไป จึงได้นำมากล่าวไว้ ณ ที่นี้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: alinonlinebiz ที่ 01 พฤศจิกายน 2010, 18:26:47
 :wanwan023:

อนุโมทนาครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤศจิกายน 2010, 17:37:34
การแผ่เมตตาดับปฏิฆะไปในบุคคลที่ไม่เป็นที่รัก

เช่น ในผู้ที่เป็นศัตรู ถ้าหากจิตใจยังไม่เป็นอุเบกขา คือยังดับปฏิฆะในใจไม่ได้ การแผ่เมตตาออกไปในบุคคลที่ชังกันนั้นยากมาก จิตไม่ยอมที่จะเมตตา ยิ่งไปคิดถึงบางทีกลับไปเพิ่มความพยาบาท โทสะให้มากขึ้นไปอีก

เพราะฉะนั้นต้องคิดดับปฏิฆะในใจ

ทำ ใจให้เป็นอุเบกขาให้ได้ โดยที่ปลงลงในกรรม เป็นกรรมของบุคคลที่ตนไม่ชอบนั้นเองด้วย เป็นกรรมของตนเองด้วย และไม่ว่าจะเป็นศัตรูคือบุคคลที่ตนไม่ชอบ หรือว่าเป็นตนเอง เมื่อทำอะไรออกไปทางกาย ทางวาจา ตลอดจนถึงทางใจ กรรมที่ทำนั้นถ้าเป็นอกุศลก็เป็นอกุศลกรรมของตนเองเช่นเดียวกัน

เพราะฉะนั้นพิจารณาดูว่าไม่ชอบเขาเพราะอะไร

เขา เป็นศัตรูเพราะอะไร สมมติว่าไม่ชอบเขา เห็นว่าเขาเป็นศัตรู เขาทำร้าย เขาพูดร้าย เขาแสดงอาการคิดร้ายต่อตนอย่างใดอย่างหนึ่ง คราวนี้ก็มาพิจารณาปลงลงในกรรม ก็พิจารณาว่า การทำร้าย การพูดร้าย การคิดร้ายของเขานั้นใครเป็นคนทำ เขาทำหรือว่าเราทำ ก็ต้องตอบว่าเขาทำ ก็เมื่อเขาทำก็เป็นกรรมของเขา เมื่อเขาทำร้าย เขาคิดร้าย เขาพูดร้ายจริงแม้ต่อเรา กรรมที่เขาทำนั้นก็เป็นอกุศลกรรมของเขาเอง เราไม่ได้ทำก็ไม่เป็นกรรมของเรา
แม้ว่าเราจะเดือดร้อนเพราะกรรมเขาก็จริง

แต่กรรมที่เขาทำก็เป็นกรรมของเขาเอง ไม่ใช่กรรมชั่วของเรา เราอาจจะต้องเดือดร้อนเพราะกรรมชั่วของเขาก็จริง แต่ว่ากรรมชั่วนั้นเป็นของเขาไม่ใช่ของเรา แบ่งออกได้ดั่งนี้ ก็จะทำให้ปลงใจลงไปในกรรมได้ไม่มากก็น้อย หรือว่าปลงลงไปครึ่งหนึ่ง หรือว่าค่อนหนึ่ง หรือว่าทั้งหมด

ถ้าหากว่าสามารถพิจารณาให้เห็นจริงจังดั่งนั้นได้

และ ก็ดูถึงกรรมของตัวเองว่า อาจจะเป็นที่ตนกระทำกรรมอันใดอันหนึ่งที่เป็นกรรมชั่วของตน แต่ว่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนในอดีตบ้าง หรือว่าในปัจจุบันบ้างก็ได้

เพราะฉะนั้นก็ให้อโหสิกรรมกันไปเสีย คิดปลงลงไปดั่งนี้แล้ว

ก็ จะทำให้ดับปฏิฆะลงไปได้ แล้วคิดแผ่เมตตาไปแม้ในคนที่เป็นศัตรูหรือคนที่ชังกัน ก็ย่อมจะทำได้ง่ายเพราะว่าดับความชังในจิตใจ โดยทำจิตใจให้เป็นอุเบกขาได้

ในข้อกรุณา ข้อมุทิตาก็เช่นเดียวกัน

และเมื่อได้ปฏิบัติอบรมเมตตา กรุณา มุทิตาในกาละ ในบุคคลที่ควรอบรม ก็สามารถที่จะอบรมมาถึงอุเบกขาได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤศจิกายน 2010, 15:42:19
ขอร่วมด้วย กับอชิระ ในไม่ประมาท
เพื่อตัดขาด ความประมาท ที่ชอบสิง
ที่ทำจิต ให้หลงทาง จากความจริง
ไม่เกรงกริ่ง หมู่มาร ตามผลาญเรา

ท่านอชิระ ยก "เกสปุตตสูตร" นั้น
ขอร่วมกัน ให้กระจ่าง ห่างจากเขลา
ชาวกาลมะ เข้าเฝ้าพระ พุทธเจ้า
ได้นำเอา ความจาก สมณะพราหมณ์

ที่ยกเอา วาทะตน ข่มผู้อื่น
ธรรมดาษดื่น ที่ต่างไป อย่าเกรงขาม
มีแต่ธรรม สำนักเรา ที่งดงาม
จงเชื่อตาม ที่เรากล่าว โปรดเข้าใจ

อีกพวกหนึ่ง ที่มา ก็เช่นกัน
วจีนั้น ข่มธรรมอื่น และผลักไส
ธรรมสำนัก ของเรา จึงยิ่งใหญ่
จงรับไว้ ใส่จิต จินตนา

ชาวกาลมะ จึงทูลถาม ความเป็นจริง
ว่าในสิ่ง ที่จริง คือใดหนา
กาลมสูตร จึงได้ กำเนิดมา
ใช่เพียงว่า สิบ ประการ แล้วจบไป

ยังมีบริบทอื่น ที่ได้ตรัส
จึงชอบชัด ใช้ให้เป็น เด่นสดใส
จะขอยก พระสูตรนี้ จากพระไตรฯ
ให้ผู้อ่านได้แจ้งใจ ได้ปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤศจิกายน 2010, 17:39:16
26 วิธีอารมณ์ดีตลอดกาล
   1. ศิลปะ หางานอดิเรกเกี่ยวกับด้านศิลปะมาทำ เช่น การถ่ายภาพ วาดภาพ ร้องเพลง เต้นรำ เป็นต้น เพื่อให้ตัวท่านเองมีาจิตใจอ่อนโยน มีหัวใจศิลปิน อารมณ์ท่านก็จะดีตามไปด้วย การอาบน้ำ
   2. การอาบน้ำด้วยน้ำเย็นจะช่วยให้ท่านสดชื่น มีชีวิตชีวา เพราะฉะนั้นในแต่ละวันควรให้ความสำคัญกับการอาบน้ำ เพราะจะเป็นช่วงเวลาส่วนตัวที่ทุกคนได้ผ่อนคลายที่สุดของแต่ละวันหลังจากทำ งานมาเครียดๆ
   3. มิตรสหาย ควรจะหาเพื่อนที่อารมณ์ดีมาเป็นคู่สนทนา เมื่อคุยกับเพื่อนคนนี้จะต้องมีเรื่องสนุกคุยกันจะเป็นการช่วยให้ท่านได้มี โอกาสผ่อนคลาย โดยอาจจะเป็นการโทรศัพท์ไปคุยกันก็ได้เพื่อให้มีความสนุก
   4. เปิดเผย ท่านจะต้องไม่เป็นคนที่เก็บกดปัญหาต่างๆ จะต้องหาคนพูดคุย คนปรึกษา ถ้าปัญหาที่ท่านเผชิญอยู่เก็บไว้คนเดียวอารมณ์ของท่านจะหงุดหงิดอยู่ตลอด เวลา
   5. รู้จักพอ ท่านจะต้องฝึกเป็นผู้มีความเพียงพอในเรื่อง ต่างๆ แล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ใครจะได้จะเสียอะไร ตัวท่านจะต้องรู้จักตัวเองว่า ความพอดีของตัวท่านเองอยู่ที่ไหนแล้วอารมณ์ของท่านจะสดใส อย่าวิ่งตามกระแสสังคม
   6. อาหาร ในแต่ละมื้ออาหารท่านควรจะรับประทานให้พออิ่ม อย่าให้มากหรือน้อยจนเกินไป และที่สำคัญ ควรรับประทานอาหารที่มีผักมากๆ เนื่องจากการย่อยจะง่าย ท้องไส้ไม่ปั่นป่วน ควรจะทานเนื้อให้น้อยๆ เน้นผลไม้ให้มาก ชีวิตระหว่างมื้ออาหารท่านก็จะสดใสไม่หงุดหงิด
   7. การให้ ท่านจะต้องรู้จักที่จะใช้ประโยชน์จากการให้ เช่นให้รอยยิ้ม ให้คำชม ให้การช่วยเหลือ ให้อาหาร มีความปรารถนาดีกับคนรอบข้าง แล้วท่านจะได้รู้ว่าวันที่ท่านมีโอกาสให้วันนั้นจะเป็นวันที่ท่านมีความ สุขอย่างแท้จริง
   8. บำบัดรักษา เมื่อเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบายใจ เช่นเป็นไข้ เป็นหวัด ก็ให้รีบรักษาเนื่องจากอาการเจ็บป่วยทางกายทำให้จิตใจไม่สดชื่นไปด้วย
   9. ทำให้คนอื่นเกิดความประทับใจ เมื่อแรกพบท่านด้วยการแสดงความเป็นคนอารมณ์ดีแล้วคนอื่นจะจดจำท่านได้ดี มีคนคิดถึง
  10. เรื่องขำขัน พยายามหาเรื่องที่ขำขันมาเล่าให้กันฟัง เพื่อสร้างความสดชื่นให้กับวงสนทนา แต่ต้องหลีกเลี่ยงการนำเรื่องความผิดพลาดของคนอื่นมาเล่าตลกกัน เพราะถ้าท่านโดนด้วยตัวเองคงจะอารมณ์ไม่ดี
  11. ท่านต้องฝึกตัวเองเป็นฆาตกร เป็นนักฆ่า เพื่อฆ่ากิเลสตัณหาในตัวของท่าน เมื่อฆ่าความไม่ดีไมงามทั้งหลายออกจากจิตใจ ชีวิตก็จะเป็นสุขสนุกสนาน
  12. หัวเราะ การหาโอกาสหัวเราะให้ได้ในแต่ละวันจะเป็นกำไร ชีวิต แถมอารมณ์ก็ดีด้วย ถ้าอยู่คนเดียวก็ลองนึกถึงเรื่องที่ท่านเคยขำ แล้วท่านจะหัวเราะ การหัวเราะแต่ละครั้งจะช่วยยืดอายุท่านได้ 12 นาที
  13. ตื่นเช้า การตื่นเช้าต้อนรับวันใหม่จนเป็นนิสัยจะทำให้ท่านรู้สึกสบายใจเนื่องจากไม่ ต้องเร่งรีบจนเกินไปในการเดินทางไปทำงาน ตลอดวันทำงานรับรองอารมณ์ท่านจะดีอย่างแน่นอน
  14. ทางสายกลาง ท่านจะต้องพยายามทำตัวเองให้มีความพอดี มีความสมดุล ไม่วิ่งตามโลกตามกระแสสังคมมากเกินไป เมื่อสังคมภายนอกเปลี่ยนแปลงท่านก็จะอยู่ได้อย่างไม่เจ็บปวด
  15. ผู้ชมหน้าเวที กำลังจ้องมองท่านอยู่ ให้สมมุติว่าตัวท่านเป็นนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ เป็นดาราระดับซูปเปอร์สตาร์ ทุกอย่างที่ท่านกำลังทำหรือจะทำคือการแสดง แล้วท่านจะมีอารมณ์ดีตลอดกาล
  16. มองโลกในแง่บวก ความไม่ดี ความคิดเชิงลบเป็นตัวส่งเสริมความหงุดหงิดของอารมณ์ จงเลือกที่จะคิดในสิ่งที่สร้างสรรค์ มองในมุมที่สบายใจ ใช้ความเป็นธรรมในการตัดสินปัญหา
  17. จดข้อความที่น่าสนใจ มีข้อคิด กลอน คำกล่าว คติเตือนใจ หลายๆอันที่น่าสนใจและเมื่อได้เห็นได้อ่านแล้วสบายใจ ก็ให้จดไว้ใกล้โต๊ะทำงาน เมื่อท่านมองดูแล้วก็จะสบายใจ เช่น ” คนอ่านน่ารัก “
  18. อ่าน หาหนังสือที่ช่วยให้อารมณ์ขันมาอ่าน เช่นการ์ตูน ขำขัน นิยายตลก และอาจรวมไปถึงไปถึงการดู วีดีโอตลก ฟังเทปตลก เป็นต้น เหล่านี้สามารถสร้างอารมณ์ที่สดชื่นได้ตลอด
  19. นอน อยากมีอารมณ์ดีจะต้องนอนให้เพียงพอถ้าท่านนอนน้อย วันต่อมาไปทำงานท่านจะรู้สึกว่าเฉื่อยๆ ไม่กระฉับกระเฉง ง่วงนอน คนเราจะต้องนอนวันละประมาณ 7-8 ชั่วโมง ระวังอย่านอนมากเกิน
  20. คิดถึงคนที่เรารักเรื่องที่เราประทับใจ คิดถึงอนาคตของครอบครัวที่มีความสุข พ่อ แม่ ลูก การคิดถึงเรื่องที่มีความสุขจะทำให้ท่านอารมณ์ดีเพราะ ” ความคิดเป็นตัวกำหนดชีวิตของท่าน “
  21. เข้าใจอะไรง่าย ฝึกเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ แล้วทำความเข้าใจ บางคนเป็นคนมีปัญหาชอบตั้งคำถามจนคนอื่นรำคาญใจ ตัวเองก็พลอยหงุดหงิดไปด้วย
  22. วิตามิน ชนิดต่างๆ มีความสำคัญต่อนร่างกายเช่น วิตามิน อี มีผลต่อผิวหนัง วิตามินซีมีส่วนช่วยให้ฟันแข็งแรง ดังนั้น ถ้าร่างกายได้รับวิตามินชนิดต่างๆ ตามที่ร่างกายต้องการก็จะทำให้สุขภาพดี
  23. ความปรารถนา ท่านจะต้องกำหนดให้เป็นพันธกิจของตัวเองเลยว่า “ข้าพเจ้าจะเป็นคนที่อารมณ์ดีตลอดกาล ไม่ว่าปัญหาใดๆ จะเข้ามาในชีวิตก็ตาม”
  24. งดเว้น การดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะเป็นบ่อเกิดแห่งปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย เช่น อุบัติเหตุ รายได้ของครอบครัว ทะเลาะวิวาท แถมบั่นทอนสุขภาพ ควรอยู่ให้ห่างของมึนเมา
  25. ร้องออกมาเสียงดังๆ เมื่อท่านทำอะไรบางอย่างสำเร็จ เช่นทำงานโครงการที่ใช้เวลานาน แข่งกีฬาชนะ ขายสินค้าได้ แต่ก็ควรระวังก่อนจะร้องออกมาดูคนรอบข้างด้วย
  26. การมีใจจดจ่อ ต่อเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของท่านแต่ละอย่าง คิดอย่างรอบคอบเพื่อลดความผิดพลาด อันเป็นบ่อเกิดของอารมณ์ที่ไม่ดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤศจิกายน 2010, 10:26:00
ความหมายของธรรมะที่ถูกตรงถูกต้องตามครรลองพระสัจธรรม
ของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า หมายถึงเครื่องชำระล้าง
ฟอกขัดเกลาจิตวิญญาณ

เพราะฉะนั้น
คนมีธรรมะก็เหมือนมีเครื่องฟอก เครื่องชำระล้าง
เครื่องดูดฝุ่นในตัว ฝุ่นมันเกิดขึ้นตรงไหนก็ดูดมันออก
ตรงไหนเป็นขยะก็เก็บมันทิ้ง

ตรงไหนมีคราบแสงสีเสียงกลิ่นก็ชำระมันออก
นั่นคือคนมีธรรมะ คนมีธรรมะไม่ใช่ยายแก่แร้งทึ้ง
คนมีธรรมะไม่ใช่ตาเฒ่าหัวหงอก

คนมีธรรมะไม่ใช่คนที่ทำตัวล้าหลังในสังคม
คนมีธรรมะไม่ใช่คนเป็นคนที่เคร่งเครียดแล้วกลายเป็น
คนที่น่าเกลียดในสังคม แต่ความหมายของคนมีธรรมะ

จะเป็นคนที่ใหม่และทันสมัยเสมอ ต่อทุกสภาวะ
ทุกสถานะ และทุกถิ่นทุกที่และทุกเรื่องที่ทำ คนที่มีธรรมะมีศักยภาพ
และสมรรถนะ และวิถีคิด วิถีงาน วิถีจิต วิถีชีวิตที่
เป็นวิถีพุทธ

คือรู้ตื่น และเบิกบาน ตามกระบวนการของการดำรงชีวิต

ผู้มีธรรมะย่อยชาญฉลาดทุกสถาน
ผู้มีธรรมะย่อมมีชัยชนะทุกถิ่นทุกที่ทุกทางที่ตนอยู่อาศัย
ผู้มีธรรมะย่อมมีสันติ สงบสุข ร่มเย็น ในขณะที่คนอื่นทุกข์ร้อน
เศร้าหมอง ขุ่นมัว

ผู้มีธรรมะ
จะรู้จักปล่อยว่าง สลัดหลุด และไม่ปล่อยให้อะไรมาฉุดรั้ง
ผู้มีธรรมะย่อมมีพระอยู่ในใจ ผู้มีธรรมะย่อมต้องรู้จักพอ
หรือถ้าต้องการก็รู้จัก หยุด ธรรมะจึงเป็น
สัญลักษณ์ของ
คนที่

ฉลาด สะอาด สว่าง และสงบ

ธรรมะ
จะดัดกายวาจาใจของเราให้กลายเป็นบุคคล
ที่ซื่อตรงต่อตนเอง ซื่อตรงต่อคนอื่น ซื่อตรงต่อสังคมส่วนรวม
ความซื่อตรงนี่เหละ คือคุณลักษณะของคน
มีธรรมะ

และความซื่อตรง
มันเกิดขึ้นได้ จากการที่ต้องเรียนรู้ธรรมะ
มักจะมีคำพูดว่า พระพุทธเจ้าถ้าสอนให้เป็นคนเชื่องช้า
พระองค์ก็คงไม่ใช่ศาสดาเอกของโลก
เป็นแน่

เพราะคนที่ช้า
ย่อมตกเป็นทาสของคนที่ว่องไว
และรวดเร็ว คนที่อ่อนแอย่อมตกเป็นทาสของคนที่เข้มแข็ง
คนที่โง่เขลาย่อมตกเป็นทาสของคนฉลาด
และรู้มาก

เพราะฉะนั้น
ธรรมะอยู่กับใคร คนนั้นจะไม่เป็น
คนที่อ่อนแอ จะไม่เป็นคนที่ล่าช้า จะไม่เป็นคนที่เหลวไหล
และจะไม่เป็นคนที่โง่เขลา แต่จะทำ
ให้ผู้นั้น

มีความ
ตระหนักสำนึก รู้จักความถูกต้อง และไม่บกพร่อง
ในหน้าที่



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤศจิกายน 2010, 10:29:19
คนโง่ คนฉลาด คนเจ้าปัญญา

ว่าด้วยคุณค่าแห่งธุรกิจ

คนโง่ ทำงาน เอาธุรกิจเป็นสรณะ เมื่อธุรกิจรุ่งเรืองก็รุ่งเรืองกับธุรกิจ เมื่อธุรกิจร่วงก็ร่วงหล่นกับธุรกิจ เมื่อธุรกิจสลายก็ตายไปกับธุรกิจ

คนฉลาด เอาธุรกิจเป็นพาหะ เมื่อธุรกิจดีก็ขึ้นขับขี่ขับไป เมื่อธุรกิจเสียหายก็ซ่อมแซม เมื่อธุรกิจพังทลายก็เปลี่ยนธุกิจใหม่ ขับขี่ ซ่อมแซม และเปลี่ยนธุรกิจเรื่อยไป

คนเจ้าปัญญา เอาธุรกิจเป็นธารณะ จัดระบบเกื้อกูลมหาชน เมื่อเกื้อกูลแล้วก็เก็บเกี่ยวเพื่อการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ เมื่อโลกเปลี่ยนความต้องการก็เปลี่ยนการเกื้อกูล เมื่อโลกหยุดต้องการก็หยุดเกื้อกูล แต่เนื่องจากโลกไม่เคยสิ้นสุดในความต้องการเขาจึงมีงานธุรกิจเสมอตราบที่เขาประสงค์เกื้อกูล


ว่าด้วยการบริหารธุรกิจ

คนโง่ ทำงาน ทำธุรกิจด้วยความอยากได้ ผู้คนจึงหวาดระแวงและถอยหนี

คนฉลาด ทำธุรกิจด้วยความอยากแลกเปลี่ยนผู้คนจึงพิจารณาและคบหาตราบที่ยังได้ประโยชน์

คนเจ้าปัญญา ทำธุรกิจด้วยความอยากให้ ผู้คนจึงต้อนรับด้วยความยินดีแม้จะต้องให้อะไรตอบบ้างก็ตาม

ว่าด้วยการบริหารระเบียบ

คนโง่ ทำงานเพื่อความถูกต้องตามอักขระ จึงเป็นได้แค่เสมียน

คนฉลาด ทำงานเพื่อความถูกต้องตามเจตนารมณ์จึงได้เป็นผู้บริหาร

คนเจ้าปัญญา ทำงานเพื่อความถูกต้องต่อผลสูงสุด จึงได้เป็นเจ้าของ

ว่าด้วยการทำงาน

คนโง่ ทำงานเพื่อเงิน จึงได้เงินมาอย่างยากเย็น และมักไม่ได้คุณค่าอื่น ๆ ของงาน

คนฉลาด ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่ และได้เงินตามมาโดยง่าย

คนเจ้าปัญญา ทำงานเพื่อหยิบยื่นคุณค่าแก่สังคม เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม เงิน ชื่อเสียงและมิตรมหาศาลย่อมตามมาเสมอ

ว่าด้วยการกล่าวหา

คนโง่ มักกล่าวหาผู้อื่น จึงมีแต่ศัตรูรอบตัว นำมาซึ่งความหายนะและความตาย

คนฉลาด ชอบกล่าวหาตัวเอง จึงได้รับความสงสารไปทั่ว และนำมาซึ่งความสมเพช

คนเจ้าปัญญา ไม่กล่าวหาใคร ด้วยแท้จริงไม่มีใครอยากผิด แต่พลาดไปเพราะไม่เห็นความผิด หรือเห็นแต่ไม่มีโอกาสเลือกสิ่งที่ถูก หรือมีโอกาสแต่ไม่มีกำลังพอที่จะตัดสินใจเลือก เขาจึงให้กำลังใจทุกคนสู่ความแกล้วกล้า ทุกคนจึงเป็นหนี้บุญคุณเขา และยอมรับเขาดั่งมิตรผู้ประเสริฐ

ว่าด้วยการวิพากษ์วิจารณ์

คนโง่ มัววิพากษ์วิจารณ์นินทาคนอื่น เพราะไม่จริงใจกับใคร จึงไม่มีใครจริงใจด้วย เขาย่อมมีแต่มิตรเทียม

คนฉลาด มัววิพากษ์วิจารณ์ตนอย่างที่เป็น โดยไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของตนที่ต้องเป็นไป คนอื่นจึงมักไม่เข้าใจเขาที่แปรเปลี่ยนไปเสมอ และไม่มีคนเข้าใจจริงเคียงข้างเขา

คนเจ้าปัญญา ย่อมไม่วิพากษ์วิจารณ์ใคร ด้วยแจ่มแจ้งว่าทุกคนก็เปลี่ยนไป เขาย่อมเลี่ยงคนที่ชอบวิจารณ์ตนและคนอื่น ทุกคนจึงสบายใจที่จะอยู่ใกล้เขา เขาย่อมมีมิตรแท้และมั่นคง

ว่าด้วยผู้พูด

คนโง่ ชอบให้อารมณ์พูด จึงผิดพลาดมาก ล้มเหลวบ่อย

คนฉลาด ชอบใช้เหตุผลพูด จึงถูกต้องมากแต่มักไร้ความรู้สึก และประสบแต่ความสำเร็จอันแห้งแล้ง

คนเจ้าปัญญา ชอบใช้ธรรมะพูด จึงบริสุทธิ์เหนือถูกเหนือผิด และเป็นหนึ่งเดียวกับความสำเร็จโดยธรรม

ว่าด้วยการพูดจา

คนโง่ ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะและความบาดหมางแทนความรู้

คนฉลาด ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้และมิตรภาพมากกว่าความแตกแยก

คนเจ้าปัญญา ชอบเฉยสังเกตลึก เข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง แล้วจึงนำเสนออย่างเหมาะสม

ว่าด้วยความโง่และความฉลาด

คนโง่ ชอบคิดว่าตนฉลาดแล้ว จึงดักดานอยู่กับความโง่ของของตนตามที่เป็น

คนฉลาด ชอบคิดว่าตนโง่ จึงชอบแกล้งโง่ และมักโง่ได้สมปรารถนาในที่สุด

คนเจ้าปัญญา ย่อมเห็นความโง่และความฉลาดที่ซ้อนกันอยู่ และรู้วิธีที่จะยกจิตสู่ปัญญายิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงค่อย ๆ หายโง่ และเลิกฉลาดโดยลำดับ

ว่าด้วยการบริหารกระบวนการคิด

คนโง่ ชอบไหลตามความคิด จึงมีภารกิจที่ไม่รู้ตัวอย่างไม่สิ้นสุด

คนฉลาด ชอบสร้างความคิด จึงมีจินตนาการอันสวยหรูแต่ไม่เป็นจริงอย่างไม่สิ้นสุด

คนเจ้าปัญญา ชอบบริหารความคิด สร้างสรรค์ ตกแต่ง ตัดต่อ และละวางเมื่อสมควร จึงได้ประโยชน์จากความคิดสูงสุด

ว่าด้วยความคิด

คนโง่ ทำก่อนแล้วถึงคิด จึงผิดพลาดอยู่เนือง ๆ ต้องเปลืองเวลาและความรู้สึกตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด

คนฉลาด คิดมากก่อนแล้วถึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดีมากแต่ทำได้น้อง เพราะเขม่าความคิดปิดกั้นความหาญกล้า

คนเจ้าปัญญา คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำ ประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอนป้องกันความผิดพลาดขื่นขมและประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย

ว่าด้วยการรู้จักแจ้งตนเอง

คนโง่ อยู่กับตนก็ไม่รู้จักตน จึงกลัวตนไปต่าง ๆ นานา

คนฉลาด อยู่กับตนและรู้จักตนดี แต่ไม่รู้สิ่งที่ดีกว่าตน

คนเจ้าปัญญา ย่อมรู้จักตนดีที่สุดจนทะลุความไม่มีตน จึงบริหารตนได้เสมือนสร้างสรรค์ฟองสบู่ ใช้ประโยชน์จนสุดกู่แล้วก็สลายมลายวับไป

ว่าด้วยการบริหารเป้าหมาย

คนโง่ มักใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย จึงว่ายไปแล้ววนกลับมาที่เดิม ต้องเริ่มต้นใหม่ร่ำไปสู่อนาคตที่ไร้ทิศทาง

คนฉลาด มักตั้งเป้าหมายชีวิตยิ่งใหญ่ จึงไม่พึงพอใจกับภาวะที่ตนเป็นสักที เพราะดูที่ไรก็ยังห่างไกลเป้าหมายเสมอ

คนเจ้าปัญญา ย่อมมีเป้าหมายสูงสุดแห่งชีวิต และมีเป้าหมายน้อยนิดสานสู่เป้าหมายใหญ่ จึงมีบันไดความสำเร็จให้บรรลุเป้าเป็นลำดับ ได้กำลังใจและหรรษาไปตลอดหนทาง

อย่ามัวโง่ งมงาย จงขวนขวายพัฒนา และอย่าฉลาดอย่างขาดปัญญา จงเป็นมนุษย์เลิศปัญญายิ่งๆขึ้นไป ที่สำคัญแท้จริง จงมีปัญญาจริงแท้ในจิตใจให้ได้ก่อนอื่น


ว่าด้วยทัศนคติ

คนโง่ ดูหมิ่นความดี มองโลกในแง่ร้ายด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่งชั่วร้ายมาพาชีวิตตกต่ำ กลายเป็นทาสสถานการณ์ ยามพบสิ่งดีจะไม่เข้าใจ จึงพลาดโอกาสใหญ่

คนฉลาด ชอบทำดีและคิดดี มักมองโลกในแง่ดีด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่งดีโดยมาก ครั้งพบสิ่งชั่วร้ายจะทนไม่ได้ ทำใจไม่เป็น ต้องถอยหนีสถานการณ์ ดวงใจแตกร้าว ชีวิตจึงมีแต่ความระคายเคืองและปฏิฆะเร้นลึก

คนเจ้าปัญญา ละชั่วเด็ดขาด และทำดีเป็นนิสัย โดยไม่ติดดี แล้วละแม้ความดีเข้าสู่ความบริสุทธิ์ จึงเห็น ที่สุดแห่งความเป็นจริงแท้แห่งโลกว่า ทุกสิ่งในโลกมีทั้งคุณ โทษ และ ความเป็นกลางอยู่ จึงบริหารสถานการณ์ได้ และทำใจได้ในทุกภาวการณ์


ว่าด้วยความยิ่งใหญ่

คนโง่ เห็นว่าตนยิ่งใหญ่ จึงจมอยู่ในตัวตนอันกระจ้อยร่อย ท่ามกลางเอกภพอันไร้ขอบเขต

คนฉลาด เห็นว่าธรรมชาติยิ่งใหญ่ หวาดกลัวและเทิดทูนธรรมชาติ ส่วนใดที่ตนเข้าไม่ถึงจึงโยนไว้ในอุ้งหัตถ์ของภูติผี และ พระเจ้า

คนเจ้าปัญญา เห็นว่าความบริสุทธิ์ยิ่งใหญ่ เพราะตน ธรรมชาติ และ วิญญาณทั้งหลาย ล้วนมีเป้าหมายสูงสุดที่ความบริสุทธิ์


ว่าด้วยการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย

คนโง่ ชอบรวยทางลัด จึงจนอย่างรวบรัดเช่นกัน

คนฉลาด ชอบรวยเชิงระบบ ต้องอิงอาศัยระบบจึงจะรวย เมื่อระบบล่มก็ต้องล้มไปด้วย

คนเจ้าปัญญา ชอบรวยด้วยความยินดี จึงรวยในทุกระดับที่มี ได้ดูดซับคุณค่าของสิ่งที่มีอย่างแท้จริง รวย และ เป็นสุขเสมอ


ว่าด้วยวิถีการดำเนินชีวิต

คนโง่ มักโกงเขากิน กรรมจึงกระหน่ำให้เสียทรัพย์ ยากจนอยู่ร่ำไป ช้ำมีศัตรูคอยกัดกร่อนตลอดเวลา

คนฉลาด แข่งขันแย่งกันกินอย่างถูกกฎหมาย จึงยุ่งยาก และพลาดไม่ได้ เพราะมีคู่แข่งพร้อมย่ำเหยียบเสมอ

คนเจ้าปัญญา แบ่งปันกันกินตามความพอดี จึงมีคนช่วยสร้าง ช่วยรักษา และช่วยเสพ และ มีมิตรร่วมทุกข์ร่วมสุขโดยมาก


ว่าด้วยการบริหารทรัพย์

คนโง่ บริโภคความมีทรัพย์ นั่งนับอย่างเป็นสุขกับการได้มี

คนฉลาด บริโภคอำนาจของทรัพย์ เป็นสุขกับการที่ได้จับจ่ายใช้สอย

คนเจ้าปัญญา บริโภคคุณค่าของทรัพย์ เป็นสุขกับการสร้าง รักษา สละ และ พัฒนาค่าของทรัพย์เป็นคุณสมบัติอื่นที่ยิ่งกว่า


ว่าด้วยคุณค่า

คนโง่ ยึดความชอบ หรือ ความไม่ชอบ เป็นสำคัญ เขาจึงได้รับความสุข และ ความทุกข์อันบีบคั้น เป็นของตอบแทน

คนฉลาด ยึดความถูก และ ความผิด เป็นสำคัญ เขาจึงได้รับศัตรูต่างความคิดเห็นเป็นรางวัล

คนเจ้าปัญญา ยึดประโยชน์สุขสำหรับทุกฝ่ายในทุกกาลเวลาเป็นสำคัญ เขาจึงได้รับศรัทธา และ มหามิตรเป็นกำนัล

ว่าด้วยพฤติกรรม

คนโง่ ชอบเรียกร้อง เขาจึงเป็นที่น่าเบื่อหน่าย และ น่าสมเพชสำหรับคนทั้งหลาย

คนฉลาด ชอบต่อรอง เขาจึงเป็นที่ระแวง ระวังสำหรับคนทั้งหลาย คบหากันอย่างไม่จริงใจ

คนเจ้าปัญญา อาสา สละ เขาจึงเอาชนะใจคนทั้งหลาย และได้รับความรัก ความนับถือเป็นผลตอบแทน

ว่าด้วยการอวดตน

คนโง่ ชอบอวดตัว เขาจึงได้รับความหมั่นไส้ การต่อต้าน และ ความเจ็บปวดเป็นรางวัล

คนฉลาด ชอบถ่อมตัว เขาจึงได้รับความเห็นใจ การดูหมิ่น และการช่วยเหลือเป็นรางวัล

คนเจ้าปัญญา ย่อมมั่นใจตนแต่ไม่นิยมแสดงตัว ไม่ยกตน และ ไม่ถ่อมตัว แต่บริหารสัมพันธภาพเพียงเพื่อผลวางตน และ สำแดงบทบาทตามหน้าที่ เขาจึงได้รับความเคารพ และ ความเชื่อถือเป็นรางวัล

ว่าด้วยความเก่งกาจ

คนโง่ มัวอวดเก่ง จึงไม่มีใครเติมความเก่งให้กับเขาอีก

คนฉลาด ชอบเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเก่งให้ยิ่งขึ้น และเอาความเก่งมาใช้โดยไม่อวด จึงได้ผลงานดี แต่อาจไม่ทุกเรื่อง และอาจไม่ยั่งยืน

คนเจ้าปัญญา หาความเก่งไม่เจอ แต่ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมเสมอ เพราะมองเห็นทุกอย่างในตนและนอกตนเป็นธรรมดา ทุกคุณสมบัติจึงเป็นปกติ และ ยั่งยืนสำหรับเขา


ว่าด้วยจรรยามารยาท

คนโง่ แข็งกระด้าง จึงล้มเหลว ดั่งเปลือกไม้ร่วงหล่นลงสู่ดิน

คนฉลาด ยืดหยุ่น จึงกระจายตนไปในสถานการณ์ต่างๆ ดั่งรากไม้แผ่ซ่านไปในผืนปฐพี

คนเจ้าปัญญา อ่อนโยน จึงเจริญงอกงาม ดั่งยอดไม้ที่ทะยานขึ้นสู่ที่สูง


ว่าด้วยความรักสัมพันธ์

คนโง่ ชอบขอความรักและความเห็นใจ แต่มักได้รับความสมเพชตอบแทนเป็นประจำ

คนฉลาด ชอบให้ความรักความเข้าใจ และมักได้รับความหวังพึ่งพิงตอบเนื่องๆ

คนเจ้าปัญญา ชอบให้ปัญญา ที่จะให้ทุกคนรักและเข้าใจตนเอง จึงได้รับความนับถือและความมีบุญคุณตอบแทนเสมอ

ว่าด้วยแหล่งมิตรภาพ

คนโง่ ชอบหาเพื่อนจากวงเหล้า หรือแหล่งอบายมุข จึงได้แต่มิตรเทียม ที่นำภัยมาสู่ชีวิต และ ต้องแตกแยกกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า

คนฉลาด ชอบหาเพื่อนจากงาน จึงได้มิตรดีร่วมอุดมการณ์ แต่เมื่องานหมดหรือล้มเหลว มิตรดีเหล่านั้นก็อันตรธานไป และ บางคนก็ผันมาเป็นศัตรูหรือคู่แข่ง

คนเจ้าปัญญา ชอบหาเพื่อนจากธรรมสภาวะ จึงได้มิตรแท้ที่มีรสนิยมเหนือเงื่อนไขทางโลก ความสัมพันธ์จึงสะอาด และ มีแนวโน้มนิรันดร


ว่าด้วยความสัมพันธ์ เชิงสร้างสรรค์

คนโง่ มองแต่ความชั่วร้ายในคนอื่น จึงหยิบยื่นแต่โทษให้แก่กัน และได้รับความทุกข์ตรมเป้นของกำนัล

คนฉลาด มองแต่ความดีในคนอื่น จงหยิบยื่นคุณค่าให้แก่กัน และได้รับความสุขระคนทุกข์อันประณีต เป็นของกำนัล

คนเจ้าปัญญา มองทั้งความดีและความชั่วในทุกตัวคน จึงควบคุมโทษแม้เล็กน้อย ที่อาจเกิดระหว่างกัน แล้วหยิบยื่นคุณค่าให้เพื่อการพัฒนาร่วมกัน ปฏิสัมพันธ์ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่องและได้รับความเจริญรุ่งเรืองยั่งยืนเป็นกำนัล

ว่าด้วยวัฒนธรรมสัมพันธ์

คนโง่ เห็นอะไรที่ทำสืบๆกันมา ก็ทำสืบๆกันไป โดยไม่ได้ตรวจสอบประเมินคุณค่าใดๆ จึงผิดๆ ถูกๆ

คนฉลาด เห็นอะไรที่ทำสืบๆ กันมาก็ยังไม่ทำสืบๆกันไป ทำการตรวจสอบประเมินคุณค่าก่อน จึงจะทำสืบๆกันต่อไป จึงได้ประโยชน์ชัดเจน

คนเจ้าปัญญา เห็นอะไรที่ทำสืบๆกันมา และ สืบๆกันไป ก็พยายามพัฒนาต่อเพื่อสิ่งที่ดีกว่า จึงได้ความเจริญโดยลำดับ

ว่าด้วยการสนองตอบผู้มีพระคุณ

คนโง่ เนรคุณผู้มีบุญคุณ จึงไม่มีใครอยากทำดีกับเขาอีก

คนฉลาด กตัญญูผู้มีบุญคุณ จึงมีคนอยากทำดีกับเขามากมาย ซึ่งต้องตามชดใช้บุญคุณกันไม่รุ้จบ

คนเจ้าปัญญา ยกระดับผู้มีบุญคุณให้สูงส่งขึ้น จึงทดแทนบุญคุณกันได้หมด และผู้มีพระคุณกลายเป็นหนี้บุญคุณ และพร้อมที่จะให้พระคุณที่ยิ่งกว่า เกิดวงจรการให้ และการรับที่พัฒนาต่อเนื่อง ทุกฝ่ายจึงได้ประโยชน์อย่างยิ่ง

ว่าด้วยการจัดการกับปัญหา

คนโง่ : พอพบกับปัญหาอะไรก็โวยวาย ก่อให้เกิดปัญหาทางอารมณ์และความสัมพันธ์อีกหลายชั้น จึงยิ่งเสียหาย

คนฉลาด : พอพบปัญหาก็วิเคราะห์ เป็นการใช้ความคิดแก้ปัญหา จึงมักติดบ่วงความคิด วนไปวนมา

คนเจ้าปัญญา : พอพบปัญหาอะไรก็วางก่อน พอเป็นอิสระมีอำนาจเหนือกว่าปัญหาแล้ว จึงจัดการกับปัญหานั้นอย่างเหนือชั้น

ว่าด้วยการบริหารและการปกครอง

คนโง่ : พยายามบริหารคน จึงวุ่นวายสับสนตามธรรมชาติของคน

คนฉลาด : พยายามบริหารประโยชน์สัมพันธ์ จึงยุ่งยากซับซ้อนตามปรารถนาอันไม่สิ้นสุด

คนเจ้าปัญญา : พยายามบริหารระบบธรรม จึงสงบลงตัว ณ จุดพอดี

ว่าด้วยความคิด!!!

คนโง่ : เห็นแต่ความชั่วร้ายของคนอื่น และโยนความผิดให้ผู้อื่นอยู่เรื่อย เป็นการทำมิตรให้กลายเป็นศัตรู ชีวิตจึงอยู่ในท่ามกลางอันตราย

คนฉลาด. : เห็นแม้ความชั่วร้ายในตนเอง จึงกล้ายอมรับความจริงและแก้ไขตัว ทำให้ตนดีขึ้น ทำให้แม้ศัตรูก็ยอมรับได้มากขึ้น ชีวิตจึงเจริญและผาสุกโดยลำดับ

คนเจ้าปัญญา : เห็นความชั่วร้ายสากล จึงเข้าใจทุกคนในทุกสถานการณ์ เห็น***ส่วนการบริหารคนที่เหมาะสม โดยไม่ทำร้ายคน แต่จะทำลายความชั่วสากลให้สิ้นไป จึงสนุกสนานในการบริหารเรื่อยไป.

ว่าด้วยการบริหารธรรม

คนโง่ : ดูหมิ่นธรรมะ ชีวิตจึงหายนะ

คนฉลาด : ศึกษาธรรมะ จึงรู้ลึก และดำเนินชีวิตด้วยดี

คนเจ้าปัญญา : ใช้ธรรมะ จึงดำเนินชีวิตอย่างเหนือชั้น!!

ว่าด้วยความเพียร

คนโง่ : มัวขยันในเรื่องไร้สาระ จึงมักพบปะแต่เรื่องไร้ประโยชน์ แล้วมักตัดพ้อว่า ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี

คนฉลาด : มักขยันในเรื่องที่มีคุณมากมีโทษน้อย จึงได้ประโยชน์มากและมีโทษแทรกบ้าง แล้วมักบ่นว่าอุตส่าห์ระวังอย่างสุดแล้วยังพบเรืองร้ายๆ อีก

คนเจ้าปัญญา : ขยันทำตนให้เหนือคุณและโทษ จึงบริหารสถานการณ์อย่างอิสระ ไม่ปรากฏเสียงตัดพ้อหรือบ่นว่าอีกต่อไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤศจิกายน 2010, 10:30:26
ว่าด้วยความจริงจัง

คนโง่ : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง จึงเครียดแทบบ้า

คนฉลาด : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นเรื่องเล่นๆ จึงสนุกสนานจนไร้สาระ

คนเจ้าปัญญา : เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการ จึงรุ่งเรืองรวดเร็ว

ว่าด้วยความประสบความสำเร็จ

คนโง่ : รอให้ความสำเร็จมาหา อาจต้องรอหลายชาติกว่าจะพบซักครั้ง

คนฉลาด : เดินไปหาความสำเร็จ จึงอาจมีโอกาสพบบ้างแม้เหนื่อยยาก

คนเจ้าปัญญา : ปักหลักสร้างความสำเร็จ หากสร้างความสำเร็จแน่ๆ และเหนื่อยน้อยกว่า

ว่าด้วยความรักและคู่รัก

คนโง่ กระหายคู่ จึงอยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะไม่เป็นสุข ต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นเสมอ

คนฉลาด ปฎิเสธคู่ จึงเป็นสุขเมื่ออยู่คนเดียว และเป็น ทุกข์เมื่ออยู่กับคนอื่น และหากยังต้องพึ่งพิงก็ยิ่งระทม และขมขื่น

คนเจ้าปัญญา ไม่แสวงหา แต่ก็ไม่ปฎิเสธคู่ที่พึงมี หาก มีคู่ก็ประคับประคองกันไปสู่ชีวิตที่สูงส่งยิ่งขึ้นทั้งคู่ จึงอยู่ คนเดียวก็ได้เป็นสุขดี อยู่กับคู่ก็ดีเป็นสุขได้

ว่าด้วยสัจจสัมพันธ์

คนโง่ ไม่รักษาสัจจะ จึงไม่มีใครเชื่อถือ ตนก็ไม่อาจเคารพในตนได้

คนฉลาด คลั่งไคล้สัจจะ แยกไม่ออกระหว่าง ประโยชน์และโทษของสัจจะแต่ละระดับ.....จึงมักพาตนและพาคนอื่นติดกับดักแห่งความจริงโดยไม่ตั้งใจ

คนเจ้าปัญญา. ทำสัจจะกับปัญญาให้เป็นหนึ่งเดียวกัน จึงมีสัจจะรักษา และมีอำนาจพิเศษยิ่งกว่าคนทั่วไป

ว่าด้วยความเป็นไปได้

คนโง่...ชอบคิดว่าทุกสิ่งที่หวังเป็นไปไม่ได้ จึงขังตนเองในความเกียจคร้าน ชีวิตต่ำต้อย

คนฉลาด...ชอบคิดว่า ทุกสิ่งที่หวังเป็นไปได้ จึงทะยานไปในตัณหาไม่รู้จบ ชีวิตกระเจิดกระเจิง

คนเจ้าปัญญา...ย่อมเห็นว่าในบรรดาสิ่งที่หวัง บางสิ่ง เป็นไปไม่ได้ บางสิ่งเป็นไปได้ ในบรรดาสิ่งที่เป็นไปไม่ ได้ทั้งหมดนั้น บางสิ่งเป็นไปไม่ได้ถาวร บางสิ่งเป็นไป ไม่ได้ชั่วคราว และในบรรดาสิ่งที่เป็นไปได้ถาวรนั้น บาง สิ่งก็ไม่มีประโยชน์ บางสิ่งมีประโยชน์ เขาจึงปรับความ หวังให้สอดคล้องกับความเป็นไปได้ที่มีประโยชน์ และ ปรับสิ่งเป็นไปไม่ได้ชั่วคราวให้เป็นไปได้มากขึ้น ชีวิตจึง อยู่กับความสมหวังและการพัฒนาโดยลำดับ

ว่าด้วยพันธสัญญา

คนโง่ ไม่กล้ารับปากใครแม้กับตนเอง จึงไม่ได้รับความเชื่อถือแม้ต่อตนเอง

คนฉลาด รับปากเรื่อยไปในทุกเรื่อง ต้องเพียรพยายามทำตามสัญญาด้วยความเหนื่อยยาก และทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ได้รับความเชื่อถือบ้าง ไม่เชื่อถือบ้าง

คนเจ้าปัญญา ชวนทุกคนที่เกี่ยวข้องร่วมพันธสัญญาจึงได้พลังร่วมของส่วนรวมที่จะขับเคลื่อน ภารกิจไปสู่ความสำเร็จ

ว่าด้วยผู้พูด

คนโง่ ชอบให้อารมณ์พูด จึงผิดพลาดมากล้มเหลวบ่อย

คนฉลาด ชอบใช้เหตุผล จึงถูกต้องมากแต่ มักไร้ความรู้สึก และประสบแต่ความสำเร็จอันแห้งแล้ง

คนเจ้าปัญญา ชอบใช้ธรรมะพูด จึงบริสุทธิ์ เหนือถูกผิด และเป็นหนึ่งเดียวกับความสำเร็จโดยธรรม

ว่าด้วยความเป็นธรรม

คนโง่....ชอบเรียกหาความเป็นธรรม จนบ่อยครั้งใช้ กระบวนการที่ไม่เป็นธรรมในการเรียกหา....จึงพาให้ยิ่ง ห่างไกลความเป็นธรรม

คนฉลาด ชอบสร้างความเป็นธรรม ปั้นแล้วปั้นอีก ปั้นอย่างไรก็ไม่เป็นธรรมแท้ แม้พยายามถึงที่สุด เพราะ ความเป็นธรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับปรารถนา ของใคร จึงเป็น ความหวังดีที่ล้มเหลวเรื่อยไป

คนเจ้าปัญญา ชอบประพฤติธรรม ดำรงอยู่และดำเนินไปโดยธรรม จึงได้สิทธิพิเศษโดยธรรม

ว่าด้วยการบริหารอารมณ์

คนโง่ มักจมอยู่ในอารมณ์ ด้วยคิดว่าอารมณ์ คือเขาเขาคืออารมณ์ เขาจึงเป็นทาสของอารมณ์เสมอ

คนฉลาด ชอบปฎิเสธอารมณ์ เพราะคิดว่าอารมณ์คือสิ่งรบกวน ทำตัวเป็นคนสงบที่ไร้อารมณ์ เขาจึงเป็นเพื่อนกับผีดิบ

คนเจ้าปัญญา ย่อมบริหารอารมณ์ สร้างอารมณ์ที่ควรสร้าง เสพอารมณ์ที่ควรเสพ ควบคุมอารมณ์ที่ควรควบคุม รักษาอารมณ์ที่ควรรักษา สลายอารมณ์ที่ควรสลาย เขาจึงเป็นนายของอารมณ์โดยสมบูรณ์

ว่าด้วยการอยู่กับความทุกข์

คนโง่ มัวอดทนกับทุกข์ เมื่อทุกข์ใจก็ไม่กล้าตัดสินใจ จากสิ่งที่ทำให้ทุกข์ จึงต้องทนเจ็บใจตลอดไป สะบักสะ บอม

คนฉลาด มักหนีทุกข์ เมื่อทุกข์ใจก็กล้าตัดใจจาก สิ่งที่ทำให้ทุกข์ จึงโล่งใจไปเรื่อย ๆ ตราบที่ตัดได้และ ต้องเปลี่ยนแปลงร่ำไป

คนเจ้าปัญญา ทำลายเงื่อนไขของทุกข์ ทำใจให้ ไม่เจ็บในทุกข์ จึงไม่ต้องตัดต่อใจอีกต่อไป ใจจึงเป็น ปกติเย็นอยู่ อยู่กับทุกข์ได้โดยไม่ทุกข์

ว่าด้วยความยิ่งใหญ่

คนโง่ เห็นว่าตนยิ่งใหญ่ จึงจมอยู่ในตัวตนอันกระจ้อยร่อย ท่ามกลางเอกภพอันไร้ขอบเขต

คนฉลาด เห็นว่าธรรมชาติยิ่งใหญ่ หวาดกลัว และ เทิดทูนธรรมชาติ ส่วนใดที่ตนเข้าไม่ถึงจึงโยนไว้ในอุ้ง หัตถ์ของภูติผีและพระเจ้า

คนเจ้าปัญญา เห็นว่าความบริสุทธิ์ยิ่งใหญ่ เพราะทั้ง ตน ธรรมชาติ และวิญญาณทั้งหลาย ล้วนมีเป้าหมาย สูงสุดที่ความบริสุทธิ์

ว่าด้วยปฎิสัมพันธ์

คนโง่ ชอบเอาเปรียบคนอื่น จึงได้ประโยชน์ตนสั้น ๆ แต่เสียคนรัก และความศรัทธา

คนฉลาด ชอบยอมเสียเปรียบคนอื่น จึงได้คนรักและความศรัทธา แต่ขมขื่นในใจตน

คนเจ้าปัญญา ชอบบริหารประโยชน์สุขทุกฝ่าย จึง เป็นสุขใจ ได้คนรัก ความศรัทธา และสถาปนาระบบ ประโยชน์อันยั่งยืน

ว่าด้วยความผิด

คนโง่ เห็นแต่ความชั่วร้ายของคนอื่น และโยนความ ผิดให้ผู้อื่นอยู่เรื่อย เป็นการทำมิตรให้กลายเป็นศัตรู ชีวิตจึงอยู่ในท่ามกลางอันตราย

คนฉลาด เห็นแม้ความชั่วร้ายในตนเอง จึงกล้ายอม รับความจริง และแก้ไขตัว ทำให้ตนดีขึ้น ทำให้แม้ ศัตรูก็ยอมรับได้มากขึ้น ชีวิตจึงเจริญและผาสุกโดยลำดับ

คนเจ้าปัญญา เห็นความชั่วร้ายสากล จึงเข้าใจ ทุกคนในทุกสถานการณ์ เห็นสัดส่วนการบริหารคนที่ เหมาะสม โดยไม่ทำร้ายคน แต่จะทำลายความชั่ว สากล ให้สิ้นไป จึงสนุกสนานในการบริหารเรื่อยไป

ว่าด้วยการปกครอง

คนโง่ คิดปกครองคนอื่น ขณะที่ตนก็คือคน ๆ หนึ่ง จึงไม่อาจปกครองใครได้แท้จริง การทรยศจึงเกิดขึ้นเนือง ๆ

คนฉลาด คิดประสานกิเลสและคุณธรรมของคน จึงลงตัว ตราบที่กิเลสไม่กำเริบและคุณธรรมไม่เสื่อม เมื่อกิเลสกำเริบหรือคุณธรรมเสื่อมก็แตกร้าวเนือง ๆ

คนเจ้าปัญญา คิดยกระดับปัญญาและความบริสุทธิ์ ของคน เมื่อปัญญามากและความบริสุทธิ์ถึงที่สุด ทุกคน จะจัดตนเข้าฐานะหน้าที่อันเหมาะสมเอง จึงไม่ต้อง พยายามปกครองกันอีก

ว่าด้วยการบริหารสถานการณ์

คนโง่ ชอบเข้าสู่สถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ เป็น ความเสี่ยงอย่างยิ่งของชีวิต ความสำเร็จจึงแขวนอยู่บน ความประมาท

คนฉลาด ชอบเข้าสู่เฉพาะสถานการณ์ที่ควบคุมได้ จึงมีสถานการณ์เพียงน้อยนิดที่เหมาะสม ชีวิตมีความ เสี่ยงต่ำ แต่สำเร็จเพียงเล็กน้อย

คนเจ้าปัญญา บริหารความเสี่ยง ควบคุม ปรับ จุดหมุน กระจาย สลายทุกความเสี่ยง เมื่อเข้าสู่ สถานการณ์ใด ก็เหนี่ยงนำแล้วปล่อยวาง บริโภคคุณค่า แล้วคายกากภัยทิ้งจึงสำเร็จได้ง่ายแม้ในความยากอย่าง ยิ่ง

ว่าด้วยความรักสัมพันธ์

คนโง่ ชอบขอความรักและความเห็นใจ แต่มักได้รับความสมเพชตอบแทนเป็นประจำ

คนฉลาด ชอบให้ความรักความเข้าใจ และมักได้รับความหวังพึ่งพิงตอบเนือง ๆ

คนเจ้าปัญญา ชอบให้ปัญญาที่จะให้ทุกคนรัก และเข้าใจตนเอง จึงได้รับความนับถือ และความมีบุญคุณตอบแทนเสมอ

ว่าด้วยคนดีและคนชั่ว

คนโง่ เห็นคนดีว่าชั่ว เห็นคนชั่วว่าดี ชีวิต จึงประสบภัยใหญ่หลวง

คนฉลาด เห็นคนดีว่าดี เห็นคนชั่วว่าชั่ว ชีวิตจึงต้องระมัดระวัง หลบหลีกเลือกเฟ้นเป็นพัลวัน

คนเจ้าปัญญา เห็นคนดีว่าไม่ดีจริง เห็น คนชั่วว่าไม่ชั่วจริง จึงไม่ยกย่องผู้ใดและไม่เหยียบ ย่ำใคร แต่บริหารทุกคนไปสู่สภาวะที่ประเสริฐ กว่าที่เขาเป็นได้เสมอ

ว่าด้วยความทุกข์และความสุข

คนโง่ เห็นทุกข์เป็นสุข จึงรักษาทุกข์ไว้ ด้วยสำคัญว่าเป็นสุข หรือน่าจะนำสุขมาให้ ยิ่ง รักษาก็ยิ่งทุกข์ จึงระทมร่ำไป

คนฉลาด เห็นทุกข์เป็นทุกข์ แล้วต่อสู้อยู่ ในท่ามกลางความทุกข์ ยิ่งพยายามก็ยิ่งพบความ ไม่น่าพอใจจึงท้อแท้เรื่อยไป

คนเจ้าปัญญา เห็นทุกข์โดยความเป็น ของไร้สาระ จึงโยนทิ้งไปเสีย จนเป็นอิสระ โปร่ง เบาสบายยิ่งนัก

ว่าด้วยการปรนเปรอ

คนโง่ เอาแต่ใจตนเอง จึงได้รับความ สะใจเป็นผล และความรังเกียจเป็นรางวัล

คนฉลาด เอาใจคนอื่น จึงได้รับ ความลำบากเป็นผล และความรักเป็นรางวัล

คนเจ้าปัญญา ไม่เอาทั้งสองอย่าง แต่เอา สัจจะที่ก่อให้เกิดประโยชน์สุขทุกฝ่ายเป็นที่ตั้ง จึงได้รับคุณค่าเป็นผล และได้รับศรัทธาเป็นรางวัล

ว่าด้วยความบ้า

คนโง่ เมาคำพูด จึงประคองสติไม่อยู่ พลั้งพูดพล่อยบ่อยๆ สร้างกรรมและศัตรูมากมาย

คนฉลาด บ้าความคิด เขม่าเต็มขมอง จึง เต็มไปด้วยจิตหลอน สร้างมายาหลอกตนและ คนอื่นมากมาย

คนเจ้าปัญญา บ้าความสงบ จึงพบสติ เต็มตื่น รู้อยู่เป็นหลักให้ตนและคนอื่นได้

ว่าด้วยการบริหารสิ่งเร้า

คนโง่ มักไหลตามสิ่งเร้าที่เข้ามายั่วเย้า จึงแปรปรวนไปไม่รู้จบ

คนฉลาด มักปฏิเสธสิ่งเร้าที่เข้ามายั่วเย้า จึงเป็นตัวของตัวเองอย่างมาก แต่คับแคบอย่างยิ่ง

คนเจ้าปัญญา นิยมบริหารสิ่งเร้าที่เข้ามา ยั่วเย้า จึงสามารถกลั่นหาประโยชน์สูงสุดจากทุกสิ่งในทุกสถานการณ์

ว่าด้วยความจริงจัง

คนโง่ เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิต เป็นเรื่องจริงจังจึงเครียดแทบบ้า

คนฉลาด เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิต เป็นเรื่องเล่นๆ จึงสนุกสนานไร้สาระ

คนเจ้าปัญญา เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวิตเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการ จึงรุ่งเรืองรวดเร็ว

ว่าด้วยการขจัดความชั่วร้าย

คนโง่ ยอมทำชั่วหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาหนึ่ง จึงได้รับแต่โทษทุกข์ฑัณท์ ทับถมทวีคูณ

คนฉลาด ย่อมทำดีแม้หลายอย่าง เพื่อ แก้ปัญหาหนึ่ง จึงได้รับความสุขสันต์ หลังเหน็ดเหนื่อยหนักหนา

คนเจ้าปัญญา ย่อมทำบริสุทธิ์เพื่อหลุด จากสารพันปัญหา จึงได้รับความเบิกบานนิรันดร์

ว่าด้วยสำนึกในส่วนรวม

คนโง่ คิดแต่เรื่องส่วนตัว ทำอะไรก็เพื่อตนเอง แม้อาจทำให้คนอื่นเสียหาย จึงเป็นที่รังเกียจ สังคมไม่ต้องการ

คนฉลาด คิดแต่เรื่องส่วนรวม ทำอะไรก็ เพื่อส่วนรวม แม้อาจทำให้ตนเสียหาย สังคมต่าง ต้องการแต่ตน ไม่อาจตั้งอยู่ได้

คนเจ้าปัญญา คิดแต่เรื่องคุณธรรม ทำอะไร ก็เพื่อประโยชน์สุขทุกฝ่ายในทุกกาลเวลา จึงเป็นที่ ต้องการของทุกฝ่าย ในขณะที่เขาอาจจะไม่ต้องการ ใครเลย

ว่าด้วยความจริงจัง

คนโง่ ประเมินค่าคนจากปริญญา จึงรู้จัก แค่ตรายี่ห้อปะติดชีวิต

คนฉลาด ประเมินค่าคนจากความสามารถ จึงรู้จักคุณภาพของชีวิต

คนเจ้าปัญญา ประเมินค่าของคนจากความ เอื้อประโยชน์ จึงรู้จักประโยชน์แท้แห่งชีวิตจริง

ว่าด้วยค่าของคน

คนโง่ ประเมินค่าคนจากปริญญา จึงรู้จัก แค่ตรายี่ห้อปะติดชีวิต

คนฉลาด ประเมินค่าคนจากความสามารถ จึงรู้จักคุณภาพของชีวิต

คนเจ้าปัญญา ประเมินค่าของคนจากความ เอื้อประโยชน์ จึงรู้จักประโยชน์แท้แห่งชีวิตจริง

ว่าด้วยการแสวงหา

คนโง่ งุ่มง่ามแสวงหาคุณค่าภายนอกตน ยิ่งพบมากก็ยิ่งเห็นว่าตนต้อยต่ำ จึงยอมตนเป็นทาส

คนฉลาด งุ่นง่านแสวงหาคุณค่าในตน ยิ่ง พบมาก ก็ยิ่งเห็นว่าตนล้ำค่า จึงหลงตัวเอง

คนเจ้าปัญญา ย่อมแสวงหาคุณค่าสากล ยิ่งพบมากก็ยิ่งเห็นความธรรมดาในทุกสิ่งจึงมี เป็น และบริโภคทุกสิ่งเหมือนไม่มี ไม่เป็น

ว่าด้วยการบริหารศรัทธา

คนโง่ รู้อะไรก็เชื่อไว้ก่อนว่าจริง หรือ ไม่จริง จึงงมงามอย่างยิ่ง

คนฉลาด รู้อะไรก็ไม่เชื่อไว้ก่อนว่าจริง หรือไม่จริง แต่เอามาทดลอง จนเห็นชัด จึงเชื่อ จึงมีเหตุผลอย่างยิ่ง

คนเจ้าปัญญา รู้อะไรก็ไม่สนใจว่าจริง หรือไม่จริง สนใจเพียงว่ามีประโยชน์และมีโทษเพียงใด แล้วสกัดโทษทิ้ง บริโภคเฉพาะประโยชน์ จึงได้คุณค่าแห่งการรู้ในทุกสิ่ง

ว่าด้วยระบบธรรม

คนโง่ ปรับธรรมะเข้าหาคน จึงได้คน จำนวนมากเดินตามธรรมะเทียม

คนฉลาด ปรับคนเข้าหาธรรมะ จึงได้คน จำนวนน้อยอยู่รักษาธรรมะแท้

คนเจ้าปัญญา ปรับธรรมะและคนเข้าหากัน ณ จุดแห่งประโยชน์สูงสุดที่เหมาะสมและเป็นไปได้ จึงได้คนจำนวนพอดีอยู่รักษาธรรมะที่ดีพอ

ว่าด้วยความเป็นธรรม

คนโง่ ชอบเรียกหาความเป็นธรรม จนบ่อย ครั้งใช้กระบวนการที่ไม่เป็นธรรมในการเรียกหา จึงพาให้ยิ่งห่างไกลความเป็นธรรม

คนฉลาด ชอบสร้างความเป็นธรรม ปั้นแล้ว ปั้นอีก ปั้นอย่างไรก็ไม่เป็นธรรมแท้ แม้พยายามถึงที่สุด เพราะความเป็นธรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ปรารถนาของใคร จึงเป็นความหวังดีที่ล้มเหลวเสมอไป

คนเจ้าปัญญา ชอบประพฤติธรรม ดำรงอยู่ และดำเนินไปโดยธรรม จึงได้สิทธิพิเศษโดยธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤศจิกายน 2010, 14:41:05
ความจริงจะไม่เปลี่ยน มีแต่ความเห็นของคนเท่านั้นที่เปลี่ยน

อกหักนั้น ไม่ทุกข์ถึงตาย แต่ทำให้เราเติบใหญ่ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ

การเจริญสติที่แท้จริงคือการดำเนินชีวิตที่เป็นไปโดยธรรมชาติ อย่าไปตีความการปฏิบัติให้แคบลง ให้เหลืออยู่แต่ในคอร์สวิปัสสนาหรือการเจริญสติในวัด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤศจิกายน 2010, 13:52:17

. . . . . ธรรมมะ คือ ความดี. . . . .
. . . . . ความดี คือ ความพอดี. . . .
. . . . . ความพอดี คือความพอดี ที่เป็นจริง เหมาะ ควร คนส่วนใหญ่เห็นชอบด้วย

. พุทธะ คือผู้รู้
. พระธรรม คือความรู้ที่พระพุทธเจ้า ทรงสละความสุขทางโลกทุกสิ่ง ทั้งพระราชอำนาจ พระราชทรัพย์ ทรงทุ่มเทแรงใจ แรงกาย นำความรู้ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ อันเป็นสัจจะธรรม ( ความดีที่เป็นจริง ) นั้น ให้มนุษย์ทุกคนในโลก ได้เรียนรู้ นำมาปฏิบัติ มีทั้งชนิดใช้กับชาวบ้าน ( แบบสุขทางโลก โลกียะสุข สุขจากรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่พอดี เหมาะควร ) และชาววัด ( โลกุตะระสุข เหนือกว่าโลกีย์ พ้นจากโลกีย์ )
ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ เพียงทำให้จิตว่าง อย่า
. ยึดติดกับตนเอง ทรัพย์สิน สิ่งของ เรียนรู้เพื่อให้เกิด
. ปัญญา แยก ถูก ผิด ชั่ว ดี ถี่ ห่าง ต่าง เหมือน ฯลฯ คิด เลือกได้ รู้ปัญหา รู้วิธี ป้องกัน แก้ไข
. ปัญหา ต่าง ๆ ที่จะเกิด กับ จิตใจ และร่างกาย จะเบาบางลง ก็จะช่วยลดทุกข์ ให้ห่างคุก ภัย โศก โรค อุบัติเหตุ อันตราย ฯลฯ ความ
. ปิติสุข บุญ กุศล ที่เกิดจาก การปฏิติธรรม ก็จะมีได้ตามสมควร โดยไม่เกี่ยวกับ ชน ชั้น วรรณะ ฐานะ ยศศักดิ์ ตำแหน่ง ฯลฯ
. นิพพาน คือตาย สิ้นสุด จบลง หมดสิ้นจาก กิเลสต้นเหตุตันหาที่จิต ส่วนปรินิพาน คือ ชีวิตสิ้นสุด ร่างกายตาย ดับลง
การปฏิบัติธรรมต่อเนื่อง เป้าหมายคือการป้องกัน-กำจัด กิเลสใหม่ และตันหาเก่า ให้ละ ลด และเลิกได้ทั้งหมด เท่ากับตัดตอน ตัดวงจร ( เกิดขึ้น ดำเนินอยู่ จบลง ของกรรมเลวต่าง ๆ ) ทิ้งไป และไม่ทำให้กิเลสใหม่ "เกิด" ขึ้นมาใหม่อีก
( วงจรการเกิดของกรรมสิ้นสุด ไม่ใช่การเกิดของชาติชีวิต ) เมื่อหมดต้นเหตุ ความอยากต่าง ๆ หมดสิ้น ไม่เหลือแม้แต่ความอยากได้นิพพาน นั่นแหละ จึงได้นิพพาน โดยไม่ยินดี ไม่รู้สึกว่าได้แล้ว นิพพาน จึงเป็น ความสุขแบบไร้สุข ไร้ทุกข์ ไม่ต้องพึ่งพา อาศัยวัตถุ สิ่งของใด ๆ ไม่ต้องอิงโลกีย์ สุขแบบ ว่าง โล่ง โปร่ง สงบ เย็น เบา เป็น
. โลกุตะระสุข ( เหนือโลก หรือพ้นจากโลกีย์) เป็นเป้าหมาย สูงสุดของ
. ชาววัด ( พระสงฆ์ ผู้มีความพร้อมที่จะเสียสละ เพื่อเรียนรู้ ฝึกได้ ปฏิบัติเป็น ถ่ายทอด เป็นผู้แทนพระพุทธองค์ ทำหน้าที่เผยแพร่ พระธรรม ให้ชาวบ้าน ได้ รู้จัก
. พุทธธรรมแท้ ๆ ฝึกใช้ให้เป็น ก่อประโยชน์สุข ในชีวิตประจำวันได้ ส่วนใหญ่ เข้าใจผิด ปฏิบัติธรรมเพราะ ต้องการ ( อยาก ) นิพพาน จึงไม่เคยได้ นิพพาน แม้สักรายเดียว หรือบางองค์
. ปลีกวิเวก เพลินสุข จนลืมหน้าที่ ผู้สืบทอด พระธรรม แทนพระพุทธองค์ เกือบทุกวัดก็สวนทางกับหลักธรรมพระพุทธองค์ ที่
. สละวังมาอยู่ป่า ด้วยการ
. ทำลายป่า มาสร้างวัง ( วัดใหญ่เกินพอดี เบียดเบียนชาว บ้าน )

. ชาติ หรือ ชาตะ แปลว่าเกิด
. ชาติของชีวิตคือ การเกิดขึ้นของชีวิต ดำรงค์อยู่ กระทั่งตาย = 1 ชาติชีวิต
. ชาติของกรรม ( การกระทำ ) เรื่องราวที่เกิด ดำเนินอยู่ สิ้นสุด จบลง 1 เรื่อง = 1 ชาติกรรม คนละเรื่องกับชาติของชีวิต เมื่อมีชีวิต จึง มีการกระทำ ( กรรม ) เกิดขึ้น มีเพียง
. มนุษย์ ( ประเสริฐ ( คือบุคคลที่ผ่านการฝึกฝนอย่างดีมาแล้ว ) ) เท่านั้น ที่สามารถ กำหนด เลือกทำ กรรมดี และ เลว ได้ด้วยตนเอง
. กรรม (ในภาษาพุทธธรรมคือการกระทำ เป็นกริยา เป็นผู้กระทำ ส่วนในวิชาภาษาไทย กรรมคือผู้ถูกกระทำ ระวังอย่า งง) กรรม นั้นมีเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ
. กรรมดี และ
. กรรมเลว ส่วนต่างคือ มาก น้อย บ่อย ถี่ กว่า ที่สุด โดยสร้างขึ้น แสดงออก กระทำการ ที่
. ใจ ( มโนกรรม = ความคิด จากจิต ใจ )
. วาจา ( วจีกรรม = คำพูด ด้วย ปากพูด ) และ
. กาย ( กายกรรม = การกระทำด้วยมือ เท้า และอวัยวะอื่น ๆ )
. กฎแห่งกรรม คือผลที่เกิดจากการกระทำใด ๆ ไปแล้ว ผลของ
. กรรมดี คือ
. บุญ และกุศล เทียบสุขแบบสงบ ร่มเย็นทางใจ มีสารสุข ( เอ็นโดร์ฟีล ) หลั่งทั่วทางกาย สุขภาพจึงแข็งแรง จิตใจแจ่มใส เพราะร่างกาย และจิตใจ ทำงาน สัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกันตลอดเวลา จึงมองโลกในด้านบวกเสมอ จะรู้สึก
. พอใจ รู้คุณค่า สิ่งของที่มีอยู่แล้ว ( เช่น นิ้วหัวแม่มือ ลองมัดไว้กลางผ่ามือ สมมุติว่า ขาดไป หรือใช้ผ้าดำปิดตา 1 ข้าง 2 ข้าง จะเป็นอย่างไร ) ใช้ความรู้ ความสามารถในทางที่ถูกที่ควร ให้เป็นประโยขน์สุขแก่ชาวโลก โดยไม่เบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบ ฉ้อฉล ทุจริต ฉ้อราษฎร์ บังหลวง เบียดบัง โลภมาก ฯลฯ ทั้งตนเอง ญาติ และบริวาร ฯลฯ
. ส่วนผลของกรรมเลว คือ
. บาป ทุกข์ทั้งกาย และใจ จะตรงข้ามกับ บุญ กุศล มีสารทุกข์ ( อะดีนารีล ) หลั่งทั่วทางกาย สุขภาพจึงทรุดโทรม หน้าดำ หมองคล้ำ คร่ำเครียด ระทมอมทุกข์ ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย ระบบย่อย ดูดซึม ระบบเลือด ระบบหายใจ ภูมิต้านทานโรค ความรู้สึก จำ นึก คิด ทำงานผิด เพี้ยน ไม่ปกติ ฯลฯ
. ผลกรรม จะดี เลว มาก น้อย ช้า เร็วบ้าง ขึ้นอย่กับชนิด ปริมาณ เวลา ของ
. ชาติกรรม (วงจรของการกระทำต่าง ๆ) หลายร้อยชาติกรรมในแต่ละวัน หลายล้านชาติกรรมใน 1 ชาติชีวิตเมื่อหักลบกันแล้ว ไม่มีใครสามารถหลีกหนี
. กฎแห่งกรรม (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว) พ้น

. ธรรมชาติ = ธรรม+ชาติ ความพอดี ครบพอดี เช่นเมล็ดพืช ต้องได้ ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงเกิด และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะมีการปรับให้พอดี และ รักษาความ "พอดี " นั้นไว้ อย่างสอดคล้อง เหมาะสม ธรรมชาติ จึงอยู่ได้นาน เกิน 4,000 ล้านปีมาแล้ว
. ยุติธรรม = หยุด ที่ความพอดี ตกลงกันที่ความพอดี เป็นกลาง ที่ดี ถูกต้อง
. เป็นธรรม = ความพอดี ที่ทุกฝ่ายพอใจ
. คุณธรรม = ความพอดีที่มีคุณค่า คุณประโยขน์ ทั้งผู้ให้และผู้รับ
. จริยธรรม = ความพอดี ที่ผสมอยู่ในทุกการกระทำ สามารถรู้ เห็น พิสูจน์ได้
. วัฒนธรรม = พยายามรักษา ทนุบำรุง ทำความพอดี ที่มีอยู่แล้วให้คงไว้ สร้าง ปรับปรุงให้ความพอดีนั้น ดีขึ้น หรือดำรงค์ความพอดีนั้นให้ยาวนานที่สุด
. ธรรมกลาย = นำศรัทธา ของพระพุทธศาสนา อันเป็น
. ทรัพย์สินทางปัญญาของพระพุทธเจ้า มาตัดทอน ดัดแปลง แต่งเติม บิดเบือน เพื่อหลอกลวงทรัพย์ ของผู้ที่อ่อนด้อยทางปัญญา ความรู้ ความคิด ( จับจุดอ่อนของพวกบ้าบุญ อยากบุญโดยวิธีมักง่าย ชอบแบบสำเร็จรูป ) ด้วยวิธีการ ใช้
. พิธีกรรม แสดง อวดอ้าง อิทธิฤิทธิ์ ปาฏิหาริย์ พลังแฝง ความเล้นลับ ความวิเศษ สร้างนิยาย จากความฝัน สานเป็น
. อกุศโลบาย ( อบายที่ไม่เป็นกุศล ) ต่าง ๆ ลวงให้เข้าใจว่า บุญ และความสุข สงบ อันเป็นผลจากการทำดี นั้น มีขาย ซื้อ แลก ได้ด้วยเงิน ทอง ที่ดิน ทรัพย์สินต่าง ๆ ยิ่งจ่ายมาก ยิ่งได้บุญมาก ทำนองนี้ หรือ สะเดาะเคราะห์ สลัดทิ้ง ลดบาปจากกรรมเลว ต่ออายุ ฯลฯ ด้วยการ แผ่อิทธิพล ขยายฐานอำนาจ เงิน ทรัพย์สินอื่น ๆทั้งด้านธุระกิจ การเมือง ฯลฯ ปลอมแปลง ปลอมปนหลักพุทธธรรม นำเผยแพร่ผ่านสารพัดสื่อทันสมัย ด้วยวีธีการตลาด ให้เงิน ทอง ที่ดิน ฯลฯ ไหลมา เทมา ต้นเหตุแห่งการทำให้สังคมผิดเพี้ยนด้วยเรื่องเลวทรามต่ำช้า ฯลฯ ชาวไทยเกินกว่าครึ่ง ไอคิว ต่ำกว่ามาตรฐาน ต้นตอเชื้อชั่วที่ทำลายพระพุทธศาสนา เป็นกากเดนชั่วของสังคม อาญชญากรรมร้ายรุนแรง ที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสนใจ เพราะการขาด
. ความรู้ ( วิชา )
. อวิชา ( ความไม่รู้ ) หากเราพอมีความรู้
. ธรรมมะขั้นพื้นฐาน ที่แท้จริง พอเข้าใจอยู่บ้าง เราจะรู้ทันที่ว่าเป็น ก๊วน แก๊ง ทำลายศาสนา ในคราบพระ ที่ใช้พลังทรัพย์จากการหลอกลวง ขยายฐานอำนาจ ไปทั่วประเทศ ทุกระดับชั้น หลายสาขาอาชีพ หลายสถาบัน และอีกหลายประเทศทั่วโลก ถึงขั้นมีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ทั้งหมด ล้วนจัดเป็น
. อธรรม ( ไม่ใช่ธรรมมะ ) ไม่ใช่หลักพุทธศาสตร์ ที่แท้จริง เราจึงควรช่วยกันต่อต้าน อย่าส่งเสริม สนับสนุน ไม่เข้าไปมีส่วนร่วม รับการเฉลี่ย หารผลของบาปกรรมนั้น ๆ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

มีผล เพราะมีต้น ให้มีสติ ใช้ปัญญา เรียนรู้ หาสาเหตุ วิธีแก้ไข ปัญหาที่
. ต้นเหตุ
. ทุกข์ เกิดจาก กิเลส ( จากรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ) ก่อให้เกิด
. ตันหา ( ความอยาก )
. ภวตันหา คือ อยากได้ อยากมี อยากเป็น
. วิภวตันหา คืออยากไม่ให้ได้ อยากไม่ให้มี อยากไม่ให้เป็น ( ส่วนที่ใจไม่ชอบ เช่นโรค ภัย เจ็บปวด คุกตาราง ฯลฯ ) เมื่อความอยากได้ เอาแต่ได้ และความอยากไม่ อยากไม่ขัดใจนายใหญ่ นายหญิง ผู้เคยเกื้อกูล ฯลฯ จึงทำให้ เปลี่ยนจาก
. รัก ( รักแท้+เมตตา ) คือการให้ การเสียสละ กลายเป็นหวังแต่จะรับ จะเอามากกว่าให้ เรียกว่า
. โลภ ( รัก+ใคร่ คือชอบ และอยากได้ไว้ ครอบครอง เป็นเจ้าของ เช่นคู่ครอง ทรัพย์สิน เงิน ทอง อำนาจ ยศ ศักดิ์ ฯลฯ ) ถ้าไม่ได้ดังต้องการ มีคนโน้น คนนี้ คอยตรวจสอบ ขัดขวาง การโลภนั้น จึง
. โกรธ เมื่อโกรธ สารทุกข์ ( สารอดีนาลีน ) หลั่ง ทุกระบบทั่วร่างกายทำงาน ทำงานผิดพลาดหมด หน้าดำ คร่ำเครียด ร้อนรุ่มใจ หาทางออกไม่ได้ อำนาจเดิม เงินเท่าเดิมไม่พอ ต้องเสาะแสวงหาเพิ่ม เหมือนเด็กติดเกมส์ ต้องเอาชนะให้ได้ แค่โกรธอย่างเดียว ก็เทียบ นรกด่านแรก แล้ว ต่อไปจึง
. หลง คือการขาดสติ มาควบคุมการใช้ปัญญา แม้ปัญหาเพียงเล็กน้อย หากหลง ทางความคิด ตั้งต้นผิด ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ฟังใคร จะไปอุบล แต่ไปโผล่ที่ เชียงใหม่ หรือ ไหลไปนราธิวาส ไกลคนละทิศ แม้จะกลับที่เดิม ยังไปไม่ถูก

. วิธีแก้ไข ดู "ขั้นตอนการปฏิบัติพุทธธรรม" ย้อนขึ้นลงทีละ 1 ขั้น แต่มิใช่ไปหลงอยู่ในขั้นสมาธิ อย่างเดียว จนขาดสติ ไร้ปัญญา ซึ่งมีผู้คนถูกหลอก เสียหายไม่รู้ตัว มากมายคณานับ หลายร้อยปีมาแล้ว กำลังถูกหลอกอยู่ในปัจจุบัน และจะต้องถูกหลอกไปอีกนาน เพราะเชื่อผู้นำที่ขาดธรรม ทั้งความรู้ และการปฏิบัติ แห่เชื่อ ตามกระแส การโฆษณา ชวนเชื่อ เพื่อหวังผลประโยชน์ต่าง ๆ
. วิธีรักษา แก้ไข ใช้ พุทธโอสถ พรหมวิหาร 4
. ส่วนใหญ่ ใช้เพียง
. เมตตา ( ศาสนาคริสต์ เรียกว่า ความรัก รัก+เมตตา ( โรแมนติค ) คือให้มากกว่ารับ ผลเป็นกุศล ส่วน รัก+โลภ ( อีโรติค ) คือรักใคร่ หวังรับมากกว่าให้ การแสดงออกมักเป็น อกุศโลบาย ต้องการ เป็นเจ้าของ อยากครอบครอง สิ่งที่ชอบนั้น ) ข้อเดียวให้ถูก ปริมาณ เวลา ( พอดี ) ก็
รักษาได้ ทั้ง 4 อาการ รัก โลภ โกรธ หลง แล้ว คือ
. เมตตา คือการให้ แบบนามธรรม มักมองไม่ค่อยเห็น เช่นให้ความรัก การเสียสละประโยชน์สุขส่วนตน ให้อภัย ให้โอกาส หากใช้เมตตาเป็นแล้ว จะไม่ทำ ผิดศีลทั้ง 5 ข้อ หรือแถม วิตามินเสริม
. กรุณา ช่วยเหลือ เกื้อกูล เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นรูปธรรม เช่นให้ทรัพย์สิน สิ่งของ เงินทอง ฯลฯ แต่ต้องให้แบบไม่หวังผลตอบแทน และไม่มีใครต้องทุกข์ร้อนจากการให้ นั้น ๆ
. มุทิตา ยินดีกับผู้สำเร็จ ผู้ชนะในทางดี เห็นใจผู้ที่ อ่อนแอ ด้อยโอกาส ขาดพลัง พ่ายแพ้ สูญเสีย กลัว หลง ( เพราะไม่รู้ เป็นส่วนใหญ่ ) แต่หาก ให้ยาไปแล้ว ยังไม่สนใจจะดู จะดม จะกิน หรือกิน ทาบางส่วน บางเวลา ไม่ตามกฏ กติกา ย่อมไม่ได้ผล ข้อที่เหลือ คือ
. อุเบกขา คือการทำตัวเป็นกลาง ไม่ยัดเยียดกรรมดีให้เพิ่ม ( อบอุ่นมากไป ก็ร้อน ไม่พอดี ) ส่งไปไม่มีคนรับ เปลืองพลังเปล่า ๆ ( เหมือนโทรทัศน์บางช่อง คนไม่เปิดดูแล้ว ) แต่ยังคงต้อง ยึดมั่น ทำ
. สัมมาทิฐิ ( ความคิด ความเห็น ในทางถูกธรรม ) ต่อไป ไม่ประชดประชัน พูดจาเยาะเย้ย เสียดสี หรือทำสิ่งเลวร้ายเพิ่ม เป็น
. มิจฉาทิฐิ ซึ่งก่อให้เกิดกรรมติดลบได้

ทุกข์หนักสุดของมนุษย์ คือ
. เจ็บไข้ป่วย ทางกาย ( การไม่มีโรคเป็นโชคอย่างยิ่ง ) จะขอเลื่อน ลดหย่อน ผ่อนผัน ไม่ได้ นอกจากป้องกัน รักษา และ
. ทุกข์หนักทางใจ คือการ
. เป็นหนี้ จะเป็นหนี้กรรม หนี้เงิน หนี้ชีวิต ฯลฯ ( การไม่มีหนี้ เป็นดีที่สุด )
เป้าหมายปฏิบัติธรรม สำหรับ ชาวบ้าน ( พุทธศานิกชนผู้มีหน้าที่ ช่วยกัน ทำนุ บำรุง พุทธศาสนา อย่างพอดี พอควร
หรือเรียกว่าฆราวาส มีสุขแบบชาวโลก โลกียะสุข เอาทุกข์ทิ้งไป เอาสุขมาใส่แทน ถ้าใส่มากเกินพอดี สะสมมาก เท่ากับเราแบกโลก ( โลกีย์ ) ไว้ ยิ่งมาก ก็ยิ่งหนัก *****

. เครื่องมือใช้ปฏิบัติธรรม คือ 5 ข้อห้าม 38 ข้อให้
. ศีล 5 และ
. มงคลชีวิต 38 ข้อ
1.ไม่คบคนพาล ( คบ คือการพูดคุยกัน เกินกว่า 5 ประโยค พาลคือคนที่ไม่รู้ ผิด ถูก ชั่ว ดี บาป บุญ คุณ โทษ )
2. ให้คบคนดี ( อย่างน้อยต้องรู้จักรักตนเอง รักพ่อแม่ ) ฯลฯ ( ที่เหลือ อีก 36 ข้อลองหาอ่านดู ) ถ้าเอามงคลไปใส่วัตถุหมด จะได้
. วัตถุมงคล ( แต่ชีวิตจะไร้ มงคล )

. ขั้นตอนการปฏิบัติธรรมที่สำคัญ ก่อนการสร้างกรรมต่างๆ ( คิด พูด ลงมือทำ ) คือ
. สว่าง
. สอาด
. สงบ
. สมาธิ
. สติ
. ปัญญา
. เรียนรู้ ( ฟัง อ่าน ถาม เขียน คิด )
. สร้างทางเลือก
. ตัดสินใจ
. ลงมือทำ
. วิเคราะห์ แก้ไข
. วิจัย
. พัฒนา
โดยมีหลักธรรม ( ความดี ) เป็นแนวทาง และหลักชัยของชีวิต
. สว่าง คือเห็นชัดเจน ไม่คลุมเครือ ไม่มองผิดเป็นถูก
. สอาด เป็นระเบียบทั้งสถานที่ สิ่งแวดล้อม จิตใจ
. สงบ คือ สงบที่ใจ หรือ สิ่งแวดล้อมที่สงบ จะช่วยให้ใจสงบง่ายขึ้น
. สมาธิ มีผู้คิดค้นหลายร้อยวิธี หลายรูปแบบ วิปัสนา กรรมฐาน กำหนดลมหายใจ เดิน จงกลม ฯลฯ ทุกวิธี คือการหยุดพัก อารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง เครียด เกลียด กลัว ฯลฯ เพื่อให้ เกิดความ โล่ง ว่างในจิตใจ ให้
. สามัญสำนึก ( คิดได้เอง แบบไม่ถูกผสม ปรุงแต่งด้วยอารมณ์ ) ความคิดพื้นฐาน ธรรมดา ( รวมทั้งที่มีอยู่ เสมือนโปรแกรมสำเร็จรูปใน ทั่ว ๆ ไป ) ได้ทำงานเองบ้าง เมื่อจิตใจโปร่งใส ไม่ขุ่น ไม่หนัก ไม่แน่น ก็มี
. สติ ( การรู้ตัว ) ใช้เพื่อควบคุมอารมณ์ จากตันหา คือความอยาก และความกลัว ฯลฯ ให้มีเหลือน้อยสุด ให้เกิดการใช้ ร่วมกับ
. ปัญญา ( ความคิด นึกข้อมูลเดิม จากที่เคยจำไว้ มาประมวลเพิ่ม ) และต้องตามด้วย
. หลักพุทธธรรม รู้ แยกแยะถูก ผิด ชั่วดี เลือกวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้
. กรรม ( การกระทำ ด้วย การคิด พูด และการใช้อวัยวะต่างของร่างกาย ลงมือทำ ) จากธรรมมะปัญญา มีผลเป็น
. บุญ กุศล สั่งสมเป็น
. บารมี ( บุญสมทบ บุญสะสม ) ให้ลูกหลาน บริวาร ที่ปฏิบัติดี ได้เบิกใช้บารมีได้ ตามควร เมื่อบุตร ที่เคย
. บวชเรียน ( สมัยโบราณไม่มีโรงเรียน ครู อาจารย์ ) อ่านออก เขียนได้ รู้ ฝึกปฏิบัติธรรมเป็น แยก บาป บุญ คุณ โทษได้ มี
. ศีลธรรม ( ศีลคือข้อห้าม ธรรม คือข้อให้ ปฏิบัติ ) ฝังติดในจิตใจ มักทำแต่ความดี หลีก เลี่ยง ละเว้นการทำความชั่ว พ่อแม่ จึงหมดห่วง มีแต่ความสุขใจ เสมือนได้
. ขึ้นสวรรค์ ( กุศโลบาย ให้คนเห็นจากภาพ ให้ดูแตกต่าง ครงข้ามกับภาพความเจ็บ ปวด ทุกข์ทรมาน จากนรก ผสมกับศิลปะ ชดเชยส่วนขาด นางฟ้าจึงต้องมีรูปร่างดี และ เปลือยอก เหาะเหินแบบนั่งลอยไป แบบสบาย ๆ ( ฝรั่งนอนเหาะ ลู่ลม ผมปลิว จีน เหาะแบบยืนบนเมฆ ไปช้าสง่างาม ฯลฯ แล้วแต่จินตนาการ ) ไม่ต้องหุงหาอาหาร อิ่มทิพย์ ฯลฯ

. พอเพียง คือ การจัดหา รวบรวม หรือนำทรัพยากร ที่มีอยู่แล้ว เช่นที่ดิน แหล่งน้ำ พืช เครื่องมือ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ความขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด พัฒนา ฯลฯ มาผสมผสาน ลงมือทำให้ สอดคล้องเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลเต็มที่ กับบุคคล อาชีพ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ก็จะมีกิน มีใช้ได้อย่าง พอเพียง ยั่งยืน ส่วนที่เกินพอ จะนำไปขาย ก็ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งเงิน ( ไม่ใช่ 30 50 ไร่ ตามตัวอย่างในพระราชดำรัส พระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ) ไม่มีที่ดิน ไม่ทำเกษตร ก็ใช้ทฤษฎีพระราชทานนี้ได้ ใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็นแก่การดำรงค์ชีวิต ไม่ตกเป็นเหยื่อโฆษณา ไม่เป็นทาสทางวัตถุ ไม่ตามกระแส ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ไม่ประมาท ไม่สร้างหนี้สิน ( ไม่คุ้มทุน ถ้าไม่มีความสามารถในการทำกำไรอย่างสูงด้วยการผูกขาด เพราะต้นทุนต่าง ๆ ถูกบวกกำไรมาก หลายทอด ดอกเบี้ยแพง และ คอยกัดกินทุนตลอดเวลา ไม่มีวันหยุด ) อย่าให้ค่าของมูล (มูลค่า) มากกว่าค่าของคุณ (คุณค่า)
"พอเพียง" จึงเหมาะกับทุกสาขา อาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกกาลสมัย ทุกประเทศทั่วโลก อีกข้อ สำคัญ
. ความจน นอกจากไม่เคยทำร้ายใครแล้ว จุดเกิดอัจฉริยะเอก และ ทุกภูมิปัญญาท้องถิ่น นวรรตกรรม การพัฒนา ในทางที่ดีงาม มีคุณค่าต่อมวลมนุษย์ชาติ และ โลก ล้วนเกิดจาก บุคคลทีไม่ร่ำรวยวัตถุทั้งสิ้น ( มารวยภายหลัง ) เพียง
. รู้จักพอ ก็เป็นสุข หากไม่รู้จักพอ ไม่เคยพอ เท่าไรก็ไม่พอ แม้มีทรัพย์กี่แสนล้าน ก็ต้องทุกข์ ทรมานตลอดไป ไม่สิ้นสุด การกินไม่ได้ นอนไม่หลับ สุขภาพเสื่อมถอย ก่อนวัยอันควร ก็เปรียบดั่ง นรก เช่นกัน
. ธรรมมะปัญญา ( ช่วยให้เก่ง และดี ) จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะต้องใช้คู่กับสติ เพื่อให้รู้ตัว อยู่ตลอดเวลา ว่า สิ่งที่ คิด พูด ทำ จะก่อให้ ตนเอง หรือผู้อื่น เป็น ทุกข์ เดือดร้อน กาย ใจ หรือไม่ เป็นการให้ ( ทาน เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ) หรือเป็นการเอา ( โลภ ) มีผลทำให้ ผู้อื่น ตลอดจนสรรพ อยู่ดี มีสุข หรือ ทุกข์เพียงไร และกรรม ( การกระทำ ) ต่าง ๆ มีส่วนผสมของศีลธรรม มากน้อยเพียงไร

. ขั้นอนุบาล ต้องมี รูป ภาพ อุปกรณ์ พิธีกรรม
. กุศโลบาย ( อุบาย+กุศล ) นิทาน มากหน่อย ( แต่ระวังอย่าเพลินกับอุปกรณ์ หรือพิธีกรรมมากเกินไป อย่าให้ความอยากนำทาง ) ถ้าถึง
. ขั้นอุดม ( มหาวิทยาลัย ) มักไม่ได้ใช้พิธีกรรม อุปกรณ์เสริม ฯลฯ มากนัก ลองสังเกตุดู จะรู้ ว่าใคร อยู่ระดับใหน เราจึงต้องไป
. วัด กันบ่อย ๆ เพื่อ "วัด" ความก้าวหน้าทางธรรม กับตนเอง ที่ผ่านมา และ "วัด" กับผู้อื่น ว่า เรามีหลักธรรม ได้ใช้
. ประโยชน์ธรรม ( จากทรัพย์สินทางปัญญา ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ) มาก น้อย เพียงไรเพื่อนำไปใช้ "วัด"
. ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน ที่เป็นประโยชน์ต่อ ครอบครัว ถึงสังคมประเทศ ต่อสิ่งแวดล้อม อย่าให้
. ค่าของมูล ( มูลค่า ) มากกว่า
. ค่าของคุณ ( คุณค่า คุณประโยชน์ )

. การฝันคือการที่ สามัญสำนึก และ
. จิตนอกสำนึก ( จิตที่ทำงานได้เอง โดยอัตตโนมัติ หลังจากผ่านการฝึกฝนมาแล้วจนชำนาญ เช่นกิน เดิน ฯลฯ จนเป็นนิสัยถาวร ) ทำงานร่วมกัน
. ปลุกให้ร่างกายตื่น เพื่อแก้ไขปัญหา ต่าง ๆ ขณะนอนหลับ เช่นนอนกดทับเส้นเลือด ปวดปัสสาวะ หิวจัด หนาวจัด ฯลฯ โดยการนำเรื่องราว ที่เคยได้พบ อ่าน ฟัง จากความจำ มาสร้างผสมกันเป็นเรื่องราว ทั้งเรื่องทางดี และทางร้าย น่ากลัว น่าเกลียด ตื่นเต้น ฯลฯ เปลี่ยนเรื่อง ผสมกันไปเรื่อย ๆ หลายสิบเรื่อง เรื่องที่ปลุกให้ตื่น และจำได้ คือเรื่องที่เราเคยให้ความสำคัญมากที่สุด มีทั้งดีใจ เศร้า เสียใจ ตกใจสุด ๆ ( โรคไหลตาย หรือหลับตายในรถ ร่างกายอาจได้รับสารพิษ อากาศพิษ อ่อนเพลียมาก ส่วนหนึ่งเลือดข้นมาก เพราะขาดน้ำ เมื่อความฝันปลุกไม่ตื่น ขาดอ๊อกซิเจน หรือสมองขาดเลือดไปเลี้ยง เซล์ลสมองตาย สั่งการไม่ได้ทั้งระบบ จึงเสียชีวิต ) ส่วน
. จิตในสำนึก ( ซึ่งมักเป็นเรื่องใหม่ ทั้งดี และเลว ต้องตั้งใจ ตั้งสติ ให้รู้ตัว ควบคุมอยู่ตลอดเวลา ใช้พลังงานในการสั่งการมาก จึงมักรู้สึกอ่อนเพลีย มากกว่าปกติ เช่นฝึกขับรถใหม่ ๆ ฝึกว่ายน้ำ ฯลฯ ) จิตในสำนึก จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะทำให้
. จิตนอกสำนึก สร้าง
. นิสัยถาวร ( สันดาน ) พัฒนาให้ดีขึ้น หรือ ทำให้เลวลง
. ผู้นำ ผู้ใหญ่ กระแสสังคม สิ่งแวดล้อม วัย ความรู้ หลักธรรม ฯลฯ ล้วนมีอิทธิพล ต่อการรับรู้ ในการปลูก ฝัง จิตสำนึก ของทุกผู้คน โดยเฉพาะ เด็ก เยาวชน หากทุกคน มีธรรมมะ . ปลูกฝังอยู่ในจิตใจ ใช้ความรู้ สติ ปัญญา คิดแยก ถูก ผิด บาป บุญ คุณ โทษ ฯลฯ ได้ เลือกทำเป็น แก้ปัญหาได้ ไม่ใช้
. มิจฉาทิฐิ( ความดื้อรั้นในความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เป็นตัวที่ก่อให้เกิดการแตกแยก สงคราม การทำร้าย เข่นฆ่ากัน ) คิด พูด และ ทำ ในเรื่องดี กรรมที่เป็นบุญ กุศล จากการทำความดีนั้น จะส่งผลให้เกิด
. สันติสุข ในทุกสังคม ของ มนุษย์ และ สรรพ ได้อย่างถาวร
. สงคราม อาชญากรรม ทั้งหมด ปล้น จี้ ตี ชิง ข่มขืน ฆ่า วางเพลิง การพนัน ยาเสพติด การค้ามนุษย์ ทุจริต คดโกง ลวงทรัพย์ เสพติดเงินทอง และ อำนาจ ฯลฯ รวมถึงเรื่อง
. อัปมงคล ( ไม่เป็นมงคล ) ต่าง ๆ ล้วนเกิด จากโรค
. ขาดธรรมะ ทั้งสิ้น

. เป้าหมาย ธรรมมะ ของทุกศาสนา มีจุดหมายคล้าย ๆ กัน คือให้ทำดี อย่างต่อเนื่อง
. แตกต่างที่ขั้นตอน พิธีกรรม ที่ทำให้มีสติ รู้ และใช้ปัญญา ทำในสิ่งดี ๆ เพื่อให้เกิด ประโยชน์สุข ต่อ ตนเอง และมวลมนุษย์ชาติ และสรรพ ในโลก เพื่อสันติภาพ สันติสุข ที่แท้จริง ตลอดไป

. ถ้าไม่รีบวิเคราะห์หาสาเหตุแห่งโรคให้เจอ และรีบรักษาให้ทันเวลา โดยความร่วมมือ ของทุกฝ่าย เมื่อหลายโรคแทรก รุมเร้า ยากที่จะเยียวยา รักษา ถึงเวลานั้น อัจฉริยะหมอสุดยอด เก่งกาจเพียงไร ก็ยากที่จะรักษาให้รอดได้ และ
. ความทุกข์ ยาก แสนเข็ญ ซึ่งพระพุทธองค์ ทรงหาทางดับให้แล้วนั้น จะยิ่งกระจาย ความเดือดร้อน แพร่ระบาด มากมาย รวดเร็ว และทั่วถึง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤศจิกายน 2010, 21:23:21
ความดีและกุศลจะเจริญ

เมื่อปราถนาจะทำกุศลและทำความดี

เปลี่ยนความคิดจากอกุศลเป็นกุศล

สร้างกุศลเป็นอาจิณเสมอมิขาด

รำพึงถึงผูกใจถึงความดีและกุศล

คิดเสมอที่จะสร้างความดีและกุศล

สงเคราะห์ผู้อื่นโดยไม่กังวลถึงผล

ผุ้ใดปรารถณาสุขเพื่อตน

เพราะก่อทุกข์ให้ผู้อื่น

ผู้นั้นเป็นผู้ระคนด้วยเครื่องระคน

คือเวรย่อมไม่พ้อนจากเวรได้

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า......................

ความรักอื่นเสมอตนไม่มี

ทรัพย์เสมอด้วยข้าวเปลือกย่อมไม่มี

ฝนต่างหากที่เป็นสระยอดเยี่ยม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤศจิกายน 2010, 00:50:04
มนุษย์ที่มีใจสูงย่อมรู้จักให้อภัยไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย

      อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ทางที่ถูกควรทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ถ้าเป็นเรื่องเล็กอยู่แล้วก็ไม่ควรเอาเรื่องเสียเลย ปล่อยไปเสีย ทำไม่รู้ไม่เห็นเสียบ้าง ไม่บอดทำเป็นเหมือนบอด ไม่ใบ้ทำเหมือนใบ้ ไม่หนวกทำเหมือนหนวกเสียบ้าง จิตใจของเราจะสบายขึ้น

     มี เรื่องแปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่งในหมู่มนุษย์ คือ คนส่วนมากเผชิญกับ เหตุการณ์ใหญ่ๆ อย่างกล้าหาญได้ แต่กลับขาดความอดทนต่อสิ่งเล็กๆ น้อย ๆ ตัวอย่างเช่น ใครมาพูดเสียดสี กระทบกระเทียบเปรียบเปรย เขาทนไม่ได้ แต่กลับทนอยู่ในคุกตารางได้เป็น 20-30 ปี และยินดีรับความทุกข์เหล่านั้นไปตลอดเวลาที่ทางราชการกำหนด แม้จะไม่ยินดี ก็เหมือนยินดี เพราะไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ถ้าเขายินดีรับความทุกข์เพียงเล็กน้อยเสียก่อน คืออดทนต่อคำด่าว่าเสียดสี หรืออาการทำนองที่เขาคิดว่าเป็นการดูถูกดูแคลนเพียงเล็กน้อยเสียก่อน ไหนเลยเขาจะต้องมาทนทุกข์ทรมานอันมากมายยาวนานถึงเพียงนั้น

     การ ให้อภัยเป็นคุณธรรมสำคัญอย่างหนึ่งในมนุษย์ คนส่วนมากเมื่อจะทำทานก็มักนึกถึงวัตถุทานคือการให้วัตถุสิ่งของ ให้ได้มาก เตรียมการมาก ยุ่งมาก เขายินดีทำ แต่ใครมาล่วงเกินอะไรไม่ได้ ไม่มีการให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่น ความจริงเขาควรหัดให้อภัยทานบ้าง แล้วจะเห็นว่า จิตใจสบาย ขึ้นประณีตขึ้น สูงขึ้น เป็นเทวดา ดังสุภาษิตอังกฤษบทหนึ่งว่า � “ To err is human , to forgive diving ” แปลว่า การทำผิดเป็นเรื่องของมนุษย์ ส่วนการให้อภัยเป็นเรื่องของเทวดา ถือเอาความว่ามนุษย์ธรรมดาย่อมมีการทำผิดพลาดบ้าง ส่วน มนุษย์ที่มีใจสูงย่อมรู้จักให้อภัย ไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย หรือแม้ในสายตาของคนอื่นจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับท่านผู้มีใจกรุณา ย่อมเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย

     พระ พุทธเจ้าที่พวกเรานับถือนั้นมีผู้ปองร้ายพระองค์ถึงกับจะเอาชีวิตก็มี เช่น พระเทวทัต และพวกพยายามปลงพระชนม์หลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จเพราะพระองค์ไม่ร้ายตอบ ทรงให้อภัย มีคนใส่ร้ายด้วยเรื่องที่ร้ายแรงทำให้เสียเกียรติยศชื่อเสียงก็มีเช่นพวก เดียรถีย์นิครนถ์ นางจิญจมาณวิกา นางสุนทรี เป็นต้น แต่ก็ไม่ทรงทำตอบ ทรงให้อภัย ในที่สุดคนพวกนั้นก็พ่ายแพ้ไปเอง เหมือนเอาไข่ไปตอกกับหินไข่แตกไปเอง

     พระ เยซู ศาสดาของคริสต์ศาสนาก็ทรงมีชื่อเสียงมากในการให้อภัย ไม่ทรงถือโทษต่อผู้คิดร้ายทำร้ายต่อพระองค์ ให้อภัยผู้ทำความผิด เปิดโอกาสให้กลับตัว

     อีกท่านหนึ่ง คือมหาตมะ คานธี ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเรื่องอหิงสา ความไม่เบียดเบียน การให้อภัยจนถึงอัลเบิร์ต ไอสไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้กล่าวสดุดีท่านผู้นี้ไว้ว่า “ต่อไปภายหน้ามนุษย์จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ทราบ ว่าได้เคยมีคนอย่างนี้ (ท่านมหาตมะ คานธี) เกิดขึ้นแล้วในโลก”� ทั้งนี้เพราะคุณวิเศษในตัวท่านนั้นยากที่คนสามัญจะหยั่งให้ถึงได้

     รวม ความว่า มหาบุรุษที่โลกยกย่องให้เกียรติเคารพบูชานั้น ล้วนเป็นนักให้อภัยทั้งสิ้นไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องใหญ่ก็ทำเป็นเรื่องเล็กเสียท่านเหล่านั้นมุ่งมั่นในอุดมคติ จนไม่มีเวลาจะสนพระทัยหรือสนใจในเรื่องเล็กน้อย แต่ท่านเหล่านี้จะสนใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อันเกี่ยวกับสุขทุกข์ของผู้อื่นเสมอ ส่วนเรื่องร้ายที่คนอื่นกระทำแกท่าน ท่านไม่สนใจ ลองอ่านประวัติของท่านที่เอ่ย พระนามและนามมาแล้วดังกล่าวดูบ้าง จะเห็นว่าท่านน่าเคารพบูชาเพียงใด โลกจึงยอมน้อมเศียรให้แก่ท่าน

     มี เรื่องเล่าว่าในวัดพุทธศาสนานิกายเซ็นวัดหนึ่งมีพระอยู่กันหลายรูป มีพระรูปหนึ่งมีนิสัยทางขโมยได้ขโมยของเพื่อนพระด้วยกันเสมอๆ จนวันหนึ่งพระทั้งหลายพากันขึ้นไปหาเจ้าอาวาสบอกว่า ถ้าพระรูปนี้ยังอยู่วัดนี้ พวกเขาจะไม่อยู่วัดนี้ ขอให้ไล่พระรูปนั้นออกไป ท่านเจ้าอาวาสบอกว่า พวกคุณนั่นแหละควรจะไปได้แล้วทุกรูป ส่วนพระรูปนั้นควรจะต้องอยู่กับฉันก่อน เพราะยังไม่ดี

     นี่ คือเรื่องของผู้มีใจกรุณา คนที่เคยทำความผิดอันยิ่งใหญ่นั้น ถ้ากลับใจได้เมื่อใดก็มักทำความดีอันยิ่งใหญ่เหมือนกัน เพราะสลดใจในเวรกรรมที่ตนเคยสร้างไว้ ดูพระเจ้าอโศกมหาราชและขุนโจรองคุลิมาลเป็นตัวอย่าง พระองค์เสด็จไปโปรดองคุลิมาลให้กลับเป็นคนดี ก็ด้วยพระทัยกรุณานั่นเอง แม้พระเจ้าอโศกมหาราชก็เหมือนกัน ตามพระประวัติว่า ได้อาศัยพระภิกษุในพุทธศาสนารูปหนึ่ง จึงกลับพระทัยมาดำเนินชีวิตทางไม่เบียดเบียน ทรงบำเพ็ญอภัยทานเป็นอันมาก

     ถ้า จะเอาเรื่องกับเด็กรับใช้ที่บ้านภารโรงที่โรงเรียนหรือสำนักงาน ก็ขอให้หยุดคิดสักนิดหนึ่งว่าก็แกแค่นั้น จะเอาอะไรกับแกนักหนา ถ้าแกดีเท่าเราหรือเฉลียวฉลาดปราดเปรื่องอย่างเรา แกจะมาเป็นคนใช้หรือเป็นภารโรงทำไมกัน ก็เพราะความคิดอ่านแกมีอยู่เท่านั้น แกก็ทำอย่างนั้น อย่างที่เรารำคาญๆ อยู่นั่นแหละ คิดได้อย่างนี้ก็ค่อยหายกลุ้มไปหน่อย สุภาษิตที่ว่า “�ความเข้าใจเป็นมูลฐานแห่งการให้อภัย” �นั้น ยังเป็นความจริงอยู่เสมอ เมื่อเข้าใจแล้วก็ให้อภัยเห็นว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นเอง

     พระ สารีบุตรเคยแสดงแก่ภิกษุทั้งหลายว่าในการคบคนนั้น ควรถือเอาเฉพาะส่วนดีของเขาส่วนไม่ดีก็ตัดทิ้งไป บางคนการกระทำทางกายไม่ดี แต่วาจาดี บางคนวาจาหยาบแต่การกระทำทางกายดี บางคนการกระทำทางกายก็หยาบ วาจาก็หยาบ แต่ใจดี ควรถือเอาเฉพาะส่วนที่ดีนั้น ท่านเปรียบว่าเหมือนดึงผ้าออกมาจากดินโคลนเพื่อจะเอาไปปะต่อใช้สอยเห็นส่วน ไหนดีก็ตัดเอาไว้ ส่วนไหนไม่ดีก็ตัดทิ้งไปถ้าทำได้อย่างนี้ก็จะช่วยให้สบายใจได้มาก

     อนึ่ง ควรคิดว่า คนเราเกิดมาด้วยจิตที่ไม่เหมือนกัน คือพื้นฐานของจิตตอนถือปฏิสนธินั้นไม่เหมือนกัน จึงมีอุปนิสัยแตกต่างกันมาตั้งแต่เยาว์ เมื่อกระทบกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอีกก็ทำให้บุคคลแตกต่างกันไปเป็นอัน มาก การอยู่รวมกันของคนหมู่มากผู้มีอุปนิสัยใจคอพื้นฐานทางใจและการอบรมที่แตก ต่างกัน จึงมีปัญหามาก ถ้าเราถือเล็กถือน้อยไม่รู้จักให้อภัย เราก็จะมีทุกข์มาก บางทีก็เกี่ยวกับช่องว่างระหว่างวัย ผู้ใหญ่อยากจะให้เด็กทำ พูดและคิดอย่างตน ส่วนเด็กก็อยากจะให้ผู้ใหญ่ทำ พูด คิด อย่างตนเหมือนกัน ซึ่งโดยทั่วๆ ไปแล้วเป็นไปไม่ได้ ฝ่ายผู้ใหญ่ควรให้อภัยว่าแกเป็นเด็ก ส่วนเด็กก็ควรให้อภัยว่าท่านแก่แล้ว มาเข้าใจกันเสียคือเห็นใจซึ่งกันและกัน เมื่อเป็นดังนี้เรื่องเล็กไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่ ทุกฝ่ายอยู่กันด้วยความเห็นใจเข้าใจ มองกันอย่างเป็นมิตร ไม่เป็นศัตรูต่อกัน *

     นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการผ่อนคลายความทุกข์ในชีวิตประจำวัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤศจิกายน 2010, 17:12:38
ธรรมะ คือสิ่งที่ช่วยให้มนุษย์มีใจคอปกติ

"...สำหรับธรรมะนี้ ถ้าเราดูโดยหลักใหญ่ๆ ที่สุดเราพูดได้อย่างวิทยาศาสตร์ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรามีใจคอเป็นปกติ หรือ Balance อยู่ตามสภาพ หมายความว่าคนในโลกนี้มีใจคอสูญเสียสภาพปกติเกือบตลอดวัน คือว่าอ้ายนั่น...อ้ายนี่ข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กายใจ มาทำให้เกิดความรู้สึก เป็นไปในทางชอบหรือรัก นี้อย่างหนึ่งให้เกลียดหรือไม่ชอบอืดอืดขัดใจ นี้อีกอย่างหนึ่ง แท้จริง

แล้วทั้งสองอย่างนี้ใช้ไม่ได้ คือจิตใจที่อยู่ในลักษณะทั้งสองอย่างนี้ใช้ไม่ได้ที่จะปฏิบัติงานอะไรก็ตาม งานออฟฟิศชนิดไหนก็ตาม ถ้าใจคอมันสูญเสียสภาพปกติเดิมอย่างนี้ คือรักหรือเกลียดเสียแล้ว พอใจหรือไม่พอใจเสียแล้วนั่นจะเป็นการทำผิดทันที ผิดไม่มากก็น้อย ในการที่จะทำอะไรออกไป หรือจะพูดอะไรออกไป หรือจะปฏิบัติหน้าที่อะไรก็ตามที่ ฉะนั้นเราต้องถือหลักว่า ธรรมะนี้คือสิ่งที่ช่วยให้มนุษย์มีใจคอปกติ แม้แต่ความตายมาจ่ออยู่ข้างหน้า


หรือแม้แต่จะเจอเสือในป่า ก็ต้องใจคอปกติ คือไม่กลัวจนขาดสติ อาจจะขึ้นต้นไม้ก็ตาม หรือจะวิ่งหนีก็ตาม ก็ยังคงมีใจคอปกติ นี่คือความต้องการของธรรมะเป็นอย่างนี้ คือเราไม่หวั่นไหวในโลกธรรมที่แบ่งเป็นฝักฝ่าย ฝ่ายนี้ได้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเสีย ได้ลาภ ได้ยศ ได้สรรเสริญ ได้สุขมีได้ก็ต้องมีเสีย นี่คือสิ่งที่ทำให้ใจคอไม่ปกติ แต่ธรรมะต้องการจะทำให้มีอำนาจเหนือโลกธรรม กล่าวคือ มีใจคอปกตินั่นเอง แล้วจะรู้ได้เองว่า ควรจะทำอะไร ควรทำอย่างไรเท่าด้วย ไปมองดูเถอะมันจำเป็นที่สุดสำหรับทุกคน..."


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤศจิกายน 2010, 03:00:33
คำพูดของพระมหาสมปอง
 เปลี่ยนงานบ่อย กำลังหนีอะไรหรือเปล่าคุณโยม....เดี๋ยวนี้กลายเป็นค่านิยมใหม่ไปแล้วคุณโยม ก่อนหน้านี้มีคำพูด ตลก ๆ ว่า เปลี่ยนแฟนบ่อยเหมือนเปลี่ยนรองเท้า เดี๋ยวนี้มีของใหม่ว่า เปลี่ยนงานบ่อยเหมือนเปลี่ยนช่องทีวี โอ้โห... เปลี่ยนบ่อยเปลี่ยนถี่เปลี่ยนไวกันเสียจริง ๆ
   คุณโยมบางคนที่มาปรึกษาอาตมาว่า เขียนใบสมัครงานไปเยอะมาก ใส่ประวัติการทำงานไปยาวเหยียด แต่ไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงานเลย ก็จะรับเข้าไปทำไมละคุณโยม ในประวัติการทำงานเขียนว่าทำงาน บริษัท ก. 3 เดือน บริษัท ข 6 เดือน บริษัท ค 4 เดือน ซึ่งทำมาแล้ว 10 บริษัท แต่พอเอาระยะเวลาในการทำงานรวมกันยังได้ไม่ถึง 2 ปีเลยคุณโยมเอ้ย จริง ๆ ปัญหานี้ค่อนข้างลำบากสำหรับอาตมาอยู่เหมือนกันเพราะอาตมายังไม่เคยมีประสบการณ์เปลี่ยนงานบ่อย ๆ ด้วยสิ บวชเรียนมาตั้ง 15 ปี ยังไม่เคยเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นนอกจากเป็นพระ เต็มที่ก็เคยแต่ย้ายวัดแต่ก็ลองดูนะคุณโยม อาตมาอาจจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย ..ลุยเลย
    สาเหตุแรกคือ การหนีปัญหา หนีปัญหา เรามันมนุษย์ธรรมดานี่แหละคุณโยม ทำงานย่อมมีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ้างเป็นธรรมดา แต่ถ้าเลือกได้เราก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้นเพราะมันทำให้รู้สึกวิตกกังวลและหวาดกลัวเสมอ ลองสังเกตง่าย ๆ ว่าเวลาเราทำผิดเราจะรู้สึกว่าท้องหวิว ๆ เสียวสันหลังวาบ ๆ ยิ่งถ้าโดนเจ้านายเรียกไปคุยแล้วละก็ หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มโน่น หลายคนไม่ชอบการตำหนิ หรือโดนต่อว่า จึงเปลี่ยนงานหนีปัญหา..ดู๊ดู ทิ้งขี้ไว้เห็น ๆ    หากเปลี่ยนงานบ่อยเพราะสาเหตุนี้ อาตมาแนะนำให้นำหลักธรรมที่มีชื่อว่า วิริยะ ซึ่งเป็นสมาชิกในหลักธรรมใหญ่ หลักหนึ่งของพระพุทธศาสนา นั่นคือ อิทธิบาท 4 อันประกอบไปด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสาวิริยะ หมายถึง ความเพียร ความพยายาม ความกล้าที่จะลงมือทำ กล้าเผชิญความทุกข์ยาก ปัญหาและอุปสรรค ที่จะเกิดขึ้น หากมีอุปสรรคก็เพียรกำจัดปัดเป่าให้หมดสิ้นไป โดยไม่ย่อท้อ ไม่สิ้นหวัง เดินหน้าเรื่อยไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
   ลองสังเกตดูว่าถ้าคุณโยมเจอปัญหาแล้วคิดแค่ว่า หนีดีกว่า หลบดีกว่า ไม่คิดที่จะแก้หรือเผชิญหน้ากับความผิดพลาดนั้นเลย คุณโยม จะต้องหนี ต้องหลบไปตลอดชีวิตและไม่สามารถเรียนรู้หาวิธีแก้ความผิดพลาดนั้นได้เลย การเปลี่ยนงานใหม่จึงเป็นการปัดความกลัว ความรำคาญใจไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่การจะแก้ปัญหาอย่างถาวรได้นั้น เราต้องอาศัยความเพียรเป็นที่ตั้ง ดังพุทธพจน์ที่ว่า
    คนจะล่วงทุกข์ได้ก็เพราะความเพียร มีปัญหาอย่าท้อแท้ หนทางแก้ยังพอมี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: waluka ที่ 13 พฤศจิกายน 2010, 08:05:46
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤศจิกายน 2010, 02:50:23
ดาวน์โหลดเรื่องบุญที่ถูกลืมได้ที่นี่ครับ
hxxp://www.sil5.net/images/bank/article/Nitan/forget-Merit001.pdf


1. ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนคิดจะได้ดี อะไรอย่างลอยๆ

นั่งนอนคอยแต่โชควาสนา โดยไม่ลงมือทำความดี หรือไม่เพียรพยายามสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ตน

ถ้าข้าพเจ้าจะได้ดีอะไรก็ขอให้ได้ เพราะได้ทำความดีอย่างสมเหตุสมผลเถิด


2. ขอให้ข้าพเจ้ามีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ให้เกียรติแก่เขาตามความเหมาะสมในการติดต่อเกี่ยวข้องกันเถิด

ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนลืมตน ดูหมิ่นเหยียดหยามใครๆ ซึ่งอาจด้อยกว่าในทางตำแหน่ง ฐานะการเงิน หรือในทางวิชาความรู้

อย่าแสดงอาการข่มขู่เยาะเย้ยใครๆ ด้วยประการใดๆ เลย ขอให้มีความอ่อนโยน นุ่มนวล สุภาพเรียบร้อยเถิด


3. ขออย่าให้ข้าพเจ้าเหยียบย่ำซ้ำเติม

ถ้าใครพลาดพลั้งลงในการครองชีวิตหรือต้องประสบความทุกข์ ความเดือดร้อนเพราะเหตุใดๆ ก็ตาม

ขอให้ข้าพเจ้ามีความกรุณาหาทางช่วยเขาลุกขึ้น ช่วยผ่อนคลายความทุกข์ร้อนแก่เขาเท่าที่จะสามารถทำได้

4. ใครก็ตามที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมาเท่าเทียมหรือเกือบเท่าเทียมข้าพเจ้า ก็ดี มีความรู้ ความสามารถหรือมีผลงานอันปรากฎดีเด่น สูงส่งอย่างน่านิยมยกย่องยิ่งกว่าข้าพเจ้า

ขออย่าให้ข้าพเจ้ารู้สึกริษยาหรือกังวลใจในความเจริญของเขาเหล่านั้นเลยแม้ แต่น้อย ขอให้ข้าพเจ้าพลอยยินดีในความดี ความรู้ ความสามารถของบุคคลเหล่านั้นด้วยจริงใจ

ขอให้ข้าพเจ้าช่วยส่งเสริมสนับสนุนและให้กำลังใจแก่คนเหล่านั้น อันเข้าลักษณะมุทิตาจิตในพระพุทธศาสนา

ซึ่งตรงกันข้ามกับความริษยา ขออย่าให้เป็นอย่างบางคนที่เกรงนักหนาว่าคนอื่นจะดีเท่าเทียมหรือดียิ่งกว่า ตน คอยหาทางพูดจาติเตียน ใส่ไคล้ให้คนทั้งหลายเห็นว่าผู้นั้นยังบกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้

ขอให้ข้าพเจ้ามีน้ำใจสะอาด พูดส่งเสริมยกย่องผู้อื่นที่ควรยกย่องเถิด

5. ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีน้ำใจเข้มแข็งอดทน

อย่าเป็นคนขี้บ่น เมื่อมีความยากลำบากอะไรเกิดขึ้น ขอให้มีกำลังใจต่อสู้กับความยากลำบากนั้นๆ โดยไม่ต้องอ้อนวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วย

ขออย่าเป็นคนอ่อนแอเหลียวหาที่พึ่ง เพราะไม่รู้จักทำตนให้เป็นที่พึ่งของตนเลย

ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนชอบได้อภิสิทธิ์ คือ สิทธิ์เหนือคนอื่น เช่นไปตรวจที่ รพ. ก็ขอให้พอใจนั่งคอยตามลำดับ อย่าวุ่นวายจะเข้าตรวจก่อน ทั้งที่ตนไปถึงทีหลัง

ในการสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกใดๆ ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดหาวิธีลัดหรือวิธีทุจริตใดๆ รวมทั้งขออย่าได้วิ่งเต้นเข้าหาคนนั้นคนนี้ เพื่อให้เขาช่วยให้ได้ผลดีกว่าคนอื่น ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าอาจมีคะแนนสู้คนอื่นไม่ได้เถิด

6. ข้าพเจ้าทำงานที่ใด ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดเอาเปรียบหรือคิดเอาแต่ได้ในทางส่วนตัว

เช่นเถลไถลไม่ทำงาน รีบเลิกงานก่อนกำหนดเวลา ขอจงมีความขยันหมั่นเพียร พอใจในการทำงานให้ได้ผลดี ด้วยความตั้งใจและเต็มใจ เพื่อประโยชน์ของตนเอง ด้วยเถิด

อันเนื่องมาแต่ความไม่คิดเอาเปรียบในข้อนี้ ถ้าข้าพเจ้าบังเอิญก้ำเกินข้าวของ ของที่ทำงานไปในทางส่วนตัวได้บ้าง เช่น กระดาษ ซอง หรือ เครื่องใช้ใดๆ

ขอให้ข้าพเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าเป็นหนี้อยู่ และพยายามใช้หนี้คืน ด้วยการซื้อใช้ หรือทำงานให้มากกว่าที่กำหนด เพื่อเป็นการชดเชยความก้ำเกินนั้น

รวมทั้ง ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเอาเปรียบชาติบ้านเมือง เช่นในเรื่องการเสียภาษีอากร ถ้ารู้ว่ายังเสียน้อยไปกว่าที่ควร หรือ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะชดใช้แก่ชาติบ้านเมืองอยู่เสมอ

เมื่อมีโอกาสตอบแทนเมื่อไร ขอให้รีบตอบแทนโดยทันที เช่น ในรูปแห่งการบริจาคบำรุงโรงพยาบาล บำรุงการศึกษา หรือบริจาคเพื่อสาธารณะประโยชน์อื่นๆ แบบบริจาคให้มากกว่าที่รู้สึกว่ายังเป็นหนี้ชาติบ้านเมืองอยู่เสมอ

และแม้แต่เอกชนใดๆ ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดเอาเปรียบหรือโกงใครเลยแม้แต่น้อย

แม้แต่จะซื้อของ ถ้าเขาทอนเงินเกินมา ก็ขอให้ข้าพเจ้ายินดีคืนให้เขากลับไปเถิด อย่ายินดีว่ามีลาภ เพราะเขาทอนเงินเกินมาให้เลย

7. ขออย่าให้ข้าพเจ้ามักใหญ่ใฝ่สูง อยากมีหน้ามีตา อยากมีอำจาจ อยากเป็นใหญ่เป็นโต ขอให้ข้าพเจ้าใฝ่สงบ มีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ไม่ต้องเดือดร้อนในเรื่องการแข่งดีกับใครๆ

ทั้งนี้ เพราะข้าพเจ้าพอจะเดาได้ว่า ความมักใหญ่ใฝ่สูง ความอยากมีหน้ามีตา อยากมีอำนาจ และอยากเป็นใหญ่เป็นโตนั้น มันเผาให้เร่าร้อน

ยิ่งต้องแข่งดีกับใครๆ ด้วย ก็ยิ่งทำให้เกิดความคิดริษยา คิดให้ร้ายคู่แข่งขัน

ถ้าอยู่อย่างใฝ่สงบมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ก็จะเย็นอกเย็นใจ ไม่ต้องนอนก่ายหน้าผากถอนใจเพราะเกรงคู่แข่งจะชนะ ไม่ต้องทอดถอนใจเพราะไม่สมหวัง

ขอให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจซาบซึ้งในพระพุทธภาษิตว่า ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ละความชนะความแพ้เสียได้ ย่อมอยู่เป็นสุข

แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่า เมื่อใฝ่สงบแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องอยู่อย่างเกียจคร้าน ไม่สร้างความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม

ข้าพเจ้าทราบดีว่าพระพุทธศาสนามิได้สอนให้คนเกียจคร้านงอมืองอเท้า แต่สอนให้มีความบากบั่น ก้าวหน้าในทางที่ดีไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม

และความบากบั่นก้าวหน้านั้นไม่จำเป็นต้องผูกพันอยู่กับความทะยานอยาก หรือความมักใหญ่ใฝ่สูงใดๆ คงทำงานไปตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ผลดีก็จะเกิดตามมาเอง

8. ขอให้ข้าพเจ้าหมั่นปลูกฝั่งความรู้สึกมีเมตตา ปรารถนาดีต่อผู้อื่น และมีกรุณาคิดจะช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์

ซึ่งพระพุทธเจ้าแนะนำให้ปูพื้นจิตใจด้วยเมตตากรุณา อยู่เสมอ จนกระทั่งไม่รู้สึกว่ามีใครเป็นศัตรูที่จะต้องคิดกำจัดตัดรอนเขาให้ถึงความพินาศ

ใครไม่ดี ใครทำชั่ว ทำผิดขอให้เขาคิดได้กลับตัวได้เสียเถิด อย่าทำผิดทำชั่วอีกเลย ถ้ายังขืนทำต่อไปก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เขาจะต้องรับผลแห่งกรรมชั่วของเขาเอง เราไม่ต้องคิดแช่งชักให้เขาพินาศ เขาก็จะต้องถึงความพินาศของเขาอยู่แล้ว

จะต้องไปแช่งให้ใจเราเดือดร้อนทำไม ขอให้ความเมตตาคิดจะให้เป็นสุข และ กรุณาคิดจะช่วยให้พ้นทุกข์ ซึ่งข้าพเจ้าปลูกฝังขึ้นในจิตใจนั้น จงอย่าเป็นไปในวงแคบและวงจำกัด ขอจงเป็นไปทั้งในมนุษย์และสัตว์ทุกประเภท รวมทั้งสัตว์เดรัจฉานด้วย

เพราะไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์เหล่านั้น ต่างก็รักสุขเกลียดทุกข์ รู้จักรักตนเอง ปรารถนาดีต่อตนเองด้วยกันทั้งสิ้น

9. ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนโกรธง่าย

หากว่าจะโกรธบ้าง ก็ขอให้มีสติรู้ตัวโดยเร็วว่ากำลังโกรธ จะได้สอนใจตนเองให้บรรเทาความโกรธลง หรือถ้าห้ามใจให้โกรธไม่ได้ ก็ขออย่าให้ถึงกับคิดประทุษร้ายผู้อื่น หรือคิดอยากให้เขาถึงความพินาศซึ่งนับเป็นมโนทุจริตเลย

ขอจงสามารถควบคุมจิตใจให้เป็นปรกติได้โดยรวดเร็ว เมื่อมีความไม่พอใจหรือความโกรธเกิดขึ้นเถิด

ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนผูกโกรธ ให้รู้จักให้อภัย ทำใจให้ปลอดโปร่งจากการผูกอาฆาตจองเวร

ขอให้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น โดยรู้จักเปรียบเทียบกับตัวเองว่าก็อาจทำผิด พูดผิด คิดผิด หรืออาจล่วงเกินผู้อื่นได้ ทั้งมีเจตนาและไม่เจตนา

ก็ข้าพเจ้ายังทำผิดได้ เมื่อผู้อื่นทำอะไรผิดพลาดล่วงเกินไปบ้าง ก็จงให้อภัยแก่เขาเสียเถิด อย่าผูกใจเจ็บหรือเก็บความรู้สึกไม่พอใจนั้นมาขังอยู่ในจิตใจ ให้เป็นพิษเป็นภัยแก่ตัวเองเลย

10. ขอให้ข้าพเจ้ามีความรู้ความเข้าใจและสอนใจตัวเองได้เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธศาสนา ทั้งทางโลกและทางธรรม

กล่าวคือ พระพุทธศาสนาสอนให้รู้จักสร้างความเจริญแก่ตนในทางโลก และสอนให้ประพฤติปฏิบัติยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ให้มีปัญญาเข้าใจปัญหาแห่งชีวิต เพื่อจะได้ไม่ติดไม่ยึดถือ มีจิตใจเบาสบายอันเป็นความเจริญในทางธรรม

ซึ่งรวมความแล้วสอนให้เข้ากับโลกได้ดี ไม่เป็นภัยอันตรายแก่ใครๆ แต่กลับเป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ

และก็ได้สอนไปในทางธรรมให้เข้ากับธรรมได้ดี คือให้รู้จักโลกและขัดเกลานิสัยใจคอให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อบรรลุความดับทุกข์ ความพ้นทุกข์

ขอให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจปฏิบัติตนให้ถูกต้องได้ทั้งสองทางคือทางโลกและทาง ธรรม รวมทั้งสามารถหาความสงบใจได้เอง และสามารถแนะนำชักชวนเพื่อนร่วมชาติ ร่วมโลก ให้ได้ประสบความสุขสงบได้ตามสมควรเถิด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jone04 ที่ 14 พฤศจิกายน 2010, 22:13:18
 :wanwan008:สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤศจิกายน 2010, 23:02:18
กว่าที่ชีวิตจะราบรื่น เข้าที่เข้าทาง จนเกิดความเข้าใจโลก เข้าใจชีวิตอย่างถ่องแท้ ก็ต้องผ่านมวลประสบการณ์ที่แตกต่างหลากหลาย   

โลกนี้กว้างใหญ่ สำหรับคนใจกว้าง โลกนี้อ้างว้าง สำหรับคนใจแคบ

คนสำคัญของโลก ล้วนเป็นผู้ที่ "เชื่อในสิ่งที่ทำ" ไม่ได้ "ทำในสิ่งที่คนอื่นเชื่อ" เขาจึงกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤศจิกายน 2010, 16:39:46
ชะตากรรมของประเทศ อยู่ในความเข้มแข็งทางปัญญาของคนในประเทศ

อย่าหมกมุ่นแต่เรื่องของตัวเอง แต่ควรมองออกไปในโลกกว้างเพื่อที่จะได้เห็นว่า ในโลกนี้ยังมีคนอีกมากมายที่เขาตกทุกข์ได้ยาก

อุทิศตนทำความดีจนถูกวิจารณ์ ยังดีกว่าดักดานอยู่เงียบๆ (โดยไม่ยอมทำอะไร) จนไม่มีค่าพอที่จะถูกพูดถึง

ความผิดพลาดเกิดขึ้นตรงไหน การเริ่มต้นใหม่ก็อยู่ตรงนั้น กิเลสอยู่ตรงไหน ธรรมะก็อยู่ตรงนั้น เคราะห์อยู่ตรงไหน โชคก็อยู่ตรงนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤศจิกายน 2010, 16:02:40
อันการงาน คือค่า ของมนุษย์
ของมีเกียรติ สูงสุด อย่าสงสัย

ถ้าสนุก ด้วยการงาน เบิกบานใจ
ไม่เท่าไร รู้ธรรม ฉ่ำซึ้งใจ

ตัวการงาน คือตัวการ ประพฤติธรรม
พร้อมกันไป หลายส่ำ มีค่ายิ่ง
 
ถ้าจะเปรียบ ก็เหมือนคน ฉลาดยิง
นัดเดียววิ่ง เก็บนก หลายพกเอยฯ

                                                                     ท่านพุทธทาสภิกขุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤศจิกายน 2010, 16:18:20
โลกกลมๆ ใบนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ
ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก
อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง
คนเราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้าเลย
ไม่ต้องสนใจว่าแมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ
ยิ่งมีใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่เยือกเย็น
ในโลกกลม ๆ ใบนี้ ไม่มีคำว่า }แน่นอน~
คนเราเมื่อ ตัวตายก็ต้องลงดิน
ท้อแท้ได้ แต่อย่าท้อถอย อิจฉาได้ แต่อย่าริษยา พักได้ แต่อย่าหยุด
เหตุผลของคน ๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่ของคน อีกคนหนึ่ง
ถ้าไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้ได้เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร
หนทางอันยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่อนเสมอ
ปัญหาทุกอย่าง อยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
จะเห็นค่าของความอบอุ่น เมื่อผ่านความเหน็บหนาวมาแล้ว
อันตรายที่สุดคือ การคาดหวัง

เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน
ไม่มีคำว่า บังเอิญ ในเรื่องของความรัก มีแต่คำว่า ตั้งใจ
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป

หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้นเล็กนิดเดียว
ไม่เป็นขุนนางนะ ได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้

มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง

เมื่อวานก็สายเกินแล้วพรุ่งนี้ ก็สายเกินไป

อย่าหวังว่าจะได้รับความรัก จากคนที่คุณรัก

เพราะคนที่คุณรัก ไม่ได้รักคุณ หมดทุกคน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤศจิกายน 2010, 14:20:31
ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า
"ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต
มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก แล้วเอาข้อมูล วัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา"

อาตมาก็ตอบว่า หลักๆ เลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง ละคร ที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ
พอตอบออกไปอย่างนี้ โยมก็สวนกลับทันที "ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน"

อาตมาก็จะอธิบายไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก และที่สำคัญ หากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้า ใจตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลกและ จะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไรซึ่งนอกจากการอ่าน การดูและการฟังแล้ว หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮา ก็ได้มาจากการพูดคุยกับเหล่าโยมๆ นี่แหละ

อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา
" พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองนะคะ"
" หา อะไรนะ"
" พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองค่ะ"
" ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร"
" อ๋อ ขอโทษค่ะ"

หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า
" เจริญพร"
" ค่ะ เจริญพรเช่นกัน"
แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย

ข้างต้นก็คือ สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม จนถือว่าเป็นเรื่อง
ปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่นพอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที

" ถวายสังฆทานค่ะ"

พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู

" ไม่ต้องค่ะ" โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น

" ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ" เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า
" อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ" ( ที่ถูกต้อง จะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ)

พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา

" คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ นะหลวงพี่"

อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า

" คิกขุ แปลว่า น่ารัก สังโฆ แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก"
เท่านั้นแหละ พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย

แต่ก็มีบางกรณี ที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก
อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา
" หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ"
" ไปไหนล่ะโยม"
" ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ"
โห นิมนต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้
แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่ ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม

จากตัวอย่างที่อาตมาเล่าไว้ข้างต้น คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่มันก็สะท้อน
ให้เห็นความห่างเหินระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษเท่านั้น เช่นงานบวช งานศพ ต่างกับสมัยก่อนที่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน ฆราวาสกับพระจึงสนทนากันไหลลื่น ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมาให้พระสุดุ้งแต่อย่างใด ถ้าพูดถึงศัพท์แสงที่แสลงใจแล้ว ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่วันหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆ อยู่ ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา

" แม่ๆ พระมาขอข้าว"
" มาเยอะไหมลูก"
" มา2 อัน"
โห เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ
ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอนเด็กๆ ด้วย

" ถ้าพระกิน เรียกว่า ฉัน"
" พระนอน เรียกว่า จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
" พระป่วย เรียกว่า อาพาธ"
" พระตาย เรียกว่า มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
" แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกว่าอะไรเอ่ย"
คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง
" เรียกคนมาดู"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤศจิกายน 2010, 00:58:10
อากาศเย็นกำลังดีหลังวันหยุดต่อเนื่องแบบนี้ ทำให้การลุกจากเตียงนอนตอนเช้าๆ กลายเป็นกิจกรรมที่ชาวโลกส่วนใหญ่ลงมติว่าทำได้ยากที่สุดไปแล้ว ยังไม่รวมปณิธานปีใหม่ที่เราต่างสัญญากับตัวเองไว้ดิบดี...แค่เพียงเริ่มต้นยังแสนยาก

" ความขี้เกียจ " ร้ายกาจกว่าที่คุณคิด เพราะมันคอยซุ่มโจมตีให้คนล่าฝันอย่างเราๆ ไปไม่ถึงดวงดาวมานักต่อนัก จึงขอส่งเทียบเชิญคุณผู้อ่านมาร่วมกันหักด่านความขี้เกียจไปด้วยกัน

" ความขี้เกียจ " สัญชาตญาณหลงยุคของมนุษย์

" ความขี้เกียจไม่ใช่อะไรเลย นอกจากนิสัยที่ชอบหยุดพักก่อนที่จะรู้สึกเหนื่อย " จูลส์ เรอนาร์ด ( Jules Renard ) กวีชาวฝรั่งเศส

บางทีเหตุผลหนึ่งที่เราเอาชนะความขี้เกียจไม่ค่อยได้ เป็นเพราะเราไม่รู้จักมันดีพอนั่นเอง ทั้งๆ ที่เราได้ยินได้ฟังเรื่องความขี้เกียจมาตั้งแต่เด็กๆ เช่น จากนิทานอีสปเรื่องมดขยันกับตั๊กแตน ขี้เกียจ หรือจากคัมภีร์ไบเบิลที่ระบุว่า ความขี้เกียจ ( Sloth ) คือหนึ่งในบาปเจ็ดประการของมนุษย์

เป็นที่รู้กันดีว่า ความขี้เกียจก่อให้เกิดผลร้ายมหาศาล แต่เรามักจะอภัยให้ " ความขี้เกียจ " อย่างง่ายดายและรวดเร็วเกินไป สงสัยไหมว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้

ดร. นานโด เปลูซี ( Nando Pelusi ) นักจิตวิทยาผู้เขียนบทความเรื่อง "The Lure of Laziness" ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Psychology Today ฉบับกรกฎาคม - สิงหาคม 2007 อธิบายว่า บรรพบุรุษของมนุษย์มีสัญชาตญาณที่จะสงวนพลังงานในร่างกายไว้ให้มากที่สุด เพราะในยุคโบราณ อาหารเป็นสิ่งที่หาได้ยาก อีกทั้งยังมีอันตรายมากมายรออยู่ภายนอก เช่น สัตว์ร้าย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ฯลฯ สัญชาตญาณนี้จึงตกทอดอยู่ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ที่จะไม่ยอมทำอะไรที่ต้องใช้ความทุ่มเทหรือพลังงานสูงๆ ตราบใดที่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่าหรือไม่ พูดอีกอย่างก็คือ เมื่อปัจจัยที่แวดล้อมอยู่รอบตัวไม่ได้สร้างความมั่นใจเพียงพอ เราก็จะเกิดความรู้สึกอยากประวิงเวลาที่จะต้องลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้นานออกไป

เมื่อเทียบกับมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ พวกเขาต้องใช้ชีวิตแบบไม่มีเวลาหยุดคิด เช่น หิวต้องล่าสัตว์ กลัวต้องวิ่งหนี พายุมาต้องหลบทันที ฯลฯ ผิดกับมนุษย์ยุคนี้ที่ต้องเผชิญกับปัจจัยทางสังคมและจิตใจที่ซับซ้อนกว่า และต้องใช้เวลานานกว่าที่จะเห็นผลลัพธ์ของการกระทำ และนี่จึงเป็นคำอธิบายว่า ทำไมบางคนต้องรอให้ถึงเส้นตายก่อนเท่านั้น เขาจึงจะทำงานเสร็จหรือทำได้ดี


ปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้เกิดความขี้เกียจ

ตอนนี้เรารู้แล้วว่าความรู้สึกเฉื่อยชากับเรื่องที่ควรทำ หรือที่เรียกว่า " ความขี้เกียจ " นั้น เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ส่วนปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ที่ทำให้เกิดความขี้เกียจนั้น ได้แก่

1. ความอ่อนเพลีย สมองของคนเราต้องการการพักผ่อนอย่างสม่ำเสมอ โจ โรบินสัน

( Joe Robinson ) ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Work to Live: the Guide to Getting a Life บอกไว้ว่า คนเราจำเป็นต้องตัดขาดจากตัวการสร้างความเครียดเสียบ้าง เพื่อให้จิตใจและร่างกายได้พักผ่อน การทำงานสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมงหมายถึงการเพิ่มความเครียดให้สมองมากขึ้นเป็นสองเท่า และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ นอกจากนี้การลาพักร้อนหรืองีบหลับตอนกลางวันของชาวยุโรปที่ชาวอเมริกันมองว่าเป็นความขี้เกียจนั้น จริงๆ แล้วเป็นเคล็ดลับในการใช้ชีวิตของพวกเขาต่างหาก เพราะจากผลสำรวจพบว่า ชาวยุโรปอย่างน้อยสี่ประเทศใช้เวลาทำงานน้อยกว่าคนอเมริกัน แต่กลับได้งานมากกว่า

โรบินสันยังบอกอีกว่า คนอเมริกันมักมีความเชื่อว่า ต้องมีคนนั่งทำงานตลอดเวลา มิฉะนั้นผลประกอบการจะลดลง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดโดยสิ้นเชิง

2. ความต้องการความสุขสบาย มนุษย์มีสัญชาตญาณรักความสบายอยู่ในตัว อย่างไรก็ดี

หากเรามองหาแต่ความสบายในทุกๆ สถานการณ์ เราก็จะรู้สึกว่าการทำอะไรสักอย่างที่เป็นเรื่องที่สมควรจะทำ (แต่อาจทำให้เกิดความไม่สะดวกเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตของเรา) เช่น การตื่นเช้าขึ้น การจำกัดอาหาร หรือการรับงานที่ยากขึ้น ฯลฯ กลายเป็นเรื่องเหลือวิสัย จนทำให้เราหลีกเลี่ยงไม่ทำสิ่งเหล่านั้น หรือผัดวันประกันพรุ่ง เพียงเพื่อยืดระยะเวลาแห่งความสุขให้ยาวนานออกไป

3. ความกลัวความล้มเหลว ดร. นานโด เปลูซี อธิบายว่า ก่อนที่ใครสักคนจะประสบความสำเร็จได้นั้น เขาต้องทุ่มเทมากกว่าปกติ และมักมองทางเลือกไว้เพียงสองทาง คือ " ทุ่มสุดตัว " หรือ " ไม่ต้องทำอะไรเลย " ซึ่งการตัดสินใจทุ่มสุดตัวโดยไม่มีสิ่งใดรับประกันผลของการทุ่มเท มักทำให้เกิดความกังวลและความเครียดสะสม ส่วนใหญ่แล้ว ความกลัวว่าสิ่งที่ได้รับอาจไม่คุ้มค่าหรือกลัวว่าจะล้มเหลวเป็นฝ่ายชนะ คนเราจึงมักจะเลือกทางที่ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะรู้สึกว่าทำไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น

4. พันธุกรรมและสารเคมีในสมอง ปี 2008 ดร. เจ. ธิโมธี ไลท์ฟุต ( J. Timothy Lightfoot ) นักวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวแห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างยีนกับความกระฉับกระเฉง เพื่อที่จะพัฒนานักกีฬาให้ทำการฝึกซ้อมดีขึ้น ผลการทดลองสรุปว่า การที่คนคนหนึ่งรู้สึกกระฉับกระเฉงหรือเฉื่อยชาขึ้นอยู่กับปัจจัยทางพันธุกรรมด้วย นั่นแสดงว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเลือกได้

5. การขาดแรงจูงใจ คนเรามีเหตุผลมากเกินกว่าจะนับไหว ที่ทำให้รู้สึกหมดไฟไปเสียเฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นเบื่องาน เบื่อนาย เบื่อลูกน้อง เบื่อเพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างๆ ไม่ชอบบรรยากาศในออฟฟิศ รถติด บ้านไกล หรือทำงานไปแล้วไม่เห็นอนาคต ฯลฯ ซึ่งเหตุผลเพียงข้อเดียวจากที่กล่าวมาก็บั่นทอนกำลังใจอย่างยิ่ง และเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความขี้เกียจได้อย่างง่ายดาย


นิวรณ์ 5 ต้นตอของความขี้เกียจ

ในเชิงพุทธศาสนา ต้นเหตุของความขี้เกียจคือนิวรณ์ 5 ซึ่งหมายถึง สิ่งที่ขวางกั้นจิตไม่ให้มีสมาธิ ทำให้ไม่สามารถทำสิ่งใดให้ประสบความสำเร็จได้ อันได้แก่

1. กามฉันทะ คือ ความยินดี พอใจ เพลิดเพลินในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

2. พยาบาท คือ ความโกรธ ความพยาบาท ความไม่พอใจ ความขัดเคืองใจ

3. ถีนมิทธะ แยกได้เป็น ถีนะ คือ ความหดหู่ ท้อถอย และ มิทธะ คือ ความง่วงเหงาหาวนอน

4. อุทธัจกุกกุจจะ แยกได้เป็น อุทธัจจะ คือ ความฟุ้งซ่าน และ กุกกุจจะ คือ ความรำคาญใจ

5. วิจิกิจฉา คือ ความลังเล สงสัย ไม่แน่ใจ


เคล็ดลับในการฝ่าด่านความขี้เกียจ

แม้เราจะมีความขี้เกียจฝังอยู่ในสายเลือด แต่โชคดีที่การเอาชนะความขี้เกียจขึ้นอยู่กับตัวเราเองเป็นสำคัญ ขอแนะนำเคล็ดลับในการเอาชนะความขี้เกียจดังต่อไปนี้

TIP 1 เตรียมกายให้พร้อม

ถ้าคุณรู้สึกว่านอนเท่าไรก็ไม่อิ่ม เหงื่อออกตอนกลางคืน อาหารไม่ย่อย หรือความคิดไม่แล่น ฯลฯ รู้ไว้เถิดว่า เหล่านี้คือสัญญาณที่บ่งบอกถึงความอ่อนเพลียของคุณ จิลล์ โทมัส ( Jill Thomas )

นักธรรมชาติบำบัด ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Revive: How to Overcome Fatigue Naturally แนะนำวิธีง่ายๆ เพื่อสลัดความอ่อนเพลียและฟิตร่างกายให้พร้อมรับมือกับการทำกิจกรรมต่างๆ ไว้ดังนี้

1. ออกกำลังกายตอนเช้า การเดินเร็วๆ เพียง 20-40 นาทีในตอนเช้าจะช่วยป้องกันความอ่อนเพลียได้อย่างมหัศจรรย์

2. เติมพลังด้วยอาหารเช้า ควรรับประทานอาหารเช้าที่มีเส้นใยสูง โปรตีนต่ำ และไม่หวาน เพื่อทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ มิฉะนั้นร่างกายจะอ่อนเพลียและรู้สึกหิวเร็วขึ้น

3.กินผักมากกว่าเนื้อ รับประทานผักผลไม้และธัญพืชให้ได้วันละ 3-5 ขีด เพื่อรักษาค่าความเป็นกรดในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานอย่างสมดุล ไม่เพลียง่ายๆ

4.ดื่มน้ำสะอาด การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียทำงานดีขึ้น คนเราควรดื่มน้ำเปล่าวันละ 1.5-2 ลิตร และควรดื่มน้ำเปล่าสองแก้วตามหลังชาหรือกาแฟหนึ่งถ้วยเสมอ

5.กินไขมันดี กรดไขมันที่จำเป็น ( EFAs ) เช่น โอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ฯลฯ มีความสำคัญมากต่อเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลในสมอง และการสร้างฮอร์โมนที่จำเป็น


TIP 2 บันได 8 ขั้นสู่การเอาชนะใจตนเอง

1. ทำด้วยใจรัก จงเป็นตัวของตัวเองและทำสิ่งที่คุณชอบ จำไว้ว่า การทำสิ่งที่ชอบจะนำมาซึ่งพลังงาน ความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

2.ลงมือทำตามกฎ 15 นาที " การลงมือ " คือยาพิชิตความขี้เกียจที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเบื่อหน่ายแค่ไหน ขอให้คุณลงมือทำสัก 15 นาที จำไว้ว่า ผลงานในช่วง 15 นาทีแรกอาจจะใช้ไม่ได้เลย แต่นี่จะเป็นรากฐานของความสำเร็จ

3.เปิดรับความท้าทาย ลบความคิดที่ว่า " ฉันทำไม่ได้ " ทิ้งไป เพราะความผิดพลาดเป็นครูที่ดีที่สุดของมนุษย์

4.มองภาพเล็กไว้ก่อน การมองภาพใหญ่หรือการคาดหวังเป้าหมายในระยะยาวอาจทำให้เกิดความย่อท้อได้ง่ายๆ ควรที่จะวางแผนเป็นลำดับขั้นหรือแบ่งงานเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อสร้างกำลังใจให้แก่ตนเองจะดีกว่า

5.ติดตามความคืบหน้า การเขียนความก้าวหน้าของคุณลงในสมุดทุกวัน ช่วยให้คุณจดจ่อกับเป้าหมาย และมองเห็นวิธีการที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้ชัดขึ้น

6.ให้คำมั่นสัญญา บอกให้เพื่อนฝูงหรือคนใกล้ตัวรับรู้เกี่ยวกับเป้าหมายของคุณ เพราะการให้คำมั่นสัญญาจะเป็นการผูกมัดตัวเอง อีกทั้งยังทำให้คุณรู้สึกฮึกเหิมและมีกำลังใจมากขึ้นด้วย

7.เป็นผู้ " รอ " ที่ดี เลิกหวังผลแบบทันทีทันใด แล้วหันมาอดทนเพื่อผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต

8.ให้รางวัลตัวเอง ยอมให้ตัวเองได้หยุดพักเมื่อทำงานเล็กๆ สำเร็จ เพื่อสะสมกำลังไว้ต่อสู้ในระยะยาว


TIP 3 เพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานด้วยหลักอิทธิบาท 4

อิทธิบาท 4 คือธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จ เราสามารถนำหลักธรรมแต่ละข้อมาปรับใช้ให้เข้ากับนิสัยของตัวเอง เพื่อช่วยรวบรวมสมาธิและขจัดความขี้เกียจได้

1.ฉันทะ หมายถึง ความรักในงาน รักในจุดมุ่งหมายของงาน มีความพอใจในสิ่งที่มีที่ทำ

2.วิริยะ หมายถึง ความขยันหมั่นเพียร ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ไม่ล้มเลิกก่อนทำสำเร็จ

3.จิตตะ หมายถึง ความมีใจจดจ่อ เอาใจใส่กับการทำงานเสมอ

4.วิมังสา หมายถึง ความสอดส่องในเหตุและผลและเกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) สอนไว้ว่า การทำกิจอันใดให้สำเร็จไม่จำเป็นที่จะต้องเริ่มจากฉันทะหรือความพึงพอใจในงานนั้นก่อนเสมอไป ตัวอย่างเช่น การสร้างสมาธิ เพราะไม่ว่าสมาธิจะเกิดจากหลักธรรมข้อไหน แต่เมื่อสมาธิเกิดขึ้นแล้ว หลักธรรมข้ออื่นๆ จะเกิดขึ้นหนุนเนื่องตามกันมา ฉันใดก็ดี ในกรณีที่คนสองคนทำงานอย่างเดียวกัน คนคนหนึ่งทำงานเก่งกว่า ได้รับความสุขจากการทำงานมากกว่า ในขณะที่อีกคนหนึ่งไม่เก่งเท่า แต่มีความขยันหมั่นขวนขวายอยู่เสมอ วันหนึ่งเขาก็จะเก่ง จะรู้สึกมั่นใจและเกิดความรักความผูกพันกับงานไม่แพ้เพื่อนคนแรก

คนที่รักงานที่ทำจะสนใจเรื่องปลีกย่อยต่างๆ เช่น เงิน หรือของรางวัล ฯลฯ น้อยลง ตรงกันข้าม ถ้าคนไม่รักในงาน แต่หวังผลสำเร็จของงาน ก็จะหาหนทางหลบเลี่ยงเพื่อให้ตัวเองออกแรงน้อยลง หรือทุจริตเพื่อหวังเงิน วัตถุ ตำแหน่ง ฯลฯ ซึ่งตัณหาเหล่านี้คืออีกตัวการที่ทำให้คนเรา ขี้เกียจนั่นเอง


ชีวิตที่สมดุล

การบังคับใจตนเองให้ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์และทำความดีอยู่เสมอต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น จงอย่าปล่อยให้ความสุขสบายเพียงชั่วครั้งชั่วคราวมาลวงให้คุณไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยเด็ดขาด อย่างไรก็ดี อย่าเพิ่งปักใจว่าการก้มหน้าก้มตาเรียนหนังสือ การทำงานตั้งแต่เช้ามืดจนค่ำ หรือหมกมุ่นกับกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะนั่นแปลว่าคุณกำลังละเลยบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญ นอกจากคุณจะถามตัวเองว่า คุณกำลัง " ขี้เกียจ " ทำงานอยู่หรือเปล่า คุณลองหันมาถามตัวเองดูว่า คุณกำลังขี้เกียจจัดสรรเวลาเพื่อพักผ่อน " ขี้เกียจ " แก้ไขจุดบกพร่องเพื่อลดขั้นตอนการทำงานหรือว่าคุณกำลัง " ขี้เกียจ " หยุดพักเพื่อใช้เวลาในการคิดทบทวนสิ่งที่ทำอยู่บ้างหรือเปล่า ฯลฯ

เพราะจริงๆ แล้วชีวิตที่เป็นสุขก็ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่า " ความสมดุล "


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: YAMS ที่ 19 พฤศจิกายน 2010, 01:03:46
มนุษย์ที่มีใจสูงย่อมรู้จักให้อภัยไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย

      อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ทางที่ถูกควรทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ถ้าเป็นเรื่องเล็กอยู่แล้วก็ไม่ควรเอาเรื่องเสียเลย ปล่อยไปเสีย ทำไม่รู้ไม่เห็นเสียบ้าง ไม่บอดทำเป็นเหมือนบอด ไม่ใบ้ทำเหมือนใบ้ ไม่หนวกทำเหมือนหนวกเสียบ้าง จิตใจของเราจะสบายขึ้น

     มี เรื่องแปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่งในหมู่มนุษย์ คือ คนส่วนมากเผชิญกับ เหตุการณ์ใหญ่ๆ อย่างกล้าหาญได้ แต่กลับขาดความอดทนต่อสิ่งเล็กๆ น้อย ๆ ตัวอย่างเช่น ใครมาพูดเสียดสี กระทบกระเทียบเปรียบเปรย เขาทนไม่ได้ แต่กลับทนอยู่ในคุกตารางได้เป็น 20-30 ปี และยินดีรับความทุกข์เหล่านั้นไปตลอดเวลาที่ทางราชการกำหนด แม้จะไม่ยินดี ก็เหมือนยินดี เพราะไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ถ้าเขายินดีรับความทุกข์เพียงเล็กน้อยเสียก่อน คืออดทนต่อคำด่าว่าเสียดสี หรืออาการทำนองที่เขาคิดว่าเป็นการดูถูกดูแคลนเพียงเล็กน้อยเสียก่อน ไหนเลยเขาจะต้องมาทนทุกข์ทรมานอันมากมายยาวนานถึงเพียงนั้น

     การ ให้อภัยเป็นคุณธรรมสำคัญอย่างหนึ่งในมนุษย์ คนส่วนมากเมื่อจะทำทานก็มักนึกถึงวัตถุทานคือการให้วัตถุสิ่งของ ให้ได้มาก เตรียมการมาก ยุ่งมาก เขายินดีทำ แต่ใครมาล่วงเกินอะไรไม่ได้ ไม่มีการให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่น ความจริงเขาควรหัดให้อภัยทานบ้าง แล้วจะเห็นว่า จิตใจสบาย ขึ้นประณีตขึ้น สูงขึ้น เป็นเทวดา ดังสุภาษิตอังกฤษบทหนึ่งว่า � “ To err is human , to forgive diving ” แปลว่า การทำผิดเป็นเรื่องของมนุษย์ ส่วนการให้อภัยเป็นเรื่องของเทวดา ถือเอาความว่ามนุษย์ธรรมดาย่อมมีการทำผิดพลาดบ้าง ส่วน มนุษย์ที่มีใจสูงย่อมรู้จักให้อภัย ไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย หรือแม้ในสายตาของคนอื่นจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับท่านผู้มีใจกรุณา ย่อมเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย

     พระ พุทธเจ้าที่พวกเรานับถือนั้นมีผู้ปองร้ายพระองค์ถึงกับจะเอาชีวิตก็มี เช่น พระเทวทัต และพวกพยายามปลงพระชนม์หลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จเพราะพระองค์ไม่ร้ายตอบ ทรงให้อภัย มีคนใส่ร้ายด้วยเรื่องที่ร้ายแรงทำให้เสียเกียรติยศชื่อเสียงก็มีเช่นพวก เดียรถีย์นิครนถ์ นางจิญจมาณวิกา นางสุนทรี เป็นต้น แต่ก็ไม่ทรงทำตอบ ทรงให้อภัย ในที่สุดคนพวกนั้นก็พ่ายแพ้ไปเอง เหมือนเอาไข่ไปตอกกับหินไข่แตกไปเอง

     พระ เยซู ศาสดาของคริสต์ศาสนาก็ทรงมีชื่อเสียงมากในการให้อภัย ไม่ทรงถือโทษต่อผู้คิดร้ายทำร้ายต่อพระองค์ ให้อภัยผู้ทำความผิด เปิดโอกาสให้กลับตัว

     อีกท่านหนึ่ง คือมหาตมะ คานธี ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเรื่องอหิงสา ความไม่เบียดเบียน การให้อภัยจนถึงอัลเบิร์ต ไอสไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้กล่าวสดุดีท่านผู้นี้ไว้ว่า “ต่อไปภายหน้ามนุษย์จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ทราบ ว่าได้เคยมีคนอย่างนี้ (ท่านมหาตมะ คานธี) เกิดขึ้นแล้วในโลก”� ทั้งนี้เพราะคุณวิเศษในตัวท่านนั้นยากที่คนสามัญจะหยั่งให้ถึงได้

     รวม ความว่า มหาบุรุษที่โลกยกย่องให้เกียรติเคารพบูชานั้น ล้วนเป็นนักให้อภัยทั้งสิ้นไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องใหญ่ก็ทำเป็นเรื่องเล็กเสียท่านเหล่านั้นมุ่งมั่นในอุดมคติ จนไม่มีเวลาจะสนพระทัยหรือสนใจในเรื่องเล็กน้อย แต่ท่านเหล่านี้จะสนใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อันเกี่ยวกับสุขทุกข์ของผู้อื่นเสมอ ส่วนเรื่องร้ายที่คนอื่นกระทำแกท่าน ท่านไม่สนใจ ลองอ่านประวัติของท่านที่เอ่ย พระนามและนามมาแล้วดังกล่าวดูบ้าง จะเห็นว่าท่านน่าเคารพบูชาเพียงใด โลกจึงยอมน้อมเศียรให้แก่ท่าน

     มี เรื่องเล่าว่าในวัดพุทธศาสนานิกายเซ็นวัดหนึ่งมีพระอยู่กันหลายรูป มีพระรูปหนึ่งมีนิสัยทางขโมยได้ขโมยของเพื่อนพระด้วยกันเสมอๆ จนวันหนึ่งพระทั้งหลายพากันขึ้นไปหาเจ้าอาวาสบอกว่า ถ้าพระรูปนี้ยังอยู่วัดนี้ พวกเขาจะไม่อยู่วัดนี้ ขอให้ไล่พระรูปนั้นออกไป ท่านเจ้าอาวาสบอกว่า พวกคุณนั่นแหละควรจะไปได้แล้วทุกรูป ส่วนพระรูปนั้นควรจะต้องอยู่กับฉันก่อน เพราะยังไม่ดี

     นี่ คือเรื่องของผู้มีใจกรุณา คนที่เคยทำความผิดอันยิ่งใหญ่นั้น ถ้ากลับใจได้เมื่อใดก็มักทำความดีอันยิ่งใหญ่เหมือนกัน เพราะสลดใจในเวรกรรมที่ตนเคยสร้างไว้ ดูพระเจ้าอโศกมหาราชและขุนโจรองคุลิมาลเป็นตัวอย่าง พระองค์เสด็จไปโปรดองคุลิมาลให้กลับเป็นคนดี ก็ด้วยพระทัยกรุณานั่นเอง แม้พระเจ้าอโศกมหาราชก็เหมือนกัน ตามพระประวัติว่า ได้อาศัยพระภิกษุในพุทธศาสนารูปหนึ่ง จึงกลับพระทัยมาดำเนินชีวิตทางไม่เบียดเบียน ทรงบำเพ็ญอภัยทานเป็นอันมาก

     ถ้า จะเอาเรื่องกับเด็กรับใช้ที่บ้านภารโรงที่โรงเรียนหรือสำนักงาน ก็ขอให้หยุดคิดสักนิดหนึ่งว่าก็แกแค่นั้น จะเอาอะไรกับแกนักหนา ถ้าแกดีเท่าเราหรือเฉลียวฉลาดปราดเปรื่องอย่างเรา แกจะมาเป็นคนใช้หรือเป็นภารโรงทำไมกัน ก็เพราะความคิดอ่านแกมีอยู่เท่านั้น แกก็ทำอย่างนั้น อย่างที่เรารำคาญๆ อยู่นั่นแหละ คิดได้อย่างนี้ก็ค่อยหายกลุ้มไปหน่อย สุภาษิตที่ว่า “�ความเข้าใจเป็นมูลฐานแห่งการให้อภัย” �นั้น ยังเป็นความจริงอยู่เสมอ เมื่อเข้าใจแล้วก็ให้อภัยเห็นว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นเอง

     พระ สารีบุตรเคยแสดงแก่ภิกษุทั้งหลายว่าในการคบคนนั้น ควรถือเอาเฉพาะส่วนดีของเขาส่วนไม่ดีก็ตัดทิ้งไป บางคนการกระทำทางกายไม่ดี แต่วาจาดี บางคนวาจาหยาบแต่การกระทำทางกายดี บางคนการกระทำทางกายก็หยาบ วาจาก็หยาบ แต่ใจดี ควรถือเอาเฉพาะส่วนที่ดีนั้น ท่านเปรียบว่าเหมือนดึงผ้าออกมาจากดินโคลนเพื่อจะเอาไปปะต่อใช้สอยเห็นส่วน ไหนดีก็ตัดเอาไว้ ส่วนไหนไม่ดีก็ตัดทิ้งไปถ้าทำได้อย่างนี้ก็จะช่วยให้สบายใจได้มาก

     อนึ่ง ควรคิดว่า คนเราเกิดมาด้วยจิตที่ไม่เหมือนกัน คือพื้นฐานของจิตตอนถือปฏิสนธินั้นไม่เหมือนกัน จึงมีอุปนิสัยแตกต่างกันมาตั้งแต่เยาว์ เมื่อกระทบกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอีกก็ทำให้บุคคลแตกต่างกันไปเป็นอัน มาก การอยู่รวมกันของคนหมู่มากผู้มีอุปนิสัยใจคอพื้นฐานทางใจและการอบรมที่แตก ต่างกัน จึงมีปัญหามาก ถ้าเราถือเล็กถือน้อยไม่รู้จักให้อภัย เราก็จะมีทุกข์มาก บางทีก็เกี่ยวกับช่องว่างระหว่างวัย ผู้ใหญ่อยากจะให้เด็กทำ พูดและคิดอย่างตน ส่วนเด็กก็อยากจะให้ผู้ใหญ่ทำ พูด คิด อย่างตนเหมือนกัน ซึ่งโดยทั่วๆ ไปแล้วเป็นไปไม่ได้ ฝ่ายผู้ใหญ่ควรให้อภัยว่าแกเป็นเด็ก ส่วนเด็กก็ควรให้อภัยว่าท่านแก่แล้ว มาเข้าใจกันเสียคือเห็นใจซึ่งกันและกัน เมื่อเป็นดังนี้เรื่องเล็กไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่ ทุกฝ่ายอยู่กันด้วยความเห็นใจเข้าใจ มองกันอย่างเป็นมิตร ไม่เป็นศัตรูต่อกัน *

     นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการผ่อนคลายความทุกข์ในชีวิตประจำวัน

ขอบคุณค่ะ ขอ quote ไว้เตือนใจ ^_^


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤศจิกายน 2010, 17:56:46
ครั้งเมื่อข้าพเจ้ายังอยู่ในวัยเด็ก ได้ยินได้ฟังผู้ใหญ่พูดกันเสมอถึงคำว่า “กรรม” เช่นสมัยก่อนเมื่อทราบว่า คนที่รู้จักชอบพอกันเป็นโรคฝีในท้องหรือวัณโรค ผู้ใหญ่มักจะพูดว่า “กรรมของเขา” หรือพวกลูกหลานไปติดฝิ่นหรือยาเสพติด เช่น กัญชาจนเสียผู้เสียคน ผู้ใหญ่ก็มักจะชอบพูดว่า “กรรมของมัน” ถ้ามีลูกหลานไปทำผิด มีผู้มาบอก ญาติผู้ใหญ่มักจะโวยวายโทษว่า “กรรมแล้วๆ ๆ” และได้ยินเรื่องกรรมเสมอตลอดมาจนชินหู

ทำให้ข้าพเจ้ารู้จักคำว่า “กรรม” เป็นเรื่องที่ชั่วร้ายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เมื่อพูดถึงคำว่า “กรรม” คนส่วนมากมักจะเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นเสนียดจัญไร เป็นของชั่วช้ามีแต่ให้โทษไม่มีอะไรให้คุณ คิดว่าทั้งในอดีตและปัจจุบันนี้มีผู้ที่เข้าใจว่าชั่วร้ายยังมีไม่น้อย เพราะมีอะไรไม่ดีขึ้นก็มักจะโทษกรรม แต่เมื่อข้าพเจ้าได้รู้ได้เห็นได้ยินได้ฟัง และได้พิจารณาหาเหตุผล มีความรู้สึกคำว่า “กรรม” นั้นเป็นคำกลางๆ เพราะหมายถึง กระทำหรือทำ ไม่ใช่เป็นคำชั่วร้ายอย่างที่เข้าใจ

นอกจากจะมีคำนำหน้าหรือพ่วงหลัง เช่น ผู้สร้างความดี มีจิตใจเมตตาปรานี ทำบุญให้ทาน ปฏิบัติตนอยู่ในศีล ๕ ก็เรียกว่า “กุศลกรรม” หมายถึง ผู้สร้างความดีเป็นบารมี หากผู้สร้างความชั่ว เช่น ฆ่าสัตว์หรือฆ่าตัวเองก็ดี หรือเป็นโจรผู้ร้ายลักขโมยหรือชอบเป็นชู้กับเมียของผู้คนที่เจ้าของหวงเจ้าของรัก หรือพูดจาส่อเสียดยุยงในเรื่องไม่เป็นความจริง ให้คนแตกสามัคคีเกิดเสียหาย หรือเมาสุราอาละวาดก่อกวนให้สังคมเดือดร้อน สิ่งเหล่านี้ผิดในศีลห้าข้อ เป็นการผิดในศีลธรรมก็เรียกว่า “อกุศลกรรม”

ฉะนั้นเราได้พิจารณาคำว่า กรรม ก็หมายถึง เพียงการกระทำหรือทำ หากเราทำความดีก็เรียกว่า “กรรมดี” หากเราทำความชั่วก็เรียกได้ว่า “กรรมชั่ว” เพียงตัวอย่างนี้ก็จะเห็นได้ว่า คำว่ากรรมนั้นมีความหมายว่าทำหรือกระทำ เป็นคำกลางเมื่อผสมกับความดีหรือความชั่วได้ทั้งสองอย่าง ไม่ได้หมายถึงความชั่วดังที่ข้าพเจ้าเคยนึกคิดแต่เดิม

เมื่อได้คิดพิจารณาให้ลึกซึ้งลงไปอีก ก็คิดว่าคำว่ากรรมนั้นจะมาใช้แทนคำว่า ”ทำ” หรือ “กระทำ” ก็ไม่ได้ เพราะคำว่ากรรมนั้นเป็นการกระทำที่หนัก คล้ายกับว่ากรรมนั้นเป็นคำที่ผู้ใดได้สร้างกรรมดีหรือกรรมชั่วขึ้นแล้ว ผลก็จะตามสนองไม่ช้าก็เร็วไม่มีใครหนีพ้น ฉะนั้นกรรมนี้จึงใช้แต่บางกรณีเท่านั้น เป็นความรู้สึกในเรื่องกรรมเช่นนี้จะผิดหรือถูกนั้น

ข้าพเจ้าขออภัยด้วย หากว่าไม่ตรงกับความรู้สึกของท่านผู้ใด ในเรื่องกรรมดีกรรมชั่วข้าพเจ้าได้ประสบด้วยตนเองมาแล้ว และประสบกับผู้อื่นที่เชื่อถือได้ ทั้งได้เคยเขียนและยังไม่เคยเขียน ข้าพเจ้าจึงขอรวมทั้งกรรมดีและกรรมชั่วไว้ในที่นี้ เพื่อท่านจะได้ใช้ปัญญาพิจารณาดูเรื่องที่เกิดขึ้นในยุคนี้แล้ว

บ่ายวันหนึ่ง ข้าพเจ้านั่งเขียนหนังสือเพลินอยู่ในที่ทำงาน บังเอิญยังไม่กลับบ้าน ตามปกติข้าพเจ้ากลับบ้านตอนบ่าย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นท่านผู้หนึ่งเดินเข้ามาในที่ทำงาน และเดินตรงมาหาข้าพเจ้า เมื่อเห็นหน้าคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยรู้จักกันมาก่อน เมื่อข้าพเจ้าได้เชิญให้นั่งเรียบร้อย ท่านผู้นั้นเห็นข้าพเจ้างงๆ อยู่ก็ถามขึ้นว่า “จำผมได้ไหม”

ข้าพเจ้าก็ตอบอ้อมแอ้มไปว่า “จำได้แต่นึกชื่อไม่ออก” ท่านผู้นั้นหัวเราะแล้วพูดว่า “ผมชื่อ......... ไงล่ะจำได้ไหม” ข้าพเจ้าก็ตะลึงขึ้นมาทันทีแล้วพูดออกมาลอยๆ ว่า “คุณ......... จริงหรือ” ข้าพเจ้าพูดขึ้นด้วยไม่แน่ใจ เพราะชื่อนี้กับข้าพเจ้าคุ้นเคยกันมาแต่เด็กๆ และเราเคยร่วมเรียนโรงเรียนเดียวกันมา

ครั้งหลังท่านผู้นี้นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล ข้าพเจ้าไปเยี่ยมหลายครั้ง เห็นมีอาการหอบรูปร่างผอมแก้มตอบ อาหารกินไม่ได้ต้องให้น้ำเกลือ ต่อมาครั้งหลังเห็นมีอาการหนักหอบถี่ต้องใช้ออกซิเจนช่วยหายใจ ข้าพเจ้าเห็นแล้วก็เศร้าใจ หมอเห็นว่าถ้าปล่อยให้คนมาเยี่ยมไข้กันมากคนนั้น ย่อมจะทำให้คนไข้ขาดการพักผ่อน อาการอาจทรุดหนักลงได้เพราะต้องพูดต้องตอบคำถาม

ทั้งที่ร่างการอ่อนเพลียต้องการพักผ่อน คนเยี่ยมส่วนมากไม่ได้นึกถึงข้อนี้ เมื่อทราบว่าหมอห้ามเยี่ยมก็คิดว่าอาการไม่น้อย เมื่อข้าพเจ้าไปเยี่ยมเห็นอาการครั้งหลังก่อนหมอห้ามเยี่ยม ก็เห็นอาการหนักอย่างน่าเศร้าใจ แม้ข้าพเจ้าไม่ได้ไปเยี่ยม แต่จิตใจก็ระลึกถึงภาวนาอยากให้หายเพราะเพื่อนรุ่นเก่าๆ นับวันจะน้อยลง

บัดนี้ มีท่านผู้หนึ่งมีสภาพที่ปกติแข็งแรงไม่ผอมแห้ง ตรงข้ามกับเพื่อนที่ข้าพเจ้าเคยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลครั้งหลัง ซึ่งยังเข้าใจว่านอนป่วยอยู่โรงพยาบาล ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงงง เพราะไม่ได้นึกฝันว่าจะได้พบจึงคิดข้ามเลยไปไม่ได้ แต่เมื่อได้ทราบว่าท่านได้หายป่วยปกติแล้ว ก็มีความปิติยินดี

เมื่อเข้าใจกันดีแล้ว ท่านผู้นั้นก็หัวเราะและพูดว่า ผมอยากจะมาเล่าเหตุการณ์ที่ผมหายป่วยเป็นเรื่องพิสดารให้คุณฟัง ตอนอยู่โรงพยาบาลเมื่อคุณไปเยี่ยมนั่น เป็นเวลาผมอาการหนักมาก มีแต่ทรงกับทรุด ผมต้องนั่งหลังโก่ง อ้าปากหอบ จะนอนก็นอนไม่ได้แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ต้องนั่งทรมานเอามือ ๒ ข้างกดยันถ่างไว้ข้างหน้า นั่งหลังงอเป็นกุ้ง หอบฮักๆ ผงกหัวขึ้นลง ขณะที่หายใจเข้าออกน้ำมูกน้ำลายไหลออกทางปากทางจมูก เหนื่อยแทบขาดใจ ทำให้ผมนึกถึงตัวว่าบาปกรรมอันใดที่ผมได้ทำไว้ ถึงต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสาหัสเช่นนี้ ผมไม่เคยสร้างกรรมชั่วเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤศจิกายน 2010, 01:33:07
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่ง ที่เชื่อเรื่องนรก แต่เคยพลาดก่อบาปหนักไปแล้ว พอได้ยินใครพูดถึงนรกทีไร คงหนาวๆร้อนๆ หรือเย็นวาบที่สันหลังเหมือนมีชนักปักอยู่ทุกที และนั่นอาจเป็นเหตุหนึ่งให้ไม่อยากเชื่อ ไม่อยากฟังเรื่องนรกสวรรค์เอาเลย



ก่อนอื่นถ้าไม่มีอภิญญา ไม่เคยเห็นนรกด้วยจิต ก็ขอให้ปลอบตัวเองว่าคุณแค่กลัวความคิดมากของตน ไม่ใช่กำลังกลัวนรกของจริง

มองไปรอบๆตัวดีกว่า ถ้านรกมีจริง เผลอๆตอนนี้อาจโหรงเหรง เพราะวิญญาณที่ควรอยู่แถวๆนั้นมาอยู่แถวๆนี้กันหมด!


หากกลัวนรก วิธีที่ดีที่สุดคือให้เตรียมใจลงนรก คนที่เตรียมพร้อมจะลงนรก มักไม่ต้องลงนรกกัน ส่วนคนที่มั่นใจว่าฉันขึ้นสวรรค์แน่ นั่นแหละมักพลาดลงนรกมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว



นั่นเพราะอะไร? เพราะเมื่อทะนงว่าฉันทำบุญมาก ต้องได้ขึ้นสวรรค์แน่ ก็มักประมาท เลิกสำรวจตัวเอง และไม่ยับยั้งชั่งใจในการคิดฟุ้งซ่าน ในการพูดทิ่มแทงใจคนอื่น หรือกระทั่งในการลงมือทำร้ายใครๆ


แต่เมื่อระลึกอยู่ว่าฉันทำบาปไว้ไม่น้อย มีสิทธิ์ลงนรกถ้าขาดใจตายเดี๋ยวนี้ ก็มักสังวรระวัง จะคิด จะพูด หรือจะทำอะไรร้ายกาจ ก็มักยั้งๆ เหมือนคนรู้ว่าถ่านร้อน เมื่อนึกสนุกอยากสัมผัสก็ย่อมยั้งมือ ไม่จับเต็มกำ


สรุปเบื้องต้นคือความประมาทมักอยู่กับคนเชื่อมั่นเกินเหตุว่าข้าคือเทวดา มีที่หมายเป็นสวรรค์ ส่วนความสังวรระวังมักอยู่กับคนที่รู้ตัวว่าก่อบาปก่อกรรมมาไม่น้อย อยากกลับตัวกลับใจหนีนรกกัน


เพื่อสำรวจให้รู้ว่าคุณเป็นพวกมีสิทธิ์ลงหรือไม่ต้องลงนรก มีวิธีง่ายๆ คือถามตัวเองว่าในเวลาส่วนใหญ่ คุณสบายใจหรือไม่สบายใจ สภาพทางใจนั่นแหละ กำลังฟ้องอยู่อย่างโจ่งแจ้งว่าสภาพที่เหมาะสมกับใจควรเป็นอย่างไร โดยเฉพาะหลังจากไร้กายหยาบนี้ให้อาศัยอีกต่อไป


ความสบายใจคืออะไร? คือเย็น คือโล่ง คือเบา... ส่วนความไม่สบายใจคืออะไร? คือร้อน คือทึบ คือหนัก...


โลกนี้เหมือนป่าที่ไฟกำลังลามไล่สัตว์ทั้งหลาย เมื่อไม่ฝึกหนีไฟ ไฟย่อมถึงตัวและคลอกคุณมอดไหม้ได้ทั้งหมด


ถึงแม้จะเห็นตนเองเป็นคนดี ทำบุญไว้มาก และไม่คิดเบียดเบียนใครก่อน แต่ถ้าไม่ฝึกหนีไฟแล้ว ไฟโกรธจะเป็นบทลงโทษขั้นต้น ไฟแค้นจะเป็นบทลงโทษขั้นกลาง ไฟนรกจะเป็นบทลงโทษขั้นสุดท้าย และสิ่งที่ถูกเผาผลาญก็ไม่ใช่อะไรอื่น คือจิตวิญญาณของคุณเอง!


เมื่อจิตวิญญาณถูกไฟโทสะเผาผลาญอยู่ คำว่า "ไม่สบายใจ" คงนับว่าน้อยไป


หนักกว่านั้น ถ้าเลือกจะยืนอยู่ข้างคนเลว ก่อบาปทั้งรู้ ระราน มุ่งประทุษร้ายหมายขวัญใครต่อใคร จนจิตใจด้านชา ปราศจากความละอาย ก็เปรียบได้กับนักสะสมของเหม็น เพราะความชั่วเปรียบเหมือนของเหม็น และ กลิ่นเหม็นแห่งบาปนั้น ก็น่าขยะแขยงกว่ากลิ่นเหม็นจากรักแร้ที่สะสมแบคทีเรียไว้เป็นไหนๆ เนื่องจาก กลิ่นเหม็นแห่งบาปจะเป็นชนวนให้เกิดความไม่ยอมรับตนเอง รังเกียจตนเอง ตลอดจนเกลียดกลัวตนเองได้ตลอดเวลา ล้างด้วยสบู่ไหนๆก็ไม่ออก


เมื่อทราบว่าประตูนรกใหญ่ๆมีอยู่สองบาน บานหนึ่งคือประตูแห่งความร้อนใจที่ให้อภัยใครต่อใครไม่ได้ กับอีกบานคือประตูแห่งความเหม็นที่ต้องเป็นนักทำร้ายชาวโลก แค่นี้ก็เท่ากับคุณเห็นทางหนีนรกได้ไกลๆแล้ว


หลังจากเย็นใจที่อภัยได้ และโล่งใจไม่ต้องทำร้ายใคร นานเข้าคุณจะสบายใจ ไม่นึกกลัวนรก แม้บาปเก่ายังคอยหลอกหลอนอยู่ ก็ทำให้ทรมานใจได้เพียงเล็กน้อย เปรียบความรู้สึกเหมือนเตรียมพร้อมจะลงไปใช้กรรมครู่เดียวในนรกขุมตื้นๆ เดี๋ยวก็ได้ขึ้นมา ในเมื่อสะสมความเย็น ความโล่งไว้มากกว่า


และเมื่อได้ความสบายใจเป็นเกณฑ์วัดความห่างนรก คุณก็จะเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงจิต ว่าการบำเพ็ญตบะให้มาก ตั้งมั่นในทาน ตั้งมั่นในศีล และตั้งมั่นในศรัทธาบนทางนิพพานนั่นเอง คือของจริงที่จะช่วยให้ไม่ต้องกลัวนรกอย่างถาวรครับ เพราะความตั้งมั่นในกรรมอันสว่างขาวเหล่านั้นเอง คือตัวบันดาลให้เกิดความสบายใจหายห่วงไปจนชั่วชีวิต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: aseptic ที่ 21 พฤศจิกายน 2010, 01:40:30
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่ง ที่เชื่อเรื่องนรก แต่เคยพลาดก่อบาปหนักไปแล้ว พอได้ยินใครพูดถึงนรกทีไร คงหนาวๆร้อนๆ หรือเย็นวาบที่สันหลังเหมือนมีชนักปักอยู่ทุกที และนั่นอาจเป็นเหตุหนึ่งให้ไม่อยากเชื่อ ไม่อยากฟังเรื่องนรกสวรรค์เอาเลย



ก่อนอื่นถ้าไม่มีอภิญญา ไม่เคยเห็นนรกด้วยจิต ก็ขอให้ปลอบตัวเองว่าคุณแค่กลัวความคิดมากของตน ไม่ใช่กำลังกลัวนรกของจริง

มองไปรอบๆตัวดีกว่า ถ้านรกมีจริง เผลอๆตอนนี้อาจโหรงเหรง เพราะวิญญาณที่ควรอยู่แถวๆนั้นมาอยู่แถวๆนี้กันหมด!


หากกลัวนรก วิธีที่ดีที่สุดคือให้เตรียมใจลงนรก คนที่เตรียมพร้อมจะลงนรก มักไม่ต้องลงนรกกัน ส่วนคนที่มั่นใจว่าฉันขึ้นสวรรค์แน่ นั่นแหละมักพลาดลงนรกมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว



นั่นเพราะอะไร? เพราะเมื่อทะนงว่าฉันทำบุญมาก ต้องได้ขึ้นสวรรค์แน่ ก็มักประมาท เลิกสำรวจตัวเอง และไม่ยับยั้งชั่งใจในการคิดฟุ้งซ่าน ในการพูดทิ่มแทงใจคนอื่น หรือกระทั่งในการลงมือทำร้ายใครๆ


แต่เมื่อระลึกอยู่ว่าฉันทำบาปไว้ไม่น้อย มีสิทธิ์ลงนรกถ้าขาดใจตายเดี๋ยวนี้ ก็มักสังวรระวัง จะคิด จะพูด หรือจะทำอะไรร้ายกาจ ก็มักยั้งๆ เหมือนคนรู้ว่าถ่านร้อน เมื่อนึกสนุกอยากสัมผัสก็ย่อมยั้งมือ ไม่จับเต็มกำ


สรุปเบื้องต้นคือความประมาทมักอยู่กับคนเชื่อมั่นเกินเหตุว่าข้าคือเทวดา มีที่หมายเป็นสวรรค์ ส่วนความสังวรระวังมักอยู่กับคนที่รู้ตัวว่าก่อบาปก่อกรรมมาไม่น้อย อยากกลับตัวกลับใจหนีนรกกัน


เพื่อสำรวจให้รู้ว่าคุณเป็นพวกมีสิทธิ์ลงหรือไม่ต้องลงนรก มีวิธีง่ายๆ คือถามตัวเองว่าในเวลาส่วนใหญ่ คุณสบายใจหรือไม่สบายใจ สภาพทางใจนั่นแหละ กำลังฟ้องอยู่อย่างโจ่งแจ้งว่าสภาพที่เหมาะสมกับใจควรเป็นอย่างไร โดยเฉพาะหลังจากไร้กายหยาบนี้ให้อาศัยอีกต่อไป


ความสบายใจคืออะไร? คือเย็น คือโล่ง คือเบา... ส่วนความไม่สบายใจคืออะไร? คือร้อน คือทึบ คือหนัก...


โลกนี้เหมือนป่าที่ไฟกำลังลามไล่สัตว์ทั้งหลาย เมื่อไม่ฝึกหนีไฟ ไฟย่อมถึงตัวและคลอกคุณมอดไหม้ได้ทั้งหมด


ถึงแม้จะเห็นตนเองเป็นคนดี ทำบุญไว้มาก และไม่คิดเบียดเบียนใครก่อน แต่ถ้าไม่ฝึกหนีไฟแล้ว ไฟโกรธจะเป็นบทลงโทษขั้นต้น ไฟแค้นจะเป็นบทลงโทษขั้นกลาง ไฟนรกจะเป็นบทลงโทษขั้นสุดท้าย และสิ่งที่ถูกเผาผลาญก็ไม่ใช่อะไรอื่น คือจิตวิญญาณของคุณเอง!


เมื่อจิตวิญญาณถูกไฟโทสะเผาผลาญอยู่ คำว่า "ไม่สบายใจ" คงนับว่าน้อยไป


หนักกว่านั้น ถ้าเลือกจะยืนอยู่ข้างคนเลว ก่อบาปทั้งรู้ ระราน มุ่งประทุษร้ายหมายขวัญใครต่อใคร จนจิตใจด้านชา ปราศจากความละอาย ก็เปรียบได้กับนักสะสมของเหม็น เพราะความชั่วเปรียบเหมือนของเหม็น และ กลิ่นเหม็นแห่งบาปนั้น ก็น่าขยะแขยงกว่ากลิ่นเหม็นจากรักแร้ที่สะสมแบคทีเรียไว้เป็นไหนๆ เนื่องจาก กลิ่นเหม็นแห่งบาปจะเป็นชนวนให้เกิดความไม่ยอมรับตนเอง รังเกียจตนเอง ตลอดจนเกลียดกลัวตนเองได้ตลอดเวลา ล้างด้วยสบู่ไหนๆก็ไม่ออก


เมื่อทราบว่าประตูนรกใหญ่ๆมีอยู่สองบาน บานหนึ่งคือประตูแห่งความร้อนใจที่ให้อภัยใครต่อใครไม่ได้ กับอีกบานคือประตูแห่งความเหม็นที่ต้องเป็นนักทำร้ายชาวโลก แค่นี้ก็เท่ากับคุณเห็นทางหนีนรกได้ไกลๆแล้ว


หลังจากเย็นใจที่อภัยได้ และโล่งใจไม่ต้องทำร้ายใคร นานเข้าคุณจะสบายใจ ไม่นึกกลัวนรก แม้บาปเก่ายังคอยหลอกหลอนอยู่ ก็ทำให้ทรมานใจได้เพียงเล็กน้อย เปรียบความรู้สึกเหมือนเตรียมพร้อมจะลงไปใช้กรรมครู่เดียวในนรกขุมตื้นๆ เดี๋ยวก็ได้ขึ้นมา ในเมื่อสะสมความเย็น ความโล่งไว้มากกว่า


และเมื่อได้ความสบายใจเป็นเกณฑ์วัดความห่างนรก คุณก็จะเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงจิต ว่าการบำเพ็ญตบะให้มาก ตั้งมั่นในทาน ตั้งมั่นในศีล และตั้งมั่นในศรัทธาบนทางนิพพานนั่นเอง คือของจริงที่จะช่วยให้ไม่ต้องกลัวนรกอย่างถาวรครับ เพราะความตั้งมั่นในกรรมอันสว่างขาวเหล่านั้นเอง คือตัวบันดาลให้เกิดความสบายใจหายห่วงไปจนชั่วชีวิต


 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 00:30:01
พุทธธรรมคือสิ่งๆ หนึ่ง ที่จะทำให้คนธรรมดากลายเป็นพุทธะ
คือผู้ตรัสรู้ ผู้เบิกบาน, เป็นสิ่งธรรมดาอย่างหนึ่ง ซึ่งมีอยู่เบื้องหลังของชีวิต,
รุ่งเรืองสว่างไสวอยู่เสมอ ไม่รู้จักดับ ทรงตัวเองอยู่ได้ตลอดกาลและพร้อม
อยู่เสมอที่จะสัมผัสกับใจ ถ้าหากลอกเอาเครื่องหุ้มห่อจิตออกเสียได้เมื่อใด
ก็จะพบสิ่งๆ นั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ให้แต่ความสงบ เยือกเย็น ความสะอาด และ
ความแจ่มแจ้ง ในปัญหาของชีวิตทุกอย่าง. สิ่งๆ นี้เป็นสัจธรรมอันเดียว
ที่สูงยิ่งกว่าสัจธรรมทั้งหลาย. ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่พบสัจธรรมนี้
ความปลอดภัยที่แท้จริงของชีวิต ยังมีไม่ได้.
             สาเหตุที่คนส่วนมากไม่สนใจในเรื่องนี้ เป็นเพราะไปเข้าใจเสียว่า
เรื่องพุทธธรรมไม่เกี่ยวกับคนเรา หรือเห็นไปเสียว่า ไม่จำเป็นต้องรู้ก็อาจหาความสุขได้ บางคน
เห็นว่า ถ้าสนใจกับเรื่องนี้แล้ว จะต้องทำตัวเป็นฤาษีชีไพร ต้องทำตัวให้เหินห่างจากความสนุก
เพลิดเพลินในโลกทุกอย่าง และบางคนถึงกับเห็นไปว่า เรื่องพุทธธรรมนั้นวิเศษจริง แต่ก็ยาก
ที่คนอย่างเราจะเข้าใจได้. อันที่จริง ความเข้าใจเช่นนั้น เป็นการหลอกตัวเองให้เข้าใจผิดทั้งสิ้น.
              ข้อที่เข้าใจว่า พุทธธรรมไม่จำเป็นต้องรู้ ก็อาจหาความสุขได้นั้น ก็เป็นความจริง, แต่
ท่านคงไม่เคยรู้สึกว่า ความสุขที่เราแสวงหาและมีๆ กันอยู่นั้น เป็นของหลอกลวงเกือบทั้งสิ้น และ
มักมีพิษในภายหลังเสมอ. ถ้าได้สัมผัสกับพุทธธรรมเสียบ้าง พิษที่เกิดจากความสนุกนั้นจะลด
น้อยลง และสามารถแสวงหาความสุขที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไป.
             ข้อที่ว่า ถ้าคนสนใจกับเรื่องนี้ จะต้องออกไปเป็นฤาษีชีไพร เข้าไปแตะต้องกับความสุข
ในทางโลกไม่ได้เลยนั้น ข้อนี้ก็เป็นความเข้าใจผิดถนัด. พุทธศาสนาไม่มีการบังคับให้เชื่อ หรือ
บังคับให้ทำตาม. ท่านจะเป็นฤาษีหรือไม่ สุดแล้วแต่ความพอใจ. และก็ไม่ใช่เป็นกฎตายตัวว่า
ต้องเป็นฤาษีหรือนักบวชเท่านั้น จึงจะเข้าใจพุทธธรรมได้. เรื่องนี้ท่านผู้แสดงได้ชี้แจงไว้
ดีที่สุดแล้ว ในปาฐกถาของท่าน.
              ข้อที่ว่า คนธรรมดาไม่ใช่นักบวชหรือนักปราชญ์เข้าใจเรื่องนี้ไม่ได้นั้น ก็ยังขัดต่อ
ความจริง ในครั้งพุทธกาล ปรากฏว่าคนอายุ ๗ ขวบทั้งหญิงทั้งชาย หรือฆราวาสผู้ครองเรือน
เข้าใจเรื่องนี้ได้ ก็มีอยู่ ข้อที่ว่าเราเห็นว่ายากนั้น อาจเป็นเพราะเราไม่สนใจอย่างแท้จริง หรือ
เพราะอ่านหนังสือที่ทำอย่างไรเสียก็ไม่อาจเข้าใจได้ ก็ได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: yun112 ที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 02:09:35
ขอบคุณครับ  :wanwan031:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: asemm ที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 02:11:56
สาธุครับ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: poom ที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 04:46:01
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 17:47:20
ต้องทำตนให้เป็นที่พึ่งของตน  ก่อนจะหวังพึ่งผู้อื่น
ผู้ที่มีความดี เพียงพอจะเป็นที่พึ่งของตนเองได้  ย่อมสามารถมีผู้อื่นเป็นที่พึ่งได้  ผู้ไม่มีผู้อื่นเป็นที่พึ่ง  คือผู้ที่ไม่ได้มีความดีเพียงพอที่ผู้อื่นจะแลเห็นความดีนั้น  ไม่แลเห็นความสมควรที่จะพึงให้ความช่วยเหลือ
เมื่อผู้ไม่มีความดีเพียงพอ นั้น  ได้รับความเดือดร้อนด้วยเรื่องใดก็ย่อมไม่มีผู้ยินดีช่วยเหลือ  ถ้าอย่างหนักแม้ถึงตาย  ก็ย่อมขาดผู้ยื่นมือเข้าช่วย  เปรียบดังตกน้ำก็ไหล ตกไฟก็ไหม้  หมายความว่า เมื่อมีอันตรายก็ไม่มีผู้ช่วย  ดังนั้นจึงต้องทำตนให้เป็นที่พึ่งของตน  ก่อนที่จะหวังพึ่งผู้อื่น  ไม่ว่าในเรื่องใดทั้งสิ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤศจิกายน 2010, 03:06:57
คนดีเป็นผู้ที่ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
คนดีนั้นท่านกล่าวว่า  เป็นผู้ที่ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้  นี่มิใช่เรื่องอภินิหาร  ถ้อยคำที่ฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องของอภินิหารนั้น ความจริงมีความหมายธรรมดา  แต่ความหมายนั้นแอบแฝงอยู่เบื้องหลังเท่านั้น
ผู้ที่ตกน้ำไม่ไหล คือน้ำไม่พัดพาไปถึงให้ได้รับอันตราย  ก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำหยุดไหล  แต่ความหายว่ามีผู้ช่วยนำขึ้นให้พ้นน้ำได้
ผู้ ที่ตกไฟไม่ไหม้  ก็ไม่ได้หมายความว่า  ไฟไม่ไหม้เนื้อหนังร่างกายจริงๆ แต่หมายความว่ามีผู้ช่วยให้พ้นจากไฟ หรือช่วยดับไฟให้  ตนจึงพ้นจากภัยอันเกิดจากไฟนั้น
ความหมายที่แท้จริงของตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้  ก็คือถึงคราวตกทุกข์ได้ยาก  มีอันตราย  ก็จะมีผู้ช่วย  หรือมีเหตุการณ์มาทำให้สวัสดีได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤศจิกายน 2010, 02:57:13
ตนแลเป็นที่พึ่งของตน  คือทำตนให้เป็นคนดี
ผู้ที่จะยอมเป็นที่พึ่งของผู้ ใดผู้หนึ่ง  คือจะให้ผู้ใดพึ่ง  จะต้องเห็น สมควร นั่นก็คือจะต้องว่าผู้ที่ตนจะให้พึ่ง  ให้ความช่วยเหลือนั้น มีความเหมาะสมที่จะได้รับความช่วยเหลือในเรื่องใดหรือไม่  ถ้าไม่เห็นความสมควรก็คงจะไม่ช่วย  นี้คือที่พุทธศาสนาสุภาษิตนี้  จึงตั้งใจทำตนให้เป็นที่พึ่งของตนคือทำตนให้เป็นคนดีนั่นแหละเป็นประการ สำคัญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤศจิกายน 2010, 15:50:21
ทุกคนต้องมีที่พึ่ง การมีคนดีเป็นมิตร  จึงจำเป็นอย่างยิ่ง
คนดีหรือไม่ ดี มีความเหมือนกันอยู่ประการหนึ่ง  คือชอบคนอื่นที่ดี จึงชอบจะเลี้ยงดูบุตรหลานให้เป็นคนดี  ให้คบคนดี  มีสังคมที่ดี  และตนเองก็ภูมิใจที่จะมีคนดีเป็นมิตรสหาย  ภูมิใจที่จะได้อยู่ในสังคมคนดี โดยที่จะลืมความจริงที่สำคัญไปคือ  คนดีนั้นย่อมไม่ปรารถนาจะมีคนไม่ดีอยู่ร่วม  คนดีย่อมหลีกเลี่ยงคนไม่ดีเพราะคนดีย่อมรู้ว่า คนไม่ดี ย่อมนำให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อนวุ่นวายต่างๆนานา
ดังนั้น  แม้ปรารถนาจะมีสังคมที่ดี  จึงต้องอบรมตนเองให้เป็นคนดี ให้กิเลสอยู่ใกล้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ คนไม่ดีเป็นคนให้ความทุกข์ความร้อน  คนไม่ดีจึงเป็นที่พึ่งของใครไม่ได้  คนดีเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งได้  ทุกคนจำเป็นต้องมีที่พึ่งในเรื่องนั้นบ้าง  เรื่องนี้บ้าง  การมีคนดีเป็นมิตร  จึงจำเป็นอย่างยิ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤศจิกายน 2010, 00:26:45
ความทุกข์ความร้อน  ตั้งต้นที่ใจของตนเอง
การจะทำความทุกข์ความร้อนให้ บรรเทาเบาบาง  ห่างจากโลกไป  จึงอยู่ที่ต้องทำใจตนเองของแต่ละคน  ให้มีกิเลสเข้าครอบคลุมน้อยที่สุด  บางเบาที่สุด
ผู้ที่มีกิเลสครอบคลุม ใจมาก  ก่อความร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่นมาก  เป็นที่เข้าใจกันว่า  ผู้นั้นเป็นคนไม่ดี  แม้ตัวเองจะคิดว่าตนเป็นคนดี  แต่ความจริงหาเป็นคนดีไม่
คนมีกิเลสห่อหุ้มใจมาก  จะเป็นคนดีไม่ได้  พึงสึกนึกในความจริงข้อนี้  และรู้จักตนเองให้ถูกต้อง  เพื่อจะได้ปรับปรุงตนเองให้เป็นคนดีให้ได้
ไม่มีใครชอบคนไม่ดี  ไม่มีใครปรารถนาจะเป็นคนไม่ดี  เพียงแต่ไม่ทุกคนที่มีความเห็นชอบ  จึงไม่ทุกคนที่นะรู้ตัวว่าตนเป็นคนไม่ดี  ทั้งๆ ที่ก่อความเดือดร้อนให้แก่โลกอยู่ ด้วยถูกกิเลสครอบงำชักจูงไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤศจิกายน 2010, 18:08:57
จิตที่ปกคลุมอยู่ด้วยกิเลสย่อมเป็นเหตุแห่งความเดือนร้อน
จิตที่ความใส สะอาดบริสุทธิ์ประภัสสร  ไม่อาจปรากฏได้เลย คือจิตของผู้ที่ยังเกลือใกล้กับกิเลสมากหลาย  กิเลสยังปกคลุมหุ้มห่อจิตอยู่แน่นหนามาก  มากทั้งโลภะ  มากทั้งโทสะ  มากทั้งโมหะ
ผู้มีจิตเช่นนี้  ย่อมเป็นเหตุแห่งความเดือดร้อนนานาประการ ทั้งแก่ตนเองและแก่ผู้อื่น  รวมเรียกได้ว่าแก่โลก  จิตเช่นนั้นจึงเป็นที่รังเกียจ
“โลก” มิไดมีความหมายเพียงดาวดวงหนึ่งในจักรวาล แต่โลก หมายถึงทุกคนสัตว์ คือหมายถึงเรา  หมายถึงเขานั่นเอง  เราเดือดร้อน  เขาเดือดร้อน  นั่นก็กล่าวได้ว่าโลกเดือดร้อน จึงอย่าแยกเรา  แยกเขา  พึงถือเป็นโลกด้วยกัน
กิเลสเป็นเครื่องเศร้าหมอง  ความเศร้าหมองไม่ทำให้ผู้ใดมีความสุข  ทำให้มีความทุกข์ความร้อนเท่านั้น  ที่ความร้อนยังมีอยู่ทั่วโลกทุกวันนี้  ก็เพราะคนยังยอมให้กิเลสครอบงำจิตใจอยู่อย่างหนาแน่น
ความทุกข์ความร้อน ที่เกิดแก่โลกให้รู้ให้เห็นประจักษ์อยู่  คือกระจกส่องให้เห็นความหนาแน่นของกิเลส  ที่เข้าห้อมล้อมจิตใจผู้คนทั้งหลาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤศจิกายน 2010, 17:41:58
กิเลสจะปกคลุมจิตใจที่ไม่ได้รับการระวังรักษา
กระจกหน้าต่าง  ประตู  หรือกระจกเงาเป็นต้น  ที่ใสสะอาดอยู่เดิม แต่ไม่ได้รับการเช็ดถูนานเข้า  ฝุ่นละอองที่มีอยู่ทั่วไปแม้ไม่อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่า  จับมากขึ้นตามวันเวลาที่ล่วงไปย่อมทำให้กระจกหน้าต่าง ประตู  หรือกระจกเงาเป็นต้นนั้นมีความสกปรกขุ่นมัวปกคลุมมากขึ้น  จยปิดบังสภาพใสสะอาดเดิมได้ ฉันใด
กิเลสที่มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง  แม้ไม่อาจแลเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็จะปกคลุมจิตใจที่ไม่ได้รับการระวังรักษา   ทำให้สภาพที่ใสบริสุทธ์ประภัสสรของจิตเดิมไม่อาจปรากฏได้  ฉันนั้น นึกภาพกระจกที่ฝุ่นจับหนา  แล้วนึกถึงใจที่ไม่พยายามหนีให้ไกลจากกิเลส  นี้เป็นเช่นเดียว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤศจิกายน 2010, 17:15:19
กิเลสเป็นเครื่องเศร้าหมองของชีวิต
กิเลส  คือ โลภะ โทสะ โมหะ หรือความโลภ  ความโกรธ ความหลง  เป็นเครื่องเศร้าหมอง  มีอยู่ที่ใด  ย่อมทำให้ที่นั้นเศร้าหมอง  มีอยู่ใกล้ผู้ใดย่อมทำให้ผู้นั้นเศร้าหมอง เปรียบดังฝุ่นละออง  จับต้องเข้าที่ใดสิ่งใด  ย่อมทำที่นั้นสิ่งนั้นให้หมองมัวกิเลสจึงเป็นสิ่งที่ควรหลีกให้ไกล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤศจิกายน 2010, 18:12:14
ตนที่ฝึกดีแล้ว  ย่อมเป็นแสดงแสงสว่างของชีวิต
ผู้เป็นคนดี  ย่อมสามารถนำตนไปสู่ความดีงามต่างๆได้  นำตนไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้  และสามารถนำผู้อื่นไปสู่ความดีงามต่างๆได้  นำผู้อื่นไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ด้วย  ท่านจึงกล่าวว่า “ตนที่ฝึกดีแล้ว เป็นแสงสว่าง  เป็นเครื่องส่องทาง เป็นเครื่องนำชีวิต  เป็นเครื่องยังชีวิตให้สว่าง “ ถ้าต้องการเป็นแสงสว่างทั้งของตนเองและของผู้อื่น  ก็ต้องฝึกตนให้เป็นคนดี  หนีให้ไกลจากความโลภโกรธหลงให้มากที่สุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: itacc ที่ 29 พฤศจิกายน 2010, 20:30:00
ของอย่างนี้ใครทำใครได้ครับ  :wanwan002: :wanwan002: :wanwan002:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 พฤศจิกายน 2010, 02:20:08
ของอย่างนี้ใครทำใครได้ครับ  :wanwan002: :wanwan002: :wanwan002:
ผมว่าศีล 5 รักษายากที่สุดนะ สำหรับบางคน เรื่องเหล้าเบียร์นี่คือปัญหา :wanwan021:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 พฤศจิกายน 2010, 19:07:17
ตนที่ฝึกดีแล้ว  ย่อมนำสุขมาให้
ผู้มีปัญญา  เห็นค่าของตนที่ฝึกแล้ว  ย่อมยินดีที่จะเผชิญความยาก  ความยากแม้มากมายเพียงไรก็ตาม ย่อมให้ผลเป็นความมีค่าแห่งจิตใจตน  เป็นความมีค่าแห่งตนเอง  เป็นผลที่คุ้มกับความยากลำบาก  ที่ต้องต่อสู้เพื่อให้การฝึกตนเป็นไปด้วยดี  มีผลสำเร็จสมดังความมุ่งมาดปรารถนา “บัณฑิตหรือคนดีมีปัญญา ย่อมกล้า  ย่อมพร้อม ที่จะรับความยากทั้งหลาย  เพียงเพื่อได้มีโอกาสฝึกตน”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ธันวาคม 2010, 23:56:46
ผู้ไม่โกรธ ฝึกตนดีแล้ว
มีความเป็นอยู่สม่ำเสมอ
หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้ชอบ
สงบ คงที่อยุ่
ความโกรธจักมีมาแต่ที่ไหน

ผู้ใดโกรธตอบบุคคลที่โกรธแล้ว
ผู้นั้นเป็นผู้ลามก กว่าบุคคลนั้นนั่นแหละ
เพราะการโกรธตอบนั้น

บุคคลไม่โกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว
ชื่อว่าย่อมชนะสงคราม
อันบุคคลทั้งหลายชนะได้โดยยาก

ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว
เป็นผู้มีสติสงบเสียได้
ผู้นั้นย่อมชื่อว่า
ประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
คือแก่ตนและบุคคลอื่น

เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์อยู่ทั้งสองฝ่าย
คือของตนและของผู้อื่นอยู่
ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรม
ย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่าเป็นคนเขลา
แต่พระอริยเจ้าทั้งหลาย
ย่อมสรรเสริญบุคคลนั้น
ว่าเป็นบัณฑิตโดยแท้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ธันวาคม 2010, 17:34:17
พราหมณ์ภารทวาชโคตรทูลถามเป็นคาถาว่า

บุคคลฆ่าอะไรได้ ย่อมนอนเป็นสุข
ฆ่าอะไรได้ ย่อมไม่เศร้าโศรก
ข้าแต่พระโคดม
พระองค์ย่อมชอบใจการฆ่าธรรมอะไรเป็นธรรมอันเอก ???


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า

บุคคลฆ่าความโกรธได้ ย่อมนอนเป็นสุข
ฆ่าความโกรธได้ ย่อมไม่เศร้าโศก
ดูก่อนพราหมณ์ พระอริยเจ้าทั้งหลาย
ย่อมสรรเสริญการฆ่าความโกรธ
อันมีรากเป็นพิษ มียอดหวาน
เพราะว่าบุคคลฆ่าความโกรธนั้นได้แล้ว
ย่อมไม่เศร้าโศก


เจริญในธรรมครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ธันวาคม 2010, 17:01:58
ผู้ใดประทุษร้ายต่อคนผู้ไม่ประทุษร้าย
ซึ่งเป็นผู้หมดจด ไม่มีกิเลสเป็นเครื่องยั่วยวน
บาปย่อมกลับสนองผู้นั้น ผู้เป็นพาลนั่นเอง
เปรียบเหมือยธุลีอันละเอียด
ที่บุคคลซัดไปสู่ที่ทวนลม ฉะนั้น


เจริญในธรรมครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 ธันวาคม 2010, 19:44:02
ความถือตัว ยึดมานะ มิละไว้
อีกความโกรธ เข้าสิงใส่ ในตัณหา
จิตติดข้อง ทั้งนามรูป ลูบกายา
มวลกิเลส นานา เข้าโรมรัน

แม้ผู้ใด ละได้ ในความโกรธ
ละสังโยชน์ ดั่งละโทษ มานะ นั่น
สักกายะ ทิฏฐิผละ ละโดยพลัน
ทุกข์ โศกศัลย์ ไม่มาเยือน และเลือนไป



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: goozuza ที่ 04 ธันวาคม 2010, 20:07:06

ปัญญา คือ ความรอบรู้ในกองสังขาร

         พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่ฝั้น  อาจาโร




หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: goozuza ที่ 04 ธันวาคม 2010, 20:23:04


พระท่านว่า " มนุษย์เราเปรียบเหมือน มดที่ไต่อยู่ขอบกระด้ง "



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ธันวาคม 2010, 17:09:28
บุคคลพึงละความโกรธ,
สละความถือตัว,
ล่วงสังโยชน์ ทั้งสิ้นได้
ทุกข์ทั้งหลายย่อมไม่ตกต้องบุคคลนั้น
ผู้ไม่ข้องในนามรูป ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 ธันวาคม 2010, 17:09:06
ผู้ใดแล พึงสะกดความโกรธที่พลุ่งขึ้น
เหมือนคนห้ามรถที่กำลังแล่นไปได้
เราเรียกผู้นั้นว่า "สารถี"
ส่วนคนนอกนี้เป็นเพียงผู้ถือเชือก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ธันวาคม 2010, 17:13:44
กัลยาณมิตรามีหมวดหนึ่งอย่าพึ่งประะมาท

เกสปุตติสูตร ที่ทรงตรัสขัดเขล่าเผ่ากาละมะ

ที่หลงอธิโมกข์นิยามไกลในอรรถะ ยึดธรรมะเป็นครูเชื่อผู้นำ

บัญญัติมีองค์ครบนำมาทำนบน้อม อย่าให้ค้อมไปทางใดไม่ ถะ-หลำ

อินทรีย์แฝงแอบ ถะ-ไหลไปทุกวัน ความระเริ่งในธาตุสรรค์จะพันทาง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: asemm ที่ 07 ธันวาคม 2010, 17:14:51
สาธุครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Maji Inju ที่ 07 ธันวาคม 2010, 18:20:20
คนประมาท เสียใจ เมื่อใกล้ม้วย
เนื่องด้วย ไม่ทันสร้าง ทางสวรรค์
สร้างเมื่อเจ็บ ใกล้ตาย มักไม่ทัน
พึงรีบสร้าง ทางไว้พลัน นั่นแหละดี

อานิสงส์ของการไหว้พระสวดมนต์
1.การสวดมนต์ทุกวันเป็นมงคลแก่ตนเอง (และครอบครัว)
2.เป็นการบำเพ็ญภาวนาอย่างหนึ่ง (ภาวนามัย)
3.ทำให้จิตบังเกิดกุศลได้ง่าย
4.ทำให้ใจสงบสุขุม
5.เหมาสำหรับการเตรียมตัวก่อนปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
6.เป็นบุญที่ได้กล่างคำศักดิ์สิทธิ์ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้
7.สวดมนต์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
8.เพื่อป้องกันภัยวิบัติ
9.เพื่อความสำเร็จในสมบัติทั้งปวง
10.เพื่อให้ทุกข์ต่าง ๆ หมดไป
11.เป็นการขจัดภัยต่าง ๆ
12.เื่พื่อบรรเทาความเจ็บป่วยต่าง ๆ





หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bernie ที่ 07 ธันวาคม 2010, 18:39:02
ได้อะไรดีๆเยอะเลย แต่ละคนเอามาโพส


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 ธันวาคม 2010, 16:54:58
ขอร่วมด้วย กับอชิระ ในไม่ประมาท
เพื่อตัดขาด ความประมาท ที่ชอบสิง
ที่ทำจิต ให้หลงทาง จากความจริง
ไม่เกรงกริ่ง หมู่มาร ตามผลาญเรา

ท่านอชิระ ยก "เกสปุตตสูตร" นั้น
ขอร่วมกัน ให้กระจ่าง ห่างจากเขลา
ชาวกาลมะ เข้าเฝ้าพระ พุทธเจ้า
ได้นำเอา ความจาก สมณะพราหมณ์

ที่ยกเอา วาทะตน ข่มผู้อื่น
ธรรมดาษดื่น ที่ต่างไป อย่าเกรงขาม
มีแต่ธรรม สำนักเรา ที่งดงาม
จงเชื่อตาม ที่เรากล่าว โปรดเข้าใจ

อีกพวกหนึ่ง ที่มา ก็เช่นกัน
วจีนั้น ข่มธรรมอื่น และผลักไส
ธรรมสำนัก ของเรา จึงยิ่งใหญ่
จงรับไว้ ใส่จิต จินตนา

ชาวกาลมะ จึงทูลถาม ความเป็นจริง
ว่าในสิ่ง ที่จริง คือใดหนา
กาลมสูตร จึงได้ กำเนิดมา
ใช่เพียงว่า สิบ ประการ แล้วจบไป

ยังมีบริบทอื่น ที่ได้ตรัส
จึงชอบชัด ใช้ให้เป็น เด่นสดใส
จะขอยก พระสูตรนี้ จากพระไตรฯ
ให้ผู้อ่านได้แจ้งใจ ได้ปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ธันวาคม 2010, 16:57:49
ครั้งนั้น ชนกาลามโคตร ชาวเกสปุตตนิคมได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคจนถึงที่ประทับ
บางพวกถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
บางพวกได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
บางพวกประนมมือไปทางพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
บางพวกประกาศชื่อและ โคตรแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
บางพวกนั่งเฉยๆ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
เมื่อต่างก็นั่งลงเรียบร้อยแล้ว จึงได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

พระเจ้าข้า มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่งมายังเกสปุตตนิคม
สมณพราหมณ์พวกนั้น พูดประกาศแต่เฉพาะวาทะของตัวเท่านั้น
ส่วนวาทะของผู้อื่นช่วยกันกระทบกระเทียบ ดูหมิ่น พูดกด ทำให้ไม่น่าเชื่อ

พระเจ้าข้า มีสมณพราหมณ์อีกพวกหนึ่งมายังเกสปุตตนิคม ถึงพราหมณ์พวกนั้น
ก็พูดประกาศแต่เฉพาะวาทะของตนเท่านั้น ส่วนวาทะของผู้อื่นช่วยกันกระทบกระเทียบ
ดูหมิ่น พูดกด ทำให้ไม่น่าเชื่อ

พระเจ้าข้า พวกข้าพระองค์ยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในสมณพราหมณ์เหล่านั้น
อยู่ทีเดียวว่า ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ


พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรกาลามชนทั้งหลาย ก็ควรแล้วที่ท่านทั้งหลายจะเคลือบแคลงสงสัย
และท่านทั้งหลายเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในฐานะที่ควรแล้ว
มาเถิดท่านทั้งหลาย

ท่านทั้งหลาย
อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำสืบๆ กันมา
อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่า ได้ยินอย่างนี้
อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา
อย่าได้ยึดถือโดยเดาเอาเอง
อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน
อย่าได้ยึดถือโดยความตรึกตามอาการ
อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตัว
อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้
อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล
ธรรมเหล่านี้มีโทษ
ธรรมเหล่านี้ผู้รู้ติเตียน
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
ความโลภ เมื่อเกิดขึ้นในภายในบุรุษ
ย่อมเกิดขึ้นเพื่อประโยชน์หรือเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์

พวกชนกาลามโคตรต่างกราบทูลว่า
เพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์พระเจ้าข้า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: webunder ที่ 09 ธันวาคม 2010, 17:07:44
ผู้ที่สนใจธรรมมะอยากเชิญร่วมงาน งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่18 
กระทู้นี้ครับ
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,160262.0.html
มีเรื่องเกี่ยวกับธรรมมะเยอะเลยครับ
พรุ่งนี้(10/12/10)มีทำบุญกับพระป่าพระกรรมฐาน89รูปตอน6โมงเช้าด้วยนะครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ธันวาคม 2010, 16:46:09
ดูกรกาลามชนทั้งหลาย เราได้กล่าวคำใดไว้ว่า
ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย

ท่านทั้งหลาย
อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
...
อย่าได้ยึดถือโดยนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล
ธรรมเหล่านี้มีโทษ
ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้ติเตียน
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย

เพราะอาศัยคำที่เราได้กล่าวไว้แล้วนั้น
เราจึงได้กล่าวไว้ดังนี้
ดูกรกาลามชนทั้งหลาย มาเถอะท่านทั้งหลาย

ท่านทั้งหลาย
อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
...
อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า
ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล
ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ
ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย
ท่านทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
ความไม่โลภเมื่อเกิดขึ้นในภายในบุรุษ
ย่อมเกิดเพื่อประโยชน์หรือเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ธันวาคม 2010, 17:48:05
เพราะอาศัยคำที่เราได้กล่าวไว้แล้วนั้น
เราจึงได้กล่าวไว้ดังนี้

ดูกรกาลามชนทั้งหลาย อริยสาวกนั้น
ปราศจากความโลภ ปราศจากความพยาบาท ไม่หลงแล้วอย่างนี้
มีสัมปชัญญะ มีสติมั่นคง

มีใจประกอบด้วยเมตตา แผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ ๒ ทิศที่ ๓ ทิศที่ ๔ ก็เหมือนกัน
ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลก ทั่วสัตว์ทุกข์เหล่าในที่
ทุกสถาน ด้วยใจอันประกอบด้วยเมตตาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่ หาประมาณมิได้
ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่

มีใจประกอบด้วยกรุณา ...

มีใจประกอบด้วยมุทิตา ...

มีใจประกอบด้วยอุเบกขาแผ่ไปตลอดทิศหนึ่งอยู่ ทิศที่ ๒ ทิศที่ ๓ ทิศที่ ๔ ก็เหมือนกัน
ตามนัยนี้ ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง แผ่ไปตลอดโลกทั่วสัตว์ทุกเหล่าในที่
ทุกสถาน ด้วยใจอันประกอบด้วยอุเบกขาอันไพบูลย์ ถึงความเป็นใหญ่หาประโยชน์มิได้
ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียนอยู่

ฯลฯ




ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนี้เป็นอย่างนั้น
ข้าแต่พระสุคต ข้อนี้เป็นอย่างนั้น
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พระอริยสาวกนั้น
มีจิตไม่มีเวรอย่างนี้
มีจิตไม่มีความเบียดเบียนอย่างนี้
มีจิตไม่เศร้าหมองอย่างนี้
มีจิตผ่องแผ้วอย่างนี้
ท่านย่อมได้ความอุ่นใจ ๔ ประการในปัจจุบัน
...

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ

ขอพระองค์โปรดทรงจำพวกข้าพระองค์ว่า
เป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Art.TheBlues ที่ 11 ธันวาคม 2010, 18:21:38
อนุโมทนาด้วยนะครับ สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ธันวาคม 2010, 17:13:10
ความไม่ประมาท เป็นบุพนิมิต แห่งองค์มรรค
พึงประจักษ์ แสงเงินทอง จับขอบฟ้า
บ่งบอกกาล ว่าใกล้ ถึงเวลา
ที่สุริยา จะปรากฏ และโคจร

ตรัสเปรียบไว้ ความไม่ประมาท ก็เช่นกัน
ปรากฏใน จิตพลัน มั่นไม่ถอน
จิตตั้งใน ไม่ประมาท อย่างแน่นอน
เป็นบุพนิมิต มาก่อน อริยมรรคา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ธันวาคม 2010, 17:05:56
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เมื่อพระอาทิตย์จะขึ้นสิ่งที่ขึ้นก่อน สิ่งที่เป็นนิมิตมาก่อน
คือ แสงเงินแสงทอง

สิ่งที่เป็นเบื้องต้นเป็นนิมิตมาก่อน
เพื่อความบังเกิดแห่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ของภิกษุ
คือ ความถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาท ฉันนั้นเหมือนกัน

ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้มีความถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาท
พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘
จักทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.


ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็ภิกษุผู้มีความถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาท
ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘
ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาสังกัปปะ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาวาจา อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมากัมมันตะ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาอาชีวะ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาวายามะ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาสติ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาท
ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘
ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ธันวาคม 2010, 16:47:49
ทั้งกุศล และมวล อกุศลธรรม
ก่อนจะนำ สู่จินตนา อย่าหลงใหล
ต้องพิจารณา ประโยชน์ และโทษไซร้
แม้ธรรมใด ใช่ หรือ ไม่ ต้องไตร่ตรอง

อีกพิจารณา ผู้กล่าวมา นั้นคือใคร
สละไซร้ มวลกิเลส เหตุหม่นหมอง
ใช้ปัญญา พินิจ พิศไตร่ตรอง
จึงนำเข้า มาครอง ในจินตนา

และนี้คีอ ไม่ประมาท อีกประการหนึ่ง
ที่ลึกซื้ง เกินใจ ใช่ปุจฉา
คำตรัสของ พุทธองค์ พระศาสดา
กระบี่ฯ น้อมนำมา ให้สาธุการ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ธันวาคม 2010, 14:57:30
ความไม่ประมาท เป็นบุพนิมิต แห่งองค์มรรค
พึงประจักษ์ แสงเงินทอง จับขอบฟ้า
บ่งบอกกาล ว่าใกล้ ถึงเวลา
ที่สุริยา จะปรากฏ และโคจร

ตรัสเปรียบไว้ ความไม่ประมาท ก็เช่นกัน
ปรากฏใน จิตพลัน มั่นไม่ถอน
จิตตั้งใน ไม่ประมาท อย่างแน่นอน
เป็นบุพนิมิต มาก่อน อริยมรรคา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ธันวาคม 2010, 14:18:09
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เมื่อพระอาทิตย์จะขึ้นสิ่งที่ขึ้นก่อน สิ่งที่เป็นนิมิตมาก่อน
คือ แสงเงินแสงทอง

สิ่งที่เป็นเบื้องต้นเป็นนิมิตมาก่อน
เพื่อความบังเกิดแห่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ของภิกษุ
คือ ความถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาท ฉันนั้นเหมือนกัน

ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้มีความถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาท
พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘
จักทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘.


ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็ภิกษุผู้มีความถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาท
ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘
ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาสังกัปปะ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาวาจา อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมากัมมันตะ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาอาชีวะ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาวายามะ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาสติ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ
ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุถึงพร้อมแห่งความไม่ประมาท
ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘
ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ธันวาคม 2010, 14:40:51
ทั้งกุศล และมวล อกุศลธรรม
ก่อนจะนำ สู่จินตนา อย่าหลงใหล
ต้องพิจารณา ประโยชน์ และโทษไซร้
แม้ธรรมใด ใช่ หรือ ไม่ ต้องไตร่ตรอง

อีกพิจารณา ผู้กล่าวมา นั้นคือใคร
สละไซร้ มวลกิเลส เหตุหม่นหมอง
ใช้ปัญญา พินิจ พิศไตร่ตรอง
จึงนำเข้า มาครอง ในจินตนา

และนี้คีอ ไม่ประมาท อีกประการหนึ่ง
ที่ลึกซื้ง เกินใจ ใช่ปุจฉา
คำตรัสของ พุทธองค์ พระศาสดา
กระบี่ฯ น้อมนำมา ให้สาธุการ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ธันวาคม 2010, 15:05:33
ความไม่ประมาท เป็นบุพนิมิต แห่งองค์มรรค
พึงประจักษ์ แสงเงินทอง จับขอบฟ้า
บ่งบอกกาล ว่าใกล้ ถึงเวลา
ที่สุริยา จะปรากฏ และโคจร

ตรัสเปรียบไว้ ความไม่ประมาท ก็เช่นกัน
ปรากฏใน จิตพลัน มั่นไม่ถอน
จิตตั้งใน ไม่ประมาท อย่างแน่นอน
เป็นบุพนิมิต มาก่อน อริยมรรคา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: chewpong ที่ 18 ธันวาคม 2010, 20:08:36
กระทู้นี้เกือบ 3เดือนแล้ว ยังน่าสนใจอยู่  จะเก็บไว้ที่ไหนเนี่ย แย่ะจัง :wanwan012:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ธันวาคม 2010, 22:35:40
ธรรมะเกิดที่ใจ ผ่อนคลายที่วาง
เกิดหทัยสว่าง รุ่งเรือง กระจ่างไป
ดับทุกข์ หมดโศก ดับเชื้อโรค เชื้อร้าย
ตัดภัยวัฏสงสาร เกิดดวงตาเห็นธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ธันวาคม 2010, 21:44:40
พุทธศาสตร์ มุ่งไป ส่งกระจายศีลธรรม
เกิดคุณธรรม สร้างสรรค์ อุ่นอุรารื่นรมย์
มนุษย์เเสนสุขสม มั่งคงในความดี
เพิ่มพูล บุญราศรี เป็นเส้นทางที่ พาพ้นภัย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: CRYSTALHILL ที่ 20 ธันวาคม 2010, 22:29:37
ACTION = REACTION
 :wanwan009: :wanwan009: :wanwan009:

ผู้ใดทำกรรมใดไว้ ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม
ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ธันวาคม 2010, 17:23:17
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ธันวาคม 2010, 17:42:00
อย่ารำพึงถึงความหลัง อย่ามัวหวังถึงอนาคต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ธันวาคม 2010, 15:42:04
  สำรวมจักษุตั้ง          อินทรีย์
จิตมั่นกุศลมี               ..เปี่ยมล้น
เจริญฌานตัดธุลี          ...ทำป่วน     วัฏฏา
ตบะฝึกฝนข้น               ย่ำซ้ำมัคคญาณ

     ฌานยังจิตตื่นตั้ง          ดำรง
สติก่ออุเบกขาทรง          ...ทั่วพร้อม
ตัดตรึกย่อมหมดลง          ..ดับเหตุ     กังวล
ความตรึกรำคาญน้อม          ดับด้วยจตุตถฌาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: rayjung ที่ 23 ธันวาคม 2010, 16:12:11
"การให้ธรรมะพ่อแม่ เป็นการทดแทนพระคุณที่สูงสุด"(สมเด็จโต พรหมรังสี)

ลูกเอ๋ย...ยามที่พ่อแม่ของเจ้ามีอายุมากขึ้น ย่อมมีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ความแข็งแรงของร่างกายที่เคยมีก็ลดลง ใจน้อย โกรธง่าย ความจำก็เสื่อม ขี้หลงขี้ลืม จิตใจก็หมดความสุขสดชื่น ถึงแม้พวกเจ้าจะคอยเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิดสักเพียงใดก็ตาม ก็ไม่อาจช่วยให้พ่อแม่ของเจ้ามีความสุขได้เต็มที่ เพราะพวกเจ้าทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เจ้าช่วยท่านให้ได้รับความสุขเพียงการให้กินอยู่หลับนอน อันเป็นความสุขทางกายเท่านั้น แต่จิตใจของท่าน หาได้ร่าเริงสดชื่นผ่องใสไม่ เจ้าจงจำไว้ว่า การให้ความสุขแก่พ่อแม่อย่างแท้จริงก็คือ การให้ธรรมะ ด้วยการสอนหลักธรรมง่ายๆให้พ่อแม่ของเจ้า พาท่านไปทำบุ_ทำทาน สอนท่านให้รู้จักการปฏิบัติบูชา สวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตา ธรรมะจะอยู่ในจิตใจของพ่อแม่เจ้าทุกภพทุกชาติ ถือว่าเป็นการทดแทนพระคุณที่สูงสุด เจ้าจงจำไว้นะลูกเอ๋ย....."ธรรมโอสถ".....คำสอนของสมเด็จโต ท่านได้บันทึกเอาไว้ด้วยลายมือของงท่าน อันเป็นอมตะวาจา......


คัดลอกจาก หนังสือ อมตะธรรมสมเด็จโต


อันพ่อแม่นั้นถึงจะอดอยากปากแห้ง ถึงจะลำบากอย่างไร หากมีลูกที่กตัญญูรู้คุณคอยดูแลปรนนิบัติใกล้ชิด คอยถามสารทุกข์สุกดิบ คอยทำสิ่งที่ดีงาม ไม่ขัดใจ เท่านี้ก็ทำให้พ่อแม่อายุยืนได้แล้ว ตรงข้ามถ้าลูกอกตัญญูทอดทิ้งให้ว้าเหว่ ก็นับเป็นโชคร้ายของพ่อแม่ทีเดียว ความอกตัญญูคือยาพิษสำหรับพ่อแม่ ส่วนความกตัญญูของลูกเป็นยาบำรุงกำลังขนานเอกของพ่อแม่ ที่ทำให้พ่อแม่อยากจะมีชีวิตอยยู่เพื่อดูลูกหลานของตัวเองนานๆ

*****************************************

ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี............(พุทธพจน์)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ธันวาคม 2010, 18:13:34
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ธันวาคม 2010, 17:33:23
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ธันวาคม 2010, 22:36:08
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ธันวาคม 2010, 17:14:43
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ธันวาคม 2010, 01:06:35
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: MaMa.Killer ที่ 29 ธันวาคม 2010, 01:13:02
+1


 เยอะจัง  :wanwan020:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ธันวาคม 2010, 18:58:00
อิณาทานํ ทุกขํ โลเก
การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ธันวาคม 2010, 15:50:06
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ธันวาคม 2010, 16:57:34
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํ
ควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มกราคม 2011, 17:41:59
ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน
ความอดทน เป็นตบะของผู้พากเพียร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: chewpong ที่ 02 มกราคม 2011, 19:09:28
ACTION = REACTION
 :wanwan009: :wanwan009: :wanwan009:

ผู้ใดทำกรรมใดไว้ ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม
ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

สาธุ

เห็นด้วย เห็นด้วย  กรรมใด ใครก่อ กรรมนั้นต้องสนอง.. :wanwan010:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มกราคม 2011, 16:39:41
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มกราคม 2011, 17:19:34
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มกราคม 2011, 15:36:18
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อม ชักพา จิตตรง มงคลมี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มกราคม 2011, 01:26:08
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มกราคม 2011, 17:43:02
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มกราคม 2011, 03:44:49
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มกราคม 2011, 17:16:45
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มกราคม 2011, 17:11:37
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มกราคม 2011, 15:14:47
อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺติ
คนพาลที่ยังไม่ถูกผูกมัด แต่พอพูดในเรื่องใด ก็ถูกผูกมัดตัวในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: saradee ที่ 10 มกราคม 2011, 21:31:24
อนุโมธนา  สาธุค่ะ
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มกราคม 2011, 17:12:59
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มกราคม 2011, 18:41:44
ไฟเสมอด้วยราคะ ไม่มี
ผู้จับเสมอด้วยโทสะไม่มี
ข่ายเสมอด้วยโมหะ ไม่มี
แม่น้ำเสมอด้วยตัณหา ไม่มี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มกราคม 2011, 14:40:00
คำว่า "ไฟ" ใครใคร รู้จักยิ่ง
ไหม้ในสิ่ง ที่ขวางหน้า ไม่สงสัย
แต่ไฟหนึ่ง ลุกโพลง อยู่ข้างใน
มันเผาไหม้ ไล่ลาม มานานวัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: BeerKingMan ที่ 13 มกราคม 2011, 14:40:52
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มกราคม 2011, 04:30:14
โยคา เว ชายเต ภูริ
ปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: khampan1794 ที่ 14 มกราคม 2011, 08:30:57
 :o :P


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มกราคม 2011, 19:13:21
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ
บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มกราคม 2011, 03:13:41
คำว่า "ไฟ" ใครใคร รู้จักยิ่ง
ไหม้ในสิ่ง ที่ขวางหน้า ไม่สงสัย
แต่ไฟหนึ่ง ลุกโพลง อยู่ข้างใน
มันเผาไหม้ ไล่ลาม มานานวัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มกราคม 2011, 05:14:01
ขโณ โว มา อุปจฺจคา
อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มกราคม 2011, 16:24:20
ขนฺติ ธีรสฺสลงฺกาโร
ความอดทน เป็นเครื่องประดับ ของนักปราชญ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มกราคม 2011, 04:51:57
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: asemm ที่ 16 มกราคม 2011, 05:30:50
สาธุ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มกราคม 2011, 16:55:55
น หิ มุญเจยฺย ปาปิกํ
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ชั่วเลย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มกราคม 2011, 17:32:54
ขนฺติ สาหสวารณา
ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: LIEWnetwork ที่ 17 มกราคม 2011, 17:43:09
เสริมอันนึงนะครับ (ไม่รู้ซ้ำหรือยัง)

นตฺถิ  สนฺติปรํ  สุขํ
สุขอื่นใดนอกจากความสงบ ไม่มี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มกราคม 2011, 23:53:23
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ
ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: modkung ที่ 19 มกราคม 2011, 00:39:41
คำสมัยเรียนหน่อย
สุวิชาโน ภวัง โหตุ ความรู้ดีเป็นผุ้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มกราคม 2011, 18:31:09
 ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jacob9789 ที่ 19 มกราคม 2011, 18:36:02
สาธุ
 :wanwan008:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มกราคม 2011, 18:49:20
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: soundengineer ที่ 20 มกราคม 2011, 19:29:21
อยาก thank คนโพสนะ
แต่ไม่มีพลังจะให้

ขอพลังน้ำใจให้ผมด้วยนะคร๊าบบบบ   :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มกราคม 2011, 04:34:18
อกฺโกเธน ชิเน โกธํ
พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มกราคม 2011, 17:59:06
สนาถา วิหรถ มา อนาถา
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 22 มกราคม 2011, 15:49:30
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มกราคม 2011, 06:18:37
พาโล อปริณายโก
คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มกราคม 2011, 14:56:04
   
อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช
ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มกราคม 2011, 19:07:23
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มกราคม 2011, 18:32:52
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มกราคม 2011, 03:15:06
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ
ความสิ้นตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: chewpong ที่ 30 มกราคม 2011, 19:53:07
เข้ามาดัน กระทู้นี้..เนื่องในโอกาสที่ สูญเสีย  หลวงตา มหาบัว  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: chewpong ที่ 30 มกราคม 2011, 20:02:08
[/size=20pt]ธรรมะ คือ คุณากร :wanwan021:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: cmmp ที่ 30 มกราคม 2011, 20:31:48
คำสอนสุดท้ายก่อนที่ท่านจะละสังขาร คือใ้ห้ทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ให้ระลึกถึงความตายที่จะมาถึงเราทุกคน ตลอดจนให้ทุกคนมีสติติดตัวเสมอไม่ว่าจะทำอะไร  :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2011, 00:16:26
ท่านพุทธทาสภิกขุ สอน ว่า โดยสรุปรวมในธรรมะของพระพุทธเจ้า อาจสรุปเป็นแบบหนึ่งได้ว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น  นั่นเป็นเพราะในความเป็นจริง สิ่งทั้งหลายย่อมไม่ได้ดั่งใจเรา มีความไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลาด้วยเหตุและปัจจัย จึงไม่สมควรที่จะไปหลงยึดมั่นหมายว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา หรือเป็นของของเรา สิ่งทั้งหลายไม่ได้ดั่งใจทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร รวยเพียงใด อำนาจล้นฟ้าขนาดไหน ต่างก็มีความทุกข์ประจำตัวประจำอยู่ทุกคนทั้งสิ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: BestBooks ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2011, 10:18:46
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีเพียงไม่กี่หน้า แต่เป็นหนังสือที่มีสาระเน้นๆเท่านั้น อยากจะแนะนำ เราไม่จำเป็นต้องซื้อเล่มอื่นเลย เป็นหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ชื่อเรื่องว่า



วิธีสร้างบุญบารมี
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ ๑๙




คนส่วนใหญ่รู้แค่ว่าการทำบุญคือการให้ทาน แต่แท้จริงแล้วการทำบุญโดยย่อมี 3 อย่าง
1.ให้ทาน
2.รักษาศีล
3.เจริญภาวนา
เรื่องให้ทานไม่ต้องพูดถึง ใครๆก็รู้ แต่ที่ส่วนมากไม่รู้คือเรื่องจำนวนเงินนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ความตั้งใจ
ถ้าตั้งใจจะได้อานิสงค์เต็มที่
วันนี้จะพูดเรื่องการรักษาศีล
ถ้าเราให้ทานแต่ถ้าไม่รักษาศีลมันก็เหมือนกันเราทำบาปอีกอย่างหนึ่ง ทำให้เราศีลเราขาด เข้าเรื่องดีกว่า
1.งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ด้วยตนเอง และใช้คนอื่นให้ฆ่า หมายความถึงการขายสัตว์เพื่อนำไปฆ่าด้วย
2.งดเว้นจากการลักทรัพย์ ด้วยตนเอง และใช้คนอื่นให้ลัก ถ้าเป็นพระอาบัติถึงปาราชิกเลย
3.งดเว้นจากการประพฤติละเมิดในทางประเวณี
4.งดเว้นจากการพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
5.เว้นจากการดื่มน้ำเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ถ้าเรารักษาศีลไม่ให้ขาดก็เหมือนกับการที่เราทำบุญนั่นแหละ


ธรรม 4 อย่างนี้ ย่อมเนื่องกัน แต่ละอย่างๆ มีหน้าที่เฉพาะของตน
1.คือความพอใจ ในฐานะเป็นสิ่งที่ ตนถือว่า ดีที่สุด ที่มนุษย์เรา ควรจะได้ ข้อนี้ เป็นกำลังใจ อันแรก ที่ทำให้เกิด คุณธรรม ข้อต่อไป ทุกข้อ
2.คือความพากเพียร หมายถึง การการะทำที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จนประสบ ความสำเร็จ คำนี้ มีความหมายของ ความกล้าหาญ เจืออยู่ด้วย ส่วนหนึ่ง
3.หมายถึงความไม่ทอดทิ้ง สิ่งนั้น ไปจากความรู้สึก ของตัว ทำสิ่งซึ่งเป็น วัตถุประสงค์ นั้นให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า สมาธิ อยู่ด้วยอย่างเต็มที่
4.หมายถึงความสอดส่องใน เหตุและผล แห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า ปัญญา ไว้อย่างเต็มที่


สติ หมายถึง ความระลึกได้ ก่อนจะทำ พูด หรือคิด คืออาการของจิตที่นึกขึ้นได้ว่าจะทำ จะพูดอย่างไรจึงจะถูกต้อง มีหน้าที่กระตุ้นเตือนคนเราให้ทำ พูด หรือคิดในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่หลงลืมตัว โดยใช้ดุลพินิจพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจึงปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมต่างๆ ออกมา

กล่าวคือความไม่ประมาทปล่อยจิตนึกคิดไปตามอารมณ์ที่ปรารถนา

“สติ” เป็นธรรมควบคุมเหนี่ยวรั้งจิตใจให้คิดดี ทำดี หรือพูดดี เพราะธรรมชาติของจิตมีการนึกคิดตลอดเวลา ซึ่งถ้าขาดสติกำกับ เป็นความคิดที่ฟุ้งซ่านไปตามอารมณ์ต่างๆ อย่างไร้ทิศทาง แต่ถ้ามีสติกำกับแล้วจะทำให้ไม่ประมาทหรือพลั้งเผลอคิดชั่ว พูดชั่ว หรือทำชั่ว เพราะสติจะทำหน้าที่คอยควบคุม รักษาสภาพจิตใจให้อยู่ในภาวะที่ต้องการ โดยการตรวจตราความคิดเลือกรับแต่สิ่งที่ดีงาม กีดกันสิ่งที่ไม่ดีซึ่งตรงกันข้าม ตรึงกระแสความคิดให้เข้าที่ ทำให้จิตเป็นสมาธิได้ง่าย

ในการเรียนหนังสือ ถ้านักเรียนควบคุมจิตใจให้มีสติมั่นคง สนใจในวิชาที่เรียน ขยันทบทวนสิ่งที่ได้เรียนมาแล้ว ไม่ปล่อยจิตฟุ้งซ่านคิดถึงเรื่องอื่นๆ สำรวมจิตให้จรดนิ่งสงบตั้งมั่นในอารมณ์เดียวไปตามลำดับ ไม่วอกแวก จะช่วยจำบทเรียนได้ดีกว่าคนที่ฟุ้งซ่าน

นักเรียนที่มีผลการเรียนดีจึงมีพื้นฐานมาจากการฝึกสตินี้เอง

ในหน้าที่การงาน คนที่มีสติสามารถทำงานได้ผลดียิ่ง มีความผิดพลาดน้อย หรืออาจจะไม่มีข้อผิดพลาด หากขาดสติงานต้องผิดพลาดอยู่ร่ำไป ทำให้งานล่าช้า เสร็จไม่ทันตามกำหนด ไม่สามารถพัฒนาก้าวหน้าได้

ในการทำความดี ผู้มีสติสามารถดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท เว้นจากการทำความชั่วทุกอย่าง กระทำแต่ความดี และทำจิตให้ผ่องแผ้วจากกิเลสทั้งปวง สติเป็นหลักธรรมที่มีอุปการะมาก พัฒนาจิตพิจารณารู้เท่าทันสภาพที่แท้จริง ทำให้การดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข เมื่อเจริญสติให้มากยิ่งขึ้นสามารถบรรลุมรรค ผล และนิพพานได้ในที่สุด

ความรู้ตัวในขณะที่กำลังทำ กำลังพูด หรือกำลังคิดอยู่ เป็นอาการของจิตที่รู้จักแยกแยะสิ่งที่ตนกำลังทำ พูด คิดอยู่นั้นว่าเป็นประโยชน์ หรือไม่เป็นประโยชน์ เหมาะกับตนหรือไม่ เป็นความสุขหรือทุกข์ และเป็นความดีหรือชั่วหรือไม่อย่างไร ความรู้ชัด ความรู้ตัว เป็นลักษณะแห่งความรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลานี้ เรียกว่า  “สัมปชัญญะ”

“สัมปชัญญะ” เป็นธรรมที่ปฏิบัติคู่กับสติ แยกกันไม่ออก กล่าวคือสติเป็นเครื่องระลึกควบคุมยับยั้งจิตมิให้คิด พูด หรือทำชั่ว ส่วนสัมปชัญญะจะทำหน้าที่กำหนดรู้ในเวลาคิด พูด หรือทำอยู่ ดังนั้น จึงเรียกว่า สติสัมปชัญญะ

สติ ระลึกได้ทั้งในเรื่องอดีต อนาคต และปัจจุบัน ต้องใช้ในเวลาก่อนคิด พูด และทำ...สัมปชัญญะ รู้ตัวในปัจจุบัน ต้องใช้ในขณะที่กำลังคิด พูด และทำอยู่

สติและสัมปชัญญะนี้จัดเป็นกุศลธรรมที่คู่กันเสมอ จะแยกจากกันมิได้ เมื่อมีสติต้องมีสัมปชัญญะ สติเปรียบเหมือนดวงไฟ ส่วนสัมปชัญญะเปรียบเหมือนแสงสว่างของดวงไฟ

การทำหน้าที่ คนเราจำต้องมีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะ คือควรเจริญให้เกิดมีขึ้นในตนตลอดเวลา ทั้งในขณะจะทำ พูด หรือคิด เพราะสติสัมปชัญญะจะคอยคุมรักษาจิตให้ตั้งมั่นแน่วแน่ในทางที่ดีมีประโยชน์ ไม่ให้ความชั่วร้ายเข้าครอบงำจิตได้ ดังนั้น สติสัมปชัญญะจึงเป็นคุณธรรมที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง

“สติสัมปชัญญะ” มีอุปการะมากแก่คนเรา โดยเป็นธรรมควบคุมเส้นทางดำเนินชีวิตไม่ให้พลั้งเผลอทำในสิ่งที่ไม่สมควร ท่านเปรียบเหมือนหางเสือ ที่คอยกำหนดทิศทางไม่ให้เรือแล่นไปเกยตื้น เป็นเครื่องปลุกเร้าให้บุคคลมีเหตุผล รู้จักไตร่ตรองด้วยปัญญา และสนับสนุนธรรมคือการรู้จักคิดอย่างมีเหตุผล

พฤติกรรมของผู้มีสติสัมปชัญญะจะแสดงออกมาในลักษณะที่พิจารณาด้วยปัญญาแล้ว บริโภคอาหาร รู้จักประมาณ รู้จักคุณโทษของอาหารที่จะบริโภค ไม่เผลอสติในการทำงาน มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการทำกิจ เป็นต้น

ผู้มีสติสัมปชัญญะย่อมมีความสำนึกรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ว่าตัวเองเป็นใคร มีหน้าที่อย่างไร เมื่อปฏิบัติหน้าที่อยู่ รู้ตัวอยู่เสมอว่าตัวเองกำลังทำอะไร ดีหรือชั่ว เป็นคุณหรือโทษ เท่ากับว่าควบคุมตัวเองไว้ได้ตลอดเวลา

ด้วยความสำคัญดังกล่าวมานี้ ท่านจึงจัดสติสัมปชัญญะว่าเป็นธรรมมีอุปการะมาก คือเป็นคุณธรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนเรา และเป็นธรรมมีอุปการะให้กุศลธรรมอื่นๆ เกิดขึ้นดำรงมั่นคงอยู่ในจิตได้


ตามหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ธรรมอันทำงาม นั้นมีอยู่ 2 ประการ ดังนี้

         ประการแรก คือ ขันติ ความอดทน หมายถึง ความอดทนอดกลั้นไว้ได้ในเมื่อใจถูกกระทบด้วยอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ก็ไม่แสดงอาการวิตกทุกข์ร้อน หรือโมโหฉุนเฉียว ไม่มีการทำหรือคำพูดตอบโต้ เรื่องที่ต้องใช้ความอดทนนั้น มีอยู่ 4 ชนิด คือ อดทนต่อความลำบากตรากตรำ ไม่แสดงอาการย่อท้อ สิ้นหวัง ต่ออุปสรรคของชีวิต ทนต่อทุกเวทนา ไม่แสดงอาการทุรนทุรายจนเกินควรเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ทนต่อความเจ็บใจ ไม่แสดงอาการโกรธเมื่อไม่พอใจที่ถูกคนอื่นทำ หรือพูดกระทบกระแทกแดกดัน ทนต่ออำนาจกิเลส  ไม่แสดงอาการอยากมีอยากได้จนออกนอกหน้า แม้ได้มาก็ไม่ยินดีเกินเหตุ

         ประการที่ 2 คือ โสรัสจะ ความเสงี่ยม หมาย ถึง การรู้จักปรับสภาพจิตใจให้เยือกเย็นเหมืนเป็นปกติในเมื่อมีเรื่องต้องอดทน แม้จะถูกผู้อื่นทำหรือพูดกระทบกระทั่งจนเกิดเจ็บใจแต่ก็ทนได้ ไม่แสดงอาการใดๆ ให้ปรากฎ เป็นเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ธรรมข้อนี้ มีหน้าทีข่มใจให้สงบนิ่ง ไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาภายนอก

         ธรรมทั้ง 2 ประการนี้ เรียกว่า โสภณธรรม  ธรรมอันทำให้งาม  เครืองประดับกายจำพวกเพชรนิลจินดา เป็นแค่เครื่องส่งเสริมความงามภายนอก แต่ขันติและโสรัสจะนี้ เป็นเครืองประดับภายในจิตใจ ทำให้เป็นคนมีสง่าราศรี น่ายกย่องนับถือ

         แค่หัวข้อธรรม 2 ข้อนี้คุณก็เป็นคนงามแล้ว ซึ่งไม่มีใครสามารถมาแย่งชิงเอาได้ ถ้าใครอยากได้ต้องทำให้เกิดขึ้นในใจเอง



"ธรรมคุ้มครองโลก" หมายถึง ธรรมที่ช่วยคุ้มครองทั้งมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ให้อยู่ด้วยกันอย่างปกติสุข โลกร่มเย็น ไม่เดือดร้อนวุ่นวาย เพราะมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายไม่เบียดเบียนกัน มีเมตตากรุณาต่อกัน ต่างไว้วางใจกันและกัน ในเรื่องต่างๆ เช่นชีวิต ทรัพย์สิน และของรักของหวง

เป็นคุณธรรมที่สนับสนุนหลักมนุษยธรรมให้เป็นไปด้วยดี โดยชักนำจิตใจของบุคคลให้เกิดความละอายต่อความชั่วและความเกรงกลัวต่อความประพฤติชั่วและผลของความชั่วที่จะติดตามมาทั้งยังป้องกันไม่ให้กระทำความชั่ว ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

เป็นหลักธรรมสนับสนุนให้บุคคลมีสามัญสำนึกในการละเว้นความชั่วทุจริต เป็นการเบียดเบียนตนและผู้อื่นให้เดือดร้อนภายหลัง

ธรรมคุ้มครองโลก มี 2 ประการ คือ หิริ และโอตตัปปะ

2.โอตตัปปะ หมายถึง ความเกรงกลัวต่อผลของความชั่ว มีลักษณะหวาดสะดุ้งกลัวต่อผลที่จะเกิดจากการทำบาปทุจริต คือ การประพฤติผิดทั้งทางกาย วาจา และใจ โดยพิจารณาเห็นชัดว่าสัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน ทำกรรมใดไว้ต้องรับผลกรรมของนั้น จึงมีความหวาดกลัวสะดุ้งต่อผลของกรรมชั่ว ไม่กล้าทำแม้ความผิดเล็กน้อย

เหตุที่ทำให้เกิดความกลัวต่อความชั่ว คือ

- เพราะกลัวต้องติเตียนตัวเอง

- เพราะกลัวผู้อื่นจะติเตียน

- เพราะกลัวถูกลงโทษ ถูกลงอาญา

- เพราะกลัวความทุกข์จะส่งผลในภายหน้า

เมื่อคนเรามาพิจารณาคำนึงถึงเหตุนี้ข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ความกลัวต่อความชั่วย่อมเกิดขึ้น

ผู้มีความสะดุ้งกลัวต่อผลของบาปทุจริต เปรียบเหมือนคนที่มีนิสัยหวาดกลัวเป็นนิจเห็นอสรพิษแม้ตัวเล็กๆ เกิดสะดุ้งกลัว ไม่อยากเข้าใกล้ พยายามหลีกหนีให้ห่างไกล

ฉะนั้น ความกลัวที่จัดว่าเป็นโอตตัปปะแท้จริงนั้น ต้องเป็นความกลัวต่อผลของความชั่วบาป หรือทุจริตเท่านั้น ในกรณีที่คนเรากำลังเดินอยู่กลางป่า บังเอิญไปพบเสือโคร่งเข้าพอดี ย่อมเกิดความกลัวอันตรายที่จะได้รับ

ความกลัวเช่นนี้ไม่จัดว่าเป็นความกลัวด้วยโอตตัปปะ หากแต่เป็นความกลัวตามสัญชาตญาณของมนุษย์และสัตว์ เพราะไม่ใช้ความกลัวต่อความชั่ว

ลักษณะของผู้มีหิริโอตตัปปะนั้นคือ "อายชั่ว กลัวบาป" บุคคลผู้ฝึกจิตใจให้อายชั่วกลัวบาปได้ดีแล้วเท่านั้น จึงจะไม่ทำความผิดทั้งต่อหน้าและลับหลัง ดังนั้น หิริโอตตัปปะจึงเป็นธรรมคุ้มครองโลก

คือมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนพื้นแผ่นดินนี้ให้อยู่เย็นเป็นสุข
ขอบคุณที่เอาบุญมาแบ่งปัน อ่านแล้วสุขใจ...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ethan8652 ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2011, 10:23:42
อ่านแล้ว  ได้ข้อคิดดีครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กุมภาพันธ์ 2011, 19:15:21
"ถ้า มีสติอยู่กับปัจจุบัน เจ็บที่แล้วไปอย่าไปนึกถึงมันอีก เจ็บที่กำลังเจ็บดูมัน เจ็บที่ยังไม่มา อย่าเพิ่งไปเจ็บก่อน เราจะพบว่าความเจ็บได้เป็นทุกข์ก้อนใหญ่ที่เราจะต้องแบกไว้ แต่ความเจ็บนั้นมันเป็นชั่วขณะๆ พอหมอถอนเข็มออกแล้วขยี้ตอนนั้นเราจะเจ็บมากชั่วขณะ แล้วก็จะชา แต่ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้นจะรู้สึกว่าความเจ็บจริงๆ กับความที่ใจเราเป็นทุกข์มันปนเปกันไปหมด ไม่รู้ส่วนไหนเป็นทุกข์ทางกาย ส่วนไหนเป็นทุกข์ทางใจ

"ถ้าเป็นเด็ก เด็กจะร้องก่อนเข็มจะถูก เมื่อถูกเข็มแทงก็ร้องลั่น พอหมอถอนเข็มออกก็ยังร้องอยู่ เพราะโกรธหมอ นี่คือตัวอย่างที่ยกขึ้นมาเพื่อให้เห็นกลไกของสิ่งที่เรียกว่าความทุกข์"

"ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นความทุกข์ทางใจนี้ เป็นเพราะว่าเรามองดูปรากฏการณ์ในชีวิตด้วยความไม่ชัดเจน ทำอย่างไรจะเห็นสภาวะชัดเจน ทำอย่างไรจะรู้ทัน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2011, 18:46:11
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2011, 17:23:06
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2011, 17:39:46
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2011, 16:41:54
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2011, 17:35:15
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2011, 16:32:17
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2011, 00:44:20
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Himalayan ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2011, 00:46:42
สาธุครับ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2011, 16:37:01
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011, 01:03:21
สนาถา วิหรถ มา อนาถา
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011, 18:37:13

ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ
ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2011, 23:55:39
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2011, 16:23:19
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: awizard9a ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2011, 18:28:57
สาธุ :wanwan017: กระทู้นี้ผมแล้วง่วงนอนตลอด :P


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2011, 23:05:51
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ
ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2011, 16:10:47
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2011, 16:35:03
นาญฺญํ นิสฺสาย ชีเวยฺย
ไม่พึงอาศัยผู้อื่นยังชีพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: undeathl3 ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2011, 16:54:46
นาญฺญํ นิสฺสาย ชีเวยฺย
ไม่พึงอาศัยผู้อื่นยังชีพ


 :wanwan022:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: analyser ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2011, 17:21:20
อนุโมทนา สาธุ ครับ
ขอฝากเว๊บผมด้วยนะครับ

เข้าได้ 2 ทางครับ

bokboun.cz.cc บอกบุญ (http://bokboun.cz.cc)  ,  sites.google.com/site/bokboun  บอกบุญ (http://sites.google.com/site/bokboun)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: stitch626 ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2011, 17:36:40
อย่าพูดเพียงว่า สาธุ
แต่จงเข้าใจในคำว่า สาธุ

ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับเนื้อหาธรรมมะในแต่ละวัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2011, 15:17:34
สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2011, 00:26:47
สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํ
ความซื่อสัตย์นั่นแล ดีกว่ารสทั้งหลาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2011, 15:40:52
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011, 16:13:10
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2011, 15:26:10
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: oat_indy ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2011, 15:31:29
ขอบคุณมากครับ  :wanwan017:
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มีนาคม 2011, 16:13:07
สุวิชาโน ภวํ โหติ
ผู้มีความรู้ในทางที่ดี เป็นผู้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มีนาคม 2011, 16:56:39

อสาธํ สาธุนา ชิเน
พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มีนาคม 2011, 14:59:48
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มีนาคม 2011, 15:26:39
โยคา เว ชายเต ภูริ
ปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: oatofvrteam ที่ 04 มีนาคม 2011, 15:41:56
พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน

อยากให้ทุกท่านที่ยังไม่เคยฟังได้ฟังกันครับ

อนุโมทนาในจิตกุศลของทุกท่านในกระทู้นี้ด้วย

แบบยาว

http://www.jozho.net/index.php?mo=3&art=271122

แบบสั้น

http://audio.palungjit.com/f9/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99-282.html

แนะนำว่าฟังทั้งคู๋ได้ยิ่งดีครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มีนาคม 2011, 15:35:02
ปญฺญา นรานํ รตนํ
ปัญญา เปรียบเสมือน เครื่องประดับแห่งตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: frxbaby ที่ 05 มีนาคม 2011, 16:27:11
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี

ไม่ น่าเชื่อ ว่า darkknightza จะธรรมะ กับเขา เหมือน กัน
เป็นเรื่องที่อ้วน จริงๆ (คาดไม่ถึง)
:wanwan024: :wanwan004:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มีนาคม 2011, 14:45:23
อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช
ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มีนาคม 2011, 14:46:36
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี

ไม่ น่าเชื่อ ว่า darkknightza จะธรรมะ กับเขา เหมือน กัน
เป็นเรื่องที่อ้วน จริงๆ (คาดไม่ถึง)
:wanwan024: :wanwan004:
เหอะๆ มีธรรมะ แต่ไมีมีฝีมือครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มีนาคม 2011, 15:08:50
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มีนาคม 2011, 16:35:30
โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ
ค่อยๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: frxbaby ที่ 09 มีนาคม 2011, 17:12:14
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี

ไม่ น่าเชื่อ ว่า darkknightza จะธรรมะ กับเขา เหมือน กัน
เป็นเรื่องที่อ้วน จริงๆ (คาดไม่ถึง)
:wanwan024: :wanwan004:
เหอะๆ มีธรรมะ แต่ไมีมีฝีมือครับ

ใคร ว่า darkknightza ไม่มี ฝีมือ คุณ เป็น เซียน ในการหา free link หาเก่งมาก
เอ่อ หาเก่งเกินไป กลัว ลงหลุมทรายจัง 555 
หากหา keyword +content คล่องๆ รับรอง รวยขั้นเทพ





หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มีนาคม 2011, 16:57:19
   
ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต
ปัญญา เป็นแสงสว่างในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มีนาคม 2011, 16:37:11
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มีนาคม 2011, 15:57:32
ยถาวาที ตถาการี
พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มีนาคม 2011, 00:11:34
ปมาโท รกฺขโต มลํ
ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มีนาคม 2011, 23:48:26
โยคา เว ชายเต ภูริ
ปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: โก๊ะกัง ที่ 16 มีนาคม 2011, 00:04:08
เ็ป็นที่พึ่งทางใจ...

ตอนนี้กำลังท้อแท้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มีนาคม 2011, 15:05:16

ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญานั่นแหละ ประเสริฐกว่าทรัพย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มีนาคม 2011, 14:34:27
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มีนาคม 2011, 13:49:21
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํ
ควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มีนาคม 2011, 13:51:11
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มีนาคม 2011, 15:11:35
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มีนาคม 2011, 13:57:05
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มีนาคม 2011, 15:07:46
 อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: music ที่ 22 มีนาคม 2011, 15:14:24
ขอบคุณนะครับ คติธรรมเพียบเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: akenarong999 ที่ 22 มีนาคม 2011, 16:24:22
อนุโมทนาบุญครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kanyapha ที่ 22 มีนาคม 2011, 16:31:39
สาธุ !!!!!


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มีนาคม 2011, 15:14:38
กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ อตฺตานํ อติมญฺญสิ
ท่านเอ๋ย ! ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มีนาคม 2011, 22:58:05
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มีนาคม 2011, 14:25:18
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํ
ควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ceinueng ที่ 25 มีนาคม 2011, 14:40:55
ธรรมะทุกอย่างทุกประการสุดท้ายกลับมาหาแก่นแท้คือหลักไตรลักษณ์ ทุกอย่างในโลกล้วนอยู่ภายใต้กฏธรรมชาติ อันนี้ อันประกอบด้วย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา โดยที่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แปลตามลำดับได้ว่า ความไม่เที่ยง แปรปรวนไปหรือสภาพที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และสุดท้ายก็สลายไปในที่สุด จะหาอะไรมาเป็นเราหรือของเราไม่ได้เลย ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงสอน ให้หาเหตุดับทุกข์ คือ ลดความยึดมันถือมั่นมัน เพราะมันมีสภาพที่เป็นทุกข์ อยู่ไม่ได้นาน จะบังคับให้เป็นไปอย่างใจไม่ได้ และท้ายที่สุดแล้วก็ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป :P


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มีนาคม 2011, 15:21:28

ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มีนาคม 2011, 15:36:50
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มีนาคม 2011, 13:57:37
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มีนาคม 2011, 16:22:29

ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป

คิดอย่างไรเรียกว่าคิดถูก คิดอย่างไรเรียกว่าคิดผิด
เรา ต้องเข้าใจชัดเจนทั้งสองอย่าง ในการปฝฏิบัติของเรา เราต้องพยายามติดตามดูความรู้สึกนึกคิดตลอดวันตลอดคืน ความจริงเราไม่ต้องทำอะไรมากเพียงแต่คอยสำรวมระวัง คอยสังเกตว่า เรามีความรู้สึกอย่างไร คิดอย่างไรให้มีสติ สัมปชัญญะ ระลึกรู้อยู่ รู้สึกตัวอยู่เสมอ อันนี้ให้ถือเป็นหน้าที่ของเรา เราไม่ต้องอ่านหนังสือ หรือฟังเทศน์อะไรมากมาย เพียงแต่ พยายามเปลี่ยนนิสัย ให้เป็นคนช่างสังเกต คือสังเกตความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง สักเกตว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ กำลังพูดอะไรอยู่ กำลังคิดอะไร การปฏิบัติเช่นนี้ การพยายามติดตามสังเกตเช่นนี้ จะทำให้เกิดปัญญา

1.ทุกข์เพราะลูกตาย
ลูก ที่แสนดี แสนน่ารัก ใครเห็นใครก็รัก ใครเห็นใครก็เมตตา วันหนึ่ง เกิดอุบัติเหตุ ลูกรัก....จากไป พ่อแม่ทุกข์แทบใจ แทบจะตายตามลูกไปด้วย แทบจะเสียสติ หมดอาลัยในชีวิต..คิดจะขับรถเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ  ๆ ..
-----------------------------------------------------------------------
ถ้า พูดถึงความจริงเราก็ไม่รู้ว่า ผู้ตายจะไปเกิดที่ไหน เป้นสุคติ หรือทุคติ แต่เท่าที่ฟังจากคุณโยม ลูกของคุณโยมเป็นเด็กดีจริง ๆ ตั้งแต่เกิดมาชาตินี้ไม่เคยทำชั่วเลย พ่อแม่พี่น้อง เพื่อนฝูงที่ใกล้ชิด เขาทำให้ชื่นอกชื่นใจทุกคนและใคร ๆ ก็รักเขา เขาเป็นคนที่รักสัตว์ เมตตาสัตว์ ไม่เคยเบียดเบียนสัตว์

ถ้าคุณโยมเชื่อมั่นในความดีของลูก อย่างนั้นก็ไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องสงสารลูก ถึงเวลาแล้ว เขาก็ต้องจากเราไป ตามเหตุ ตามปัจจัย มันก็พอดีพอเหมาะของมัน อันนี้เราก็ต้องยอมรับความจริง ยอมรับความพอดีของมัน ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามเหตุปัจจัยที่สมบูรณืเสมอ ถ้าเราเชื่อมั่นในความดีของลูกอย่างนั้นแล้ว เราก็ไม่ต้องเสียใจและห่วงสงสารลูกหรอก
เขาคงไปดีแล้วนะ

อย่า คิดว่าเขาเป็นลูกของเราจริง ๆ อย่าคิดว่าลูกเกิดขึ้นมาในโลกนี้เพราะพ่อแม่ช่วยกันผลอตขึ้นมา ความจริงจิตวิญญาณของลูก ก่อนเกิดมาเป็นลูกของเรา เขาท่องเที่ยวไปในวัฎสงสารเป็นหลายภพหลายชาติ ด้วยการสร้างทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว โดยมากเราเรียกกรรมดีเป็นบารมี กรรมชั่วว่าเป็นกรรมผูกพันในอดีตชาติเป็นเหตุ จิตวิญญาณของเขาจึงมาอาศัยเราเกิดมาเป็นลูกเป็นการชั่วคราวเท่านั้น อันนี้แหละคือ ความหมายที่พูดว่า " เขาไม่ใช่ลูกของเราจริง ๆ " เขาเป็นตัวของเขา มันมีอยู่ตั้งแต่อเนกชาติ ความตายไม่ใช่อะไร คล้ายกับเราส่งลูกไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพื่อความก้าวหน้าของลูก เพื่อเป็นการสร้างบารมีของลูก

รักลูก หวงลูก เอาไว้ใกล้ ๆ ตัวตลอดเวลา รักลูก ผูกลูก เอาไว้ที่บ้าน.....เป็นการกีดกันไม่ให้เขาก้าวหน้าไม่ดีกับลูกนะ

โบราณาจารย์สอนว่า
ถ้า รักลูกต้องส่งลูกไปศึกษาในสำนักต่าง ๆ ที่อยู่ไกล ๆ ต้องให้ลูกไปทัศนศึกษาในที่ไกล ๆ เหมือนกับลูกของเราเก่ง จึงจำเป็นต้องจากเราไปเพื่อศึกษาต่อ เพื่อความก้าวหน้า เพื่อสร้างบารมีเพิ่มเติม

เรื่องความตาย ความเกิด คล้ายกับการนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศ ผู้ส่งเสียอกเสียใจร้องไห้กันด้วยความอาลัยอาวรณ์ อย่างพวกเรานี้แหละ แต่ผู้ไปอาจจะไม่เป็นอะไรเลย ตรงกันข้าม เขาอาจจะตื่นเต้นกับโลกใหม่อย่างน้อยผู้รับก็ยินดีต้องรับ ดีอกดีใจกันดังที่ลูกสุดที่รักของเราไปเกิดนั้นแหละ

ถ้าเราเชื่อมั่น ในความดีของลูก ในบารมีของลูกไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องสงสารลูก แทนที่จะเสียใจ เราน่าจะภูมิใจด้วยซ้ำ ความจริง อะไร ๆ เขาก็ต้องรับผิดชอบเอง ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามเหตุปัจจัยที่สมบูรณ์เสมอ
ส่วนเราก็ต้องรับผิดชอบด้วย
ถ้าเรารักลูกจริง....ต้องทำใจให้สงบสุข คิดดู ...ลูกจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่อเขารู้ว่าพ่อแม่ของตนมีความทุกข์มาก เขาจะรู้สึกอย่างไร

ความทุกข์ของพ่อแม่คือความทุกข์ของลูก ถ้าเรามีความสุขสบาย เขาก็สบายใจ ไม่ต้องห่วง เพราะฉะนั้น หน้าที่ของเราก็คือ
ทำความสงบสุขให้เกิดขึ้นแก่ตน ถ้าเรารักลูกจริงนะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มีนาคม 2011, 15:28:32
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํ
ควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 เมษายน 2011, 14:22:11
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 เมษายน 2011, 15:42:14
อวิทฺทสู มารวสานุวตฺติโน
คนโง่ มักตกอยู่ในอำนาจ แห่งมาร
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 เมษายน 2011, 16:25:31
ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ นาวชิยฺยติ
ความชนะใดที่ชนะแล้วไม่กลับแพ้ ความชนะนั้นดี
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 เมษายน 2011, 00:45:30

ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ
ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: mawmeow ที่ 05 เมษายน 2011, 01:30:42
เข้ามาอ่าน...เตือนสติตัวเองอีกครั้ง

 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 เมษายน 2011, 15:17:31
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 เมษายน 2011, 22:41:30
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: poom ที่ 07 เมษายน 2011, 01:34:32
ละชั่ว
ประพฤติดี
ละทิฐิ
ไม่เป็นพาล
หวังเพื่อพระนิพพาน
บำเพ็ญญาณสนองคุณ
สนองแล้วคุณพระแก้วสององค์
ประจำชีวิต ตลอดชีวิต

(พระแก้วสององค์ = พ่อและแม่)
-----------------------------------
ธรรมดาของจิต ไม่มีดีใจเสียใจ
ที่ดีใจเสียใจนั้น ไม่ใช่จิต
-----------------------------------
จิตที่อบรมมาดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้
-----------------------------------


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 เมษายน 2011, 15:37:52
น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ อวชิยฺยติ.
ความชนะใดที่ชนะแล้ว กลับแพ้ได้ ความชนะนั้นไม่ดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: salitta ที่ 08 เมษายน 2011, 04:57:45

อนุโมทนาสาธุ

 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: newflow ที่ 08 เมษายน 2011, 05:05:55
 :wanwan017: อนุโมทนาด้วยครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 เมษายน 2011, 14:40:08
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: mmiko ที่ 08 เมษายน 2011, 14:45:02
สาธุ ครับผม  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ta_to_to ที่ 08 เมษายน 2011, 14:54:19
อนุโมทนาด้วยครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 เมษายน 2011, 00:21:25
สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำสัตย์ แลเป็นวาจาที่ไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: solitary99 ที่ 10 เมษายน 2011, 00:46:16
อนุโมทนา  :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ball772 ที่ 10 เมษายน 2011, 00:49:44
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: suree ที่ 10 เมษายน 2011, 02:12:18
ขอบคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: wince ที่ 10 เมษายน 2011, 06:31:52
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: 24adcenter ที่ 10 เมษายน 2011, 07:20:16
สาธุ สาธุ สาธุ

ขอให้ทุกท่าน ที่ได้อ่านหัวข้อ หรือ บทความ ได้รับบุญอานิสงค์นี้ด้วยเทอญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 เมษายน 2011, 13:55:51
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nirvana9 ที่ 10 เมษายน 2011, 14:01:49


“พ่อแม่พี่น้องที่มาสรงน้ำสงกรานต์หลวงปู่ เสร็จแล้วก็ให้นั่งรอก่อนนะครับ เดี๋ยวหลวงปู่ท่านจะให้โอวาทครับ”
       
       “เร็วซิเธอ เดี๋ยวไม่ทันสรงน้ำหลวงปู่ นี่เพราะเธอมัวแต่พิรี้พิไร มาช้าทุกปีเลย”
       
       “จะบ่นไปถึงไหน นี่เดินมาจนถึงกุฎีหลวงปู่แล้ว ยังไม่หยุดอีก ฉันกับลูกก็เร่งแล้วนะ คุณน่ะช้าเอง รีบๆเร็ว จะหมดแถวแล้ว”
       
       “ไม่ต้องเร่งหรอกโยม เดี๋ยวไอ้ตัวเล็กจะล้ม”
       
       “ขอให้หลวงปู่มีอายุยืนเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกผมตลอดไปนะครับ”
       
       “ขอให้หลวงปู่มีสุขภาพแข็งแรงนะเจ้าคะ”
       
       “ขอให้หลวงปู่มีความสุขมากๆ นะครับ”
       
       “สมพรปากนะ และขอให้ครอบครัวเธอ ได้รับพรสนอง ด้วยทุกคน”
       
       “พ่อแม่พี่น้องครับ หลวงปู่ให้ลงไปทานอาหารกันก่อน แล้วค่อยขึ้นมารับโอวาทจากท่าน เรียกว่าอิ่มท้องแล้วค่อยอิ่มใจ เชิญเลยนะครับ แม่ครัวก็พวกเรากันเอง เอามาบ้านละอย่างสองอย่าง หลวงปู่ให้ลูกศิษย์หุงข้าวไว้พอกับพวกเราทุกคน ก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยนี่ เขามาด้วยศรัทธานะครับ รับประทานกันให้อิ่ม”
       
       ......
       
       “เจริญพร ลูกหลานทุกคน วันนี้อบอุ่นใจเหมือนเคย ที่ทุกคนยังรักษาแบบแผนการปฏิบัติในวันสงกรานต์ที่บรรพชนนำพากระทำสืบต่อกัน มาช้านาน นี่เป็นจารีตประเพณีของหมู่บ้านเรา พวกเราจะไปทำงานไกลใกล้แค่ไหน ต่างก็หมายเอาวันสงกรานต์เป็นวันกลับมาเยี่ยมบ้าน เยี่ยมถิ่นเกิด บ้านที่ถูกปิดไปก็ได้เปิดต้อนรับเจ้าของให้กลับมาอาศัย แม้จะชั่วคราว ภูมิเจ้าที่ก็คงจะสุขใจที่ได้มองเห็นความสำเร็จของลูกหลาน หลวงปู่อายุมากแล้ว ลมหายใจจะหมดลงไปวันไหนก็ไม่รู้ วันนี้ก็ได้รับพรจากลูกหลาน ก็ได้ต่ออายุไปอีกปี คอยต่อไปในปีหน้าว่าลูกหลานจะกลับมาสรงน้ำสงกรานต์ครบเหมือน ปีนี้ไหม คนเฒ่าคนแก่ที่นั่งรอรดน้ำอยู่นี้ก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน
       
       เงินทองที่ลูกหลานส่งมาให้เป็นค่าปัจจัย ๔ ก็ไม่สุขใจเท่ากับที่ได้เห็นลูกหลานมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ความผูกพันเช่นนี้คงจะมีอยู่สืบไปในจิตใจของลูกหลาน คนหนุ่มสาววันนี้ต้องคอยจดจำจารีตประเพณีของบ้านเราไว้ ต่อไปเมื่อมาเป็นผู้ใหญ่ ก็จะได้พาลูกหลานปฏิบัติให้ถูกต้องสืบไป
       
       บ้านเราไม่มีคนผิดเพศ ไม่มีขโมย ไม่มีการทุจริตทั้งหลาย ก็เพราะความใส่ใจในการทำตนให้อยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย และจารีตประเพณีเสมอมา ทุกคนในบ้านเรานี้เป็นบัณฑิตในพระพุทธศาสนา ด้วยการถูกปลูกฝังขนบธรรมเนียมประเพณีมาแต่ยังเด็ก พอโตจนถึงเกณฑ์เรียนหนังสือ โรงเรียนก็จัดหลักสูตรพุทธประวัติ และนำชาดกมาสอน ในชั้นมัธยมก็จัดสอนธรรมศึกษา ปิดเทอม ใหญ่ก็ให้เด็กชายบวชเณร เด็กหญิงก็มาบวชพราหมณ์รักษาศีลอยู่ในวัด ทำให้พระสงฆ์ท่านได้ทำหน้าที่เป็นครูบาอาจารย์อย่างเต็มความสามารถ ทำให้เป็นที่พึ่งของลูกหลานได้เสมอมา นี่ก็เป็นเหตุให้บ้านเราได้รับคำชมจากบ้านอื่นว่าเป็นบ้านที่กราบพระงาม ไหว้ผู้ใหญ่สวย ต้อนรับแขกดี มีน้ำใจช่วยสังคมดี ก็ต้องขอให้ลูกหลานช่วยกันรักษาจารีตประเพณีที่ดีของบ้านเราให้สืบทอดต่อไปในรุ่นลูกหลานเหลนโหลน
       
       การทำให้บ้านเรามีความเจริญกอปรด้วยความสุขได้เช่นนี้ เพราะบรรพชนของเราเป็นผู้มีศรัทธามั่นคงในพระธรรมวินัย เป็นบัณฑิตในพระพุทธศาสนา ท่านได้น้อมนำพุทธศาสนธรรมมาเป็นหลักดำเนินชีวิต แล้วประยุกต์มาเป็นหลักชุมชน สร้างจารีตประเพณีที่นำความ เข้มแข็งสามัคคีมาสู่ชุมชน เราจะเห็นได้ว่าทุกคนในบ้านเรามีความสนิทสนมเหมือนญาติ แม้คนที่มาอยู่ใหม่ก็จะถูกหลอมให้เข้ามาเป็นญาติด้วยจารีตประเพณี บ้านเราจึงแต่มีความสุขสันต์ร่มเย็นเสมอมา
       
       ลูกหลานที่ยังเรียนหนังสือก็ดี ลูกหลานที่ไปทำงานต่างถิ่นก็ดี ต้องจดจำจารีต ประเพณีของบ้านเราไว้ให้ได้ และประพฤติตนให้อยู่ ในกรอบของจารีต ทำให้คนในสังคมที่เราไปอยู่ด้วยได้ซึมทราบถึงความดีงามของจารีตประเพณีของ เรา ให้เขาได้รู้ว่า คนบ้านนี้โง่ในการทำความชั่ว แต่ฉลาดในการทำความดี มากไมตรีต่อผู้คน ครองตนตามหลักธรรม นี่ก็จะเป็นเชื้อความดีที่จะแผ่ไปสู่จิตวิญญาณของคนอื่นได้
       
       ถ้ามีคนถามลูกหลานว่า ทำไมบ้านเราจึงมีแต่ความสุขสันต์ ลูกหลานก็ต้องตอบเขาไปว่าจารีตประเพณีได้สอนให้ประพฤติตนในกรอบพุทธธรรม ทุกครอบครัวล้วนยึดมั่นในหลักพุทธธรรม ลดความขัดแย้งในเรื่องที่เกิดจากกิเลส ทำความขัดแย้งให้จบในครอบครัว ถ้ามีความขัดแย้งระหว่างครอบครัว ก็จะทำความเข้าใจกันก่อน ถ้าไม่สำเร็จก็จะไปหาหลวงปู่หลวงพ่อให้ช่วยตัดสินให้ นี่คือจารีตของบ้านเรา
       
       จารีตประการหนึ่งที่สำคัญ ที่ถูกกำหนดให้เป็นลักษณะของคนบ้านนี้ก็คือ ต้องเป็นคนโอบอ้อมอารี มีศีล รู้จักทำการงานแทนมารดาบิดา บำเพ็ญประโยชน์ด้วย โภคทรัพย์ที่หามาได้ด้วยความหมั่น ความขยัน สะสมขึ้นด้วยกำลังแขนของตน ได้มาโดยอาบเหงื่อต่างน้ำ ชอบธรรม ได้มาโดยธรรม แก่มารดาบิดา บุตร ภริยา แก่ชนภายในครอบครัวเช่นญาติพี่น้อง คนใช้ แก่ผู้อาศัยเลี้ยงชีพเช่นเพื่อน ผู้เป็นกัลยาณชน ต้องอยู่ครองเรือนโดยธรรม ต้องยังความยินดีให้เกิดขึ้นแก่ญาติทั้งที่ล่วงลับไป ทั้งที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน แก่สมณพราหมณ์ เทวดา
       
       คนบ้านนี้บำเพ็ญตนเช่นนี้จึงเป็นผู้มีความเจริญอยู่เสมอ ย่อมได้รับการสรรเสริญจากผู้ทราบข่าว มีความสุขทั้งขณะที่มีลมหายใจ ตายไปก็เชื่อได้ว่าเข้าสู่สุคติโลกสวรรค์แน่นอน
       
       ก็ขอฝากลูกหลานให้ช่วยกันรักษาจารีตให้สืบต่อไปด้วยนะ เอาล่ะ.. ไปรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่เถอะ แล้วจะได้ ลงไปไหว้หลวงพ่อโต ก่อพระเจดีย์ทราย รดน้ำอัฐิบรรพชน เล่นสงกรานต์กันในวัดนี่ล่ะ อนุญาตให้เลอะเทอะเฉพาะวันสงกรานต์เท่านั้นนะ
       
       ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และกุศลบุญราศีแห่งจารีตประเพณี จงอำนวยผลให้ลูกหลานได้ประสบสุขทุกทิวาราตรีกาลเทอญ”
       
       “สาธุ “... “สาธุ”... “สาธุ”...
       
       “หลวงปู่พูดเหมือนเดิมเลย ผมฟังตั้งแต่เด็กจนมีลูกเข้ามหาวิทยาลัย หลวงปู่ก็พูดแบบเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงเลยครับ”
       
       “แล้วจำได้หมดไหม ทำได้บ้างไหมล่ะ"
       
       “จำได้ไม่หมดครับ แต่ทำได้หมด เพราะพ่อแม่เคี่ยวเข็ญมาแต่เด็ก บวชอยู่วัดหลวงปู่ก็อบรมตลอด จนจารีตนี่เป็นนิสัยไปไม่รู้ตัวครับ มันก็จริงอย่างที่หลวงปู่ว่า เพียงเขารู้ว่าผมเป็นคนบ้านนี้ เขาก็ให้เกียรติมากเลย ทำงานอะไรก็สะดวก นี่ถ้าไม่ได้หลวงปู่กับพ่อแม่อบรมมาแต่เด็ก ก็คงแย่เหมือนกันครับ”
       
       “แล้วสอนลูกอย่างที่พ่อแม่สอนรึเปล่า"
       
       “สอนครับ แต่แม่เด็กก็คอยแย้งว่ายังเด็กอยู่บังคับทำไม เดี๋ยวโตกว่านี้ค่อยสอนก็ได้ เราเถียงกันทุกวันเรื่องนี้ เขาไม่ใช่คนบ้านเรา ก็ไม่เห็นความสำคัญของจารีตประเพณีบ้านเรา เลยไม่รู้ว่าผลดีที่ทำตนตามจารีตประเพณีดีอย่างไร นี่ผมก็คิดว่าจะย้ายกลับมาอยู่บ้านแล้วครับ กลัวว่าลูกจะเสียคน”
       
       “ขอโทษนะคะหลวงปู่ จิตวิทยาในการเลี้ยงเด็กเขาก็บอกว่าให้ปล่อยไปตามธรรมชาติของวัย แล้วเด็กก็จะมีพัฒนาการที่ดีเอง ถ้ามามัวมุ่งจะบังคับแต่เด็ก ก็จะทำให้เด็กขาดพัฒนาการไป.. นี่เธอ..ฉันผิดตรงไหน ตอนฉันเด็ก พ่อแม่ฉันก็เลี้ยงอย่างนี้”
       
       “ใจเย็นๆ ๆ เราสองคนเป็นพ่อแม่แล้ว จะมาทะเลาะกันให้ลูกดู อายลูกบ้าง ฟังเหตุผลแล้วก็ดูดีนะ แต่หลวงปู่อยากให้หนูลองคิดดูซิว่า ปัญหาเด็กเล็กก็ดี ปัญหาวัยรุ่นก็ดี มันเกิดจากอะไร”
       
       “....เกิดจากตัวเด็กค่ะ เด็กชอบทำตัวมีปัญหา เอาแต่ใจตัวเอง”
       
       “วัยเด็กไม่มีประสบการณ์ชีวิต ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้จากผู้ใหญ่ ถ้าผู้ใหญ่สอนสิ่งที่ดีให้แก่เด็ก เด็กก็ทำแต่สิ่งที่ดี เพราะมีผู้ใหญ่ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ถ้าผู้ใหญ่สอนสิ่งที่ไม่ดี เช่นเล่นไพ่ ขี้เกียจ ดื่มสุรา ลักขโมย เด็กก็จำ แล้วนำไปปฏิบัติตามด้วยสำคัญว่าดี เด็กก็เลยทำชั่วด้วยความบริสุทธิ์ใจใช่ไหม”
       
       “ค่ะ”
       
       “คราวนี้หนูลองตรองดูว่า ทำไมบ้านนี้จึงเน้นเรื่องจารีต ประเพณีกันตั้งแต่เด็ก จนโตเป็นผู้ใหญ่”
       
       “ก็คงคิดปลูกฝังสิ่งที่ดีๆ อันเป็นคุณธรรมนำชีวิต ให้แก่เด็กใช่ไหมคะ”
       
       “ใช่ เราไปเอาจิตวิทยาฝรั่งมาใช้.. ก็ถูก เพราะจะได้รู้เรื่องที่เป็นสากล แต่การนำมาใช้ก็ต้องรู้จักปรับประยุกต์ ให้เหมาะสมกับความเป็นอยู่ของเรา ธรรมชาติของชีวิตบ้านเราก็แตกต่างกับบ้านเขา ดังนั้นการเลี้ยงดูลูกหลานก็มีความแตกต่างกัน
       
       สังคมเราเน้นให้ลูกหลานมีความใกล้ชิดกับปู่ย่าตายาย หรือเครือญาติมาแต่เล็ก จนผูกพันกันมาก เมื่อมีสุขทุกข์ก็มีครอบครัวเป็นที่พึ่งที่อาศัย ร่วมทุกข์ร่วมสุขเสมอ ดังนั้นจารีตประเพณีบ้านนี้จึงเน้นไปที่เด็ก ด้วยความเชื่อว่าไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก คือวัยเด็กนี่ป้อน สิ่งที่ดีคือจารีตประเพณีให้ ปลูกฝังให้เด็กทำจนเป็นนิสัย เมื่อพ้นวัยเด็ก คุณธรรมเหล่านี้ก็จะเป็นเชื้อความดีที่จะออกดอกออกผลเป็นความสุขในการดำเนิน ชีวิตแก่เด็ก และสามารถนำเด็กไปสู่เป้าหมายของชีวิตได้ในที่สุด”
       
       “มิน่าล่ะ คนบ้านนี้จึงอยากกลับมาอยู่บ้านทุกคน ไม่มีใครคิดไปตั้งรกรากที่อื่นเลย ฉันว่าเราย้ายมาอยู่ที่นี่เถอะ ขอโทษนะคะที่ชวนขัดแย้งเรื่องลูกตลอดมา"
       
       “ไม่เป็นไร.. โน่นกราบขอบคุณหลวงปู่ที่แนะนำให้ดีกว่า นี่ละคือจารีตบ้านนี้ หลวงปู่เป็นใหญ่เป็นประธานของบ้านนี้ ความสุขสันต์ของบ้านจึงดำเนินมาได้จนถึงเดี๋ยวนี้”
       
       “หนูรู้ไหม ทำไมบ้านเราจึงต้องปลูกฝังจารีตประเพณีให้กับเด็ก และบังคับเด็กให้เดินในกรอบของจารีตประเพณี จนโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคม”
       
       “ไม่ทราบค่ะ “
       
       “ก่อนที่บรรพชนจะอพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งหลักปักฐานที่บ้านนี้ ได้ไปอาศัยอยู่ที่หลายบ้าน ได้เห็นถึงความลุ่มหลงในอบายมุขของคนในแต่ละบ้านมามาก ท่านจึงรวบรวมคนที่มีใจอยากสร้างหมู่บ้านที่มีแต่ความสุข ปราศจากอบายมุข ยึดมั่นในพระธรรมวินัย แล้วชวนกันออกเดินทางแสวงหาชัยภูมิที่ควรแก่การสร้างหมู่บ้านดังประสงค์ขึ้น จนมาถึงที่นี่ ได้พบพระธุดงค์รูปหนึ่ง ท่านปักกลดบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ เกิดความเลื่อมใส กอปรกับ ได้สนทนาธรรมกับท่าน ได้ฟังทัศนคติการดำเนินชีวิตในกรอบแห่งพระธรรมวินัยจากท่าน ที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของตน จึงอาราธนาท่านเป็นประธานเลือกชัยภูมิสร้างหมู่บ้าน ซึ่งก็เลือกที่นี่ละ แล้วช่วยกันสร้างบ้านตามขนาดครอบครัวของตน แบ่งสันปันส่วนที่ดินกันตามความสามารถ แล้วประชุมกันสร้างวัดขึ้น ให้หลวงพ่อรูปนั้นได้อาศัยบำเพ็ญศาสนกิจ
       
       เมื่อสร้างบ้านเสร็จแล้ว ก็มาประชุมกันที่วัด กำหนดจารีตประเพณีขึ้น จริงๆ ก็เอาจารีตของไทยนี่ละมาเป็นพื้นฐาน แต่เพิ่มรายละเอียดบางอย่างที่ตรงกับอุดมการณ์เข้าไป แล้วมีมติร่วมกันว่าบ้านนี้จะดำเนินชีวิตในกรอบของจารีตที่ทำขึ้นใหม่นี้ ถือปฏิบัติมาจนเป็นประเพณี ทั้งฝ่ายวัดฝ่ายบ้าน เมื่อคนบ้านอื่นทราบข่าว และได้มาสัมผัส คุณธรรมของคนบ้านนี้ ก็เลยผูกดองกัน อพยพย้ายมาอยู่รวมกัน สืบลูกหลานมาจนเป็นบ้านที่ใหญ่ขึ้น
       
       เมื่อหลวงท่านตั้งเขตปกครอง บ้านนี้ก็ถูกจัดให้เป็นศูนย์กลางปกครองมาตลอด ต่อมาเมื่อความเจริญทางวัตถุมากขึ้น ผู้นำชุมชนจึงไปขอให้ผู้หลักผู้ใหญ่ย้ายศูนย์กลางปกครองไปไว้ที่บ้านอื่น บ้านเราจึงสามารถรักษาจารีตประเพณีมาได้จนถึงบัดนี้”
       
       “มิน่าล่ะ สามีหนูเขาถึงอยากย้ายกลับมาอยู่บ้าน ตอนแต่งงานกับหนูใหม่ๆ ก็บอกหนูว่าถ้าลูกโตหน่อย ก็จะย้ายครอบครัวกลับบ้าน หนูเพิ่งเข้าใจเหตุผลเดี๋ยวนี้เอง”
       
       “ที่นี่เรามีจารีตประเพณี ที่เป็นสายใยเชื่อมจิตใจของทุกครอบครัวให้เป็นหนึ่งเดียว ลูกหลานของทุกบ้านก็คือลูกหลานตน ดังนั้นทุกคนจึงต้องมีหน้าที่อบรมสั่งสอนเด็กเสมอกัน ต้องทำตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็ก ช่วยงานโรงเรียนด้วยความเต็มใจ วันพระวันหยุดก็พากันมาทำบุญที่วัด บ้านไหนมีเรื่องทุกข์ร้อนก็ช่วยสงเคราะห์กัน ไม่พูดคำหยาบ เน้นมากเรื่องศีลข้อ ๔ คือไม่กล่าวคำเท็จ ต้องทำตนให้มีสัจจะ อันเป็นคุณธรรมที่บังคับไม่ให้ล่วงละเมิด ทำตนผิดศีลข้อ ๔ ความมีสัจจะนี้จะเป็นคุณธรรมที่นำให้ผู้ประพฤติเป็นคนมีความเที่ยงตรง ยุติธรรม กตัญญูกตเวที และมีความสวามิภักดิ์ต่อเจ้านาย ลูกหลานที่นี่จึงสามารถรักษาจารีตประเพณีได้อย่างมั่นคง”
       
       “ทำไมไม่เน้นศีลข้อ ๕ ล่ะคะ”
       
       “คนเราถ้ามีสัจจะแล้ว การละเมิดศีลย่อมไม่มี บ้านนี้ไม่มีการขายสุราหรือของมึนเมา ก็เพราะจารีตประเพณีได้กำหนดไว้ แม้จะมีคนดื่มบ้างก็จะรู้ตัวเองในที่สุดว่าฝืนจารีตบ้าน ที่สุดแล้วความละอายใจที่ถูกปลูกฝังมาแต่เด็ก ก็จะบังคับให้เขาเลิกดื่มสุราไปเลย นี่คือความเข้มแข็งของจารีตประเพณี”
       
       “หลวงปู่ไม่กลัวเด็กวัยรุ่นมั่วสุมกันหรือคะ”
       
       “ถ้าเราปลูกฝังจารีตประเพณีไว้ และผู้ใหญ่ทำตนเป็น คนดีให้เป็นแบบอย่าง เรื่องน่าอายที่ฝ่าฝืนจารีตประเพณีเช่นนี้ก็ไม่มี อย่าเชื่อหลวงปู่นะ ลองไปคุยกับพวกวัยรุ่นดู ถามดูก็ได้ แม้แต่จะคิดเรื่องพวกนี้ กล้าคิดกันไหม”
       
       “หลวงปู่คะ แล้วบ้านที่มีหลายเมียนี่ ไม่ผิดจารีตหรือคะ”
       
       “ที่นี่เราถือว่าถ้าทำถูกต้องตามจารีตประเพณี ก็ไม่ผิด ผู้ชายจะมีภรรยากี่คนก็ได้ ถ้าสามารถรับผิดชอบเขาในฐานะสามีได้ และต้องได้รับความยินยอมจากภรรยาเดิม ตลอดถึงครอบครัวของผู้ที่จะมาเป็นภรรยา มีการจัดงานแต่งงานถูกต้องตามประเพณี ที่นี่ผู้ชายมีน้อย ผู้หญิงมีมาก ก็ต้องยึดมั่นเรื่องจารีตประเพณี ศีลข้อ ๓ นั้น ห้ามล่วงละเมิดสิทธิหญิงต้องห้ามทั้ง ๓ ประเภทคือ หญิงมีสามี, หญิงมีญาติรักษา, หญิงที่จารีตรักษา เพราะฉะนั้นชายต้องยินดีเฉพาะภรรยาของตน หญิงต้องยินดีเฉพาะสามีของตน”
       
       “อ้าว ทำไมผู้หญิงถึงมีสามีได้คนเดียวล่ะคะ”
       
       “ว่าตามศีล หญิงก็สามารถมีสามีได้หลายคน ห้ามล่วงละเมิดชายต้องห้าม ๒ ประเภท คือ ชายอื่น นอกจากสามี, ชายที่จารีตรักษา
       
       โดยธรรมชาติหญิงต้องตั้งครรภ์ ให้กำเนิดบุตรธิดา ดังนั้นการที่หญิงจะมีสามีมากกว่า ๑ คน ในคราเดียว จะทำให้บุตรธิดามีความสับสนในบุคคลที่เป็นพ่อ และก่อความขัดแย้งทะเลาะวิวาทไม่รู้จบ เหตุนี้จารีตประเพณี จึงห้ามหญิงมีสามีหลายคน”
       
       “ลำเอียงหรือเปล่าค่ะหลวงปู่ อย่างนี้ก็ไม่เสมอภาคกัน สิคะ”
       
       “ไม่ลำเอียงหรอก ถูกต้องแล้ว หนูไปคิดดูเอาเองเถอะ หลวงปู่พูดได้แค่นี้ล่ะ”
       
       “พอแล้วๆ เดี๋ยวไม่ได้ลงไปทำบุญกัน ขอบคุณหลวงปู่มากครับ ที่กรุณาสอนภรรยาผมให้เข้าใจจารีตประเพณีบ้านเรา แต่ผมสัญญากับเธอแล้วว่าจะมีเธอเพียงคนเดียวครับ”
       
       “อ้าว ไอ้ทิด หาเรื่องแล้วไหมล่ะ อาตมาว่าตามทฤษฎี เอ็งจะเอาไปปฏิบัติอย่างไร อาตมาไม่รู้ ถามเมียเอ็งดูเองเถอะ....จำไว้นะหนู ครอบครัวจะสุขสันต์ได้ ก็ด้วยการมีศีลมีธรรมในตัวของสามีภรรยา การเคารพนับถือกันในฐานะสามีภรรยา ช่วยกันสร้างความสุขในครอบครัวให้ลูกได้เห็น ได้จดจำไว้แต่สิ่งที่ดี ครอบครัวก็จะเป็นครอบครัวสุขสันต์ สมกับที่มีอยู่ในหมู่บ้านสุขสันติวาสน์ อยู่ในเขตธรรมของวัดสุขสันติวนาราม ชีวิตจะได้เจริญขึ้นๆๆๆ นะ”
       
       “ กราบนมัสการลาครับ/ค่ะ”
       
       “ เจริญพร”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 เมษายน 2011, 14:31:48
อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา
ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตนอยู่เป็นนิจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: saparee ที่ 11 เมษายน 2011, 14:34:25
เบื่อมาม่า มาอ่านสิ่งดีๆ ขอบคุณที่มาแบ่งปันครับ  :wanwan020:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 เมษายน 2011, 15:23:06
 ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 เมษายน 2011, 13:56:27
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 เมษายน 2011, 15:04:20
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 เมษายน 2011, 15:00:58
ไฟเสมอด้วยราคะ ไม่มี
ผู้จับเสมอด้วยโทสะไม่มี
ข่ายเสมอด้วยโมหะ ไม่มี
แม่น้ำเสมอด้วยตัณหา ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 เมษายน 2011, 14:24:40
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํ
ควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 เมษายน 2011, 14:09:31
สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํ
ความซื่อสัตย์นั่นแล ดีกว่ารสทั้งหลาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 เมษายน 2011, 13:55:45
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 เมษายน 2011, 14:04:52
อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ
คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 เมษายน 2011, 23:44:08
    
โจรา โลกสฺมิมพฺพุทา
พวกโจรเป็นเสนียดของโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 เมษายน 2011, 02:19:50
   
ทุกฺขํ สยติ โกธโน
คนมักโกรธ ย่อมอยู่เป็นทุกข์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 เมษายน 2011, 00:52:19
  พาโล อปริณายโก
คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 เมษายน 2011, 13:52:39
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 เมษายน 2011, 14:38:18
 มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 เมษายน 2011, 14:32:28
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 เมษายน 2011, 13:55:07
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Phattarapong ที่ 26 เมษายน 2011, 17:16:12
 :wanwan017:ถ้าเรานำหลักธรรมะ มาใช้ร่วมกับการทำธุรกิจ รับรองได้กับได้ เพราะธรรมะสอนให้เรารู้จักใช้สติ เมื่อมีสติ ก็มีสมาธิ และมีปัญญา(แบบไม่ละเอียด)ก็สามารถพาเราเดินไปให้ถูกทิศทางและที่สำคัญก็คือ สอนให้เราไม่ประมาทกับการใช้ชีวิต :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 เมษายน 2011, 14:53:06
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ
บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 เมษายน 2011, 14:32:06
ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ นาวชิยฺยติ
ความชนะใดที่ชนะแล้วไม่กลับแพ้ ความชนะนั้นดี
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: invisiblepussy ที่ 28 เมษายน 2011, 15:51:24
สาธุ ขอบคุณครับ :-[


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 เมษายน 2011, 15:18:37
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nanjaow ที่ 29 เมษายน 2011, 15:24:42
เว็บสำหรับดาวน์โหลด หนังสือธรรมะจ้า
http://www.kalyanamitra.org/book/index_dhammabook.php?cid=6


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ตั้มคอมพิวเตอร์ ที่ 29 เมษายน 2011, 15:25:48
เว็บอ่านธรรมะออนไลน์ครับ

http://www.thammaonline.com/forum/index.php

แอบเนียนอิอิ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 เมษายน 2011, 15:23:26
อโหรตฺตมตนฺทิตํ ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ
คนขยันทั้งคืนทั้งวัน จักไม่ซึมเซา เรียกว่า แต่ละวันมีแต่นำโชค
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤษภาคม 2011, 14:03:26
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤษภาคม 2011, 15:20:17
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤษภาคม 2011, 14:28:46
   
ขนฺติ หิตสุขาวหา
ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nanaejoy ที่ 03 พฤษภาคม 2011, 14:30:27
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤษภาคม 2011, 14:05:28
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: andiklin ที่ 04 พฤษภาคม 2011, 14:24:22
สาธุ สาธุ สาธุ

Andi


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤษภาคม 2011, 15:35:01
สนาถา วิหรถ มา อนาถา
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤษภาคม 2011, 05:27:28
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤษภาคม 2011, 15:10:22
มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
คนกล่าววาจาชั่ว ย่อมเดือดร้อน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤษภาคม 2011, 04:13:37
โกธสมฺมทสมฺมตฺโต อายสกฺยํ นิคจฺฉติ
ผู้เมามึนด้วยความโกรธ ย่อมถึงความไร้ยศศักดิ์
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤษภาคม 2011, 14:19:59
ทุกฺขํ สยติ โกธโน
คนมักโกรธ ย่อมอยู่เป็นทุกข์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤษภาคม 2011, 15:46:18
อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺติ
คนพาลที่ยังไม่ถูกผูกมัด แต่พอพูดในเรื่องใด ก็ถูกผูกมัดตัวในเรื่องนั้น
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤษภาคม 2011, 14:38:44
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤษภาคม 2011, 14:22:30
ธมฺมเทสฺสี ปราภโว
ผู้เกลียดธรรม เป็นผู้เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤษภาคม 2011, 13:53:18
   
อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช
ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤษภาคม 2011, 14:37:33
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤษภาคม 2011, 13:56:09
    
โกธสมฺมทสมฺมตฺโต อายสกฺยํ นิคจฺฉติ
ผู้เมามึนด้วยความโกรธ ย่อมถึงความไร้ยศศักดิ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: โคตรเซียนบอลเต็ง10สมัย ที่ 13 พฤษภาคม 2011, 14:30:08
ขอแจมครับ.....การประพฤติธรรม-นำพาบุคคลให้ประสบความสำเร็จ-และมีความสุขครับผม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 14 พฤษภาคม 2011, 13:41:20
ขอบคุณ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: RTC ที่ 14 พฤษภาคม 2011, 14:37:50
อนุโมทนา สาธุค่ะ :)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤษภาคม 2011, 15:42:19
ขนฺติ ธีรสฺสลงฺกาโร
ความอดทน เป็นเครื่องประดับ ของนักปราชญ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤษภาคม 2011, 13:52:40
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zekan ที่ 16 พฤษภาคม 2011, 13:54:03
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 17 พฤษภาคม 2011, 15:26:07
อ่านแล้วดีจัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤษภาคม 2011, 15:23:24
   
ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: smile_yim ที่ 18 พฤษภาคม 2011, 15:27:25
วิริเยนะ ทุกขมะ เจติ
" คนล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร "


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Maji Inju ที่ 18 พฤษภาคม 2011, 16:39:49
พระพุทธคุณ หลวงพ่อท่านสังเกตมาว่า บางคนเขาไปหาหมอดู เคราะห์ร้ายก็ต้องสะเดาะเคราะห์
หลวงพ่อท่านก็มาดูเหตุการณ์โชคลางไม่ดีก็เป็นความจริงของหมอดู
หลวงพ่อเลยตั้งตำราขึ้นมาด้วยสติ บอกว่า โยมไปสวดพุทธคุณเท่าอายุให้เกินกว่า 1 ให้ได้ เพื่อให้สติดี
แล้วสวด พาหุงมหากาฯ หายเลย สติก็ดีขึ้นเลย เท่าที่ใช้ได้ผล สวดตั้งแต่ นะโม พุทธัง ธัมมัง สังฆัง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
พาหุงมหากาฯ จบแล้วย้อนมาข้างต้น เอาพุทธคุณห้องเดียว (อิิติปิโส ภะคะวา จนถึง พุทโธ ภะคะวาติ)
ห้องละ 1 จบ ต่อ 1 อายุ เช่น อายุ 28 ก็สวด 29 ก็ได้ผล

พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ จิตธัมโม)

...สาธุ...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤษภาคม 2011, 14:59:34
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤษภาคม 2011, 15:15:27
โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ
ค่อยๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤษภาคม 2011, 15:22:51
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: SiamGigabit ที่ 21 พฤษภาคม 2011, 15:57:23
เดี๋ยวนี้ผู้ดีก็ พุทธธังเอากระตังใส่ตู้ ธรรมมังเอากระตังใส่ตู้ สังฆังเอากระตังใส่ตู้่
พวกที่เลว   พระไม่อยู่ทุบตู้เอากระตัง


หยุบหนอ พองหนอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤษภาคม 2011, 15:27:29
คำว่า "ไฟ" ใครใคร รู้จักยิ่ง
ไหม้ในสิ่ง ที่ขวางหน้า ไม่สงสัย
แต่ไฟหนึ่ง ลุกโพลง อยู่ข้างใน
มันเผาไหม้ ไล่ลาม มานานวัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤษภาคม 2011, 15:10:33
โกธํ ปญฺญาย อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: candygurl ที่ 23 พฤษภาคม 2011, 17:00:40
โค๊ด:
www.fungdham.com/
  ฟังกันให้อิ่มเอมใจไปเลยค่ะมีของพระเกจิอาจารย์หลายท่าน ให้ความรู้เยอะมากๆ  :-[


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: atzcret ที่ 23 พฤษภาคม 2011, 18:04:49
อนุโมทนาคร๊าา ^^


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤษภาคม 2011, 14:35:49

โกธํ ทเมน อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยความข่มใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤษภาคม 2011, 15:05:03
โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ
ค่อยๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤษภาคม 2011, 16:27:38
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤษภาคม 2011, 15:15:44
ปมาทมนุยุญฺชนฺติ พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา
คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบแต่ความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤษภาคม 2011, 14:39:20
ปมาโท รกฺขโต มลํ
ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤษภาคม 2011, 14:56:25
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: frxbaby ที่ 29 พฤษภาคม 2011, 15:00:13
ขอ กุศล ในครั้งนี้ ทำให้ ท่าน darkknightza
 ให้ได้ใช้โฮสฟรี เพราะผม ยังหา

order id ไม่เจอเลยสาธุ
:wanwan006:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 พฤษภาคม 2011, 15:04:15
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: m-16-150 ที่ 30 พฤษภาคม 2011, 15:23:14
(http://www.nkgen.com/5vj.gif)

ปฏิจสมุปบาท (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=goldmine&month=05-2011&date=30&group=1&gblog=1) /ปะติดจะสะหฺมุบบาด/ (สันสกฤต:ปรตีตยสมุตปาทะ) เป็นหลักธรรมข้อหนึ่งในพุทธศาสนา อธิบายถึง การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกัน จึงเกิดมีขึ้น

การที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยต่อเนื่องกันมา มีองค์หรือหัวข้อ 12 ดังนี้ คือ อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ

เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปทานจึงมี
เพราะอุปทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี
เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี
เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี
ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม

ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 พฤษภาคม 2011, 14:55:59
 ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มิถุนายน 2011, 14:17:45
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มิถุนายน 2011, 14:49:29
ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
ขันติ คือความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มิถุนายน 2011, 14:51:14
ท่านจขกท.ผมขอถามอะไรหน่อยนะครับว่า...ผู้หญิงวัยรุ่นที่ชอบเข้าวัด เข้าวา และทำบุญทำทานอยู่เสมอนั้น...เค้าจะเป็นคนดีจริงๆ
ผมว่าทำบุญกับคนดีไม่น่าจะเกี่ยวนะครับ เพราะบางคนทำบุญเอาๆแต่ก็ผิดศีล 5 ง่ายๆนี่แหละครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มิถุนายน 2011, 14:40:35
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มิถุนายน 2011, 14:42:28

อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: geravet ที่ 04 มิถุนายน 2011, 14:49:49
เยอะมาก ทำเป็น E-book ได้เลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Nhowdo ที่ 04 มิถุนายน 2011, 14:51:23
ว่างๆ เข้ามาอ่าน แล้วได้อะไรเยอะดีนะเนี่ย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มิถุนายน 2011, 14:48:26
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: stahcus ที่ 05 มิถุนายน 2011, 15:06:52
เจริญในธรรม

สาธุ

 :wanwan019: :wanwan019:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มิถุนายน 2011, 14:50:51
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มิถุนายน 2011, 15:14:32
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มิถุนายน 2011, 14:40:30
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มิถุนายน 2011, 15:51:32
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มิถุนายน 2011, 01:35:53
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มิถุนายน 2011, 14:19:16
ชิเน กทริยํ ทาเนน
พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มิถุนายน 2011, 23:10:22
เย ปมตฺตา ยถา มตา
ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มิถุนายน 2011, 13:51:30
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: dhammarong ที่ 15 มิถุนายน 2011, 14:10:05
อนุโมทนาครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มิถุนายน 2011, 23:32:55
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มิถุนายน 2011, 14:39:50
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มิถุนายน 2011, 14:24:01
ปญฺญา นรานํ รตนํ
ปัญญา เปรียบเสมือน เครื่องประดับแห่งตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: poyoairz ที่ 18 มิถุนายน 2011, 14:55:12
 :-[ . . . ลึกซึ้ง อ่านละเข้าใจเลยชีวิตค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ilovedharma ที่ 18 มิถุนายน 2011, 15:14:31
ขอแจมด้วย
คนๆ หนึ่งจะมีความสุขได้  มิใช่อยู่ที่มีมากหรือน้อย  ฉะนั้น ต้องทำใจให้กว้างยอมรับทุกสิ่งได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มิถุนายน 2011, 23:47:52
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มิถุนายน 2011, 15:06:16
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวกระเพราหมู ที่ 21 มิถุนายน 2011, 15:10:14
 :-[ :-[


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: candygurl ที่ 21 มิถุนายน 2011, 15:18:51
อนุโมธนาบุญค่ะ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มิถุนายน 2011, 15:50:07
อปฺปมาทรตา โหถ
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: suwan007 ที่ 22 มิถุนายน 2011, 16:00:59
สาธุ..จงเจริญในธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มิถุนายน 2011, 14:00:15

มนุญฺญเมว ภาเสยฺย
ควรกล่าวแต่วาจา ที่น่าพอใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มิถุนายน 2011, 14:41:56
ปมาเทน น สํวเส
ไม่ควรสมคบด้วยความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มิถุนายน 2011, 15:09:02
อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺติ
คนพาลที่ยังไม่ถูกผูกมัด แต่พอพูดในเรื่องใด ก็ถูกผูกมัดตัวในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มิถุนายน 2011, 23:28:11
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มิถุนายน 2011, 23:29:05
ท่านคิดว่าหากไม่มีธรรมะในจิตใจหรือมีน้อย...จะรวยด้วยเว็บบอลได้ไหม...ขอบคุณอย่างสูง
ผมว่ารวยได้ครับ แต่ผมว่าควรมีธรรมะในใจเยอะๆนะครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มิถุนายน 2011, 14:35:36
ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ
ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มิถุนายน 2011, 15:36:24
ปุตฺเต วิชฺชาสุ ฐาปย
บิดามารดา พึงให้บุตรเรียนศิลปวิทยา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: gb1977 ที่ 28 มิถุนายน 2011, 15:41:53
ขอ อนุญาต แจมด้วยคน ครับ

   เวปนี้ ทุกข์ใจเมื่อไหร เข้าไปหา พระธรรม อันเป็นที่พึง ได้เสมอๆ ครับ
 http://www.fungdham.com


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มิถุนายน 2011, 18:57:02
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มิถุนายน 2011, 14:30:06
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 06 กรกฎาคม 2011, 23:02:27
อวิทฺทสู มารวสานุวตฺติโน
คนโง่ มักตกอยู่ในอำนาจ แห่งมาร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ASteve ที่ 07 กรกฎาคม 2011, 14:54:48
มีธรรมะ ในใจแล้วควรจะปฎิบิติ กันให้เกิดผลด้วยนะครับถึงจะดี เพราะเคยเห็นบางคนสวดมนต์ทุกวัน แต่ก็ยังทำชั่วอยู่ก็มี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กรกฎาคม 2011, 15:08:58
มีธรรมะ ในใจแล้วควรจะปฎิบิติ กันให้เกิดผลด้วยนะครับถึงจะดี เพราะเคยเห็นบางคนสวดมนต์ทุกวัน แต่ก็ยังทำชั่วอยู่ก็มี
ถูกต้องครับผม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กรกฎาคม 2011, 23:36:30
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: หางหนอน ที่ 14 กรกฎาคม 2011, 00:29:42
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.

สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กรกฎาคม 2011, 22:39:29
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กรกฎาคม 2011, 23:15:29
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กรกฎาคม 2011, 13:54:05
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กรกฎาคม 2011, 14:01:11
สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ
ความบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กรกฎาคม 2011, 14:10:48
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: n1 ที่ 23 กรกฎาคม 2011, 14:24:33
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป..
(สรรพสิ่งไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ไม่จีรังยั่งยืน ล้วนเป็นทุกข์ ตั้งอยู่ทนอยู่ไม่ได้ ต้องมีการเปลี่ยนแปลง)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Keiku ที่ 23 กรกฎาคม 2011, 14:40:18
เมื่อตัวกับใจห่าง ชีวิตก็พลันเปลี่ยน ที่เคยสุขก็มีแต่ทุกข์ใจ อยากให้ความสุข กลับคืนมาใหม่ต้องเริ่มจากพลิกใจให้พอเพียง  :wanwan008:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กรกฎาคม 2011, 13:52:59
ขนฺติ สาหสวารณา
ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กรกฎาคม 2011, 14:10:13
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ
ความสิ้นตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กรกฎาคม 2011, 22:28:08
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: DragonBallZ ที่ 26 กรกฎาคม 2011, 22:59:59
นี่คือโลกแห่งสมมุติ เกิด-ดับ-ว่างเปล่า : หลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กรกฎาคม 2011, 14:11:49
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กรกฎาคม 2011, 15:48:15
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กรกฎาคม 2011, 14:31:02
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กรกฎาคม 2011, 14:01:07
สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ
ผู้ตั้งใจศึกษา ย่อมได้ปัญญา
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 กรกฎาคม 2011, 14:17:39
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 สิงหาคม 2011, 01:30:56
ขอบคุณสำหรับธรรมะดีๆครับผม   ว่าแต่เปิดwebballนี้เป็นบาปไหมครับท่าน
ขึ้นอยู่กับว่า เปิดเวบเพื่ออะไรครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: INSURECONSULTANT ที่ 02 สิงหาคม 2011, 01:33:28
อ่านแล้วประทับใจมากครับ  :-[ เยอะจัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: hmu111 ที่ 02 สิงหาคม 2011, 06:33:38
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 สิงหาคม 2011, 13:46:39
ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน
ความอดทน เป็นตปะ ( ต บ ะ ) ของผู้พากเพียร
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 สิงหาคม 2011, 16:58:43
อวิทฺทสู มารวสานุวตฺติโน
คนโง่ มักตกอยู่ในอำนาจ แห่งมาร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 สิงหาคม 2011, 23:14:41
ผมชอบอ่านครับ  fanclubครับผม
ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 สิงหาคม 2011, 23:23:29
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 สิงหาคม 2011, 15:12:48
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 สิงหาคม 2011, 14:22:04
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญานั่นแหละ ประเสริฐกว่าทรัพย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 สิงหาคม 2011, 13:44:34
หทยสฺส สทิสี วาจา
วาจาเช่นเดียวกับใจ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 สิงหาคม 2011, 13:50:30
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 สิงหาคม 2011, 15:48:08
ปมาโท รกฺขโต มลํ
ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 สิงหาคม 2011, 14:11:24
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 สิงหาคม 2011, 15:38:21
อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช
ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kankantk ที่ 11 สิงหาคม 2011, 16:33:58
อ่านแล้วได้ข้อคิดเยอะเลย  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 สิงหาคม 2011, 15:52:20
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: คุณนายหวานแหวว ที่ 12 สิงหาคม 2011, 16:18:17
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน  :wanwan016:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 สิงหาคม 2011, 13:18:53
ครุ โหติ สคารโว
ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 14 สิงหาคม 2011, 16:29:01
อิณาทานํ ทุกขํ โลเก
การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก
แจมๆ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: CJ69 ที่ 14 สิงหาคม 2011, 17:18:42
นยํ นยติ เมธาวี           
คนมีปัญญา ย่อมแนะนำทางที่ควรแนะนำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 สิงหาคม 2011, 13:46:29
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 สิงหาคม 2011, 15:53:16
ยทตฺตครหิ ตทกุพฺพมาโน
ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 สิงหาคม 2011, 14:09:27
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 สิงหาคม 2011, 11:44:10
อปฺปมาทรตา โหถ
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 สิงหาคม 2011, 14:31:48
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 สิงหาคม 2011, 14:49:06
สนาถา วิหรถ มา อนาถา
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 สิงหาคม 2011, 13:59:30
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 สิงหาคม 2011, 14:08:59
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 สิงหาคม 2011, 15:03:36
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: galaxy ที่ 23 สิงหาคม 2011, 15:55:39
เจ่งมากครับ เพิ่งเห้นกระทู้นี้ โหวตเป็นกระทู้ยอดเยี่ยม ตลอดกาล...  :'(


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 สิงหาคม 2011, 14:18:06
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 สิงหาคม 2011, 14:04:49
ปมาเทน น สํวเส
ไม่ควรสมคบด้วยความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 สิงหาคม 2011, 14:07:59
ปญฺญา นรานํ รตนํ
ปัญญา เปรียบเสมือน เครื่องประดับแห่งตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 สิงหาคม 2011, 14:11:05
มนาโป โหติ ขนฺติโก
ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 สิงหาคม 2011, 14:09:36
โกธํ ทเมน อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยความข่มใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nanjaow ที่ 28 สิงหาคม 2011, 22:07:32
http://www.youtube.com/watch?v=W5b437qIZVo&feature=player_embedded#!
คาถาพาหุง  ( Song Version )

http://www.youtube.com/watch?v=-y2rflmheic
JINABUNCHORN ( Song Version )


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 สิงหาคม 2011, 14:11:37
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 สิงหาคม 2011, 14:21:20
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 สิงหาคม 2011, 14:14:38
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กันยายน 2011, 14:18:04
พาโล อปริณายโก
คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กันยายน 2011, 14:17:42
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กันยายน 2011, 14:07:25
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กันยายน 2011, 14:08:08
แฟนคลับรายงานตัวครับผม    วันหลังกระผมจะหาธรรมะมาแจมนะครับท่าน
เชิญเลยครับ ถือว่าช่วยกันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กันยายน 2011, 14:17:22
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ADS2009 ที่ 04 กันยายน 2011, 15:30:36
แหล่ง Backlinks ชั้นดีเชียวล่ะครับ ดูเหมือนว่ากูเกิ้ลค่อนข้างให้เครดิตเว็บธรรมมะ พอสมควรครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กันยายน 2011, 14:39:00
อโหรตฺตมตนฺทิตํ ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ
คนขยันทั้งคืนทั้งวัน จักไม่ซึมเซา เรียกว่า แต่ละวันมีแต่นำโชค
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กันยายน 2011, 15:38:34
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: oja ที่ 06 กันยายน 2011, 21:47:43
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กันยายน 2011, 14:30:01
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กันยายน 2011, 14:06:02
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jastplays ที่ 09 กันยายน 2011, 00:40:17
 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กันยายน 2011, 14:25:50
ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
ขันติ คือความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กันยายน 2011, 13:50:17
อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ
คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กันยายน 2011, 14:10:08
ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน
ความอดทน เป็นตปะ ( ต บ ะ ) ของผู้พากเพียร
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กันยายน 2011, 14:23:38
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กันยายน 2011, 15:28:12
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กันยายน 2011, 14:12:37
มนาโป โหติ ขนฺติโก
ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กันยายน 2011, 13:22:23
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กันยายน 2011, 13:43:59
โกโธ สตฺถมลํ โลเก
ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กันยายน 2011, 13:21:43
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: VaimunSeed ที่ 17 กันยายน 2011, 13:35:08
 :wanwan017: ขอบคุณครับ

การทำบุญให้ได้ผลเต็ม 100% คือ...
1. ก่อนทำ มีความยินดีที่จะได้ทำบุญ
2. ขณะทำ มีความสุขที่ได้ทำบุญ
3. หลังทำ มีความปลื้มปิติในบุญที่ทำ

ไม่รู้ว่าเขียนถูกป่าว แต่สรุปได้ใจความว่า ก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำ จะต้องมีความสุข ใจผ่องใสกับบุญที่ทำ

การทำบุญไม่จำเป็นที่ต้องทำด้วยเงินทอง อะไรที่เป็นบุญ เป็นกุศล ก็เป็นบุญเหมือนกัน แม้เราไม่ได้ไปตักบาตร ถวายสังฆทาน แค่เราอนุโมทนาด้วยใจ ก็ได้บุญแล้ว แต่ถ้าใครไม่ค่อยมีเวลาไปทำบุญ ก็ให้สวดมนต์ เจริญสมาธิอยู่ที่บ้านก็ได้ เพราะการนั่งสมาธิเป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กันยายน 2011, 14:22:56
มนาโป โหติ ขนฺติโก
ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กันยายน 2011, 13:47:53
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: anuraka ที่ 19 กันยายน 2011, 14:11:55
(http://img821.imageshack.us/img821/2306/6134767250.jpg) (http://imageshack.us/photo/my-images/821/6134767250.jpg/)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กันยายน 2011, 14:35:35
อปฺปมาทญฺจ เมธาวี ธนํ เสฏฺฐฺ รกฺขติ
ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์ประเสริฐสุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: poom ที่ 20 กันยายน 2011, 14:54:48
ละชั่ว
ประพฤติดี
ละทิฐิ
ไม่เป็นพาล
หวังเพื่อพระนิพพาน
บำเพ็ญญาณสนองคุณ
สนองแล้วคุณพระแก้วสององค์
ประจำชีวิต ตลอดชีวิต

(พระแก้วสององค์ = พ่อและแม่)
-----------------------------------
ธรรมดาของจิต ไม่มีดีใจเสียใจ
ที่ดีใจเสียใจนั้น ไม่ใช่จิต
-----------------------------------
จิตที่อบรมมาดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้
-----------------------------------


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กันยายน 2011, 14:36:20
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: sothorn.aia ที่ 21 กันยายน 2011, 23:16:43
 :wanwan007: จับแมลง แปลงกาย กลายร่างเป็นเงินทอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กันยายน 2011, 13:28:47
อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา
ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตนอยู่เป็นนิจ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กันยายน 2011, 15:46:26
โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ
ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กันยายน 2011, 15:27:57
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กันยายน 2011, 15:52:38
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กันยายน 2011, 15:54:08
ปมาเทน น สํวเส
ไม่ควรสมคบด้วยความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: 0853933239 ที่ 27 กันยายน 2011, 10:23:37
ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้สงบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: tonmaiza ที่ 27 กันยายน 2011, 12:12:00
ฺฺฺBookmark เรียบร้อยครับ  ขอบคุณครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กันยายน 2011, 17:08:07
ขนฺติ ธีรสฺสลงฺกาโร
ความอดทน เป็นเครื่องประดับ ของนักปราชญ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กันยายน 2011, 13:21:56
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กันยายน 2011, 13:48:09
ขนฺติพลา สมณพราหมณา
สมณพรามหณ์ มีความอดทนเป็นกำลัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กันยายน 2011, 13:35:33
สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํ
ความซื่อสัตย์นั่นแล ดีกว่ารสทั้งหลาย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ตุลาคม 2011, 13:54:03
เย ปมตฺตา ยถา มตา
ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ตุลาคม 2011, 14:35:05
ธมฺมเทสฺสี ปราภโว
ผู้เกลียดธรรม เป็นผู้เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: haward ที่ 02 ตุลาคม 2011, 15:00:26
วิรีเยน ทุขมเจติ
คนล่วงทุกข์ ด้วยความเพียร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ตุลาคม 2011, 13:48:05
ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 ตุลาคม 2011, 13:22:45
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: iamscreener ที่ 04 ตุลาคม 2011, 13:25:20
สาธุ สาธุ  :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ตุลาคม 2011, 15:25:39
   
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 ตุลาคม 2011, 14:07:13
โยคา เว ชายเต ภูริ
ปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ตุลาคม 2011, 15:46:04
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 ตุลาคม 2011, 15:51:50
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
รสแห่งธรรมะ ย่อมชนะรสทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ตุลาคม 2011, 16:41:42
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ตุลาคม 2011, 15:51:51
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ตุลาคม 2011, 15:40:02
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pasanzaza ที่ 11 ตุลาคม 2011, 15:49:49
 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ตุลาคม 2011, 17:01:12
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ตุลาคม 2011, 15:53:47
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: SWOY ที่ 13 ตุลาคม 2011, 16:24:20
ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ตุลาคม 2011, 15:52:19
โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ
ค่อยๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: iamhero ที่ 14 ตุลาคม 2011, 16:16:05
ขอด้วยคนครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ตุลาคม 2011, 15:51:52
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: MR.chk ที่ 15 ตุลาคม 2011, 20:57:18
สาธุ สาธุ ขอบคุณมากครับ!


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ตุลาคม 2011, 15:52:52
วาจํ ปมุญเจ กุสลํ นาติเวลํ
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ดี ให้เกินแก่ควรกาล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bus12236 ที่ 16 ตุลาคม 2011, 16:12:19
 :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ตุลาคม 2011, 14:09:37
ขนฺติ พลํ ว ยตีนํ
ความอดทน เป็นกำลัง ของนักพรต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prince_ice ที่ 17 ตุลาคม 2011, 15:07:23
อนุโมทนา ครับ ย่าให้กระทู้ดีๆแบบนี้ ตกไปน่ะครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: chamnanpha ที่ 17 ตุลาคม 2011, 15:16:37
ขอบคุณครับ
ต้องมุ่งหาธรรมะบ้างล่ะ
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ตุลาคม 2011, 16:54:52
มนุญฺญเมว ภาเสยฺย
ควรกล่าวแต่วาจา ที่น่าพอใจ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ตุลาคม 2011, 13:28:44
ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต
ปัญญา เป็นแสงสว่างในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ตุลาคม 2011, 14:47:21
โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ
ค่อยๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ตุลาคม 2011, 14:42:01
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ตุลาคม 2011, 15:41:25
ธมฺมกาโม ภวํ โหติ
ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ตุลาคม 2011, 15:46:57
สนาถา วิหรถ มา อนาถา
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ตุลาคม 2011, 15:42:18
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ตุลาคม 2011, 16:05:41
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ตุลาคม 2011, 15:51:53
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ตุลาคม 2011, 15:11:38
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ตุลาคม 2011, 15:43:39
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ตุลาคม 2011, 14:27:09
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ตุลาคม 2011, 15:53:39
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ตุลาคม 2011, 15:10:50
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤศจิกายน 2011, 15:30:01
น หิ มุญเจยฺย ปาปิกํ
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ชั่วเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: tamdi ที่ 01 พฤศจิกายน 2011, 16:19:39
 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤศจิกายน 2011, 00:08:53
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤศจิกายน 2011, 23:06:37
สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: mr.fabza ที่ 08 พฤศจิกายน 2011, 23:23:06
สาธุ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ชนเผ่าอาข่า ที่ 09 พฤศจิกายน 2011, 09:08:55
ปรมา ภริยา สขา
ภรรยาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤศจิกายน 2011, 16:14:47
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤศจิกายน 2011, 14:45:11
ทุกฺขํ สยติ โกธโน
คนมักโกรธ ย่อมอยู่เป็นทุกข์
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤศจิกายน 2011, 23:56:46
 ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤศจิกายน 2011, 22:46:31
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤศจิกายน 2011, 23:05:47
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤศจิกายน 2011, 23:38:06
อนตฺถชนโน โกโธ
ความโกรธก่อความพินาศ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤศจิกายน 2011, 23:21:15
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤศจิกายน 2011, 23:04:29
มนาโป โหติ ขนฺติโก
ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤศจิกายน 2011, 23:06:02
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤศจิกายน 2011, 22:53:31
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: NenaDesign ที่ 29 พฤศจิกายน 2011, 07:22:42
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.

ต้องตั้งใจมั่น  :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 ธันวาคม 2011, 01:30:32
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Taew2011 ที่ 06 ธันวาคม 2011, 02:16:37
อนุโมธนา สาธุ ค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: OAT13 ที่ 06 ธันวาคม 2011, 10:16:40
ที่ร้านผมขายหนังสือเ่ล่มนี้อ่าาาาาาาาาาาาา วิธีสร้างบุญบารมี มีคนซื้อไปแจกเยอะมากครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: MRYA ที่ 06 ธันวาคม 2011, 22:33:07
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ธันวาคม 2011, 23:05:11
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: philasart ที่ 07 ธันวาคม 2011, 23:11:18
อ่านแล้วได้ประโยชน์ เป็นกระทู้ที่ดีึมาก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ธันวาคม 2011, 23:15:30
up :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ธันวาคม 2011, 03:33:24
up :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ธันวาคม 2011, 23:21:15
up ครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Papza_allnew ที่ 12 ธันวาคม 2011, 00:51:29
ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ
พระธรรมนี่แหละย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ธันวาคม 2011, 23:58:30
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ธันวาคม 2011, 00:00:24
up ครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ธันวาคม 2011, 00:22:11
up ครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ธันวาคม 2011, 00:13:34
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ธันวาคม 2011, 23:23:29
up ครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ธันวาคม 2011, 03:53:16
up  :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zidit ที่ 18 ธันวาคม 2011, 09:31:35
อนุโมทนา + ช่วยดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ธันวาคม 2011, 01:05:57
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ธันวาคม 2011, 00:50:41
up :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ธันวาคม 2011, 00:15:31
ดันครับผม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ธันวาคม 2011, 00:06:56
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ธันวาคม 2011, 01:45:06
up :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: dashboard ที่ 24 ธันวาคม 2011, 07:23:37
ธรรมะเป็นสิ่งดี คิดดี ทำดี ชีวิตจะมีแต่สิ่งดีๆ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Indigome ที่ 24 ธันวาคม 2011, 11:53:47
 :wanwan017:สาธุค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ธันวาคม 2011, 23:34:27
up ครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ธันวาคม 2011, 00:14:49
ดันนะครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ธันวาคม 2011, 00:17:17
up :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Papza_allnew ที่ 28 ธันวาคม 2011, 01:51:20
ธรรม ที่นำไปสู่ความหลุดพ้น

ประโยคธรรม : หลวงปูฤาษีลิงดำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ธันวาคม 2011, 00:10:13
up


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ธันวาคม 2011, 23:22:51
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มกราคม 2012, 23:46:25
up


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: healthwellnesscare ที่ 03 มกราคม 2012, 00:31:29
web kanlayanatam
มีไฟล์ เสียงธรรมะของพระอาจารย์ต่างๆให้โหลดฟรีเยอะมากค่ะ
 :wanwan012: :wanwan012: :wanwan012:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มกราคม 2012, 05:40:14
up


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มกราคม 2012, 22:48:53
ช่วยกันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มกราคม 2012, 23:48:59
upup


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มกราคม 2012, 00:21:56
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มกราคม 2012, 00:54:48
up :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มกราคม 2012, 02:31:01
up :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มกราคม 2012, 02:25:17
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ริคาร์โด้กาก้า ที่ 10 มกราคม 2012, 02:28:09
ใครพอมี ebook หรือหนังสือที่เค้าขายกัน  เรื่องพระพุทะเจ้า บ้างมั้ยครับ ขอแบบละเอียดๆ  ขอบคุณล่วงหน้าครับ  แนะนำหน่อยครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มกราคม 2012, 14:43:24
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มกราคม 2012, 04:22:01
up :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มกราคม 2012, 14:40:29
up krub


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Lesson ที่ 12 มกราคม 2012, 16:15:39
 :wanwan003: :wanwan003: :wanwan003: :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: wind_seed ที่ 12 มกราคม 2012, 16:28:50
สติอยู่กับปัจจุบัน มีแต่สุขใจ
สติอยู่กับอดีต หรือ อนาคตที่มาไม่ถึง มีแต่ทุกข์ใจ
ดังนั้น ทำวินาทีนี้ให้ดีที่สุด จดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะ ตลอดเวลา
แล้วทุกอย่างในชีวิตจะดีทวีคูณ :wanwan002:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มกราคม 2012, 23:50:13
up :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มกราคม 2012, 14:40:22
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มกราคม 2012, 00:57:06
up hrub


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มกราคม 2012, 14:22:15
up :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มกราคม 2012, 00:54:45
up :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มกราคม 2012, 02:40:58
up :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มกราคม 2012, 03:23:28
up :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มกราคม 2012, 15:06:00
ช่วยกันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Papza_allnew ที่ 17 มกราคม 2012, 15:14:36
อดีตกรรม ถ้ากรรมดี เสวยอยู่

ปัจจุบันกรรม สร้างกรรมชั่ว ย่อมลบล้าง

อดีตกรรม กรรมแห่งอกุศล วิบากตน

ปัจจุบัน สร้างกรรมดี ย่อมผดุง

สมเด็จโต

สาธุ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มกราคม 2012, 15:59:33
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มกราคม 2012, 14:12:15
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มกราคม 2012, 13:45:39
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มกราคม 2012, 16:08:19
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: michael99 ที่ 21 มกราคม 2012, 16:19:07
ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: razY ที่ 21 มกราคม 2012, 16:23:14
ถ้าพูดตรงๆนี่ จะเคืองกันไหมหนอ

ไม่ชอบฟังธรรม ชอบฟังแต่เพลง ครับ  :wanwan008:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มกราคม 2012, 15:42:32
ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: grumgrim ที่ 22 มกราคม 2012, 15:44:30
สาธุๆ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: addview ที่ 22 มกราคม 2012, 17:14:21
 :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: omarukung ที่ 22 มกราคม 2012, 17:23:48
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มกราคม 2012, 16:10:10
สุวิชาโน ภวํ โหติ
ผู้มีความรู้ในทางที่ดี เป็นผู้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มกราคม 2012, 15:53:15
พาโล อปริณายโก
คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: HERO_PP ที่ 24 มกราคม 2012, 16:10:24
เวรละงับได้ด้วยการไม่จองเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มกราคม 2012, 15:41:46
ปุตฺเต วิชฺชาสุ ฐาปย
บิดามารดา พึงให้บุตรเรียนศิลปวิทยา
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: healthwellnesscare ที่ 25 มกราคม 2012, 22:27:49
เคยอ่านแล้ว ดีจัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มกราคม 2012, 14:25:12
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มกราคม 2012, 23:45:23

ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ
ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มกราคม 2012, 01:13:23
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มกราคม 2012, 23:54:27
โยคา เว ชายเต ภูริ
ปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มกราคม 2012, 15:34:57

พทฺธาปิ ตตฺถ มุจฺจนฺติ ยตฺถ ธีรา ปภาสเร
คนมีปัญญา แม้มีปัญหา และ ถูกผูกมัดอยู่ พอพูดในเรื่องใด ก็หลุดได้ในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012, 10:07:16
up :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: atzcret ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012, 12:00:05
อนุโมทนากับทุกท่าน ในการอยู่กับธรรม

 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2012, 22:46:22
up


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: healthwellnesscare ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2012, 22:48:57
โหลดไฟล์ mp3 ธรรมะดีๆจากพระอาจารย์หลายท่านได้ฟรีที่
wxw.kanlayanatam.com


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012, 07:31:14
up


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: amulet ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012, 08:17:38
อนุโมทนา สาธุการ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012, 15:09:06
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012, 13:13:26
ดันๆ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012, 12:25:34
up :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012, 13:53:22
up :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2012, 19:04:21
up


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012, 15:31:15
ไฟเสมอด้วยราคะ ไม่มี
ผู้จับเสมอด้วยโทสะไม่มี
ข่ายเสมอด้วยโมหะ ไม่มี
แม่น้ำเสมอด้วยตัณหา ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ddcommerce ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012, 17:04:56
อนุโมทนาสาธุด้วยครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2012, 02:10:40
   
อนตฺถชนโน โกโธ
ความโกรธก่อความพินาศ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2012, 14:50:01
ทุฏฺฐสฺส ผรุสา วาจา
คนโกรธมีวาจาหยาบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2012, 15:46:02
สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํ
ความซื่อสัตย์นั่นแล ดีกว่ารสทั้งหลาย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: popep ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2012, 22:34:33
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2012, 15:52:22
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2012, 15:56:50
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ
ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2012, 15:48:24
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ
บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Pink.in.th ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2012, 16:25:37
เป็นสิ่งที่จะนำมาปฏิบัติตามเป็นอย่างยิ่งค่ะท่าน   :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2012, 15:52:05
นาญฺญํ นิสฺสาย ชีเวยฺย
ไม่พึงอาศัยผู้อื่นยังชีพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2012, 15:53:08
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2012, 23:09:29
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012, 13:53:50
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: SEOLOVEis ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012, 14:05:53
อนุโมธนา ขอให้ท่านมีแต่ความสุขความเจริญ ขอบคุณมากนะคับ  :wanwan031:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2012, 15:47:02
ขนฺติ พลํ ว ยตีนํ
ความอดทน เป็นกำลัง ของนักพรต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2012, 13:17:17
อนตฺถชนโน โกโธ
ความโกรธก่อความพินาศ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2012, 13:47:05
สทตฺถปสุโต สิยา
พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2012, 14:03:17
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2012, 15:47:35
 การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2012, 13:49:55
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2012, 13:44:22
ยทตฺตครหิ ตทกุพฺพมาโน
ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2012, 14:15:31
สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ
ผู้ตั้งใจศึกษา ย่อมได้ปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2012, 13:25:14
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2012, 13:10:22
อตีตา กาเล ในสมัยครั้งพุทธกาล นายติณบาลฯ เป็นคนยากจนอาสาเป็นลูกจ้างทำสวนหญ้าให้เศรษฐีทำหน้าที่ตัดหญ้าที่บริเวณ บ้านเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่ง เขาคิดว่า เรานี้เป็นคนยากจน เพราะไม่เคยทำบุญใดไว้ในชาติก่อนเลย เกิดมาชาตินี้จึงเป็นคนรับใช้ไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีสมบัติอะไรติดตัวแม้แต่น้อย เมื่อเขาคิดดังนี้แล้ว เขาจึงแบ่งอาหารที่ได้รับจากการรับจ้างแต่ละเดือนออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเอาไว้ถวายแก่พระสงค์ที่บิณฑบาต อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้บริโภคเอง อยู่ต่อมาพอถึงเทศการออกพรรษา เหล่าชนผู้มีศรัทธาต่างพากันทำบุญทอดกฐินเป็นการใหญ่ แม้เศรษฐีผู้เป็นนายเขาก็เตรียมการจะทอดกฐินเช่นกัน จึงได้ประกาศให้สาธารณะชนทราบทั่วไป เมื่อนายติณบาลฯได้ยินการประกาศ ก็เกิดความเลื่อมใสขึ้นในใจทันที คิดในใจว่ากฐินนี้แหละจะเป็นทานอันประเสริฐ จึงเข้าไปพูดกับเศรษฐีผู้เป็นนายว่า อยากจะร่วมอนุโมทนากฐินทานครั้งนี้ด้วย แต่ตัวเองไม่มีเงินติดตัวเลย จึงคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาได้เปลื้อง (ถอด) ผ้านุ่งของตนออกทำความสะอาดแล้วพับอย่างดี ส่วนตัวเองนำเอาใบไม้มาเย็บนุ่งแทนผ้าแล้วนำผ้าของตน เที่ยวเร่ขายไปตามร้านตลาด หมู่ชนเห็นเขานุ่งใบไม้ก็พากันหัวเราะต่าง ๆ นา ๆ นายติณบาลจึงชูมือขึ้นกล่าวว่า พวกท่านทั้งหลายจงหยุดก่อน อย่าหัวเราะข้าพเจ้าเลย ข้าฯ ยากจน ไม่มีผ้าจะนุ่ง จะขอนุ่งใบไม้แต่ในชาตินี้เท่านั้น ชาติหน้าเราจะนุ่งผ้าอันเป็นทิพย์ เขาขายผ้าได้ห้ามาสก (1 บาทของเราในปัจจุบัน) แล้วนำเงินดังกล่าวมาร่วมอนุโมทนาทอดกฐินกับเศรษฐีผู้เป็นนาย ขณะนั้นได้เกิดการโกลาหลทั่วไปในหมู่ชนตลอดถึงเทวดาในชั้นฉกามาวจรสวรรค์ ติณบาลมีฐานะร่ำรวยอย่างไม่มีใครคาดคิด บั้นปลายของชีวิตเขาได้รับตำแหน่งเป็นเศรษฐีอยู่จนมีอายุขัย ก็ถึงแก่กรรมไปเกิดเป็นเทพบุตรในชั้นดาวดึงส์สวรรค์ เสวยสมบัติทิพย์อยู่ในวิมานแก้วสูงได้ห้าโยชน์ มีนางอัปสรหนึ่งพันแวดล้อมเป็นบริวาร (ทำบุญด้วยความเลื่อมใสมาก ถึงทรัพย์จะมีน้อยก็ได้บุญมาก)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: malong ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2012, 14:30:46
กระทู้นี้ 37 หน้ายาวเกินไปหรือเปล่า

จริงๆแล้วธรรมะมีอยู่รอบตัว

เพราะธรรมะเป็นกฏแห่งความเป็นจริงที่มีประจำอยู่แล้วในสากลเอกภพ

อยู่ที่ใครจะมีดวงตามองเห็นธรรมได้มากน้อยเพียงใด...แค่ไหน

ที่เห็นกันว่าจริงมันอาจไม่จริงอย่างที่เห็น เพราะมันมีสิ่งสมมุติปิดกั้นบังตาเอาไว้เยอะ




หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: poom ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2012, 14:41:33
หลวงพ่อพาโยมพ่อและโยมแม่ในชาติปัจจุบันไปพระนิพพาน
(พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานหรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
 
“..วันอังคารที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ อาตมานั่งทำจิตสบายสัก ประเดี๋ยว อารมณ์ก็เป็นสุขคิดว่า ไอ้เกิด ไอ้แก่ ไอ้ตาย มันไม่มีความหมาย เกิดก็แค่นั้น แก่ก็แค่นั้น ตายก็แค่นั้น มันจะตายก็ตาย มันจะอยู่ก็อยู่ ไม่เห็นมีอะไร สักครู่เดียวโยมพ่อในชาติปัจจุบันท่านมา เดิมมาถึงก็พูดว่า “ไง คุณสบายดีหรือ” ตอบท่านว่า “สบายดี โยมเป็นสุขหรือเป็นทุกข์” ท่านก็ตอบว่า “ฉันสุขมาก” ถามว่า “สุขมากสุขอย่างไร ทำไมถึงสุข เมื่อโยมมีชีวิตอยู่ โยมทำแต่ความดีอย่างเดียวหรืออย่างไร ถึงได้สุข” ท่านก็เลยถามว่า “ท่านองคุลีมาล ทำความดีอย่างเดียวหรืออย่างไรถึงไปพระนิพพานได้” หมายความว่าท่านองคุลีมาลน่ะ ร้ายกาจกว่าท่านมาก ทำกรรมที่เป็นอกุศลมากกว่าท่านมาก ท่านยังไปพระนิพพานได้ ทำไมท่านจะเป็นสุขไม่ได้ ถามท่านว่า “โยมไปพระนิพพานนานแล้วหรือ” ท่านตอบว่า “ยัง ท่านอยู่ชั้นยามา” ท่านมาในรูปเดิมตอนแรก แต่พอบอกเป็นสุขอยู่ชั้นยามาเท่านั้น รูปเดิมหายไป ตอนนี้สวยเช้งวับเลย ท่านมีเครื่องประดับขาวทั้งชุด ซึ่งเป็นสีของเครื่องประดับชั้นยามา

โยมพ่อท่าน “พุทโธ” เป็นปกติ ก่อนจะตายท่านห่มสไบเฉียงกราบบูชาพระแบบสบาย ท่านเรียกอาตมาแล้วพูดว่า “นิมนต์คุณมานี่หน่อย” พอเข้าไปท่านก็ยกมือขอขมา จึงถามท่านว่า“โยมขอขมาอะไร” ท่านก็ตอบว่า “ฉันขอขมาพระรัตนตรัย” ท่านชี้มือไปที่พระพุทธรูปแล้วบอกว่า “นั่นพระพุทธ คุณมานั่งเป็นพระสงฆ์เป็นพยานให้ครบหน่อย” จึงถามว่า “พระธรรมอยู่ที่ไหน” ท่านตอบว่า “คุณเป็นพระสงฆ์ต้องมีพระธรรม จึงจะเป็นพระสงฆ์ ฉันมีไตรสรณคมณ์ครบ” แล้วท่านก็ขอขมาพระรัตนตรัย พอเสร็จท่านก็บอกว่า “เสร็จกิจแล้ว” คำว่า “เสร็จกิจ” ของท่านหมายความว่าหมดธุระของท่านแล้ว หลังจากนั้นท่านก็นั่งพิงฝาพนมมือ เวลานั้นเป็นเวลาสักบ่าย ๓ โมง มองดูเห็นท่านนั่งสบายๆ จึงไม่กวนใจอะไรท่าน สักประเดี๋ยวกลับมาดูโยมก็ยังไม่เลิกนั่ง จึงบอกคนอื่นว่าอย่าทำเสียงดังเพราะโยมกำลังนั่งภาวนาอยู่ จนกระทั่งเย็นถึงเวลากินข้าว พี่สาวอาตมาขึ้นไปจะบอกให้ไปกินข้าว พอไปดูที่ไหนได้เข้าฌานเลย ๔ ไปหน่อยเพราะฌาน ๔ นี่ไม่ปรากฏลมหายใจ จึงมาดูเห็นโยมพ่อเข้าฌานละเอียดมาก พอเหลียวไปเห็นท่านไปยืนอยู่ข้างหน้าเลยบอกพี่สาวว่า “โยมเข้าฌานละเอียดมากไปหน่อยแล้ว ไม่ต้องเรียกกินข้าวเพราะท่านไม่กินแล้ว” โยมพ่อท่านบอกว่า “ก่อนจะตายตัวท่านชา” อาตมาถามว่า “การสืบต่อกุศลของท่านไปถึงไหนแล้ว” ท่านตอบว่า “การต่อกุศลข้างบน เวลานี้เป็นพระอนาคามีแล้ว”

เมื่อโยมพ่อพูดจบแล้ว โยมแม่ในชาติปัจจุบันก็เข้ามาหาอาตมาบอกว่า “โยมเป็นสุข” อาตมาถามว่า “โยมเป็นสุขเพราะอาศัยอะไรเป็นปัจจัย” ท่านก็ตอบว่า “คุณจำได้ไหมเวลาก่อนที่ฉันจะตาย ฉันทำอย่างไร” ก็เลยจำได้ว่า “โยมนั่งตาย” ก็เห็นท่านเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นยามาเหมือนโยมพ่อ

อาตมาพาโยมพ่อและโยมแม่ในชาติปัจจุบันไปพระนิพพาน

วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ วันนี้ อาตมาป่วยมาก หลังจากไปสั่งงานให้นายช่างทำมณฑปพระยืน ๘ ศอก เสร็จแล้วก็กลับมานอนพัก รู้สึกว่างงมากและเหนื่อยมาก มีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่าร่างกายนี้คงจะทรงตัวได้ไม่นาน อาจจะตายภายในไม่ช้านี้ก็ได้ จึงได้รวบรวมกำลังใจขึ้นไปเฝ้าองค์สมเด็จพระจอมไตรคือพระพุทธเจ้าที่วิมานบน พระนิพพาน คำว่า นิพพาน นี้ใครจะว่าสูญก็เป็นเรื่องของท่าน แต่อาตมามีความรู้สึกว่าไม่สูญ ความจริงเรื่องของพระพุทธศาสนา ถ้าเราจะอ่านกันแต่เพียงหนังสืออย่างเดียว ก็คงไม่เข้าถึงพระพุทธศาสนาแน่นอนนัก เพราะความเห็นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทางที่ดีก็ควรจะค้นคว้าด้วยวิธีปฏิบัติ แนวปฏิบัติมี ๔ อย่างคือ

๑) สุขวิปัสโก
๒) เตวิชโช
๓) ฉฬภิญโญ
๔) ปฏิสัมภิทัปปัตโต

ถ้าเราทำได้ครบทุกอย่าง ก็จะไม่สงสัยในพระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่ออาตมาไปถึงพระนิพพานแล้ว ก็ไปนั่งที่ที่เคยนั่ง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ประทับอยู่หลายองค์ ไปถึงก็กราบนมัสการท่าน ท่านก็ตรัสว่า “คุณ เทวดา นางฟ้า พรหม เขาคอยอยู่ที่เทวสภาเต็มหมด ทำไมไม่ไปแวะที่นั่นก่อน กลับไปที่เทวสภาก่อน” จึงได้กราบท่านแล้วมาที่เทวสภา พอมาถึงก็เห็นท่านผู้มีพระคุณคือ บิดามารดาเดิม ครูบาอาจารย์ ท่านย่า ท่านปู่ใหญ่ ท่านผู้มีคุณทั้งหลายรวมทั้งในชาติปัจจุบัน ก็ถือว่า เทวดา นางฟ้า พรหมทั้งหมด เป็นผู้มีคุณทั้งหมด เพราะว่างานทุกอย่างทุกประเภทท่านช่วย ที่ทำสำเร็จขึ้นมาได้ก็เพราะพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ พรหม เทวดา นางฟ้า และท่านย่ากรุณาส่งลูกแก้วให้ แก้วจักรพรรดิพิมานหรือแก้วเพชรจักรพรรดิก็ตาม ตามใจจะเรียก องค์นี้หลวงปู่ชุ่มให้ไว้ก่อน

ต่อ มาท่านย่านำองค์เล็กมาให้บอกว่า เป็นองค์น้อง มีไว้ ๒ องค์ งานทุกอย่างจะสำเร็จหมดตามประสงค์ เมื่อกราบขอบคุณท่านเสร็จ อาตมาก็บอกว่า “ต่อนี้ไปอาตมาจะไปพระนิพพาน มีท่านผู้ใดบ้างจะไปพระนิพพานกับอาตมา เชิญไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิมานหลังใหญ่ที่พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้ทุกท่านไปพักได้ ทุกเวลา โดยไม่ต้องมีอาตมานำไป บริเวณทั้งหมดกว้างใหญ่ไพศาลา เดินเล่นตามสบาย หลังจากนั้นต่างองค์ต่างมีวิมานบนพระนิพพานอยู่แล้ว ทุกท่านจะไปวิมานของท่านก็ได้ หรือจะไปเที่ยววิมานของอาตมาก็ได้”

เมื่อ พูดจบอาตมาก็ลุกจากที่ เทวดา นางฟ้า พรหมทั้งหมดก็ตามมา พอมาถึงอาตมาก็นั่งที่เดิมนมัสการพระพุทธเจ้า เทวดา นางฟ้า พรหมทั้งหมดก็นั่งที่วิมานหลังใหญ่ สำหรับวิมานหลังที่อาตมานั่งก็มีญาติผู้ใหญ่ใกล้ชิดนั่งอยู่เต็ม พอดีหันไปทางขวาพบโยมพ่อในชาติปัจจุบันท่านนั่งอยู่ด้านขวา จึงถามท่านว่า “โยมขึ้นมาบนสวรรค์ได้อย่างไร ในเมื่อโยมมีบาปมากเพราะอาศัยความรักลูกเป็นห่วงลูก เกรงว่าลูกจะอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งศีล ๔ ข้อโยมครบถ้วน แต่ศีลข้อที่ ๑ คือ ปาณาติบาต โยมจับสัตว์คือปลามาให้ลูกกิน มันก็บาป แล้วโยมทำไมจึงมาสวรรค์ได้” โยมก็ตอบว่า“ขณะที่ผมหนุ่มๆ ผมทำอย่างนั้นจริง และไม่ค่อยได้เข้าวัด แต่การปฏิบัติในศีลในธรรมทุกอย่างครบถ้วน เว้นไว้แต่ปาณาติบาต เหล้าก็ไม่กิน ฝิ่นก็ไม่สูบ บุหรี่ก็ไม่สูบ ทุกอย่างครบถ้วน แต่ทว่าตอนแก่ตัว คุณอยู่ที่วัดบางนมโคก็ดี อยู่ที่กรุงเทพฯก็ดี ผมมีความเป็นห่วงคุณเป็นอันมาก ทุกวันทุกคืนนึกถึงแต่คุณองค์เดียวว่า อยู่ไกลจากพี่จากน้องจะมีความลำบาก นึกถึงอย่างนี้จนกระทั่งถึงป่วย ยิ่งเวลาป่วยยิ่งนึกถึงมากขึ้น เพราะอาศัยนึกถึงคุณเป็นอารมณ์อย่างนี้อย่างเดียวโดยเฉพาะ อย่างนี้เรียกว่าเป็น “สังฆานุสติ” คือนึกถึงพระสงฆ์เป็นอารมณ์ พอ ตายจากความเป็นคนโยมก็ขึ้นไปเกิดเป็นเทวดาชั้นยามา” ตามปกติสมัยเป็นมนุษย์โยมก็ชอบบูชาพระ สวดมนต์อยู่เสมอ ถึงวัดจะไม่ค่อยได้ไปก็ไม่เป็นไรแต่ทำที่บ้าน จึงถามว่า “วิมานของโยมบนพระนิพพานมีแล้วหรือยัง”โยมก็ตอบว่า “มี” และชี้มือไปทางด้านขวาบอกว่า “วิมานของโยมตั้งด้านขวาวิมานของคุณด้านโน้น” อาตมาก็เหลียวไปดูก็เห็นวิมานของโยมสวยสดงดงามมาก

หลัง จากนั้นอาตมาได้ถามโยมผู้หญิงในชาติปัจจุบันว่า “โยม ในสมัยที่เป็นมนุษย์ เป็นนักบุญชอบบูชาพระ ชอบไปวัดชอบฟังเทศน์ไม่ขาดเกือบทุกวันพระ เรื่องเกี่ยวกับบุญเกี่ยวกับอะไรก็ตาม สนใจทุกอย่าง เวลานี้โยมอยู่ชั้นไหน” โยมผู้หญิงตอบว่า “อยู่ชั้นยามาเหมือนกับโยมพ่อ แต่ว่าฉันชอบบูชาพระ ทุกวันจะให้นางฟ้าก็ดี ฉันก็ดี จะช่วยกันเก็บดอกไม้ในวิมานเป็นดอกไม้สีขาว ชั้นยามานี้สีขาวหมด แล้วนำมาบูชาพระ” อาตมาถามว่า “ดอกไม้ที่เหลือจากการบูชาพระมันไม่เหี่ยวไม่แห้งหรือ” ท่านก็บอกว่า “ไม่เหี่ยวไม่แห้ง ถ้าเราไม่ต้องการดอกไม้ก็หายไป ไม่ต้องเอาไปทิ้งแล้วก็ไปเก็บมาใหม่ ทำอย่างนี้ทุกวัน” ถามว่า “ในเมื่อโยมเป็นนักบุญแบบนี้ เวลานี้โยมมีวิมานบนพระนิพพานแล้วหรือยัง”

ท่าน ตอบว่า “ยัง” อาตมาแปลกใจ ถามว่า “โยมผู้ชายความจริงเสียเปรียบโยมผู้หญิง เพราะทำปาณาติบาตมาก แต่โยมผู้หญิงไม่ค่อยได้ทำปาณาติบาต บาปไม่ค่อยได้ทำ ทำแต่บุญ ทำไมจึงไม่มีวิมานบนพระนิพพาน พระพุทธเจ้าเทศน์ตั้งหลายครั้ง โยมจำไม่ได้หรือ” ท่านบอกว่า “จำเหมือนกันแต่มันเพลินความสุข ไม่เคยคิดว่าจะจุติ ไม่เคยคิดว่าจะตายจากวิมานนี้” จึงบอกว่า“นับว่ามีความประมาทมาก ถ้าอย่างนั้นขอให้โยมออกมานั่งข้างหน้า” ท่านก็มานั่งข้างหน้า อาตมาบอกให้ท่านหันหน้าไปทางพระพุทธเจ้า ท่านก็หันหน้าไปทางพระพุทธเจ้าแล้วกราบพระพุทธเจ้า สมเด็จองค์ปฐมก็ทรงเทศน์ว่า “เจ้าผู้เจริญ เจ้ายังไม่มีวิมานอยู่บนพระนิพพานใช่ไหม” โยมผู้หญิงก็ตอบว่า “ใช่เจ้าค่ะ” พระองค์ตรัสต่อว่า “ทั้งนี้เพราะเจ้ามีความประมาทมากเกินไป มีความเพลิดเพลินในความเป็นทิพย์ ถือตัวว่ามีบริวารมาก มีวิมานใหญ่ มีความสุขตั้งใจบูชาพระ แต่การบูชาพระของเธอเป็นการบูชาพระแต่ผิวเผิน เป็นการเข้าถึงพระแบบผิวเผินไม่ใช่ลึกซึ้งนัก ฉะนั้นจึงไม่มีวิมานอยู่บนนิพพาน เธอจงทบทวนถึงความจริงของเธอในสมัยที่เป็นมนุษย์ เธอมีบาปอะไรบ้าง” โยมก็ตอบว่า “มีบาปหลายอย่างเจ้าค่ะ” ท่านก็ถามว่า“เธอรู้จักนรกไหม” โยมก็ตอบว่า “ไม่รู้จักเจ้าค่ะ” ท่านถามว่า “เธอเชื่อไหมว่ามีนรก” โยมก็ตอบว่า “เชื่อเจ้าค่ะ” ท่านตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอจงดู” แล้วท่านก็ชี้มือลงเบื้องต่ำ เห็นนรกแดงฉานไปหมด มีตั้งหลายขุม ขุมใหญ่ ๘ ขุม ขุมเล็กรวมแล้ว ๔๐๐ กว่าขุม

ท่านบอก ว่า “บาปของเธอที่มีอยู่ ตถาคตจะพูดให้ฟัง บาปอย่างนี้ในเมื่อเธอจุติจากชั้นยามา จะพุ่งหลาวลงนรกขุมนี้ เธอจงดูการลงโทษ การถูกเผาไฟจะมีอย่างนี้ตลอดเวลา ไฟนรกโชติช่วง พื้นเหล็กก็แดงฉาน ทั้งหอกทั้งดาบ ดาบก็ฟัน หอกก็แทง ค้อนก็ทุบ เมื่อพ้นบาปขุมนี้แล้วต่อไปก็ลงขุมที่ ๒ ไม่ใช่นับ ๑,๒,๓ ตามลำดับขุมนรกนะ เป็นขุมที่ ๒ ที่ต้องลง เมื่อลงแล้วก็ต้องลงขุมที่ ๓ จากนั้นก็มาขุมที่ ๔ ขุมที่ ๕ ลงหลายขุม เธอจงจำไว้ว่า การที่เธอมาเกิดเป็นนางฟ้าชั้นยามานี่เพราะอาศัยบุญเล็กน้อย ที่ชอบการบูชาพระ ชอบให้ทาน ชอบรักษาศีล ชอบเจริญภาวนา แต่กำลังใจของเธอไม่มีความจริงจัง ทำตามประเพณีเสียส่วนมาก เห็นผู้ใหญ่เขาทำก็ทำ จิตใจมีความไม่มั่นคงนัก เพราะอาศัยบุญเล็กน้อยที่เธอนึกถึงก่อนตาย บันดาลให้เธอมาเกิดบนสวรรค์ชั้นยามา จงอย่าลืมว่าในอีกไม่ช้านัก เธอก็จะหมดบุญ ในเมื่อหมดบุญแล้วก็จะต้องลงนรก เธอกลัวไหม” เธอก็บอกว่า “กลัวเจ้าค่ะ”

ตอน นี้รู้สึกว่าหน้าท่านจะซีด ผิวพรรณไม่ค่อยผ่องใสแสดงว่ากลัวนรก สมเด็จองค์ปฐมตรัสว่า “ดูก่อน หญิงผู้เจริญ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ตถาคตจะแนะนำให้ตัดนรกดีไหม เอาไหม ถ้าปฏิบัติได้ นับแต่นี้ไปเธอจะไม่ลงนรก จะไม่ต้องเกิดเป็นมนุษย์ ไม่ต้องเกิดเป็นเทวดา นางฟ้า ไม่ต้องเกิดเป็นพรหม จะมานิพพานเลย ความเป็นมนุษย์ เธอก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ทรัพย์สินที่หามาได้มันก็ไม่ค่อยจะพอใช้ ตัวเองน่ะเหลือใช้แต่ลูกๆ บ้าง เพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้างช่วยกันใช้บ้าง เธอก็มีแต่ความหนักใจ ความเป็นมนุษย์ก็มีความแก่เป็นประจำ เธอก็ไม่นึกถึงความแก่ ความเป็นมนุษย์มีความป่วยเป็นประจำ เธอก็ลืมนึกถึงความป่วย ความเป็นมนุษย์ต้องมีการพลัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นประจำ พ่อตาย แม่ตาย พี่ตาย น้องตาย ลูกตาย หลานตาย เห็นอยู่เสมอ แต่เธอไม่เคยนึกว่าจะตาย

อาศัย ที่เป็นคนประมาทในสมัยที่เป็นมนุษย์ มาเป็นนางฟ้าก็เป็นนางฟ้าประมาท เพลิดเพลินในทิพยสมบัติมากเกินไป มีวิมานหลังใหญ่ มีบริวารมาก มีความสุข ไม่มีการงาน ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จด้วยความเป็นทิพย์ มีความสุขมากเกินไปจนลืมนึกถึงความตายจากการเป็นนางฟ้า ถ้าตายจากความเป็นนางฟ้าเมื่อไรต้องลงนรกเมื่อนั้น ต่อไปนี้ตถาคตจะแนะนำว่า ถ้าเธอปฏิบัติได้จะไม่ต้องลงนรกต่อไป บาปทั้งหมดจะไม่ให้ผล มีอย่างเดียวคือก้าวเข้าสู่พระนิพพาน ถ้าเธอตัดสินใจได้ตามนั้น วิมานจะปรากฏบนนิพพาน”

หลังจากนั้นท่านก็เทศน์ ๕ ข้อคือ ข้อ ๑ “เธอจงคิดไว้เสมอว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง การเป็นเทวดา นางฟ้า พรหม จะไม่มีอายุอยู่ตลอดกาลตลอดสมัย สักวันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องตายหรือที่เรียกว่า “จุติ” ศัพท์ชาวบ้านเขาเรียกว่าตาย เธอเข้าใจและแน่ใจไหม” โยมก็ตอบว่า “แน่ใจเจ้าค่ะ จุติแน่แต่ไม่รู้เวลา” ท่านก็บอกว่า “ใช้ได้ ให้มั่นใจว่าวันหนึ่งจะต้องจุติ วิมานหลังที่เธออยู่ทั้งหมดจะหายไป สมบัติปัจจุบันจะไม่มีสำหรับเธออีกเหมือนกับสมัยที่เป็นมนุษย์ เธอสะสมทรัพย์สมบัติไว้มาก แต่เธอตายจากความเป็นมนุษย์แล้วคนอื่นเข้ามาปกครอง เวลานี้สมบัติเป็นชิ้นเป็นท่อนเป็นตอน จากชิ้นใหญ่เป็นชิ้นเล็ก บางชิ้นก็ถูกขายไปบ้าง เธอก็ไม่สามารถจะห้ามปรามเขาได้ เธอเหน็ดเหนื่อยมากฉันใด ทรัพย์สมบัติส่วนนั้นเธอก็ไม่สามารถปกครองระวังรักษาได้ ข้อนี้ก็ฉันนั้น ขอเธอจงนึกว่าสักวันหนึ่งข้างหน้า วิมานที่สวยสดงดงามของเธอ บริวารของเธอ ร่างกายที่เป็นทิพย์ของเธอจะสลายตัว นั่นคือตาย” ท่านถามว่า “นึกออกไหมและมีความมั่นใจไหม” โยมก็ตอบว่า “มีความมั่นใจเจ้าค่ะ คราวนี้มั่นใจแล้วว่าต้องจุติ เพราะเทวดา นางฟ้า พรหม เคยจุติให้เห็นอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ค่อยคิดว่าตัวจะต้องจุติ เวลานี้คิดแล้วเจ้าค่ะ”ท่านถามว่า “เธอมั่นใจรึ” โยมก็ตอบว่า “มั่นใจเจ้าค่ะ”

ข้อ ที่ ๒ “ต่อไปนี้เธอจงกลับใจเสียใหม่ การบูชาพระรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ที่เธอทำอยู่เป็นของดีแต่ว่าความมั่นคงยังมีน้อย ยังมีความเคารพตามแบบประเพณีนิยม หลังจากนี้ไป จงตัดกำลังใจว่า เราจะมีความเคารพในพระพุทธเจ้าอย่างยิ่ง เคารพในพระธรรมอย่างยิ่ง เคารพในพระอริยสงฆ์อย่างยิ่ง หมายความว่าจิตเราจะไม่ปล่อยพระพุทธเจ้า ไม่ปล่อยพระธรรม ไม่ปล่อยพระอริยสงฆ์ จิตจะจดจ่ออยู่ที่พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์เป็นปกติ” ท่านถามว่า “เธอทำได้ไหม” โยมก็ตอบว่า “ทำได้แล้วเจ้าค่ะ เวลานี้มีความมั่นใจเพราะอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้า ต่อหน้าพระปัจเจกพุทธเจ้า ต่อหน้าพระอริยสงฆ์ และต่อหน้าพรหม เทวดาทั้งหมด ทุกอย่างมีความมั่นใจหมด”

ข้อ ที่ ๓ พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า “เธอต้องการมาพระนิพพานไหม” โยมก็ตอบว่า “ต้องการอย่างยิ่งเจ้าค่ะ ทีแรกไม่เคยทราบเลยว่านิพพานมีอยู่” ท่านก็ถามว่า “ลูกชายของเธอพาเทวดา นางฟ้า พรหม มาอยู่เสมอ ทำไมจึงไม่ตามมา” โยมตอบว่า “ไม่อยากจะไปไหนมีความสุขกับ วิมาน มีความสุขกับการบูชาพระ เวลาบูชาพระแล้วไม่อยากเลิกนั่งอยู่ข้างหน้าพระ” ท่านบอกว่า “ทีหลังเอาใหม่ เอากายนั่งที่นี้ เอาใจนั่งไว้ที่พระ กายจะนั่งจะนอนจะยืนจะเดินก็ได้ แต่ใจนั่งไว้ที่พระ คือใจนึกถึงพระพุทธเจ้า ใจนึกถึงพระธรรม ใจนึกถึงพระอริยสงฆ์เป็นนิจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะทำ เราจะนึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ก่อน เธอทำได้ไหม” โยมก็ตอบว่า “มั่นใจแล้วเจ้าค่ะ”

ข้อ ที่ ๔ ต่อไปท่านก็บอกว่า “ศีล ๕ เธอสามารถรักษาได้ไหม” โยมตอบว่า “เมื่อสมัยเป็นมนุษย์ศีล ๕ บางสิกขาบทบกพร่องเจ้าค่ะ” สมเด็จองค์ปฐมจึงตรัสว่า “นี่เธอ ฉันถามในฐานะที่เป็นนางฟ้านะ ไม่ใช่ถามถึงความเป็นมนุษย์ เวลานี้ความเป็นมนุษย์หมดไปแล้ว เรื่องบาปประเภทนั้นไม่ต้องคิดถึงมัน เวลานี้เราไม่มีบาปจะทำมีทำอย่างเดียวคือบุญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทวดา นางฟ้า ชั้นยามา ได้เปรียบกว่าชั้นอื่นนอกจากชั้นดุสิต นั่งบำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศลตลอดเวลา” แล้วท่านก็ถามว่า “มีความมั่นใจไหมว่า จะรักษาศีล ๕ ได้ครบ” โยมก็นิ่ง ท่านก็บอก

๑ “ปาณาติบาต การไม่ฆ่าสัตว์เธอทำได้ไหม” โยมนิ่งประเดี๋ยวก็ตอบว่า “ได้เจ้าค่ะ”

๒ “อทินนาทาน การไม่ลักทรัพย์เธอทำได้ไหม” โยมก็ตอบว่า “ทำได้เจ้าค่ะ”

๓ “กาเมสุมิจฉาจาร เธอจะไม่ละเมิดความรักของผู้อื่นทำได้ไหม” โยมก็ตอบว่า “ทำได้เจ้าค่ะ”

๔ “มุสาวาท จะไม่กล่าวเท็จทำได้ไหม” โยมก็ตอบว่า “ทำได้เจ้าค่ะ”

๕ “สุราและเมรัย เราจะไม่ดื่มทำได้ไหม” โยมก็ตอบว่า “ทำได้เจ้าค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุราเมรัย การพนัน ในสมัยที่เป็นมนุษย์ก็ไม่ทำอยู่แล้ว”

สมเด็จ องค์ปฐมตรัสว่า “ความจริงการเป็นเทวดา นางฟ้า หรือพรหม ก็มีศีล ๕ เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะการฆ่าสัตว์ก็ไม่มีสัตว์จะฆ่า การขโมยทรัพย์ก็ไม่มีความจำเป็นจะขโมย ถ้าไม่ใช่ทรัพย์สินของเรา เราเอามาไม่ได้ เพราะที่นี่มีแต่ความเป็นทิพย์ ความรักในระหว่างเพศก็ไม่มี การพูดมุสาวาทก็ไม่มี เพราะไม่มีความจำเป็น การดื่มสุราเมรัยก็ไม่มีจะดื่ม รวมความว่าการเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม มีศีลบริสุทธิ์อยู่แล้ว”

ข้อ ที่ ๕ “ต่อนี้ไปเธอจงตัด ทำลายอวิชชาคือความโง่ เธอนึกว่ามนุษยโลกดีหรือไม่ดี” โยมก็ตอบว่า “ไม่ดีเจ้าค่ะ” ท่านถามว่า “ไม่ดีเพราะอะไร” โยมตอบว่า “เพราะว่า เกิดแล้วก็แก่ มีการงาน มีการป่วย มีการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ มีความปรารถนาไม่สมหวัง ต้องตาย ตายแล้วก็ไม่สามารถนำทรัพย์สมบัติที่หามาได้ติดตัวไป และความเป็นมนุษย์ก็วุ่นวายเรื่องการงาน เหน็ดเหนื่อยอยู่เสมอ เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ” ท่านบอก “ก็ถูกแล้ว เธอต้องการเป็นมนุษย์อีกไหม” โยมบอกว่า “ไม่ต้องการเจ้าค่ะ” ท่านถามว่า “การเป็นนางฟ้า เทวดา พรหม จะต้องจุติเธอต้องการอีกไหม” โยมก็ตอบว่า “ไม่ต้องการเจ้าค่ะ”

ท่าน ก็ถามว่า “การมาอยู่ที่นิพพานนี่ไม่ต้องไปไหน ไม่ต้องจุติ ไม่มีการป่วย ไม่มีกิจการงานใดๆ อะไรก็ตามถ้าเป็นความเหมาะสมก็จะปรากฏขึ้นมาเองโดยที่เราไม่ต้องจับ ไม่ต้องนึก เธอต้องการไหม” โยมตอบว่า “ต้องการเจ้าค่ะ” และท่านก็บอกว่า “ให้เธอนิ่งสักประเดี๋ยวหนึ่ง ตัดสินใจว่าทั้ง ๕ ข้อนี้จะทำได้ไหม” โยมก็นั่งนิ่งสักอึดใจหนึ่งก็ลืมตาขึ้นมาบอกว่า “ตัดสินใจได้แล้วเจ้าค่ะ พร้อมแล้วที่จะมานิพพาน ร่างกายในความเป็นทิพย์นั้นจะจุติเมื่อไรไม่เสียดาย ขอมานิพพานอย่างเดียว” พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า “ก็จบแค่นี้” พอท่านบอกว่าจบแค่นี้ วิมานก็ปรากฏทันที ท่านชี้ให้ดูทางด้านขวามือของท่าน ท่านหันหน้าไปทางทิศใต้บอกว่า “โน้น วิมานของเธอปรากฏแล้ว สวยสดงดงามอย่างยิ่ง หลานหญิงคือ พรทิพย์ กับ พวงทิพย์ พาย่าไปชมวิมานซิ” โยมก็บอกว่า “ยังไม่ไปเจ้าค่ะ พระพุทธเจ้ายังอยู่ที่นี่ก็ยังไม่ขอลุกไปก่อน”

หลัง จากนั้นพระพุทธเจ้าก็เสด็จเข้าวิมาน เทวดา นางฟ้า และพรหมทั้งหมด ต่างคนต่างเข้าวิมาน แยกย้ายไปสู่วิมานของตนในนิพพาน ที่ยังไม่มีวิมานก็กลับที่เดิมและบอกว่า ตั้งใจจะปฏิบัติให้ได้ตามที่พระพุทธเจ้าสอนเมื่อกี้นี้เป็นของไม่ยาก ต้องพยายามมีวิมานให้ได้..”

ที่มา board.palungjit.com


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: poom ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2012, 14:47:46
คาถาเงินล้าน
เคล็ดลับในการสวดคาถาเงินล้าน
   
ถาม : เรื่องลดค่าเงินบาท ?

ตอบ: ไม่ต้องถามจ้ะ เอาคาถาเงินล้านไปตั้งใจท่องอย่างจริงๆ จังๆ มันฟื้นเร็ว

ถาม : ท่องวันละ ๙ จบ ?

ตอบ: รู้มั้ย ? อาตมาเคยท่องวันละ ๑,๒๐๐ จบ จำไว้ว่าถ้าอยากรวยทำแค่นั้นนะเหรอ ? เยอะๆ หน่อย ๓๐๐,๕๐๐ จบไปเลยก็ได้ ท่องไปเลย ๓ วัน ๓ คืนก็ได้ คาถาเงินล้านมีเคล็ดลับอยู่ตรงที่ว่าอย่าทำเพราะอยากได้ให้ทำ เพราะว่าเป็นของดีที่สุดครูบาอาจารย์ให้ไว้ หน้าที่ของเราก็คือรักษาสมบัติครูบาอาจารย์ด้วยการท่องบ่นภาวนาเป็นปกติ อีกข้อหนึ่ง อย่าทำเพราะอยาก ว่าไปเยอะๆ อาตมาเริ่มต้นขึ้นมา ๓๐ ต่อไป ก็ ๓๐๐ มีแต่มากขึ้น ไม่มีน้อยลง ปัจจุบันนี้นึกได้เมื่อไรว่าเมื่อนั้น

ถาม : จะดีขึ้นมั้ยครับ ?

ตอบ: ถ้าหากว่าเอาคาถาเงินล้านไปทำ ทุกอย่างมันจะดี เพราะคาถานี้เป็นเรื่องของลาภผลโดยตรง แล้วห้ามบ่นว่าเหนื่อย ถ้าหากว่าเกี่ยวกับเรื่องการงานมันมาชนิดทำกันตายไปข้างหนึ่งเลย

ถาม : หนักไปทางสวดมนต์

ตอบ: อันไหนก็ได้ ขอให้เป็นการทำความดีเท่านั้น ในเมื่อเราสวดมนต์เก่ง ก็สวดคาถาเงินล้านแทนไปเลย

ถาม : ๙ จบน้อยไป ?

ตอบ: น้อยไป น้อยมาก อาตมาเองเล่นทีหลายๆ ร้อยจบมาหลายปีแล้ว มีอยู่ ๓ ปีเต็มๆ ที่ภาวนาคาถาเงินล้านวันละ ๓๐๐ จบเป็นอย่างน้อย ภาวนาไป ชักลูกประคำไปจน ๒ ข้างด้านเป็นเม็ดเบ้อเร่อเลย ลูกประคำเส้นนั้น โดนเขาปล้นไปแล้ว เพราะว่าชักมันจนเป็นแก้วไปเลย คิดดูแล้วกัน มือถูกับไม้จนกระทั่งไม้ใสเป็นแก้วไปเลย เป็นยังไงล่ะ ? ถ้าไม่ทำจริงๆ ขนาดนั้นไปไม่รอดหรอก

ทำเพราะว่าอาตมาเชื่อครูบาอาจารย์ ท่านบอกว่าอะไรก็เป็นอย่างนั้น ตลอดเวลาที่เริ่มต้น ตั้งแต่รู้จักศึกษาวิชาการที่สอนให้ ทุกอย่างเป็นไปตามนั้นหมด ในเมื่อท่านบอกว่าคาถาเงินล้านทำแล้วรวย

สมัยหลวงปู่ปาน ก็มีนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ ท่านทำแล้วรวยเป็นหลักเป็นฐาน มาถึงรุ่นหลวงพ่อ ไม่มีใครทำจริงๆ อาตมาก็เลย...กูทำเองก็ได้ อาตมาใช้เวลาสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษี เวลา ๑๓ เดือน สร้างครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่างจากพื้นดินเปล่าๆ ปัจจุบันนี้ทำที ๔-๕ วัดพร้อมๆ กันโดยไม่กลัวไม่มีสตางค์ เพราะว่าคาถาบทนี้บทเดียว ไปทำเถอะ

ถาม : งานขาดทุน สับสน?

ตอบ: ไม่ต้องสับสนอะไรทั้งนั้น ถ้าเรามาถึงจุดนี้แล้ว โยมมีสมเด็จคำข้าวหรือสมเด็จหางหมาก สมัยหลวงพ่อไหม ? ถ้าหากว่าไม่มีไปหามาแล้วใช้ควบคาถาเงินล้าน ทุกอย่างจะคล่องหมด ขอให้ทำจริงๆ เท่านั้น ทุกอย่างจะคล่องตัวหมด

เคยภาวนาแล้วอยากจะรู้ว่า ในแต่ละวัน ถ้าเราตั้งหน้าตั้งตาภาวนาคาถาเงินล้าน ภาวนาช้าๆ สติจับตามอยู่ตลอดทุกคำ ประเภทที่เรียกว่าเน้นคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณ จะดูว่าได้เท่าไร ปรากฏว่าตั้งแต่ตี ๓ ยัน ๑ ทุ่มของแต่ละวัน จะได้ประมาณ ๑,๒๐๐ จบ จะมีเวลาหยุดกินข้าว ตีซะว่า ๒ มื้อ ๑ ชั่วโมงแล้วกัน ตี ๓ ถึง ๑ ทุ่มทำอยู่ทุกวัน ทำอยู่ประมาณ ๓ เดือนเต็มๆ ทำจนกระทั่งคำนวณได้ว่าแต่ละวันจะได้ประมาณ แต่ถ้าท่องเร่งๆ ได้เยอะกว่านั้นเยอะ แต่นี่ประเภทเอาคุณภาพกันเลย ทำให้มันจริงๆ ซะที อาตมาเอาต้นทุน ๓๐๐ นี่ล่อซะ ๓ ปีเต็มๆ เสร็จแล้ว ๑,๒๐๐ จบนี่เล่นอยู่ประมาณ ๓ เดือน แล้วหลังจากนั้นมาเปลี่ยนเป็นนึกได้เมื่อไรก็ว่าเมื่อนั้น ไอ้เรื่องนับจบเลิกนับแล้ว


สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนธันวาคม ๒๕๔๕(ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

ที่มา : พลังจิต

-----------------------------------

คาถาเงินล้าน ( เป็นคาถาของพระราชพรหมยาน หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง )


(ตั้ง นะโม ๓ จบ )


สัมปจิตฉามิ
นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน )
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ
( บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)


คำอธิบาย-

หลวงพ่อได้คาถาบทเหล่านี้โดยตรงจากองค์สมเด็จฯ(องค์ปฐม)ตั้งแต่ปี 2517 เป็นเวลา 4 ปี จึงจะได้ครบถ้วน ท่านบอกว่า คาถาที่ได้จากกรรมฐาน เขาจะไม่บอกใคร เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2527 เวลา 23.59 น. องค์สมเด็จฯ ได้อนุญาตให้ลูกหลาน และพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อีกทั้งการก่อสร้างของวัดท่าซุง จะต้องเร่งรัดให้เสร็จทันฉลองวัดในปี 2532 จึงจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาเหล่านี้ช่วย เพื่อพุทธบริษัท และลูกหลานของหลวงพ่อ มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

คาถา"นาสังสิโม" หลวงพ่อให้ท่องเพิ่มเติมเมื่อปี 2532
คาถา"เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ" พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อ เมื่อ พฤศจิกายน 2533 เป็นภาษาโบราณ แต่เทียบกับภาษาไทยอ่านได้อย่างนี้ เป็น"คาถามหาลาภ" มีผลยิ่งใหญ่มาก......
คาถา "สัมปจิตฉามิ" คาถาสนองกลับ

เรื่อง..คาถาสนองกลับผู้กระทำไสยศาสตร์ "สัมปจิตฉามิ"

คาถาบทนี้ พระ องค์ที่ ๑๐ มาบอกหลวงพ่อในขณะที่หลวงพ่อพักอยู่ที่เมืองควีนทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๒๙ เวลา ๐๕.๐๐ น.

ก่อนนอนหลวงพ่อนอนภาวนาเป็นปกติ ตื่นขึ้นมามีอาการปากขยับไม่ได้ มือขยับไม่ได้ รู้สึกอึดอัด คล้ายเป็นอัมพาต แต่ใจสบาย พระ องค์ที่ ๑๐ มาบอกว่า

"เวลานี้มีคนคิดทำให้เธอเป็นแบบนี้"

และท่านให้เห็นตัวผู้ทำชัดเจน พระ องค์ที่ ๑๐ ให้ภาวนาว่า "สัมปจิตฉามิ" จึงคลายตัว คาถาบทนี้ไม่ได้ให้ใช้เฉพาะหลวงพ่อเท่านั้น อนุญาตให้พุทธบริษัทศิษยานุศิษย์และลูกหลานหลวงพ่อใช้ได้ด้วย

ก่อนนอนภาวนา ให้ตั้ง นะโม ๓ จบ และต่อด้วย

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

และสวด อิติปิ โส ฯ ๓ จบ จึงภาวนาเรื่อย ๆ ในขณะที่ภาวนาให้ทำใจสบาย ๆ ผลของคาถาบทนี้ จะมีผลต่อผู้สั่ง ผู้รับคำสั่ง ผู้ร่วมมือ และผู้กระทำไสยศาสตร์มายังเราโดยฉับพลัน

ผลพิเศษ ถ้าตั้งใจรักษาศีล ๕ บริสุทธิ์ หรือ ตั้งใจรักษากรรมบถ ๑๐ ได้ครบถ้วน สามารถระงับนิวรณ์ได้ ภาวนาวันละ ๑ ชั่วโมงเป็นเวลา ๓ เดือนติดต่อกัน จะมีผลคล้าย "อภิญญา"

หมายเหตุ "สัมปจิตฉามิ" อ่านว่า สัม - ปะ - จิต - ฉา - มิ คาถาบทนี้ใช้ได้เฉพาะผู้ที่เป็นสัมมาทิฏฐิเท่านั้น ไม่มีผลสำหรับผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ พระโมคคัลลาน์ท่านมายืนยันว่า คาถาบทนี้เป็นคาถาอภิญญา บอกว่าคนที่ได้อภิญญามาในชาติก่อน ถ้าใช้คาถาบทนี้ของเก่าจะรวมตัว คือว่า ทำไป ๆ ถ้าเข้าถึงผรณาปีติจะรู้สึกว่าตัวไม่มีเหลือแต่หน้า ต่อไปก็ไม่มีอะไรเหลือเลย หน้าก็ไม่มี ถ้าทำได้เช่นนี้บ่อย ๆ ไม่ช้าก็รวมตัวจะไปไหนก็ได้ เที่ยวต่างประเทศเรื่องเล็ก ฆราวาสทำได้ทุกอย่าง แต่พระห้ามแสดงต่อหน้าคน

อย่างท่านปิณโฑลภารทวาชะ เป็นต้นบัญญัติ ถูกห้ามเพราะอะไร เพราะถ้าไปทำอย่างนั้น คนก็ไม่ต้องการธรรมะ ต้องการพระแสดงปาฏิหาริย์ ถ้าขอให้พระแสดงปาฏิหาริย์ พระทำให้ คนนั้นตายแล้วเกิดใหม่ต้องไปเป็นทาสเขา ๕๐๐ ชาติ ถ้าพระไม่ทำให้แล้วโกรธก็เลยลงนรก

พระพุทธเจ้าจึงทรงห้าม แต่ว่าพระที่อยู่ในป่าท่านมีความจำเป็นก็ใช้ได้ แต่ต้องไม่ให้คนเห็น อย่างพระที่เข้านิโรธสมาบัติ ออกมาแล้วปั๊บร่างกายต้องการอาหารก็ต้องดู เราจะไปหาที่ไหน เห็นหน้าคนที่จะให้ปั๊บก็เหาะไปทันที แต่ต้องไม่ให้คนเห็น พอเห็นว่าคนจะเห็นก็ต้องลงเดิน ถ้าเหาะจริง ๆ แล้วไวมาก ตามบาลีว่าที่พระโมคคัลลาน์ขึ้นไปดาวดึงส์ในคราวนั้น บอกว่า "แค่ลัดนิ้วมือเดียว"ความจริงไวกว่านั้น แต่ศัพท์ภาษาไทยไม่รู้จะใช้อะไร ความจริงนึกก็ถึงเลย ..สวัสดี*

http://www.palungjit.com/smati/apinya6/apinya8.htm

--------------------

อานุภาพอีก 1 ในหลายอย่างของพระคาถา "สัมปจิตฉามิ"
ถาม : (คุยเรื่องความไม่พยาบาท)

ตอบ : มันมีคาถาอยู่บทหนึ่ง ซึ่งผลของมันรุนแรงมากเลย คือ สัมปจิตฉามิ ผู้ที่ได้กลั่นแกล้งเรานะ เราไม่ต้องไปตอบโต้ ไม่ต้องไปอะไรเขา ให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ โดยมีพระพุทธเจ้า ผู้มีนามว่า เรวัตตะ เป็นที่สุด ขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ให้เราพ้นจากเรื่องเดือดร้อนนี้ อันนี้แหละคนทำซวยเอง ถ้าเขาทำดีกับเรา เขาก็รับดีไปหลายเท่า ถ้าเขาทำไม่ดีกับเราก็เละเอง เราไม่ได้ทำอะไรเขาหรอก กฎแห่งกรรมสนองเขาเอง

ถาม : ................................

ตอบ : อันนี้เป็นงานของท่านโดยตรง สมเด็จพระพุทธเรวัตตะ นี้ สมัยของท่านเขาแกล้งกันซึ่งๆ หน้า ท่านเทศน์อยู่มันก็แกล้งดิ้นๆ พราดๆ อยู่กลางศาลาอย่างนี้ คือจะให้คนเสื่อมศรัทธาท่านให้ได้ เพราะว่าศาสนาอื่นๆ เขาเสียลาภไปเยอะเมื่อท่านตั้งศาสนาพุทธขึ้นมา ก็พยายามจะแกล้งท่านทุกวิถีทาง

เพราะฉะนั้นองค์ นี้ถนัดที่สุดกับการรับมือพวกช่างแกล้ง ท่านเคยให้พรไว้เลยว่า ถึงเวลาถ้าเดือดร้อนขึ้นมาแล้วให้บอกท่าน จุดธูป ภาวนา คาถาบทนี้เดี๋ยวมันเจ๊งไปเองเราไม่ได้ทำเขาหรอก

ถาม : แล้วคาถา สัมปฏิจฉามิ ?

ตอบ : อันนั้นก็ใช้ได้อยู่ อันนั้นเรียกว่าสารพัดนึกจ้ะ แต่อันนี้โดนประเภทโดนตรงเลย อันนั้นเหมือนเอาขวานไปถากไม้ มันก็ถากได้เหมือนกันแต่มันไม่ถนัด

สนทนากับพระเล็ก สุธมฺปญฺโญ
เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๕
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

---------------------

ที่มาของคาถาเงินล้าน

ที่มาของ คาถาเงินล้าน

ก่อนที่อยู่วัดท่าซุงนะฉันอยู่กระต๊อบ เงินร้อยก็หายากสำหรับเงินทำบุญ คาถาวิระทะโย ก็ทำเรื่อยๆ ไป ต่อมาท่านก็มาหา ก็บอกว่า คาถาบทนี้นะที่เขาทำพระวัดพนัญเชิงองค์แรก มีเจ้าอาวาสองค์แรกท่านไปนั่งกรรมฐาน และเสกด้วยคาถาบทนี้ สามปี ท่านให้ดูตัวอย่างวัดพนัญเชิงเงินขาดไหมฉันก็ทำมาเรื ่อย

มาอีกปี หนึ่ง กำลังบวงสรวง ท่านบอกว่า"คาถาบทนี้ เป็นคาถาเงินแสนนะ" ก็ใช้คาถาบทนั้น มาประมาณครึ่งปี คนมา ทอดกฐินผ้าป่าได้เงินเป็นแสน นี่เห็นชัดนะ

แล้วต่อมา อีกปีหนึ่ง ท่านบอกว่า "คาถาบทนี้เป็นคาถาเงินล้านนะ" ให้ว่าต่อเนื่องกันไปแล้วไปลง "คาถาวิระทะโย" ต่อมาก็จริง ๆ เพราะปี 27 ก็ใช้เงินล้าน เป็นเดือน ซึ่งไอ้อย่างนี้เราก็คิดไม่ออก ต้องค่อย ๆ ใจเย็น ๆ

เวลาว่าไป อย่าไปว่าหวังเอาลาภ คือ ต้องภาวนาด้วยนะ ถ้าทางที่ดีเวลาภาวนากรรมฐาน พอจิตสบายน่ะต่อเลย เพราะเวลา กรรมฐานนี่จิตเป็นฌาณใช่ไหมเอาอย่างนี้ดีกว่า เวลาฝึกมโนมยิทธิออกไปให้ได้นั้น ออกไปเดี๋ยวเดียวก็ได้ออกไปได้ นี่จิต เป็นฌาณ 4 เข้าเขตพระนิพพาน ได้จิตสะอาดถึงที่สุด กลับลงมาด้วยคาถาบทนี้เลย มากน้อยก็ช่างให้หลับไปเลยคือ ถ้าจิต สะอาดมากผลก็เกิดเร็ว

ก็สงสัย เหมือนกันนะ เมื่อปี 26 ท่านบอกว่าปี 27 มีอะไรบ้างก็ตุน ๆ ไว้บ้างนะ 28 จะเครียดมาก การค้าของใคร ถ้าทรงตัว ได้ก็ถือว่า ดีไว้ก่อน อันนี้ท่านบอกว่า "ถ้าลูกเราจะจนก็จนไม่เท่าเขา"

ถ้าพูดถึงผลฉันก็ นั่งดูเรื่อยๆมาว่า เอ๊ะ! เงินแสนมันจะมีมาอย่างไร ภายในปีนั้นปรากฏว่าสมัยนั้นวัดต่างๆเขายังไม่ถึงหมื ่น เลย แล้วต่อมาคาถาเงินล้านก็ต้องว่าต่อ เพราะต่อไปข้างหน้าต้องใช้เงิน

พระ พุทธเจ้าบอกนี่ ต้องเชื่อต้องใจเย็นๆไม่ใช่ไปเร่งรัด ถ้าไปว่าแล้วคิดว่าเราต้องรวยนี่เสร็จ พัง ต้องว่าด้วยจิตเคารพนาน หลายปี ท่านไม่ยอมเปิดกับใคร ก่อนจะเข้าถึงดี มันต้องเครียด ไอ้ปี 28 ความจริงมัน น่าจะดี แต่ไปๆมาๆ ก็มีจุดสะดุดจุด สะดุด นี่เป็นชะตาของชาติ แต่ยังไงๆ ก็ต้องไปเจอะจุดรวยแน่

ถ้าพวกนี้รวยนะ วัดท่าซุง ไม่เป็นไร คือว่า หนี้นี่นะ…..อย่าคิดว่ามันโจ๊ะกันได้ เมื่อปี 30 นะ มันเกิน ค่าใช้ จ่ายเดือนละ 2 ล้านเศษ อันนี้ ต้องคิด เดือนนี้ก็ตกเกือบ 3 ล้าน คือ 2 ล้าน 9 แสนเศษ

ตอนนี้ ท่านให้ฉันเขียนโครงการ ที่จะทำให้เสร็จ ในปี 30 โครงการของท่าน จริง ๆ มีมาก ท่านย่า ก็เคยบอก ท่านบอกว่า "ท่านไม่บอกคุณตรง ๆ หรอก ท่านรู้ใจคุณ ถ้าบอกโครงการทั้งหมด คุณไม่ทำแน่"

พระ พุทธเจ้า ก็รู้คอนะ ไปๆ มาๆ ท่านให้นั่งเขียน ตามนี้นะ 12 รายการ ให้เสร็จ ภายในปี 30 เลย คิดว่า เงินที่ต้องใช้เป็น ล้านๆ รายการมากนะลูก ถ้าหากจะถามว่า 10 ล้านพอไหม ก็ต้องบอกว่า มันไม่ได้ครึ่งหลัง ที่ท่านสั่งทำหรอก

วันนั้นก็ขึ้นไปที่กระต๊อบฉัน ไปถึงกระต๊อบ ก็ปรากฏว่า สมเด็จองค์ปัจจุบัน ท่านประทับอยู่ที่นั่น และท่านพระเจ้าแม่ให้นาม ว่า "มัทรี" หรือ"พิมพา"ไปที่อเมริกา ท่านบอก "ฉันแม่คุณ เหมือนกัน ฉันเคยเป็นแม่คุณ" ถามว่าชื่ออะไร "ชื่อมัทรี" แล้วคุมมาตั้งแต่อเมริกาเวลานี้ก็ยังคุมอยู่ ก็ไปกราบเรียนถามท่านว่า คำสั่งที่สั่งให้ทำมันเกินวิสัย แค่อาคาร 300 ห้องจาก พ.ศ. นี้ไปจนถึง 30 มันก็เสร็จยากเหลือเกิน และ อีกหลายรายการ มันก็ใหญ่ทั้งนั้น ท่านแม่มัทรีก็บอกว่า

"เอาอย่างนี้ซิลูก ขออำนาจพระพุทธานุภาพ" ก็เลยหันไปกราบพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่า

"ได้ ฉันต้องช่วยเธอ"

แล้ว ต่อมา เดินเล่นในบริเวณกระต๊อบของฉันเล็กๆ มันมีถนนหนทางใช่ไหม ก็ปรากฏว่า เดินไปเดินมา สมเด็จองค์ปฐมก็ เสด็จมาเดินด้วย ท่านบอกว่า

"สภาพของ พระนิพพาน มันเป็นอย่างนี้นะ คนที่ถึงพระนิพพานแล้ว กิจอื่นที่ทำ ไม่มี มันเป็นอย่างนี้นะ เวลานี้ เราเดินกลาง บริเวณ พวกเราทั้งหมดลองนั่งดูซิ มันจะมีอะไรไหม"

ที่มันเป็นที่นั่งไม่มีเลย พอนั่งปุ๊บไอ้เตียงตั่งมันเสือกมาได้อย่างไร ก็ไม่รู้ เลยคุยไปคุยมา ท่านก็เลยบอกว่า

"งานที่ฉันสั่งต้องเสร็จทัน 30"

ท่าน ย่ากับแม่ศรีก็ขึ้นไป ท่านย่าบอกว่า อำนาจพุทธานุภาพก็มีแล้ว สังฆานุภาพก็มีแล้ว พรหมานุภาพกับ เทวานุภาพก็ช่วย แล้ว แต่ว่า ถ้าบรรดาลูกหลานมันยากจน และ ปี 28 มันจะเครียด ขอพรพระพุทธเจ้าขอคาถาสักบท (ที่ท่านให้ฉันไว้นี่) ขอ ให้ลูก ๆ หลาน ๆ ใช้เถอะ ให้ อนุมัติ"

ความจริงคาถาเฉพาะนี่จะให้ใครไม่ได้เลย ท่านก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นไปพิมพ์แจก และก็ให้มันทำด้วยความเคารพ"

ฉันไม่ยืนยันว่าคนที่ไม่เคารพฉันจะมีผล จำให้ดีนะ

จึงขอให้ทุกคนถ้าได้รับคาถานี้ ให้ตั้งใจปฏิบัติด้วยความจริงใจด้วย ความเคารพในพระพุทธเจ้า

ต่อ นี้ไปก็อ่านคาถาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นประธาน และให้ทุกคนตั้งใจนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้า คิดว่า คาถาทั้งหมดนี้ จงปรากฏ อยู่ในจิตของเรา ลาภผลต่างๆ ให้ปรากฏแก่เรา ตามที่พระองค์ทรงต้องการนะ นึกถึง ท่านนะ

สัมปจิตฉามิคาถาสนองกลับ

นาสังสิโม คาถาพระพุทธกัสสป

บท แรก "พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ" อันนี้ตัดอุปสรรค ที่ลาภจะมา แต่เขามาบอกว่า มีผลแน่นอน คือว่าแกจะไม่ยอมให้ลูกแกจน พูดง่าย ๆ ก็แล้วกัน พระพุทธเจ้า ก็ทรงยืนยันบอกว่า ให้หมด

บทที่สอง "พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม" คาถาบทนี้เป็นคาถาเงินแสนของท่าน

บทที่สาม "มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม" บทนี้เป็นคาถาปลุกพระวัดพนัญเชิง

บทที่สี่ "มิเตพาหุหะติ" เป็นคาถาเงินล้าน

บทที่ห้า"พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัส
สะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม" เป็นคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า

บทที่หก "สัมปติฉามิ"บทนี้เป็นบทเร่งรัดบทสุดท้าย

บท ที่เจ็ด "เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ" พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อ เมื่อ พ.ย.33 เป็นภาษาโบราณแต่เทียบกับ ภาษาไทย อ่านได้อย่างนี้ เป็นคาถามหาลาภ มีผลยิ่งใหญ่มาก ทั้งหมดนี้ต้องสวด เป็นบทเดียวกัน บูชาเรื่อย ๆ ไป การบูชา ถ้าบูชาเฉย ๆ มันเป็นเบี้ยต่อไส้

อย่าลืมนะ เวลาสวดมนต์ แล้วให้สวดคาถานี้ 9 จบเท่าเดิมนะ และเวลาภาวนานอนภาวนาก็ได้ ว่าเรื่อยๆ ไปจนกระทั่งหลับ ไปเลย ตื่นขึ้นมา ต่อจากกรรมฐาน นอนก็ได้ ใจสบาย ๆ นะ บางทีเผลอ ๆ ฉันก็ต้องว่า ของฉันเรื่อย ๆ ไป คาถาเงินล้านนี่ มาให้เมื่อปีฝังลูกนิมิต ท่านบอกว่า งานข้างหน้าจะหนักมาก หลังจากนี้เป็นต้นไป เงินจะใช้มากกว่า สมัยที่สร้างโบสถ์ อย่า ลืมนะ...เวลาว่างๆ นั่งนึกก็ได้เดินไปก็ได้ ไม่ห้ามเลยนะให้มันติดใจอยู่อย่างนั้น ให้ถือว่าเป็นกรรมฐานไปในตัวเสร็จเพราะ คาถาที่พระพุทธเจ้าบอก ทุกบทก่อนจะทำ ต้องนึกถึงท่าน ถือว่าเป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน

ประสบการณ์ของผู้ที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อ ที่ได้รับผลในปัจจุบันนี้

ผู้ถาม :    "หลวงพ่อครับ ผมก็คิดเรื่องการเรื่องงานเป็นประจำเลยครับ ทีนี้อยากถามว่ากรรมฐานบทไหนที่ทำให้ค้าขายดีครับ..?"

หลวงพ่อ :    "อ๋อ... ก็บทค้าขายราคาถูกซิ เขาขายหนึ่งบาท เราขายห้าสิบสตางค์ รับรองพรึบเดียวหมด บทนี้ดีมาก เพราะเมตตาบารมีไงล่ะ"

ผู้ถาม :    "โอ้โฮ.. ตรงเปี๊ยบเลยหลวงพ่อ.."

หลวงพ่อ :    "ยังมีอีกนะ ถ้าบทที่สองดีกว่านี้อีก จาคานุสสติ แจกดะเลย"

ผู้ถาม :    ( หัวเราะ ) "โอ...บทนี้น่ากลัวจนแย่เลย"

หลวงพ่อ :    "ไอ้เรื่องค้าขายดีมีคาถาตกอยู่บทหนึ่ง"

ผู้ถาม :    "เดี๋ยวผมขอจดก่อนครับ"

หลวง พ่อ :    "ไม่ต้องจดหรอก คาถามหาโต๊ะ มหาโต๊ะนี่สมัยนั้นบวชด้วยกัน มีโยมคนหนึ่งแกหาบข้าวแกงมาขาย หาบไปตั้งแต่เช้ากลับมาบ่าย มันก็ไม่หมด

วันหนึ่งมหาโต๊ะยืนล้างหน้าอยู่ที่หน้าต่างแกก็บอก
"ท่านมหา มีคาถาอะไรดี ๆ ทำน้ำมนต์ให้ทีเถอะจะได้ขายหมดเร็ว ๆ "
มหา โต๊ะแกไม่ใช่นักคาถาอาคมกะเขานี่ ก็นึกไม่ออก แต่ไอ้นี่น่าจะดีว่ะ "อนัตตา" แกนึกในใจนะ แกไม่ได้บอก แกก็เอาน้ำล้างหน้าพรม ๆ ยายนั่นแกก็กลับไป พอสาย ๆ แกก็กลับ ปรากฏว่าหมด"

ผู้ถาม :    "อะไรหมดครับ...?"

หลวงพ่อ :    "ของหมด ข้าวแกงหมด แต่หม้อยังอยู่ หาบยังอยู่และคนหาบก็ยังอยู่ แหม..นี่ต้องให้อธิบายให้ละเอียดเลยนะ"

ผู้ถาม :    ( หัวเราะ )"คือสงสัยครับ"

หลวง พ่อ :    " ก็เป็นอันว่าวันต่อมา โยมคนนั้นแกก็มาหาเรื่อย ๆ แกก็สังเกตมหาโต๊ะ ในที่สุดมหาโต๊ะต้องทำน้ำมนต์ด้วยคาถาบทนี้เอาไว้ที่บูชา แกก็ไปขายหมดทุกวัน ก็แปลกเหมือนกันเพราะจิตตรงใช่ไหม .. อนัตตา นี่เขาแปลว่าสลายตัวไงล่ะ"

ผู้ถาม :    "ลูกหลานเอาไปใช้ได้ไหมครับหลวงพ่อ..?"

หลวงพ่อ :    "ปู่ย่าตายายก็ใช้ได้"

ผู้ถาม :    ( หัวเราะ )"แล้ว คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ใช้ได้ไหมครับ...?"

หลวง พ่อ :    " ความจริงคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของเขาก็ดี เขาขายของแล้วก็พรมตั้งแต่ตอนเช้า ถ้าตั้งร้านก็พรมหน้าร้านตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนล้างหน้านั่นแหล่ะ ทำตอนนั้น เอาน้ำ ล้างเสกด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เสกแล้วพอล้างหน้าเสร็จก็พรม ตอนพรมก็ว่าไปด้วยนะ"

ผู้ถาม :    "บางคนก็บอกว่า ถ้าว่าคาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุ เมฯ ก็จะมีลาภมาก..?"

หลวง พ่อ :    " มหาปุญโญ เป็นคาถาเสกพระวัดพนัญเชิง เจ้าอาวาสวัดนั้นรูปร่างผอมดำ นั่งเสกด้วยคาถาบทนี้ ๓ ปี ฉะนั้นวัดนั้นจึงมีลาภมาก แล้วต่อมาสมเด็จหรือใครก็ไม่ทราบ ถามว่าเสกด้วยคาถาอะไร ท่านบอกว่า เสกด้วยคาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุ เมฯ แล้วท่านก็บอกให้ต่อด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า มีอยู่รายหนึ่งชื่อ นายแจ่ม เปาเล้ง บ้านอยู่อำเภอดำเนินสะดวก แกเป็นคนจน ทำสวนอยู่ที่บางช้าง ปลูกพริกขายเป็นอาชีพ เพราะอาศัยความจนของแก จึงได้เป็นหนี้เป็นสินเขาอยู่ตั้ง ๒ หมื่น ( นี่พูดถึงเงินในสมัยนั้นนะ เดี๋ยวนี้เป็นเงินเท่าไรก็คิดกันดู ) ตาแจ่มจึงมาขอเรียนคาถาพระปัจเจกโพธิ์ เมื่อได้ไปแล้ว วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรนอกจากท่องแต่คาถาอย่างเดียว นั่งทำอยู่ทั้งวันทั้งคืน

ข้างฝ่ายลูกเมียของตาแจ่มก็ดีแสนดี ไม่ยอมให้แกทำอะไรเหมือนกัน นอกจากท่องคาถา
"คาถาบทนี้ เขาทำแล้วรวยนี่ ต้องให้มันรวยให้ได้" ลูกเมียแกว่าอย่างนั้น

ตา แจ่มแกคิดจะเอาอย่าง นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร นั่นแหล่ะ? ทีนี้ พอพริกออกดอกออกผลขึ้นมาจริง ๆ ตาแจ่มก็คิดจะขายพริกละ ไอ้พริกของคนอื่นนะ งามสะพรั่งมีพริกเยอะแยะ มองดูหนาทึบ ไปหมด ส่วนพริกของตาแจ่มพิเศษกว่าเขา มียอดหงุก ๆ หงิก ๆ เม็ดก็บางตา มองดูโปร่ง ๆ ดูท่าทางแล้วเห็นจะขายได้ไม่กี่สตางค์
อีตอนเก็บนี่ซิ คนอื่นเก็บพริกได้กองใหญ่เท่าไร ตาแจ่มก็เก็บได้กองโตเท่านั้น เห็นพริกบาง ๆ ยอดหงุกหงิก ๆ นั่นแหล่ะ เขาเก็บได้เท่าไร ตาแจ่มก็เก็บได้เท่านั้น มาถึงตอนขาย เจ๊กชั่งของคนอื่นได้ ๑ หาบ พอมาของตาแจ่มกลับเป็น ๒ หาบ ทั้ง ๆ ที่กองก็โตเท่ากัน เจ๊กหาว่าตาแจ่มโกง คิดว่าเอาทราบใส่เข้าไปในกองพริกเป็นการถ่วงน้ำหนักเลยเอะอะโวยวายใหญ่ ปรากฏว่าเม็ดดินเม็ดทรายที่เจ๊กว่า นั้นหาไม่ได้เลย เล่นเอาเจ๊กแปลกใจ แต่ก็ต้องซื้อไปตามนั้น

พริกของคน อื่นเขาเก็บกัน ๒ - ๓ ครั้ง ก็หมดแล้วครั้งแรกมาก ครั้งที่สองได้มากหน่อย พอครั้งที่สาม เก็บได้อีกเพียงเล็กน้อยเป็นอันว่าหมดกัน ต้องถอนต้นพริกทิ้งแล้วปลูกกันใหม่ ส่วนพริกของตาแจ่มไม่เป็นอย่างนั้น ต้องลงมือเก็บกัน ๖ ครั้งถึงได้หมด พริกที่ได้แต่ละครั้งก็มีปริมาณเท่า ๆ กัน นี่ไอ้พริกใบหงุกหงิก ๆ นั้นแหละ เก็บกันซะ ๖ คราว ผลที่สุด พริกของตาแจ่มก็กลายเป็นของอัศจรรย์ แถมเจ๊กยังตีราคาให้สูงกว่า พริกของคนอื่นเสียอีก เพราะว่า "เมื่อส่งไปแล้วเป็นพริกที่มีค่า ทางโน้นเขาให้ราคาสูง" ปีนั้นจึงใช้หนี้สองหมื่นหลุดหมด แถมยังมีเงินเหลืออีกตั้งสองหมื่น"

( นี่เห็นไหม... ถ้าหากว่า ท่านภาวนาคาถาบทนี้อยู่เสมอ ท่านอาจจะรวยกว่านายแจ่มก็ได้นะ )

ต่อมามีผู้นำคาถา อนัตตา ไปปฏิบัติหลังจากที่หลวงพ่อแนะนำไปแล้ว เขาผู้นั้นได้เข้ามารายงานกับหลวงพ่อว่า
"หลวงพ่อครับ อนัตตา แจ๋วเลยครับ อัศจรรย์มาก ตอนบ่ายวันนี้ฟลุ๊คมาก ของที่ผมขายฝรั่งซื้อคนเดียว ๑,๖๐๐ บาท ไม่เคยมีปรากฏเลยครับ""

"อาจารย์ทำยังไงล่ะ.. อาจารย์ใช้แบบไหน จึงมีผลตามลำดับ... จะได้แจกจ่ายคนอื่นเขาบ้าง"

ผู้ ถาม :    " อันดับแรกตักน้ำใส่แก้ว แล้วนำไปไว้หน้าพระพุทธรูปที่โต๊ะหมู่บูชา แล้วชุมนุมเทวดาไหว้พระบูชาพระตามหลวงพ่อกล่าวนำ มีมนต์อะไรก็สวดไป ของผมสวดยาวหน่อย เมื่อสวดเสร็จแล้ว ก็อาราธนาบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย แล้วก็มาหลวงปู่ปาน แล้วมาหลวงพ่อ

เสร็จแล้วเช้าตื่นมาก็กราบแก้วน้ำ ๕ ครั้ง แล้วก็เอามาที่ห้องน้ำ แบ่งครึ่ง ครึ่งหนึ่งใส่ขันสำหรับล้างหน้า ก่อนจะแบ่งก็ตั้งจิตให้ดี ว่านะโม ๓ จบ แล้วก็ว่าคาถานี้อีกครั้งหนึ่ง เท่าที่ใช้ก็ใช้คาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุ เม ฯ แล้วก็มาว่า คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อว่าเสร็จแล้วก็บอก "อนัตตา ขายเกลี้ยง"
อีก ครึ่งหนึ่งเราแบ่งมาแล้วก็ว่า คาถาวิระทะโย ไป แล้วก็พรมตู้อะไรต่าง ๆ แล้วก็ลงท้าย "อนัตตา ขายเกลี้ยง ๆ ๆ" แม้แต่หน้าร้านก็พรมออกไปเลย ถ้าใครเดินมาถูกน้ำมนต์ปุ๊บอยู่ไม่ได้ ต้องมาซื้อ อันนี้ได้ผลดีครับ"

หลวง พ่อ :    "อ้าว.. จำได้ไหมล่ะ อันนี้ก็ดีมีประโยชน์นะ ควรจะนำไปใช้ทุก ๆ คนนะ ฉันบอกให้อาจารย์เขาไปทำ ท่านทำแล้วผลมันเกิดขึ้นทุกวัน"

ผู้ถาม :    "แล้วถ้าฟลุ๊คอะไรเป็นพิเศษละก้อ เวลาจุดธูปเทียนหรือพรมน้ำมนต์ มันจะมีขนลุกซู่ซ่า ถ้าซู่มากละ มาแน่"

หลวง พ่อ :    " อ้อ..กำลังปีติสูง ใช่ เพราะซู่ซ่านี่เจ้าของมาแสดงให้ปรากฏ ถ้านึกถึงท่านจริง ท่านเข้ามาช่วยจริงก็ถือว่าเป็นอาการของปีติ เมื่อสัมผัสแล้วทางจิตใจก็เกิดปีติ ความอิ่มใจเกิดขึ้น ขนลุกซู่ซ่ามาก การแสดงออกตามอาจารย์พูดน่ะถูก ถ้าหากว่าสัมผัสน้อยก็มีผลน้อยหน่อย แต่ก็ดีกว่าปกติ สัมผัสมากก็มีผลมากหน่อย ปัจจุบันทันด่วน อันนี้ถูกต้อง ถ้าทำขึ้น หนักจริง ๆ นะ ถ้าขายของเป็นน้ำหนัก น้ำหนักจะสูงขึ้น แล้วก็ไม่สูงแต่ของเรา เอาไปขายคนอื่นต่อก็สูง นี่เขาทำมาแล้วนะ คน ที่ไทรย้อยแกขายข้าว ไปซื้อข้าวมาวันนี้ พรุ่งนี้จะเอาไปขึ้นโรงสี แกก็พรมน้ำมนต์ก่อน พอถึงบ้านก็พรมน้ำมนต์หน่อย พอขึ้นโรงสีปรากฏว่าน้ำหนักสูง

ถ้าหากว่าของที่เก็บไว้ในปี๊บในถงในอะไรก็ตาม จะมีปริมาณสูง
เมื่อ ก่อนหลวงพ่อปานท่านบอก เอาข้าวใส่ยุ้งฉางให้เรียบร้อย ตวงให้ดี แล้วนับให้ดี ทำมาจนกว่าจะถึงฤดูออกมาใช้มาขาย แล้วตวง มันจะมากทุกคราว
จำเอาไว้นะ ถ้าปฏิบัติได้ ทุกคนจะไม่จน"

จบ...

ที่มา board.palungjit.com


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: poom ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2012, 14:54:08
อานิสงฆ์ของการสร้างโบสถ์

สมัยนี้ การสร้างวัด ต้องอาศัยกำลังทรัพย์และกำลังคนมหาศาล เพราะต้องสร้างวัดให้เพียบพร้อมด้วยสถานที่ร่มรื่น มีอาคารโรงเรือนมากมาย โดยเฉพาะมีโรงอุโบสถ หรือโบสถ์ สถานที่ที่จะต้องใช้เพื่อการทำสังฆกรรมสำคัญๆหลายอย่าง อาทิ การให้การอุปสมบทแก่กุลบุตร การสวดทำอัพภานกรรม การสวดญัตติทุติยกรรมวาจา การสวดญัตติจตุตถกรรมวาจา ฯลฯ ของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา

เนื่องจากโบสถ์ที่สร้างขึ้นทุกวันนี้ คณะสงฆ์สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้หลายอย่างคือ เป็นอาคารอเนกประสงค์ รวมทั้งใช้เป็นที่ประชุมที่แสดงธรรม ที่ฝึกอบรมสมาธิภาวนาที่สวดมนต์ ทำวัตรเช้าค่ำ และที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับต้อนรับพระอาคันตุกะ เป็นต้น

เพราะฉะนั้น ผู้ที่สร้างโบสถ์ถวายพระสงฆ์จึงได้บุญกุศลมากมาย ทั้งชาตินี้และชาติหน้า กล่าวคือ ชาตินี้ ผู้มีศีลเป็นพื้นฐานที่ถวายโรงอุโบสถ ย่อมได้ความปลื้มปีติสุขอย่างสูง เมื่อได้ทราบว่าพระสงฆ์ได้ใช้โรงอุโบสถที่ตนสร้างถวายอย่างคุ้มค่า เกียรติคุณของผู้ถวายย่อมฟุ้งขจรไกล ผู้ถวายย่อมได้ สดับพระธรรมเทศนา เพิ่มพูน ศีล สมาธิ ปัญญา ทำให้จิตใจสะอาด สว่างสงบสุขได้มากขึ้น แม้จะสิ้นชีพก็ไม่หลงทำกาลกิริยา(ตาย) ย่อมมีอารมณ์ยึดมั่นในกุศลเป็นอาสันนกรรมสที่ดี ชาติหน้า ถ้าผู้ถวายโรงอุโบสถ ยังมีกิเลสอยู่ถึงแก่กรรมลง เขาย่อมได้ไปเกิดในกำเนิดที่ดีมีความสะดวกสบายที่เรียกว่าสุคติโลกสวรรค์ อันเพียบพร้อมด้วยสิ่งที่ประเสริฐ ที่พึงพอใจ อันเป็นฝ่ายโลกิยสมบัติและจะได้บรรลุคุณธรรมต่างๆ อาทิ ฌาน อภิญญา อริยมรรค อริยผล และกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานเป็นที่สุด

ที่มา board.palungjit.com


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มีนาคม 2012, 14:50:31
ยถาวาที ตถาการี
พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มีนาคม 2012, 13:39:33
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Visarn ที่ 02 มีนาคม 2012, 14:53:33
Satu Satu :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มีนาคม 2012, 23:19:18
น หิ มุญเจยฺย ปาปิกํ
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ชั่วเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Bajita ที่ 03 มีนาคม 2012, 23:54:00
สาธุ :wanwan031:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มีนาคม 2012, 15:32:35
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มีนาคม 2012, 13:49:11
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มีนาคม 2012, 13:55:02
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: enjoybrio- ที่ 06 มีนาคม 2012, 15:50:45
 :wanwan022:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มีนาคม 2012, 14:22:51
โกธํ ปญฺญาย อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มีนาคม 2012, 14:24:59
เพราะยังลุก ยังไหม้ ไม่ว่างเว้น
จิตจึงเห็น รูป รส กลิ่น เสียง หรรษา
ยังมิอยาก ผลักไสไป จากจินตนา
ยิ่งไขว่คว้า โหยหา มาแนบจินต์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มีนาคม 2012, 13:50:12
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มีนาคม 2012, 13:40:55
อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา
บัญฑิตย่อมฝึกตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มีนาคม 2012, 14:30:41
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มีนาคม 2012, 14:21:13
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มีนาคม 2012, 15:13:25
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มีนาคม 2012, 13:56:26
ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ
ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jaowaan ที่ 14 มีนาคม 2012, 13:58:00
จริงค่ะ เวลาโมโห ต้องอยู่คนเดียว วันนี้อาละวาดไปรอบนึง สงสารน้องจริงๆที่ต้องฟังเราบ้า :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มีนาคม 2012, 14:29:17
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มีนาคม 2012, 15:26:13
ลพฺภา ปิยา โอจิตฺเตน ปจฺฉา
ตระเตรียมตนให้ดีเสียก่อนแล้ว ต่อไปจะได้สิ่งอันเป็นที่รัก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มีนาคม 2012, 14:29:00
ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
ขันติ คือความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: adaaugusta ที่ 17 มีนาคม 2012, 14:33:19
ของผมใช้อยุ่สองอันครับ

นัดถิโลเก อนินทิโต คนที่ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก

กับ คำสุดคลาสสิค

อัตตาหิ อัตโนนาโถ  ตนเป็นที่พึงแห่งตน (พึ่งตัวเองให้สุดๆก่อน ถ้ามันไม่ไหวจริงๆค่อยไปขอแรงคนอื่น)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มีนาคม 2012, 13:29:10
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มีนาคม 2012, 13:59:09

อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺติ
คนพาลที่ยังไม่ถูกผูกมัด แต่พอพูดในเรื่องใด ก็ถูกผูกมัดตัวในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มีนาคม 2012, 15:40:37
อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ
คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: yoying ที่ 20 มีนาคม 2012, 15:43:59
อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ
คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้
   

จริงค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bunnachart ที่ 20 มีนาคม 2012, 16:33:46
ขอบคุณมากครับ ที่นำมาเผยแพร่


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มีนาคม 2012, 14:44:08
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มีนาคม 2012, 14:22:14
ปมาเทน น สํวเส
ไม่ควรสมคบด้วยความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มีนาคม 2012, 14:44:01
สุวิชาโน ภวํ โหติ
ผู้มีความรู้ในทางที่ดี เป็นผู้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มีนาคม 2012, 15:39:02
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มีนาคม 2012, 15:52:52

พทฺธาปิ ตตฺถ มุจฺจนฺติ ยตฺถ ธีรา ปภาสเร
คนมีปัญญา แม้มีปัญหา และ ถูกผูกมัดอยู่ พอพูดในเรื่องใด ก็หลุดได้ในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มีนาคม 2012, 15:52:21
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
รสแห่งธรรมะ ย่อมชนะรสทั้งปวง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: xfiles ที่ 26 มีนาคม 2012, 16:15:32
ฝาก บลอกผม ไว้บทความนึงครับอยากให้ดูกัน อุทิศบุญให้ได้ผล   :wanwan017:   http://bit.ly/GQ6eMi



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มีนาคม 2012, 15:39:35
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มีนาคม 2012, 15:39:43
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ
ความสิ้นตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มีนาคม 2012, 15:48:56
อตีตํ นานฺวาคเมยฺนย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ
อย่ารำพึงถึงความหลัง อย่ามัวหวังถึงอนาคต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มีนาคม 2012, 12:47:21
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข โลกุตตรฌาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 มีนาคม 2012, 14:39:29
สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำสัตย์ แลเป็นวาจาที่ไม่ตาย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kankantk ที่ 31 มีนาคม 2012, 14:55:45
 :wanwan017: :wanwan017: อ่านแล้วกินใจมาก ๆ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 เมษายน 2012, 15:39:09
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: philasart ที่ 01 เมษายน 2012, 16:48:21
อ่านแล้วมีประโยชน์มาก ขอบคุณ จขก. ครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 เมษายน 2012, 15:42:50
สนาถา วิหรถ มา อนาถา
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 เมษายน 2012, 03:01:37
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 เมษายน 2012, 15:47:15
โกธํ ปญฺญาย อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยปัญญา
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 เมษายน 2012, 15:50:26
ขนฺติ สาหสวารณา
ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 เมษายน 2012, 15:22:14
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 เมษายน 2012, 15:41:07
ธมฺมกาโม ภวํ โหติ
ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: cmmp ที่ 07 เมษายน 2012, 17:29:04
นี่เป็น พระบรมโชวา่ทของในหลวง ผมชอบมาก


การทำงาน
เมื่อมีโอกาสและมีงานทำ
ควรเต็มใจทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้
หรือเงื่อนไขอันใด ไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง
คนที่ทำงานได้จริงๆนั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใด
ย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่
มีความขยัน และ ความซื่อสัตย์สุจริต
ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 เมษายน 2012, 15:46:51
กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ อตฺตานํ อติมญฺญสิ
ท่านเอ๋ย ! ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: slwt2002 ที่ 09 เมษายน 2012, 07:47:31
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 เมษายน 2012, 15:45:47
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 เมษายน 2012, 15:46:18
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 เมษายน 2012, 16:30:00
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 เมษายน 2012, 15:16:13
อภูวาที นิรยํ อุเปติ
คนพูดไม่จริง ย่อมเข้าถึงนรก
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 เมษายน 2012, 15:02:44
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: anuraka ที่ 13 เมษายน 2012, 17:15:08
http://www.watnapp.com/audio  :]


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 เมษายน 2012, 15:45:22
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 เมษายน 2012, 23:51:41
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 เมษายน 2012, 12:03:24

ธมฺมกาโม ภวํ โหติ
ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: MR.chk ที่ 16 เมษายน 2012, 13:00:12
ขอบคุณมากเลยครับ สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Visarn ที่ 16 เมษายน 2012, 13:24:22
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี


                       ชอบอันเนี้ยครับ   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 เมษายน 2012, 15:49:48
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 17 เมษายน 2012, 16:07:52
การ "ขอ" ที่ไม่ต้องละอายและมีเกียรติที่สุด คือ การขอโทษ
การ "ให้" ที่ไม่ต้องออกอะไรเลยและยิ่งใหญ่ที่สุด คือ การให้อภัย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 เมษายน 2012, 10:10:50
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 18 เมษายน 2012, 10:15:51
คนที่มองโลกในแง่ดี...ย่อมเห็นโอกาสในยามที่เกิดวิกฤต
คนที่มองโลกในแง่ร้าย...ก็ย่อมเห็นแต่วิกฤตในทุกโอกาส


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 เมษายน 2012, 10:14:29
สนาถา วิหรถ มา อนาถา
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 19 เมษายน 2012, 15:51:28
ไม่มีเงินมาก เท่าเขา...ก็ไม่ได้หมายความว่าเรา " จน "
ไม่ได้สวยหล่อ เท่าเขา...ก็ไม่ได้หมายความว่าเรา " ขี้เหร่"
ไม่ได้เก่งฉลาด เท่าเขา...ก็ไม่ได้หมายความว่าเรา " โง่ "
ไม่ได้มี ในสิ่งที่เขามี...ก็ไม่ได้หมายความว่าเรา " ขาด "

(คำพระท่านว่าไว้)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 เมษายน 2012, 10:36:06
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 20 เมษายน 2012, 15:48:55
(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/580569_436450346372500_100000226143107_1901163_1721592595_n.jpg)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: gukorn ที่ 21 เมษายน 2012, 14:18:59
ขอบคุณมากเลยครับ สาธุ :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 เมษายน 2012, 15:16:00
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 เมษายน 2012, 15:30:40
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 เมษายน 2012, 10:43:31
ยามหดหู่ ฟุ้งซ่าน กาลสงสัย
เป็นสมัย ไต่ถาม ตามเหตุผล
เพื่อบรรเทา คลี่คลาย หายกังวล
ควรจะสน- ทนาธรรม ตามที่ควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 24 เมษายน 2012, 12:36:04
(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/533800_246740762088666_112267342202676_503699_226839862_n.jpg)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 25 เมษายน 2012, 10:11:10
(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/318274_258764764217807_100002528555389_557687_1268834056_n.jpg)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 เมษายน 2012, 14:13:47

อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺติ
คนพาลที่ยังไม่ถูกผูกมัด แต่พอพูดในเรื่องใด ก็ถูกผูกมัดตัวในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 เมษายน 2012, 13:48:24
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 27 เมษายน 2012, 13:01:55
"ศีล" จะมีส่วนช่วยปรุงแต่งหน้าตาให้ดูดีจริงๆ ต่อเมื่อสะอาดหมดจดในข้อหนึ่งๆ
ต้องจาระไนกันด้วยความรู้สึกยามเมื่อตาเห็น
ศีลแต่ละข้อจะก่อให้เกิดความรู้สึกทางใจดังนี้

๑) ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
อยากปกป้องชีวิตสัตว์ ทำให้หน้าตาใจดี เห็นแล้วสงบเย็น

๒) อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
ไม่เพ่งเล็งอยากได้ ทำให้หน้าตาน่าไว้ใจ เห็นแล้วน่าเชื่อถือ

๓) กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
ซื่อสัตย์กับคู่ครอง ทำให้หน้าตามีเสน่ห์ชวนอบอุ่นใจ เห็นแล้วอยากเป็นคู่ด้วย

๔) มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
ไม่คิดปั้นคำลวง ทำให้หน้าตาใสซื่อ เห็นแล้วนึกเอ็นดู

๕) สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.
ไม่เกลือกกลั้วสิ่งเสพย์ติดมึนเมา ทำให้หน้าตาดูเป็นคนมีสติปัญญาดี
เห็นแล้วเชื่อว่าไม่ใช่พวกคิดอ่านฟุ้งซ่านเหลวไหล

ถ้าใครถือศีลได้สะอาดบริสุทธิ์ได้อย่างสม่ำเสมอ
จะมีความสะอาดผุดผ่องออกมาทางผิว
ศีลจะตกแต่งให้เนื้อหนังบางส่วนหนาขึ้นหรือบางลง
เห็นแล้วดูสมส่วนขึ้น และจิตที่สงบไม่เดือดร้อนกระวนกระวาย
จะทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนบนใบหน้าผ่อนคลาย จึงดูดีที่สุดเท่าที่โครงหน้าจะอำนวย

ถ้าใครถือศีลได้สะอาดบริสุทธิ์ตลอดชีวิต ชาติใหม่จะมีรูปร่างหน้าตาสมส่วนหมดจด
มองจากมุมไหนก็ดูดีไปหมด แบบที่เรียกกันว่างามไร้ที่ตินั่นเอง

หากละเมิดศีลเป็นอาจิณ หน้าตาและผิวพรรณจะดูคล้ำหมอง
เว้นแต่อำนาจศีลแต่หนหลังมีพลังแรงมาก ช่วยค้ำพยุงไว้ได้ระยะหนึ่ง หรืออาจใช้วิทยาการทางความงามในปัจจุบันช่วยทำให้ผุดผ่องก็มีสิทธิ์ แต่จะประคับประคองได้ไม่นาน ในที่สุดความเสื่อมโทรมแบบแก่ก่อนวัยต้องถามหาอยู่ดี

และกรรมที่เกิดจากการละเมิดศีลเป็นอาจิณนั้น
จะมีผลให้ชาติถัดมามีความไม่สมส่วน
แม้ใบหน้าสวยหล่อด้วยการทำทานอย่างมีศรัทธา
จุดอื่นในร่างกายก็จะไม่สมส่วน เช่นขาสั้นไปบ้าง หลังยาวไปบ้าง

(http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/561766_10150768989280750_547625749_9396308_1898901843_n.jpg)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 เมษายน 2012, 16:00:42

ครุ โหติ สคารโว
ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 เมษายน 2012, 17:27:01
อิณาทานํ ทุกขํ โลเก
การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: litverpool ที่ 28 เมษายน 2012, 18:15:13
 :wanwan017: ดีมากๆเลยครับ รวมไว้เยอะจริงๆ ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: panyamac ที่ 28 เมษายน 2012, 22:02:30
 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 เมษายน 2012, 14:29:27
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 30 เมษายน 2012, 12:58:18
(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/527322_227142167389943_112023992235095_379162_1027913255_n.jpg)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 เมษายน 2012, 14:06:38
เย ปมตฺตา ยถา มตา
ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤษภาคม 2012, 14:00:25
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤษภาคม 2012, 14:14:34
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤษภาคม 2012, 14:10:51

เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ เย ปมชฺชนฺติ มาณวา
คนประมาท ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤษภาคม 2012, 15:37:54
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤษภาคม 2012, 15:39:01
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤษภาคม 2012, 15:50:00
ชิเน กทริยํ ทาเนน
พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤษภาคม 2012, 14:59:27
อนตฺถชนโน โกโธ
ความโกรธก่อความพินาศ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: tonzatatay ที่ 07 พฤษภาคม 2012, 15:12:20
+1 ไปทีครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤษภาคม 2012, 16:09:24
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤษภาคม 2012, 14:36:43
นาญฺญํ นิสฺสาย ชีเวยฺย
ไม่พึงอาศัยผู้อื่นยังชีพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 09 พฤษภาคม 2012, 20:53:19
(http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/576570_367778349953001_100001625181875_1136943_2135592549_n.jpg)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤษภาคม 2012, 14:37:13
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤษภาคม 2012, 16:03:10
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤษภาคม 2012, 15:29:37
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤษภาคม 2012, 15:03:41
อปฺปมาทญฺจ เมธาวี ธนํ เสฏฺฐฺ รกฺขติ
ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์ประเสริฐสุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤษภาคม 2012, 14:43:02
โภคา สนฺนิตยํ ยนฺติ วมฺมิโกวูปจียติ
ค่อยๆ เก็บรวบรวมทรัพย์ ดังปลวกก่อจอมปลวก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤษภาคม 2012, 13:42:32
โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ
ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Paulsmith ที่ 15 พฤษภาคม 2012, 18:18:10
สุดยอดกระทู้  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤษภาคม 2012, 15:16:38
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 16 พฤษภาคม 2012, 16:51:39
(http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/524701_10150769329570750_547625749_9396944_636966521_n.jpg)

"ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง" แปลว่า ปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nanjaow ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 00:04:24
(http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/541315_456654791027427_100000487299391_1760148_466920820_n.jpg)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 11:18:58
(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/s320x320/549423_339705119408744_325901057455817_901296_550000111_n.jpg)
"การแก้นั้นแก้ใครก็สู้แก้ตนเองไม่ได้
ใครสุขใครทุกข์ ก็สู้ตัวเองสุขตัวเองทุกข์ไม่ได้
จึงควรแก้ตัวเองก่อนผู้อื่น"

หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
โดย: สิ่งดี-ดี มีไว้ "แบ่งปัน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 15:44:25
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Paulsmith ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 19:19:15
([url]http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/s320x320/549423_339705119408744_325901057455817_901296_550000111_n.jpg[/url])
"การแก้นั้นแก้ใครก็สู้แก้ตนเองไม่ได้
ใครสุขใครทุกข์ ก็สู้ตัวเองสุขตัวเองทุกข์ไม่ได้
จึงควรแก้ตัวเองก่อนผู้อื่น"

หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
โดย: สิ่งดี-ดี มีไว้ "แบ่งปัน"


 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤษภาคม 2012, 15:35:41
สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํ
ความซื่อสัตย์นั่นแล ดีกว่ารสทั้งหลาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤษภาคม 2012, 15:37:50
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ~ก๋วยเจ๋ง~ ที่ 19 พฤษภาคม 2012, 19:58:19
เข้ามานั่งอ่าน ยาวมากๆ ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤษภาคม 2012, 15:39:22
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ~ก๋วยเจ๋ง~ ที่ 21 พฤษภาคม 2012, 12:46:23
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤษภาคม 2012, 15:45:20
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nanjaow ที่ 21 พฤษภาคม 2012, 20:50:28
(http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/481262_3143527795840_1494337572_32121499_2059922705_n.jpg)
โดย ขุนแผนเมืองเพชร แดร็ก ดีเดย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤษภาคม 2012, 16:20:59
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤษภาคม 2012, 15:40:07
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤษภาคม 2012, 16:07:11
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: longtaotae ที่ 24 พฤษภาคม 2012, 16:52:08
 :'(
จำแล้วนำไปปฎิบัติครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤษภาคม 2012, 15:56:13
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤษภาคม 2012, 16:41:51
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤษภาคม 2012, 22:11:49
ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ
ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤษภาคม 2012, 18:40:44
โยคา เว ชายเต ภูริ
ปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤษภาคม 2012, 15:27:57
คนมีปัญญา แม้มีปัญหา และ ถูกผูกมัดอยู่ พอพูดในเรื่องใด ก็หลุดได้ในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 พฤษภาคม 2012, 15:49:52
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 พฤษภาคม 2012, 15:52:05
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: คนหน้าตาดี ที่ 01 มิถุนายน 2012, 14:19:05
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มิถุนายน 2012, 15:55:50
อโหรตฺตมตนฺทิตํ ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ
คนขยันทั้งคืนทั้งวัน จักไม่ซึมเซา เรียกว่า แต่ละวันมีแต่นำโชค


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มิถุนายน 2012, 15:40:35
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มิถุนายน 2012, 15:29:53
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มิถุนายน 2012, 15:25:50
มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
คนกล่าววาจาชั่ว ย่อมเดือดร้อน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มิถุนายน 2012, 15:51:57
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข โลกุตตรฌาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: tonzatatay ที่ 06 มิถุนายน 2012, 17:53:39
ยังโชคดีที่ได้อ่าน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มิถุนายน 2012, 18:16:37
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต
ผู้ไม่ประมาทพินิจอยู่ ย่อมถึงสุขอันไพบูลย์
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มิถุนายน 2012, 00:17:57
สทตฺถปสุโต สิยา
พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มิถุนายน 2012, 15:29:44
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มิถุนายน 2012, 14:27:31
ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ
ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มิถุนายน 2012, 15:41:59

มนาโป โหติ ขนฺติโก
ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: samakida2008 ที่ 12 มิถุนายน 2012, 14:37:42
ได้ข้อคิดดีๆ เพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มิถุนายน 2012, 15:33:38
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มิถุนายน 2012, 15:27:57
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มิถุนายน 2012, 15:26:31
วาจํ ปมุญเจ กุสลํ นาติเวลํ
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ดี ให้เกินแก่ควรกาล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มิถุนายน 2012, 15:35:05
มนุญฺญเมว ภาเสยฺย
ควรกล่าวแต่วาจา ที่น่าพอใจ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: INSURECONSULTANT ที่ 15 มิถุนายน 2012, 23:19:35
จ้างคน ลิงค์  บทความ  โดเมน โพสโอม เพี้ยง ธรรมะ ของ ข้าเจ้า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มิถุนายน 2012, 15:27:55
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มิถุนายน 2012, 15:31:47
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มิถุนายน 2012, 01:47:53
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มิถุนายน 2012, 15:32:52
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มิถุนายน 2012, 15:27:29
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nanjaow ที่ 21 มิถุนายน 2012, 14:13:42
(http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/248113_325686300849517_163018601_n.jpg)



Credit : Facebook วัดป่าวชิรบรรพต วชิรบรรพต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มิถุนายน 2012, 14:20:48
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มิถุนายน 2012, 16:13:32

พทฺธาปิ ตตฺถ มุจฺจนฺติ ยตฺถ ธีรา ปภาสเร
คนมีปัญญา แม้มีปัญหา และ ถูกผูกมัดอยู่ พอพูดในเรื่องใด ก็หลุดได้ในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มิถุนายน 2012, 15:45:34
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มิถุนายน 2012, 15:49:35

ขโณ โว มา อุปจฺจคา
อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มิถุนายน 2012, 15:49:58
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มิถุนายน 2012, 18:14:27
ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: prae-mba ที่ 27 มิถุนายน 2012, 12:52:55
(http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/548189_10150979334435750_2109500850_n.jpg)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มิถุนายน 2012, 15:29:30
   
ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
ขันติ คือความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มิถุนายน 2012, 15:59:14
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มิถุนายน 2012, 15:29:25
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มิถุนายน 2012, 16:09:31
โกธํ ปญฺญาย อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กรกฎาคม 2012, 16:18:35
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กรกฎาคม 2012, 14:02:10
มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
คนกล่าววาจาชั่ว ย่อมเดือดร้อน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กรกฎาคม 2012, 15:26:30
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กรกฎาคม 2012, 15:34:49
สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำสัตย์ แลเป็นวาจาที่ไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กรกฎาคม 2012, 15:45:47
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กรกฎาคม 2012, 14:21:12
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กรกฎาคม 2012, 15:22:48

น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ อวชิยฺยติ.
ความชนะใดที่ชนะแล้ว กลับแพ้ได้ ความชนะนั้นไม่ดี
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กรกฎาคม 2012, 15:52:52
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ~ก๋วยเจ๋ง~ ที่ 08 กรกฎาคม 2012, 20:29:32
 :wanwan017:     :wanwan017:

 :wanwan017:     :wanwan017:

 :wanwan017:     :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กรกฎาคม 2012, 16:01:11
อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา
ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตนอยู่เป็นนิจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กรกฎาคม 2012, 16:18:29
 :wanwan003:ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กรกฎาคม 2012, 15:34:13
    
ยทตฺตครหิ ตทกุพฺพมาโน
ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kowit2 ที่ 12 กรกฎาคม 2012, 10:27:10
我知道我錯了,對不起。我用它來升級事宜。
我想你知道。我並不打算。我並不打算。

ฉันรู้ฉันผิดฉันเสียใจ ฉันใช้อารมณ์จนเรื่องบานปลาย
แต่อยากให้รู้ไว้ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้ตั้งใจ

 :wanwan008:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กรกฎาคม 2012, 00:52:21
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กรกฎาคม 2012, 16:01:28
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ~ก๋วยเจ๋ง~ ที่ 13 กรกฎาคม 2012, 20:07:38
สาธุ.....


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กรกฎาคม 2012, 15:33:41
โจรา โลกสฺมิมพฺพุทา
พวกโจรเป็นเสนียดของโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กรกฎาคม 2012, 15:30:19
สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ
ความบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กรกฎาคม 2012, 15:29:03
ปมาโท รกฺขโต มลํ
ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กรกฎาคม 2012, 16:07:18
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กรกฎาคม 2012, 15:33:17
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: INSURECONSULTANT ที่ 19 กรกฎาคม 2012, 00:58:22
สัจธรรมชีวิต :: ประจำเดือนที่แล้ว ปี 2012

พดีทิวบา พขามเจเพกอวีนถกะฮ
แปลบาลีเป็น TSB ได้ว่า
แพนด้าที่ว่าบ้า พอข้ามาเจอเพนกวินถึงกับฮา
ราเม็ง อาเมน.



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กรกฎาคม 2012, 15:37:19
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กรกฎาคม 2012, 16:02:08
ครุ โหติ สคารโว
ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กรกฎาคม 2012, 15:25:59
ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ นาวชิยฺยติ
ความชนะใดที่ชนะแล้วไม่กลับแพ้ ความชนะนั้นดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กรกฎาคม 2012, 15:28:22
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กรกฎาคม 2012, 15:29:07
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กรกฎาคม 2012, 15:59:01
ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต
ปัญญา เป็นแสงสว่างในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กรกฎาคม 2012, 17:04:11
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กรกฎาคม 2012, 15:45:44
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กรกฎาคม 2012, 15:44:22
   
พทฺธาปิ ตตฺถ มุจฺจนฺติ ยตฺถ ธีรา ปภาสเร
คนมีปัญญา แม้มีปัญหา และ ถูกผูกมัดอยู่ พอพูดในเรื่องใด ก็หลุดได้ในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กรกฎาคม 2012, 15:34:38
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กรกฎาคม 2012, 15:43:18
อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ
คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กรกฎาคม 2012, 15:20:04
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 กรกฎาคม 2012, 15:11:14
ทุกสิ่งทุกอย่างมีความเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา
ทุกสิ่งล้วนเป็นทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากของรักของชอบใจ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วเป็นธรรมดา
ขันห้าคือทุกที่สุด มี รูปขัน เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แต่ทุกอย่างย่อมหายไป
คือขันห้า และองประกอบรวมกันก็ต้องแยกจากกัน ทุกสิ่งไม่มีตัวตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 สิงหาคม 2012, 15:33:38
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํ
ควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 สิงหาคม 2012, 15:18:41
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 สิงหาคม 2012, 15:36:36
ชิเน กทริยํ ทาเนน
พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 สิงหาคม 2012, 15:43:44
สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา
ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 สิงหาคม 2012, 15:49:10
อนตฺถชนโน โกโธ
ความโกรธก่อความพินาศ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 สิงหาคม 2012, 16:07:05
ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 สิงหาคม 2012, 17:11:45
สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำสัตย์ แลเป็นวาจาที่ไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Chokdee ที่ 08 สิงหาคม 2012, 14:08:15
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 สิงหาคม 2012, 15:41:37
ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต
ปัญญา เป็นแสงสว่างในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 สิงหาคม 2012, 15:53:38
ดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 สิงหาคม 2012, 15:47:52
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 สิงหาคม 2012, 15:49:20
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 สิงหาคม 2012, 15:52:07
ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน
ความอดทน เป็นตปะ ( ต บ ะ ) ของผู้พากเพียร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 สิงหาคม 2012, 15:30:00
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 สิงหาคม 2012, 15:48:48

มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
คนกล่าววาจาชั่ว ย่อมเดือดร้อน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 สิงหาคม 2012, 12:56:46
อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ
คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bosstaft ที่ 15 สิงหาคม 2012, 13:23:48
สาธุๆ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 สิงหาคม 2012, 15:43:24
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 สิงหาคม 2012, 15:48:16
ธมฺมกาโม ภวํ โหติ
ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 สิงหาคม 2012, 15:39:11
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 สิงหาคม 2012, 15:49:04
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 สิงหาคม 2012, 15:46:27
ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
ขันติ คือความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 สิงหาคม 2012, 15:34:55
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 สิงหาคม 2012, 15:56:13
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 สิงหาคม 2012, 15:47:24
ปมาโท รกฺขโต มลํ
ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 สิงหาคม 2012, 15:53:08
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 สิงหาคม 2012, 16:09:05
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 สิงหาคม 2012, 15:51:21
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 สิงหาคม 2012, 15:50:05
ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต
ปัญญา เป็นแสงสว่างในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 สิงหาคม 2012, 16:35:30
มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
คนกล่าววาจาชั่ว ย่อมเดือดร้อน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 สิงหาคม 2012, 09:53:05
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กันยายน 2012, 15:59:43
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กันยายน 2012, 23:38:16
อสาธํ สาธุนา ชิเน
พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กันยายน 2012, 14:54:12
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กันยายน 2012, 15:48:03
นาญฺญํ นิสฺสาย ชีเวยฺย
ไม่พึงอาศัยผู้อื่นยังชีพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กันยายน 2012, 15:37:55
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Horakung ที่ 05 กันยายน 2012, 17:01:47
บุญที่คนเรานั้นได้ทำไว้จะติดตามตัวเราไปเหมือนเงา ไม่ได้สูญหายไปใหน และจะส่งผลมากมาย

เกินคาดเดาได้ คล้ายกันการที่เราปลูกต้นไม้ เมล็ดเพียง 1 เมล็ด เมื่อนำไปปลูก สามารถเติบโต

ที่จะให้ผลได้ครั้งละมาก ๆ และเก็บผลได้นานปี “บุญ” แม้จะทำเพียงครั้งเดียวก็ให้ผลมหาศาล

และสามารถนำไปใช้ได้ข้ามภพข้ามชาติ บาปก็เช่นกัน ทำเพียงครั้งเดียวก็ส่งผลร้ายข้ามภพชาติไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กันยายน 2012, 15:41:28

อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช
ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กันยายน 2012, 15:42:17
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กันยายน 2012, 15:47:32
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กันยายน 2012, 23:45:50
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กันยายน 2012, 23:31:01
กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ อตฺตานํ อติมญฺญสิ
ท่านเอ๋ย ! ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กันยายน 2012, 16:23:40
หทยสฺส สทิสี วาจา
วาจาเช่นเดียวกับใจ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กันยายน 2012, 16:17:56
มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
คนกล่าววาจาชั่ว ย่อมเดือดร้อน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กันยายน 2012, 16:35:47
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กันยายน 2012, 15:01:14

ยถาวาที ตถาการี
พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กันยายน 2012, 15:44:53
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กันยายน 2012, 15:18:06
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ~ก๋วยเจ๋ง~ ที่ 21 กันยายน 2012, 21:07:57
 เวลาโกรธใครสักคน ก็ให้พิจารณาแยกธาตุดังว่ามาข้างต้นนั้น ความโกรธอาจหายไปได้

 :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กันยายน 2012, 15:23:58
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กันยายน 2012, 15:28:45
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กันยายน 2012, 15:22:15
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กันยายน 2012, 15:23:00
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กันยายน 2012, 15:24:06
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กันยายน 2012, 15:29:00
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กันยายน 2012, 15:21:51
ครุ โหติ สคารโว
ผู้เคารพผู้อื่น ย่อมมีผู้เคารพตนเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กันยายน 2012, 13:26:57
ธมฺมกาโม ภวํ โหติ
ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กันยายน 2012, 15:25:54
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ตุลาคม 2012, 16:11:12
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข โลกุตตรฌาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ตุลาคม 2012, 16:43:51
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ตุลาคม 2012, 15:38:05
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 ตุลาคม 2012, 15:19:37
เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ เย ปมชฺชนฺติ มาณวา
คนประมาท ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ตุลาคม 2012, 16:23:06
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pooklook ที่ 05 ตุลาคม 2012, 16:56:03
เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า เจ้าจะเอาแต่สุข สนุกไฉน
เจ้ามามือเปล่า แล้วเจ้า จะเอาอะไร เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา
ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่ มีเพียงแต่ ต้นทุน บุญกุศล
ทรัพย์สมบัติ ทิ้งไว้ ให้ปวงชน แม้ร่างตน เขาก็เอา ไปเผาไฟ   
(แม้นเจ้าตาย ร่างกายยังมีค่า ไปเสาะหาที่บริจาคไม่ยากหนา ที่สภากาชาด ขาดอวัยวะ หรือว่าจะ เป็นอาจารย์ใหญ่ ยังได้บุญ)  :wanwan008:  :wanwan002:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 ตุลาคม 2012, 16:03:51
โกธํ ปญฺญาย อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ตุลาคม 2012, 15:51:44
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 ตุลาคม 2012, 16:00:45
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bingbing ที่ 09 ตุลาคม 2012, 08:52:16
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jaaxy ที่ 09 ตุลาคม 2012, 11:49:11
การให้ธรรมะเป็นสิ่งที่ดี สาธุๆ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ตุลาคม 2012, 16:00:29
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ตุลาคม 2012, 16:08:08
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ตุลาคม 2012, 16:40:34
ธมฺมกาโม ภวํ โหติ
ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ตุลาคม 2012, 15:45:51
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ตุลาคม 2012, 16:35:12
ขันติ คือความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ตุลาคม 2012, 15:43:02
   
อโหรตฺตมตนฺทิตํ ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ
คนขยันทั้งคืนทั้งวัน จักไม่ซึมเซา เรียกว่า แต่ละวันมีแต่นำโชค


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ตุลาคม 2012, 15:49:11
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: fn555 ที่ 20 ตุลาคม 2012, 15:55:06
เข้ามาอ่านจ๊ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: sevensize ที่ 20 ตุลาคม 2012, 19:38:35
มาเก็บความรู้ครับ   :-[


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ตุลาคม 2012, 15:43:25

นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: cherry ที่ 21 ตุลาคม 2012, 22:02:27
"No Mud, No Lotus"
"ไร้โคลนตม ก็ไร้ดอกบัวงาม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ตุลาคม 2012, 14:09:14
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ตุลาคม 2012, 16:43:43

โกธํ ปญฺญาย อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ตุลาคม 2012, 15:48:07

ขนฺติ หิตสุขาวหา
ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ตุลาคม 2012, 15:49:15
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ตุลาคม 2012, 15:47:08
อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ
คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ~ก๋วยเจ๋ง~ ที่ 27 ตุลาคม 2012, 17:56:27
เยอะมากครับ ขอบคุณครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ตุลาคม 2012, 15:45:33
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ตุลาคม 2012, 15:55:37

ทุฏฺฐสฺส ผรุสา วาจา
คนโกรธมีวาจาหยาบ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ตุลาคม 2012, 15:02:19
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ตุลาคม 2012, 13:38:02

อปฺปมาทรตา โหถ
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤศจิกายน 2012, 15:45:39
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤศจิกายน 2012, 15:58:57
วาจํ ปมุญเจ กุสลํ นาติเวลํ
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ดี ให้เกินแก่ควรกาล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤศจิกายน 2012, 16:09:51
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 01:52:42
ขโณ โว มา อุปจฺจคา
อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 15:56:22
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jaaxy ที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 23:47:17
สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤศจิกายน 2012, 16:09:01
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤศจิกายน 2012, 16:17:16
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤศจิกายน 2012, 16:28:18
ปมาทมนุยุญฺชนฺติ พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา
คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบแต่ความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤศจิกายน 2012, 16:27:26
อนตฺถชนโน โกโธ
ความโกรธก่อความพินาศ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤศจิกายน 2012, 16:28:15
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤศจิกายน 2012, 17:25:12
ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน
ความอดทน เป็นตปะ ( ต บ ะ ) ของผู้พากเพียร
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: silverlose ที่ 12 พฤศจิกายน 2012, 12:21:48
ยุบหนอ พองหนอ  :P


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤศจิกายน 2012, 16:05:53
ขโณ โว มา อุปจฺจคา
อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤศจิกายน 2012, 16:04:02
ปมาเทน น สํวเส
ไม่ควรสมคบด้วยความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤศจิกายน 2012, 16:14:39
อสาธํ สาธุนา ชิเน
พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Papza_allnew ที่ 14 พฤศจิกายน 2012, 22:33:33
พระพุทธเจ้าตรัสสอนพระราหุลว่า เปรียบเหมือนคนทั้งหลายทิ้งของสะอาดบ้าง ของไม่สะอาดบ้าง อุจจาระบ้าง ปัสสาวะบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือดบ้าง ลงที่แผ่นดิน แผ่นดินจะอึดอัดหรือระอาหรือเกลียดด้วยของนั้นก็หาไม่ฉันใด เธอจงทำใจเสมอด้วยแผ่นดินฉันนั้น เพราะเมื่อเธอทำใจเสมอด้วยแผ่นดิน สัมผัสที่ชอบใจและไม่ชอบใจ จักไม่ครอบงำจิตของเธอ (มหาราหุโลวาทสูตร)

ธรรมดาน้ำ ย่อมจะเย็นฉันใด ใจเราก็ควรจะเย็น ไม่โกรธ ด้วยอาศัยขันติและเมตตาฉันนั้น

ธรรมดาอากาศไม่มีใครจับยึดไว้ได้ฉันใด เราก็ไม่ควรให้ความโกรธยึดถือได้ฉันนั้น

ธรรมดาแผ่นดินย่อมรับน้ำหนักของสิ่งต่าง ๆ บนโลกไว้ได้ฉันใด เราก็ควรอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้คนในโลกไว้ได้ฉันนั้น (มิลินทปัญหา จักกวัติวรรค)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤศจิกายน 2012, 16:24:18
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤศจิกายน 2012, 16:25:01
สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ
ความบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤศจิกายน 2012, 16:17:39
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤศจิกายน 2012, 16:08:31
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤศจิกายน 2012, 16:24:02
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤศจิกายน 2012, 16:30:48
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ~ก๋วยเจ๋ง~ ที่ 20 พฤศจิกายน 2012, 21:56:23
เยอะมากครับ ขอบคุณอีกรอบครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤศจิกายน 2012, 16:03:13
   
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ
บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤศจิกายน 2012, 17:37:25
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤศจิกายน 2012, 16:13:52
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤศจิกายน 2012, 16:21:27
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤศจิกายน 2012, 16:14:09
ปญฺญา โลกสฺมิ ปชฺโชโต
ปัญญา เป็นแสงสว่างในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤศจิกายน 2012, 16:25:19
มนุญฺญเมว ภาเสยฺย
ควรกล่าวแต่วาจา ที่น่าพอใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 16:10:47
อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา
ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตนอยู่เป็นนิจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: INSURECONSULTANT ที่ 27 พฤศจิกายน 2012, 18:24:19
อ่านมะไหว เยอะจริงๆ ขอบคุณท่านมาก ที่แผ่พลังกุศลเรื่องดีๆให้  :wanwan007: อย่างข้าพเจ้า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤศจิกายน 2012, 17:47:57
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤศจิกายน 2012, 16:14:08
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต
ผู้ไม่ประมาทพินิจอยู่ ย่อมถึงสุขอันไพบูลย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 พฤศจิกายน 2012, 16:16:53
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ธันวาคม 2012, 16:38:57
กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ
คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ธันวาคม 2012, 16:20:59
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ปลาโลมา ที่ 03 ธันวาคม 2012, 02:11:29
หมื่นรู้ไม่เท่า หนึ่งปฎิบัติครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ธันวาคม 2012, 16:30:29
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ธันวาคม 2012, 16:13:25
ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ นาวชิยฺยติ
ความชนะใดที่ชนะแล้วไม่กลับแพ้ ความชนะนั้นดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 ธันวาคม 2012, 16:13:58
มนาโป โหติ ขนฺติโก
ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ธันวาคม 2012, 16:19:00
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 ธันวาคม 2012, 16:19:54
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ธันวาคม 2012, 15:56:15
ยถาวาที ตถาการี
พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ธันวาคม 2012, 16:18:34
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ธันวาคม 2012, 16:29:14
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ธันวาคม 2012, 16:26:48
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ
บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ธันวาคม 2012, 16:16:42
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: yuseki ที่ 14 ธันวาคม 2012, 10:36:54
ที่จริงกะว่าจะเข้ามาอ่านนะ
แต่อ่านได้ไม่นาน ยาวววมาก

วันไหนเวลาเยอะๆจะเข้ามาหาหลักธรรมใหม่นะคะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: คนใจดี ที่ 14 ธันวาคม 2012, 10:41:57
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.

หมายถึงเราต้องมีความพอดี และรู้จักพอใช่ไหมครับ ท่านครับผมขอถามหน่อยว่า ความรู้จักพอในทรัพย์สิน กับความฝักใฝ่ในทรัพย์สิน อันไหนมันดีกว่ากันครับ

ในเมื่อคนเราต้องกินต้องใช้ อะไรคือจุดที่ว่าพอดี แล้วอะไรคือจุดที่ต้องฝักใฝ่


ขอบคุณครับ

 :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ธันวาคม 2012, 16:17:16
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ธันวาคม 2012, 16:19:23
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.

หมายถึงเราต้องมีความพอดี และรู้จักพอใช่ไหมครับ ท่านครับผมขอถามหน่อยว่า ความรู้จักพอในทรัพย์สิน กับความฝักใฝ่ในทรัพย์สิน อันไหนมันดีกว่ากันครับ

ในเมื่อคนเราต้องกินต้องใช้ อะไรคือจุดที่ว่าพอดี แล้วอะไรคือจุดที่ต้องฝักใฝ่


ขอบคุณครับ

 :wanwan017: :wanwan017:
เราควรยึดหลักความพอดีครับ ส่วนความฝักใฝ่ก็แล้วแต่คนว่ามีความอยากมากแค่ไหน แต่ควรมีไม่มากจนเกินไปครับ เอาแค่พอมีปัจจัยสี่


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ธันวาคม 2012, 16:17:40
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ธันวาคม 2012, 16:28:44
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ธันวาคม 2012, 16:13:37
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ธันวาคม 2012, 16:24:03
โกธํ ทเมน อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยความข่มใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ธันวาคม 2012, 16:28:10
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ธันวาคม 2012, 16:17:00
อนตฺถชนโน โกโธ
ความโกรธก่อความพินาศ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ธันวาคม 2012, 16:09:08
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ธันวาคม 2012, 16:44:32

ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญานั่นแหละ ประเสริฐกว่าทรัพย์
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ธันวาคม 2012, 13:50:13

มนุญฺญเมว ภาเสยฺย
ควรกล่าวแต่วาจา ที่น่าพอใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ธันวาคม 2012, 16:26:54
ปมาทมนุยุญฺชนฺติ พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา
คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบแต่ความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ธันวาคม 2012, 16:21:40
ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ
ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ธันวาคม 2012, 16:17:14
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ธันวาคม 2012, 16:25:59
ขนฺติ พลํ ว ยตีนํ
ความอดทน เป็นกำลัง ของนักพรต
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ธันวาคม 2012, 16:15:59
พาโล อปริณายโก
คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ธันวาคม 2012, 16:16:33
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ธันวาคม 2012, 16:59:10
   
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: คนใจดี ที่ 31 ธันวาคม 2012, 12:16:48
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.
กระผมไม่เข้าใจความหมายของคำสอนนี้ครับท่าน รบกวนชี้แระด้วยครับ

 :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ธันวาคม 2012, 16:53:04
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มกราคม 2013, 16:04:38
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มกราคม 2013, 16:19:29

อนตฺถชนโน โกโธ
ความโกรธก่อความพินาศ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มกราคม 2013, 16:22:49

อตีตํ นานฺวาคเมยฺนย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ
อย่ารำพึงถึงความหลัง อย่ามัวหวังถึงอนาคต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มกราคม 2013, 16:14:00

ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มกราคม 2013, 16:27:05

ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มกราคม 2013, 16:07:35
โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ
ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มกราคม 2013, 16:23:02

อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มกราคม 2013, 16:12:13
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มกราคม 2013, 16:14:56
   
สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา
ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มกราคม 2013, 23:19:52
อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มกราคม 2013, 16:27:11
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มกราคม 2013, 16:38:34
โกโธ สตฺถมลํ โลเก
ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มกราคม 2013, 16:16:06
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มกราคม 2013, 16:28:14
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มกราคม 2013, 16:25:03
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nokmeshielving ที่ 17 มกราคม 2013, 07:29:52
เป็นกระตู้เดียวเท่านั้น ที่ผม save เก็บไว้ทุกหน้าเลย อนุโมทนาสาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มกราคม 2013, 16:18:26
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มกราคม 2013, 16:27:04
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มกราคม 2013, 16:18:35
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มกราคม 2013, 16:20:57
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ
บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มกราคม 2013, 18:29:47
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มกราคม 2013, 16:20:31
ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน
ความอดทน เป็นตปะ ( ต บ ะ ) ของผู้พากเพียร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มกราคม 2013, 16:26:46
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มกราคม 2013, 16:16:18
กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ
คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มกราคม 2013, 16:16:59
ปมาทมนุยุญฺชนฺติ พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา
คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบแต่ความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มกราคม 2013, 16:32:57
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: youtalen ที่ 27 มกราคม 2013, 23:06:28
แต่ละท่าน ประชมตรัสรู้ กราบ ...  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มกราคม 2013, 16:24:41

ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มกราคม 2013, 16:18:09

ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ นาวชิยฺยติ
ความชนะใดที่ชนะแล้วไม่กลับแพ้ ความชนะนั้นดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มกราคม 2013, 16:15:14
โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ
ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 มกราคม 2013, 16:50:12
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2013, 16:22:16
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กุมภาพันธ์ 2013, 16:49:03
สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ
ผู้ตั้งใจศึกษา ย่อมได้ปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2013, 16:18:37
สนาถา วิหรถ มา อนาถา
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2013, 16:21:19

โกโธ สตฺถมลํ โลเก
ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2013, 16:35:30
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข โลกุตตรฌาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2013, 16:36:26
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: verysims ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2013, 16:48:45
ขอบคุณครับ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2013, 15:23:21
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2013, 16:36:56
ททมาโน ปิโย โหต
ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2013, 16:29:58
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2013, 15:55:36

อนตฺถชนโน โกโธ
ความโกรธก่อความพินาศ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2013, 16:17:49
ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา
อ่อนไป ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไปก็มีภัยเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2013, 16:31:29
สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํ
ความซื่อสัตย์นั่นแล ดีกว่ารสทั้งหลาย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 16:15:33
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2013, 16:21:59
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2013, 16:46:41
ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา
อ่อนไป ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไปก็มีภัยเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2013, 16:16:56
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2013, 16:15:43
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013, 16:20:46
ธมฺมกาโม ภวํ โหติ
ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2013, 16:15:19
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2013, 15:49:25

สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2013, 16:38:36
สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำสัตย์ แลเป็นวาจาที่ไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2013, 16:28:52
ปญฺญา นรานํ รตนํ
ปัญญา เปรียบเสมือน เครื่องประดับแห่งตน
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2013, 14:53:31
ปมาเทน น สํวเส
ไม่ควรสมคบด้วยความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: infinityteen ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2013, 16:20:10
สาธุ  :wanwan016:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2013, 16:21:21
ทุฏฺฐสฺส ผรุสา วาจา
คนโกรธมีวาจาหยาบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2013, 17:16:49
สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํ
ความซื่อสัตย์นั่นแล ดีกว่ารสทั้งหลาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2013, 16:16:49

กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ อตฺตานํ อติมญฺญสิ
ท่านเอ๋ย ! ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 01 มีนาคม 2013, 16:18:44
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 02 มีนาคม 2013, 16:12:15
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 03 มีนาคม 2013, 16:39:31
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ
ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 04 มีนาคม 2013, 16:32:17

ททมาโน ปิโย โหต
ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 06 มีนาคม 2013, 16:37:08
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 07 มีนาคม 2013, 16:33:36
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข โลกุตตรฌาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 08 มีนาคม 2013, 16:40:17
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: CyberM ที่ 09 มีนาคม 2013, 15:33:57
เก็บไว้ครับ ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 09 มีนาคม 2013, 16:29:19
   
กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ
คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 10 มีนาคม 2013, 14:33:07
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 11 มีนาคม 2013, 16:26:07
อสาธํ สาธุนา ชิเน
พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Uzumaki Naruto ที่ 12 มีนาคม 2013, 08:21:55
(http://image.ohozaa.com/i/742/PvSecP.JPG)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 12 มีนาคม 2013, 15:44:30
ปมาทมนุยุญฺชนฺติ พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา
คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบแต่ความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Uzumaki Naruto ที่ 13 มีนาคม 2013, 09:33:58
(http://image.ohozaa.com/i/68f/36F2T3.jpg)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 13 มีนาคม 2013, 15:27:46
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 14 มีนาคม 2013, 15:24:15
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 15 มีนาคม 2013, 16:25:16
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 16 มีนาคม 2013, 16:41:13
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ
ความสิ้นตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 17 มีนาคม 2013, 16:21:06
สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ
ผู้ตั้งใจศึกษา ย่อมได้ปัญญา
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 18 มีนาคม 2013, 16:17:02
โกโธ สตฺถมลํ โลเก
ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 19 มีนาคม 2013, 16:10:35
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 20 มีนาคม 2013, 16:18:10
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: unidentified ที่ 21 มีนาคม 2013, 13:58:08
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 21 มีนาคม 2013, 16:27:08
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 22 มีนาคม 2013, 16:23:49
   
เย ปมตฺตา ยถา มตา
ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 23 มีนาคม 2013, 16:25:29
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 24 มีนาคม 2013, 16:37:26
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 25 มีนาคม 2013, 16:19:46
มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
คนกล่าววาจาชั่ว ย่อมเดือดร้อน
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 26 มีนาคม 2013, 16:24:41
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 27 มีนาคม 2013, 16:22:57
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 28 มีนาคม 2013, 14:53:28
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มีนาคม 2013, 15:40:28
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 30 มีนาคม 2013, 16:18:23
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 มีนาคม 2013, 16:04:47
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 เมษายน 2013, 16:33:14
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต
ผู้ไม่ประมาทพินิจอยู่ ย่อมถึงสุขอันไพบูลย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 เมษายน 2013, 16:23:22
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 เมษายน 2013, 16:20:33
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 เมษายน 2013, 16:23:14
ทุฏฺฐสฺส ผรุสา วาจา
คนโกรธมีวาจาหยาบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 เมษายน 2013, 16:24:46
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 เมษายน 2013, 16:31:52
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข โลกุตตรฌาน.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 เมษายน 2013, 17:21:56
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ปลาบิน ที่ 08 เมษายน 2013, 03:27:57
สัพเพ สัตตา อเวรา อนีฆา อัพยาปัชชา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 เมษายน 2013, 16:39:40
นาญฺญํ นิสฺสาย ชีเวยฺย
ไม่พึงอาศัยผู้อื่นยังชีพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 เมษายน 2013, 15:40:32
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 10 เมษายน 2013, 16:22:14
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 เมษายน 2013, 15:56:44
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 เมษายน 2013, 16:54:49
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 เมษายน 2013, 16:06:58
ธมฺมกาโม ภวํ โหติ
ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 เมษายน 2013, 16:34:57
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข โลกุตตรฌาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 เมษายน 2013, 16:23:21
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 16 เมษายน 2013, 16:29:48
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 เมษายน 2013, 16:33:26
อปฺปมาทรตา โหถ
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 เมษายน 2013, 16:33:33
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 เมษายน 2013, 16:24:02
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 เมษายน 2013, 16:23:25
โกธสมฺมทสมฺมตฺโต อายสกฺยํ นิคจฺฉติ
ผู้เมามึนด้วยความโกรธ ย่อมถึงความไร้ยศศักดิ์
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Uzumaki Naruto ที่ 21 เมษายน 2013, 06:22:21
(http://image.free.in.th/z/ic/48040278_0_20120731062420.jpg)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 เมษายน 2013, 15:07:20
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 เมษายน 2013, 16:31:36
หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ
คนที่ผลัดวันว่าพรุ่งนี้ ย่อมเสื่อม , ยิ่งผลัดว่ามะรืนนี้ ก็ยิ่งเสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 เมษายน 2013, 16:18:53
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข โลกุตตรฌาน.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: theerat ที่ 23 เมษายน 2013, 20:04:52
สาธุ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 เมษายน 2013, 16:11:09
มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
คนกล่าววาจาชั่ว ย่อมเดือดร้อน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 เมษายน 2013, 15:27:48
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 เมษายน 2013, 16:01:32
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Uzumaki Naruto ที่ 27 เมษายน 2013, 22:51:59
(http://image.free.in.th/z/io/yzz72.jpg)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 เมษายน 2013, 16:25:11
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 เมษายน 2013, 16:21:49
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 เมษายน 2013, 16:17:42
พาโล อปริณายโก
คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤษภาคม 2013, 16:21:00
ขนฺติ หิตสุขาวหา
ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: taro1177 ที่ 02 พฤษภาคม 2013, 11:47:05
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤษภาคม 2013, 15:18:06
ขโณ โว มา อุปจฺจคา
อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤษภาคม 2013, 16:08:49
ทุกฺขํ สยติ โกธโน
คนมักโกรธ ย่อมอยู่เป็นทุกข์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤษภาคม 2013, 16:26:35
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤษภาคม 2013, 16:13:40
เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ เย ปมชฺชนฺติ มาณวา
คนประมาท ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤษภาคม 2013, 16:37:25
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: goldxp ที่ 07 พฤษภาคม 2013, 00:04:48
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)

ความเชื่อเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำพาทิศทางของการกระทำของเราไปทางต่างๆ
มีสิ่งมากมายหลายอย่างที่เราไม่ทราบความจริงแน่ชัด บางคนด่วนสรุปเร็วไป ทำให้เข้าใจผิด ตัดสินใจผิด เกิดปัญหาขึ้นตามมา
แต่ความจริงก็ยังคงความจริงเราไม่จำเป็นต้องตัดสินไปทุกเรื่อง ผู้รู้ไม่จำเป็นต้องแบกแต่เข้าใจและเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ..  :wanwan017:

ที่มา hxxp://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/kalamasutta.htm


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤษภาคม 2013, 16:27:42
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Oohlala ที่ 07 พฤษภาคม 2013, 19:25:49
เหมือน spam ยังไงก็ไม่รู้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤษภาคม 2013, 16:25:20
ขนฺติพลา สมณพราหมณา
สมณพรามหณ์ มีความอดทนเป็นกำลัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤษภาคม 2013, 16:35:57
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 16:34:59
ชิเน กทริยํ ทาเนน
พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 16:16:12
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤษภาคม 2013, 16:34:14
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 16:37:30
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 16:27:24
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤษภาคม 2013, 15:41:49
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 16:31:47
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤษภาคม 2013, 16:16:47
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤษภาคม 2013, 16:19:26
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤษภาคม 2013, 16:23:15
สนาถา วิหรถ มา อนาถา
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤษภาคม 2013, 16:30:03
ขนฺติพลา สมณพราหมณา
สมณพรามหณ์ มีความอดทนเป็นกำลัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤษภาคม 2013, 16:20:04
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤษภาคม 2013, 16:31:50
สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ
ความยินดีในธรรมะ ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: teerstudio ที่ 22 พฤษภาคม 2013, 23:24:05
 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:
สาธุครับ ทุกท่าน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤษภาคม 2013, 16:28:29
น หิ มุญเจยฺย ปาปิกํ
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ชั่วเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: greefis ที่ 23 พฤษภาคม 2013, 17:29:09
พรุ่งนี้วันพระ อย่าลืมไปทำบุญกันบ้างนะจ๊ะทุกคน ^^


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤษภาคม 2013, 16:32:55
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nokmeshielving ที่ 25 พฤษภาคม 2013, 16:31:05
อ่านแล้ว และ save ไว้บอกบุญต่อครับ

ขอบคุณครับ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤษภาคม 2013, 16:32:48
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤษภาคม 2013, 16:38:43
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤษภาคม 2013, 17:17:43
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 29 พฤษภาคม 2013, 16:46:15
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Uzumaki Naruto ที่ 30 พฤษภาคม 2013, 08:42:23
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
ขออนุญาตินำธรรมะดีๆไปแชร์ต่อครับ


 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 พฤษภาคม 2013, 16:33:18
สุวิชาโน ภวํ โหติ
ผู้มีความรู้ในทางที่ดี เป็นผู้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 พฤษภาคม 2013, 16:46:01
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: suckseed ที่ 01 มิถุนายน 2013, 12:04:30
เจริญพร :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มิถุนายน 2013, 16:36:49
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มิถุนายน 2013, 17:27:43
เย ปมตฺตา ยถา มตา
ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มิถุนายน 2013, 16:21:02
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มิถุนายน 2013, 16:31:00
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มิถุนายน 2013, 16:40:19
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มิถุนายน 2013, 16:24:20
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 07 มิถุนายน 2013, 16:31:11
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 08 มิถุนายน 2013, 16:33:33
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pooklook ที่ 08 มิถุนายน 2013, 18:44:03
อ้าว เปลี่ยนคนโพสแล้วเหรอค่ะ หรือว่าเป็นคนเดียวกัน   :wanwan016:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มิถุนายน 2013, 16:27:44
สทตฺถปสุโต สิยา
พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มิถุนายน 2013, 16:49:58
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มิถุนายน 2013, 16:38:27
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มิถุนายน 2013, 16:26:06
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มิถุนายน 2013, 16:13:04

อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา
ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตนอยู่เป็นนิจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kosit ที่ 17 มิถุนายน 2013, 12:36:41
เอามาฝาก โหลดหนังสือธรรมะฟรี ๆ รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
http://www.paknamubonclub.com/index.php?option=com_content&view=article&id=106


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มิถุนายน 2013, 14:49:28
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มิถุนายน 2013, 16:21:21
กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ
คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มิถุนายน 2013, 16:16:19
ยํ กุทฺโธ อุปโรเธติ สุกรํ วิย ทุกฺกรํ
ผู้โกรธจะผลาญสิ่งใด สิ่งนั้นทำยากก็เหมือนทำง่าย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มิถุนายน 2013, 16:15:23
ขนฺติพลา สมณพราหมณา
สมณพรามหณ์ มีความอดทนเป็นกำลัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มิถุนายน 2013, 16:25:18
อโหรตฺตมตนฺทิตํ ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ
คนขยันทั้งคืนทั้งวัน จักไม่ซึมเซา เรียกว่า แต่ละวันมีแต่นำโชค


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มิถุนายน 2013, 16:27:00
เย ปมตฺตา ยถา มตา
ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มิถุนายน 2013, 16:17:46
ขนฺติ หิตสุขาวหา
ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มิถุนายน 2013, 17:02:04
หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ
คนที่ผลัดวันว่าพรุ่งนี้ ย่อมเสื่อม , ยิ่งผลัดว่ามะรืนนี้ ก็ยิ่งเสื่อม
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pongpatkku2 ที่ 24 มิถุนายน 2013, 17:05:11
ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มิถุนายน 2013, 16:22:37
ไม่ประมาท คือมี สติพร้อม
คอยหน่วงน้อม ธรรมคุณ ไม่ผลุนผลัน
ธรรมอันใด ไม่ดี หลีกหนีพลัน
ธรรมดีนั้น ยึดแน่น ไม่แคลนคลอน.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มิถุนายน 2013, 16:18:57
นาญฺญํ นิสฺสาย ชีเวยฺย
ไม่พึงอาศัยผู้อื่นยังชีพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มิถุนายน 2013, 16:27:13
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มิถุนายน 2013, 16:24:00
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: OneTime ที่ 28 มิถุนายน 2013, 16:25:14
ข้อคิดและปรัชญาดีๆๆทั้งนั้น
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Queen.A ที่ 28 มิถุนายน 2013, 21:55:24
กระทู้อมตะรึเปล่าเนี่ย

 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: suck seed ที่ 28 มิถุนายน 2013, 21:58:00
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มิถุนายน 2013, 16:22:48
   
ยทตฺตครหิ ตทกุพฺพมาโน
ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มิถุนายน 2013, 16:16:30
ยามหดหู่ ฟุ้งซ่าน กาลสงสัย
เป็นสมัย ไต่ถาม ตามเหตุผล
เพื่อบรรเทา คลี่คลาย หายกังวล
ควรจะสน- ทนาธรรม ตามที่ควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: mangmao_o ที่ 30 มิถุนายน 2013, 17:33:55
ขอบคุณมากค่ะ  :wanwan008:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กรกฎาคม 2013, 16:18:24
ขนฺติพลา สมณพราหมณา
สมณพรามหณ์ มีความอดทนเป็นกำลัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กรกฎาคม 2013, 16:31:33

ทุฏฺฐสฺส ผรุสา วาจา
คนโกรธมีวาจาหยาบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กรกฎาคม 2013, 17:02:57
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กรกฎาคม 2013, 16:12:43
วาจํ ปมุญเจ กุสลํ นาติเวลํ
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ดี ให้เกินแก่ควรกาล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กรกฎาคม 2013, 16:19:10
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กรกฎาคม 2013, 16:29:57
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กรกฎาคม 2013, 16:31:12
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กรกฎาคม 2013, 16:24:56
ทุฏฺฐสฺส ผรุสา วาจา
คนโกรธมีวาจาหยาบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กรกฎาคม 2013, 16:13:58
เย ปมตฺตา ยถา มตา
ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กรกฎาคม 2013, 16:30:51
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กรกฎาคม 2013, 16:30:17
ปมาโท รกฺขโต มลํ
ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กรกฎาคม 2013, 16:37:46
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กรกฎาคม 2013, 16:16:59
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กรกฎาคม 2013, 16:23:09
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กรกฎาคม 2013, 16:22:32
อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา
บัญฑิตย่อมฝึกตน
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กรกฎาคม 2013, 16:16:35
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กรกฎาคม 2013, 17:01:17
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กรกฎาคม 2013, 16:25:44
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 18 กรกฎาคม 2013, 18:07:16
สาธุครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กรกฎาคม 2013, 16:11:17
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ
บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กรกฎาคม 2013, 16:18:57
โกโธ สตฺถมลํ โลเก
ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กรกฎาคม 2013, 16:24:33

อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zinbatt ที่ 21 กรกฎาคม 2013, 17:54:11
สาธุครับ ขอให้ผู้โพสพบเจอแต่สิ่งดีงามครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กรกฎาคม 2013, 16:00:54
อนตฺถชนโน โกโธ
ความโกรธก่อความพินาศ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กรกฎาคม 2013, 16:24:21
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กรกฎาคม 2013, 16:24:23
เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ เย ปมชฺชนฺติ มาณวา
คนประมาท ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กรกฎาคม 2013, 16:33:23
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กรกฎาคม 2013, 16:26:48
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กรกฎาคม 2013, 16:20:39
   
น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ อวชิยฺยติ.
ความชนะใดที่ชนะแล้ว กลับแพ้ได้ ความชนะนั้นไม่ดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กรกฎาคม 2013, 04:49:16
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กรกฎาคม 2013, 16:24:37
อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา
บัญฑิตย่อมฝึกตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กรกฎาคม 2013, 16:16:04
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํ
ควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 กรกฎาคม 2013, 12:44:47
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 สิงหาคม 2013, 16:21:32

สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำสัตย์ แลเป็นวาจาที่ไม่ตาย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 สิงหาคม 2013, 16:08:52
อกฺโกเธน ชิเน โกธํ
พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 สิงหาคม 2013, 15:07:39
ขนฺติ สาหสวารณา
ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 สิงหาคม 2013, 16:06:57
เย ปมตฺตา ยถา มตา
ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 สิงหาคม 2013, 16:22:30
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 สิงหาคม 2013, 15:49:18
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 สิงหาคม 2013, 16:20:42
ขนฺติ พลํ ว ยตีนํ
ความอดทน เป็นกำลัง ของนักพรต
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 สิงหาคม 2013, 14:18:37
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 สิงหาคม 2013, 16:27:36
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 สิงหาคม 2013, 16:26:46
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 สิงหาคม 2013, 16:09:29
ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 สิงหาคม 2013, 16:18:33
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 สิงหาคม 2013, 16:09:00

ขนฺติ ธีรสฺสลงฺกาโร
ความอดทน เป็นเครื่องประดับ ของนักปราชญ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 สิงหาคม 2013, 16:26:05
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 สิงหาคม 2013, 16:17:15

ยถาวาที ตถาการี
พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 สิงหาคม 2013, 16:12:37
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 สิงหาคม 2013, 16:22:40
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 สิงหาคม 2013, 16:09:05
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 สิงหาคม 2013, 16:19:30

น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ อวชิยฺยติ.
ความชนะใดที่ชนะแล้ว กลับแพ้ได้ ความชนะนั้นไม่ดี
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 สิงหาคม 2013, 16:12:24
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 สิงหาคม 2013, 16:19:25
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Uzumaki Naruto ที่ 22 สิงหาคม 2013, 00:05:41
ขออนุโมทนาบุญกุศลกับท่าน จขกท. ที่ตั้งใจเผยแพร่ธรรมะด้วยครับ
สาธุ สาธุ สาธุ


 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 สิงหาคม 2013, 16:21:08
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 สิงหาคม 2013, 16:35:34
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 สิงหาคม 2013, 16:33:20
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 สิงหาคม 2013, 05:01:33
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 สิงหาคม 2013, 16:13:48
   
ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน
ความอดทน เป็นตปะ ( ต บ ะ ) ของผู้พากเพียร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 สิงหาคม 2013, 16:19:49
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 สิงหาคม 2013, 16:19:08
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ 28 สิงหาคม 2013, 22:09:28
สาธุครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 สิงหาคม 2013, 04:24:15
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 สิงหาคม 2013, 16:17:06
โกโธ สตฺถมลํ โลเก
ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 สิงหาคม 2013, 16:15:37

ปญฺญา นรานํ รตนํ
ปัญญา เปรียบเสมือน เครื่องประดับแห่งตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กันยายน 2013, 16:48:48
ขนฺติ ธีรสฺสลงฺกาโร
ความอดทน เป็นเครื่องประดับ ของนักปราชญ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กันยายน 2013, 16:19:51
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กันยายน 2013, 16:25:50
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กันยายน 2013, 16:21:20
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กันยายน 2013, 16:36:14

ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กันยายน 2013, 16:23:03
ธมฺมกาโม ภวํ โหติ
ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กันยายน 2013, 16:24:28
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กันยายน 2013, 16:19:56
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pooklook ที่ 08 กันยายน 2013, 16:56:01
สาธุคะ  :wanwan017:       


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Crystal ที่ 08 กันยายน 2013, 22:52:36
เย็นขึ้นทันใด ...อนุโมทนา สาธุค่ะ (^_^)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กันยายน 2013, 17:42:56
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กันยายน 2013, 16:54:01
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กันยายน 2013, 16:25:34
วาจํ ปมุญเจ กุสลํ นาติเวลํ
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ดี ให้เกินแก่ควรกาล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กันยายน 2013, 16:19:14
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กันยายน 2013, 18:55:29
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กันยายน 2013, 16:22:01
สนาถา วิหรถ มา อนาถา
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กันยายน 2013, 16:19:56
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กันยายน 2013, 16:31:41
สทตฺถปสุโต สิยา
พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กันยายน 2013, 16:21:05
กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ
คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กันยายน 2013, 15:46:04
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: mongtoto ที่ 18 กันยายน 2013, 23:35:30
สาธุ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กันยายน 2013, 16:07:21
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กันยายน 2013, 15:18:07
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กันยายน 2013, 16:24:41
ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กันยายน 2013, 16:38:33
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กันยายน 2013, 16:36:05
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กันยายน 2013, 16:34:21
อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ
คนขยัน ย่อมหาทรัพย์ได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กันยายน 2013, 16:51:03
พาโล อปริณายโก
คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กันยายน 2013, 16:28:02
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กันยายน 2013, 16:20:12
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กันยายน 2013, 19:19:42
ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กันยายน 2013, 16:08:44
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ตุลาคม 2013, 16:23:11
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ตุลาคม 2013, 16:41:08
โกโธ สตฺถมลํ โลเก
ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ตุลาคม 2013, 16:35:01
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 ตุลาคม 2013, 17:15:20

ทุฏฺฐสฺส ผรุสา วาจา
คนโกรธมีวาจาหยาบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ตุลาคม 2013, 16:20:49
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํ
ควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ตุลาคม 2013, 16:50:17
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 ตุลาคม 2013, 16:20:20
สทตฺถปสุโต สิยา
พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ตุลาคม 2013, 16:20:05
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํ
ควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ตุลาคม 2013, 16:28:22
ปมาโท รกฺขโต มลํ
ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ตุลาคม 2013, 16:44:45
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ตุลาคม 2013, 16:10:13
เย ปมตฺตา ยถา มตา
ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ตุลาคม 2013, 16:24:48
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ตุลาคม 2013, 13:44:44
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ตุลาคม 2013, 17:04:43
อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ตุลาคม 2013, 16:24:57
พาโล อปริณายโก
คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ตุลาคม 2013, 16:18:40
เมื่อยามญาติ อัตคัด เกินขัดข้อง
ควรหาช่อง สงเคราะห์ ไม่เลาะหนี
เขาซาบซึ้ง ถึงคุณ อบอุ่นดี
หากถึงที เราจน ญาติสนใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ตุลาคม 2013, 16:23:59
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ตุลาคม 2013, 16:49:51
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ตุลาคม 2013, 16:24:09
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ตุลาคม 2013, 16:22:06
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ตุลาคม 2013, 16:37:42
ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ตุลาคม 2013, 16:26:34
ธมฺมเทสฺสี ปราภโว
ผู้เกลียดธรรม เป็นผู้เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ตุลาคม 2013, 16:24:52
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ตุลาคม 2013, 16:38:31
ปมาโท รกฺขโต มลํ
ความประมาท เป็นมลทินของผู้รักษา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ตุลาคม 2013, 16:35:20
สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา
ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ตุลาคม 2013, 16:24:27
สทตฺถปสุโต สิยา
พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ตุลาคม 2013, 16:53:05
สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ
ผู้ตั้งใจศึกษา ย่อมได้ปัญญา
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ตุลาคม 2013, 16:33:50
มนาโป โหติ ขนฺติโก
ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ตุลาคม 2013, 16:23:44
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ตุลาคม 2013, 16:24:53
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤศจิกายน 2013, 16:31:34
ขนฺติ สาหสวารณา
ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤศจิกายน 2013, 16:36:25
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤศจิกายน 2013, 16:15:30
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤศจิกายน 2013, 16:35:36
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ
บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤศจิกายน 2013, 16:30:23
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤศจิกายน 2013, 16:18:55
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤศจิกายน 2013, 16:20:01
เป็นเมืองกรุง ทุ่งนา หรือป่าใหญ่
ทางมาไป ครบครัน ธัญญาหาร
มีคนดี ที่ศึกษา พยาบาล
ปลอดภัยพาล ควรอยู่กิน ถิ่นนั้นแล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤศจิกายน 2013, 16:22:38
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤศจิกายน 2013, 16:21:55
โยคา เว ชายเต ภูริ
ปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤศจิกายน 2013, 16:19:11
ขนฺติพลา สมณพราหมณา
สมณพรามหณ์ มีความอดทนเป็นกำลัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: JOWPAA ที่ 10 พฤศจิกายน 2013, 23:41:15
ขออนุโมทนาค่ะ ดีมากๆ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤศจิกายน 2013, 16:18:39
วาจํ ปมุญเจ กุสลํ นาติเวลํ
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ดี ให้เกินแก่ควรกาล
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤศจิกายน 2013, 16:59:03
เปล่งวจี สัจจะ นวลละม่อม
กล่าวเกลี้ยกล่อม ไพเราะ กาลเหมาะสม
เจือประโยชน์ เมตตา ค่านิยม
รื่นอารมณ์ ผู้ฟัง ดังเสียงทอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤศจิกายน 2013, 16:34:36
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤศจิกายน 2013, 16:41:03
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข โลกุตตรฌาน.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: holidaytours ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 12:43:58
สาธุ ขอบคุณครับ
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤศจิกายน 2013, 16:24:05
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤศจิกายน 2013, 15:15:35
น หิ มุญเจยฺย ปาปิกํ
ไม่ควรเปล่งวาจาที่ชั่วเลย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤศจิกายน 2013, 15:20:17
อกฺโกเธน ชิเน โกธํ
พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤศจิกายน 2013, 16:19:25
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤศจิกายน 2013, 16:16:33
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤศจิกายน 2013, 17:24:01
โกโธ สตฺถมลํ โลเก
ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤศจิกายน 2013, 16:27:54
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: cmmp ที่ 22 พฤศจิกายน 2013, 10:36:02
อยู่กับคนอวดเก่ง ให้แกล้งโง่
อยู่กับคนขี้โม้ ให้แกล้งใบ้
อยู่กับคนพูดมาก ให้แกล้งตาย
อยู่กับคนปากไว ให้แกล้งลืม
คนพูดเขาพูดแบบไม่ได้คิด
คนฟังจะเก็บมาคิดมากทำไมเล่า
พูดดีมีเนื้อหาให้เก็บคิด
พูดไม่คิดมีแต่น้ำให้ฟังไว้
พูดดีมีวิชาเก็บในใจ
พูดมีแต่ภัย ให้ลืมไป
อย่าจดจำ
(ซ้ำขออภัยชอบเป็นการส่วนตัว) :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤศจิกายน 2013, 16:38:15
อกฺโกเธน ชิเน โกธํ
พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤศจิกายน 2013, 17:44:30
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤศจิกายน 2013, 16:48:18

ปุตฺเต วิชฺชาสุ ฐาปย
บิดามารดา พึงให้บุตรเรียนศิลปวิทยา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ruksri ที่ 25 พฤศจิกายน 2013, 14:11:59
สาธุ อัพ ครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤศจิกายน 2013, 16:34:20

อปฺปมาทญฺจ เมธาวี ธนํ เสฏฺฐฺ รกฺขติ
ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์ประเสริฐสุด
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤศจิกายน 2013, 16:21:55
ดันหน่อยครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤศจิกายน 2013, 16:51:23
หมดราคะ โทสะ โมหะแล้ว
จิตผ่องแผ้ว เลิศดี ไม่มีสอง
ย่อมมีค่า สูงจริง ยิ่งเงินทอง
เหมือนสูริย์ส่อง ท้องฟ้า สง่างาม.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤศจิกายน 2013, 16:22:22
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤศจิกายน 2013, 15:09:24
สนาถา วิหรถ มา อนาถา
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 พฤศจิกายน 2013, 16:30:58
ขอดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Uzumaki Naruto ที่ 01 ธันวาคม 2013, 00:47:42
ขออนุโมทนาบุญกับท่านจขกท.ด้วยครับ
ที่มีธรรมะและคำสอยดีๆมาให้เสมอครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ธันวาคม 2013, 16:09:14
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ธันวาคม 2013, 16:42:05
อกฺโกเธน ชิเน โกธํ
พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ธันวาคม 2013, 16:34:43
ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 ธันวาคม 2013, 16:32:30
สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ
ผู้ตั้งใจศึกษา ย่อมได้ปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ธันวาคม 2013, 16:31:09
ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 ธันวาคม 2013, 16:27:06
อิณาทานํ ทุกขํ โลเก
การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ธันวาคม 2013, 16:37:18
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 ธันวาคม 2013, 16:20:35
   
ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
ภายหลังเมื่อความโกรธหายแล้ว เขาย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ธันวาคม 2013, 16:20:39
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ธันวาคม 2013, 16:37:49
ยามหดหู่ ฟุ้งซ่าน กาลสงสัย
เป็นสมัย ไต่ถาม ตามเหตุผล
เพื่อบรรเทา คลี่คลาย หายกังวล
ควรจะสน- ทนาธรรม ตามที่ควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ธันวาคม 2013, 16:34:18
งานรับจ้าง ล้างชาม ก็ตามเถิด
หากไม่เกิด โทษทัณฑ์ นั่นสดใส
เมื่อได้ช่อง ต้องจำ กระทำไป
ได้กำไร ทุกทาง ไม่ว่างงาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ธันวาคม 2013, 16:35:56
มนุญฺญเมว ภาเสยฺย
ควรกล่าวแต่วาจา ที่น่าพอใจ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ธันวาคม 2013, 16:39:38
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ
ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ธันวาคม 2013, 16:40:54
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ธันวาคม 2013, 04:56:59
สจฺจํ หเว สาธุตรํ รสานํ
ความซื่อสัตย์นั่นแล ดีกว่ารสทั้งหลาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ธันวาคม 2013, 16:24:17
โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ
ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ธันวาคม 2013, 16:42:14
หทยสฺส สทิสี วาจา
วาจาเช่นเดียวกับใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ธันวาคม 2013, 16:41:02
อวิทฺทสู มารวสานุวตฺติโน
คนโง่ มักตกอยู่ในอำนาจ แห่งมาร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ธันวาคม 2013, 16:38:53
มนุญฺญเมว ภาเสยฺย
ควรกล่าวแต่วาจา ที่น่าพอใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ธันวาคม 2013, 16:23:33
ยถาวาที ตถาการี
พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ธันวาคม 2013, 16:27:11
ดันนะครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ธันวาคม 2013, 16:19:27
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํ
ควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ธันวาคม 2013, 16:21:09

อปฺปมาทรตา โหถ
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ธันวาคม 2013, 16:45:50
อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ
บัณฑิตผู้ไม่ประมาท ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 25 ธันวาคม 2013, 16:51:07
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 26 ธันวาคม 2013, 16:34:58
ช่วยดันค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ธันวาคม 2013, 16:34:36
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ธันวาคม 2013, 16:27:24
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ธันวาคม 2013, 16:46:52
พาโล อปริณายโก
คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ธันวาคม 2013, 16:28:29
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ธันวาคม 2013, 18:44:51
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มกราคม 2014, 16:30:59
ความอดทน ตรากตรำ ยามลำบาก
เจ็บไข้มาก ทนได้ ไม่โหยหวน
ถูกเขาด่า ให้ฟัง นั่งหน้านวล
ยิ้มเสสรวล ด้วยขันติ งามวิไล.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มกราคม 2014, 16:34:59
โจรา โลกสฺมิมพฺพุทา
พวกโจรเป็นเสนียดของโลก
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 04 มกราคม 2014, 16:34:07
ช่วยดันค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มกราคม 2014, 16:03:37
   
ขนฺติ ธีรสฺสลงฺกาโร
ความอดทน เป็นเครื่องประดับ ของนักปราชญ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มกราคม 2014, 16:24:59
จิตเกษม เปรมปรีดิ์ ดีตลอด
เป็นจิตปลอด จากโอฆ ในโลกสาม
เครื่องผูกมัด สลัดหมด แสนงดงาม
เข้าถึงความ สุขสันต์ นิรันดร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มกราคม 2014, 16:16:40
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 08 มกราคม 2014, 16:11:19
โจรา โลกสฺมิมพฺพุทา
พวกโจรเป็นเสนียดของโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มกราคม 2014, 16:34:54
๏ ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มกราคม 2014, 18:07:25
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มกราคม 2014, 16:36:58
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มกราคม 2014, 03:21:14
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
รสแห่งธรรมะ ย่อมชนะรสทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มกราคม 2014, 16:42:14
หทยสฺส สทิสี วาจา
วาจาเช่นเดียวกับใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มกราคม 2014, 16:43:02
 ต้องตั้งตน กายใจ ในทางถูก
เร่งฝังปลูก ตนไว้ ให้ถูกหลัก
เมื่อตัวตน ยังมี เป็นที่รัก
ควรพิทักษ์ ให้งาม ตามเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มกราคม 2014, 16:43:29
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มกราคม 2014, 16:37:20
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jackkbu ที่ 17 มกราคม 2014, 10:38:07
ขอบคุณครับ ธรรมมะสอนคนให้เป็นคนดี ใครอยากจะเป็นคนดี โดยไม่ต้องใช้ธรรมมะ ให้ไป ม๊อบ สุเทพได้เลยครับ....อย่าลืมไปซื้อ อุปกรณ์ คนดีด้วยน่ะครับ..... :wanwan009:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มกราคม 2014, 16:39:53
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มกราคม 2014, 02:59:53
ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ นาวชิยฺยติ
ความชนะใดที่ชนะแล้วไม่กลับแพ้ ความชนะนั้นดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มกราคม 2014, 00:52:15
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มกราคม 2014, 00:34:39
ขนฺติ พลํ ว ยตีนํ
ความอดทน เป็นกำลัง ของนักพรต
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มกราคม 2014, 16:29:40
สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ
ความยินดีในธรรมะ ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มกราคม 2014, 16:40:48
สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มกราคม 2014, 15:41:23
ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ นาวชิยฺยติ
ความชนะใดที่ชนะแล้วไม่กลับแพ้ ความชนะนั้นดี
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มกราคม 2014, 16:53:14
ขนฺติ หิตสุขาวหา
ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มกราคม 2014, 16:14:46
ยทตฺตครหิ ตทกุพฺพมาโน
ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มกราคม 2014, 16:25:27
   
ขนฺติ สาหสวารณา
ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มกราคม 2014, 16:23:06
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มกราคม 2014, 16:27:59

นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มกราคม 2014, 17:55:06
    
โกธสมฺมทสมฺมตฺโต อายสกฺยํ นิคจฺฉติ
ผู้เมามึนด้วยความโกรธ ย่อมถึงความไร้ยศศักดิ์
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มกราคม 2014, 17:29:07
ควรบูชา ไตรรัตน์ ขัตติเยศร์
ผู้วิเศษ ก่อเกื้อ เหนือเกศา
ครูอาจารย์ เจดีย์ ที่สักการ์
ด้วยบุปผา ปฏิบัติ สวัสดิ์การ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 มกราคม 2014, 16:33:29
อโหรตฺตมตนฺทิตํ ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ
คนขยันทั้งคืนทั้งวัน จักไม่ซึมเซา เรียกว่า แต่ละวันมีแต่นำโชค


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2014, 16:20:51
อวิทฺทสู มารวสานุวตฺติโน
คนโง่ มักตกอยู่ในอำนาจ แห่งมาร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2014, 16:29:18

โยคา เว ชายเต ภูริ
ปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2014, 16:34:27
การพบเห็น สมณะ ผู้สงบ
แล้วนอบนบ ถามไถ่ ไตรสิกขา
หมั่นฝึกหัด ทุกวัน ด้วยปัญญา
ย่อมชักพา จิตตรง มงคลมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2014, 18:28:40
ขโณ โว มา อุปจฺจคา
อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2014, 16:26:11
ขนฺติ ธีรสฺสลงฺกาโร
ความอดทน เป็นเครื่องประดับ ของนักปราชญ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2014, 16:24:58
โกธํ ปญฺญาย อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2014, 16:53:19
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2014, 16:40:54

อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนนั่นแหละประเสริฐกว่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: clickpolo ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2014, 12:03:57
 :wanwan017: สาธุครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2014, 16:42:58
ปญฺญา นรานํ รตนํ
ปัญญา เปรียบเสมือน เครื่องประดับแห่งตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2014, 16:37:22
สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำสัตย์ แลเป็นวาจาที่ไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2014, 16:39:14
ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ นาวชิยฺยติ
ความชนะใดที่ชนะแล้วไม่กลับแพ้ ความชนะนั้นดี
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2014, 16:31:37
มีคู่ครอง ต้องไม่ทำ ให้ช้ำจิต
จะพาผิด ไปข้าง ทางผุยผง
ต้องสงเคราะห์ แก่กัน ให้มั่นคง
รักยืนยง ด้วยกัน ถึงวันตาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2014, 18:54:04
ช่วยดันจ้า
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2014, 16:31:24
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2014, 16:46:12
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014, 16:34:49
โกธํ ทเมน อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยความข่มใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: WalletTube ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014, 17:28:26
 :wanwan008:ซึ้งมากครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2014, 16:58:17
โกธํ ปญฺญาย อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2014, 16:47:44
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2014, 16:58:30
อภูวาที นิรยํ อุเปติ
คนพูดไม่จริง ย่อมเข้าถึงนรก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2014, 18:41:13

ปมาทมนุยุญฺชนฺติ พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา
คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบแต่ความประมาท
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2014, 16:51:46
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2014, 16:47:35
ขนฺติ พลํ ว ยตีนํ
ความอดทน เป็นกำลัง ของนักพรต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2014, 16:49:20
ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา
อ่อนไป ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไปก็มีภัยเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2014, 16:37:14
โกโธ สตฺถมลํ โลเก
ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2014, 16:44:57
คนที่หา ได้ยาก มากไฉน
เพราะว่าใน โลกนี้ มีเพียงสอง
คือพ่อแม่ เกิดเกล้า เหล่าลูกต้อง
ตอบสนอง พระคุณ ได้บุญแรง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2014, 16:41:34
ขนฺติ หิตสุขาวหา
ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มีนาคม 2014, 16:52:58
สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มีนาคม 2014, 00:38:33
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มีนาคม 2014, 16:45:48
ธมฺมเทสฺสี ปราภโว
ผู้เกลียดธรรม เป็นผู้เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มีนาคม 2014, 16:44:12
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มีนาคม 2014, 16:38:44
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มีนาคม 2014, 16:50:02
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ
ความสิ้นตัณหา ย่อมชนะทุกข์ทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มีนาคม 2014, 16:57:28
พาโล อปริณายโก
คนโง่ คนพาล ไม่ควรเป็นผู้นำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มีนาคม 2014, 16:41:43
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มีนาคม 2014, 02:22:57
พทฺธาปิ ตตฺถ มุจฺจนฺติ ยตฺถ ธีรา ปภาสเร
คนมีปัญญา แม้มีปัญหา และ ถูกผูกมัดอยู่ พอพูดในเรื่องใด ก็หลุดได้ในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มีนาคม 2014, 16:23:48

ชิเน กทริยํ ทาเนน
พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มีนาคม 2014, 02:10:32
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มีนาคม 2014, 01:10:15
อันวินัย นำระเบียบ สู่เรียบร้อย คนใหญ่น้อย เปรมปรีดิ์ ดีนักหนา
วินัยสร้าง กระจ่างข้อ ก่อศรัทธา เพราะรักษา กติกา พาร่วมมือ
ไม่พูดเท็จ พูดสอดเสียด และพูดมาก ละความยาก สร้างวิบาก ฝากยึดถือ
คนหมู่มาก มักถางถาก ปากข่าวลือ ต้องสัตย์ซื่อ ถือวินัย ใช้ร่วมกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มีนาคม 2014, 16:32:13
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มีนาคม 2014, 16:29:31
มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
คนกล่าววาจาชั่ว ย่อมเดือดร้อน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มีนาคม 2014, 16:29:11
ปุตฺเต วิชฺชาสุ ฐาปย
บิดามารดา พึงให้บุตรเรียนศิลปวิทยา
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มีนาคม 2014, 16:28:49
ยามหดหู่ ฟุ้งซ่าน กาลสงสัย
เป็นสมัย ไต่ถาม ตามเหตุผล
เพื่อบรรเทา คลี่คลาย หายกังวล
ควรจะสน- ทนาธรรม ตามที่ควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มีนาคม 2014, 16:51:31
โกธํ ทเมน อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยความข่มใจ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มีนาคม 2014, 16:35:22
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: chewpong ที่ 20 มีนาคม 2014, 22:56:50
ปุตฺเต วิชฺชาสุ ฐาปย
บิดามารดา พึงให้บุตรเรียนศิลปวิทยา
   


อันนี้ อยู่ในการศึกษาภาคบังคับอยู่แล้ว :wanwan011:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มีนาคม 2014, 16:39:11
ขอดันนะครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มีนาคม 2014, 16:26:47

สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ
ความยินดีในธรรมะ ย่อมชนะความยินดีทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มีนาคม 2014, 16:44:22

อโหรตฺตมตนฺทิตํ ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ
คนขยันทั้งคืนทั้งวัน จักไม่ซึมเซา เรียกว่า แต่ละวันมีแต่นำโชค


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มีนาคม 2014, 01:31:36
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มีนาคม 2014, 16:06:27
มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกํ
คนกล่าววาจาชั่ว ย่อมเดือดร้อน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มีนาคม 2014, 16:13:42
ขโณ โว มา อุปจฺจคา
อย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มีนาคม 2014, 16:25:53
อสาธํ สาธุนา ชิเน
พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มีนาคม 2014, 16:38:20
พทฺธาปิ ตตฺถ มุจฺจนฺติ ยตฺถ ธีรา ปภาสเร
คนมีปัญญา แม้มีปัญหา และ ถูกผูกมัดอยู่ พอพูดในเรื่องใด ก็หลุดได้ในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มีนาคม 2014, 16:37:27

ลพฺภา ปิยา โอจิตฺเตน ปจฺฉา
ตระเตรียมตนให้ดีเสียก่อนแล้ว ต่อไปจะได้สิ่งอันเป็นที่รัก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มีนาคม 2014, 16:39:09
ยถาวาที ตถาการี
พูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 มีนาคม 2014, 16:49:16
น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ อวชิยฺยติ.
ความชนะใดที่ชนะแล้ว กลับแพ้ได้ ความชนะนั้นไม่ดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 เมษายน 2014, 16:25:05
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 เมษายน 2014, 16:40:56
จะทำงาน การใด ตั้งใจมั่น
อย่าผัดวัน ทำเล่น เช้า เย็น สาย
ไม่ทิ้งคา อากูล มากมูลมาย
เร่งคลี่คลาย ให้เสร็จ สำเร็จการ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 เมษายน 2014, 16:38:21
ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา
อ่อนไป ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไปก็มีภัยเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jaaxy ที่ 04 เมษายน 2014, 19:31:33
เก็ฐไว้ก่อนครับ อ่านทีเดียวไม่หมดแน่ ๆ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 เมษายน 2014, 16:21:19
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย
ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าทรัพย์
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 เมษายน 2014, 16:29:26
สจฺจํ เว อมตา วาจา
คำจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 เมษายน 2014, 16:34:25
กุศลบุญ คุณล้ำ เคยทำไว้
จะส่งให้ สวยเด่น เช่นดวงแข
ทั้งทรัพย์ยศ ไมตรี มีเย็นแด
เพราะกระแส บุญเลิศ ประเสริฐนัก.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 เมษายน 2014, 16:43:47
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 เมษายน 2014, 04:00:44
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 เมษายน 2014, 03:55:04
ไม่พองลม ก้มหัว เจียมตัวด้วย
มรรยาทสวย นิ่มนวล สิ้นส่วนแข็ง
เหมือนงูพิษ ถอดเขี้ยว หมดเรี่ยวแรง
ยามแถลง นอบน้อม พร้อมใจกาย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 เมษายน 2014, 16:28:03
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 เมษายน 2014, 16:10:20
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 เมษายน 2014, 16:30:00

ปมาทมนุยุญฺชนฺติ พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา
คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบแต่ความประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 เมษายน 2014, 16:30:47
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 เมษายน 2014, 16:33:31
โกโธ สตฺถมลํ โลเก
ความโกรธเป็นดังสนิมศัสตราในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: aumforeverboy ที่ 18 เมษายน 2014, 19:50:33
ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 เมษายน 2014, 03:52:06
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 เมษายน 2014, 04:32:55
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 เมษายน 2014, 16:35:04
อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺติ
คนพาลที่ยังไม่ถูกผูกมัด แต่พอพูดในเรื่องใด ก็ถูกผูกมัดตัวในเรื่องนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 เมษายน 2014, 16:25:46
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข โลกุตตรฌาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 เมษายน 2014, 16:23:11
เร่งประพฤติ พรหมจรรย์ อันประเสริฐ
เพื่อให้เกิด สุขล้วน โดยถ้วนถี่
ตั้งแต่ทาน ถึงสิกขา บรรดามี
สมบูรณ์ดี พรหมจรรย์ ย่อมมั่นคง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 เมษายน 2014, 05:33:46
ควรเป็นคน สอนง่าย ไม่ตายด้าน
ก่อรำคาญ ค่ำเช้า ไม่เข้าไหน
ไม่ซัดโทษ ของตน ให้คนใด
เมื่อมีใคร สอนพร่ำ ให้นำมา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 เมษายน 2014, 16:24:16
ทำให้แจ้ง นิพพาน ผลาญสังโยชน์
ตรวจตราโทษ ธาตุ ขันธ์ หมั่นฝึกถอน
เอาอรหัต มรรคญาณ เผาราญรอน
ดับทุกข์ร้อน นิพพาน สำราญนัก.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 เมษายน 2014, 16:28:18
ของมึนเมา ทุกชนิด พิษคล้ายเหล้า
ใครเสพเข้า น่าตำหนิ สติเสีย
เกิดโรคร้าย แรงร้อน กายอ่อนเพลีย
ใครงดเสีย เป็นสุข ไปทุกวัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 เมษายน 2014, 16:20:34
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 เมษายน 2014, 16:10:40
ท่านผู้ใด ใจดำรง อยู่คงที่
ในเมื่อมี โลกธรรม ครอบงำหนัก
เช่น ลาภ ยศ สุข เศร้า เข้าง้างชัก
มิอาจยัก โยกท่าน ให้หวั่นใจ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤษภาคม 2014, 04:22:17
ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤษภาคม 2014, 03:32:55
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤษภาคม 2014, 06:30:20
ปญฺญา นรานํ รตนํ
ปัญญา เปรียบเสมือน เครื่องประดับแห่งตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: samostzz ที่ 03 พฤษภาคม 2014, 16:15:24
ดีครับ สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤษภาคม 2014, 03:47:06
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤษภาคม 2014, 04:03:21
ลพฺภา ปิยา โอจิตฺเตน ปจฺฉา
ตระเตรียมตนให้ดีเสียก่อนแล้ว ต่อไปจะได้สิ่งอันเป็นที่รัก
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤษภาคม 2014, 05:12:04
อปฺปมาทรตา โหถ
ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ยินดีในความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤษภาคม 2014, 03:41:11
ความสันโดด พอใจ ในสิ่งของ
เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
เมื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย
ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤษภาคม 2014, 03:33:54
เป็นมารดา บิดา ทำหน้าที่
ให้บุตรมี พำนัก เป็นหลักแหล่ง
ส่งเสริมบุตร ธิดาตน กุศลแรง
ย่อมส่องแสง เพิ่มพูน ตระกูลวงศ์.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤษภาคม 2014, 03:28:34
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤษภาคม 2014, 15:14:58
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤษภาคม 2014, 10:11:56

กาลคตญฺจ น หาเปติ อตฺถํ
คนขยัน พึงไม่ให้ประโยชน์ที่มาถึงแล้วผ่านไปโดยเปล่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: นายขนมต้ม ที่ 12 พฤษภาคม 2014, 12:44:42
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน
ความยิ่งใหญ่ คือความไม่ยั่งยืน
ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น

Page หลวงปู่โฮม ปัญญาพโล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤษภาคม 2014, 05:35:47
ชยํ เวรํ ปสวติ
ผู้ชนะ ย่อมก่อเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤษภาคม 2014, 03:45:20
สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา
ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤษภาคม 2014, 11:13:42
สุวิชาโน ภวํ โหติ
ผู้มีความรู้ในทางที่ดี เป็นผู้เจริญ
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤษภาคม 2014, 03:34:12
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤษภาคม 2014, 18:31:37
ปญฺญา นรานํ รตนํ
ปัญญา เปรียบเสมือน เครื่องประดับแห่งตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: sy12za ที่ 19 พฤษภาคม 2014, 19:04:26
ขอบคุณครับ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤษภาคม 2014, 03:47:59
การรู้เห็น ความจริง สิ่งเที่ยงแท้
ไม่ผันแปร สี่ชนิด ไม่ผิดหลง
ตัดตัณหา มูลราก พรากทุกข์ลง
เป็นการส่ง ข้ามฟาก จากสาคร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤษภาคม 2014, 15:45:50
ศิลปะ ต่างอย่าง ทางอาชีพ
ควรเร่งรีบ เรียนรู้ ชูศักดิ์ศรี
มีบางคน จนอับ กลับมั่งมี
ฉลาดดี มีศิลป์ หากินพอ.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤษภาคม 2014, 16:39:21
กตัญญู รู้บุญ คุณพ่อแม่
คนเฒ่าแก่ แลอาจารย์ ท่านทรงศีล
จอมมุนินทร์ ปิ่นเกล้า เจ้าธานี
หาวิธี แทนคุณ สมดุลกัน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤษภาคม 2014, 17:06:18
ปมาทมนุยุญฺชนฺติ พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา
คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบแต่ความประมาท
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 23 พฤษภาคม 2014, 17:25:51
ช่วยดันจ้า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Uzumaki Naruto ที่ 24 พฤษภาคม 2014, 02:11:08
ขออนุโมทนาผลบุญผลกุศลกับท่านจขท.ด้วยครับ สาธุ

 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤษภาคม 2014, 16:46:12
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤษภาคม 2014, 19:09:10
การประพฤติ ตามธรรม คำพระสอน
ไม่เดือดร้อน ถอนทุกข์ ยามฉุกเฉิน
คนรักธรรม ธรรมรักษ์คน ผลเจริญ
นั่ง,ยืน,เดิน นอน,สุข ทุกข์ไม่มี.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤษภาคม 2014, 20:27:24
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤษภาคม 2014, 17:30:52
โกธํ ปญฺญาย อุจฺฉินฺเท
พึงตัดความโกรธด้วยปัญญา
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤษภาคม 2014, 18:18:09
สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา
ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤษภาคม 2014, 17:05:35
อภูวาที นิรยํ อุเปติ
คนพูดไม่จริง ย่อมเข้าถึงนรก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 พฤษภาคม 2014, 00:56:48
ขอดันครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 พฤษภาคม 2014, 16:59:08
อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา
บัญฑิตย่อมฝึกตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: INSURECONSULTANT ที่ 01 มิถุนายน 2014, 07:58:57
ชีวิตมนุด.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มิถุนายน 2014, 21:09:41
พึงบำเพ็ญ ตบะ ละกิเลส
อันเป็นเหตุ หักห้าม กามฉันท์
มุ่งทำลาย ถ่ายบาป สาบสูญพันธุ์
เข้าสู่ขั้น สุโข โลกุตตรฌาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มิถุนายน 2014, 17:05:39
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มิถุนายน 2014, 16:33:04
   
โยคา เว ชายเต ภูริ
ปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มิถุนายน 2014, 17:08:25
เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ เย ปมชฺชนฺติ มาณวา
คนประมาท ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มิถุนายน 2014, 16:43:30
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มิถุนายน 2014, 16:46:50
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มิถุนายน 2014, 18:07:39
ปริภูโต มุทุ โหติ อติติกฺโข จ เวรวา
อ่อนไป ก็ถูกเขาหมิ่น แข็งไปก็มีภัยเวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มิถุนายน 2014, 16:56:58
การสนใจ ใฝ่คว้า หาความรู้
ให้เป็นผู้ แก่เรียน เพียรศึกษา
มีศีลดี สติมั่น เกิดปัญญา
ย่อมนำพา ตัวรอด เป็นยอดดี.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: armworapon ที่ 08 มิถุนายน 2014, 19:48:52
สุดยอดครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มิถุนายน 2014, 17:04:35
อปฺโป หุตฺวา พหุ โหติ วฑฺฒเต โส อขนฺติโช
ความโกรธน้อยแล้วมาก มันเกิดจากความไม่อดทน จึงทวีขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มิถุนายน 2014, 17:07:58

อปฺปมาทํ ปสํสนฺติ
บัณฑิตย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มิถุนายน 2014, 17:10:33
ดันหน่อยครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มิถุนายน 2014, 17:11:15

อสาธํ สาธุนา ชิเน
พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มิถุนายน 2014, 17:28:00
การฟังธรรม ตามกาล ผ่านมาถึง
ควรคำนึง นิ่งนั่ง ฟังขยัน
ย่อมจะเกิด ปัญญา สารพัน
ตั้งใจมั่น ฟังดี นี่สมควร.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มิถุนายน 2014, 21:14:37
กรรมชั่วช้า ลามก ต้องยกเว้น
หากขืนเล่น ด้วยกัน ถูกมันผลาญ
งดเว้นบาป กำราบให้ ไกลสันดาน
ในดวงมาลย์ ไม่ร้อน และอ่อนเพลีย.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มิถุนายน 2014, 16:18:16
ขนฺติ หิตสุขาวหา
ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มิถุนายน 2014, 16:25:36
คราวพลัดพราก จากญาติ ขาดชีวิต
ถูกพิชิต จองจำ ทำโทษใหญ่
มีสติ คุมจิต เป็นนิตย์ไป
ไม่เสียใจ โศกเศร้า เฝ้าประคอง.
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มิถุนายน 2014, 17:14:06
น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ ยํ ชิตํ อวชิยฺยติ.
ความชนะใดที่ชนะแล้ว กลับแพ้ได้ ความชนะนั้นไม่ดี
   


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มิถุนายน 2014, 16:30:55
หทยสฺส สทิสี วาจา
วาจาเช่นเดียวกับใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มิถุนายน 2014, 02:53:56
ผาตึ กยิรา อวิเหฐยํ ปรํ
ควรทำแต่ความเจริญ อย่าเบียดเบียนผู้อื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มิถุนายน 2014, 16:18:54
สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ
ความบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มิถุนายน 2014, 18:00:28
นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต
ผู้มีความรู้ในทางชั่ว เป็นผู้เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มิถุนายน 2014, 19:47:28
โยคา เว ชายเต ภูริ
ปัญญา ย่อมเกิดขึ้น เพราะการฝึกฝน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มิถุนายน 2014, 15:41:07
ความเคารพ นับถือ คือเสน่ห์
ไม่โลเล เหมือนลิง วิ่งหลอกหลอน
ทั้งต่อหน้า ลับหลัง พึงสังวร
ย่อมงามงอน สวยสง่า ราคาแพง.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มิถุนายน 2014, 14:46:09
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี

"บุญกุศลเป็นของควรทำให้มาก
ในเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ทำเสีย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มิถุนายน 2014, 14:57:29
เราไม่สามารถเลือกได้ว่า
จะต้องมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา
แต่เราเลือกได้ว่า จะยอมให้มันมี
อิทธิพลต่อชีวิตจิตใจเรา แค่ไหน

พระไพศาล วิสาโล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มิถุนายน 2014, 14:45:19
การให้อภัยทาน
ย่อมชนะการให้ทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Pornlaa ที่ 26 มิถุนายน 2014, 23:35:36
ขอบคุณมากค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มิถุนายน 2014, 16:29:31
กระเสือกกระสนทุรนทุรายตะเกียกตะกายเพื่อให้ได้มาด้วยกิเลสตัณหาแทบตาย สุดท้ายได้ตายทุกคน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มิถุนายน 2014, 13:19:45
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

"หมากัดขาเรา เราอย่าไปกัดขาหมาตอบ ถ้าไปกัดคงน่าเกลียดจริงๆ
หมากัดขาเราก็รักษาแผลไป ไม่ต้องไปกัดขาหมาตอบ
เช่นเดียวกัน ถ้ามีคนอื่นตำหนิเรา เราอย่าไปตำหนิเขาตอบ
ใครทำให้เราโกรธ เราอย่าหลงไปโกรธเขาตอบ
ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มิถุนายน 2014, 01:54:48
อย่าเพ่งโทษคนอื่น หันกลับมาแก้ไขปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนดี ย่อมดีกว่า นอกจากไม่มีบาปกรรมสัมพันธ์ติดตามกันไปทุกชาติภพแล้ว เรายังได้บุญได้กุศล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มิถุนายน 2014, 16:08:37
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปัณโณ

การทำความเพียรอย่ากำหนดเวลา ให้กำหนดสติ ถ้าสติเผลอเมื่อใด ก็รู้ว่าความเพียรของเราขาดไปแล้วเมื่อนั้น เมื่อสติตั้งลงที่ตรงไหน ย่อมเป็นธรรมขึ้นมาตรงนั้น ถ้าไม่มีสติแล้วก็จะไม่เป็นธรรมทั้งคืนทั้งวัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กรกฎาคม 2014, 16:21:28
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป

"ธรรมดาของชีวิต มีแล้วก็กลับไม่มีได้
โลกสลับกันไปมา เหมือนมืดแล้วสว่าง
อย่าเสียใจหรือดีใจกับสิ่งใดให้มากนัก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กรกฎาคม 2014, 16:41:52
อาจารย์วศิน อินทสระ

ถ้าจะเมตตา ก็ต้องมีอุเบกขาประกอบด้วย มิฉะนั้นจะถูกความทุกข์กินเปล่า ช่วยคนให้ช่วยตามเหตุปัจจัย แต่อย่าลืม อุเบกขาด้วยนะครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: koblee ที่ 03 กรกฎาคม 2014, 09:30:55
อ่านแล้วสบายใจ ขอดันหน่อยครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กรกฎาคม 2014, 16:35:50
อย่าเหยียบย่ำซ้ำเติมใครๆที่เขากำลังตกทุกข์ได้ยาก อย่าพิพากษาผู้อื่นว่าเลวทรามต่ำช้า เพราะถ้าเราเป็นเขาในเวลานั้น เราอาจจะทำเฉกเช่นเดียวกับพวกเขาก็เป็นได้หรือยิ่งกว่า แต่จงฝึกใจให้มีความเมตตากรุณาต่อกันหรืออโหสิกรรมหรือให้อภัยทานต่อกันไว้ดีกว่าเพราะมนุษย์ทั้งหลายนั้นล้วนเป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายและมีความทุกข์ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น หากคิดได้ดังนี้แล้ว คนที่ความสงบสุขในใจที่แท้จริงก็คือตัวของเรานั่นเอง จริงหรือไม พึงพิจารณา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กรกฎาคม 2014, 16:15:06
คติธรรมคำสอน....ท่านท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโก ภิกฺขุ)

คนเราเมื่อมีลาภก็มีเสื่อมลาภ เมื่อมียศก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีสุขก็มีทุกข์ เมื่อมีสรรเสริญก็มีนินทา เป็นของคู่กันมาเช่นนี้ จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์ ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดา ยังมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กรกฎาคม 2014, 16:47:43
"ชอบคนหุบปาก"

คติธรรม....โดยท่านหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก

ธรรามะที่จะเกิด...จะไม่เกิดอยู่กับคนพูดมากๆหรอก ชอบคนหุบ
ปากนานๆ ชอบเกิด พูดน้ำไหลไฟดับไปไม่ค่อยเกิดหรอก สมาธิไม่ค่อยเกิดหรอก ลมมันออกไปซะหมด ลมไม่ขังในท้อง สมาธิก็ไม่เกิด ลมก็ไม่ละเอียดได้พูดมากลมหยาบใหญ่ จริงหรือเปล่า จริงไหมโยม? มันหยาบพูดมากลมหยาบ แล้วกิเลสก็ไม่กลัวคนพูดมาก กิเลสนี่มันกลัวคนนิ่งเฉย จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ!


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กรกฎาคม 2014, 16:31:25
เรื่องผู้ที่ทำบาปแล้วยังไม่ได้รับผลบาป

พระพุทธองค์ทรงตรัสยืนยันว่า บาปจะส่งผลแน่นอน
เขาจะยิ่งใหญ่ ร่ำรวยมีความสุขได้ ก็เฉพาะตอนที่บุญเก่ายังส่งผลอยู่
และบาปที่ทำไว้ยังไม่มีโอกาสให้ผล

แต่ผู้ที่สั่งสมบาปไว้จนบุญเก่ารองรับไม่ไหวก็มี
อย่างเช่นพระเทวทัตที่มีบุญเก่ามาก ได้บรรลุฌานของปุถุชน
แต่ทว่าบาปใหม่ที่กระทำไว้นั้นมีมากกว่า จนบุญทั้งหลายรองรับไม่ได้
จึงถูกธรณีสูบในที่สุด พระพุทธองค์ไม่ทรงพยากรณ์คติของพระเทวทัตมาตลอด เพราะบุญเก่าของพระเทวทัตยังประคองไว้อยู่ จนเมื่อพระเทวทัตทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิตนั่นแหละ พระพุทธองค์จึงทรงพยากรณ์คติของพระเทวทัต เพราะว่าบุญเก่านั้นถูกบาปใหม่กลบหมดสิ้นแล้ว

ความร่ำรวยไม่ใช่ความสุขอันยั่งยืนนะครับ คนรวยก็มีทุกข์แบบคนรวย
ไหนจะต้องคอยระวังไม่ให้ใครมาขโมยทรัพย์ไป ไหนจะต้องคอยห่วงว่าทรัพย์จะพร่องไป ไหนจะต้องถูกรบกวนจากญาติทั้งหลายที่คอยมาเอาอกเอาใจอยากได้ทรัพย์ คนรวยบางคนยังบอกเองเลยว่า เขาไม่มีความสุขทั้ง ๆ ที่เขามีทุกอย่างจนไม่น่าจะต้องห่วงอะไรแล้ว

คนรวยแต่ยังไม่พบทางแห่งความสุขที่แท้จริง ในมุมมองของนักปราชญ์บัณฑิตย่อมเห็นว่าเขาจนครับ เพราะทรัพย์สมบัตินั้นมีหมดไปได้ แม้ตายก็เอาไปไม่ได้สักอย่างเดียว ถ้ารวยอย่างเดียวไม่รู้จักทำบุญทำกุศล ไม่รู้จักรักษาศีล เจริญภาวนา
เขาได้ชื่อว่าคนอาภัพที่หลงทางอยู่ในสังสารวัฏครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กรกฎาคม 2014, 16:37:26
"ความสุขที่แท้จริง"

มีเศรษฐีคนหนึ่งป่วยเป็นโรคชนิดหนึ่งที่ไม่มีทางรักษาได้ เขารู้สึกเสียใจมากที่อีกไม่นานก็ต้องจากโลกนี้ไป ตอนหลังเขาได้พบกับหมอจีนชราที่มีชื่อท่านหนึ่ง หลังจากที่หมอได้แมะชีพจรของเศรษฐีแล้วบอกว่า “โรคนี้นอกจากวิธีการรักษาวิธีนี้แล้ว วิธีอื่นไม่มีทางรักษาให้หายได้ ไม่ว่าจะใช้ยาขนานใดก็ตาม ข้าฯจะมอบใบสั่งยาสามขนานให้ ขอให้เจ้าทำตาม เมื่อปฏิบัติตามใบสั่งหนึ่งแล้วถึงเปิดใบสั่งต่อไปจนครบ”

เมื่อเศรษฐีกลับมาถึงบ้าน ก็เปิดใบสั่งยาใบที่หนึ่ง ในนั้นเขียนไว้ว่า “ขอให้เจ้าไปชายหาดที่ใดที่หนึ่งสักแห่ง แล้วนอนบนหาดทราย 30 นาที ทำติดต่อกัน 21 วัน” เศรษฐีอ่านแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ปฏิบัติโดยดี ในที่สุด เมื่อนอนบนหาดทรายแล้วนอนทีก็สองชั่วโมง เนื่องจากที่ผ่านมาเขางานยุ่งมาก จึงไม่เคยรู้สึกสุขสบายเช่นนี้มาก่อน นอนฟังสายลม คลื่นซัดเบา ๆ เสียงนกทะเลร้อง ในใจจึงรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

วันที่ 22 เขาก็เปิดใบสั่งยาใบที่สอง ในนั้นเขียนไว้ว่า “ให้หาปลา กุ้ง หรือหอยบนชายหาดจำนวน 5 ตัว แล้วนำพวกมันปล่อยคืนสู่ทะเล ให้ทำติดต่อกัน 21 วัน” เศรษฐีอ่านแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ปฏิบัติโดยดี ในที่สุดทุกครั้งที่นำปลา หรือหอยปล่อยคืนสู่ทะเลนั้น เขารู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก

วันที่ 43 เขาก็เปิดใบสั่งยาใบที่สาม ในนั้นเขียนไว้ว่า “ให้หากิ่งไม้อะไรก็ได้มาสักก้าน แล้วให้เขียนอะไรก็ได้ที่รู้สึกโกรธ ไม่พอใจลงบนหาดทราย” เมื่อเขาเขียนเสร็จได้ไม่นาน คลื่นก็ซัดขึ้นมาชะล้างตัวหนึ่งสือเหล่านั้นหายหมด ทันใดนั้นเขารู้สึกสะเทือนใจจนร้องโฮออกมา เมื่อกลับไปถึงบ้าน เขารู้สึกโล่ง สุขสบายกายทั้งตัว รู้สึกปลอดโปร่งและอิสระอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้แต่ความตายก็ไม่รู้สึกกลัวอีก

ที่แท้ ก็เพราะว่าคนเราไม่เข้าใจสามประการต่อไปนี้ ชีวิตจึงไม่มีความสุข คือ

พักผ่อน
การให้
ปล่อยวาง

ความโลภคือยาพิษชนิดหนึ่ง ความต้องการของคนเราไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อมีชีวิตที่มั่นคงแล้วยังแสวงหาความสุขสบาย มีได้ชีวิตที่สุขสบายแล้วยังแสวงหาความฟุ้งเฟ้อ จากการเสพสุขจากวัตถุ ตราบใดที่ความต้องการของคุณยังไม่สิ้นสุด คุณก็จะไม่มีวันที่จะพบกับความสุข หลักในการดำเนินชีวิตนั้น ผู้ที่รู้จักพอคือผู้ที่มีความสุข การเห็นคุณค่ากับสิ่งที่มีอยู่ คุณก็จะพบว่าตัวเองคือบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก
ถ้าคุณรู้จักการแบ่งปันปัญญาความรู้ คุณก็คือบุคคลที่มีความสุข ดังนั้น ช่วยกัน “แชร์” ความสุขให้เพื่อน ๆ เราทุกคนให้มากที่สุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กรกฎาคม 2014, 16:35:18
"ให้ทานข้าวของ วัตถุภายนอก
ก็เป็นบุญแต่ยังไม่ลึกซึ้ง
ให้ทำบุญภายในใจให้เป็นบุญอยู่เสมอ
ภาวนาพุทโธ
นึกน้อมเอาคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอยู่ภายใน
นี่แหละบุญภายใน"

หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กรกฎาคม 2014, 16:27:50
แผ่เมตตา จิตเป็นกุศล
สาปแช่ง จิตเป็นอกุศล
แบ่งปันบทความธรรมะดีๆ....

โดย.....ท่านพระอาจารย์การัณ เตชกโร

"กรรม"

เพราะเคยทำเขามาก่อน
กรรมจึงย้อนถึงตัว

ไม่ได้หมายความว่าทั้งคู่จะเป็นคู่กรณีกันเสมอไป
บางกรณีกฏแห่งกรรมทำหน้าที่จัดสรรให้

คนหนึ่งถึงวาระกรรมต้องชดใช้
ส่วนอีกคนกำลังหน้ามืดตามัวคิดก่อเวร

กรรมทำหน้าที่จัดฉากให้คนทั้งคู่โคจรมาพบกันแม้ไม่ได้เป็นคู่เวรกันมาก่อนโดยตรง

และหากการโคจรมาพบกันในครั้งนี้ฝ่ายถูกกระทำผูกพยาบาทอาฆาตผู้กระทำ นั่นล่ะคือจุดเริ่มต้นของ การผูกพยาบาทเป็นคู่เวรกันเป็นชาติแรก

เราเป็นบุคคลที่สาม คือผู้ดูเหตุการณ์

ถ้าดูแล้วช่วยแผ่เมตตาปรับภพภูมิให้ผู้ตาย นั่นเป็นเมตตา จิตเรากำลังบันทึกบุญ

ถ้าดูแล้วช่วยอาฆาตพยาบาทแทนผู้ตาย นั่นเป็นโทสะ จิตเรากำลังบันทึกบาป

แผ่เมตตา จิตเป็นกุศล
สาปแช่ง จิตเป็นอกุศล

พลิกจิตนิดเดียวเปลี่ยนจากบุญเป็นบาป หรืออาจเปลี่ยนจากบาปเป็นบุญ

การสนับสนุนออกกฏหมายให้ประหารคนกระทำผิดด้วยเพราะเมตตาสงสาร คือเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ แตกต่างจากการสนับสนุนให้ประหารด้วยเพราะโกรธแค้นอยากให้ตายตกไปตามกัน

เราผูกพยาบาทแทนเขาก็คล้ายกับเราเห็นด้วยกับการผูกพยาบาท หรืออาจเรียกว่า " โมทนาบาป " เป็นการเพาะเมล็ดแห่งความผูกพยาบาทไว้ และนี่อาจนับเป็นชาติแรกแห่งการเริ่มต้นผูกเวรแก่กัน

ดวงวิญญาณที่ตายอย่างมีความผูกพยาบาทนี้น่าสงสาร แผ่เมตตาส่งบุญไปก็ไม่ยอมรับง่ายๆ เวลาโกรธ มันนึกบุญไม่ออก บุญไม่เข้า เหมือนคนเราเวลาโกรธ อารมณ์ไม่ดี ยื่นอะไรดีๆให้ก็ไม่เอา

ตอนเป็นคนยังมีเพื่อนช่วยเตือน
ตอนตายไปใครจะช่วยเตือน

วันนี้เราคือผู้ดู เลือกเอา จะให้จิตเราบันทึกอะไร ?


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กรกฎาคม 2014, 16:29:29
สุขเหนือสุขก็คือ"การแบ่งปันความสุข
และสิ่งที่ดีๆกับผู้อื่น"อยู่เสมอนั่นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กรกฎาคม 2014, 16:39:01
ธรรมะจากพระไตรปิฎก...
พระพุทธพจน์

เรา กล่าวว่าแม้ผู้ใดสาดน้ำล้างภาชนะหรือน้ำล้างขันไปที่บ่อน้ำครำหรือในบ่อ โสโครกข้างประตูบ้านซึ่งมีสัตว์อาศัยอยู่ ด้วยความตั้งใจว่าสัตว์ที่อาศัยแหล่งน้ำนั้น จะดำรงชีพอยู่ได้ด้วยเศษอาหารในภาชนะ ก็เป็นเหตุ เป็นที่มาแห่งบุญแล้ว

(ชัปปสูตร)

๑) ให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉาน พึงหวังผลร้อยเท่า
๒) ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล พึงหวังผลพันเท่า
๓) ให้ทานในปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลแสนเท่า
๔) ให้ทานในบุคคลนอกศาสนาพุทธผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม พึงหวังผลหลายล้านเท่า
๕) ให้ทานในผู้เพียรเจริญสติเพื่อบรรลุมรรคผลขั้นแรก พึงหวังผลอันนับประมาณไม่ได้

(ทักขิณาวิภังคสูตร)

ทาน ๕ ประการต่อไปนี้ เป็นมหาทาน เป็นเชื้อสายแห่งพระอริยะ ไม่มีบัณฑิตใดรังเกียจ คือ เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่า เป็นผู้เว้นขาดจากการยักยอกทรัพย์ เป็นผู้เว้นขาดจากการผิดลูกเขาเมียใคร เป็นผู้เว้นขาดจากการโกหก และเป็นผู้เว้นขาดจากการดื่มน้ำเมา เมื่อเว้นขาดโดยประการทั้ง ๕ นี้ ย่อมได้ชื่อว่าให้ความไม่มีภัย ความไม่มีเวร ความไม่เบียดเบียนแก่สัตว์หาประมาณมิได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กรกฎาคม 2014, 16:37:17
ถ้าเราละความโกรธได้ มีจิตเมตตาปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข ก็จะได้รับอานิสงส์ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มีถึง ๑๑ อย่าง คือ

๑. หลับเป็นสุข

๒. ตื่นเป็นสุข

๓. ไม่ฝันร้าย

๔. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย

๕. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย

๖. เทวดาย่อมรักษาผู้นั้น

๗. ไฟ พิษ หรือศัสตรา ย่อมไม่ทำร้ายผู้นั้น

๘. จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเร็ว

๙. สีหน้าผ่องใส

๑๐. ไม่หลงตาย คือมีสติก่อนตาย

๑๑. เมื่อไม่บรรลุคุณวิเศษที่ยิ่ง ย่อมเข้าถึงพรหมโลก

๘. ใช้วิธีแยกธาตุ



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กรกฎาคม 2014, 15:29:55
คนเรานั้น ถ้าไม่มีพุทธัง ธัมมัง สังฆังเป็นของดีภายใน ถึงแม้จะได้ของดีภายนอกไปแล้ว ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

คำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กรกฎาคม 2014, 16:22:04
• ข้อแตกต่างระหว่างคนดีกับคนชั่ว
ไม่ใช่คนดีไม่คิดชั่ว
แต่คนดีห้ามใจ
ไม่ทำตามความคิดชั่วๆได้

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• 'ความเลว' เริ่มจากการ 'คิดร้าย'
ต่อยอดด้วยการตัดสินใจไปตามความคิดร้าย
แล้วจะต้องลงเอยเป็นความไม่สบายใจ
ไม่รู้อนาคตตัวเองไปจนตาย

• ส่วน 'ความดี'
ก็อาจเริ่มจากการ 'คิดร้าย' เช่นกัน
แต่ต่อยอด
ด้วยการตัดสินใจ 'ไม่เอาด้วย' กับความคิดร้าย

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• กลัวและอาย ที่จะทำบาป 7 ที
เท่ากับทำดี ไปแล้ว 7 หน

• การล้มเลิกความตั้งใจดีๆ
ทำให้คุณอ่อนแอลง
ส่วนการล้มเลิกความตั้งใจเลวๆ
ทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กรกฎาคม 2014, 16:18:52
"หลวงปู่ดู่สอนศิษย์"

หลวงปู่ท่านมักกล่าวถึงมงคลที่สำคัญที่ท่านอยากให้ลูกศิษย์ได้
นำไปปฏิบัติ คือ มงคล 38 ประการ มงคลที่ท่านพูดถึงบ่อย ๆ
นั่นคือ สัมมาวาจาชอบ คือ พูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล

ท่านว่าคนส่วนมากมักสร้างกรรมทางวาจา เพราะกรรมนี้สร้างได้ง่าย
แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผลของกรรม เมื่อส่งผลจะร้ายแรงเพียงไร
คำพูดนั้นสำคัญมาก บางคนพูดไม่ดีกับผู้อื่น
จนเป็นเหตุถึงโกรธเกลียดกันชั่วชีวิตก็มี

บางรายคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำให้ไม่พูดกันไปหลายปี
คนส่วนมากที่ขึ้นโรงขึ้นศาล หรือทะเลาะกันจนไปถึงฆ่ากันตาย
ก็เพราะคำพูดที่ไม่ดีนี่แหละ

หลวงปู่ท่านสอนอยู่เสมอว่า อย่าไปพูดไม่ดีกับใครเขา
ถ้ามีคนมาว่าหรือด่าเราแต่เราไม่ว่าหรือด่าเขาตอบมันก็จะไม่มีเรื่องกัน แต่ถ้าแกไปด่าเขาเมื่อไรนั่นแหละเรื่องใหญ่ ท่านสอนศิษย์เสมอว่า อย่าไปพูดทำลายความหวังของใครเขา
เพราะนั้นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่
ถ้าแกไปพูดเข้าเมื่อไหร่กรรมใหญ่จะตกแก่ตนเอง

ท่านบอกไว้อีกว่า คนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่นรวมไป
ถึงการพูดไม่ดีต่าง ๆ กับคนอื่นนั้น กรรมจะมาเร็วมาก
เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่มีศัตรูทั้งภายนอกและภายใน
ไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป ตรงกันข้ามกับเป็นคนที่น่ารังเกียจ
แก่คนทั้งหลาย กรรมนี้จะทำให้เขามีเรื่องและเดือดร้อนอยู่เสมอ ๆ
ทั้งทางกายและทางใจ บางคนทำกรรมนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว
พอกรรมดีที่ตนเคยสร้างมาแต่ปางก่อนหมดหรือเหลือน้อยลง
กรรมชั่วที่สร้างนี้ก็จะสนองเขาอย่างหนักทั้งในภพนี้และภพหน้า
ในภพนี้เวลาที่กรรมดีแต่ปางก่อนจะส่งผลให้มีความสุขหรือมีโชคลาภ กรรมชั่วก็จะเข้ามาตัดรอนกรรมดี เหมือนอย่างเขาผู้นั้น
ซื้อหวยเลข 56 หวยก็จะออกเลข 55 หรือ 57

บางทีก็ติดต่อการค้าหรืองานต่าง ๆ มองเห็นอยู่ว่างานนี้ได้แน่นอน
แต่พอถึงเวลาก็ไปไม่ทันบ้าง ไปแล้วไม่เจอหรือมีเหตุต่าง ๆ
มาทำให้มีอุปสรรคอยู่เสมอ ๆ ซึ่งที่จริงแล้วผู้นั้นจะมีโชคที่ควร
ได้ประมาณเป็นล้าน ๆ เขาก็จะได้แค่หมื่นสองหมื่นหรือโชคครั้งนี้
จะได้หลายหมื่น แต่เขากับได้เพียงไม่กี่พันบาทหรือเพียงได้
ไม่กี่ร้อยเท่านั้นเอง นี้เป็นเพราะกรรมชั่วเข้ามาตัดรอนกรรมดี
และรวมถึงญาติพี่น้องลูกหลาน เขาเหล่านั้นก็จะทำความ
เดือดร้อนเสียหายมาให้ มีพี่น้องหรือญาติไปจนถึงเพื่อนฝูง
ก็จะโกงทรัพย์สินเงินทองของเราบ้าง บางครั้งก็พูดใส่ร้ายให้โทษ
ด่าว่าทะเลาะวิวาท ทำให้เราไม่สบายกายและสบายใจเป็นอย่างมาก
มีเรื่องเดือดร้อนต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่จบสิ้น

มีลูกหลานก็จะดื้อด้าน ว่านอนสอนยาก ทำความเดือดร้อน
ให้เสียเงินทองอยู่มิได้ขาด ว่ากล่าวลูกหลานไม่เชื่อฟัง
ไม่เครารพนับถือ ลูกหลานบางคนก็จะอกตัญญูตนเองมัก
จะเดือดร้อนด้วยการเป็นโรคร้ายที่รักษายากหรือรักษาไม่หาย
เช่น อัมพฤต อัมพาต มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคร้ายต่าง ๆ
อีกมากมายหลายชนิด

หลวงปู่ท่านบอกไว้ว่า กรรมทางวาจามีร้ายแรงมาก
การที่เราพูดใส่ร้ายหรือพูดไม่ดีจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและเสียใจ
หรือไปพูดทำลายความหวังต่าง ๆ ของเขาถ้ารู้ตัวให้หยุดเสีย
ถ้าไม่หยุดหรือเลิกทำเสียกรรมไม่สนองแต่ในชาตินี้
พอตายลงไปยังต้องไปใข้กรรมยังนรกตามขุมต่าง ๆ อีก
ท่านจะพูดและสอนศิษย์อยู่เสมอว่า "คนดีเขาไม่ตีใคร"
ความหมายว่าคนดีไม่ตีใคร ไม่ใช่เอาไม้หรือของแข็ง ๆ ไปตีเขา
แต่ท่านไม่ให้พูดจากไม่ดีด่าว่าใส่ร้ายทำให้ผู้อื่นเดืดดร้อนเสียหาย
และทุกข์ใจ หลวงปู่บอกว่าคนดีเขาไม่ว่าใคร
ถ้าแกไปว่าเขาแกก็จะเป็นคนไม่ดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กรกฎาคม 2014, 16:30:09
พุทธศาสนสุภาษิต

ปุญฺญํ โจเรหิ ทูหรํ
ความดี โจรขโมยลักพาไปไม่ได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กรกฎาคม 2014, 02:52:29
เวลาชีวิตในโลกมนุษย์แค่ประเดี๋ยวเดียว
เราต้องแยกให้ออกว่า
เรื่องอะไร “ด่วน” ควรเร่งรีบทำ
เรื่องอะไร “สำคัญ” สำหรับชีวิต
“บุญ” เป็นเรื่องด่วนต้องเร่งรีบทำ
“การปฏิบัติธรรม” เป็นเรื่องสำคัญ
ต้องทำให้ได้ทุกวัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กรกฎาคม 2014, 16:24:33
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

"จงเตือนตนให้รีบเร่งปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนา
ให้รู้ความจริงว่า
แท้จริงแล้วอายุหรือชีวิตของคนเรามันหมดสิ้นไป

อันเรื่องความตายนี้ พระพุทธเจ้าท่านได้เปรียบไว้ว่า
อุปมาเหมือนไฟป่า ที่ไหม้ลามมาจากทิศทั้ง ๔
ถ้าสัตว์ตัวใดที่หนีไม่ทันก็ต้องถูกไฟคลอกตายก่อน
และในที่สุดสัตว์ทุกตัว
ก็ต้องถูกไฟคลอกตายตามลำดับ จนหมดสิ้น
ด้วยเหตุนี้เราทุกคนจึงควรรีบเร่งปฏิบัติภาวนา"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กรกฎาคม 2014, 16:31:41
คติธรรมคำสอน.....ท่านพระอาจารย์ วรงคต วิริยธโร
(หลวงตาม้า) วัดพุทธพรหมปัญโญ

จงพูดแต่สิ่งที่จำเป็น สิ่งที่ก่อประโยชน์ สิ่งที่น่าชวนฟังของคนทั้งปวง และจงหลีกเลี่ยงการนินทาว่าร้าย หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น เพราะการพูดดังกล่าวนอกจากจะเป็นการผิดศีลข้อสี่ยังเป็นการเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกครั้งที่เอ่ยปาก ควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้สึกตามที่คนฟังรู้จัก เมื่อนั้นจะรู้เองว่าควรพูดอะไร พูดขนาดไหน พูดอย่างไร และพูดไปทำไม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กรกฎาคม 2014, 16:26:22
แบ่งปัน...
พฤติกรรม 19 ข้อของคนที่ "ไม่มีความสุข"

1. กังวลกับเรื่องที่ตัวเองแก้ไขอะไรไม่ได้
2. ท้อใจเมื่อเจออุปสรรค
3. ซีเรียสกับชีวิตมากเกินไป
4. ไม่เคยออกกำลังกาย
5. ตั้งเป้าหมายที่ไม่มีวันไปถึง
6. กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์
7. นอนไม่พอ
8. ใส่ใจ "จุดอ่อน" แต่ละเลย "จุดแข็ง" ของตัวเอง
9. หมกมุ่นกับ Social Media มากเกินไป
10. ไม่ชอบลองทำสิ่งใหม่ๆ
11. มัวแต่กังวลว่า "คนอื่น" จะคิดอย่างไร
12. ชอบนินทาลับหลังเพื่อน
13. ทำงานหนักเกินไป
14. ชอบอยู่คนเดียว ไม่สนใจเพื่อนฝูงหรือญาติมิตร
15. ไม่เคยให้รางวัลกับตัวเอง
16. อยู่กับงานหรือทำสิ่งเดิมๆ ทั้งที่ไม่ชอบ
17. ไม่รู้จักการให้อภัย
18. ไม่รู้จักการวางแผนและจัดระเบียบตนเอง
19. คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่มีน้ำใจแบ่งปันให้ผู้อื่น

ที่มา: Megazy


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กรกฎาคม 2014, 17:05:23
คนเราไม่มีใครโชคดีทั้งชาติ และไม่มีใครโชคร้ายทั้งชาติ
ไม่มีมนุษย์ผู้ใดจะสุขเพียบ หรือทุกข์เพียบในเวลาเดียวกัน

หลวงปู่ศรี มหาวีโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กรกฎาคม 2014, 16:38:47
ยามที่ชีวิตพบกับความทุกข์หรือเดือดร้อนใจ ให้รีบทำบุญ อยู่ใน ทาน ศีล
ภาวนาให้มากๆ และแผ่เมตตาให้กับตนเองและเจ้ากรรมนายเวรบ่อยๆ การทำความดีนั้น อย่างน้อยเราก็สบายใจ...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กรกฎาคม 2014, 16:32:38
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

“ถ้ามีเวลาสำหรับหายใจ
ก็ต้องมีเวลาสำหรับภาวนา”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กรกฎาคม 2014, 16:28:44
จิตของคนตามธรรมชาตินั้น ไม่มีความดีใจเสียใจ ที่มีความดีใจเสียใจนั้นไม่ใช่จิต แต่เป็นอารมณ์ที่มาหลอกลวง จิตก็หลงไปตามอารมณ์โดยไม่รู้ตัว แล้วก็เป็นสุขเป็นทุกข์ไปตามอารมณ์..ผู้ใดตามดูจิต ผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงของมาร

หลวงพ่อชา สุภทฺโท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 25 กรกฎาคม 2014, 16:25:19
ประโยชน์ของการกินเจในมุมมองทางศาสนา

ในมุมมองของศาสนาจะมองประโยชน์ของการกินเจในแง่ของชีวิตและจิตใจ ซึ่งได้แก่

1. บังเกิดเมตตาจิต เกิดความสงบ สุขุม เยือกเย็น อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่หุนหันพลันแล่น โมโหง่าย ดวง ธรรมญาณอันบริสุทธิ์จะปรากฏออกมาซึ่งจะช่วยเกื้อกูลส่งเสริม ให้บารมี ธรรมสูงขึ้นเรื่อยๆ

2. ทำให้มีสติมั่นคง มีสมาธิแน่วแน่ ไม่ประมาทเลินเล่อ เป็นประโยชน์ต่อการดำเนิน ชีวิตและการทำงาน สามารถรอดพ้นจากภัยต่างๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ภัยจากสัตว์ ภัยจากเคราะห์กรรม เมื่อวิญญาณออกจาก ร่าง ก็จะไปสู่ภพภูมิที่ดี

3. หยุดการทำบาป ตัดเวรกรรมที่ผูกพัน ทำให้ไม่เกิดการอาฆาตพยาบาท ทำให้ปราศจากศัตรูทั้งมนุษย์และสัตว์ที่คิดมุ่งร้ายตามจองเวร

4. สิ่งไม่ดีจะถูกขับออกไป ความรู้สึกขุ่นมัว มืดมนจะหมดไป หลังจากกินเจต่อเนื่องกัน เป็นระยะเวลานานๆ ความสดใสจะปรากฏขึ้นในจิตใจ และถ่ายทอดออกไปสู่ใบ หน้าให้มีความสะอาดสดใส

5. ผู้ที่กินเจ รวมทั้งครอบครัวและบุตรหลาน และคนในปกครองจะเกิดความรุ่งเรืองในชีวิต มีเหตุให้เกิด อยู่ในดินแดนอารยะ มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ปราศจากการทำร้ายรบราฆ่าฟัน ไม่มุ่งร้ายทำลายชีวิตซึ่งกัน และกัน

6. ทำให้จิตใจสะอาดไม่ฟุ้งซ่าน จิตใจที่สะอาดทำให้มองเห็นกายอันแท้จริง สามารถสู่นิพพานได้ในที่สุด

7. เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ความคุ้มครองอารักขาไม่ให้สิ่งเลวร้ายหรือวิญญาณชั้นต่ำเข้ามาทำร้าย

ผู้ที่มองประโยชน์ของการกินเจในแง่ของศาสนา จะมีการปฏิบัติที่เคร่งครัดว่า การมองประโยชน์ของการ กินเจในแง่อื่น ซึ่งมักจะให้ผลที่สามารถมองเห็นได้อย่างเกินคาด เกินความคิดคำนึงพื้นฐานของคนทั่วไป เช่น การลุยไฟ การใช้เหล็กเสียบแทงตนเอง หรือม้าทรงต่างๆ ในเทศกาลกินเจที่จังหวัดตรัง นั่นคือ ความเชื่ออันแรงกล้าทำให้เกิดสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้เสมอ

ประโยชน์ของการกินเจในมุมมองของแพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณ

1. ให้พลังเย็น โดยได้รับพลังงานจากฟรุกโตส ซึ่งมีในผัก ผลไม้ เป็นพลังที่ไม่ทำร้ายร่างกาย

2. ช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้าง เพราะกากใยในพืช ผัก ผลไม้ ช่วยระบบ การย่อยและระบบขับถ่าย ทำให้ไม่เป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ รวมถึงโรคที่เกิด จากระบบขับถ่ายผิดปกติต่างๆ เช่น โรคริดสีดวงทวาร

3. หากรับประทานประจำจะช่วยฟอกโลหิตในร่างกายให้สะอาด เซลล์ต่างๆ ในร่างกายจะเสื่อมช้าลง ทำให้ ผิวพรรณผ่องใส มีอายุยืนยาว สายตาดี แววตาสดใส ร่างกายแข็งแรงมีความต้านทานโรค มีความคล่อง ตัวรู้สึกเบาสบายไม่อึดอัด

4. ทำให้ปราศจากโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคตับ โรคลำไส้ โรคเก๊าต์ ฯลฯ เพราะได้รับอาหารธรรมชาติที่มี ประโยชน์ ซึ่งไม่เป็นสาเหตุ ุและยังช่วยป้องกันโรคเหล่านี้

5. อวัยวะหลักของร่างกาย และอวัยวะเสริมทั้ง 5 ทำงานได้อย่างเต็มสมรรถภาพอวัยวะหลัก ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด อวัยวะเสริมทั้ง 5 ได้แก่ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี

6. ผู้ที่กินเจจะมีร่างกายที่สามารถต้านทานต่อสารพิษต่างๆ ได้สูงกว่าคนปกติทั่วไป ซึ่งได้แก่ ยากำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีที่เป็นอันตรายอื่นๆ มลภาวะที่เกิดจากการ เผาไหม้ของเครื่องยนต์ ทั้งจากรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ซึ่งมีปะปนอยู่ในอากาศ รวมถึงแหล่งอาหารและน้ำดื่ม

จะเห็นได้ว่าในทางกานแพทย์นั้น การกินเจมีประโยชน์ในการรักษา ที่สามารถพิสูจน์และ มองเห็นได้ชัดเจน กว่าประโยชน์ในทางศาสนา แม้ว่าการปฏิบัติจะไม่เคร่งครัดเท่ากับความ ต้องการประโยชน์ทางด้านศาสนา

ประโยชน์ของการกินเจ ในมุมมองทางด้านโภชนาการ

มักมีการสงสัยกันอยู่เสมอว่า การกินเจ จะได้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่หรือไม่ โดยเฉพาะ โปรตีน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าโปรตีนในเนื้อสัตว์เป็นโปรตีน ที่มีคุณภาพดีมากกว่า โปรตีนในพืช ซึ่งเป็นความ เข้าใจที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะแท้ที่จริงแล้วโปรตีนในผัก มีคุณค่าที่ใกล้เคียงกัน ในส่วนของอาหารหลัก 5 หมู่ เป็นสิ่งที่กังวลกันอีกประการ หนึ่งว่าจะได้ครบหรือไม่ ถ้าคิดในทางกลับกัน สิ่งที่คิดว่าจะขาดมาก ที่สุดคือโปรตีน ในอาหารเจยังมีครบ จึงไม่น่าเป็น ห่วงว่าจะขาดสารอาหารในหมู่อื่น เพราะนอกจากโปรตีน แล้วสารอาหาร หมู่อื่นจะมีอยู่ใน พืชผักผลไม้ทั้งสิ้น ดังนั้น การจะขาดสารอาหาร จึงน่าจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรม การบริโภคมาก กว่า ว่าเป็นคนเลือกกิน หรือไม่ ส่วนสารอาหารที่ได้จากการกินเจในที่นี้ จะขอกล่าวถึงเฉพาะ ส่วนของโปรตีนเท่านั้น เนื่องจากเป็นข้อมูลที่มีผู้สงสัยมากที่สุดว่า โปรตีนจากพืชจะ ทดแทน โปรตีนจาก สัตว์ได้หรือไม่

โปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายคนเรา มีมากในอาหารประเภทถั่ว
โปรตีน คือ สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีอยู่ในเนื้อสัตว์ทั่วไป รวมทั้งในไข่ขาวและผัก และจะมีมากในถั่วชนิดต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง และถั่วอื่นๆ โปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายจริงๆ มีอยู่ 10 ชนิด ซึ่งมีอยู่ทั้งในเนื้อสัตว์และถั่วต่างๆ ที่แตกต่างกันก็คือ ในเนื้อสัตว์จะมีไขมันมากกว่าถั่วต่างๆ เมื่อกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์จึงได้รับไขมันมากขึ้นไปด้วย ทำให้อ้วนรวมไปถึงระบบการย่อยอาหาร ก็ต้องทำงานหนักขึ้นไปด้วย ต่างจากโปรตีนที่ได้จากถั่วซึ่งมีปริมาณไขมันน้อยกว่า และร่างกายสามารถนำไปใช้ได้พอดี โดยไม่เหลือเป็นส่วนเกิน และยังมีกากใยช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และที่สำคัญ ไม่มีคลอเลสเตอรอลเหมือนในเนื้อสัตว์

โปรตีนที่มีความสำคัญต่อร่างกายของคนเรา 10 ชนิด ซึ่งมีอยู่ครบในถั่วต่างๆ คือ

1. ไลซีน มีหน้าที่สร้างความเจริญเติบโต และสร้างความต้านทานให้แก่ร่างกาย หากขาดไลซีน ร่างกายจะแสดงอาการผิดปกติ เช่น มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เป็นต้น

2. กลูตามิก เป็นกรดอะมิโนที่บำรุงรักษาความเป็นปกติของเซลล์สมอง หากขาด กลูตามิก จะเกิด อาการผิดปกติทางสมองควบคุมความรู้สึกและจิตใจตนเอง ลำบากจะมีอาการเฉยเมย และซึมเศร้า แก่เร็ว ไม่สดใส ร่างกายไม่เจริญเติบโต

3. วาลีน เป็นกรด อะมิโนที่สร้างความเป็นปกติแก่สมองอีกชนิดหนึ่ง รวมถึงกล้ามเนื้อ ระบบประสาท การรับรู้ ความรู้สึกนึกคิด ซึ่งขึ้นอยู่กับกรดอะมิโนชนิดนี้

4. อาร์จีนีน เป็นส่วนประกอบของอสุจิในเพศชาย หากขาดจะทำให้มีโอกาสเป็นหมัน เพราะเชื้ออสุจิไม่แข็งแรง ทำให้ไม่สามารถเข้าไปผสมกับไข่ของเพศหญิงได้ นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายไม่สดใส ไม่มีความกระชุ่มกระชวย จิตใจไม่ผ่องใส ทำให้แก่เร็ว

5. ซิสตีน เป็นกรด อะมิโนที่ร่างกายนำมาใช้สร้างเซลล์เส้นผมและอินซูลิน ทำให้ร่างกายต่อต้านสิ่งที่เป็นพิษได้ดีขึ้น สร้างภูมิต้านทานและสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา ทางลมหายใจ ผู้ที่ขาดซิสตีนจะเกิดอาการ เป็นกังวล หงุดหงิด ตับผิดปกติ เส้นผมหลุดร่วง

6. ฟีนายอะลานีน หากขาดกรด อะมิโนตัวนี้จะทำให้ควบคุมตนเองไม่อยู่ในเรื่อง การรับประทานอาหาร จะทำให้รับประทานอาหารไม่หยุด ทำให้เกิดโรคอ้วนและอาการมึน ซึม หรือปวดหัว ฟีนายอะลานีนสามารถนำมาสร้างฮอร์โมนไทร็อกซีนของต่อมไธรอยด์ได้อีกด้วย

7. ทรีโอนีน มีความสำคัญต่อระบบทางเดินอาหารและระบบย่อยอาหาร หากขาดทรีโอนีนจะเกิดปัญหาในการย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด เรอเปรี้ยว

8. อิสติดีน ช่วยดูแลรักษาทำให้ประสาทหูทำงานเป็นปกติ หากขาดอิสติดีนจะเกิด ความเสียหายกับประสาทหู และเกิดอาการหูอื้อ หูตึง ความสามารถในการได้ยินลดลง

9. ทริปโตเฟน ทำหน้าที่ในการย่อยอาหารร่วมกับทรีโอนีน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างเส้นผม ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย รากผมแข็งแรง นอกจากนี้ยังทำให้ผิวพรรณผ่องใส และช่วยสร้างเม็ดโลหิตอีกด้วย

10. เมทีโอนีน ช่วยดูแลรักษาตับ ขับของเสียออกจากตับ ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย หากขาดจะทำให้เส้นตับผิดปกติรวมถึงไตด้วย นอกจากนั้นยังทำให้เส้นผมหลุดร่วงง่าย ร่างกายไม่สดชื่น ผิวพรรณหมองคล้ำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กรกฎาคม 2014, 16:27:58
หากท่านต้องการมีชีวิตที่สงบสุข ท่านสามารถทำได้ไม่ยากเลย แค่ท่าน"ปล่อยวาง"ได้เท่านั้นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กรกฎาคม 2014, 20:04:40
คติธรรม หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

นะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ..

"ขยันก็ให้ทำ ขี้เกียจก็ให้ทำ ถ้าวันไหนยังกินข้าวอยู่ก็ต้องทำ วันไหนเลิกกินข้าวแล้ว นั่นแหละ จึงค่อยเลิกทำ นั่งไปเถอะ สว่างก็ได้บุญ มืดก็ได้บุญ ปฏิบัติแล้ว โลภ โกรธ หลง แกลดน้อยลงหรือเปล่าล่ะ ถ้าลดลงข้าว่าแกใช้ได้"

"หมั่นทำเข้าไว้ พระท่านคอยจะช่วยเราอยู่แล้ว แล้วเราได้ช่วยเหลือตัวเองก่อนหรือยัง แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้า ข้าก็ยังคิดถึงแก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กรกฎาคม 2014, 16:36:05
"เมื่อความโกรธเดินผ่านมา สติปัญญาย่อมหายไป"

ดับไฟโกรธด้วย"ความเมตตา"
ดับกิเลสตัณหาด้วยการ"ปล่อยวาง"

โทสะไม่ว่ามากหรือน้อย ดับด้วยอำนาจของเมตตา

พระพุทธองค์ทรงสอนให้เมตตา ให้กรุณา ก็ให้เมตตา ให้กรุณา อย่างเต็มเปี่ยมทั้งหัวใจ โทสะไม่ว่ามากไม่ว่าน้อยจะดับลงได้ด้วยอำนาจของเมตตาทันที

ยิ่งทุ่มเทใจเชื่อพระพุทธเจ้า ทำตามพระองค์เต็มสติกำลัง ใจก็จะตั้งอยู่ในความไม่มีโทสะ มีแต่ความสุขสงบเย็นสว่างไสวจนกระทั่งอาจรู้สึกเหมือนไม่มีเมตตา ไม่มีกรุณา ไม่มีมุทิตาในใจตน มีแต่อุเบกขาเท่านั้น

แต่ความจริงอุเบกขานั้นพร้อมด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา เปรียบดังขึ้นรถด่วนที่วิ่งผ่านสถานีต่างๆ อย่างรวดเร็ว ไม่หยุดสถานีระหว่างทางเลย ไปหยุดต่อเมื่อถึงสถานีปลายทาง ถึงที่หมายได้สมประสงค์ตรงสถานีปลายทางนั้น

เช่นนี้ไม่หมายความว่ารถไฟไม่ได้วิ่งผ่านสถานีต่างๆ ในระหว่างทาง รถผ่านแต่ละสถานีอย่างรวดเร็วจนยากจะสังเกตรู้ว่าเป็นสถานีใดบ้างเท่านั้น

การอบรมเมตตา กรุณา มุทิตา ไปจนถึงอุเบกขาด้วยวิธีพิเศษ คือ เชื่อพระพุทธเจ้าให้แน่วแน่มั่นคง ยอมเป็นยอมตาย เพื่อปฏิบัติตามที่ทรงสอนไว้จะได้ผลรวดเร็วดังนี้

O ผู้มีเมตตา กรุณา และมุทิตา
จะต้องใช้อุเบกขาแทรกไว้ทุกเวลา

ผู้ยังไม่บรรลุผลสูงสุดของพรหมวิหารธรรม ยังพยายามตั้งใจอบรมพรหมวิหารธรรมอยู่ ควรต้องรู้ว่า ผู้มีเมตตา กรุณา มุทิตานั้น ควรอย่างยิ่งที่จะต้องใช้อุเบกขาแทรกไว้ทุกเวลา เหมือนเป็นยาดำที่จำเป็นต้องแทรกอยู่ในยาดีแทบทุกขนานไม่เช่นนั้นแล้ว ยาดีที่ขาดยาดำก็จะไม่เป็นยาดีที่สมบูรณ์ และพรหมวิหารธรรมก็จะไม่สมบูรณ์เช่นเดียวกัน

เมตตาขาดอุเบกขา...ก็ผิด
กรุณาขาดอุเบกขา...ก็ผิด
มุทิตาขาดอุเบกขา...ก็ผิด

เมตตากรุณาที่ผิด ก็เช่นปรารถนาเขาเป็นสุข พยายามช่วยให้เขาพ้นทุกข์เต็มกำลังความสามารถ เมื่อทำไม่ได้ดังความปรารถนาก็เป็นทุกข์ เพราะไม่วางอุเบกขา เช่นนี้แหละผิด

แต่ถ้าทำเต็มสติปัญญาความสามารถโดยควรแล้ว แม้ไม่เกิดผลดังปรารถนาก็วางอุเบกขาเสียได้ ไม่เร่าร้อนด้วยความปรารถนาต้องการจะให้สมมุ่งหมาย เช่นนี้ก็เป็นเมตตากรุณาที่ไม่ผิด

มุทิตา ความพลอยยินดีด้วยเช่นกัน มุทิตาที่ผิดก็เช่นไปพลอยยินดีด้วยกับการได้การถึงที่ไม่สมควรทั้งหลาย การได้การถึงที่ผิดที่ไม่ชอบเช่นนั้น ผู้มีมุทิตาที่แท้จริงในพรหมวิหารจะวางใจเป็นกลาง วางเฉยอยู่ได้ด้วยอุเบกขา ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องแม้ด้วยมุทิตา

O ใจที่เป็นอุเบกขา
ไม่หวั่นไหวไปตามการแสดงออกภายนอก

ผู้มีอุเบกขาในใจจริงนั้น การแสดงออกภายนอกเหมือนไม่มีอุเบกขาได้ เพราะผู้มีอุเบกขานั้นไม่หมายถึงว่า จะต้องไม่รับรู้ในคุณในโทษของสิ่งภายนอก ผู้มีอุเบกขาย่อมรู้ดีว่าปฏิบัติอย่างไรเป็นคุณ ปฏิบัติอย่างไรเป็นโทษ บางทีการวางเฉยทางกายวาจา เหมือนกับใจที่วางเฉยอยู่ด้วยความสงบ ก็อาจเป็นคุณ แต่บางทีก็อาจเป็นโทษ

ฉะนั้นเมื่อการวางเฉยภายนอกจะเป็นโทษ ผู้มีพรหมวิหารธรรมข้ออุเบกขาพิจารณาเห็นแล้ว ก็ย่อมต้องแสดงออกตามความเหมาะความควร รักษาไว้อย่างหวงแหนที่สุดเพียงอย่างเดียว คือ ใจที่เป็นอุเบกขา ไม่หวั่นไหววูบวาบขึ้นลงไปตามการแสดงออกภายนอก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กรกฎาคม 2014, 16:33:39
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

บุญเก่านี้มันหมดเป็นนา เหมือนอย่างเงินทองที่เรามี
ถ้าเราไม่หาเพิ่มเติมแล้วใช้มันก็หมดไปหมดไป
ดังนั้นเงินทองจึงจำเป็นต้องหาอยู่เรื่อย
เพราะมันหมดเป็น บุญนี้ก็เหมือนกันอย่างนั้นแหละ
บุญที่เราทำมาแต่ก่อนมันมาให้ผล ให้ผลไป ให้ผลไป มันก็หมดไป หมดไปเป็นอย่างนั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กรกฎาคม 2014, 16:21:40
เงินก็คือเงิน เอาอะไรต่ออะไรมาสมมติกันเท่านั้น
มันจะเป็นสุขเป็นทุกข์ที่ไหนได้ การกระทำของคนเท่านั้น
ทำให้เป็นสุขเป็นทุกข์ เป็นบุญเป็นบาป เป็นสวรรค์เป็นนรก
เป็นอยู่ที่ใจไม่ใช่เป็นอยู่ที่วัตถุ วัตถุเขาไม่รู้เรื่องอะไร

หลวงปู่แบน ธนากโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 กรกฎาคม 2014, 16:57:19
แม้เราสวดมนต์อยู่ ก็คือสมาธิ แม้เรานั่งสมาธิบริกรรมภาวนา ก็คือการฝึกสมาธิ ต้องมีความเข้าใจให้มันสัมพันธ์กัน แม้ว่าเราทำธุรกิจอย่างอื่น ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ก็คือการฝึกสมาธิ..


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: popep ที่ 31 กรกฎาคม 2014, 18:09:15
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 สิงหาคม 2014, 02:35:51
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

“ถ้ามีเวลาสำหรับหายใจ
ก็ต้องมีเวลาสำหรับภาวนา”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 สิงหาคม 2014, 16:27:35
"ในทางโลก การได้มามากๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา
แต่ในทางธรรม การสละสิ่งที่มีมากๆ ให้หมดไป
แม้แต่สิ่งละเอียดอ่อนภายในใจได้ ท่านว่าประเสริฐสุด"

หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 สิงหาคม 2014, 01:49:26
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

หลวงปู่ดู่เคยสอนไว้ว่า เวลาทำบุญให้อธิษฐานสั้นๆไปเลยว่า "ขอให้ประสบแต่ความดี ปราศจากความทุกข์" เพราะคำว่า ความดี นั้นรวมครบหมด ทั้งรวย สุขภาพดี มียศตำแหน่ง มีคนรักเมตตา ฯลฯ ส่วนปราศจากความทุกข์ก็ตัดสิ่งไม่ดีหมดทุกอย่าง ไม่มีทุกข์ ไม่มีโรคภัย ไม่มีอุปสรรค ไม่มีศัตรู ฯลฯ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 สิงหาคม 2014, 16:35:05
9 สิ่งที่บอกว่าประเทศไทยโชคดีที่สุดในโลก

จีนลงข่าว บอกว่าประเทศไทยโชคดีที่สุดในโลก

9 สิ่งที่บอกว่าประเทศไทยโชคดีที่สุดในโลก
ประเทศไทยเป็นประเทศที่โชคดีที่สุดในโลก !!!

เหตุผลที่ประเทศไทย เป็นสยามเมืองยิ้ม มีดังต่อไปนี้

1. ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางครัวโลก ไม่ต้องกลัวอดตาย มีอาหารกินตลอดเวลา และส่งออกไปทั่วโลก

2. ประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก มีป่าไม้ ภูเขา ทะเล ทองคำ จนได้ชื่อว่าดินแดนสุวรรณภูมิ

3.ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเขตแผ่นดินไหวโดยตรง แนวแผ่นดินไหวอ้อมประเทศไทยทั้งประเทศ ในขณะที่เกือบทั้งโลกอยู่ในเขตแผ่นดินไหวรุนแรง

4. ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในเขตพายุรุนแรง นานๆจะเจอสักครั้ง เพราะพายุไต้ฝุ่นส่วนใหญ่เกิดในทะเลจีนใต้ บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มาถล่มหนักเวียดนาม ลาว เขมรและอ่อนตัวลง กลายเป็นพายุธรรมดาเมื่อเข้าประเทศไทย

5. ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก ในขณะที่ทุกประเทศในอาเซียนตกเป็นอาณานิคม

6. ประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้พ่ายแพ้ในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2

7. คนทุกชนชาติ และทุกศาสนาในประเทศไทยมีสิทธิ เสรีภาพ มากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก

8. ประเทศไทย มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนัก เพื่อพสกนิกรชาวไทย ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ ทรงมีโครงการในพระราชดำริกว่า 3,000 โครงการ โครงการส่วนพระองค์ส่วนจิตรลดาทรงก่อตั้งมูลนิธิต่างๆมากมาย เช่น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ มูลนิธิพระดาบส มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นต้น

ทรงอุปถัมถ์พระศาสนา ภาษาไทย วัฒนธรรม ประเพณี พระราชพิธี งานช่างหลวง การศึกษา การแพทย์ การคมนาคม การอนุรักษ์ดินและน้ำ ทรัพยากรป่าไม้ ป่าชายเลน เกษตรทฤษฎีใหม่ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ

9. พระพุทธศาสนา เจริญที่สุดในโลกในประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกและทรงเป็นพุทธมามกะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 สิงหาคม 2014, 16:37:47
พยายามมองผู้อื่นในสิ่งที่พวกเขาเป็นด้วยความเข้าใจและยอมรับในจริตของพวกเขา อย่าได้พยายามเปลี่ยนแปลงจริตของผู้อื่นให้มาถูกใจหรือถูกจริตของเรา เพราะเป็นไปไม่ได้ มิฉะนั้นเราจะทุกข์ตลอดกาล ฉันใดก็เช่นนั้น ผู้อื่นก็ไม่สามารถมาเปลี่ยนจริตของเราได้เช่นเดียวกัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 สิงหาคม 2014, 16:27:41
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี

เมื่อเข้าใจตัวเอง ก็เข้าใจคนอื่น
เมื่อเข้าใจคนอื่น ก็เข้าใจคนทั้งโลก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 สิงหาคม 2014, 15:42:05
"คนเราแม้จะมั่งมีศรีสุขขนาดไหน ก็ไม่มีวันพอ ไม่มีวันอิ่ม มีเงินทอ มากมายขนาดไหน ก็ไม่มีวันอิ่มวันพอเหมือนกัน กินข้าวปลาก็เหมือนกันไม่มีวันอิ่มวันพอ เช้ามาก็กิน กินแล้วก็ถ่าย ถ่ายแล้วก็กินอยู่อย่างนี้ ไม่มีที่สุขของมนุษย์"

หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 สิงหาคม 2014, 03:45:05
"บาปที่ทำแล้วมันแก้ไม่ได้ แต่นิสัยชั่วที่เราประพฤติอยู่นั้นมันแก้ไขได้ ท่านให้แก้กันที่ตรงนี้"

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 สิงหาคม 2014, 16:31:12
พรุ่งนี้เป็น“วันพระ”

ขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนทุกๆท่านทำบุญตักบาตร ลดละบาป บำเพ็ญบุญ ดำรงตนอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา ปิดปาก ปิดวาจา รักษาธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 สิงหาคม 2014, 02:16:39
ทำบุญทุกวัน ย่อมได้บุญทุกวัน

เติมน้ำในภาชนะทุกวัน น้ำย่อมเต็มภาชนะได้สักวัน ฉันใด บุญกุศลก็เช่นเดียวกัน หมั่นทำบุญอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา อย่างสม่ำเสมอ บุญกุศลย่อมเต็มบริบูรณ์ได้ในสักวัน ฉันนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 สิงหาคม 2014, 15:37:36
ท่านเชื่อไหมว่า บางครั้งเจ้ากรรมนายเวรอันดับหนึ่งนั้น จะมาในรูปของบุคคลที่เรารักมากที่สุดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคนรัก สามีที่รัก ภรรยาที่รัก ลูกรัก เพื่อนรัก เพราะบุคคลทั้งหลายเหล่านี้มักจะทำให้เราทุกข์และเสียใจอย่างแสนสาหัสอยู่เสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 สิงหาคม 2014, 15:59:24
พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก
ไม่ต้องไปตามพระอรหันต์ที่ไหน
เหลียวดูพ่อแม่ในบ้านบ้าง แล้วจะรู้สึกว่า
ได้ทำดีตั้งแต่วันนี้แล้ว การสนองคุณบิดามารดาไม่ยาก
สร้างความดีให้มาก อย่าให้พ่อแม่ผิดหวัง

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 สิงหาคม 2014, 16:25:07
คำสอนหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

การเพ่งโทษบุคคลอื่นเป็นจริยาของความเลว แสดงถึงจิตใจมัวหมอง แสดงว่าใจของเราขังความชั่วไว้มาก เราไม่ได้ปล่อยความเลว
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแนะนำว่า ใครเขาเป็นอย่างไร ช่างเขา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 สิงหาคม 2014, 16:33:47
แบ่งปัน...
การทำความดี....แม้ทำเป็นหมื่นครั้งแสนครั้งก็ยังน้อยไป
การทำความชั่วนั้น....แม้ทำเพียงแค่ครั้งเดียวก็มากไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 สิงหาคม 2014, 01:59:08
"เกิดมาแล้วก็แก่เจ็บตาย แต่ก่อนจะตาย ทานยังไม่มีก็ให้มีเสีย ศีลยังไม่เคยรักษาก็ให้รักษาเสีย ภาวนายังไม่เคยเจริญก็เจริญเสียให้พอ จะได้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ด้วยความไม่ประมาท นั้นละจึงจะสมกับที่ได้เกิดมาเป็นคน"

พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 สิงหาคม 2014, 16:34:35
ความสงบอันใดเล่า จะเสมอเหมือนการเจริญสติด้วยการ"ภาวนา"นั้นเป็นไม่มี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 สิงหาคม 2014, 13:35:41
หากว่าศีลแค่ ๕ ข้อ ยังรักษาไม่ได้
อย่าได้ถามหา"นิพพาน"เลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 สิงหาคม 2014, 16:38:24
"..ความดี กับ ความไม่ดี
ขึ้นอยู่กับเหตุ คือเราทำไว้
ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับคนพูด.."

หลวงปู่ศรี มหาวีโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 สิงหาคม 2014, 16:30:00
คำอธิษฐานจิต...

ท่อง นะโม (๓ จบ)

ในทุกๆครั้งที่ข้าพเจ้ากระทำความดี ขออำนาจพุทธ ธรรม สงฆ์ จงบันดาลบุญข้าฯ ให้กับเทวดาประจำตัวข้าฯ และเทวดาในทุกภพชั้นภูมิ ขอให้ท่านเทวดาประจำตัวข้าฯและเทวดาทุกภพชั้นภูมิ จงมีอำนาจบารมีสูงๆยิ่งขึ้น ถ้าท่านมีสุข ขอให้สุขยิ่งขึ้น ถ้าท่านมีทุกข์ ขอให้ท่านจงพ้นจากความทุกข์ด้วยเทอญ

เมื่อท่านได้รับผลบุญที่ข้าพเจ้าอุทิศหรือมอบให้แล้ว ขอให้ท่านจงบันดาลบุญข้าฯและอำนวยพรให้ข้าฯ ครอบครัวข้าฯ ญาติพี่น้องของข้าฯ เพื่อนๆกัลยาณมิตรในเพจ"คำคมธรรมะ เตือนใจ"ทุกๆท่าน จงเป็นคนดี มีศีลธรรม ประพฤติหรือปฏิบัติในสิ่งที่สิ่งที่ชอบ หากประพฤติผิดศีลธรรม ให้กลับใจเป็นคนดีพร้อมทั้งกาย วาจา ใจ มีหนทางทำมาหากินโดยสุจริต เงินทองไหลมาเทมา มีอายุวรรณะ สุขะ พละ คิดสิ่งใดก็ตามที่ถูกต้องชอบธรรมหรือดีงาม และไม่ผิดศีลธรรม ให้สมดังปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ

ธรรมอันใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ขอให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้พบธรรมนั้นด้วยเทอญ หากบุญกุศลยังไม่สมบูรณ์ ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดในร่มเงาของพระพุทธศาสนาทุกชาติไป

หากวันใดพวกเราทั้งหลายถึงพร้อมด้วยทาน ศีล ภาวนา อันสมบูรณ์ ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าฯ ตลอดจนญาติสนิทมิตรสหาย เพื่อนๆกัลยาณมิตรในเพจ"คำคมธรรมะ เตือนใจ"ทุกๆท่าน จงไปถึงซึ่งสวรรค์สมบัติ และนิพานสมบัติตามกาลอันควรด้วยเทอญ และขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้านี้จงเป็นจริงด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 สิงหาคม 2014, 03:22:56
อานิสงส์การสวดบทพระบรมมหาจักรพรรดิ

โดยย่อกล่าวคือ

บทนี้เป็นการสวดไหว้พระพุทธเจ้าทั่วทั้งพระนิพพานตลอดจนถึงพระธรรมเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้า พระอริยสงฆ์สาวกทั้งมวลไหว้พระพุทธเจ้าทั้ง5พระองค์รวมถึงน้อมนำกำลังของเทพพรหมพระอริยะเจ้าทั้งหลาย

การสวดครั้งหนึงเป็นการดึงกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาร่วมถึงกำลังของพระมหาโพธิสัตว์เจ้ามารวมอารธนาเข้าที่กายและใจและรวมกำลังของพระโพธิญานโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายตั้งแต่อดีต
ถึง ปัจจุบัน และอณาคต

การสวดครั้งหนึงมีอานิสงส์แผ่ไปทั่วจักวาลสามแดนโลกธาตุสามารถแผ่บญไปทั่วทุกสรรพสัตว์ตลอดจนเทวดาประจำตัวเราญาติมิตรเพื่อนฝูงครอบครัวเจ้ากรรมนายเวรและหากนำบทสวดนี้ไปสวดในนรกหรือแผ่ไปไฟนรกจะดับชั่วขณะ

บทนี้เป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัวร่วมถึงการอารธนาบารมีครูบาอาจารย์พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อัญเชิญเข้าตัวเพื่อป้องกันภัยและสร้างมหาโชคมหาลาภ อานิสงส์แก่ผู้สวดมีทั่งมหาบุญมหาลาภเนื่องจากมีการกล่าวถึงพระสีวลีร่วมถึงบทนี้มีพลังงานอย่างยิ่งในการเจริญพระกรรมฐาน หากนำไปสวดบริกรรมก่อนหรือระหว่างนั่งภาวนากรรมฐาน...จะทำให้การภาวนามีพุทธานุภาพมาคลุมและคุมการปฎิบัติของเรา คลุมกายและจิตเราเป็นวิมานทิพย์(ครอบวิมานให้ตัวเองหรือสวดอธิษฐานครอบคนอื่นก็ได้)

หากสวดบทนี้สามารถอฐิษฐานเรื่องราวใดๆมี่ติดข้องใจได้ให้ผ่านพ้นไปอย่างทะลุปรุโปร่ง กล่าวโดยสรุปได้ว่าคาถาจักรพรรดินี้
จากการเรียบเรียงถ้อยคำโดยหลวงปู่ดู่ท่าน ก่อให้เกิด จักรพรรดิ กำลังจักรพรรดิขึ้นด้วยในบทสวด พระคาถาครอบจักรวาล

การสวดครั้งหนึงเป็นการดึงกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาร่วมถึงกำลังของ
พระมหาโพธิสัตว์เจ้ามารวมอารธนาเข้าที่กายและใจ
และรวมกำลังของพระโพธิญานโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายตั้งแต่อดีต ถึง ปัจจุบัน และอนาคต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 สิงหาคม 2014, 03:58:30
Cr.มูลนิธิเพื่อแผ่นดิน (Puea Pandin Foundation)
คนเราเกิดมามีแต่กลัวความตาย
แต่หาได้กลัวต้นเหตุ คือความเกิดไม่
จึงพากันหลงแก้ที่ปลายเหตุ ไปแก้ที่ความแก่
ไปแก้ที่ความเจ็บ และไปแก้ที่ความตาย
เมื่อแก้ไม่ถูกจุดมันจึงวุ่นวาย เดือดร้อนไม่จบสิ้นสักที
ตายแล้วกลับมาเกิดอีก แก้กันอีก

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 สิงหาคม 2014, 16:27:45
แบ่งปัน...
"วิธีแก้ปัญหาสารพัดเบื่อ"

โดย....ดร.แพง ชินพงศ์

“เบื่อ” เป็นสภาวะของอารมณ์ที่รู้สึกไม่พึงพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองในขณะนั้น โดยอาจแสดงออกด้วยการซึมเศร้า นิ่งเฉย ขาดความสดชื่น ไม่มีความตื่นเต้น ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ขาดแรงจูงใจและเป้าหมายในการกระทำสิ่งต่างๆ

ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนต้องเคยตกอยู่ในสภาวะแห่งความเบื่อหน่ายกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเบื่องาน เบื่อแฟน เบื่อคนใกล้ตัวหรือแม้กระทั่งเบื่อตัวเอง

ผู้เขียนมีวิธีการแก้เบื่ออย่างง่ายๆ ที่มั่นใจว่าช่วยลดความเบื่อได้อย่างแน่นอน 100% ดังนี้

1.เบื่องาน เช่น รู้สึกไม่อยากทำงาน ขาดแรงจูงใจในการทำงาน รวมไปถึงเบื่อเพื่อนร่วมงาน เบื่อหัวหน้า เบื่อลูกนัอง เบื่อระบบงานต่างๆ ซึ่งทำให้ไม่อยากจะหยิบจะจับงานอะไรหรือพาลอยากจะลาออกจากงานไปเลยด้วยซ้ำ

วิธีแก้เบื่องาน

- คิดด้านบวกเกี่ยวกับการทำงาน คือ คิดเสียว่างานเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อชีวิตของเรา มีงานทำดีกว่าไม่มี เพราะถ้าไม่มีงานเราก็จะขาดรายได้ซึ่งทำให้เราไม่มีเงินสำหรับการใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นหรือซื้อหาความสะดวกสบายให้ชีวิต

- คิดว่างานเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเรา เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่เราจะต้องเอาชนะและทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยความสามารถของเรา

- จัดแต่งโต๊ะทำงานใหม่ เช่น เอารูปภาพวิวสวย ๆ มาติด เอาแจกันใส่ดอกไม้สวย ๆ มาวางบนโต๊ะทำงาน ทำความสะอาดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ซึ่งจะช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายหายเบื่อได้

- แก้ปัญหาเบื่อเพื่อนร่วมงาน อาจจะเกิดจากการที่เรามีเพื่อนร่วมงานที่มีทัศนคติไม่ตรงกัน หรือเจอเพื่อนร่วมงานที่ชอบเอาเปรียบ อิจฉาริษยา ชอบนินทาว่าร้าย ซึ่งทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายจนพาลอยากจะลาออกจากงาน วิธีแก้เบื่อเพื่อนร่วมงานอย่างง่ายที่สุดก็คือ พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่าย ซึ่งถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็พยายามพูดหรือเกี่ยวข้องกับคนที่เราเบื่อให้น้อยที่สุด

2.เบื่อคนใกล้ตัว เช่น เบื่อแฟน เบื่อสามี เบื่อภรรยา ซึ่งก็มักเกิดจากความไม่เข้าใจกัน มีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยๆ รู้สึกว่าถูกคนใกล้ตัวเอาเปรียบอย่างใดอย่างหนึ่งเบื่อหน่ายนิสัยบางอย่างของเขา ถูกเขาทำให้เสียใจ ผิดหวังซ้ำซาก หรืออาจเกิดจากการที่ความพิศวาส หรือความพึงพอใจในตัวเขาลดลง ทำให้ขาดความตื่นเต้นในชีวิตคู่ สัญญาณในการบอกว่าเรารู้สึกเบื่อแฟนหรือเบื่อสามีภรรยา สังเกตได้ง่ายๆ คือ รู้สึกคิดถึงและห่วงใยน้อยลง เวลาอยู่ด้วยกันก็แทบไม่คุยกันหรือมีกิจกรรมร่วมกันน้อยมาก

วิธีแก้เบื่อคนใกล้ตัว

- หันหน้าเข้าหากันเพื่อปรับความเข้าใจ รวมทั้งพูดตรงๆ ถึงความรู้สึกของกันและกันว่าเรารู้สึกไม่พอใจกันตรงไหนบ้าง เพื่อหาวิธีแก้ไขและปรับเปลี่ยน เพื่อที่จะมีความเข้าใจกันมากขึ้นและเมื่อได้ร่วมกันปรับเปลี่ยนแล้ว ความรู้สึกจะดีขึ้นและทำให้หายเบื่อหน่ายซึ่งกันและกันได้

- ท่องเที่ยวร่วมกัน การที่แฟนหรือสามีภรรยา ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ในการไปดูหนัง ฟังเพลง ช้อปปิ้ง เที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวต่างประเทศ เหมือนเป็นการไปฮันนีมูน ไปดูสิ่งที่สวยงามแปลกใหม่ เป็นโอกาสให้ได้ใช้เวลาที่ดีร่วมกัน ซึ่งนอกจากช่วยสานสัมพันธ์ที่ดีแล้ว ยังช่วยทำให้ความเบื่อหน่ายระหว่างกันลดลงด้วยเพราะความตื่นเต้นสนุกสนานจะทำให้อารมณ์ดีและมีความสุขขึ้นได้

3.เบื่อตัวเอง เกิดจากความรู้สึกเหงา คับข้องใจ ไม่ได้ตามที่ใจต้องการ หันไปทางไหนก็มีแต่สิ่งที่ซ้ำซากจำเจ หดหู่ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ถ้าเกิดกับใครขึ้นมา คนนั้นก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองจนขาดแรงบันดาลใจและความสุขในการดำเนินชีวิต

วิธีแก้เบื่อตัวเอง

- เปลี่ยนทรงผมและเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าเราเป็นคนใหม่ได้

- ออกกำลังกาย ทำให้จิตใจแจ่มใสและอารมณ์ผ่อนคลาย ยิ่งถ้าคุณมีปัญหาในเรื่องน้ำหนักด้วยแล้วยิ่งดีใหญ่ ลองท้าทายตัวเองโดยการออกกำลังกายเพื่อให้เรามีรูปร่างที่ดีขึ้น แล้วชีวิตใหม่ๆ จะเกิดขึ้นแน่นอน

- เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น แต่งบ้านใหม่ ปรับเปลี่ยนมุมในบ้านให้แปลกตาไปกว่าเดิม จัดสวนใหม่ หาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง เช่น สุนัข แมว ปลา จะทำให้ชีวิตเราสดชื่นขึ้นและผ่อนคลายขึ้น

- ลองเปลี่ยนเส้นทางในการไปทำงานหรือกลับบ้านบ้าง จากเส้นทางเดิมๆที่รถติดน่าเบื่อหน่ายอาจสลับเปลี่ยนไปเดินทางที่ลัดบ้างอ้อมบ้างแต่รถไม่ติดมากและยังได้เห็นทิวทัศน์ที่แปลกตาไปจากเดิม

- ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ที่ไม่เคยไป เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิต

- กินอะไรที่ไม่เคยกิน ไปร้านอาหารใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน หรือลองคิดค้นหาเมนูอาหารใหม่ๆ ลองทำกินดู

- โซเชียลเน็ตเวิร์กช่วยได้ การคุยกับเพื่อน ๆ ออนไลน์ผ่านทาง facebook whatsapp line ช่วยทำให้เราหายเบื่อได้ แต่อย่าถึงเสพติดจนติดแหง่กไม่สนใจชีวิตด้านอื่นเลย

- สมัครเรียนคอร์สสั้นๆ ที่เราสนใจ เช่น เรียนทำขนม เรียนภาษา เรียนร้องเพลง เรียนโยคะ

- ไปเดินตลาดต้นไม้ หาต้นไม้มาปลูกที่บ้าน เพื่อสร้างความสดชื่น

- เขียนบันทึก หรือเขียนบล็อกของตัวเอง ระบายความในใจ

- ไปเยี่ยมคนชราหรือเด็กกำพร้าที่สถานสงเคราะห์ สมัครเป็นอาสาสมัครในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม เช่น ไปอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง ไปเก็บขยะที่ชายหาด เราจะได้รู้สึกว่าชีวิตเรามีค่าขึ้น

ความรู้สึก “เบื่อ” เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราสามารถจัดการกับมันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ปรับสภาพแวดล้อม เปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเราเอง ด้วยการก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสวงหาประสบการณ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้เราสดชื่นและหายเบื่อได้ อย่าบ่อยให้ความเบื่อครอบงำเรานานเกินไป เพราะมันไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับชีวิตเรา มีแต่จะสร้างความเสียหายทั้งนั้น

ถึงเวลาทิ้งความเบื่อของคุณแล้วรึยัง!


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 สิงหาคม 2014, 16:16:24
วันนี้เป็นวันพระ....

สงบกาย วาจา ใจ ให้ทาน รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา ปิดปาก ปิดวาจา รักษาธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 สิงหาคม 2014, 03:44:48
 Cr.มูลนิธิเพื่อแผ่นดิน (Puea Pandin Foundation)
.มีเมตตากว้างขวาง...

..คนเรานั้น ต้องเป็นผู้ที่มีเมตตา กรุณากว้างขวางนะ กว้างขวางไม่ใช่เฉพาะในบรรดามนุษย์เท่านั้น ก็ต้องมีเมตตาสงสารตลอดจนถึงพวกสัตว์ ที่เกิดขึ้นมาในพื้นปฐพีของเราทั้งหมด ทำจิตให้กว้างขวาง ไม่อยากให้มีกรรมมีเวรมีภัย ต่อเนื่องไป หลายภพหลายชาติ..

..หลวงปู่ศรี มหาวีโร..
เครดิต วัดป่ากุง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 สิงหาคม 2014, 22:01:00
“กฎแห่งกรรม”

วาระนี้อยากพูดถึง “กฎแห่งกรรม” ซึ่งมีอยู่จริงเป็นกฎของเหตุและผล เหตุที่ได้กระทำไปนำมาคือผล กรรมดีเรียกว่ากุศลกรรมเป็นบุญ,กรรมชั่วคืออกุศลกรรมเป็นบาป ดีชั่วพวกเราทำมาทั้งนั้น

ศาสนาสอนว่ากรรมดีล้างกรรมชั่วไม่ได้ ทำดีได้ผลดีไปทำชั่วก็รับผลชั่วไม่สามารถนำมาหักกลบลบหนี้ อาจช่วยบ้างก็ด้านจิตใจเพราะการทำดีเป็นความสุข

พฤติกรรมของผมเองยืนยันได้กฎแห่งกรรมมีจริงส่งผลในชาตินี้มิต้องรอไกลถึงชาติหน้า

กรรมดังกล่าวสร้างไว้ตอนเป็นเด็ก เด็กๆต่างจังหวัดเล่นคึกคะนองแบบแรงๆโดยไม่รู้คิด หนึ่งในนั้นได้แก่การจับตุ๊กแกมาโยนใส่กองไฟ หน้าหนาวครั้งกระโน้นหนาวจริงชาวบ้านเขาตื่นเช้ามาก่อไฟผิงสู้อากาศหนาวก่อนทำกิจวัตรแต่ละวัน เด็กๆก็ตื่นด้วยโดยมีเรื่องเล่ามากมายรอบกองไฟ

พอสายๆผู้ใหญ่ไปกันหมดแต่ไฟยังไม่มอดก็ตอนนี้แหละใจบาปมันออกฤทธิ์สุมหัวกับเพื่อนๆจับตุ๊กแกมาปิ้งสดๆ มองดูเท้ามันหงิกงอเพราะความร้อนอย่างมันในอารมณ์

อีกอย่างคือจับแมลงปอมาเอาดอกหญ้าก้านยาวเสียบก้นแล้วปล่อยมันบินไปพร้อมก้านดอกหญ้า เป็นที่สนุกสนานและพิเรนทร์ยิ่งนัก

กรรมมาเร็วครับ ชาติหน้าช้าไป...

ผมเป็นโรคเกาต์ ยูริกในเลือดสูงสะสมนานเข้าก็เกิดเกลือโมโนโซเดียมเกาะตามข้อและใบหู เป็นมากสุดคือข้อตรงนิ้วหัวแม่เท้าเวลามันอักเสบจะบวมแดงร้อนและปวดอย่าบอกใคร เหมือนมีเข็มแหลมสักหมื่นอันอยู่ในข้อคำพูดที่ว่าแค่ลมพัดผ่านก็ปวดสะท้านขอยืนยันเป็นเรื่องจริง

ถูกเกาต์มันโจมตีนับสิบครั้งโดยบางครั้งอยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ ตอนที่มันอาละวาดใส่รองเท้าไม่ได้เลย แม้ทรมานน้อยกว่าตุ๊กแกเยอะก็ถือว่ากรรมตามสนอง

กรรมเอาดอกหญ้าเสียบก้นแมลงปอก็เอาคืนด้วยการเป็นฝีคัณฑสูตรหรือFistula กรณีของผมหมอบอกซับซ้อนกว่าทั่วไป สถิติบอกว่าคนไทยแสนคนป่วยโรคนี้ 9 คนโดยผมเป็น 1 ในนั้น

ฝีคัณฑสูตรเป็นอาการด้านในของทวารหนักเกิดเป็นรูในเส้นทางเชื่อมต่อผิวหนังด้านนอกตรงแก้มก้น คลำดูรู้สึกเป็นลำเป็นท่อชัดเจน รูตรงนั้นรั่วมีน้ำเหลืองน้ำหนองเยิ้มเกิดรอบทวารหนัก ปวดน่ะไม่เท่าไหร่แต่ดูแลด้วยความยากลำบากบ่อยครั้งต้องใส่ซับในแบบผู้หญิงไว้ซับหนอง

สุดท้ายต้องผ่าตัดโดยหมอคว้านเอาท่อออกเกิดรอยแผลขนาดใหญ่ หลายเดือนครับกว่าแผลจะสมานดังเดิม ชีวิตช่วงนั้นลุกนั่งต้องปรับเยอะโดยหมอผู้ผ่าก็ไม่ยืนยันมันจะไม่กลับมาอีก

นั่นเป็นส่วนหนึ่งของการชดใช้บาป หากมีกรรมชั่วทำไว้ให้ชดใช้อีกผมก็พร้อมรับโดยไม่ปริปากบ่น เพียงสอนตัวเองทีหลังอย่าทำอีก เราเตือนคุณแล้ว!.

แมงเม่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 สิงหาคม 2014, 20:19:28
การบำรุงดูแลบิดา-มารดาด้วยความเคารพรักเอาใจใส่เป็นอย่างดี ย่อมเป็นมงคลแห่งชีวิตที่มนุษย์ทุกคนพึงกระทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 สิงหาคม 2014, 16:32:46
พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)

“คำสอนทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นั้น
เป็นเพียงอุบายให้คนทั้งหลายหันมาดูจิตนั่นเอง
คำสอนของพระพุทธองค์มีมากมายก็เพราะกิเลสมีมากมาย
แต่ทางที่ดับทุกข์ได้มีทางเดียว คือ พระนิพพาน
การที่เรามีโอกาสปฏิบัติธรรมที่ถูกทางเช่นนี้มีน้อยนัก
หากปล่อยโอกาสให้ผ่านไป
เราจะหมดโอกาสพ้นทุกข์ได้ทันในชาตินี้
แล้วจะต้องหลงอยู่ในความเห็นผิดอีกนานแสนนาน
เพื่อจะพบธรรมอันเดียวกันนี้
ดังนั้น เมื่อเราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว
รีบปฏิบัติให้หลุดพ้นเสีย มิฉะนั้นจะเสียโอกาสอันดีนี้ไป
เพราะว่าเมื่อสัจธรรมถูกลืม
ความมืดมนย่อมครอบงำปวงสัตว์ให้อยู่ในกองทุกข์สิ้นกาลนาน.”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 สิงหาคม 2014, 16:27:26
ให้ภาวนา อย่ามัวแต่ง่วงนอน
นอนกันไม่รู้กี่ชาติแล้วไม่รู้จักอิ่มสักที
มัวแต่เป็นผู้ประมาท ไม่รู้จักรักษามนุษย์สมบัติเอาไว้
ระวังจะเหลือไม่เท่าเก่า

ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 สิงหาคม 2014, 06:58:34
อย่าได้คาดหวังใดๆ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 สิงหาคม 2014, 16:29:36
พระพุทธองค์ตรัสถึงกฎแห่งกรรมว่า

อดีตชาติได้แต่ประกอบแต่กรรมดี
จึงได้เกิดมามียศสูงศักดิ์และร่ำรวยในโภคทรัพย์ ผู้ใดบำเพ็ญธรรมมาตลอดจะได้บุญวาสนาไปทุกภพทุกชาติ มนุษย์จงฟังให้ดี
ฟังตถาคตกล่าวผลกรรมของไตรภพผลกรรมของไตรภพเป็นเรื่องใหญ่

จงอย่าดูหมิ่นพุทธพจน์ จงฟังผลกรรมดังต่อไปนี้

*ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใด
ชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูป

*สิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้
ถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์

*ทองคำสร้างองค์ดั่งสร้างตนเอง
เครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประดับกาย

*ดังนั้นอย่าคิดว่าขุนนางนั้นเป็นง่าย
หากไม่ได้สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ ไฉนเลยจะได้รับ

*มีรถนั่งมีเรื่อขี่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน

*มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน

*มีอาหารอิ่มสมบูรณ์เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน

*ที่ไม่มีจะกินจะใส่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย

*มีตึกรามบ้านบ้านช่องเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้

*มีบุญมีวาสนาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา

*มีหน้าตามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปดอกไม้เครื่องหอม

*มีปัญญา มีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพระพุทธเจ้า

*มีภรรยาดีมีมรรยาทพร้อมเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนได้สร้างสมบุญกุศลมาร่วมกัน

*สามีภรรยามีอายุยืนยาวเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนได้แต่งริ้วธงประดับหน้าพระพุทธรูป

*มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า

*ไม่มีพ่อแม่เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา

*เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น

*ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกชาวบ้าน

*ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต

*ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

*ชาตินี้ไม่มีภรรยาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบผิดประเวณี ข่มขืนลูกเมียเขา

*ชาตินี้เป็นม่ายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบดูหมิ่นดูแคลนสามี

*ชาตินี้เป็นทาสเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนไม่รู้จักบุญคุณผู้อื่น

*ชาตินี้มีตาดีเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนซื้อน้ำมันเติมตะเกียงบูชาพระ

*ชาตินี้ตาบอดเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบอ่านหนังสือลามก

*ชาตินี้ปากแหว่งเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนกล่าวร้ายใส่ความผู้อื่น

*ชาตินี้หูหนวกเป็นใบ้เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนปากร้ายด่าว่าพ่อแม่

*ชาตินี้หลังค่อมเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนหัวเราะคนที่ไหว้พระ

*ชาตินี้มืองอแขนคดเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเคยตีพ่อแม่

*ชาตินี้ขาเป๋ตีนเป๋เพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนทำลายถนนและสะพาน

*ชาตินี้เป็นวัวเป็นควายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเป็นหนี้เขาแล้วไม่ใช้คืน

*ชาตินี้เป็นหมูเป็นหมาเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนมีใจคิดหลอกลวงเขา

*ชาตินี้มีสุขภาพแข็งแรงเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนบริจาคยารักษาโรค

*ชาตินี้ติดคุกติดตะรางเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเห็นคนตกทุกข์ได้ยากแล้วไม่ช่วยเหลือ

*ชาตินี้อดอาหารตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนหัวเราะขอทาน

*ชาตินี้ต้องถูกเขาเบื่อยาตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนเบื่อปลาในคลอง

*ชาตินี่โดดเดี่ยวทุกข์ทรมานเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนใจบาปคิดแต่จะทำร้ายผู้อื่น

*ชาตินี้แคระแกรนเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนชอบเหยียดหยาบดูแคลนคนรับใช้

*ชาตินี้อาเจียนเป็นโลหิตเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนปลุกปั้นยุแหย่คนอื่นให้แตกแยกกัน

*ชาตินี้ถูกฟ้าผ่าตายเพราะอะไร
เพราะชาติก่อนพูดจาเสียดสีผู้ออกบวช

*ชาตินี้ถูกสัตว์ร้ายกัดตายเพราะเหตุใด
เพราะชาติก่อนก่อศัตรูคู่อาฆาต

*สรรพกรรมที่ก่อไว้กรรมตามสนอง
ต้องตกนรกทุกข์ทรมานจะโทษใครเล่า
อย่าพูดว่ากฏแห่งกรรมไม่มีใครเห็น
กรรมสนองเร็วก็ตกที่ตัวเอง กรรมสนองช้าก็ตกที่ลูกหลาน

*ถ้าไม่ศรัทธาในพระรัตนตรัย ไม่รีบทำทาน
ก็จงดูบุคคลที่มีบุญวาสนาสิเพราะเขาทำบุญไว้แต่ชาติก่อน ชาตินี้บุญจึงตอบสนอง
แม้ปัจจุบันสั่งสมบุญกุศล บุญนั้นก็จะคุ้มครองถึงบุตรหลาน

*หากใครกล่าวร้ายเรื่องกฎแห่งกรรม
ชาติหน้าก็ไม่ได้เกิดเป็นคนอีก(เกิดอยู่ในอบายภูมิ)

*หากเชื่อถือยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ความเจริญมั่งมีศรีสุข ก็จะมาเยือนถึงบ้าน

*หากใครค่อยแนะนำเผยแพร่เรื่องกฎแห่งกรรม
ก็จะเจริญยิ่งๆขึ้นชั่วลูกชั่วหลาน

*หากใครยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ฆาตเคราะห์ภัยพิบัติจะอยู่ห่างไกลตัว

*หากใครเที่ยวบรรยายเรื่องกฎแห่งกรรม
ทุกๆชาติจะเป็นผู้มีปัญญาเลิศ

*หากใครหมั่นสวดมนต์ในเรื่องกฎแห่งกรรม
ชาติหน้าไปถึงไหนถึงไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตา

*หากใครพิมพ์หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรมแจก
ชาติหน้าก็จะมีกายมงคลรุ่งโรจน์

*หากใครถามเรื่องกฎแห่งกรรมเมื่อชาติก่อน
ควรศึกษาเรื่องราวของพระกัสสปพระพุทธเจ้าที่มีรัศมีแวววาว

*หากถามเหตุผลของชาติหน้า
ก็ให้ดูพวกที่กล่าวร้ายพระธรรมในเมืองนรก

*หากใครก็ตามยึดมั่นในกฎแห่งกรรม
ก็จะได้ไปเกิดในสุขาวดีแดนพุทธเกษตร

*เรื่องกฎแห่งกรรมในสามโลกนี้พูดกันไม่จบ
สวรรค์ไม่เคยขาดคนจิตกุศลในพระรัตนตรัยเป็นแก้ววิเศษ
รู้จักสละบ้างผลได้รับเหลือคณานับเหมือนดั่งสะสมอริยทรัพย์ไว้ในเซฟที่มั่นคง จะได้รับผลประโยชน์ทุกๆชาติไป

*หากถามเรื่องชาติปางก่อน
ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบัน

*หากจะถามเรื่องชาติหน้า
ก็ให้ดูในสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน

คัดลอกมาจาก ธรรมจักรดอทเน็ต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กันยายน 2014, 16:34:31
พรุ่งนี้เป็น“วันพระ”

ขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนทุกๆท่านทำบุญตักบาตร ลดละบาป บำเพ็ญบุญ ดำรงตนอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา ปิดปาก ปิดวาจา รักษาธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กันยายน 2014, 16:21:55
ที่สุดแห่งความโกรธระงับด้วย “ความเมตตา”
ที่สุดของการสิ้นกิเลสตัณหา คือ “การปล่อยวาง”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Ceramiclover ที่ 02 กันยายน 2014, 22:59:52
ลงชื่อไว้ก่อน มาไล่อ่านทีหลังครับ ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กันยายน 2014, 16:13:59
ทำงานเพื่อเงินนั้น ต้องรอจนกว่าจะได้เงิน จึงจะรู้สึกพอใจ ถ้าทำงานเพื่องาน พอลงมือทำ ก็พอใจและเป็นสุขทันที แล้วเงินก็ไม่ไปไหนเสีย

ท่านพุทธทาสภิกขุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กันยายน 2014, 03:13:40
สุขเหนือสุขคือการแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กันยายน 2014, 03:35:48
คติธรรมคำสอนของ..... ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส

"คนเราเมื่อมีลาภ ก็มีเสื่อมลาภ เมื่อมียศก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีสุขก็มีทุกข์ เมื่อมีสรรเสริญ ก็มีนินทา เป็นของคู่กันมาเช่นนี้ จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์ ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดา ยังมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน ปุถุชนอย่างเราจะรอดพ้นจากโลกธรรมดังกล่าวแล้วไม่ได้ ต้องคิดเสียว่าเขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนที่เราจะทำอะไร เราคิดแล้วว่า ไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราและคนอื่น เราจึงทำ เขาจะนินทาว่าใส่ร้ายอย่างไรก็ช่างเขา บุญเราทำ กรรมเราไม่สร้าง พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวล กลัวใครติเตียนทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่าๆ”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pkom ที่ 07 กันยายน 2014, 18:38:23
หนังสือของ สมเด็จท่านมีประโยชน์และอ่านง่ายครับ ผมมีตอนไปงานวัดลอยฟ้า ได้มา 5 เล่ม จิตตนครเป็นเล่มที่พูดถึง ทุกข์-การดับทุกข์ (อ่านยากเหมือนกัน) แต่ดีครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กันยายน 2014, 04:26:51
ท่านพุทธทาสภิกขุ

ชีวิตที่ดีที่สุดคือ....
สงบ เย็น และเป็นประโยชน์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กันยายน 2014, 04:47:13
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ

มีศีล ๕ ให้บริสุทธิ์
ก็เป็นมนุษย์สุดประเสริฐที่สุดแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กันยายน 2014, 16:35:46
"ถ้าคุณเห็นใครทำอะไรไม่ถูก ให้กองเอาไว้ตรงนั้น เรามีหน้าที่แค่ช่วยยกกำลังใจของเขาไม่ให้ตก ไม่ให้ออกนอกทางเท่านั้น นอกนั้นเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา ถ้าปล่อยวางได้ ก็จะไม่เสียกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรรมของเรา"

พระอาจารย์เล็ก ณ บ้านสุมโน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กันยายน 2014, 16:25:00
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

“บุญนั้นหมั่นทำไว้ ปฏิบัติไว้
คนไหนที่เขาว่าทำได้ดี
ได้เห็นอะไร ก็ตามโมทนาไปเลย
ไม่มีเสียมีแต่ได้ อย่าไปขัดเขา”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กันยายน 2014, 16:13:30
แบ่งปัน...
วาทะ...ดั ง ต ฤ ณ

• ความรัก คือการก่อกรรม •

ความรักชักนำให้คิดดีกับใคร
ก็ได้ชื่อว่า ทำบุญกับคนนั้น
ความรักชักนำให้จ้องเอาเปรียบใคร
ก็ได้ชื่อว่าทำบาป กับคนนั้น

ความรัก คือการก่อกรรม
เมื่อมองความรัก
เป็นเรื่องของกรรม
และการรับผลของกรรม

คุณจะเห็นโลกแห่งความรักต่างไปจนสิ้น
ถ้าไม่สร้างเหตุแห่งรัก
ด้วยความเพ้อฝัน
ก็ย่อมได้รับผลแห่งรัก
ด้วยความเป็นจริง

คือสร้างเหตุไว้อย่างไร
ก็รับผลไปอย่างนั้น

• ก่อกรรมร้าย ใจก็ร้ายเกินจะรักไหว
ก่อกรรมดี ใจก็ดีพอจะรักได้

ความรักแบบหญิงชาย
อาจเป็นเรื่องของกรรมเก่าจับคู่ให้
แต่ความรักแบบเพื่อนร่วมทุกข์
เพื่อนที่คิดเผื่อแผ่แก่กัน
เป็นเรื่องของกรรมใหม่
ที่ต้องฝึกสร้างเอง
และรับผลเอง ทันตาในชาตินี้

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

บทความบางส่วนจากหนังสือ : ใจใหม่
ผู้เขียน : ดังตฤณ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กันยายน 2014, 15:32:44
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี

คำวิพากษ์วิจารณ์อันแสลงหู
หากเรารู้จักฟังอย่างพินิจพิจารณา
บางทีมันอาจกลายเป็นที่มาของการชี้บอกขุมทรัพย์อันประเสริฐ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กันยายน 2014, 16:01:38
อย่าคาดหวังให้ใครๆมาเข้าใจในตัวของเราเลย เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกใบนี้นั้น ล้วนแต่ไม่เข้าใจตนเองทั้งนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กันยายน 2014, 15:51:05
ธรรมะหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

คนมากมีปัญหามาก คนน้อยมีปัญหาน้อย คนมีแต่ปัญหาทั้งนั้น สร้างปัญหาให้เราตลอดรายการ อย่าท้อแท้ใจ อย่าหดหู่ใจ อย่าเหี่ยวแห้งใจ ต้องสู้ต่อไป บริวารมาเพราะน้ำใจดี บริวารหนีเพราะน้ำใจลด บริวารหมดเพราะน้ำใจแห้ง บริวารกลั่นแกล้งเพราะผู้บังคับบัญชาไม่ยุติธรรม ตำรานี้ได้จากกรรมฐานทั้งนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กันยายน 2014, 19:13:11
ย่าตำหนิกรรมของผู้อื่น

"ถ้าจิตยังละการตำหนิกรรมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมโนกรรมหรือวจีกรรม ก็เท่ากับสร้างผลกรรมให้ต่อเนื่องกันไป ในการตำหนิกรรมไม่รู้จักสิ้นสุด ในเมื่อโลกนี้มันเป็นวัฏจักรอยู่อย่างนี้ ผิดถูกในโลกนี้ไม่มี มันมีแต่กรรมล้วนๆ”

"ในเมื่อเจ้าทั้งสองตำหนิกรรมอย่างนี้แล้ว พอไปชาติหน้าก็ประสบมาเป็นคน จากคนที่เป็นปลาก็ต้องมาตำหนิกรรมอีก เมื่อมัวแต่ตำหนิธรรมหรือกรรมของผู้อื่น อันสืบเนื่องเป็นสันตติประดุจกงกำกงเกวียน หมุนเวียนต่อเนื่องกันไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วพวกเจ้าจะเอาชาติไหนมาตัดสินว่าใครผิด-ใครถูก โลกทั้งโลกมันเป็นอยู่อย่างนี้ เพราะกิเลส-ตัณหา-อุปาทาน-อกุศลกรรมเป็นเหตุ ทำให้จิตของคนกระทำกรรมให้เกิดแก่มโน-วจีและกายได้อยู่เป็นอาจิณ”

"เจ้าต้องการพ้นกรรม ก็จงหมั่นปล่อยวาง มองเห็นเหตุแห่งกรรม อะไรจักเกิดก็ต้องคิดว่า กรรมใครกรรมมัน รู้สันตติของกฎแห่งกรรมว่ามันเป็นอย่างนี้ ถ้าเขาไม่ทำกรรมกันมาก่อน กรรมนี้ก็จักไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นมาได้ ตถาคตจึงได้ตรัสยืนยันว่า กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ เมื่อเรารู้เหตุก็จงดับที่เหตุแห่งกรรมนั้น จงอย่ามองว่าใครผิดใครถูก กรรมถ้าไม่ใช่เขาก่อขึ้นเอง มันก็เกิดขึ้นไม่ได้เองหรอก”

"เมื่อพวกเจ้าเข้าใจดีแล้ว ก็จงหมั่นทำจิตให้พ้นจากการตำหนิธรรมเถิด ค่อยๆวางค่อยๆทำ กายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม ก็จะละเอียดขึ้นตามลำดับ กำหนดจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในวิมุติธรรม ทำอารมณ์สังขารุเบกขาญาณ ยอมรับนับถือกฎของกรรมให้เกิดขึ้นในจิต ทำบ่อยๆเข้ามรรคผลก็จะปรากฏขึ้นเอง อย่าละความเพียรเสีย กระทบเท่าไหร่-เมื่อไหร่-ที่ไหนก็ต้องรู้ อย่าตำหนิธรรมให้เกิดขึ้นกับจิต เห็นกรรมที่เป็นสภาวะอย่างนี้อยู่ให้ชัดเจนอยู่ตลอดเวลาอยู่กับจิต ผู้ไม่รู้ย่อมกอปรกรรมให้เกิดด้วยจิตอุปาทานในกรรมนั้น ๆ กรรมใครกรรมมัน พวกเจ้าอย่าไปเกาะยึดเอากรรมนั้นๆมาตำหนิดีเลว เพราะเท่ากับว่ามีอุปาทานเห็นกรรมนั้น ๆ ว่าดี-เลว เมื่อจิตมีอุปาทานตำหนิดี-เลวจนเป็นมโนกรรม แล้วยับยั้งไม่อยู่ ก็ออกปากตำหนิดี-เลว จนเป็นวจีกรรมอีก”

"ถ้าบุคคลไม่รู้อุปาทานนี้ ทำกรรมโดยลงแพไปต่อว่าต่อขานคนที่จับปลาเข้า ถ้ายังอารมณ์ปฏิฆะให้เกิด ก็จะทะเลาะกัน ดีไม่ดีก็จักทำร้ายร่างกายกัน จนเป็นกายกรรมสืบเนื่องต่อกันไปได้ ดังมีตัวอย่างมามากมาย คนอื่นเขาทะเลาะกัน สร้างกรรมกัน คนนอกเข้าไปสอดแทรก เป็นกรรมการห้ามปราม คู่กรณีไม่ยอมฟังเกิดอารมณ์โทสะขึ้นหน้า ลงมือทำร้ายกรรมการเสียจนตายไปด้วยความหมั่นไส้ เพราะฉะนั้น เมื่อพวกเจ้าปรารถนามรรคผลนิพพาน ก็ไม่ควรต่อกรรมกันไปอีก ยุติการตำหนิกรรมลงเสียให้ได้ ไม่ว่าจักเป็นกายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม ก็ต้องยุติลง ใช้ศีล-สมาธิ-ปัญญาอันเกิดแก่จิต พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงในสันตติวงล้อวัฏจักรกรรมว่ามันเป็นอยู่อย่างนี้เอง พยายามทำจิตให้ยอมรับกฎของกรรมโทษของกรรมไม่ว่าดีหรือเลวนั้นไม่มี เห็นแต่กงกำกงเกวียนหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด จงยอมรับกฎของกรรมซึ่งยุติธรรมที่สุด ใครทำใครได้ อย่าไปมีหุ้นส่วนกรรมกับใครๆเขาโดยการตำหนิกรรมเป็นอันขาด จำไว้นะ ”

คติธรรมคำสอน...สมเด็จองค์ปฐม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กันยายน 2014, 16:22:26
จงอย่ามองโลกสวยงามเกินความเป็นจริงเลย เพราะโลกใบนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างหลากหลายที่มีความแตกต่างกันมากมาย มนุษย์แต่ละคนก็มีแหล่งกำเนิดหรือสิ่งแวดล้อมหรือเพศหรือการศึกษาหรือทัศนคติหรือการอบรมเลี้ยงดูหรือเศรษฐานะหรือเชื้อชาติหรือเผ่าพันธ์ุหรือศาสนาหรือความเชื่อหรือทัศนคติหรือวัฒนธรรมประเพณีที่ถูกหล่อหลอมมาไม่เหมือนกัน ไม่มีใครเหมือนใครหรือสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงใครๆได้ นอกจากการเปลี่ยนแปลงตนเองให้ยอมรับความจริงดังกล่าวข้างต้น หากทำได้เราจะสามารถดำรงตนหรือมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างปกติสงบและเข้าใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กันยายน 2014, 16:18:48
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ
สูงหรือต่ำอยู่ที่ทำตัว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กันยายน 2014, 15:34:50
คติธรรมคำสอน....ท่านหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ

" กฎของธรรมะนี่ ห้ามทำบาป
ทำบาปแล้วให้ผลกับเรา เป็นทุกข์ทันที "

Cr.ประชาสัมพันธ์ วัดสังฆทาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กันยายน 2014, 16:24:06
ต้องการมีความสงบสุขในชีวิตทำได้ง่ายๆสั้นคือ
“ปล่อยวาง” วางไม่ลง ปลงไม่ได้ “ตายทั้งเป็น”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กันยายน 2014, 16:30:04
คำสอน.....หลวงพ่อชา สุภัทโท

"เราคิดดูซิว่าถ้าคนทุกคนต้องพูดให้ถูกใจฉัน คนทุกคนต้องทำให้ถูกใจฉัน ฉันจึงจะสงบ ฉันจึงจะสบาย คนทั้งโลกจะให้เขามาพูดถูกใจเรามีไหม จะมาทำถูกใจเราทุกคนมีไหม ไม่มี เมื่อไม่มี เราก็เป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่มีการปล่อยวาง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กันยายน 2014, 03:44:26
"ไม่มีใครเอาอะไรในโลกนี้ไปได้หรอก"
"ทุกคนเกิดมาเท่ากันหมด คือเกิดและตายเท่ากัน"

คำสอน...ท่านหลวงตาม้า วิริยะธโร วัดถ้ำเมืองนะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กันยายน 2014, 15:52:17
การมีมิตรแท้หมื่นคนก็ยังน้อยไป แต่การมีศัตรูแม้เพียงหนึ่งคนนั้นก็มากไป การไม่ทะเลาะกับใครๆเลยนั้น ย่อมสบายใจเป็นที่สุด....
วิธีชนะมิตรและจูงใจคน ของ เดล คาร์เนกี

เทคนิคสำคัญในการปฏิบัติต่อผู้อื่น

บทที่ 1 การตำหนิติเตียน

- 99 ครั้งใน 100 ครั้งแห่งความผิดของมนุษย์ เขาจะไม่ตำหนิติเตียนตนเองแต่อย่างใด แม้ความผิดพลาดนั้นจะ ร้ายแรงสักขนาดไหนก็ตาม

- การตำหนิติเตียน เป็นสิ่งไร้ประโยชน์ เพราะจำต้องทำให้ผู้ถูกติเตียนแก้ตัวต่างๆ และพยายามที่จะเข้าข้างตนเอง การตำหนิติเตียนเป็นภัย เพราะมันสามารถทำให้จิตใจอันภาคภูมิของมนุษย์ได้รับความปวดร้าว ทำลายความรู้สึกแห่งการเป็นคนมีความสำคัญ และก่อให้เกิดโทสะ

- ก่อนที่จะตำหนิติเตียนผู้อื่น แก้ไขวิพากวิจารณ์ผู้อื่น จงแก้ไขตัวของเราเองให้เรียบร้อยเสียก่อน

- ในการติดต่อกับบุคคลทั่วๆไป เราจงจำไว้เสมอว่าเรามิได้ติดต่อกับบุคคลที่เพียบพร้อมด้วยเหตุผล แต่เราติดต่อกับบุคคลซึ่งเต็มไปด้วยความ ผันแปรแห่งอารมณ์ และห้อมล้อมอยู่ด้วยอคติ และจิตใจคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลาด้วยความหยิ่งทะนะ และทิฐิ

- "ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวร้ายต่อผู้ใด จะกล่าวเฉพาะแต่ความดีเท่าที่ข้าพเจ้ารู้ของมนุษย์ทุกคน"

- ควบคุมตนเอง-เข้าใจผู้อื่น-ยินดีให้อภัย ค้นหาความจริงว่าทำไมเขาจึงได้กระทำลงไปอย่างที่เขาได้กระทำ การเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง คือ การให้อภัยทุกสิ่งทุกอย่าง

- ทำไม? เราจึงจะด่วนตัดสินผู้อื่นเร็วจนเกินไปเล่า

บทที่ 2 เคล็ดลับที่ยิ่งใหญ่ในการติดต่อกับผู้อื่น

- มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้ใครต่อใครทำทุกสิ่งทุกอย่าง ท่านเคยหยุดคิดเรื่องนี้บ้างไหม? ถูกแล้ว มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น และนั่นคือ การทำให้บุคคลผู้นั้น "ต้องการ" ที่จะทำ โปรดจำไว้ ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว

- มีอยู่ไม่กี่อย่างที่เรามนุษย์ธรรมดา มีความกระหายอยากได้ด้วยหัวใจที่จดจ่อ นั่นคือ มีสุขภาพสมบูรณ์อายุยืน อาหาร นอนหลับ เงินและ สิ่งซึ่งจะซื้อได้ ความสุขในอนาคต ความเกษมสำราญในกามรมณ์ ลูกได้รับความสุขสวัสดี และความรู้สึกเป็นคนสำคัญ

- ความปรารถนาเพื่อจะเกิดความรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ เป็นสิ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างมนุษย์ กับสัตว์เดียรัจฉาน

- วิธีที่จะส่งวเสริมให้เขาเหล่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นผู้ร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา ให้เขามีความขยันหมั่นเพียรอย่างสูงสุด ก็คือ การยกย่องสรรเสริญและให้กำลังใจ

- ไม่มีสิ่งใดจะทำลายความทะเยอทะยานของผู้น้อย ยิ่งไปกว่าการตำหนิติเตียนจากหัวหน้า

- การยกย่องทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ส่วนการเยินยอทำด้วยความไม่สุจริตใจ อย่างหนึ่งออกมาจากหัวใจ อีกอย่างหนึ่งออกมาจากไรฟัน อย่างหนึ่งปราศจากการเห็นแก่ตัว อีกอย่างหนึ่งเต็มด้วยการเห็นแก่ตัว อย่างหนึ่งให้โทษมหันต์

- เลิกคิดถึงความคิดวิเศษวิโสของเรา ความต้องการโน่นนี่ของเรา เราจงมาคิดถึงความดีประการต่างๆของผู้อื่นบ้าง แต่อย่าได้ใช้คำเยินยอ ในการชมเชยเป็นอันขาด หากจงใช้ คำยกย่องสรรเสริญด้วยความจริงใจและสุจริต คำพูดของท่านจะฝังอยู่ในความทรงจำและเป็นสมบัติ อันล้ำค่าแก่อีกฝ่ายหนึ่งนานเท่านานจนตลอดชีวิต จะดำรงอยู่ให้เขาระลึกถึงมันเสมอเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าท่านเองอาจจะลืมเสียสิ้นแล้ว

บทที่ 3 จงปลุกความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งให้เกิดความต้องการอย่างแรงกล้า

- การชักจูงความประพฤติของมนุษย์ สิ่งแรก จงปลุกความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งให้เกิดความต้องการอย่างแรงกล้า ผู้ที่สามารถทำได้เช่นนี้ โลกทั้งโลกอยู่ข้างเขา ผู้ที่ทำไม่ได้ จะเดินไปตามหนทางอันอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว

- วันพรุ่งนี้ ท่านอาจจะต้องการให้ใครสักคนหนึ่งทำการบางอย่าง ก่อนท่านจะกล่าวคำพูดออกมา ท่านจงหยุด ถามตนเอง "ฉันจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะทำให้เขาต้องการทำตามที่ฉันชักจูง?" คำถามนี้จะช่วยให้เรายั้งคิดแทนการผลีผลามไปพูดกับใครๆ ถึงความต้องการของเรา โดยปราศจากผล

- "ถ้ามีเคล็ดลับอย่างใดอย่างหนึ่งส่งเสริมให้ไปสู่ความสำเร็จ เคล็ดลับอันนั้นก็คือความสามารถเข้าใจในแง่คิดเห็น ของอีกฝ่ายหนึ่ง และความสามารถมองสิ่งต่างๆในมุมของเขาได้ดีเท่าๆกับมุมของท่านเอง"

จงเข้าใจผู้อื่นดุจดังเข้าใจตนเองอยู่เสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กันยายน 2014, 16:12:04
คำสอนของ “พระอรหันต์จี้กง”

อ่านแล้วเก็บรักษา บุญรักษาเนืองนอง รู้แล้วบอกทั่วกัน บุญกุศลเรืองรอง

๑.ชีวิตย่อมเป็นไปตามลิขิต (ละชั่วทำดี)...วอนขออะไร

๒.วันนี้ไม่รู้เหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้...กลุ้มเรื่องอะไร

๓.ไม่เคารพพ่อแม่แต่เคารพพระพุทธองค์...เคารพทำไม

๔.พี่น้องคือผู้ที่เกิดตามกันมา...ทะเลาะกันทำไม

๕.ลูกหลานทุกคนล้วนมีบุญตามลิขิต...ห่วงใยทำไม

๖.ชีวิตย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จ...ร้อนใจทำไม

๗.ชีวิตใช่จะพบเห็นรอยยิ้มกันได้ง่าย...ทุกข์ใจทำไม

๘.ผ้าขาดปะแล้วกันหนาวได้...อวดโก้ทำไม

๙.อาหารผ่านลิ้นแล้วกลายเป็นอะไร...อร่อยไปไย

๑๐.ตายแล้วบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้...ขี้เหนียวทำไม

๑๑.ที่ดินคือสิ่งที่สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง...โกงกันทำไม

๑๒.โอกาสจะได้กลายเป็นเสีย...โลภมากทำไม

๑๓.สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศีรษะเพียง ๓ ฟุต...ข่มเหงกันทำไม

๑๔.ลาภยศเหมือนดอกไม้ที่บานอยู่ไม่นาน...หยิ่งผยองทำไม

๑๕.ทุกคนย่อมมีลาภยศตามวาสนาที่ลิขิต...อิจฉากันทำไม

๑๖.ชีวิตลำเค็ญเพราะชาติก่อนไม่บำเพ็ญ...แค้นใจทำไม (บำเพ็ญไวไว)

๑๗.นักเล่นการพนันล้วนตกต่ำ...เล่นการพนันทำไม

๑๘.ครองเรือนด้วยความประหยัด ดีกว่าไปขอพึ่งผู้อื่น...สุรุ่ยสุร่ายทำไม

๑๙.จองเวรจองกรรมเมื่อไรจะจบสิ้น...อาฆาตทำไม

๒๐.ชีวิตเหมือนเกมหมากรุก...คิดลึกทำไม

๒๑.ฉลาดมากเกินจึงเสียรู้...รู้มากทำไม

๒๒.พูดเท็จทอนบุญจนบุญหมด...โกหกทำไม

๒๓.ดีชั่วย่อมรู้กันทั่วไปในที่สุด...โต้เถียงกันทำไม

๒๔.ใครจะป้องกันมิให้มีเรื่องเกิดขึ้นได้ตลอด...หัวเราะเยาะกันทำไม

๒๕.ฮวงซุ้ยที่ดีอยู่ในจิต ไม่ใช่อยู่ที่ภูเขา...แสวงหาทำไม

๒๖.ข่มเหงผู้อื่นคือทุกข์ รู้ให้อภัยคือบุญ...ถามโหรเรื่องอะไร

๒๗.ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย...วุ่นวายทำไม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กันยายน 2014, 16:30:56
คติธรรมคำสอน...ท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)

คนเราทุกวันนี้ดีแต่ส่องกระจกด้านหน้าแต่เพียงด้านเดียว ให้เอากระจกหกด้านมาส่องเสียบ้าง แล้วจะเห็นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กันยายน 2014, 16:36:22
แบ่งปัน"ความรู้เรื่องสุขภาพ"

"เห็ดเพื่อสุขภาพ"

มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าผักถึง 40 เท่า มากด้วยโปรตีน ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ไทอามีน ไรโบฟลารีน ไนอาซีน และแร่ธาตุอื่นๆ เหมาะที่จะเป็นเมนูสุขภาพ คนโบราณเชื่อว่า หากกินแกงเห็ดรวมตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไป โดยเฉพาะเห็ดป่าจะเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ทั้งนี้เห็ดหลายชนิดกินได้ บางชนิดกินไม่ได้ ควรระมัดระวังเห็ดที่จะกินด้วย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กันยายน 2014, 01:59:24
ไม่มีอะไรที่น่ากลัวไปกว่านี้อีกแล้ว...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กันยายน 2014, 16:31:18
"อย่าไปคิดเรื่องนอกมากกว่าเรื่องกิเลสในใจของตัว
ให้ถือว่ากิเลสเป็นเวร เป็นภัย
เป็นศัตรูใหญ่สำหรับมรรคสำหรับผล"

หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ตุลาคม 2014, 16:26:30
ไม่ต้องไปวิตกกังวลในความดีความชั่วของใครๆ แต่จงใส่ใจในความดีหรือความชั่วของตนเองดีกว่า ใครทำดีหรือทำชั่วก็เรื่องของเขา อันตัวเรานั้นเป็นคนดีหรือยัง ถ้ายัง ให้รีบทำทันที วันคืนล่วงเลยไปทุกวัน พวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่ หมั่นสร้างสมความดีไว้ให้มากๆ เมื่อสิ้นลมหายใจ จะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ตุลาคม 2014, 20:16:24
ทำบุญเหมือนสร้างวิมาน
ทำบาปเหมือนสร้างคุก
ทำทั้งบุญทั้งบาป
เหมือนสร้างวิมานไว้เป็นคุก

Cr.ดังตฤณ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ตุลาคม 2014, 16:17:36
ตราบใดที่มนุษย์ยังทำตามความพอใจ เพื่อสนองกิเลสตัณหาแห่งตน ตราบนั้นมนุษย์ก็ย่อมเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎไม่มีวันสิ้นสุด ดับกิเลสตัณหาได้ ย่อมสิ้นทุกข์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 ตุลาคม 2014, 16:24:38
"การตัดกรรมก็คือหยุดทำความชั่ว ความบาป การตัดเวรก็คือหยุดการพยาบาทอาฆาตจองเวรซึ่งกันและกัน คือไม่แก้แค้นซึ่งกันและกัน รู้จักคำว่าให้อภัยซึ่งกันและกัน"

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ตุลาคม 2014, 16:33:14
คำสอน...สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

“การทำความดีนั้นต้องไม่มีพอ ต้องทำให้ยิ่งขึ้นอยู่เสมอ เพราะไม่มีใครอาจประมาณได้ว่าเมื่อใดจะตกไปในที่มืดมิดขนาดไหน”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 ตุลาคม 2014, 16:26:32
สิ่งที่ทำให้"มนุษย์"มีความสุข สงบและสบายใจ

๑.เป็นคนธรรมดาที่มีชีวิตที่เรียบง่ายพอเพียง
๒.มีครอบครัวที่อบอุ่นด้วยสายใยแห่งความรักและความเข้าใจต่อกัน
๓.มีหน้าที่การงานที่มั่นคงสุจริตด้วยสัมมาอาชีวะ
๔.มีศีลธรรมประจำใจและดำเนินชีวิตบนหลักศีลธรรมอันดีภายใต้กฎหมาย
๕.เข้าใจภาวะแห่งธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนต้องพานพบและทำใจยอมรับทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย"การปล่อยวาง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ตุลาคม 2014, 15:52:10
"ให้แก้ปัจจุบัน เมื่อแก้ปัจจุบันได้แล้ว ภพ ๓ นั้นหลุดหมด
ไม่ต้องส่งอดีตอนาคต
ให้ลบอารมณ์ภายนอกให้หมด จึงจะเข้าอารมณ์ภายในได้
เพ่งนอกเป็นตัวสมุทัย เป็นทุกข์ และเป็นตัวมิจฉาทิฐิ
เพ่งในเป็นตัวสัมมาทิฐิ เพ่งในตัวเป็นสัมมาทิฐิ"

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ~ก๋วยเจ๋ง~ ที่ 07 ตุลาคม 2014, 20:45:33
เยอะเลยยย เดียวมาอ่านครับ ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ตุลาคม 2014, 02:45:19
ธรรมะจากพระไตรปิฎก
พระพุทธพจน์

"ดูกรอานนท์"

"เวทนาแม้ที่เป็นสุขก็ดี แม้ที่เป็นทุกข์ก็ดี แม้ที่เป็นอทุกขมสุขก็ดี ล้วนไม่เที่ยง เป็นเพียงปัจจัยปรุงแต่งขึ้น มีความสิ้น ความเสื่อม ความคลาย และความดับไปเป็นธรรมดา"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ตุลาคม 2014, 03:01:11
ผู้ที่สร้างบาปก็เหมือนกับการดื่มยาพิษ
อย่างไรเสียย่อมได้รับโทษภัย
เพียงแต่ว่ายาพิษนั้นจะส่งผลเร็วหรือช้า

คติธรรมคำสอน...ท่านหลวงปู่ศรี มหาวีโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ตุลาคม 2014, 16:28:59
การบำรุงดูแลบิดา-มารดาด้วยความเคารพรักเอาใจใส่เป็นอย่างดี ย่อมเป็นมงคลแห่งชีวิตที่มนุษย์ทุกคนพึงกระทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ตุลาคม 2014, 16:28:17
การทำความดีนั้นเป็นปัจจัตตัง(ต้องทำด้วยตนเอง) หมั่นทำความดีด้วยการอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนาไว้ แล้วท่านจะพบกับสิ่งที่ดีๆแบบมหัศจรรย์แบบไม่คาดฝันเสมอ จริงหรือไม่ ท่านลองปฎิบัติดู


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ตุลาคม 2014, 16:34:04
พุทธศาสนสุภาษิต

บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่ แต่เป็นคนเลวเพราะการกระทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ตุลาคม 2014, 20:07:14
พุทธศาสนสุภาษิต

บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่ แต่เป็นคนเลวเพราะการกระทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ตุลาคม 2014, 19:57:56
พระพุทธดำรัส

จเช ธนํ องฺควรสฺส เหตุ องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน
องฺคํ ธนํ ชีวิตญฺจาปิ สพฺพํ จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต

พึงสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต เมื่อเล็งเห็นประโยชน์สูงสุด พึงสละทั้งอวัยวะ และชีวิต เพื่อรักษาธรรมไว้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ตุลาคม 2014, 16:29:29
เส้นบางๆที่ขวางกั้นอยู่ระหว่างการทำความดีกับการทำความชั่วนั้นก็คือ“ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป”นั่นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ตุลาคม 2014, 16:27:45
สัมมาทิฐิ แปลว่า ความเห็นถูกต้อง หมายถึงความเห็นที่ถูกคลองธรรม เห็นตามความเป็นจริงเป็นความเห็นที่เกิดจากโยนิโสมนสิการ ประกอบด้วยปัญญา ตามวัดส่วนใหญ่เขียนคำนี้ตามแบบภาษาบาลีว่า สัมมาทิฏฐิ

สัมมาทิฐิ ที่เป็นอริยมรรคมีองค์ 8 หมายถึง ความเห็นในอริยสัจ คือเห็นทุกข์ เห็นสมุทัย เห็นนิโรธ เห็นมรรค

สัมมาทิฐิ ที่เป็นมโนสุจริตหมายถึง ความเห็นถูกต้อง 10 อย่าง คือเห็นว่าการให้ทานมีผลจริง การบูชามีผลจริง การเคารพบูชามีผลจริง ผลวิบากของกรรมดีกรรมชั่วมีจริง คุณของมารดามีจริง คุณของบิดามีจริง พวกโอปปาติกะ (พวกเกิดทันทีเช่นเทวดา) มีจริง สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนบรรลุมรรคผลนิพพาน รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเองแล้วสอนให้ผู้รู้ตามด้วยมีจริง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ตุลาคม 2014, 16:28:02
“คนเราหลงกันอยู่ที่หนัง หนังเป็นเครื่องปกปิดสิ่งที่ไม่น่าดูเอาไว้ ถ้าถลกหนังออก อวัยวะทุกส่วนก็หาส่วนที่น่าดูไม่ได้เลย เน่าเปื่อย ผุพัง สลายไป ไม่มีส่วนไหนที่จะถือได้ว่าเป็นของมั่นคง”

คติธรรมคำสอน.....ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ตุลาคม 2014, 16:29:49
เมื่อใดก็ตามที่ท่านจิตตกหรือมีสิ่งไม่ดีหรือเลวร้ายเกิดขึ้นกับตัวท่าน จงแก้ไขตนเองด้วยการทำความดี หมั่นทำบุญตักบาตร รักษาศีล และสวดมนต์ภาวนาอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเราเป็นคนดีพร้อมทั้งกาย วาจา ใจ แล้วสิ่งดีๆจะมาหาเราอย่างแน่นอน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ตุลาคม 2014, 16:18:41
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ

มีศีล ๕ ให้บริสุทธิ์
ก็เป็นมนุษย์สุดประเสริฐที่สุดแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ตุลาคม 2014, 16:35:09
ทุกข์หรือสุข ย่อมเป็นธรรมดาของชาวโลกทุกคน ที่ต้องพานพบ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ตุลาคม 2014, 16:10:37
คติธรรมคำสอน.....ท่านหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ

"ถ้าเราเชื่อว่ากรรมนั้นมีจริงเราก็คงหายสงสัย คงยอมรับความจริงว่าเราทำมาแล้วก็จะต้องได้รับผล การเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเป็นโรคอะไรนี่ถือว่าเป็นวิบากกรรมที่มาส่งผลในปัจจุบัน แต่ถ้าเราพยายามให้ทาน รักษาศีล แผ่เมตตา มากขึ้นกรรมอันนี้ก็จะลดน้อยถอยลงไปจนถึงที่สุด เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าท่านชนะกรรม ถึงจะทุกข์ทรมานก็ไม่ทุกข์ทรมานเหมือนกับผู้อื่น เพราะพระองค์ใช้หนี้กรรมหมดแล้ว ด้วยการบำเพ็ญประพฤติปฏิบัติให้ทานรักษาศีล เจริญภาวนาเป็นอเนกอนันตชาติ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ตุลาคม 2014, 16:30:05
คติธรรมคำสอน...ท่านหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

อย่าไปพูดทำลายความหวังของใครเขา เพราะนั้นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่ ถ้าแกไปพูดเข้าเมื่อไหร่ กรรมใหญ่จะตกแก่ตนเอง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ตุลาคม 2014, 16:29:59
จงมีสติและหมั่นท่องไว้ในใจอยู่ตลอดเวลาว่า "เราจะเป็นคนดี ละเว้นจากความชั่วหรืออกุศลกรรมการทำบาปที่ผิดศีลธรรมทั้งปวง และเราจะดำรงตนอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา ให้ได้ตลอดไป" สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ตุลาคม 2014, 16:29:59
ก่อนเข้านอนคืนนี้และทุกๆคืน หมั่นทบทวนและพิจารณาความดีและความไม่ดีที่ตัวเราได้ทำในวันนี้และในทุกๆวัน สิ่งใดที่ดีงามก็ให้ทำต่อไป แต่สิ่งใดที่ไม่ดีก็ต้องพยายามขัดเกลาปรับปรุงแก้ไขตนเองให้เป็นคนดีอยู่ตลอดเวลา ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ บุญรักษาจ้า เพื่อนๆกัลยาณมิตรที่รักทุกๆท่าน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ตุลาคม 2014, 16:50:23
ผู้มีสัจจะวาจา ย่อมมีวาจาประกาศิต โกหกครั้งเดียวย่อมถูกสงสัยตลอดกาล อย่าทอนบุญด้วยการทุศีลหรือโกหก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ตุลาคม 2014, 16:32:02
Cr.คิดถูก ชีวิตเปลี่ยน
คนที่ขึ้นไปยืนอยู่บนยอดเขาได้สำเร็จ....นั่นเป็นเพราะ....เขาเอาชนะใจตนเองได้..มากกว่าคนอื่น...ๆ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ตุลาคม 2014, 16:25:04
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

"ให้ทานข้าวของ วัตถุภายนอก ก็เป็นบุญแต่ยังไม่ลึกซึ้ง ให้ทำบุญภายในใจให้เป็นบุญอยู่เสมอ ภาวนาพุทโธ นึกน้อมเอาคุณพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งอยู่ภายในนี่แหละบุญภายใน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ตุลาคม 2014, 16:35:02
ศีล ๕...

รักษาศีล ๕ อย่างไรให้บริสุทธิ์

หลาย ๆ ท่านคงคุ้นกับคำสอนในพระพุทธศาสนาที่ว่า ให้เพียรละความชั่ว เร่งทำความดี และหมั่นชำระจิตใจให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ ในการที่จะละความชั่ว สำหรับคฤหัสถ์ หรือผู้ครองเรือนได้นั้น ต้องพิจารณาความบริสุทธิ์ของศีล ๕ เป็นสำคัญ แต่จะทราบอย่างไรว่า ในการรักษาศีล ๕ ของเรานั้นบริสุทธิ์อย่างแท้จริง

ดังนั้น ในการรักษาศีล เราจึงควรศึกษาทำความเข้าใจในเรื่ององค์ประกอบของศีล ซึ่งเป็นหลักในการพิจารณาว่า ศีลขาดหรือไม่ โดยพิจารณาจากองค์ประกอบชองศีล ๕ ดังนี้คือ

ศีลข้อที่ ๑ เว้นจากการฆ่าสัตว์ มีประกอบด้วยองค์ ๕ คือ
๑. สัตว์นั้นมีชีวิต
๒. รู้อยู่ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต
๓. มีจิตคิดจะฆ่าสัตว์นั้น
๔. มีความพยายามฆ่าสัตว์นั้น
๕. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น

ศีลข้อที่ ๒ เว้นจากการลักทรัพย์ ต้องประกอบด้วยองค์ ๕ คือ

๑. ทรัพย์หรือสิ่งของนั้นมีเจ้าของหวงแหน
๒. รู้อยู่ว่าทรัพย์นั้นมีเจ้าของหวงแหน
๓. มีจิตคิดจะลักทรัพย์นั้น
๔. มีความพยายามลักทรัพย์นั้น
๕. ลักทรัพย์ได้ด้วยความพยายามนั้น

ศีลข้อที่ ๓ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ต้องประกอบด้วยองค์ ๔ ดังนี้ คือ

๑. หญิงหรือชายที่ไม่ควรละเมิด คือ หญิงที่ไม่ใช่ภรรยา หรือชายที่ไม่ใช่สามีของตน หญิงหรือชายที่อยู่ปกครองของบิดา มารดา หรือกรณีที่บุพพการี เสียชีวิต แต่มีผู้ปกครองอื่นดูแลอยู่ เช่น ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นต้น
๒. มีจิตคิดจะเสพเมถุน
๓. ประกอบกิจในการเสพเมถุน
๔. ยังอวัยวะเพศให้ถึงกัน

ศีลข้อที่ ๔ เว้นจากการพูดเท็จ ต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑. เรื่องนั้นไม่จริง
๒. มีจิตคิดจะพูดให้ผิดไปจากความจริง
๓. พยายามที่จะพูดให้ผิดไปจากความจริง
๔. คนฟังเข้าใจความหมายตามที่พูดนั้น

ศีลข้อที่ ๕ เว้นจากการดื่มน้ำเมา ต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเมา
๒. มีจิตคิดจะดื่ม
๓. พยายามดื่ม
๔. น้ำเมานั้นล่วงพ้นลำคอลงไป

จากเรื่ององค์ประกอบของศีลนั้น ทำให้ทราบว่า ถ้าไม่ครบองค์ประกอบขอศีล ไม่ถือว่า ศีลขาด เช่น การฆ่าสัตว์มีองค์ ๕ แต่ทำไปแค่องค์ ๔ อย่างนี้เรียกว่าศีลทะลุ และถ้าลดหลั่นลงมาอีก ก็จะเรียกว่า ศีลด่าง ศีลพร้อย ตามลำดับ นอกจากนี้ พระอรรถกถาจารย์ ยังได้แสดงหลักสำหรับวินิจฉัยว่า การละเมิดศีลแต่ละข้อจะมีโทษมากหรือน้อย นั้นขึ้นอยู่กับสิ่งต่อไปนี้

การฆ่าสัตว์ มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. พิจารณาจากคุณประโยชน์ การฆ่าสัตว์ที่มีคุณมาก จะมีโทษมากกว่าการฆ่าสัตว์ที่มีคุณน้อยหรือไม่มีคุณ เช่น ฆ่าพระอรหันต์ มีโทษมากกว่าฆ่าปุถุชน ฆ่าสัตว์ที่ช่วยงานมีโทษมากกว่าฆ่าสัตว์ดุร้าย เป็นต้น

๒. ขนาดกาย สำหรับสัตว์ดิรัจฉานจำพวกที่ไม่มีคุณเหมือนกัน การฆ่าสัตว์ใหญ่ มีโทษมาก กว่าการฆ่าสัตว์เล็ก

๓. ความพยายาม มีความพยายามในการฆ่ามาก มีโทษมาก มีความพยายามน้อย มีโทษน้อย

๔. กิเลสหรือเจตนา กิเลสหรือเจตนาแรง มีโทษมาก กิเลสหรือเจตนาอ่อน มีโทษน้อย เช่น การฆ่าด้วยโทสะ หรือความเกลียดชัง มีโทษมากกว่าการฆ่าเพื่อป้องกันตัว

การลักทรัพย์ มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. คุณค่าของทรัพย์สินสิ่งของนั้น
๒. คุณความดีของผู้เป็นเจ้าของทรัพย์นั้น
๓. ความพยายามในการลักทรัพย์นั้น

การประพฤติผิดในกาม มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. คุณความดีของผู้ที่ถูกละเมิด
๒. ความแรงของกิเลส
๓. ความเพียรพยายามในการประพฤติผิดในกามนั้น

การพูดเท็จ มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ
๑. ความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามากน้อยเพียงใด
๒. คุณความดีของผู้ที่ถูกละเมิด
๓. ผู้พูดนั้นเป็นใคร เช่น

- คฤหัสถ์ (ผุ้ครองเรือน) ที่โกหกว่า " ไม่มี " เพราะไม่อยากให้ของๆ ตน อย่างนี้มีโทษน้อย แต่การเป็นพยานเท็จมีโทษมาก
- บรรพชิต พูดเล่นมีโทษน้อย แต่การพูดว่าตน "รู้เห็น " ในสิ่งที่ตนไม่รู้ไม่เห็น จึงมีโทษมาก

การดื่มน้ำเมา มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. อกุศลจิต หรือกิเลสในการดื่ม
๒. ปริมาณที่ดื่ม
๓. ผลที่เกิดจากการกระทำผิดพลาด ชั่วร้าย ที่ตามมาจากการดื่มน้ำเมา

อย่างไรก็ตาม การละเมิดศีลในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นศีลขาด ศีลทะลุ ศีลต่าง หรือ ศีลพร้อย ล้วนแล้วแต่ทำให้ใจเราไม่บริสุทธิ์ หรือเรียกว่า “บาป” เป็นหนทางสู่ประตูอบายภูมิ ในการรักษาศีลที่ถูกต้องและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นนั้น ควรกระทำควบคู่กับการรักษากุศลกรรมบถ ๑๐ และตั้งใจว่า เราจะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง เราจะไม่ยุยงให้คนอื่นผิดศีล และเมื่อเห็นคนอื่นผิดศีลแล้วเราจะไม่พลอยยินดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักปฏิบัติที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติให้ตนเองพ้นทุกข์นั้น จะต้องมีการรักษาศีลของตนให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ เมื่อศีลบริสุทธิ์แล้ว จะมีความเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติ และเข้าสู่กระแสของมรรค ผล นิพพานในที่สุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ตุลาคม 2014, 16:25:47
ทำบุญทุกวันได้บุญทุกวัน การสะสมบุญ ย่อมนำแต่สิ่งดีๆและความปิติสุขใจมาให้แต่เพียงถ่ายเดียวเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤศจิกายน 2014, 16:24:07
"ผีมันนอนดูเราทำบาป เราฆ่าหมู ฆ่าไก่ ให้มันกิน สังเวยมัน (ผี)มันไม่มีบาป
เพราะมันไม่ใช่คนทำ เราเองเป็นคนฆ่าบาปกรรมก็ตกอยู่ที่เรา
การปฏิบัติมีสติตัวเดียวเท่านั้น มันจะแจ้งหมดโลก"

หลวงปู่บัว สิริปุณโณ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤศจิกายน 2014, 16:27:19
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

การทำบุญตักบาตรเป็นความดี เป็นบุญแก่จิตใจ
เมื่อมีโอกาสทำได้เมื่อไร จึงควรทำเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤศจิกายน 2014, 16:30:20
ธรรมะจากพระไตรปิฎก...
พระพุทธวจน

อานนท์ ! ก็กัลยาณวัตรอันเราตั้งไว้ในการนี้ ย่อมเป็นไป เพื่อความเบื่อหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อความสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อรู้พร้อม เพื่อนิพพาน.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤศจิกายน 2014, 16:23:28
"ทำบุญกับพระที่ไหนๆ ก็ต้องไม่ลืมพระที่บ้าน พ่อแม่เรานี่แหล่ะ อย่ามองข้ามท่านไป"

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤศจิกายน 2014, 16:27:27
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

“ไม่ต้องไปมัวว่าคนโน้นคนนี้ ติคนโน้น ชมคนนี้ ได้ประโยชน์อะไร ภาวนาในใจดีกว่า”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤศจิกายน 2014, 17:25:53
ทุกข์หรือสุข ย่อมเป็นธรรมดาของชาวโลกทุกคน ที่ต้องพานพบ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤศจิกายน 2014, 20:20:04
"คนที่เขาว่าเราไม่ดีนั้น เขาก็ไม่ได้มาทำให้เราดีให้เราชั่ว เราเองเป็นคนที่ทำให้เราดี เราเองเป็นคนที่ทำให้เราชั่ว"

หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤศจิกายน 2014, 05:25:45
"แผ่เมตตาไม่มีประมาณ"

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ท่านสอนให้ศิษย์ทุกคนได้หัดแผ่เมตตา คือส่งความปรารถนาดีแก่คน สัตว์ ศัตรูหมู่มาร โดยแผ่ไปให้ทั่วจักรวาล ยิ่งแผ่มาก ก็ยิ่งทำให้ในสบาย รักชีวิตและทรัพย์สิน คนอื่นเหมือนกับของตนเอง สังคมก็จะมีความสุขสงบอย่างถ้วนทั่ว

หลวงปู่แนะวิธีแผ่เมตตาให้บังเกิดผล โดยให้ทำตนและจิตใจเหมือนมารดาที่เลี้ยงลูก ให้ความรัก ความเอ็นดูสงสาร มุ่งหวังจะให้ลูกสุขกายสบายใจ มีอาชีพการงาน มีวิชาเลี้ยงตนเอง ได้ ความรักที่แม่ให้กับลูกเป็นความรักที่บริสุทธิ์ไม่มีพิษภัย และไม่ต้องการผลตอบแทนจากลูก มีแต่ให้อย่างเดียว

ถ้าเราแผ่เมตตาเหมือนกับพระอาทิตย์ส่องแสง เมตตานั้นจะมีพลังสูงยิ่ง เพราะธรรมชาติของพระอาทิตย์ขณะที่ส่องแสงไม่ได้เลือกชุมชน สรรพสัตว์ยากดีมีจน อยู่ที่สูงหรือที่ต่ำ จะใกล้หรือไกล ก็ได้รับความร้อนเท่ากัน

เมตตาธรรมก็เช่นกัน ขอให้แผ่ไปให้แก่ชนทุกชั้นทุกระดับ ใครจะรับได้มากน้อย สุดแต่วาสนาบารมีของผู้นั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤศจิกายน 2014, 16:16:56
แบ่งปัน..ข่าวสารทางด้านการศึกษา..."ความรู้คู่ปัญญา" ต้องพัฒนาไปพร้อมกันอย่างสมดุลเสมอในทุกมิติ
พัฒนาปัญญา สร้างความก้าวหน้าในอาชีพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤศจิกายน 2014, 16:10:01
พุทธศาสนสุภาษิต

ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนเขลาย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤศจิกายน 2014, 16:17:07
"คำว่าเจริญก้าวหน้าทางธรรม
มิใช่เจริญด้วยยศศักดิ์เหมือนทางโลก
หากหมายถึงใจที่นิ่ง หนักแน่น มั่นคง
คลายความยึดติดในโลก
หากผู้ใดยังหลงในยศศักดิ์
ก็ชื่อว่าหลงตนและหลงโลก
เพราะสิ่งนั้นเป็นของประจำโลก"

หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤศจิกายน 2014, 15:59:40
ก่อนเข้านอนคืนนี้ สวดมนต์ไหว้พระ และระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย หลับตาลงแล้วท่อง "พุทโธ"ไว้ในใจไปเรื่อยๆจนกว่าจะหลับ ฝันดี บุญรักษาจ้า เพื่อนกัลยาณมิตรที่รักทุกๆท่าน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤศจิกายน 2014, 19:52:51
จิตที่คิดจะให้
สบายกว่าจิตที่คิดจะเอา

ท่านพุทธทาสภิกขุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤศจิกายน 2014, 16:26:04
พระพุทธพจน์

"ความโศก ย่อมเกิดแต่ความรัก ภัย ย่อมเกิดแต่ความรัก ความโศก ย่อมไม่มีแก่ผู้พ้นวิเศษแล้วจากความรัก ภัยจักมีแต่ที่ไหน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤศจิกายน 2014, 16:35:53
หลวงปู่จันทร์ กุสโล

“สิ่งที่ได้มาเปล่า คือความเฒ่าชรา
สิ่งที่ต้องแสวงหาคือคุณค่าของชีวิต”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤศจิกายน 2014, 16:23:33
หากว่าท่านต้องการทำดีและเป็นคนดีแล้วละก็ อย่าถามหาเหตุผลหรือรอฤกษ์ยาม แต่ให้ทำทันที มิฉะนั้นท่านจะไม่มีโอกาสได้ทำ
ตลอดกาล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: boatbomb ที่ 16 พฤศจิกายน 2014, 19:04:08
อนุโมธนาสาธุครับ :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤศจิกายน 2014, 16:22:11
ธรรมะจากพระไตรปิฎก
ปัญหา.... ก่อนแต่จะทำ จะพูด จะคิดก็ดี ขณะที่กำลังทำ กำลังพูด กำลังคิดอยู่ก็ดี พระผู้มีพระภาคทรงแนะนำไว้อย่างไร ?

พุทธดำรัสตอบ

“..... ดูก่อนราหุล เธอปรารถนาจะทำกรรมใด ด้วยกาย.... ด้วยวาจา... ด้วยใจ... เธอพึงพิจารณาเสียก่อนว่า เราปรารถนาจะทำกรรมนี้ด้วยกาย... ด้วยวาจา.... ด้วยใจ กายกรรม... วจีกรรม... มโนกรรม... ของเรานี้ พึงเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เพื่อเบียดเบียนทั้งตนทั้งผู้อื่นบ้าง

กายกรรม... วจีกรรม... มโนกรรม... นี้เป็นอกุศล มีทุกข์ เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบากกระมังหนอ ดูก่อนราหุล ถ้าเมื่อเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่า เราปรารถนา จะทำกรรมใดด้วยกาย.... ด้วยวาจา... ด้วยใจ กายกรรม... วจีกรรม... มโนกรรม...ของเรานี้พึงเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเพื่อเบียดเบียนผู้อื่น เพื่อเบียดเบียนทั้งตนทั้งผู้อื่น ...... เป็นอกุศลมีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบากดังนี้ไซร้ กรรมเห็นปานนี้ เธอไม่พึงทำด้วยกาย ... ด้วยวาจา.... ด้วยใจ.... โดยส่วนเดียว

“แต่ถ้าเมื่อเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่า เราปรารถนาจะทำกรรมใด ด้วยกาย.... ด้วยวาจา... ด้วยใจ กายกรรม... วจีกรรม... มโนกรรม...ของเรานี้ ไม่พึงเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตน เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น เพื่อเบียดเบียนทั้งตนทั้งผู้อื่น เป็นกุศล มีสุขเป็นกำไร มีสุขเป็นวิบากดังนี้ไซร้ กรรมเห็นปานนี้ เธอพึงทำด้วยกาย ... ด้วยวาจา.... ด้วยใจ

“แม้เมื่อเธอกำลังกระทำกรรมด้วยกาย.... ด้วยวาจา..... ด้วยใจ.... ด้วยใจ เธอก็พึงพิจารณากายกรรม.... วจีกรรม.... มโนกรรม.... นั้นแหละว่า เรากำลังกระทำกรรมใดด้วยกาย.... ด้วยวาจา... ด้วยใจ กายกรรม... วจีกรรม... มโนกรรม...ของเรานี้ ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง..... เป็นอกุศล มีทุกข์ เป็นวิบากกระมังหนอ

ถ้าเมื่อเธอพิจารณาอยู่ พึงรู้อย่างนี้ว่า..... กายกรรม... วจีกรรม... มโนกรรม...ของเรา ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เธอพึงเลิกกรรมเห็นปานนั้นเสีย

แต่ถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่า .... กรรมของเราย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง.... เป็นกุศลมีสุขเป็นกำไร .... เธอพึงเพิ่มกายกรรม... วจีกรรม... มโนกรรม...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤศจิกายน 2014, 14:59:17
พระพุทธพจน์

อโมฆํ ทิวสํ กยิรา อปฺเปน พหุเกน วา

อย่าปล่อยให้แต่ละวันผ่านไปอย่างไร้ค่า
ต้องสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นมาไม่มากก็น้อย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤศจิกายน 2014, 16:21:42
"ยืนก็นึกถึงพุทโธ เดินนึกถึงพุทโธ นั่งนึกถึงพุทโธ นอนระลึกถึงพุทโธ จนกระทั่งหลับ นี่เรียกว่า ตามเสด็จพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤศจิกายน 2014, 16:21:09
พุทธศาสนสุภาษิต

ใครไม่คิดอาฆาตว่า “มันด่าเรา มันทำร้ายเรา มันเอาชนะเรา มันขโมยของเรา” เวรของเขาย่อมระงับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤศจิกายน 2014, 16:28:02
"ไม่ต้องไปมัวว่าคนโน้นคนนี้ ติคนโน้น ชมคนนี้ ได้ประโยชน์อะไร ภาวนาในใจดีกว่า"

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤศจิกายน 2014, 16:22:11
คำสอน...หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

สิ่งของทั้งหลาย ที่เราสำคัญหมายมั่นว่าเป็นของๆเรา ความจริงเปล่าทั้งนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤศจิกายน 2014, 16:28:40
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

การทำบุญตักบาตรเป็นความดี เป็นบุญแก่จิตใจ
เมื่อมีโอกาสทำได้เมื่อไร จึงควรทำเสมอ.......


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤศจิกายน 2014, 16:21:27
หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน

"ชีวิตของคนเรา จะแตกดับลงเมื่อไรก็ได้ กลับไม่แสวงหาบุญกุศล
เป็นเสบียง ย่อมเสี่ยงต่อการเป็นผู้อนาถามาก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤศจิกายน 2014, 16:17:55
คติธรรมคำสอน....ท่านหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ

ถ้าใครละความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือกำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลงเสียได้ ผู้นั้นจะพบเห็นพระนิพพาน พระนิพพานอยู่เหนือความโลภ โกรธ หลง ท่านว่าอย่างนี้... บางคนถ้าจะละมันออกไปก็ยังเสียดายมันอยู่ ถือว่ามันเป็นมิตรที่ดีต่อเราอยู่ ไม่ยอมให้มันตีตัวจากเราเลย อันนี้ก็ได้ชื่อว่า เราโง่กว่ากิเลส ปล่อยให้กิเลสเป็นนายเรา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤศจิกายน 2014, 16:18:48
ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามตัวเองว่า ที่จะพูดนี้จำเป็นหรือเปล่า ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด นี่เป็นขั้นต้นของการอบรมใจ เพราะถ้าเราควบคุมปากตัวเองไม่ได้ เราจะควบคุมใจได้อย่างไร

ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤศจิกายน 2014, 16:28:16
สร้างความดีต้องมีอุปสรรค สร้างความดีมากเท่าไร อุปสรรคขัดขวางมากเท่านั้น เพราะคนเราเกิดมาใช้หนี้กรรมเก่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nong4534 ที่ 27 พฤศจิกายน 2014, 17:55:23
สาธุครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤศจิกายน 2014, 16:32:33
พุทธศาสนสุภาษิต

ปาปา จิตฺตํ นิวารเย
ควรยับยั้งใจไม่ให้ยินดีในความชั่ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤศจิกายน 2014, 16:37:48
"ปัญหาต่างๆ ของชีวิตผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความทุกข์ยากที่เราคิดว่า มันแสนสาหัส สำหรับเราในวันนี้ ในวันข้างหน้า เราอาจรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องเล็กน้อย"

คติธรรม....ท่านหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ จ.ปัตตานี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ธันวาคม 2014, 16:24:08
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป

"โลกนี้และชีวิตนี้ ไม่มีอะไร
เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้มานานแล้ว
เราสุขเราทุกข์อย่างนี้ มาหลายภพหลายชาติแล้ว
อย่าโศกเศร้าเสียใจไปนักเลย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ธันวาคม 2014, 16:16:30
หลักกาลามสูตร ๑๐ ที่ว่าด้วยการอย่าเชื่อ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ดังนี้

๑. มา อนุสฺสาเวน (อย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา)
๒. มา ปรมฺปราย(อย่าเชื่อโดยเหตุสักว่าตามสืบๆ กันมา)
๓. มา อิติ กิราย(อย่าเชื่อโดยตื่นข่าว)
๔. มา ปิฎกสัมฺปทาเนน (อย่าเชื่อโดยอ้างปิฎก)
๕. มา ตกฺกเหตุ(อย่าเชื่อโดยนึกเดาเอาเอง)
๖. มา นยเหตุ (อย่าเชื่อโดยคาดคะเน)
๗. มา อาการปริวิตกฺเกน(อย่าเชื่อโดยการตรึกตรองตามอาการ)
๘. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนกฺขนฺติยา (อย่าเชื่อโดยเห็นว่าถูกตามลัทธิของตน)
๙. มา ภพฺพรูปตาย(อย่าเชื่อโดยเห็นว่า ผู้พูดควรเชื่อได้)
๑๐. มา สมโฌ โน ครุ(อย่าเชื่อโดยถือว่า สมณะนี้เป็นครูของตน[1]

พุทธประสงค์ที่แท้จริงในการตรัสเรื่องนี้ ก็คือ ไม่ทรงให้ปลงใจเชื่อถือเพียงเพราะอ้างตำรารวมไปถึงตำราที่เรียกกันว่าพระไตรปิฎกด้วย แต่ก็มิใช่หมายความว่าไม่ให้เชื่ออะไรเลย ทรงประสงค์ว่า การตัดสินใจเชื่อในแต่ละเรื่องมิใช่ตัดสินใจเชื่อเพียงเพราะเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง ใน ๑๐ ประการนี้

แต่ควรจะมีข้อมูลในการตัดสินใจเชื่อที่มากไปกว่านั้น เช่น ไม่ให้ตัดสินใจเชื่อเพียงเพราะฟังจากอาจารย์อย่างเดียว แต่ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนว่า คำพูดของอาจายร์นั้นสอดคล้องกับตำราอื่นหรือไม่ นำไปทดสอบทดลองแล้ว มีหลักการพอจะเข้ากันได้หรือไม่ เป็นต้น ทำดังนี้แล้วจึงค่อยตัดสินใจเชื่อ มิใช่ว่า ห้ามไม่ให้เชื่ออะไรเลย ( เพราะการเชื่อในหลักกาลามสูตร ก็เป็นการเชื่อคัมภีร์เช่นกันมิใช่หรือ??)

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอีกว่า “เมื่อใด ท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้ผู้รู้ติเตียน ธรรมเหล่านี้ใครยึดถือปฏิบัติถึงที่แล้วจะเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์ เมื่อนั้นท่านทั้งหลายพึงละเสีย ฯลฯ เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษธรรมเหล่านี้วิญญูชนสรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครยึดถือปฏิบัติ จะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข เมื่อนั้นท่านทั้งหลายพึงถือปฏิบัติบำเพ็ญ(ธรรมเหล่านั้น)"[2]

ในกรณีที่ผู้ฟังยังไม่รู้ไม่เข้าใจและยังไม่มีความเชื่อในเรื่องใด ๆ พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงชักจูงความเชื่อ เป็นแต่ทรงสอนให้พิจารณาตัดสินเอาตามเหตุผลที่เขาเห็นได้ด้วยตนเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 ธันวาคม 2014, 07:47:34
คติธรรม....ท่านหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

"บ้านไหนมีพระพุทธรูปแค่ตั้งโชว์ เทวดาก็ไม่ไปสวดมนต์ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยทำวัตรสวดมนต์ เทวดาก็ไม่มา ผ่านเลยไปเลย มาไม่ลงมาสวดมนต์ คนเราก็มีเทวดารักษา คนดีมีศีลธรรม เทวดาที่เป็นบัณฑิตรักษา ถ้าคนชั่วขี้เหล้าเมายาทำชั่ว เทวดาพาลพวกมิจฉาทิฐิก็มารักษา"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ธันวาคม 2014, 16:30:47
มีแต่บุญกุศลที่เราทำไว้เองเท่านั้นที่สามารถจะช่วยนำพาเราให้พ้นจากขุมนรกได้ อย่างอื่นนั้นไม่มีเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 ธันวาคม 2014, 16:27:55
คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกนี้ คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกหน้า คนทำดีย่อมร่าเริงในโลกทั้งสอง คนทำดีย่อมร่าเริง เบิกบานใจยิ่งนัก เมื่อมองเห็นแต่กรรมบริสุทธิ์ของตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ธันวาคม 2014, 16:18:23
"บุญนั้นย่อมเป็นที่พึ่งทั้งในโลกนี้ โลกหน้า และในทุกๆชาติภพ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 ธันวาคม 2014, 16:26:17
แบ่งปัน....
"พลังแห่งความดีงาม"

จิตที่คิดดี ต้องการเป็นคนดี พูดดี ทำดี อำนาจแห่งบุญย่อมนำพาแต่สิ่งดีๆอันเป็นมงคลกับชีวิตเข้ามาในชีวิตท่านอย่างแน่นอน

ค้าขาย ทำงานอะไรก็รุ่งเพราะอะไร

ไม่ว่าจะทำงานอะไร ค้าขายอะไร ถ้ามีจิตตั้งเป็นกุศล จิตอยู่ในพลังความดี รู้ตัวทุกขณะจิตว่า กำลังสร้างบุญสิ่งที่ทำนั้นจะฟูเฟื่องรุ่งเรือง
เมื่อเป็นลูกน้อง ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย คิดแต่ว่างานนั้นจะเกิดประโยชน์ต่อองค์กรที่ทำ เกิดผลต่อส่วนร่วม หรือผู้รับผลจากงานนั้น ใช้สติปัญญาอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้เกิดผลดีที่สุด ใส่ใจในทุกรายละเอียดทำแบบดีที่สุด

เมื่อเป็นเจ้านาย ก็คิดหาริเริ่มสร้างสรรค์งาน มุ่งแต่สิ่งดีเกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มาก รู้จักเมตตาให้อภัย ให้โอกาสผู้น้อย ลูกน้อง มีจิตที่คิดแต่ให้ไม่เบียดเบียน หวังให้ลูกน้องเป็นสุขจริงไม่แอบแฝง

เป็นพ่อค้า แม่ค้า ก็สรรหาที่สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ไม่คิดเอาเปรียบ ถือว่าลูกค้าคือผู้มีพระคุณ อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ทำออกมาขายให้
ทั้งหมดที่กล่าวมา คือ การทำงานทุกขณะจิตด้วยจิตประณีต งานที่ทำจึงประณีตเกิดผลมากทั้งต่อผู้อื่นและตนเอง

เป็นการสร้างบุญแบบฉลาดและเห็นผลเลยในชาตินี้
ขอให้พิจารณาด้วยสติ ด้วยปัญญาด้วยภูมิธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ธันวาคม 2014, 16:31:19
คติธรรมคำสอน....ท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

กรรมอันเป็นสมบัติ แห่งสัตว์โลกทั้งหลาย กายซ้อนซ้ำซาก จำเจ เป็นวัฏฏะ

กรรมอันทำแล้ว ไม่เดือดร้อนในภายหลัง เป็นกรรมดี เป็นกรรมที่สัตบุรุษ ชื่นชมยกย่อง

กรรมอันทำแล้ว เดือดร้อนในภายหลัง กรรมนั้นเป็นกรรมชั่ว เป็นของเผ็ดร้อน มีทุกข์มาก

กรรมอันใด ไปสู่มรรค นิโรธ ความดับทุกข์ กรรมนั้นเป็น กรรมเหนือกรรม..

ที่มา: เกร็ดธรรม คำสอน ครูอาจารย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ธันวาคม 2014, 16:31:47
สุขเหนือสุขคือ...
การแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น....


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ธันวาคม 2014, 16:27:16
คำอาราธนาศีล

มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

(ถ้า ศีล ๘ ให้เปลี่ยน ปัญจะ เป็น อัฏฐะ)

คำสมาทานศีล ๕

๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ
๒. อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ
๓. กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ
๔. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ ๕.
๕. สุราเมระยะมัจฉะปะมาทะถานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

คำสมาทานศีล ๘ ( สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาศีลบริสุทธิ์มากขึ้น)

๑.ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๒.อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๓.อะพรัหมะจะริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๔.มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๕.สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๖.วิกาละโภชนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๗.นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา มาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะ-
มัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๘.อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

****เหตุผลที่จะต้องสมาทานศีล ๕ หรือศีล ๘ ก่อนนั้นเป็นเพราะพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ต้องมีศีล ๕ จึงจะได้ผลดี ไม่ใช่ว่าสวดมนต์ทุกวัน แต่ไม่มีศีล ๕ ในใจ การสวดมนต์ก็เป็นเพียงการท่องจำไม่มีประโยชน์ และเป็นการทำให้ตัวเองบริสุทธิ์เป็นภาชนะที่สะอาดพร้อมที่จะรองรับสิ่งดีที่จะเข้ามาในชีวิต สำหรับการถือศีล ๘ นั้นจะยิ่งดีมากๆ ในวันเกิดของตนในรอบสัปดาห์หรือวันพระต่างๆ ซึ่งแล้วแต่การพิจารณาของท่านเอง

จากหนังสือเรื่อง ปาฏิหาริย์วิชาศักดิ์สิทธิ์ ๓ พุทธคุณบทสวดมนต์ศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานอย่างไรให้ปาฏิหาริย์เกิด โดย ธ.ธรรมรักษ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ธันวาคม 2014, 16:41:29
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

"ถ้าคนเรา ไม่ได้ฝึก ไม่ได้หัด ไม่ได้ขัด ไม่ได้เกลา ไฉนเล่า
จะมีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ธันวาคม 2014, 06:15:26
คติธรรม....ท่านหลวงปู่ผาง จิตตคุตโต

" ติดคุกมีเวลาพ้นโทษ
คนที่มักโกรธ ถูกทำโทษตลอดกาล “


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ธันวาคม 2014, 16:22:57
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
(สามจบ)

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง พระองค์นั้น โดยความเคารพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ธันวาคม 2014, 16:28:59
“คนเราหลงกันอยู่ที่หนัง หนังเป็นเครื่องปกปิดสิ่งที่ไม่น่าดูเอาไว้ ถ้าถลกหนังออก อวัยวะทุกส่วนก็หาส่วนที่น่าดูไม่ได้เลย เน่าเปื่อย ผุพัง สลายไป ไม่มีส่วนไหนที่จะถือได้ว่าเป็นของมั่นคง”

คติธรรมคำสอน.....ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ธันวาคม 2014, 16:25:26
นึกถึงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญไว้บ่อยๆ ปัญหาที่มีจะสามารถแก้ไขได้ไม่ยาก อย่ากังวล ทำใจให้สบายๆ

Cr.ศิษย์มีครู หลวงปู่ดู่หลวงตาม้า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ธันวาคม 2014, 16:18:56
"ลูกเอ๋ย อย่าไปน้อยใจในวาสนา โชคลาภ อำนาจนี้นะ มันไม่แน่นอนเสมอไปหรอกลูก แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การรู้จักสร้างบุญกุศลต่างหาก อย่าไปโทษ โชคลาภ อำนาจ วาสนาเลย มันเป็นเพียงแค่การใช้กรรมเก่าของเราเท่านั้นเอง พอถึงเวลามันก็จะมีเองลูก ไม่ต้องไปสนใจ แต่สิ่งที่ควรจะสนใจ คือ ชาตินี้เราต้องตั้งจุดหมายไปที่นิพพานให้ได้นะลูกนะ "

หลวงปู่ปาน โสนันโท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ธันวาคม 2014, 16:22:58
"ลูกเอ๋ย อย่าไปน้อยใจในวาสนา โชคลาภ อำนาจนี้นะ มันไม่แน่นอนเสมอไปหรอกลูก แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การรู้จักสร้างบุญกุศลต่างหาก อย่าไปโทษ โชคลาภ อำนาจ วาสนาเลย มันเป็นเพียงแค่การใช้กรรมเก่าของเราเท่านั้นเอง พอถึงเวลามันก็จะมีเองลูก ไม่ต้องไปสนใจ แต่สิ่งที่ควรจะสนใจ คือ ชาตินี้เราต้องตั้งจุดหมายไปที่นิพพานให้ได้นะลูกนะ "

หลวงปู่ปาน โสนันโท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ธันวาคม 2014, 06:31:23
"กรรมบถ"

แปลว่า ทางแห่งกรรม คือ การกระทำที่เข้าทางเป็นกรรมหรือที่จะนับว่าเป็นกรรม หมายทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ

อกุศลกรรมบถ ทางแห่งกรรมชั่ว มี ๑๐ อย่าง คือ

-ฆ่าสัตว์
-ลักทรัพย์
-ประพฤติผิดในกาม
-พูดเท็จ
-พูดส่อเสียด
-พูดคำหยาบ
-พูดเพ้อเจ้อ
-โลภอยากได้ของเขา
-ปองร้ายเขา และ
-เห็นผิดจากคลองธรรม

กุศลกรรมบถ ทางแห่งกรรมดี มี ๑๐ อย่างคือ

- เว้นจากฆ่าสัตว์
-เว้นจากลักทรัพย์
-เว้นจากประพฤติผิดในกาม
-เว้นจากพูดเท็จ
-เว้นจากพูดส่อเสียด
-เว้นจากพูดคำหยาบ
-เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ
-ไม่โลภอยากได้ของเขา
-ไม่พยาบาทปองร้ายเขา
-เห็นชอบจากคลองธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ธันวาคม 2014, 16:34:19
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

คนเรามีต้นกรรมไม่เหมือนกัน

ต้องทราบไว้เสมอว่า คนที่เกิดมานี่ มีต้นกรรมไม่เสมอกัน คนในโลกแบ่งออกเป็น ๔ ระดับคือ

๑. คนฉลาดมาก ที่ทำบุญไว้เต็มแล้ว มีบารมีครบถ้วน เพียงแนะนำแต่เพียงหัวข้อย่อ ๆ ก็บรรลุมรรคผลทันที

๒. บางพวกปัญญาบารมีหย่อนนิดหน่อย พออธิบายก็บรรลุมรรคผล

๓. บางพวกพอแนะนำให้เข้าใจในกุศลเบื้องต้นได้ แต่เอาบรรลุมรรคผลไม่ได้

๔. พวกสุดท้าย เป็นพวกเหลือขอ พูดไม่รู้เรื่อง อวดตัวว่าเป็นผู้วิเศษหมดทางแนะนำ

คนในโลกแบ่งออกเป็น ๔ พวกอย่างนี้ลูกจงอย่าคิดว่าเขาจะเหมือนเราเสมอไป การแนะนำเป็นของดี แต่อย่าเอาใจเข้าไปผูกพัน ถือว่าบอกปล่อยเขาทำตามก็ดี ไม่ทำตามก็ช่างเอาตัวเรารอดเป็นการพอแล้ว ปล่อยเขา เขาจะคิด จะพูด จะทำอย่างไร อย่าสนใจเป็นอันขาด

จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๙ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ธันวาคม 2014, 05:52:41
หลักของการภาวนานี้ไม่ต้องรอ ทำเดี๋ยวนี้ได้เดี๋ยวนี้
และก็คิดว่าเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดของการทำคุณความดี

หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ธันวาคม 2014, 16:21:38
"สตรี บุรุษ ผู้ครองเรือน นักบวช ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีการกระทำ (กรรม) เป็นของตน เป็นทายาทแห่งการกระทำ มีการกระทำเป็นกำเนิด มีการกระทำเป็นเผ่าพันธุ์ มีการกระทำเป็นที่พึ่ง จะกระทำดีก็ตาม กระทำชั่วก็ตาม เราเป็นผู้รับผลของการกระทำนั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ธันวาคม 2014, 16:17:28
มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้นั้น ประเดี๋ยวก็ทุกข์ ประเดี๋ยวก็สุข ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว มนุษย์มักจะทุกข์มากกว่าสุข ทุกข์หรือสุขนั้น ย่อมเป็นธรรมดาของชาวโลกทุกคนที่ต้องพานพบ ต้องหมั่นฝึกใจยอมรับความเป็นจริงในข้อนี้ไว้เสมอ เวลาพานพบกับความทุกข์จะได้มีอุเบกขาและเข้าใจด้วยปัญญา จะได้ไม่ทุกข์จนเกินไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ธันวาคม 2014, 16:16:42
สวรรค์กับนรกอยู่ใกล้กันแค่คืบ

ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาสอนว่า อันสวรรค์กับนรกนั้นอยู่ใกล้กันแค่นิดเดียว ซึ่งมีความหมายมากมาย หนึ่งในนั้นคือ การสรา้งบุญด้วยการพิจารณาโดยธรรม ที่หากได้พิจารณาอย่างถ้วนถี่ด้วยสติ ด้วยปัญญา ว่าบุญนั้นส่งผลหรือโทษให้กับผู้รับ

ในช่วงเทศกาลทุกครั้ง การให้เหล้า ให้เงินซื้อเหล้านั้นเกิดโทษกับผู้รับไม่มีดีเลยแม้แต่นิดเดียว

ขอให้พิจารณาด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยภูมิธรรม

ขอบุญรักษา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ธันวาคม 2014, 16:21:22
พระพุทธพจน์

อโมฆํ ทิวสํ กยิรา อปฺเปน พหุเกน วา

อย่าปล่อยให้แต่ละวันผ่านไปอย่างไร้ค่า
ต้องสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นมาไม่มากก็น้อย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มกราคม 2015, 16:25:33
หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

"เมื่อเกิดมาอาภัพชาติแล้ว อย่าให้ใจอาภัพอีก
ผู้เกิดมาชาตินี้อาภัพแล้ว อย่าให้ใจอาภัพ
คิดแต่ผลิตโทษทำบาปอกุศลเผาผลาญตน
ให้ได้ทุกข์ เป็นบาปกรรมอีกเลย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มกราคม 2015, 16:28:49
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน

สวัสดีปีใหม่ อยุ่เย็น เป็นสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มกราคม 2015, 16:30:32
" คนพูดดี ก็เป็นน้ำเย็นรดหัวใจชื่นบาน เป็นยาบำรุงหัวใจซึ่งกันและกัน ถ้าพูดไม่ดีก็เป็นน้ำร้อนน้ำกรด มาสังหารซึ่งกันและกัน"

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มกราคม 2015, 16:32:42
ปัจจุบันคือสิ่งทีทำไว้ในอดีต อนาคตจะเป็นเช่นไร ขึ้นอยู่กับการกระทำในปัจจุบัน ผู้มีปัญญาย่อมทำแต่ความดีในปัจจุบัน เมื่อเหตุและปัจจัยดี อนาคตย่อมดีแน่นอน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มกราคม 2015, 16:35:58
เมื่อใดก็ตามที่กิเลสตัณหาหรือความโลภโกรธหลงกามราคะครอบงำจิต สติปัญญามักหายไป บุญบารมีที่สะสมไว้ก็ลดลง พึงมีสติและพิจารณาก่อนคิดที่จะกระทำความชั่วเสมอ อย่าทอนบุญด้วยการทุศีลเลยนะ เพราะจะทำให้เราหนีไม่พ้นสังสารวัฎได้เลย สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มกราคม 2015, 16:31:29
คติธรรมคำสอน สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )

หลักการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

1.จะต้องมีสัจจะต่อตนเอง
2.จะต้องไม่คล้อยตามอารมณ์ของมนุษย์
3.พยายามตัดงานในด้านสังคมออก และไม่นัดหมายใครในเวลาปฏิบัติกรรมฐาน

ดังนั้นเมื่อจะเป็นนักปฏิบัติธรรมจำเป็นจะต้องมีกฎเกณฑ์ของเราเพื่อฝึกจิตให้เข้มแข็ง

กรรมลิขิต... เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตามกรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้ ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต

อดีตกรรม ถ้ากรรมดี เสวยอยู่
ปัจจุบันกรรม สร้างกรรมชั่ว
ย่อมลบล้างอดีตกรรม กรรมแห่งอกุศล
วิบากตน ปัจจุบัน สร้างกรรมดี ย่อมผดุง

"บุญ" ถ้าเจ้าไม่เคยสร้างไว้ ใครที่ไหนเล่าจะมาช่วยได้ลูกเอ๋ย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มกราคม 2015, 16:33:40
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

การทำบุญ ไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินเงินทอง ก็สามารถที่จะร่วมทำบุญได้ แถมยังประหยัดอีกด้วยนั่นคือ การรักษาศีลและการเจริญภาวนา ซึ่ง 2 อย่างนี้จะได้อานิสงส์ผลบุญมากกว่าการให้ทานเสียอีก เพียงแต่ญาติโยมมองข้ามกันไป โยมมักจะคิดทำบุญแต่การให้เท่านั้นเพราะว่ามันง่ายดี แต่การรักษาศีลและภาวนา ต้องเสียสละเวลาในการปฏิบัติ จึงรู้สึกว่าทำยากกว่า การทำบุญทุกอย่าง โยมต้องเข้าใจด้วยว่า เพียงแต่เราตั้งใจหรือมีเจตนาที่จะทำบุญเท่านั้น โยมก็ได้กุศลแล้ว แต่บุญที่ได้รับยังเป็นส่วนน้อย ถ้าอยากได้บุญเต็มที่ต้องทำบุญให้ครบ 3 อย่าง (ทาน ศีล ภาวนา)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มกราคม 2015, 16:32:22
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

"บุญ คือ ความสบายใจ ก่อนทำก็สบายใจ ขณะทำก็สบายใจ ทำแล้วก็สบายใจ คิดถึงทีไร สบายใจทุกที"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มกราคม 2015, 06:03:33
ถ้าจะเจ็บถ้าจะตาย สละชีวิตเลย
ภาวนาไม่ถอย ให้ถวายชีวิตเป็นพุทธบูชานะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: intpol ที่ 10 มกราคม 2015, 06:41:22
ถ้าคนเราทุกคน ยึดถือปฏิบัติตามโลกคงน่าอยู่ขึ้นเยอะนะครับ   :wanwan012:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มกราคม 2015, 06:37:25
คติธรรมคำสอน......ท่านหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

"หากยามใดท้อถอย เหนื่อยหน่ายต่อการปฏิบัติ ก็ให้ระลึกถึงภัยข้างหน้าที่จะมีมา ต้องตระหนักว่าขณะนี้เรายังอยู่ในมรสุม อยู่ท่ามกลางคลื่น ภัยนั้นมีอยู่รอบด้าน เอาไว้ให้ถึงฝั่งเสียก่อน อย่ามัวเที่ยวเก็บ เที่ยวชมดอกไม้ มืดค่ำแล้ว เดี๋ยวจะหาทางออกไม่พบ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มกราคม 2015, 16:30:50
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

"นิพพานใจจะต้องเด็ดเดี่ยวมากนะ
ต้องไม่ห่วงใคร จะต้องไปคนเดียว"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มกราคม 2015, 16:25:33
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน

เนื่องด้วยอดีตเป็นสิ่งที่เกิดและสิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ สำหรับผลกรรมไม่ดีในอดีตนั้น เราก็คงจะหลีกหนีไม่ได้เด็ดขาดเช่นกัน แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็ยังต้องรับวิบากกรรม สิ่งที่เราควรจะทำก็คือ เร่งทำความดีให้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อกรรมดีนั้นจะได้ช่วยบรรเทาวิบากกรรมที่ติดตามมาให้มีความรุนแรงน้อยลงไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มกราคม 2015, 18:39:05
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

การทำบุญตักบาตรเป็นความดี เป็นบุญแก่จิตใจ
เมื่อมีโอกาสทำได้เมื่อไร จึงควรทำเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มกราคม 2015, 16:21:00
"ถ้าผูกใจเจ็บจะเจ็บใจเรา
ถ้าเมตตาเขาใจเราสบาย"

หลวงปู่จันทร์ กุสโล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มกราคม 2015, 16:19:35
"เงิน ทอง ลาภ ยศ
ล้วนแล้วแต่เป็นของสมมติ"

หลวงตาม้า วิริยะธโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มกราคม 2015, 15:54:27
กรรมต้องเจอแต่คดีความเรื่องร้ายๆ โดยไม่คาดคิด
...
เขียนโดย ธ.ธรรมรักษ์
...
กรรมต้องเจอแต่คดีความเรื่องร้ายๆ โดยไม่คาดคิด
เรื่องของคดีความ และเรื่องร้ายๆ นั้นคงเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากเจอเพราะเป็นเหตุให้ต้องเกิดความเดือดร้อน 3 อย่าง คือ กาย ใจและทรัพย์สิน บางคนต้องประสบอุบัติเหตุบ่อยคือแม้ร่างกายจะไม่บาดเจ็บอะไรเลยแต่ก็ต้องมีเหตุให้ขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่ตลอด เช่นเพิ่งจะเอารถไปซ่อมออกมาจากอู่แล้วขับกลับบ้านแล้วจอดรถอยู่ดี ๆข้างถนนก็มีรถมาชนท้ายให้เกิดความเสียหาย
....
เรื่องของคดีความ และเรื่องร้ายๆ นั้นคงเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากเจอเพราะเป็นเหตุให้ต้องเกิดความเดือดร้อน 3 อย่าง คือ กาย ใจและทรัพย์สิน บางคนต้องประสบอุบัติเหตุบ่อยคือแม้ร่างกายจะไม่บาดเจ็บอะไรเลยแต่ก็ต้องมีเหตุให้ขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่ตลอด เช่นเพิ่งจะเอารถไปซ่อมออกมาจากอู่แล้วขับกลับบ้านแล้วจอดรถอยู่ดี ๆข้างถนนก็มีรถมาชนท้ายให้เกิดความเสียหาย
....
หรือบางคนทำธุรกิจใดๆก็ตาม ก็มีเหตุต้องขึ้นโรงขึ้นศาลฟ้องร้องกันอยู่เป็นประจำจนคดีเต็มศาลไปหมดชนิดที่ แก้ไขเสร็จหนึ่งคดีก็ต้องตามไปแก้อีกหนึ่งคดี หรือถูกใส่ร้ายป้ายสีจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ชีวิตมีแต่เรื่องเดือดร้อนอยู่ร่ำไป ก็เพราะเคยได้สร้างกรรมเอาไว้ดังนี้
....
เหตุจากกรรมเก่า
อาจเกิดจากกรรมโดยการที่ ตนเองเคยพบคนทุกข์ร้อนแล้วไม่ช่วยทั้ง ๆ ที่ตนเองสามารถพอจะช่วยเหลือได้ ปล่อยให้เขาให้ต้องทุกข์ ต้องลำบากถือว่าธุระไม่ใช่ หรือในบางครั้งสมน้ำหน้าเขาด้วยจิตริษยา หรือ เคยไปออกรบทัพจับศึกเป็นผู้มีอำนาจในการรบแล้วเคยสั่งให้ทำลายบ้านเรือนหรือที่ทำกินของชาวบ้านให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนเพียงเพื่อความสะใจเท่านั้น หรือ เคยทิ้งเชื้อไฟเอาไว้ในทุ่งนาที่เขาเกี่ยวข้าวกองไว้โดยที่ไม่รู้ว่าเชื้อไฟนั้นยังไม่มอดดี ทำให้ไฟไหม้ที่นาของผู้อื่นจนใช้การไม่ได้หรือเกิดความเสียหายใหญ่หลวง หรือเป็นผู้ที่ไม่มีสัจจะวาจา รับปากใครแล้วไม่ยอมทำตามที่ตนเองเคยรับปากเอาไว้จนทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหายต่อการรอคอยหรือการกระทำที่ผิดสัญญานั้น หรือเป็นคนปากไม่ดีว่าร้ายเขาไปทั่ว ทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจอย่างหนัก หรือคอยยุยงส่งเสริมให้คนอื่นทำความชั่ว หลอกให้คนอื่นทำความชั่วแทนตนเพื่อให้เขาต้องรับกรรมไป
.....
เหตุจากกรรมใหม่
พื้นฐานที่ทำให้เกิดคดีความก็คือ เป็นคนที่มีความประมาทอยู่ในชีวิตอยู่ตลอดเวลา คือไม่รู้จักระมัดระวังการกระทำในสิ่งใดๆให้รอบคอบ คือ ไม่มีสติที่นิ่งพอที่จะพินิจพิจารณาในการกระทำสิ่งนั้น หรือเห็นแก่ตัวมากจึงเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้อื่น นอกจากนั้นยังเกี่ยวข้องกับความมีกิเลสในเรื่องของ ความโลภและความโกรธคอยครอบงำจิตใจตลอดเวลา ไม่รู้จักระงับอารมณ์ความอยาก หรือความโกรธได้ เช่น เมื่อถูกท้าให้แข่งขันใดๆ ก็ไม่สามารถระงับความโกรธได้ มักกระทำการอย่างขาดสติ
.....
เช่น พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งถูกหัวหน้างานตำหนิเรื่องประสิทธิภาพของการทำงานอยู่เสมอ และตนเองก็ไม่เคยแก้ไขความบกพร่อง ซ้ำยังลุแก่โทสะตรงเข้าทำร้ายหัวหน้างาน หรือคนที่ชี้แจงจุดบกพร่องให้ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บซึ่งนอกจากจะถูกไล่ออกแล้ว ยังโดนดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายอีกต่างหาก
.....
การแก้ไขกรรมในทางโลก
สิ่งที่จะคอยช่วยควบคุมไม่ให้เกิดความมีคดีความได้ดีที่สุดก็คือการฝึก “สติ” คือ ต้องรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ คือ รู้ว่างานหรือเครื่องมือหากินที่ทำนั้นเป็นงานสุจริตหรือไม่ เพราะหากเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่สุจริตก็ย่อมมีโอกาสสูงเผชิญหน้ากับตัวบทกฎหมายและต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอย่างแน่นอน การฝึกสมาธินั้นช่วยได้อย่างยิ่งในเรื่องนี้ มีอุบายในการฝึกมากมายที่พระพุทธเจ้าได้ทรงชี้แนวทางเอาไว้ ซึ่งดีทุกทางแล้วแต่จริตของตนเลือกให้ตรงก็จะได้ผลดียิ่ง
.....
ฝึกการควบคุมอารมณ์ในการกระทำต่อทุก ๆสิ่งโดยวางอารมณ์ให้เป็นปกติเรียบเฉย (อุเบกขา) คือเรื่องใดที่แก้ไขไม่ได้หรือเป็นไปแล้วก็ให้หาทางแก้ไขไม่ใช่การใช้อารมณ์ตัดสินแบบขาดสติจนเป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาท จนเป็นเหตุให้เกิดการฟ้องร้องเรื่องการทำร้ายร่างกายกันอีก
....
พยายามทำงานหรือทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาที่สุด เป็นเกราะป้องกันและเป็นทางที่ดีที่สุดในการป้องกันการถูกฟ้องร้องให้เกิดคดี รวมไปถึงเรื่องการจ่ายเงินภาษีด้วยเพราะมีหลาย ๆบริษัทที่ประกอบกิจการงานดีทุกอย่าง ทำงานเป็นระบบ สินค้าก็เป็นของดีมีคุณภาพและเป็นธรรมกับผู้บริโภคแต่ ไม่ยอมจ่ายภาษีหรือตกแต่งบัญชีปลอมไปหลอกเจ้าหน้าที่ ก็กลายเป็นเหตุแห่งคดีความได้เช่นกัน นอกจากนั้นยังอาจเสี่ยงต่อการถูกใส่ร้ายป้ายสีอีกด้วย
....
วิธีแก้ไขในทางธรรม
ผู้ที่เจอกับคดีความบ่อย ๆมักจะเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ หรือความผิดพลาดในการทำงานร่วมกับผู้อื่นนอกจากพยายามแก้ไขตนเองไม่ให้ประมาทแล้วควรหมั่นไปทำบุญทำทานดังนี้ ไปซื้อโลงศพทำบุญทำทานให้ผู้เสียชีวิตที่อนาถาเพื่อเป็นการสงเคราะห์ให้ดวงวิญญาณได้รับความสงบสุขไม่ต้องทุกข์ร้อนเรื่องร่างกายที่จะไม่ได้รับการประกอบพิธีกรรม โดยไปทำบุญโลงศพได้ตามมูลนิธิต่างๆ หรือหากใครมีกำลังทรัพย์มากพอก็สามารถบริจาคเป็นโลงศพเลยก็ได้ ปล่อยปลา ปล่อยนกโดยมีเคล็ดวิธีการดังนี้
.....
ควรไปซื้อนก ซื้อปลาจากตลาดสดโดยเลือกปลาที่ชะตากำลังจะหมดหรือกำลังจะตายเพราะจะถูกคนซื้อไปฆ่าทำเป็นอาหาร และควรนำไปปล่อยที่แม่น้ำใหญ่จะดีกว่าลำคลองเล็กๆ เพราะนอกจากจะให้เขาเป็นอิสระแล้วยังทำให้เขามีโอกาสรอดชีวิตได้มากกว่า
.....
ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาแนะนำไว้ว่า ถ้าสามารถปล่อยปลาหรือนกให้ลงท้ายด้วยเลข 9 หรือตามกำลังทรัพย์ที่สะดวก ถ้ารู้สึกว่า ณ เวลานั้นกำลังมีเคราะห์กรรมหนักคือกำลังเผชิญหน้ากับคดีความชี้เป็นชี้ตายอนาคต ก็ให้ปล่อยปลาเท่าอายุ เช่น 30 ปี ก็สามารถทยอยปล่อยให้ครบจำนวน 30 ตัวภายใน 1 เดือนก็ได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปปล่อยที่วัด แต่เป็นที่ที่เราสะดวกก็ได้ และเมื่อใดที่ปล่อยสัตว์ใดๆแล้ว ต้องงดกินเนื้อสัตว์นั้นตลอดชีวิต

.....
ถ้ากรรมหนักนั้น ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำให้บวช เพื่อเป็นการเอาตนเองสู่โลกทางธรรมอย่างเร็วที่สุด ถ้าบวชพระ บวชชีสละเพศฆราวาสไม่ได้ ขอให้เข้าไปบวชเนกขัมมะหรือบวชพราหมณ์ปฏิบัติธรรมที่วัด ถือศีล 8 อย่างเคร่งครัด และถ้าได้ร่วมสร้างพระประธานหรือพระใหญ่ๆ แล้วอุทิศบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรเสีย ยิ่งเป็นการดีมากๆ ที่ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
.....
นอกจากการปล่อยสัตว์หรือทำบุญด้วยทานที่กล่าวมาแล้วต้องถือศีล 5 ให้เคร่งครัดที่สุด และควรถือศีล 8 ให้เคร่งครัดอย่างน้อยอีก 7 วัน เพราะอานิสงส์ของศีลจะทำให้ชีวิตเป็นปกติไม่ต้องเจอเรื่องทุกข์ร้อนใด ๆ และเจ้ากรรมนายเวรใด ๆก็ไม่สามารถเข้ามาแผ้วพานได้ด้วย
....
ต่อจากนั้นให้ฝึกเจริญวิปัสสนากรรมฐานเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วันภายในหนึ่งเดือน โดยสวดมนต์ไหว้พระและอุทิศบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวรด้วยบทอุทิศบุญโดยเฉพาะต้องอุทิศบุญไปให้คู่กรณีหรือคู่ความของตนเองที่กำลังมีปัญหาต่อกันอยู่เป็นประจำ เพราะ การที่คนเราต้องเกิดมาเจอกันและผูกพันกันจนต้องก่อเวรก่อกรรมให้เป็นคดีความนั้นก็เพราะ เคยสร้างกรรมที่ไม่ดีร่วมกันมาก่อนและผูกเวรต่อกันจึงทำให้เดือดร้อนสร้างกรรมกันต่อไปไม่รู้จบ
......
หมายเหตุ ให้สวดมนต์บทอุทิศบุญและบทขออโหสิกรรมให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ บทสวดมนต์ที่อยากจะแนะนำคือ บทสวดพระชัยมงคลคาถาหรือที่เรียกกันว่าบทสวดพาหุงมหากาฯ และบทสวดพระมหาจักรพรรดิ ของหลวงปู่ดู่ วัดสะแกจ.อยุธยา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มกราคม 2015, 16:12:04
คำสอน...ท่านหลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ

ระวังตัวในคำพูด ยิ่งพูดไม่ดีเกี่ยวกับคนอื่น มากเท่าไร พลังงานที่ไม่ดีที่เราสร้างไว้ มันจะเด้งเข้ามาหาตัวเอง ดังนั้น อย่าติใคร อย่าว่าใคร อย่านินทาใคร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มกราคม 2015, 16:10:48
บางครั้งการปิดหู ปิดตา ปิดวาจา ปิดใจ บ้างก็สงบ และการเฝ้าคอยรับรู้ติดตามเรื่องราวของคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ย่อมวุ่นวายไม่รู้จบ หาความสุขอันใดได้ยาก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มกราคม 2015, 16:27:49
คำสอน...ท่านหลวงปู่ชา สุภทฺโท

"ถ้าท่านมีโทสะในขณะภาวนา ให้แก้ด้วยเมตตาจิต
ถ้าใครทำให้โกรธอย่าโกรธตอบ
ถ้าท่านโกรธตอบท่านจะยิ่งโง่กว่าเขา
จงเป็นคนฉลาดสงสารเห็นใจเขา
เพราะว่าเขากำลังได้ทุกข์
เพ่งอารมณ์เมตตาเป็นอารมณ์ภาวนา
แผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก
เมตตาเท่านั้นที่จะเอาชนะโทสะและความเกลียดได้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มกราคม 2015, 16:29:43
"ปลงอสุภะ"
.....
เมื่อใดก็ตามที่เราสามารถทำใจได้ว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีจุดจบสุดท้ายคือความตาย ตายแล้วก็เน่าเหม็นหนอนชอนไชทั่วร่าง ย่อยสลายเป็นธาตุ น้ำ ดิน ลม ไฟหายไป แบบไร้ตัวตนได้แล้วละก็ เราย่อมไม่ยึดติดครอบครองในรูปกายสวยงามที่ไม่จีรังยั่งยืนเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มกราคม 2015, 15:15:26
"เมื่อพบการพลัดพรากหรือสูญเสียไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือบุคคลอันเป็นที่รัก จงบอกกับตนเองว่า นี่คือสัจธรรม ที่มนุษย์ทุกคนต้องพบ หมั่นฝึกใจไว้พบกับการสูญเสียไว้ทุกวัน เมื่อวันใดพบกับการสูญเสีย เราจะทำใจได้และไม่ทุกข์จนเกินไป"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มกราคม 2015, 16:20:33
คำสอน....ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
.....
"ส้วมเคลื่อนที่"
......
ภายใต้หนังกำพร้าของคนเรามีแต่ความโสโครก น่าเกลียดน่าสะอิดสะเอียน มีอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต ไส้น้อย ไส้ใหญ่ กระเพาะ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำดี อุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อไคล ขังอยู่ภายในร่างกายโดยมีหนังกำพร่าห่อหุ้มอยู่
.....
ถ้าลอกหนังออกจะเห็นร่างมีเลือดไหลโซมกาย เนื้อที่ปราศจากผิวหนังห่อหุ้มจะมองไม่เห็นความสวยสดงดงามเลย มองแล้วอยากจะอาเจียนมากกว่าน่ารัก ที่พอจะมองเห็นว่าสวยงามก็ตรงผิวหนังห่อหุ้มเท่านั้น ผิวหนังนี้ก็ใช่ว่าจะเกลี้ยงเกลาเสมอไปไม่ คนเราต้องคอยอาบน้ำชำระล้างทุกวันเพราะสิ่งโสโครกเหงื่อไคลภายในหลั่งไหลออกมาลบเลือนความผุดผ่องของผิวกายอยู่ตลอดวัน
.....
ถ้าไม่คอยชำระล้างก็จะสกปรกเหม็นสาบน่ารังเกียจ ทางช่องทวารขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ก็หลั่งไหลออกมาตามกำหนดเวลาของมันทุกวัน น่ารังเกียจ เลอะเทอะโสมม ซึ่งเจ้าของไม่ปรารถนาจะแตะต้องทั้งๆ ที่เป็นของในกายของตัวเองยิ่งพิจารณาไปคนเราก็คือส้วมเคลื่อนที่ หรือป่าช้าที่บรรจุซากศพเคลื่อนที่ และเป็นผีเน่าที่เดินได้ดีๆ นี่เอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มกราคม 2015, 16:14:45
หลวงปู่ศรี มหาวีโร
......
"ความดี กับ ความไม่ดี ขึ้นอยู่กับเหตุ
คือเราทำไว้ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับคนพูด"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มกราคม 2015, 19:33:29
บทแผ่เมตตาให้แก่ตัวเราเอง
......
อะหัง สุขิโต โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข)

อะหัง นิททุกโข โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์)

อะหัง อะเวโร โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร)

อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง)

สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด)
.......
บทแผ่เมตตาไปสู่ผู่อื่น
....
สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ นิททุกขา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
....
ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงถึงความสุข ปราศจากความทุกข์ ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีความคับแค้นใจ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด ฯ
......
บทแผ่เมตตาทั่วไป
.....
สัพเพ สัตตา -สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
....
อะเวราโหนตุ- จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
....
อัพยาปัชฌาโหนตุ -จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
....
อะนีฆาโหนตุ- จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
....
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ -จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มกราคม 2015, 18:43:05
ใครพูดใครบ่นใครด่าใครนินทา ไม่ว่าจะดีหรือจะร้ายอย่างไรก็ตาม ช่างเขา ง่ายๆ สั้นๆ "วาง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มกราคม 2015, 16:13:57
นะ โม พุท ธา ยะ.
....
พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ วัดพระธาตุผาแก้ว สร้างเสร็จแล้ว พุทธศาสนิกชนยินดี
...
ชมความงามของ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ใน วัดพระธาตุผาแก้ว ที่สร้างเสร็จแล้ว รอพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาไปร่วมแสดงความเคารพ
...
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2557 มีรายงานว่า ในโลกออนไลน์ ได้มีการเผยแพร่ภาพของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว อ. เขาค้อ จ. เพชรบูรณ์ ซึ่งที่นี่ ถือเป็น 1 ใน 10 สถานที่ Dream Destination ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมสัมผัสด้วยกัน
....
ทั้งนี้ ภาพพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ของ วัดผาซ่อนแก้ว เป็นพระพุทธรูปของพระพุทธเจ้าสีขาว นั่งซ้อนกันอยู่บนฐานดอกบัว มีความยิ่งใหญ่ เห็นเด่นเป็นสง่ามาตั้งแต่ไกล โดยมีภูเขาด้านหลังเป็นส่วนเสริมความงามและบารมีของพระพุทธรูป
.....
วัดพระธาตุผาแก้ว หรือชื่อเดิม พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่บนพื้นที่ 91 ไร่ บริเวณเนินเขาของหมู่บ้านทางแดง ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2547 และได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัด เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2553 มีเจ้าอาวาสคือ พระครูสังฆรักษ์ ปารมี สุรยุทโธ โดยที่มาของชื่อ ผาซ่อนแก้ว นั้น มีที่มาจากชาวบ้านในหมู่บ้านทางแดงเห็นลูกแก้วลอยอยู่บนฟ้า แล้วหายเข้าไปในถ้ำที่ปลายยอดหน้าผา ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าสิ่งอัศจรรย์นั้นคือ พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา จึงยกย่องสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่มงคลและศักดิ์สิทธิ์
....

เรียบเรียงข้อมูลโดย....กระปุกดอทคอม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มกราคม 2015, 15:46:43
คติธรรมคำสอน....ท่านพระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร วัดถ้ำผาปิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย
........
บาป บุญ คุณ โทษ มีจริง นรก สวรรค์ มีจริง พระนิพพานมีจริง เหตุอย่างไร ผลก็เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นมนุษย์รีบสร้างบารมี คือ ทำบุญ รักษาศีล ให้ทาน และภาวนาดีกว่า ที่มาเป็นมนุษย์สมบัติพบพระพุทธศาสนาแล้ว ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ จงสร้างบารมีอย่างเต็มที่ เหตุที่ไม่มีเวลาภาวนาเพราะภายในจิตยังมีตัณหาอยู่ จิตยังมีขึ้น มีลงอยู่ ไม่เห็นความบริสุทธิ์ และความปกติของจิต กิเลสตัณหาดูดเอาไปหมด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มกราคม 2015, 16:05:40
คติธรรมคำสอน....ท่านพระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร วัดถ้ำผาปิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย
........
บาป บุญ คุณ โทษ มีจริง นรก สวรรค์ มีจริง พระนิพพานมีจริง เหตุอย่างไร ผลก็เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นมนุษย์รีบสร้างบารมี คือ ทำบุญ รักษาศีล ให้ทาน และภาวนาดีกว่า ที่มาเป็นมนุษย์สมบัติพบพระพุทธศาสนาแล้ว ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ จงสร้างบารมีอย่างเต็มที่ เหตุที่ไม่มีเวลาภาวนาเพราะภายในจิตยังมีตัณหาอยู่ จิตยังมีขึ้น มีลงอยู่ ไม่เห็นความบริสุทธิ์ และความปกติของจิต กิเลสตัณหาดูดเอาไปหมด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มกราคม 2015, 16:21:12
บทอธิษฐานขออโหสิกรรม
......
กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง
อะสัญจิจจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม
.....
กรรมใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษ ให้เป็นอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าอย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย
.......
แม้แต่กรรมใดที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้นกลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป
......
ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า พร้อมทั้งครอบครัว ตลอดจนวงศาคณาญาติ ผู้่มีอุปการคุณของข้าพเจ้า พ้นจากความทุกข์ยากลำบากเข็ญใจ ความทุกข์อย่าได้ใกล้ ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอให้มีความสุขสวัสดีมีชัย เสนียดจัญไร และอุปัทวันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสิ้นหายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใด ที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมด้วย ขอให้สิ่งนั้น จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จเทอญ.
......
นิพพานัง ปัจจะโย โหตุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 มกราคม 2015, 16:11:37
บทอธิษฐานขออโหสิกรรม
......
กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง
อะสัญจิจจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม
.....
กรรมใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษ ให้เป็นอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าอย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย
.......
แม้แต่กรรมใดที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้นกลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป
......
ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า พร้อมทั้งครอบครัว ตลอดจนวงศาคณาญาติ ผู้่มีอุปการคุณของข้าพเจ้า พ้นจากความทุกข์ยากลำบากเข็ญใจ ความทุกข์อย่าได้ใกล้ ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอให้มีความสุขสวัสดีมีชัย เสนียดจัญไร และอุปัทวันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสิ้นหายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใด ที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมด้วย ขอให้สิ่งนั้น จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จเทอญ.
......
นิพพานัง ปัจจะโย โหตุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2015, 16:25:18
หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน

"ชีวิตของคนเรา จะแตกดับลงเมื่อไรก็ได้ กลับไม่แสวงหาบุญกุศล
เป็นเสบียง ย่อมเสี่ยงต่อการเป็นผู้อนาถามาก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กุมภาพันธ์ 2015, 16:24:44
คำอธิษฐาน กราบบูชาพระบรมสารีริกธาตุ (พระพุทธปฎิมา)
....
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด 3 จบ)
.....
*ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง
ข้าพเจ้าขอกราบนอบน้อม บูชาพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเสียสละสั่งสมบารมีนับชาติมิถ้วน เพื่อตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศธรรม นำเวไนยสัตว์ออกจากสังสารวัฎ*
.....
*พร้อมกราบพระธรรม และพระอริยสงฆ์ ขอตั้งสัจจะอธิษฐาน ด้วยอานิสงส์ผลแห่งบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้ได้ถึงซึ่งพระนิพพาน ได้พบสัตตบุรุษผู้รู้ธรรมอันประเสริฐ มีกรรมสัมพันธ์ที่ดี เป็นสัมมาทิฏฐิ ห่างไกลจากพาล มีโอกาสฟังธรรม ประพฤติธรรม จนเป็นปัจจัยให้เจริญด้วยสติและปัญญาญาณ ตามส่งชาตินี้และชาติต่อๆไป จนถึงพระนิพพานในกาลอันควรเทอญ แม้ยังต้องเกิดอีกในภพชาติใดๆ ขอเกิดภายใต้ร่มเงาแห่งบวรพระพุทธศาสนา และท่ามกลางกัลยาณมิตร*
.....
*กรรมใดที่ได้ล่วงเกินต่อ พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในอดีตชาติก็ตาม ปัจจุบันชาติก็ตาม ขอกราบอโหสิกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น*
.......
*ขออุทิศกุศลผลบุญให้แด่ท่านผู้มีพระคุณ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร เทพยดาอารักษ์และผู้ปกปักรักษาดูแลข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนท่านที่ขวนขวายในกิจที่ชอบในการดำรงรักษาไว้ซึ่ง ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และองค์พระมหากษัตริย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ ขอให้ท่านทั้งหลายดังกล่าวนามมานั้น จงมีแต่ความสุข ทั่วหน้ากันทุกท่านเทอญ*


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2015, 16:19:42
พุทธศาสนสุภาษิต
.......
ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบูญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2015, 16:23:01
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
.......
"ทำบุญกับพระที่ไหนๆ ก็ต้องไม่ลืมพระที่บ้าน พ่อแม่เรานี่แหล่ะ อย่ามองข้ามท่านไป"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: athikom ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2015, 16:14:07
ครับ   นั้นขอแนะนำเว็บไซต์ทดสอบธรรมะแบบออนไลน์ เพื่อผู้ต้องการเพิ่มความรู้เกี่ยวกับธรรมะครับ
เข้าชมได้ที่ http://www.kundham.com



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2015, 18:48:04
พระพุทธพจน์

"เรือนมีการอยู่ครองไม่ดี นำความทุกข์มาให้ การอยู่ร่วมกับบุคคลผู้ไม่เสมอกัน นำความทุกข์มาให้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2015, 18:21:03
ท่านเชื่อไหมว่าบุคคลที่มีความสุขที่สุดในโลกนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะว่าพวกเขามีเงินทองมากมาย หรือมีการศึกษาที่สูงส่ง หรือมีบ้านใหญ่ราคาแพง หรือมีรถหรูๆขับ แต่เป็นแค่เพียงคนธรรมดาๆที่มีแค่ความสบายใจและ"ปล่อยวาง"ได้ เท่านั้นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2015, 16:31:06
คำสอนหลวงตาม้า วิริยะธโร
.......
"ยิ่งแผ่บุญให้เขา
ตัวเรายิ่งสว่าง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2015, 16:20:14
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
........
ลักษณะของบุญคือ ใจเราดี ใจเรามีความสุข ใจเรามีความสบาย เย็นอกเย็นใจ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่วุ่นไม่วาย นี่แหล่ะบุญ มีหรือยัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2015, 16:24:35
พิจารณาว่า “เราจะต้องพลัดพรากจากคนรักของรักเป็นธรรมดา”
.......
การพิจารณาเช่นนี้จะเป็นการเตือนใจเราให้ตระหนักถึงความจริงที่จะต้องเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง และหากเหตุร้ายนั้นเกิดขึ้นในที่สุด คุณจะทำใจได้ง่ายขึ้น การเตือนใจตนเองเช่นนี้ยังจะช่วยให้คุณปฏิบัติต่อเขาด้วยความใส่ใจมากขึ้น เพราะรู้ว่าเขาจะต้องจากคุณไปในที่สุด
.......
การทำดีกับคนที่เรารักอยู่เสมอ ไม่เอาแต่ใจตัวเอง นอกจากจะเป็นการถนอมความรักให้ยืนยาวแล้ว ยังจะทำให้คุณไม่รู้สึกผิดเมื่อเขาจากไป สาเหตุที่คนเป็นอันมากรู้สึกผิดเมื่อคนรักจากไปก็เพราะเสียดายที่ไม่ได้ทำความดีกับเขาตอนที่เขาอยู่ หรืออาจจะทำอะไรที่ไม่ดีกับเขาด้วยซ้ำ พอเขาจากไปจึงเสียใจ ยิ่งรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรให้แก่เขาได้แล้ว ก็ยิ่งเสียใจมากขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2015, 16:25:54
อมตะวาจา...ท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)
.....
*หมั่นสร้างบารมีไว้...แล้วฟ้าดินจะช่วย*
......
" ลูกเอ๋ย ... ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีจากหลวงพ่อองค์ใดเจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือ บารมีของตนลงทุนไปก่อนเมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีของคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมเขามาจนล้นตัว เมื่อทำบุญกุศลได้บารมีมาก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้าจะไม่มีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเจ้าเอง
......
จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ครั้นถึงเวลาทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า"
........
*ด้วยอมตะวาจาของหลวงพ่อโตนี้จึงเป็นเหตุที่มาให้มนุษย์ทำความดีไม่สิ้นสุด*


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2015, 17:42:10
*บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี
ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว*


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2015, 18:30:31
พุทธศาสนสุภาษิต
.....
"คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม"
พุทธศาสนสุภาษิต "คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nong4534 ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2015, 09:51:25
สาธุ สาธุ  :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2015, 18:17:46
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
......
มีศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ ก็เป็นมนุษย์สุดประเสริฐที่สุดแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2015, 05:14:56
บางครั้งการปิดหู ปิดตา ปิดวาจา ปิดใจ บ้างก็สงบ และการเฝ้าคอยรับรู้ติดตามเรื่องราวของคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ย่อมวุ่นวายไม่รู้จบ หาความสุขอันใดได้ยาก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2015, 16:15:08
ฝึกการยอมรับในความเป็นจริงของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบเพียงใด ไม่ว่า ผิดหวัง สูญเสีย เจ็บป่วย ล้วนแล้วแต่ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราทุกคนต้องได้ผ่าน บททดสอบนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ขอให้เรารักษาใจเราให้เป็นสุข อยู่เสมอ เพราะความสุขมันอยู่ใกล้แค่นี้เอง แค่ที่ ใจของเรา นี่เองแหละ…


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2015, 16:18:55
พุทธศาสนสุภาษิต
......
ยานิ กโรติ ตานิ ปสฺสติ
คนทำกรรมใดไว้ ย่อมเห็นกรรมนั้นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2015, 16:16:31
พุทธศาสนสุภาษิต
......
ยานิ กโรติ ตานิ ปสฺสติ
คนทำกรรมใดไว้ ย่อมเห็นกรรมนั้นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2015, 18:17:05
พระพุทธพจน์
......
กรรมไม่ดีและไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ทำได้ง่าย ส่วนกรรมใดแล เป็นประโยชน์ด้วย ดีด้วย กรรมนั้นแล ทำได้ยากอย่างยิ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2015, 16:28:48
*บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว*


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2015, 16:12:20
หลวงปู่จันทร์ กุสโล
.....
"ถ้าผูกใจเจ็บจะเจ็บใจเรา
ถ้าเมตตาเขาใจเราสบาย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2015, 16:22:08
พระพุทธพจน์
......
"ความชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า เพราะความชั่วทำให้เดือดร้อนในภายหลัง ส่วนความดีทำนั่นแลเป็นดี เพราะทำแล้วไม่เดือดร้อนในภายหลัง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2015, 16:15:47
ฐานสูตร
...
"สตรี บุรุษ ผู้ครองเรือน นักบวช ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีการกระทำ (กรรม) เป็นของตน เป็นทายาทแห่งการกระทำ มีการกระทำเป็นกำเนิด มีการกระทำเป็นเผ่าพันธุ์ มีการกระทำเป็นที่พึ่ง จะกระทำดีก็ตาม กระทำชั่วก็ตาม เราเป็นผู้รับผลของการกระทำนั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2015, 16:24:01
คำสอน....ท่านหลวงปู่จันทร์ กุสโล
.....
อย่าพยายามทำคนอื่นให้เหมือนใจเรา เพราะเราก็ทำให้เหมือนใจคนอื่นไม่ได้ อย่าทำตัวเป็นผู้รับฝ่ายเดียว จงทำตัวเป็นผู้ให้ด้วย อย่าทำตัวให้เด่นกว่างาน จงพยายามทำงานให้เด่นกว่าตัว อย่าทำบ้านให้แข็งแรงกว่าพื้นฐาน จงทำพื้นฐานให้แข็งแรงกว่าบ้าน อย่าพยายามทำสิ่งที่ได้ให้เท่ากับใจ จงพยายามทำใจให้เท่ากับสิ่งที่ได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: analyser ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2015, 17:27:53
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีเพียงไม่กี่หน้า แต่เป็นหนังสือที่มีสาระเน้นๆเท่านั้น อยากจะแนะนำ เราไม่จำเป็นต้องซื้อเล่มอื่นเลย เป็นหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ชื่อเรื่องว่า



วิธีสร้างบุญบารมี
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ ๑๙




คนส่วนใหญ่รู้แค่ว่าการทำบุญคือการให้ทาน แต่แท้จริงแล้วการทำบุญโดยย่อมี 3 อย่าง
1.ให้ทาน
2.รักษาศีล
3.เจริญภาวนา
เรื่องให้ทานไม่ต้องพูดถึง ใครๆก็รู้ แต่ที่ส่วนมากไม่รู้คือเรื่องจำนวนเงินนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ความตั้งใจ
ถ้าตั้งใจจะได้อานิสงค์เต็มที่
วันนี้จะพูดเรื่องการรักษาศีล
ถ้าเราให้ทานแต่ถ้าไม่รักษาศีลมันก็เหมือนกันเราทำบาปอีกอย่างหนึ่ง ทำให้เราศีลเราขาด เข้าเรื่องดีกว่า
1.งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ด้วยตนเอง และใช้คนอื่นให้ฆ่า หมายความถึงการขายสัตว์เพื่อนำไปฆ่าด้วย
2.งดเว้นจากการลักทรัพย์ ด้วยตนเอง และใช้คนอื่นให้ลัก ถ้าเป็นพระอาบัติถึงปาราชิกเลย
3.งดเว้นจากการประพฤติละเมิดในทางประเวณี
4.งดเว้นจากการพูดปด พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
5.เว้นจากการดื่มน้ำเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ถ้าเรารักษาศีลไม่ให้ขาดก็เหมือนกับการที่เราทำบุญนั่นแหละ


ธรรม 4 อย่างนี้ ย่อมเนื่องกัน แต่ละอย่างๆ มีหน้าที่เฉพาะของตน
1.คือความพอใจ ในฐานะเป็นสิ่งที่ ตนถือว่า ดีที่สุด ที่มนุษย์เรา ควรจะได้ ข้อนี้ เป็นกำลังใจ อันแรก ที่ทำให้เกิด คุณธรรม ข้อต่อไป ทุกข้อ
2.คือความพากเพียร หมายถึง การการะทำที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จนประสบ ความสำเร็จ คำนี้ มีความหมายของ ความกล้าหาญ เจืออยู่ด้วย ส่วนหนึ่ง
3.หมายถึงความไม่ทอดทิ้ง สิ่งนั้น ไปจากความรู้สึก ของตัว ทำสิ่งซึ่งเป็น วัตถุประสงค์ นั้นให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า สมาธิ อยู่ด้วยอย่างเต็มที่
4.หมายถึงความสอดส่องใน เหตุและผล แห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า ปัญญา ไว้อย่างเต็มที่


สติ หมายถึง ความระลึกได้ ก่อนจะทำ พูด หรือคิด คืออาการของจิตที่นึกขึ้นได้ว่าจะทำ จะพูดอย่างไรจึงจะถูกต้อง มีหน้าที่กระตุ้นเตือนคนเราให้ทำ พูด หรือคิดในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่หลงลืมตัว โดยใช้ดุลพินิจพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจึงปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมต่างๆ ออกมา

กล่าวคือความไม่ประมาทปล่อยจิตนึกคิดไปตามอารมณ์ที่ปรารถนา

“สติ” เป็นธรรมควบคุมเหนี่ยวรั้งจิตใจให้คิดดี ทำดี หรือพูดดี เพราะธรรมชาติของจิตมีการนึกคิดตลอดเวลา ซึ่งถ้าขาดสติกำกับ เป็นความคิดที่ฟุ้งซ่านไปตามอารมณ์ต่างๆ อย่างไร้ทิศทาง แต่ถ้ามีสติกำกับแล้วจะทำให้ไม่ประมาทหรือพลั้งเผลอคิดชั่ว พูดชั่ว หรือทำชั่ว เพราะสติจะทำหน้าที่คอยควบคุม รักษาสภาพจิตใจให้อยู่ในภาวะที่ต้องการ โดยการตรวจตราความคิดเลือกรับแต่สิ่งที่ดีงาม กีดกันสิ่งที่ไม่ดีซึ่งตรงกันข้าม ตรึงกระแสความคิดให้เข้าที่ ทำให้จิตเป็นสมาธิได้ง่าย

ในการเรียนหนังสือ ถ้านักเรียนควบคุมจิตใจให้มีสติมั่นคง สนใจในวิชาที่เรียน ขยันทบทวนสิ่งที่ได้เรียนมาแล้ว ไม่ปล่อยจิตฟุ้งซ่านคิดถึงเรื่องอื่นๆ สำรวมจิตให้จรดนิ่งสงบตั้งมั่นในอารมณ์เดียวไปตามลำดับ ไม่วอกแวก จะช่วยจำบทเรียนได้ดีกว่าคนที่ฟุ้งซ่าน

นักเรียนที่มีผลการเรียนดีจึงมีพื้นฐานมาจากการฝึกสตินี้เอง

ในหน้าที่การงาน คนที่มีสติสามารถทำงานได้ผลดียิ่ง มีความผิดพลาดน้อย หรืออาจจะไม่มีข้อผิดพลาด หากขาดสติงานต้องผิดพลาดอยู่ร่ำไป ทำให้งานล่าช้า เสร็จไม่ทันตามกำหนด ไม่สามารถพัฒนาก้าวหน้าได้

ในการทำความดี ผู้มีสติสามารถดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท เว้นจากการทำความชั่วทุกอย่าง กระทำแต่ความดี และทำจิตให้ผ่องแผ้วจากกิเลสทั้งปวง สติเป็นหลักธรรมที่มีอุปการะมาก พัฒนาจิตพิจารณารู้เท่าทันสภาพที่แท้จริง ทำให้การดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข เมื่อเจริญสติให้มากยิ่งขึ้นสามารถบรรลุมรรค ผล และนิพพานได้ในที่สุด

ความรู้ตัวในขณะที่กำลังทำ กำลังพูด หรือกำลังคิดอยู่ เป็นอาการของจิตที่รู้จักแยกแยะสิ่งที่ตนกำลังทำ พูด คิดอยู่นั้นว่าเป็นประโยชน์ หรือไม่เป็นประโยชน์ เหมาะกับตนหรือไม่ เป็นความสุขหรือทุกข์ และเป็นความดีหรือชั่วหรือไม่อย่างไร ความรู้ชัด ความรู้ตัว เป็นลักษณะแห่งความรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลานี้ เรียกว่า  “สัมปชัญญะ”

“สัมปชัญญะ” เป็นธรรมที่ปฏิบัติคู่กับสติ แยกกันไม่ออก กล่าวคือสติเป็นเครื่องระลึกควบคุมยับยั้งจิตมิให้คิด พูด หรือทำชั่ว ส่วนสัมปชัญญะจะทำหน้าที่กำหนดรู้ในเวลาคิด พูด หรือทำอยู่ ดังนั้น จึงเรียกว่า สติสัมปชัญญะ

สติ ระลึกได้ทั้งในเรื่องอดีต อนาคต และปัจจุบัน ต้องใช้ในเวลาก่อนคิด พูด และทำ...สัมปชัญญะ รู้ตัวในปัจจุบัน ต้องใช้ในขณะที่กำลังคิด พูด และทำอยู่

สติและสัมปชัญญะนี้จัดเป็นกุศลธรรมที่คู่กันเสมอ จะแยกจากกันมิได้ เมื่อมีสติต้องมีสัมปชัญญะ สติเปรียบเหมือนดวงไฟ ส่วนสัมปชัญญะเปรียบเหมือนแสงสว่างของดวงไฟ

การทำหน้าที่ คนเราจำต้องมีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะ คือควรเจริญให้เกิดมีขึ้นในตนตลอดเวลา ทั้งในขณะจะทำ พูด หรือคิด เพราะสติสัมปชัญญะจะคอยคุมรักษาจิตให้ตั้งมั่นแน่วแน่ในทางที่ดีมีประโยชน์ ไม่ให้ความชั่วร้ายเข้าครอบงำจิตได้ ดังนั้น สติสัมปชัญญะจึงเป็นคุณธรรมที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง

“สติสัมปชัญญะ” มีอุปการะมากแก่คนเรา โดยเป็นธรรมควบคุมเส้นทางดำเนินชีวิตไม่ให้พลั้งเผลอทำในสิ่งที่ไม่สมควร ท่านเปรียบเหมือนหางเสือ ที่คอยกำหนดทิศทางไม่ให้เรือแล่นไปเกยตื้น เป็นเครื่องปลุกเร้าให้บุคคลมีเหตุผล รู้จักไตร่ตรองด้วยปัญญา และสนับสนุนธรรมคือการรู้จักคิดอย่างมีเหตุผล

พฤติกรรมของผู้มีสติสัมปชัญญะจะแสดงออกมาในลักษณะที่พิจารณาด้วยปัญญาแล้ว บริโภคอาหาร รู้จักประมาณ รู้จักคุณโทษของอาหารที่จะบริโภค ไม่เผลอสติในการทำงาน มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการทำกิจ เป็นต้น

ผู้มีสติสัมปชัญญะย่อมมีความสำนึกรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ว่าตัวเองเป็นใคร มีหน้าที่อย่างไร เมื่อปฏิบัติหน้าที่อยู่ รู้ตัวอยู่เสมอว่าตัวเองกำลังทำอะไร ดีหรือชั่ว เป็นคุณหรือโทษ เท่ากับว่าควบคุมตัวเองไว้ได้ตลอดเวลา

ด้วยความสำคัญดังกล่าวมานี้ ท่านจึงจัดสติสัมปชัญญะว่าเป็นธรรมมีอุปการะมาก คือเป็นคุณธรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนเรา และเป็นธรรมมีอุปการะให้กุศลธรรมอื่นๆ เกิดขึ้นดำรงมั่นคงอยู่ในจิตได้


ตามหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ธรรมอันทำงาม นั้นมีอยู่ 2 ประการ ดังนี้

         ประการแรก คือ ขันติ ความอดทน หมายถึง ความอดทนอดกลั้นไว้ได้ในเมื่อใจถูกกระทบด้วยอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ก็ไม่แสดงอาการวิตกทุกข์ร้อน หรือโมโหฉุนเฉียว ไม่มีการทำหรือคำพูดตอบโต้ เรื่องที่ต้องใช้ความอดทนนั้น มีอยู่ 4 ชนิด คือ อดทนต่อความลำบากตรากตรำ ไม่แสดงอาการย่อท้อ สิ้นหวัง ต่ออุปสรรคของชีวิต ทนต่อทุกเวทนา ไม่แสดงอาการทุรนทุรายจนเกินควรเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ทนต่อความเจ็บใจ ไม่แสดงอาการโกรธเมื่อไม่พอใจที่ถูกคนอื่นทำ หรือพูดกระทบกระแทกแดกดัน ทนต่ออำนาจกิเลส  ไม่แสดงอาการอยากมีอยากได้จนออกนอกหน้า แม้ได้มาก็ไม่ยินดีเกินเหตุ

         ประการที่ 2 คือ โสรัสจะ ความเสงี่ยม หมาย ถึง การรู้จักปรับสภาพจิตใจให้เยือกเย็นเหมืนเป็นปกติในเมื่อมีเรื่องต้องอดทน แม้จะถูกผู้อื่นทำหรือพูดกระทบกระทั่งจนเกิดเจ็บใจแต่ก็ทนได้ ไม่แสดงอาการใดๆ ให้ปรากฎ เป็นเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ธรรมข้อนี้ มีหน้าทีข่มใจให้สงบนิ่ง ไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาภายนอก

         ธรรมทั้ง 2 ประการนี้ เรียกว่า โสภณธรรม  ธรรมอันทำให้งาม  เครืองประดับกายจำพวกเพชรนิลจินดา เป็นแค่เครื่องส่งเสริมความงามภายนอก แต่ขันติและโสรัสจะนี้ เป็นเครืองประดับภายในจิตใจ ทำให้เป็นคนมีสง่าราศรี น่ายกย่องนับถือ

         แค่หัวข้อธรรม 2 ข้อนี้คุณก็เป็นคนงามแล้ว ซึ่งไม่มีใครสามารถมาแย่งชิงเอาได้ ถ้าใครอยากได้ต้องทำให้เกิดขึ้นในใจเอง



"ธรรมคุ้มครองโลก" หมายถึง ธรรมที่ช่วยคุ้มครองทั้งมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ให้อยู่ด้วยกันอย่างปกติสุข โลกร่มเย็น ไม่เดือดร้อนวุ่นวาย เพราะมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายไม่เบียดเบียนกัน มีเมตตากรุณาต่อกัน ต่างไว้วางใจกันและกัน ในเรื่องต่างๆ เช่นชีวิต ทรัพย์สิน และของรักของหวง

เป็นคุณธรรมที่สนับสนุนหลักมนุษยธรรมให้เป็นไปด้วยดี โดยชักนำจิตใจของบุคคลให้เกิดความละอายต่อความชั่วและความเกรงกลัวต่อความประพฤติชั่วและผลของความชั่วที่จะติดตามมาทั้งยังป้องกันไม่ให้กระทำความชั่ว ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

เป็นหลักธรรมสนับสนุนให้บุคคลมีสามัญสำนึกในการละเว้นความชั่วทุจริต เป็นการเบียดเบียนตนและผู้อื่นให้เดือดร้อนภายหลัง

ธรรมคุ้มครองโลก มี 2 ประการ คือ หิริ และโอตตัปปะ

2.โอตตัปปะ หมายถึง ความเกรงกลัวต่อผลของความชั่ว มีลักษณะหวาดสะดุ้งกลัวต่อผลที่จะเกิดจากการทำบาปทุจริต คือ การประพฤติผิดทั้งทางกาย วาจา และใจ โดยพิจารณาเห็นชัดว่าสัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน ทำกรรมใดไว้ต้องรับผลกรรมของนั้น จึงมีความหวาดกลัวสะดุ้งต่อผลของกรรมชั่ว ไม่กล้าทำแม้ความผิดเล็กน้อย

เหตุที่ทำให้เกิดความกลัวต่อความชั่ว คือ

- เพราะกลัวต้องติเตียนตัวเอง

- เพราะกลัวผู้อื่นจะติเตียน

- เพราะกลัวถูกลงโทษ ถูกลงอาญา

- เพราะกลัวความทุกข์จะส่งผลในภายหน้า

เมื่อคนเรามาพิจารณาคำนึงถึงเหตุนี้ข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ความกลัวต่อความชั่วย่อมเกิดขึ้น

ผู้มีความสะดุ้งกลัวต่อผลของบาปทุจริต เปรียบเหมือนคนที่มีนิสัยหวาดกลัวเป็นนิจเห็นอสรพิษแม้ตัวเล็กๆ เกิดสะดุ้งกลัว ไม่อยากเข้าใกล้ พยายามหลีกหนีให้ห่างไกล

ฉะนั้น ความกลัวที่จัดว่าเป็นโอตตัปปะแท้จริงนั้น ต้องเป็นความกลัวต่อผลของความชั่วบาป หรือทุจริตเท่านั้น ในกรณีที่คนเรากำลังเดินอยู่กลางป่า บังเอิญไปพบเสือโคร่งเข้าพอดี ย่อมเกิดความกลัวอันตรายที่จะได้รับ

ความกลัวเช่นนี้ไม่จัดว่าเป็นความกลัวด้วยโอตตัปปะ หากแต่เป็นความกลัวตามสัญชาตญาณของมนุษย์และสัตว์ เพราะไม่ใช้ความกลัวต่อความชั่ว

ลักษณะของผู้มีหิริโอตตัปปะนั้นคือ "อายชั่ว กลัวบาป" บุคคลผู้ฝึกจิตใจให้อายชั่วกลัวบาปได้ดีแล้วเท่านั้น จึงจะไม่ทำความผิดทั้งต่อหน้าและลับหลัง ดังนั้น หิริโอตตัปปะจึงเป็นธรรมคุ้มครองโลก

คือมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่บนพื้นแผ่นดินนี้ให้อยู่เย็นเป็นสุข



สามารถเข้าไปโหลดไฟล์ mp3 มาฟังได้ครับ หรือดูผ่าน youtube ก็ได้ครับ


http://www.jozho.net/index.php?mo=3&art=42122001


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2015, 17:31:37
พระพุทธพจน์
......
"ศีลเป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย และเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้น พึงชำระศีลให้บริสุทธิ์"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2015, 18:24:01
การเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี อยู่แต่ในสถานที่ที่ดีงามท่ามกลางกัลยาณมิตรอยู่ตลอดเวลานั้น ย่อมเป็นมงคลแห่งชีวิต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2015, 18:37:00
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
......
"เอ็งนับถือข้า ข้าก็จะตามดูเอ็ง
จนกว่าเอ็งจะสำเร็จตามที่คิด"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015, 16:13:14
คติธรรม...หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ
......
เรื่องบาปถ้าเราเข้าใจจริงๆนะ
เราจะไม่กล้าทำผิดศีลเลย....


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2015, 16:23:06
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
.....
" โลกธรรม ๘ คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ซึ่งเป็นฝ่ายดี กับเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ซึ่งเป็นฝ่ายชั่ว ทั้งหมดนี้บุคคลใดติดอยู่ ก็เท่ากับผู้นั้นถูกเขาจองจำไว้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มีนาคม 2015, 16:27:30
โอม มณี ปัด เม ฮุม. (สวด 8 จบ)
.....
โอม.- ขอพรให้ประสบความสำเร็จ
มะ.- ขอพรให้จิตใจสะอาดบริสุทธิ์
ณี. -ขอพรให้มีความอดทน อดกลั้น
ปัด.- ขอพรให้มีความมานะ อุตสาหะ
เม.- ขอพรให้มีสมาธิ
ฮุม.- ขอพรให้มีสติปัญญาเฉียบแหลม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: 9inepiek ที่ 01 มีนาคม 2015, 17:04:18
สาธุครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มีนาคม 2015, 16:19:54
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
.....
"บุญ คือ ความสบายใจ ก่อนทำก็สบายใจ ขณะทำก็สบายใจ ทำแล้วก็สบายใจ คิดถึงทีไร สบายใจทุกที"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มีนาคม 2015, 16:23:39
หลวงพ่อชา สุภัทโท
......
คนเราจะมีความสุขมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า "มีเท่าไหร่"
แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเรา "พอเมื่อไหร่"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มีนาคม 2015, 16:11:45
หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร
......
"คนอื่นโกรธ เราเห็นเข้า เราก็ไม่ชอบ
ไฉนตัวของเราเองจะไปโกรธให้คนอื่น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มีนาคม 2015, 17:34:16
ท่านพุทธทาสภิกขุ
......
ถ้าเรากินเอง พรุ่งนี้ก็ถ่ายแล้ว
แต่ให้เพื่อนที่ไม่มีกิน อิ่มจนถึงปัจจุบัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มีนาคม 2015, 16:16:08
ฐานสูตร
...
"สตรี บุรุษ ผู้ครองเรือน นักบวช ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีการกระทำ (กรรม) เป็นของตน เป็นทายาทแห่งการกระทำ มีการกระทำเป็นกำเนิด มีการกระทำเป็นเผ่าพันธุ์ มีการกระทำเป็นที่พึ่ง จะกระทำดีก็ตาม กระทำชั่วก็ตาม เราเป็นผู้รับผลของการกระทำนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มีนาคม 2015, 16:29:58
พุทธศาสนสุภาษิต
.......
"คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มีนาคม 2015, 18:10:55
บุญคือความสบายใจ คิดถึงทีไร สบายใจทุกที การสะสมบุญย่อมนำแต่ความสุข ความสบายใจและความปิติเบิกบานใจมาให้เสมอ
เรื่องบางเรื่องนั้น หากไม่มีบุญที่ตนเองได้สร้างสะสมเอาไว้นั้นช่วยโอบอุ้มไว้แล้วไซร้ สิ่งใดก็ไม่สามารถช่วยให้พ้นจากความทุกข์หรือความเดือดร้อนต่างๆได้เลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มีนาคม 2015, 16:15:59
หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
........
"ไม่ดีนั้นเป็นบาป ดีนั้นเป็นบุญ คนที่จะมีความสุขได้ คนนั้นต้องมีบุญ บุญคือความดีใจ ไม่โกรธ ไม่อิจฉาริษยาใคร ไม่ปองร้าย ไม่มองใครในแง่ร้าย มองว่าเราคือเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน เราก็ทำใจให้เมตตาสงสารทุกคน ถ้าทำใจดีได้ มันก็เป็นสุขที่ใจ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มีนาคม 2015, 16:19:41
"สุดท้ายได้ตายทุกคน"
......
ชีวิตมนุษย์นั้นวนเวียนพานพบแต่การเกิดแก่เจ็บตายของบุคคลใกล้ชิด,ญาติหรือเพื่อนสนิทอันเป็นที่รัก อยู่เสมอ จึงทำให้คิดว่า มนุษย์นั้นหนีความตายไม่พ้นได้เลยสักคน พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "วันคืนล่วงผ่านไปทุกวัน บัดนี้พวกเรากำลังทำอะไรอยู่" ไม่มีสิ่งใดติดตัวมนุษย์ไปได้เลยสักอย่าง ต่อให้ร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติลาภยศอำนาจชื่อเสียงเกียรติยศสักปานใดก็ตาม มีแต่บุญหรือบาปเท่านั้นที่สามารถตามติดตัวของพวกเราไปได้ ดังนั้นพวกเราจึงควรหันมาทำแต่ความดี อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา กันดีกว่า การทำความดีนั้น อย่างน้อยที่สุดเราก็ปิติเบิกบานใจและมีแต่ความสบายใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มีนาคม 2015, 16:19:35
"ผู้ปฏิบัติธรรมคือ
ผู้มีบุญอันสูงสุด"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มีนาคม 2015, 16:18:38
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
......
"การเตือนผู้อื่นไม่ให้หลงผิดได้นั้นเป็นสิ่งดี
แต่การเตือนตนให้ได้ย่อมดีกว่า"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nong4534 ที่ 13 มีนาคม 2015, 17:23:04
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มีนาคม 2015, 18:54:47
ชีวิตของมนุษย์นั้น ไม่มีสิ่งใดแน่นอนได้เลย วันนี้สูงส่ง พรุ่งนี้อาจตกต่ำ มีเพียง “บุญกุศล”หรือ“กรรมชั่ว”ที่ตนเองทำไว้เท่านั้นที่จะติดตัวไปได้ ผู้มีปัญญา ย่อมมุ่งมั่นที่จะกระทำแต่ความดีเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มีนาคม 2015, 16:26:49
ศีล..ทำให้หล่อ ทำให้สวยและหน้าตาดี
ทาน..ทำให้รวย
ภาวนา..ทำให้เกิดปัญญาและเฉลียวฉลาด
......
หากต้องการเป็นคนที่หน้าตาดี สวยหรือหล่อ ร่ำรวยเงินทองและฉลาดเพียบพร้อมด้วยปัญญาและวาสนาบารมี จงเป็นคนดีด้วยศีล ทาน ภาวนา..สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มีนาคม 2015, 16:24:29
พุทธศาสนสุภาษิต
.......
ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบูญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มีนาคม 2015, 16:24:49
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
.....
"ทำทานแล้วต้องรักษาศีลด้วย
เหมือนเอาถ้วยชามมาใส่ของ
ใส่อย่างเดียว ไม่ล้างถ้วยล้างชาม ก็ไม่น่าใช้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มีนาคม 2015, 18:27:38
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
.........
"ให้รักษาศีล ๕ให้ครบ
เพราะศีล ๕ เป็นหลักประกันของสังคม
ให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
รักในทุกๆ ชีวิตเหมือนเป็นญาติของตน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มีนาคม 2015, 16:23:32
หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
...........
"สิ่งที่มันเป็นอดีตก็ผ่านไปแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้
สิ่งที่เป็นอนาคตก็ยังไม่มาถึง
เราก็อย่าได้ไปวิตกกังวล
เราปฏิบัติหน้าที่ของเราในปัจจุบันให้ดีที่สุด"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มีนาคม 2015, 16:29:27
การทำบุญหรือการทำความดีนั้นต้องทำอยู่ตลอดเวลา เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะตกไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายหรือสถานที่อันมืดมิดเมื่อใด เรื่องบางเรื่องนั้น หากไม่มีผลบุญที่ตนเองสะสมไว้ ก็ไม่มีสิ่งใดช่วยได้เลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มีนาคม 2015, 16:31:02
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
.....
คนธรรมดาทำบุญก็อยากได้บุญ คนมีปัญญาทำบุญหวังจะเกิดในภพใหม่ที่ดีกว่าเดิม แต่ชาวพุทธแท้ทำบุญเพื่อการปล่อยวางกิเลสอย่างสิ้นเชิง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มีนาคม 2015, 16:25:56
พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
.....
การกระทำ ชั่ววูบคือ การทำชั่ว ที่วูบเข้ามา แต่มันจะมีผลกับเรา และผู้ที่เกี่ยวข้องไป “ตลอดชีวิต” คิดและไตร่ตรองอย่างมีสติและรู้สัมปชัญญะทุกครั้งนะคุณโยม เจริญพร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มีนาคม 2015, 16:27:53
ไม่ว่าสถานการณ์ของชีวิตจะเป็นเช่นไรก็ตาม จงยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม และยิ้มไว้เสมอ แล้วทุกอย่างจะผ่านไปเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มีนาคม 2015, 18:37:49
น้ำไม่สามารถเข้ากับน้ำมันได้ฉันใด คนดีย่อมไม่มีวันเข้ากับคนชั่วหรือคนทุศีลได้ฉันนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มีนาคม 2015, 16:32:13
"มือของผู้ให้ ยิ่งใหญ่เสมอ ผู้ให้นั้น ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ อมนุษย์และเทวดา"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มีนาคม 2015, 16:27:00
อย่าได้ประมาทในชีวิตและกาลเวลา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มีนาคม 2015, 16:32:57
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
....
กรรมกำหนด "กรรมมีจริง ผลของกรรมมีจริง" "กรรมดีให้ผลดีจริง กรรมชั่วให้ผลชั่วจริง" "ผู้ใดทำกรรมใดไว้ จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ผู้ใดไม่ได้ทำหาต้องได้รับไม่”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มีนาคม 2015, 16:23:13
บางครั้ง"การเงียบ"และ"ยิ้ม"ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พึงกระทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มีนาคม 2015, 17:27:29
จูฬกัมมวิภังคสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔
.......
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 มีนาคม 2015, 16:24:15
"อย่าไปว่าคนอื่นเขา
ตัวเรานั้นดีแล้วหรือ"
........
หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 เมษายน 2015, 16:49:13
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 เมษายน 2015, 16:21:50
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
.....
"การผูกเวรกันนำมาซึ่งทุกข์ไม่จบไม่สิ้น แต่เวรระงับได้ด้วยการอโหสิกรรม เวรก็จะระงับกันไป"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 เมษายน 2015, 16:18:09
ใครพูด ใครด่าว่า ใครนินทา ใครเกลียดชัง ช่างเขา อย่านำมาใส่ใจ ให้อโหสิกรรมและแผ่เมตตา และมุ่งหน้าทำความดี อยู่ในทาน ศีล ภาวนาตลอดไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 เมษายน 2015, 16:23:40
พระพุทธพจน์
......
"จิตของผู้ใดเปรียบด้วยภูเขาหิน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ไม่กำหนัด ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ไม่โกรธเคือง ในอารมณ์เป็นที่ทั้งแห่งการโกรธเคือง จิตของผู้ใดอบรมแล้วอย่างนี้ ทุกข์จักถึงผู้นั้นแต่ที่ไหน ฯ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: 4Aoy ที่ 05 เมษายน 2015, 17:10:35
คำสอนของพระพุทธเจ้า

มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา   มโนเสฏฐา มโนมยา
มนสา เจ ปทุฏฺเฐน   ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวติ   จกฺกํ ว วหโต ปทํ


ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า
มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ
เหมือนล้อหมุนตามรอยเท้าโคที่ลากเกวียนไป ฉะนั้น
ถ้าคนมีใจชั่ว ก็พูดชั่วหรือทำชั่วตามไปด้วย
เพราะความชั่วนั้น ทุกข์ย่อมติดตามเขาไป

.........

มโน ปุพฺพงฺคมา ธมฺมา   มโนเสฏฺฐา มโนมยา
มนสา เจ ปสนฺเนน   ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ สุขมนฺเวติ   ฉายา ว อนุปายินี


ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า
มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จด้วยใจ
ถ้าคนมีใจดี ก็จะพูดดีหรือทำดีตามไปด้วย
เพราะความดีนั้น สุขย่อมติดตามเขาไป
เหมือนเงาติดตามตัวเขาไป ฉะนั้น



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 เมษายน 2015, 16:26:52
"เม็ดทราย" ละเอียดแสนงามไม่ครั่มคร้ามต่อความยากลำบากฉันใด คนที่เป็น "ยอดคน"ก็ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคหนักหนาสาหัสฉันนั้นเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 เมษายน 2015, 16:25:18
ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม มีเงินทองมากมาย มีบ้านหลังใหญ่หรูหรา มีรถราคาแสนแพง หรือยิ่งใหญ่ปานใดก็ตาม สุดท้ายได้ตายทุกคน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 เมษายน 2015, 17:56:11
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
.....
“สิ่งใดที่เรารักมาก ก็เป็นศัตรูแก่เรามาก
สิ่งใดที่เรารักน้อย ก็เป็นศัตรูแก่เราน้อย
สิ่งใดที่เราไม่รักเลย ก็เฉย ๆ”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 เมษายน 2015, 16:23:06
"เมื่อทำแต่กรรมดีเรื่อยๆ ไปจนเคยชินแล้ว
กรรมชั่วมันจะละไปเองโดยไม่รู้ตัว"
.....
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nong4534 ที่ 11 เมษายน 2015, 11:00:28
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 เมษายน 2015, 16:19:03
"เมื่อทำแต่กรรมดีเรื่อยๆ ไปจนเคยชินแล้ว
กรรมชั่วมันจะละไปเองโดยไม่รู้ตัว"
.....
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: vii ที่ 12 เมษายน 2015, 00:23:50
ขอบคุณมากครับ


ขอฝากเว็บตัวช่วยนับอิติปิโสฯ (http://itipiso.okvee.net/)ไว้ที่นี้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 เมษายน 2015, 16:25:48
"ต้นทางสายบุญทั้งหลายนั้นเกิดจากจิตที่เป็นกุศล คำว่าจิตเป็นกุศลคือจิตมีปัญญาในการทำความดี บุญทุกอย่างนั้นเริ่มต้นจากเจตนาที่ดีก่อนเปรียบดั่งสาครไหลลงทะเลหลวง บุญกุศลทั้งหลายที่กระทำมานั้นสุดท้ายปลายทางจะไหลลงไปรวมกันที่มหาสมุทรทะเลหลวง นิพพานธาตุ"
......
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 เมษายน 2015, 16:48:04
"พายุร้าย ทำอันตรายได้น้อยกว่าวาจาส่อเสียด ยุแหย่ ใส่ร้าย นินทากัน"
....
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 เมษายน 2015, 16:27:27
มนุษย์ 5 จำพวก
.........
1. มนุสสเนรยิโก มนุษย์สัตว์นรก ได้แก่ มนุษย์ผู้ดุร้าย หยาบคาย ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจี้ปล้นเอาทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยฆ่าเจ้าทรัพย์ตายบ้าง ทุบตีจนบาดเจ็บสาหัสบ้าง ข่มขืนแล้วฆ่าบ้าง เบียดเบียนผู้อื่นสัตว์อื่นทรมานผู้อื่นสัตว์อื่น เป็นคนไร้ศีลธรรม ไม่มีมนุษยธรรมคือศีล 5 ประจำตัวเลย นามว่า มนุสสเนรยิโก แปลว่า มนุษย์สตว์นรกคือเป็นมนุษย์แต่ชื่อ ส่วนความประพฤติทางกาย วาจา ใจนั้นเลวทราม ดุร้ายหยาบคายเหมือนสัตว์นรกฉะนั้น
........
2. มนุสสเปโต มนุษย์เปรต ได้แก่ มนุษย์ผู้มากไปด้วยความโลภ มากไปด้วยตัณหา ชอบลักเล็กขโมยน้อยโลภเอาของผู้อื่นมาเป็นของตน แย่งชิงวิ่งราวเป็นต้น แม้พวกที่เที่ยวขอทาน ก็สงเคราะห์เข้าในประเภทนี้ด้วย
......
3. มนุสสติรัจฉาโน มนุษย์สัตว์เดรัจฉาน ได้แก่มนุษย์ทีขวางศีลขวางธรรม มีโมหะคือความหลงมาก ไม่รู้จักบาป ไม่รู้จักบุญ ไม่รู้จักคุณ ไม่รู้จักโทษ ไม่รู้จักประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณ เช่น บิดามารดา ครูบาอาจารย์ เป็นต้น เป็นมนุษย์ผู้ไรศีลธรรม ดืมสุรา เสพยาบ้า กินกัญชา ทำอะไรทางกาย วาจา ใจ ก็ขวางๆผิดทำนองคลองธรรม นามว่า มนุสสติรัจฉาโน แปลว่ามนุษย์สัตว์เดรัจฉาน เดรัจฉาน แปลว่า ผู้ไปขวาง
คือเดินทอดตัว ไม่ได้เดินตั้งตัวเหมือนคน คนเดรัจฉานก็ฉันนั้น ทำอะไรก็ขวางธรรม ขวางวินัย คือขาดศีลธรรมเสมอๆ
.......
3. มนุสสภูโต มนุษย์แท้ๆ คือเป็นคนเต็มตัว ได้แก่คนรักษาศีล 5 มั่นเป็นนิตย์ไม่ขาด ไม่ประมาทต่อศีลเพราะศีลเป็นมนุษยธรรม คือเป็นธรรมประจำมนุษย์ ธรรมที่ทำให้คนเป็นคน มนุสสภูโต แปลว่ามนุษย์แท้ๆ เพราะมีคุณธรรมของคนคือศีล ศีล ท่านแปลว่า เศียร คือ หัว ถ้าคนขาดศีล ก็คือคนหัวขาดนันเอง เพราะขาดจากคุณธรรมของความเป็นคน
.....
5. มนุสสเทโว มนุษย์เทวดา ได้แก่มนุษย์ผู้มีศีล 5 มั่นเป็นนิตย์ แล้วยังได้พยายามบำเพ็ญกุศลเพิ่มพูนบารมีอยู่เรื่อยๆ เช่น ให้ทาน ฟังธรรม เรียนธรรม ปฏิบัติธรรม ไหว้พระสวดมนต์ มีหิริคือความละอายต่อบาป มีโอตตัปปะ คือความสดุ้งกลัวต่อผลแห่งบาปอยู่เสมอ เรียกว่าเป็นผู้มีใจสูงดุจเทวดา เพราะประกอบด้วยเทวธรรม 7 ประการคือ
.......
-บำรุงเลี้ยงดูมารดาบิดา
-ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อบุคคลผู้เจริญ
-พูดจาไพเราะเสนาะหู อ่อนหวาน นุ่มนวล
- ไม่พูดส่อเสียดผู้อื่น
- ละความตระหนี่เหนียวแน่น
- รักษาคำสัตย์
- ไม่โกรธ
.....
มนุษย์ที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ ท่านขนานนามว่า มนุสสเทโว แปลว่า มนุษย์เทวดา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 เมษายน 2015, 16:13:25
เมื่อ ผิดศีล ๕ ความเป็นมนุษย์ ก็ไม่สมบูรณ์
จะไปปฏิบัติ เอามรรค ผล นิพพานได้อย่างไร..?
.........
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 เมษายน 2015, 16:44:27
"อย่าด่าลูกคำหยาบ ชิบหาย ตายซะ ลูกเวร ปากพ่อแม่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับลูก"
.....
หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 เมษายน 2015, 16:23:27
"บุญคือความสบายใจ คิดถึงทีไร สบายใจทุกที ทำบุญทุกวัน ย่อมได้บุญทุกวัน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 เมษายน 2015, 18:41:13
ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราไม่ว่าดีร้ายก็ตาม ล้วนเกิดจากการกระทำของตัวเราเองทั้งสิ้น ไม่ต้องโทษใคร หากเราต้องการที่จะมีชีวิตที่ดีงาม พวกเราต้องหมั่นสร้างสมแต่ความดี อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนาเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nong4534 ที่ 22 เมษายน 2015, 15:08:13
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 เมษายน 2015, 16:18:31
ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราไม่ว่าดีร้ายก็ตาม ล้วนเกิดจากการกระทำของตัวเราเองทั้งสิ้น ไม่ต้องโทษใคร หากเราต้องการที่จะมีชีวิตที่ดีงาม พวกเราต้องหมั่นสร้างสมแต่ความดี อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนาเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 เมษายน 2015, 16:16:07
หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล..
......
วิปัสสนานี้มีผลอานิสงส์ใหญ่ยิ่งกว่าทาน ศีล พรหมวิหารภาวนา ย่อมทำให้ผู้เจริญนั้นมีสติไม่หลงเมื่อทำกาลกิริยา มีสุคติภพคือมนุษย์และโลกสวรรค์เป็นไปในเบื้องหน้า
........
หากยังไม่บรรลุผลทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ถ้าอุปนิสัยมรรคผลมี ก็ย่อมทำให้ผู้นั้นบรรลุมรรคผล ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานได้ในชาตินี้นั่นเทียว..


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 เมษายน 2015, 16:33:42
พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ
......
ขอเพียงมี"พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์"อยุ๋ในหัวใจ เราย่อมรู้สึกอบอุ่นปิติเบิกบานใจและปลอดภัยในทุกๆสถานการณ์เสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 เมษายน 2015, 16:44:55
พื้นดิน ภูเขา แม่น้ำ มีตามธรรมชาติ เรามีปัญญาถมทำเป็นถนน สร้างทำนบน้ำ ความขรุขระของชีวิต เพราะกรรมเก่าก็ฉันนั้น เราสามารถประกอบกรรมปัจุบัน ปรับปรุง สกัดกั้นกรรมเก่า เหมือนสร้างทำนบน้ำ เพราะคนเรามีปัญญา
.....
คติธรรม.....ท่านสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nong4534 ที่ 28 เมษายน 2015, 14:15:55
เข้ามาสาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 เมษายน 2015, 15:46:04
บุญนั้นย่อมเป็นที่พึ่งได้ในทุกๆชาติภพ
......
วิบากกรรมไม่ดีมาส่งผล บุญเท่านั้นที่จะช่วยได้จริง
.......
อานิสงส์แห่งบุญถ้าไม่มีจริง พระพุทธเจ้าคงไม่ตรัสเอาไว้ และก็ไม่มีในพระไตรปิฏก คนคงไม่เชื่อมากว่า2,500 ปี
.......
อานิสงส์แห่งบุญหากไม่มีจริง พระอรหันต์พระอริยเจ้าท่านก็ไม่พูดถึง ไม่แนะนำให้คนทั้งหลายเพียรสร้างบุญกุศล เพราะต้องอาบัติร้ายแรง ถึงขั้นปิดทางบรรลุธรรม
......
อานิสงส์แห่งบุญหากไม่มีจริง คนที่โดนกรรมไม่ดีมาส่งผลทั้งแบบฉับพลัน แบบช้าๆ คงไม่พลิกชีวิตได้ ซึ่งมีมากมายมหาศาล
......
อานิสงส์บุญจากทาน ศีล ภาวนา เป็นของวิเศษที่พึ่งได้จริง แม้ในยามคับขัน หรือแม้แต่ในยามปกติ ในยามรุ่งเรืองพูนสุข
.......
โปรดหมั่นระลึก ฝึกจิตให้อยู่ในบุญกุศล ทำบุญเท่าที่จะทำได้ แม้มีอะไรมากระทบ แม้มีกรรมไม่ดีมาส่งผล
....
ทุกท่านจะเห็นปาฏิหาริย์แห่งบุญ
....
ที่มา:ธ. ธรรมรักษ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 เมษายน 2015, 16:07:24
“เราทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด เราทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ใครไปทำกรรมอะไร เราไปทำตามเขา เราก็ได้กรรมตามนั้น เพราะฉะนั้นก่อนจะทำอะไร ให้คิดให้ดี ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม กรรมใครกรรมมัน”
…..
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤษภาคม 2015, 16:11:29
"เราทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด เราทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ใครไปทำกรรมอะไร เราไปทำตามเขา เราก็ได้กรรมตามนั้น เพราะฉะนั้นก่อนจะทำอะไร ให้คิดให้ดี ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม กรรมใครกรรมมัน"
.....
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤษภาคม 2015, 16:11:27
"นิพพานใจจะต้องเด็ดเดี่ยวมากนะ ต้องไม่ห่วงใคร จะต้องไปคนเดียว"
.......
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤษภาคม 2015, 15:53:37
คำสอน..หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

"บุญกุศลเป็นของควรทำให้มาก
ในเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ทำเสีย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤษภาคม 2015, 15:53:14
สุตฺต. ขุ. ขุทฺทกปา-ธมฺมปทคาถา สุตฺตนิปาตา ข้อ 115
(กุมารกสูตร)
......
ท่านทั้งหลายอย่าได้ทำบาปกรรมทั้งในที่แจ้งหรือในที่ลับเลย ถ้าท่านทั้งหลายจักทำหรือทำอยู่ซึ่งบาปกรรมไซร้ ท่านทั้งหลายแม้จะเหาะหนีไปก็ย่อมไม่พ้นไปจากความทุกข์เลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤษภาคม 2015, 15:47:48
พระพุทธพจน์
......
"จิตของผู้ใดเปรียบด้วยภูเขาหิน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ไม่กำหนัด ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ไม่โกรธเคือง ในอารมณ์เป็นที่ทั้งแห่งการโกรธเคือง จิตของผู้ใดอบรมแล้วอย่างนี้ ทุกข์จักถึงผู้นั้นแต่ที่ไหน ฯ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nong4534 ที่ 07 พฤษภาคม 2015, 09:19:40
สาธุอีกรอบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤษภาคม 2015, 18:08:10
พระพุทธพจน์
....
ถ้าท่านทั้งหลายจักทำ หรือทำอยู่ ซึ่งบาปกรรมไซร้ ท่านทั้งหลายแม้จะเหาะหนีไป ก็ย่อมไม่พ้นไปจากความทุกข์เลยฯ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: piranon ที่ 07 พฤษภาคม 2015, 21:42:11
สาธุครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤษภาคม 2015, 16:05:22
ความตายเกิดได้ทุกลมหายใจ อย่าประมาทในชีวิต ความดีนั้นได้ทำบ้างหรือยัง ถ้ายังต้องรีบทำทันที


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: virussman ที่ 08 พฤษภาคม 2015, 19:29:26
อนุโมทนา สาธุ  ขอบุญกุศลที่ลูกช้างทำมา  ช่วยดันอันดับเว็บให้ลูกช้าง อยู่หน้า 1 นานๆด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ




หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤษภาคม 2015, 16:29:05
พระพุทธดำรัส
....
"คนพาลย่อมสำคัญบาปประดุจน้ำหวาน ตลอดกาลที่บาปยังไม่ให้ผล แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤษภาคม 2015, 16:30:03
"ถ้าศีลไม่บริสุทธิ์ ธรรมะปฏิบัติก็จะไม่เจริญ ปฏิบัติก็ไม่ไปไหน นี่สำหรับนักปฏิบัติ ศีลสำคัญมาก พึงรักษาไว้ให้ดี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤษภาคม 2015, 16:32:49
ความแก่เราได้มาฟรีๆ แต่ความดีถ้าเราอยากมีต้องทำเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤษภาคม 2015, 18:03:15
คติธรรมคำสอน ....ท่านพระอาจารย์ วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า)
.....
"จงพูดแต่สิ่งที่จำเป็น สิ่งที่ก่อประโยชน์ สิ่งที่น่าชวนฟังของคนทั้งปวง และจงหลีกเลี่ยงการนินทาว่าร้าย หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น เพราะการพูดดังกล่าวนอกจากจะเป็นการผิดศิลข้อสี่ยังเป็นการเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกครั้งที่เอ่ยปาก ควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้สึกตามที่คนฟังรู้จัก เมื่อนั้นจะรู้เองว่าควรพูดอะไร พูดขนาดไหน พูดอย่างไร และพูดไปทำไม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤษภาคม 2015, 17:54:18
การละบาปสำคัญกว่าการทำบุญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤษภาคม 2015, 16:24:14
คติธรรมคำสอน....ท่านพระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร วัดถ้ำผาปิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย
......
บาป บุญ คุณ โทษ มีจริง นรก สวรรค์ มีจริง พระนิพพานมีจริง เหตุอย่างไร ผลก็เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นมนุษย์รีบสร้างบารมี คือ ทำบุญ รักษาศีล ให้ทาน และภาวนาดีกว่า ที่มาเป็นมนุษย์สมบัติพบพระพุทธศาสนาแล้ว ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ จงสร้างบารมีอย่างเต็มที่ เหตุที่ไม่มีเวลาภาวนาเพราะภายในจิตยังมีตัณหาอยู่ จิตยังมีขึ้น มีลงอยู่ ไม่เห็นความบริสุทธิ์ และความปกติของจิต กิเลสตัณหาดูดเอาไปหมด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤษภาคม 2015, 16:24:50
"ทำอะไรไว้ สิ่งนั้นย่อมส่งผลให้เป็นไป ดีชั่วอยู่กับบาปบุญที่เราทำ
ภพภูมิชาติหน้า อยู่กับบาปบุญที่เราทำวันนี้ นี่คือสัจธรรม"
........
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤษภาคม 2015, 16:19:38
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกๆวันด้วยการตั้งใจที่จะเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nong4534 ที่ 18 พฤษภาคม 2015, 11:18:50
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤษภาคม 2015, 16:31:28
"บาปหยาบๆกะยังละบ่ได้ จังใด๋สิมาถามหาพระนิพพาน อีพ่ออีแม่กูเอ๊ย"
.......
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤษภาคม 2015, 16:15:45
วางไม่ลง ปลงไม่เป็น เย็นไม่ได้ ตายทั้งเป็น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤษภาคม 2015, 16:14:34
อย่าใช้ปากเป็นหอกที่โจมตีผู้อื่น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤษภาคม 2015, 18:27:27
"โลกนี้และชีวิตนี้ ไม่มีอะไร
เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้มานานแล้ว
เราสุขเราทุกข์อย่างนี้ มาหลายภพหลายชาติแล้ว
อย่าโศกเศร้าเสียใจไปนักเลย"
........
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤษภาคม 2015, 16:26:30
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ(3 จบ)
......
ในทุกๆครั้งที่ข้าพเจ้าทำความดีข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ ไปให้ทุกรูปทุกนามทั้ง ๒๐ ชั้นพรหมโลก ๖ ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง ๔ มี นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน และในหมื่นโลกธาตุกับอีกแสนจักรวาลพิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณ และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งที่เป็นมิตร และศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกรูปทุกนามจงเป็นสุขเป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรซึ่งกัน และกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกัน และกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนามจงโมทนาในส่วนกุศลนี้พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ.กาลบัดนี้ด้วยเทอญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤษภาคม 2015, 16:22:10
ปุจฉา
.....
คำถาม?ถึงเทวดา,พญานาค,พระภูมิเจ้าที่,สัตว์เดรัจฉาน,เปรต,สัตว์ในนรก,มนุษย์
.....
คำถามเดียวกัน แต่ต่างคำตอบ ต่างภพภูมิ ต่างวาระ ต่างบารมี ต่างความคิด
ต่างการกระทำ ต่างจุดมุ่งหมาย
.....
"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์อยากจะทำอะไร"
.....
เทวดา ตอบว่า
"เราจะพิจารณาธรรม เพราะมนุษย์มีกายสังขาร ที่เหมาะกับการพิจารณาธรรมมาก ร่างกายของมนุษย์เป็นเครื่องมือที่ใช้พิจารณาธรรมได้ดีที่สุด น่าอิจฉาพวกมนุษย์จริงๆ"
....
พญานาค ตอบว่า
"บวชสิ ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะบวช ... เป็นพญานาคมีฤทธิ์มากก็จริง แต่บวชไม่ได้ พ้นทุกข์ไม่ได้ ไม่เหมือนมนุษย์ พระพุทธเจ้าไม่อนุญาตให้นาคบวช แต่มนุษย์บวชได้ มนุษย์สร้างบุญใหญ่ไปสวรรค์ชั้นสูง ไปแดนนิพพานได้ แสนประเสริฐ"
....
พระภูมิเจ้าที่ ตอบว่า
"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง คราวนี้เราจะไปทำบุญใส่บาตรทุกวัน ไม่ต้องมานั่งรอคนอุทิศส่วนกุศลมาให้เราอีก ไปทำเองเลย เพิ่มบารมีได้เร็วทันใจดี"
.....
สัตว์เดรฉาน ตอบว่า
"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะสงเคราะห์สัตว์ตัวอื่นๆ เป็นสัตว์นั้นทุกข์มาก พูดก็ไม่ได้ คิดอะไรฉลาดๆก็ไม่ได้
.....
เป็นมนุษย์มีสมองมีปัญญา เราจะใช้ปัญญาของมนุษย์ทำให้ตัวเองไม่ต้องมาเป็นสัตว์อีก"
....
เปรต ตอบว่า
"เราไม่อยากมีหน้าตาน่าเกลียด ไม่อยากมีปากเท่ารูเข็ม มีรูปร่างสูงเหมือนต้นตาล
ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะถือศีล จะได้ไม่ต้องมาเป็นเปรตผู้หิวโหย อดๆ อยากๆ ทนทุกข์ทรมานแบบนี้"
......
สัตว์นรกในอเวจี ตอบว่า
"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะทำความดี จะไม่ผิดศีล5อีก จะปฏิบัติธรรม เพราะนรกมันร้อนมันโหดร้าย อยู่แล้วมีแต่ความเจ็บปวด ทุรนทุราย ถ้าข้ามีโอกาสอีกครั้ง เราจะไม่ทำเลว เราไม่อยากทรมาน ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นสัตว์นรกอีก"
....
แต่เมื่อถามคำถามเดียวกัน
มนุษย์ตอบว่า "อยากสมหวังรัก,อยากรวย,อยากมีตำแหน่งสูง,อยากมีอำนาจ แม้ต้องผิดศีล ทำร้ายใครก้อจะทำ"
.....
มนุษย์ผู้ที่อยากแต่ทรัพย์สมบัติภายนอกที่ยึดถือได้ชั่วคราว ทั้งที่มีโอกาสจะทำบุญกุศลมากกว่าเพื่อน ทำให้มีอริยทรัพย์คือทรัพย์อันประเสริฐเป็นของติดตัวไปทุกภพภูมิ อยู่ภายในใจ มี ๗ สิ่งคือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ จาคะ ปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤษภาคม 2015, 16:03:49
เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรทำให้ทุกข์ได้อีก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤษภาคม 2015, 16:19:55
พื้นดิน ภูเขา แม่น้ำ มีตามธรรมชาติ เรามีปัญญาถมทำเป็นถนน สร้างทำนบน้ำ ความขรุขระของชีวิต เพราะกรรมเก่าก็ฉันนั้น เราสามารถประกอบกรรมปัจจุบัน ปรับปรุง สกัดกั้นกรรมเก่า เหมือนสร้างทำนบน้ำ เพราะคนเรามีปัญญา
.....
คติธรรม.....ท่านสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤษภาคม 2015, 16:25:49
"ใครจะด่าว่ายังไงก็ช่างหัวมัน อย่าไปสนใจ ให้หัดเอาหินถ่วงหูไว้บ้าง อย่าเอามาหาบมาคอน หนักเปล่าๆ ของไร้สาระ"
.....
ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤษภาคม 2015, 18:47:18
บุญและกรรมที่เราทำไว้จะตอบแทนส่งผลคืนกลับมาหาเราในทุกๆการกระทำเสมอ ทำดีย่อมมีสิ่งที่ดีๆมาหาเรา หากทำความชั่วหรือสร้างแต่อกุศลกรรม ก็จะส่งผลให้เราทุกข์หรือประสบแต่ความเดือดร้อนใจอยู่พี่พิมท่าทางเป็นคนเก่ง คนดีมากนะคะพี่เล็กตลอดเวลา ผู้ใดมีสติปัญญาหรือมีดวงตาเห็นธรรม ย่อมละบาป บำเพ็ญบุญหรือสร้างสมแต่ความดีงามอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนาเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤษภาคม 2015, 16:26:47
"พื้นฐานแห่งการละ คือศีล ๕ ข้อ
พยายามรักษาให้มันดี
ถ้าศีลบริสุทธิ์ดีเท่าไร จิตก็บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น"
…….
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤษภาคม 2015, 16:30:50
บุคคลที่มีความสุขที่สุดในโลกคือคนธรรมดาๆที่ปล่อยวางได้ เท่านั้นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 พฤษภาคม 2015, 16:14:40
บุญง่ายๆ
ชี้บอกทางก็ได้บุญ
แชร์ไปก็ได้บุญ
สาธุก็ได้บุญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 พฤษภาคม 2015, 16:05:33
หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น เป็นกฎตายตัว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: tinnakorn2499 ที่ 31 พฤษภาคม 2015, 16:51:15
หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น เป็นกฎตายตัว
ผมอ่านของท่านทุกวันนะครับ ชอบๆ แต่วันนี้ของแย้งครับ เพราะ   "ปลูกทุเรียน ได้กินทุเรียน  แต่ ทำไม ปลูกถั่วเขียว แต่ดันได้กินถั่วงอก ครับ" :wanwan004: :wanwan004: :wanwan004: :wanwan004:


ปล..ขำๆนะครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มิถุนายน 2015, 14:53:39
บุญย่อมเป็นที่พึ่งในโลกนี้และโลกหน้า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 02 มิถุนายน 2015, 18:10:49
เกิดมาใช้กรรมเก่ายังไม่หมด อย่าสร้างกรรมใหม่อีกเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thaicoffin ที่ 04 มิถุนายน 2015, 10:20:31
เบื้องหลังทุกความสำเร็จเกิดจากบุญทั้งสิ้น  :wanwan019:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มิถุนายน 2015, 18:18:23
"เราทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด เราทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ใครไปทำกรรมอะไร เราไปทำตามเขา เราก็ได้กรรมตามนั้น เพราะฉะนั้นก่อนจะทำอะไร ให้คิดให้ดี ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม กรรมใครกรรมมัน"
…….
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มิถุนายน 2015, 17:23:53
คำสอนหลวงตามหาบัว
....
แท้จริงคนที่มีความสุขกับคนที่มีความทุกข์ต่างกันนิดเดียว
.....
1. คนหนึ่งมองหาสิ่งที่ขาด อีกคนมีความสุขกับสิ่งที่มี
....
2. คนหนึ่งมองหาแต่วิธีลืม อีกคนทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
....
3. คนหนึ่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลง อีกคนเข้าใจว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลง
....
4. คนหนึ่งหนีไปสุดขอบฟ้าเพื่อดับทุกข์ อีกคนเรียนรู้ว่าทุกข์อยู่ที่ใจ
...
5. คนหนึ่งมัวแต่นั่งเสียใจกับคนที่จากไป อีกคนขอบใจกับคนที่ยังอยู่ข้างๆ
....
6. คนหนึ่งมองหาแต่ความรัก อีกคนเข้าใจว่าจริงๆแล้วไม่มีคนรักก็ไม่ทุกข์
....
7. คนหนึ่งคิดแต่ครอบครอง อีกคนเข้าใจว่าการไม่ครอบครอง ก็จะไม่สูญเสีย
.....
8. คนหนึ่งพูดไม่คิดกับคนที่รัก อีกคนคิดก่อนพูดกับคนที่รัก
....
9. คนหนึ่งคิดแต่ว่าตัวเองไม่มีค่า อีกคนเห็นค่าคนที่รู้ค่าตัวเอง
....
10.คนหนึ่งเก็บทุกเรื่องมาคิด อีกคนอภัยทุกเรื่องก่อนนอน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มิถุนายน 2015, 16:21:40
ถ้าเราปล่อยวาง ทุกข์ก็ไม่รุมล้อมเรา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มิถุนายน 2015, 16:47:18
ที่สุดของมนุษย์ก็คือความตาย วุ่นวายไปไย....
ทำใจให้สงบด้วย“การปล่อยวาง”เสียบ้าง...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: harmonicemo56 ที่ 07 มิถุนายน 2015, 20:53:05
ขอบคุณครับ  :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: degree ที่ 08 มิถุนายน 2015, 16:11:25
 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มิถุนายน 2015, 16:19:26
เริ่มต้นชีวิตใหม่ทุกๆวันด้วยการเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี ใจเราจะได้ร่มเย็นเป็นสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มิถุนายน 2015, 16:18:57
มนุษย์มีสิ่งหนึ่งที่เท่ากันคือเวลาวันละ 24 ชม.เท่ากัน แต่แตกต่างกันตรงที่ว่าใครมีบุญวาสนาในการทำความดีหรือสร้างบุญกุศลหรือสร้างสมอริยทรัพย์ภายในคือเสบียงบุญได้มากกว่ากัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มิถุนายน 2015, 16:15:00
พุทธศาสนสุภาษิต
.......
ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ
บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มิถุนายน 2015, 15:28:19
ความ "ไม่รู้" ที่ทำให้เสื่อม...
......
1. รู้ "รอบตัว"มากมาย แต่ไม่ "รู้ดีรู้ชั่ว "ก็เสื่อม
2. รู้ "เว้นงู เว้นเสือ เว้นมีด เว้นปืน" แต่ไม่รู้ "เว้นอบายมุข" ก็เสื่อม
3. รู้ "ภาษาต่างประเทศ" แต่ไม่รู้ "คุณค่าภาษา ไทย" ก็เสื่อม
4. รู้ "ตอบคำถาม "แต่ไม่รู้ "ตอบคุณ แผ่นดิน" ก็เสื่อม
5. รู้ "ที่กินที่เที่ยว" แต่ไม่รู้ "ที่ต่ำที่สูง" ก็เสื่อม
6. รู้ "วัน เดือน ปีเกิด" แต่ไม่รู้ "กาลเทศะ" ก็เสื่อม
7. รู้ "พยากรณ์อากาศ" แต่ไม่รู้ว่า "ชีวิตมี ขึ้นมีลง" ก็เสื่อม
8. รู้" จักรวาลวิทยา นภากาศ" แต่ไม่รู้จัก "ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ" ก็เสื่อม
9. รู้จัก "คนมากมาย หลายวงการ" แต่ไม่ "รู้จักตนเอง" ก็เสื่อม
10. รู้จัก "บริหารคน บริหารงาน" แต่ไม่รู้จัก "วิธีบริหารใจ" ก็เสื่อม
11. รู้จักวิธี "หาเงินมากมาย" แต่ไม่รู้วิธี "บริหารเงิน" ก็เสื่อม
12. รู้จัก "สร้างตึกสูง นับร้อยชั้น" แต่ไม่รู้วิธี "ฝึกใจให้สูง" ก็เสื่อม
13. รู้จัก "โกรธ" แต่ไม่รู้จัก "ให้อภัย" ก็เสื่อม
14. รู้จัก "กติกามารยาท" แต่ไม่รู้จัก "กฏแห่ง กรรม" ก็เสื่อม
15. รู้จัก "สวมนาฬิกา แพงๆ" แต่ไม่รู้จัก "คุณค่าของเวลา" ก็เสื่อม
16. รู้จัก "การเข้าสังคม" แต่ไม่รู้จักการ "เข้าหาสังฆะ" ก็เสื่อม
17. รู้ "เรียนเอา ปริญญาสูงๆ" แต่ไม่รู้จัก "ยกพฤติกรรมให้สูง" ก็เสื่อม
18. รู้ที่จะ "มีลูก" แต่ไม่รู้จัก "เลี้ยงลูก" ก็เสื่อม
19. รู้ที่จะ "รัก" แต่ไม่รู้จัก "รับผิดชอบ" ก็เสื่อม
20. รู้ที่จะ "ดู" แต่ไม่รู้ที่จัก "เห็น" ก็เสื่อม
21. รู้ที่จะ "นับถือ" แต่ไม่รู้ที่จะ "นับถืออย่างไร" ก็เสื่อม
22. รู้ที่จะ "พูด" แต่ไม่รู้จัก "ศิลปะการพูด" ก็เสื่อม
23. รู้ที่จะ "สวมหัวโขน" แต่ไม่รู้ที่ "จะถอดหัวโขน" ก็เสื่อม
24. รู้ว่า "วันหนึ่งจะต้องตาย" แต่ไม่รู้วิธี "เตรียมตัวตาย" ก็เสื่อม
25. รู้คุณ "ของเงินทอง" แต่ไม่รู้ "คุณพ่อคุณแม่" ก็เสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มิถุนายน 2015, 16:20:03
พระพุทธดำรัส
….
พระพุทธเจ้าทรงถามพระอานนท์ว่า อานนท์เธอคิดถึงความตายอย่างไร พระอานนท์ตอบว่า คิดถึงทุกวันเลยพระองค์ท่าน พระพุทธเจ้าก็ทรงเฉย พระอานนท์ก็ตอบอีกว่า คิดถึงวันละ 3 เวลาเลยพระองค์ท่าน พระพุทธเจ้าทรงส่ายพระพักตร์ ตรัสว่า เธอควรคิดถึงความตาย ทุกลมหายใจเข้าออก เพื่อความไม่ประมาท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มิถุนายน 2015, 16:10:21
อย่าประมาทในบุญหรือบาปที่ท่านคิดว่าเพียงเล็กน้อย เพราะทุกๆการกระทำของเราจะส่งผลกลับคืนมาหาเราทั้งหมดทั้งสิ้นเสมอ ตามกฏธรรมชาติที่เรียกว่า"กฎแห่งกรรม" ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว นั่นคือกฎตายตัวเสมอ ผู้มีปัญญาย่อมมุ่งมั่นที่จะกระทำแต่ความดีเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มิถุนายน 2015, 16:08:56
**พุทธภาษิตสอนใจ**
บุญ เป็นที่พึ่งในโลกหน้า ทุกคนเมื่อตายไปแล้วไม่สามารถนำอะไรติดตัวไปได้แม้แต่เงินบาทเดียว ต่อให้มีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลก็ต้องทิ้งไว้ในโลกนี้ สิ่งที่ติดตัวเราไปสู่ภพภูมิใหม่ คือ ความดีกับความชั่ว หรือบุญกับบาป เท่านั้น ยามที่มีชีวิตอยู่ควรสร้างบุญกุศล หมั่นสวดมนต์ภาวนา ทำให้มีความสุขทั้งชาตินี้และชาติหน้า ดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "ปุญญานิ ปะระโลกัสมึ ปะติฏฐา โหนติ ปาณินัง แปลว่า บุญทั้งหลาย ย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์มีชีวิตทั้งหลายในโลกเบื้องหน้า" หมายความว่า บุญที่เราทำมาตลอดชีวิตจะมากหรือน้อยจะติดตามเราไปเป็นที่พึ่งที่อาศัยในภพใหม่ คนเราเกิดมาต่างวาระ ต่างความสามารถ เกิดมาจน เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย เพราะผลบุญที่ได้สร้างสมมา เป็นไปตามเหตุตามผลที่ได้กระทำไว้
คติความเชื่อของชาวพุทธว่าเมื่อมีคนตาย ญาติจะตั้งศพบำเพ็ญกุศล ให้ ๓วันบ้าง ๕วันบ้าง ๗วันบ้าง เป็นการรวบรวมบุญครั้งสุดท้ายให้กับผู้ตาย เพื่อผู้ตายจะได้มีบุญเพิ่มขึ้นจากบุญที่ตัวเองเคยทำไว้
ดังนั้น ญาติจะทำให้กี่วันก็ไม่รู้ คนจะมาร่วมงานศพมากหรือน้อยก็ไม่รู้ ทางที่ดีควรทำบุญสะสมบุญเองตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ไว้ให้มาก ๆ ดีที่สุด อย่างน้อยตอนมีชีวิตก็มีความสุขใจกับการกระทำของตนเอง เพราะสามารถรับรู้ในการกระทำของตน. มูลนิธิพุทธปรัชญา พุทธปรัชญา(อ.อุ้ม)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มิถุนายน 2015, 16:08:20
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกๆวันด้วยการเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี และอยู่กับปัจจุบันที่ดีงามเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มิถุนายน 2015, 16:06:52
ท่านพุทธทาสภิกขุ
…..
เหวี่ยงไปแรง มันก็กลับมาแรง
นี่เป็นกฏแห่งกรรมที่ต้องระวังสังวร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มิถุนายน 2015, 16:16:15
คติธรรมคำสอน....ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
…..
"อำนาจของกรรมใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก ไม่มีอำนาจใดทำลายล้างได้ แม้อำนาจของกรรมดีก็ไม่อาจทำลายอำนาจของกรรมชั่ว และอำนาจของกรรมชั่วก็ไม่อาจทำลายอำนาจของกรรมดี อย่างมากที่สุดที่มีอยู่ คือ อำนาจของกรรมดีแม้ให้มากให้สม่ำเสมอในภพภูมินี้ ก็อาจจะทำให้อำนาจของกรรมชั่วที่ได้ทำมาแล้วตามมาถึงได้ยาก ดังมีเครื่องขวางกั้นไว้ หรือไม่เช่นนั้น ก็ดังที่ท่านเปรียบว่า เหมือนวิ่งหนีผู้ร้ายที่วิ่งไล่ตามมา ถ้ามีกำลังแข็งแรง วิ่งเร็วกว่าผู้ร้าย ก็ย่อมยากที่ผู้ร้ายจะไล่ทัน ความแข็งแรงของผู้วิ่งหนีกรรมชั่ว ก็หาใช่อะไรอื่น คือ ความเข้มแข็งสม่ำเสมอของการทำกรรมดีนั่นเอง "


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มิถุนายน 2015, 14:45:10
ขึ้นชื่อว่าบาปกรรม ไม่ควรดูหมิ่นว่าเล็กน้อย เปรียบเสมือนภาชนะที่เขาเปิดทิ้งไว้กลางแจ้ง เมื่อฝนตก น้ำฝนหยดเดียวไม่ทำให้ภาชนะเต็มก็จริงอยู่ แต่เมื่อฝนตกบ่อยๆ ภาชนะนั้นย่อมเต็มแน่ๆ ฉันใด ผู้ทำบาปอยู่แม้ทีละน้อยๆ ย่อมทำกองบาปให้ใหญ่โตขึ้นตามลำดับได้ฉันนั้น
…..
คำสอน....ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มิถุนายน 2015, 16:11:22
พระพุทธพจน์
......
"จิตของผู้ใดเปรียบด้วยภูเขาหิน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ไม่กำหนัด ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ไม่โกรธเคือง ในอารมณ์เป็นที่ทั้งแห่งการโกรธเคือง จิตของผู้ใดอบรมแล้วอย่างนี้ ทุกข์จักถึงผู้นั้นแต่ที่ไหน ฯ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มิถุนายน 2015, 16:01:37
คบหรือชอบคนเช่นไร มักจะเป็นคนเช่นนั้นเช่นเดียวกัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มิถุนายน 2015, 15:55:15
บุญกุศลนั้นเราต้องหมั่นกระทำไว้อย่างสม่ำเสมอ เพราะเราไม่มีวันรู้ว่า เราจะตกไปสู่สถานการณ์ที่ทุกข์ยากหรือลำบากเดือดร้อนเมื่อใด เติมน้ำในภาชนะทุกวัน น้ำยังเต็มภาชนะ
ได้ฉันใด บุญกุศลก็เช่นเดียวกัน สะสมบุญทุกวัน บุญย่อมเต็มสมบูรณ์ได้ฉันนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มิถุนายน 2015, 16:23:51
อดทนถึงที่ได้ดีแน่นอน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มิถุนายน 2015, 18:27:38
ใครทำกรรมอะไรไว้เราไม่ต้องไปประจานเขาหรอกทั้งกรรมดีและกรรมชั่วนั่นแหละมันจะประจานตัวของมันเอง สาธุ สาธุ สาธุ ครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มิถุนายน 2015, 16:14:37
ท่านเขื่อไหมว่า เมื่อใดก็ตามที่บุญหรือคุณงามความดีที่ท่านได้สะสมไว้ทีละน้อยๆทุกวันเต็มสมบูรณ์เมื่อใด ท่านจะพานพบแต่สิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิตแบบไม่คาดฝัน พรั่งพรูมาหาท่านแบบท่านหยุดยั้งไม่ได้ นี่คือกฎแห่งการกระทำที่เที่ยงแท้แน่นอน ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่วเสมอ ผู้มีปัญญาย่อมละบาป และมุ่งมั่นที่จะกระทำแต่ความดีเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มิถุนายน 2015, 13:25:25
อย่าไปผูกใจเจ็บ ให้อโหสิกรรมต่อกัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มิถุนายน 2015, 16:37:11
ท่านพ่อลี ธมมธโร
….
คนทำทาน ป้องกันการตกนรกไม่ได้
จะป้องกันการตกนรกได้ จะต้องรักษาศีล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มิถุนายน 2015, 16:06:58
เราแก่ไปทุกวัน รีบทำความดีกันเถอะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กรกฎาคม 2015, 16:29:28
 เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกๆวันด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี และตั้งใจจะเป็นคนดี อดีตที่เลวร้ายผ่านไปแล้ว อย่าวิตกกังวล เพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ อนาคตไม่แน่นอน อย่าคาดหวังให้เป็นทุกข์ ให้อยู่กับปัจจุบันที่ดีงามด้วยการเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา กันดีกว่า ใจของเราจะได้ร่มเย็นเป็นสุข

ขออำนาจพุทธ ธรรม สงฆ์ จงอำนวยพรและบันดาลบุญข้าฯให้เทวดาประจำตัวข้าฯ ,เทวดาประจำครอบครัวตัวของข้าฯ ,เทวดาประจำตัวญาติข้าฯ ,เทวดาประจำตัวเพื่อนๆของข้าฯ ,เทวดาประจำตัวของเพื่อนๆ"กัลยาณมิตร"ในเพจ"คำคมธรรมะ เตือนใจ"ทุกๆท่าน และท่านเทวดาประจำตัวของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายในสังสารวัฎทุกๆท่าน และท่านเทวดาในทุกภพชั้นภูมิทุกๆท่านทุกๆพระองค์ ให้ทุกๆท่านทุกๆพระองค์จงมีอำนาจบารมีสูงๆยิ่งขึ้น ถ้าท่านมีสุข ขอให้สุขยิ่งขึ้น ถ้าท่านมีทุกข์ ขอให้ท่านจงพ้นจากความทุกข์ด้วยเทอญ เมื่อท่านได้รับผลบุญที่ข้าพเจ้าอุทิศมอบให้แล้ว ขอให้ท่านเทวดาทั้งหลาย จงบันดาลบุญข้าฯ ให้ข้าฯ เพื่อนข้าฯ ญาติข้าฯ ครอบครัวของข้าฯทุกๆคน และเพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกๆท่าน จงเป็นคนดี มีศีลธรรม สว่างไสวปิติเบิกบานใจทั้งทางโลกและทางธรรม ประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ดี ที่ชอบ มีหนทางทำมาหากินโดยสุจริต หากประพฤติผิดศีล ให้กลับตัวกลับใจเป็นคนดี ประสบแต่ความสุขความเจริญ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ประกอบไปด้วยทรัพย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ และคิดสิ่งใดที่ถูกต้องดีงามและชอบธรรม ให้สมดังปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

วันนี้ขอน้อมนำ"พระพุทธพจน์"แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาฝากเพื่อนๆทุกๆท่าน เพื่อเป็นแง่คิดคติธรรมเตือนใจ ในการทำความดีแบบไม่สิ้นสุดตลอดไป..สาธุ สาธุ สาธุ

พระพุทธพจน์

"ชนพาลกล่าวคำหยาบด้วยวาจา ย่อมสำคัญว่าชนะทีเดียว แต่ความอดกลั้นได้ เป็นความชนะของบัณฑิตผู้รู้แจ้งอยู่"

"ผู้ใดโกรธตอบ บุคคลผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ลามกกว่าบุคคลผู้โกรธแล้ว เพราะการโกรธตอบนั้น"

"บุคคลไม่โกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ย่อมชื่อว่าชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก"

"ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติสงบอยู่ได้ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือแก่ตน และแก่ผู้อื่น เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์อยู่ทั้งสองฝ่าย คือของตนและของผู้อื่น ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่าเป็นคนเขลา"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กรกฎาคม 2015, 16:15:13
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง พระองค์นั้น โดยความเคารพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กรกฎาคม 2015, 16:09:49
ท่านเชื่อไหมว่า การทำความดีนั้นหากว่าท่านนั้นทำผิดสถานที่ ผิดกับบุคคล ผิดเวลา ผิดกาลเทศะ ย่อมไร้ค่าสูญเปล่า เพราะไม่ว่าท่านจะทำความดีแค่ไหน ด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือจริงใจปานใดก็ตาม คนที่เขาไม่ชอบท่าน ก็จะยังคงไม่ชอบท่านต่อไป ดังนั้น จงเลือกที่จะทำความดีให้ถูกกับบุคคล ถูกกับเวลาหรือถูกกาลเทศะ และถูกกับสถานที่ดีกว่า เพราะจะได้ไม่ไร้ค่า สูญเปล่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กรกฎาคม 2015, 14:32:23
พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
…...
"กรรมไม่ดีกำลังตามส่งผลแก่เราทุกคนแน่นอน เปรียบผลไม่ดีนั้น ดังรถบรรทุกที่กำลังตะบึงไล่กวดเราอยู่ จริงๆ ที่ยังไม่ทันบดขยี้เรา ก็เพราะกรรมปัจจุบันของเรา ที่เรากำลังกระทำกันอยู่ อาจจะมีแรงพาเราหนีได้ทัน จะอย่างหวุดหวิดน่าเสียวไส้เพียงไร เราผู้ไม่มีตาพิเศษก็หารู้ไม่กรรมดีเท่านั้นที่เป็นแรงพาเราวิ่งหนีกรรมไม่ดี ที่กำลังส่งผลติดตามเราอยู่ในขณะนี้ "


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กรกฎาคม 2015, 15:57:33
"ทุกข์ไม่มีใครทำให้เรา คนที่เกิดมาในโลกนี้ ไม่ใช่ใครทำให้เราเลย ตัวเราทำตัวเราเอง อย่าไปโทษว่าคนโน้นไม่ดี คนนี้ไม่ดี"
.....
คติธรรมคำสอน..... ท่านหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กรกฎาคม 2015, 16:32:30
เรื่องทางโลก อย่าไปสนใจมาก ผูกจิตไว้กับความดี ไว้กับกระแสบุญ นี่สิ ดีกว่า มั่นคงกว่า ยาวนานกว่า
…...
คติธรรมคำสอน...ท่านหลวงตาม้า วิริยะธโร วัดพุทธพรหมปัญโญ
(ถ้ำเมืองนะ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nuonly ที่ 06 กรกฎาคม 2015, 21:22:48
ขอบคุณครับ     คนเรา เกิดมาไม่รู้จะตายตอนไหน เมื่อใหร่ ถ้าจะตาย มันก็ตายทั้งนั้น
 แต่สิ่งที่ เราจะทำ   นั่นคือ  ใช้ชีวิตให้คุ่มค่า  เมื่อตอนเรายังหายใจ อยากทำอะไรทำ   ออกไปสู่โลกกว้าง ทำบุญ ทำกุศล  เชื่อว่า เวลาตาย ท่านจะสบายใจ แต่คนอื่นจะร้องให้ให้กับท่าน


เพ้อไปเรื่อย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กรกฎาคม 2015, 16:14:03
พระพุทธพจน์
.......
"ทำชั่วด้วยตนเอง ย่อมเศร้าหมองด้วยตนเอง ไม่ทำชั่วด้วยตนเอง ย่อมหมดจดด้วยตนเอง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กรกฎาคม 2015, 14:27:51
พระพุทธพจน์
......
ความไม่ทำบาปทั้งปวง ๑

ความบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม ๑

ความชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว ๑
......
นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กรกฎาคม 2015, 16:07:44
พระพุทธพจน์
.....
"โลกธรรม ๘ คือ ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑ ยศ ๑ ความเสื่อมยศ ๑ นินทา ๑ สรรเสริญ ๑ สุข ๑ ทุกข์ ๑ ย่อมหมุนเวียนไปตามโลก และโลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรม ๘ ดังนี้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กรกฎาคม 2015, 16:14:32
ท่านเชื่อไหมว่า"การให้อภัยทานกับผู้อื่นได้นั้น ไม่ใช่เป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นคนดี หรือเป็นเพราะว่าพวกเขาได้ทำสิ่งที่ถูกต้องดีงาม หรือเราเป็นคนผิด แต่เป็นเพราะว่า เรานั้นมีจิตใจที่ดีงามสูงส่งที่พร้อมจะมีแต่ความเมตตากรุณาและให้อภัยทานต่อผู้อื่นอยู่เสมอต่างหากเล่า" ดังคำกล่าวที่ว่า "การให้อภัยทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กรกฎาคม 2015, 11:34:43
หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน
......
"ชีวิตของคนเรา จะแตกดับลงเมื่อไรก็ได้ กลับไม่แสวงหาบุญกุศล
เป็นเสบียง ย่อมเสี่ยงต่อการเป็นผู้อนาถามาก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กรกฎาคม 2015, 13:48:23
คู่แท้พบกันได้เพราะบุณ บารมี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nong4534 ที่ 13 กรกฎาคม 2015, 13:59:47
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กรกฎาคม 2015, 15:46:42
พุทธวจนในธรรมบท
......
กฤษณา หรือจันทน์ มีกลิ่นหอมน้อยนัก
แต่กลิ่นหอมของท่านผู้ทรงศีลประเสริฐนัก
หอมฟุ้งกระทั่งถึงทวยเทพยดา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กรกฎาคม 2015, 16:15:31
ชีวิตจะเป็นยังไง มันอยู่ที่การกระทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กรกฎาคม 2015, 13:18:20
จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเรา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กรกฎาคม 2015, 13:50:19
ชีวิตของท่านจะมีแต่ความสงบและร่มเย็นเป็นสุขเสมอ ขอเพียงท่านเคารพกฎหมายและมีศีลธรรมประจำใจในการดำเนินชีวิต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กรกฎาคม 2015, 14:59:44
ชีวิตของท่านจะมีแต่ความสงบและร่มเย็นเป็นสุขเสมอ ขอเพียงท่านเคารพกฎหมายและมีศีลธรรมประจำใจในการดำเนินชีวิต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กรกฎาคม 2015, 11:36:34
หากชีวิตของท่านนั้นเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย และส่วนใหญ่จะโชคร้ายหรือพบกับความทุกข์ใจหรือเรื่องเดือดร้อนใจอยู่เสมอตลอดเวลาแล้วไซร้ ให้ท่านหันกลับมาพิจารณาตนเองว่า ท่านบกพร่องศีลหรือทำผิดศีลข้อใดในห้าข้อหรือไม่ ถ้าพบว่าตนเองทุศีล ต้องรีบดึงสติหันกลับมาเป็นคนดีอยู่ในทาน ศีล ภาวนาทันที ถ้าทำได้ ท่านจะพบว่า ชีวิตของท่านจะดีขึ้นและสงบสุขหรือพานพบแต่สิ่งที่ดีงามมากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เชื่อหรือไม่ พึงใช้ปัญญาพิจารณา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กรกฎาคม 2015, 13:29:59
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงหรือต่ำอยู่ที่ทำตัว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กรกฎาคม 2015, 12:18:32
หลวงตาม้ากล่าวถึงเรื่องความโกรธ
.....
"หลวงตาขอพูดเรื่องความโกรธหน่อยนะ พวกเอ็งเนี้ยทุกคนต้องมีเป็นธรรมดาตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ก็ต้องมี จะมีมากบ้างน้อยบ้างแต่เราก็ต้องระงับให้ได้โดยใช้สติควบคุมมัน การมาปฏิบัติธรรมก็สามารถช่วยให้ความโกรธน้อยลงได้บ้าง คือระงับได้เร็วขึ้น หลวงตาแนะนำวิธีการแก้อารมณ์โกรธว่า นะ ให้หาภาพพระพุทธรูป หรือพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งที่เราเคารพนับถือ อัดขยายภาพให้ใหญ่แล้วใส่กรอบตั้งใว้ใครก็ให้นึกหน้าท่าน แล้วอารมร์โกรธก็จะหายไปเอง ให้ทำเช่นนี้เรื่อยๆ จนกลายเป็นความเคยชิน พอเกิดอารมณ์โกรธปั๊บก็ให้เห็นหน้าท่านปุ๊บกลายเป็นสมาธิเลย
.........
เวลาคนที่โกรธนั้นจะแสดงออกทั้งทางกาย วาจา ใจ ทางกายก็ออกมาทางสีหน้าและแววตา การกระทำบ้าง ทางวาจาก็ด่าบ้าง ทางใจก็คิดมุ่งร้ายต่อเขาบ้าง รู้หรือเปล่าว่าเวลาโกรธร่างกายต้องทำงานมากขนาดไหน ธาตุทั้ง 4 นั้นทำงานป่วนไปหมดคือ ทำงานไม่เป็นระบบ การะทบถึงหัวใจด้วย
..........
บางคนเดือดร้อนไปทั่วเพราะอารมณ์โกรธเพียงแค่นี้ เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะไม่มีสติ คอยควบคุม สิ่งเหล่านี้อยู่ที่การฝึกจิตใจ ฝึกสาธิ ให้สังเกตจากพอตาเห็นภาพปั๊บ หูก็ได้ยิน กายสัมผัส อารมณ์จะเริ่มปรุงแต่งเสริมทันที ถ้าไม่มีตัวสติ คอยควบคุมก็จะไปเรื่อยๆ เหมือนกับการภาวนา เรากำลังภาวนาอะไรอยู่ก็ตามเผลอแป๊บเดียวจิตก็ไปคิดเรื่องอื่นแล้ว นี่เป็นเพราะสติเราไม่ได้ควบคุม พอนึกได้ก็กลับมาภาวนาใหม่ ฉะนั้นเวลาทำอะไรต้องใช้สติเป็นตัวควบคุมตลอด ทำด้วยความมีสติสัมปชัญญะ นะรู้ใหม"
.......
คติธรรมคำสอน..ท่านพระอาจารย์ วรงคต วิริยธโร(หลวงตาม้า) วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กรกฎาคม 2015, 11:12:21
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ
.....
อย่าไปสนใจมาก ผูกจิตไว้กับความดี ไว้กับกระแสบุญ นี่สิ ดีกว่ามั่นคงกว่ายาวนานกว่า....


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กรกฎาคม 2015, 14:33:36
พึงมีจิตอันประกอบไปด้วยความเมตตากรุณาต่อผู้อื่นอยู่เสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กรกฎาคม 2015, 11:56:49
พระพุทธพจน์
.....
"พึงพิจารณาเนืองๆ ว่า
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กรกฎาคม 2015, 12:15:54
อยู่กับปัจจุบันที่ดีงามด้วย"สติ"เท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กรกฎาคม 2015, 09:42:48
คติธรรมคำสอน....ท่านหลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป
........
“ธรรมดาของชีวิต มีแล้วก็กลับไม่มีได้ โลกสลับกันไปมา เหมือนมืดแล้วสว่าง อย่าเสียใจหรือดีใจกับสิ่งใดให้มากนัก”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กรกฎาคม 2015, 17:55:17
สุตฺต. ขุ. ขุทฺทกปา-ธมฺมปทคาถา สุตฺตนิปาตา ข้อ 115 (กุมารกสูตร)
......
ท่านทั้งหลายอย่าได้ทำบาปกรรมทั้งในที่แจ้งหรือในที่ลับเลย ถ้าท่านทั้งหลายจักทำหรือทำอยู่ซึ่งบาปกรรมไซร้ ท่านทั้งหลายแม้จะเหาะหนีไปก็ย่อมไม่พ้นไปจากความทุกข์เลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กรกฎาคม 2015, 14:20:08
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สามจบ)
......
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง พระองค์นั้น โดยความเคารพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 กรกฎาคม 2015, 12:59:33
พระพุทธพจน์
......
"ศีลเป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง เป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย และเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้น พึงชำระศีลให้บริสุทธิ์"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 สิงหาคม 2015, 10:03:14
ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก
.......
ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามตัวเองว่าที่จะพูดนี้จำเป็นหรือเปล่า ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด นี่เป็นขั้นแรกในการอบรมใจ เพราะถ้าเราควบคุมปากตัวเองไม่ได้เราจะควบคุมใจได้อย่างไร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 สิงหาคม 2015, 14:57:46
คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง)
.....
คำอธิษฐานจิต
........
ทุกครั้งที่ทำความดี (ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด หรือยิ่งใหญ่เพียงไหนก็ตาม) ให้อธิษฐานขอไปพระนิพพาน ว่า...
........
ด้วยกุศลผลบุญนี้ ขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด ภพภูมิอื่นใด ไม่ว่าจะเป็น อบายภูมิ โลกมนุษย์ สวรรค์ พรหม หรืออรูปพรหมก็ตาม ข้าพเจ้าไม่ปรารถนา ข้าพเจ้าปรารถนาเพียงพระนิพพานเป็นที่สุด ตายเมื่อไหร่ขอไปพระนิพพานเมื่อนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 สิงหาคม 2015, 10:22:11
ท่านเชื่อไหมว่า อัตราความโชคร้ายและความทุกข์หรือความเดือดร้อนหรือปัญหาชีวิตต่างๆที่มารุมเร้าในชีวิตของท่านรอบด้านนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับอัตราการทำบาปหรืออัตราความถี่และบ่อยที่ท่านทำความชั่วหรือสร้างอกุศลกรรมนั่นเอง ดังนั้น จงมั่นสร้างกรรมดีหรือกุศลกรรมให้มากๆเข้าไว้ ละเว้นการทำความชั่วทุกชนิด แล้วท่านจะพบว่าชีวิตของท่านนั้นประสบแต่ความโชคดี มีความสุขความเจริญขึ้นมาทันทีอย่างน่าอัศจรรย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 สิงหาคม 2015, 08:49:36
"วาจาใดที่ทำให้ตนเองบ้าง ทำให้ผู้อื่นบ้างไม่สบายหู ไม่สบายใจ
วาจานั้นถือว่าเป็นวาจาที่ไม่ควรพูด"
.........
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 สิงหาคม 2015, 15:53:35
"หัดตายก่อน จะได้ปล่อยใจจากสิ่งทั้งหลาย ก่อนที่จะถูกความตายบังคับให้ปล่อย"
........
หลวงปู่บุดดา ถาวโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 สิงหาคม 2015, 14:12:32
คติธรรมคำสอน...ท่านหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
......
"ทุกอย่างรวมอยู่ที่ความประพฤติ คือฤกษ์ดี ฤกษ์ร้าย โชคดี โชคร้าย เรื่องเคราะห์ กรรม บาป บุญ อะไรทั้งหมดนี้ ล้วนออกไปจากความประพฤติของมนุษย์ทั้งนั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 สิงหาคม 2015, 10:11:02
เนื่องด้วยพรุ่งนี้เป็น"วันพระ" อย่าลืมตื่นแต่เช้าเพื่อทำบุญตักบาตร ทำจิตใจให้สงบดำรงตนอยู่ในทาน ศีล ภาวนาเพื่อเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าร่วมกันนะ สาธุ...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 สิงหาคม 2015, 10:43:48
การทำความชั่วนั้นแสนง่าย แต่ผลลัพธ์บั้นปลายนั้นคือความทุกข์หรือความเดือดร้อนแสนสาหัส ส่วนการอดทนทำความดีนั้นแสนยาก แต่ผลลัพธ์บั้นปลายย่อมประสบแต่ความสุขความเจริญและหอมหวานเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 สิงหาคม 2015, 14:59:41
สัตว์ทั้งหลายประพฤติชอบในเวลาใด เวลานั้นย่อมชื่อว่าเป็น ฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี ขณะดี ยามดี
......
๓๑/๔๗๗ สุปุพพัณหสูต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 สิงหาคม 2015, 11:15:19
ดีชั่วออกไปจากใครก็ย่อมกลับไปหาเขาเอง
.....
ท่านพ่อลี ธัมมธโล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 สิงหาคม 2015, 12:10:20
อย่าคิดไม่ดีกับ"พ่อแม่"เลย
แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดีจะทำมาหากินไม่ขึ้น
..........
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 สิงหาคม 2015, 08:49:26
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สามจบ)
......
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง พระองค์นั้น โดยความเคารพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 สิงหาคม 2015, 14:06:19
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
......
"เรื่องโลกมีแต่เรื่องยุ่งของคนอื่นทั้งนั้น ไม่มีที่สิ้นสุด เราไปแก้ไขเขาไม่ได้ ส่วนเรื่องธรรมนั้นมีที่สุด มาจบที่ตัวเรา ให้มาไล่ดูตัวเองแก้ไขที่ตัวเราเอง ตนของตนเตือนตนด้วยตนเอง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 สิงหาคม 2015, 15:24:23
วันนี้เป็น “วันพระ”
ดำรงตนอยู่ในทาน ศีล ภาวนา ลดละปล่อยวางจากกิเลสตัณหาและเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง ทำจิตใจให้สงบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 สิงหาคม 2015, 14:58:38
หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร
.......
"ที่เราถือว่าเรา ว่าของของเรา จะไม่ให้ทุกข์แก่บุคคลผู้เข้าไปยึดถือไม่มี มีแต่จะให้ทุกข์ มีมากเท่าไร ยิ่งทุกข์ใจมากเท่านั้น สิ่งใดที่เราหวงมากห่วงมาก สิ่งนั้นแหละจะทำให้เราเกิดทุกข์"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 สิงหาคม 2015, 10:10:10
หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร
.......
"ที่เราถือว่าเรา ว่าของของเรา จะไม่ให้ทุกข์แก่บุคคลผู้เข้าไปยึดถือไม่มี มีแต่จะให้ทุกข์ มีมากเท่าไร ยิ่งทุกข์ใจมากเท่านั้น สิ่งใดที่เราหวงมากห่วงมาก สิ่งนั้นแหละจะทำให้เราเกิดทุกข์"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 สิงหาคม 2015, 11:06:03
เรื่องบางเรื่องนั้น ไม่มีสิ่งใดช่วยเราได้ ในยามทุกข์หรือเดือดร้อนใจ นอกจากบุญกุศลที่ตัวของเราเองได้สร้างไว้เท่านั้น หมั่นสร้างสมความดีอยู่ในทาน ศีล ภาวนาไว้เถิด แล้วเราจะอบอุ่นปลอดภัยในทุกสถานการณ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 สิงหาคม 2015, 11:38:56
อย่าทำบุญอย่างเดียว ต้องรักษาศีลด้วย รักษาได้มากน้อยเท่าไหร่ก็รักษาไปแล้วก็ต้องภาวนาด้วย ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนา ก็ทำไปตามกำลังของเราเท่าที่จะทำได้
.......
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 สิงหาคม 2015, 09:34:55
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
........
ภาวนา เป็นยอดของการบุญ คนมีศีลแต่ไม่มีภาวนาก็ไปนิพพานไม่ได้ การภาวนาเป็นบุญอย่างยอด เราไม่ต้องลงทุนอะไรมากด้วย เพียงแต่นั่งให้สบาย จะขัดสมาธิหรือพับเพียบก็ได้ แล้วแต่จะหมาะแก่สถานที่และสังคม มือขวาวางทับมือซ้าย แล้วก็ตั้งใจหายใจเข้าออก ด้วยการระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ภาวนาไม่ใช่เป็นเรื่องของพระธุดงค์ หรือเป็นของพระของเณร ของคนโง่ คนฉลาด หรือคนมีคนจน แต่เป็นของซึ่งทุกคน ทุกเพศ ทุกชั้น ทุกวัย จะทำได้ คนเจ็บ คนไข้นั่งนอนอยุ่กับบ้านก็ทำได้ และทำได้ไม่เลือกกาลเลือกเวลา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 สิงหาคม 2015, 11:16:10
"สิ่งใดที่เรารักมากก็เป็นศัตรูแก่เรามาก สิ่งใดที่เรารักน้อยก็เป็นศัตรูแก่เราน้อย สิ่งใดที่เราไม่รักเลยก็เฉยๆ"
.........
ท่านพ่อลี ธัมมธโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 สิงหาคม 2015, 14:59:03
คติธรรมคำสอน....ท่านท่านพ่อลี ธัมมธโร
..........
อย่าให้ความดีร่วงหล่นไปตามนิวรณ์ การสร้างกุศลให้มีขึ้นในดวงจิตดวงใจเช่นนี้ก็เท่ากับเราเป็นคนมีทรัพย์ และเมื่อมีทรัพย์ก็จะต้องมีสิ่งรบกวนเหมือนต้นไม้ที่มีดอกสวยงาม ก็มักมีบุ้งหนอนหรือแมลงต่างๆมารบกวนเพราะดอกของมันมีกลิ่นหอม จิตของเราก็เหมือนกัน..เมื่อมีพุทธคุณ ธรรมคุณและสังฆคุณเกิดขึ้น ก็จะต้องมีเครื่องทำลายรบกวน คือ "นิวรณ์" หรือ "นิมิต" เหมือนดอกไม้ที่มีแมลงมาตอม ดอกของมันก็จะต้องร่วงหล่น เมื่อดอกร่วงหล่นเสียแล้ว ผลของมันก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จิตของเราก็เช่นเดียวกัน อย่าให้ความดีร่วงหล่นไปตามนิวรณ์ จึงต้องคอยระวังจิตให้ตั้งเฉยอยู่ในตัวของเราเอง จนรู้สึกว่าไม่มีสิ่งอะไรมารบกวนหรือทำลาย จิตก็จะเหมือนกับช่อมะม่วงที่ถูกละอองฝนหล่อเลี้ยง ไม่ช้าก็จะมีผลตามมาแล้วเราก็เก็บผลกินสบาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 สิงหาคม 2015, 14:57:42
คติธรรมคำสอน....ท่านพระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร วัดถ้ำผาปิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย
.........
บาป บุญ คุณ โทษ มีจริง นรก สวรรค์ มีจริง พระนิพพานมีจริง เหตุอย่างไร ผลก็เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นมนุษย์รีบสร้างบารมี คือ ทำบุญ รักษาศีล ให้ทาน และภาวนาดีกว่า ที่มาเป็นมนุษย์สมบัติพบพระพุทธศาสนาแล้ว ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ จงสร้างบารมีอย่างเต็มที่ เหตุที่ไม่มีเวลาภาวนาเพราะภายในจิตยังมีตัณหาอยู่ จิตยังมีขึ้น มีลงอยู่ ไม่เห็นความบริสุทธิ์ และความปกติของจิต กิเลสตัณหาดูดเอาไปหมด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 สิงหาคม 2015, 11:51:52
พระพุทธพจน์
.......
"ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นที่รักที่เจริญใจในโลก ตัณหา เมื่อจะเกิด ย่อมเกิดที่นี้ เมื่อจะตั้งอยู่ ย่อมตั้งอยู่ ณ ที่นี้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 สิงหาคม 2015, 13:30:30
คติธรรม....ท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
......
“จำไว้นะ ใครจะพูดอะไร็ช่างเขา กรรมมันอยู่ที่เขา ไม่ได้อยู่ที่ตัวเรา ไม่ต้องเอามันมาใส่ใจ”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 สิงหาคม 2015, 11:29:46
พระพุทธพจน์
......
ความไม่ทำบาปทั้งปวง ๑
ความบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม ๑
ความชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว ๑ นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 สิงหาคม 2015, 11:57:12
"วาจาใดที่ทำให้ตนเองบ้าง ทำให้ผู้อื่นบ้างไม่สบายหู ไม่สบายใจวาจานั้นถือว่าเป็นวาจาที่ไม่ควรพูด"
.......
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 สิงหาคม 2015, 11:23:40
“ความสุขทางโลกนั้นมีอยู่เพียงชั่วคราว แต่ความสงบสุขทางธรรมด้วยทาน ศีล ภาวนานั้น ยืนยาวข้ามชาติภพ”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 สิงหาคม 2015, 12:46:19
คติธรรม.....ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
.........
"ทำดีไม่ได้ดี ไม่มีอยู่ในความจริง มีอยู่แต่ในความเข้าใจผิดของคนทั้งหลายเท่านั้น ทำดีแล้วต้องได้ดีแน่นอนเสมอไป ที่มีเหตุการณ์ต่างๆ นานาปรากฏขึ้น เหมือนทำดีไม่ได้ดีนั้น เป็นเพียงการปรากฏของความสลับซับซ้อน แห่งการให้ผลของกรรมเท่านั้น
...........
เพราะกรรมนั้นไม่ได้ให้ผลทันตาทันใจเสมอไป แต่ถ้าเป็นเรื่องภายในใจแล้ว กรรมให้ผลทันทีที่ทำแน่นอน เพียงแต่ว่า บางทีผู้ทำไม่สังเกตด้วยความประณีตเพียงพอ จึงไม่รู้ไม่เห็น ขอให้สังเกตใจตนให้ดี แล้วจะเห็นว่าทันทีที่ทำกรรมดี ผลจะปรากฏขึ้นในใจเป็นผลดีทันทีทีเดียว"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 สิงหาคม 2015, 13:58:33
คนเราที่มีบาปอกุศลเกิดขึ้นในใจก็เพราะว่าขาดความรู้สึกตัว คือไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร กำลังพูดเรื่องอะไร กำลังทำสิ่งใด
.......
หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 สิงหาคม 2015, 11:30:09
วาจาที่จริง แท้ มีประโยชน์ และวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ในข้อนั้นตถาคต ย่อมรู้กาลที่จะพูด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กันยายน 2015, 13:19:56
คติธรรรมคำสอน....ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
.........
"วิธีชนะที่จะไม่ต้องเบียดเบียนใคร เป็นความดีชั้นตรี ถ้าเป็นการชนะชนิดที่เกื้อกูลเขา ทำให้เขากลับเป็นคนดี ก็นับว่าเป็นความดีชั้นโท ส่วนความดีชั้นเอกก็คือ “ความดีที่ชนะความชั่วของตนเอง”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กันยายน 2015, 11:10:24
คำสอน...หลวงปู่ขาว อนาลโย
.......
สนิมเกิดจากเหล็กย่อมกัดเหล็กฉันใด ความชั่วเกิดขึ้นแล้วย่อมทำลายตัวเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กันยายน 2015, 13:59:20
อย่าไปว่าคนอื่นเขา ตัวเรานั้นดีแล้วหรือ ให้หมั่นถามตัวเองไว้เช่นนี้ตลอดเวลา
......
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thaismart99 ที่ 04 กันยายน 2015, 01:01:04
สาธุ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กันยายน 2015, 13:07:17
โลภะ โทสะ โมหะ เป็นรากเหง้าของกิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปด เราเกิดก็เพราะกามตายก็เพราะกาม ทุกข์ก็เพราะกาม ความพอใจก็เพราะกาม ความไม่พอใจก็เพราะกาม ความรักความชังที่เกิดขึ้นก็เพราะกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหานี้แหละ
.........
คำสอน...ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กันยายน 2015, 15:20:48
เขาโกรธมา เราไม่โกรธตอบไปอย่างนี้เรียกว่า ชนะสงครามที่ชนะได้ยาก
.......
ท่านป.อ. ปยุตฺโต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กันยายน 2015, 16:15:36
คติธรรม....ท่านหลวงปู่ชา สุภทฺโท
........
ทุกวันนี้เราหันหลังให้ศาสนากันมาก นิยมทำความชั่วกันเพราะทำง่ายดี แต่ความดีที่เป็นประโยชน์ไม่ค่อยมีคนทำ เพราะมันทำยาก ความจริงแล้ว ถ้าเราเห็นโทษของความชั่วให้ชัดเจนจริงๆ แล้ว เราจะไม่อยากทำ เพราะผลที่สุดของความชั่วคือความเดือดร้อน เมื่อใครๆ ก็ไม่ต้องการความเดือดร้อน แล้วเราจะไปทำในสิ่งที่มันทำให้เดือดร้อนทำไม? เราควรคิดดูให้ดี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กันยายน 2015, 14:47:29
" พวกเราทั้งหลายเกิดมาแล้วอย่าได้ประมาท จงทำคุณความดีให้บังเกิดขึ้นในตัวเรา กุศลอันนี้แหละจะเป็นเสบียงเลี้ยงตนในสัมปรายภพข้างหน้า นี่แหละพวกเราทั้งหลายจึงต้องทำบุญให้ทาน "
.........
หลวงปู่ปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กันยายน 2015, 16:25:35
THE HAPPINESS.
.....
1. นึกเสมอว่า การโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับเธอ 3 ชั่วโมง
.....
2. ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งแน่!
....,,
3. หลับตานิ่งๆ ซัก 3 นาที เมื่อรู้สึกว่า ...อะไรตรงหน้ามันช่างยากจัง
.....
4. ระหว่างแปรงฟันถ้าฮัมเพลงด้วยไปจนจบจะทำให้ฟันสะอาดขึ้น 2 เท่าแน่ะ
......
5. เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาติธรรมดาก็จะอร่อยขึ้นเยอะ
.......
6. ควรหัดพูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า “จะเอายังไง”
......
7. สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้จึงเล่าให้มันฟังได้
.......
8. อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด
......
9. เขียนชื่อคนที่เธอเกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้งความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ
........
10. ให้ปล่อยน้ำตาไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้ง จะดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องไห้มา
......,,
11. ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อย 3 ข้อ ก่อน
.......
12. ถึงเสื้อกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าสลับกันไปเรื่อยๆก็ดูเหมือนจะเยอะขึ้น
........
13. เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ ดีกว่าคนได้เยอะจนจำชื่อคนให้ไม่หมด
.....
14. ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองซักดอกแล้วจะดีขึ้น
.......
15. พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่มอาจไม่สนุกแต่มีประโยชน์แฝงอยู่
.......
16. วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าที่จะทำนานได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกายน่ะ
......
17. รู้รึเปล่าว่าดอกไม้ที่บานอยู่กับต้น ยังไงก็อยู่ได้นานกว่าบานในแจกัน
...,,.
18. ทะเลาะกับใครๆ พร้อมรอยยิ้ม เรื่องราวจะจบง่ายกว่าที่คิดเยอะ
......
19. เอารูปตัวเองตอนเด็กๆ มาดูตอนเครียด อารมณ์จะดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
....
20. พยายามหาข้อบกพร่องของคนที่เธออิจฉา อย่างน้อยก็มีข้อปลอบใจตัวเองบ้าง!
....
21. ซื้อของฝากทุกคนในบ้าน ก็เหมือนกับการซื้อของฝากตัวเองนั่นแหละ
....
22. จะหน้าตายังไงก็แล้วแต่ ถ้าทิ้งขยะลงพื้นก็กลายเป็นขี้เหร่ได้ทันตาเห็น
....
23. นั่งสมาธิให้นานๆ และบ่อยๆ ก็ทำให้ผิวสวยขึ้นได้เหมือนกัน
.....
24. นอกจากตอนที่เคี้ยวข้าวแล้ว ไม่ว่าก่อนหรือหลังกิน ก็หัวเราะได้อร่อย
.....
25. จินตนาการถึงเรื่องที่อยากมี หรืออยากเป็น คือ ยานอนหลับอย่างหนึ่ง
.....
26. อ่านหนังสือหรือการ์ตูนโปรดเป็นการเติมน้ำมันให้ตัวเองอย่างดี
....
27. ยังไม่มีใครเคยแย้งว่า การอาบน้ำสามารถคลายเครียดได้
....
28. ก่อนจะด่าใครให้นับ 1 ถึง 50 เผลอๆ อาจจะไม่อยากด่าแล้วก็ได้
...
29. ไม่ต้องทำยังไงกับเพื่อนที่หักหลัง ก็แค่อย่าเรียกเค้าว่า เพื่อนก็พอแล้ว
....
30. การที่ทำของหายอาจเป็นการใช้หนี้ของชาติที่แล้ว ให้คนอื่นที่เก็บมันได้
.....
31. ถึงจะไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าซักบาท ยังดีกว่าไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่ตั้งเยอะ
.....
32. หนี้ที่โดนเบี้ยวไป ทำให้เรารู้จักใครบางคนดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลามาก
.....
33. คนอื่นไม่เข้าใจเราไม่เห็นแปลก ในเมื่อเราก็ไม่เข้าใจคนอื่นเหมือนกัน
....
34. ไม่ต้องด่าตัวเอง ถ้าแน่ใจว่าสิ่งที่ทำไป พยายามเต็มที่แล้ว
.....
35. วิ่งให้เหนื่อยมากๆ ความโกธรจะได้ถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กันยายน 2015, 12:22:43
"เขาพูดว่าเราดี เราก็ไม่ดีเหมือนคำเขาพูด
เขาพูดว่าเราชั่ว เราก็ไม่ชั่วเหมือนคำเขาพูด
ถ้าเราไม่ยึด เราไม่มี จะเอาอะไรไปดีไปชั่ว"
......
หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: tamuraki ที่ 09 กันยายน 2015, 17:33:04
น่าสนใจจริงๆครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กันยายน 2015, 13:13:46
คติธรรมคำสอน....ท่านหลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป
........
“ธรรมดาของชีวิต มีแล้วก็กลับไม่มีได้ โลกสลับกันไปมา เหมือนมืดแล้วสว่าง อย่าเสียใจหรือดีใจกับสิ่งใดให้มากนัก”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กันยายน 2015, 11:20:25
"สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กันยายน 2015, 09:19:02
ถ้าเราไม่ทำมันไว้ อยากได้ มันก็ไม่ได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กันยายน 2015, 14:04:28
"กายนี้เป็นบ่อเกิดเหตุแห่งทุกข์ เรายังสนุกสนานอยู่เราเพลิดเพลินเพราะความหลงตัว ยิ่งคือกามนี้แหละ ตัวกาม ตัวเจ้าของ เราหลงโลภ หลงสงสาร ไม่หลงกายจะไปหลงอะไร เหตุนั้นท่านจึงบริกรรมพุทโธ พิจารณากายข้างบนข้างล่าง เห็นธรรม "
........
หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กันยายน 2015, 14:13:17
สาเหตุทึ่มนุษย์นั้นทุกข์มากมายเกินเหตุ เพราะว่าชอบไปยุ่งวุ่นวายกับความดีความชั่วของคนอื่น จนลืมมองความดีความชั่วที่ตนเองได้กระทำไว้ บุคคลใดที่อยู่ในทาน ศีล ภาวนาและสามารถปรับตัวให้วางเฉยกับภาวะโลกธรรม 8 ได้ ย่อมสงบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กันยายน 2015, 12:01:09
พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
.....
การนอนหลับ เป็นการพักกาย การทำสมาธิ เป็นการพักใจ
คนส่วนใหญ่พักแต่กาย ไม่ค่อยพักใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กันยายน 2015, 09:54:36
คติธรรม...ท่านหลวงพ่อชา สุภัทโท
.......
การละบาป สำคัญมากกว่าการทำบุญ ถ้าทำบาปแลกบุญ ก็จะขาดทุนเรื่อยไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กันยายน 2015, 09:20:54
พุทธวจนในธรรมบท
......
กฤษณา หรือจันทน์ มีกลิ่นหอมน้อยนัก แต่กลิ่นหอมของท่านผู้ทรงศีลประเสริฐนัก หอมฟุ้งกระทั่งถึงทวยเทพยดา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กันยายน 2015, 09:38:45
คติธรรมคำสอน....ท่านหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
.........
คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้ คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า ฯ
.......
ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล ตัวอย่างเรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว ฯ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กันยายน 2015, 11:22:18
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป
…...
"โลกนี้และชีวิตนี้ ไม่มีอะไร เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้มานานแล้ว เราสุขเราทุกข์อย่างนี้ มาหลายภพหลายชาติแล้ว อย่าโศกเศร้าเสียใจไปนักเลย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กันยายน 2015, 10:40:52
คติธรรม....ท่านหลวงพ่อชา สุภัทโท
.....
อยู่กับความสงบ อยู่กับศีล อยู่กับคุณงามความดี ไม่ต้องไปคิดว่า ทำแล้วได้อะไร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กันยายน 2015, 10:50:49
คติธรรม...ท่านหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
.....
บาปที่ทำแล้วมันแก้ไม่ได้ แต่นิสัยชั่วที่เราประพฤติอยู่นั้น มันแก้ได้ ท่านให้แก้ที่ตรงนี้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pheeba52 ที่ 21 กันยายน 2015, 11:15:03

   อนุโมทนา สาธุบุญกับทุกท่านด้วยครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Nongoff ที่ 21 กันยายน 2015, 23:24:28
อนุโมทนาด้วยคะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กันยายน 2015, 09:48:19
คติธรรรม....ท่านหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
.......
"บุญถ้าไม่ทำเพิ่มเติมก็หมดไปได้ เหมือนน้ำในโอ่งหากไม่ตักเพิ่ม ในที่สุดก็จะแห้งหมดไปได้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กันยายน 2015, 14:06:00
บุญนั้นย่อมเป็นที่พึ่งได้ในทุกๆชาติภพ
......
วิบากกรรมไม่ดีมาส่งผล บุญเท่านั้นที่จะช่วยได้จริง
.......
อานิสงส์แห่งบุญถ้าไม่มีจริง พระพุทธเจ้าคงไม่ตรัสเอาไว้ และก็ไม่มีในพระไตรปิฏก คนคงไม่เชื่อมากว่า2,500 ปี
.......
อานิสงส์แห่งบุญหากไม่มีจริง พระอรหันต์พระอริยเจ้าท่านก็ไม่พูดถึง ไม่แนะนำให้คนทั้งหลายเพียรสร้างบุญกุศล เพราะต้องอาบัติร้ายแรง ถึงขั้นปิดทางบรรลุธรรม
......
อานิสงส์แห่งบุญหากไม่มีจริง คนที่โดนกรรมไม่ดีมาส่งผลทั้งแบบฉับพลัน แบบช้าๆ คงไม่พลิกชีวิตได้ ซึ่งมีมากมายมหาศาล
......
อานิสงส์บุญจากทาน ศีล ภาวนา เป็นของวิเศษที่พึ่งได้จริง แม้ในยามคับขัน หรือแม้แต่ในยามปกติ ในยามรุ่งเรืองพูนสุข
.......
โปรดหมั่นระลึก ฝึกจิตให้อยู่ในบุญกุศล ทำบุญเท่าที่จะทำได้ แม้มีอะไรมากระทบ แม้มีกรรมไม่ดีมาส่งผล
....
ทุกท่านจะเห็นปาฏิหาริย์แห่งบุญ
....
ที่มา:ธ. ธรรมรักษ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กันยายน 2015, 07:45:20
บุญนั้นย่อมเป็นที่พึ่งได้ในทุกๆชาติภพ
......
วิบากกรรมไม่ดีมาส่งผล บุญเท่านั้นที่จะช่วยได้จริง
.......
อานิสงส์แห่งบุญถ้าไม่มีจริง พระพุทธเจ้าคงไม่ตรัสเอาไว้ และก็ไม่มีในพระไตรปิฏก คนคงไม่เชื่อมากว่า2,500 ปี
.......
อานิสงส์แห่งบุญหากไม่มีจริง พระอรหันต์พระอริยเจ้าท่านก็ไม่พูดถึง ไม่แนะนำให้คนทั้งหลายเพียรสร้างบุญกุศล เพราะต้องอาบัติร้ายแรง ถึงขั้นปิดทางบรรลุธรรม
......
อานิสงส์แห่งบุญหากไม่มีจริง คนที่โดนกรรมไม่ดีมาส่งผลทั้งแบบฉับพลัน แบบช้าๆ คงไม่พลิกชีวิตได้ ซึ่งมีมากมายมหาศาล
......
อานิสงส์บุญจากทาน ศีล ภาวนา เป็นของวิเศษที่พึ่งได้จริง แม้ในยามคับขัน หรือแม้แต่ในยามปกติ ในยามรุ่งเรืองพูนสุข
.......
โปรดหมั่นระลึก ฝึกจิตให้อยู่ในบุญกุศล ทำบุญเท่าที่จะทำได้ แม้มีอะไรมากระทบ แม้มีกรรมไม่ดีมาส่งผล
....
ทุกท่านจะเห็นปาฏิหาริย์แห่งบุญ
....
ที่มา:ธ. ธรรมรักษ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กันยายน 2015, 09:03:33
อย่ามองคนอื่นว่าเขาไม่ดี ดูตัวเองดีกว่า ว่าดีพอหรือยัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: asian101990 ที่ 26 กันยายน 2015, 11:11:40
ขอบคุณมากๆครับ  :wanwan003: :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กันยายน 2015, 09:25:51
ทุกสิ่งทุกอย่างทีเราหามาได้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ตอนยังไม่ตายก็รีบสร้างบุญกุศล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kunmeeja ที่ 28 กันยายน 2015, 11:07:39
ตั้งมั่นอยู่ในความดี...แล้วความดีนั้นจะรักษาเรา  :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กันยายน 2015, 14:35:30
"เราทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด เราทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ใครไปทำกรรมอะไร เราไปทำตามเขา เราก็ได้กรรมตามนั้น เพราะฉะนั้นก่อนจะทำอะไร ให้คิดให้ดี ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม กรรมใครกรรมมัน"
........
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กันยายน 2015, 08:43:25
"มนุษย์ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เท่ากันคือเวลา วันละ ๒๔ ชั่วโมงเท่ากัน แต่แตกต่างกันตรงที่ว่า ใครจะใช้ปัญญาธรรมในการทำความดีอยู่ในทาน ศีล ภาวนาได้มากกว่ากัน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กันยายน 2015, 09:50:06
ธรรมะท่านสอนให้ดูตัวเอง ระวังตัวเอง จะได้เห็นความบกพร่องของตัวเอง แล้วแก้ไขตัวเองไปเรื่อยๆ จนสมบูรณ์ได้
.......
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ตุลาคม 2015, 11:05:23
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี
.........
"เกิดมาต้องเป็นทุกข์แน่โยม จะต่างกันก็ทุกข์มาก ทุกข์น้อยเท่านั้นแหละ
การทำบุญต้องส่งไปให้ชาติหน้าแน่ของเราทำแล้วจะไปไหน การทำบุญไม่ใช่หนทางพ้นจากทุกข์โดยตรง แต่เป็นทางทำทุกข์ให้น้อยลง การภาวนานั้นซี เป็นทางนำทุกข์ให้หมดไป"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ตุลาคม 2015, 10:02:14
บุญต้องต่อเอาไว้นะ ปัจจุบันก็บุญเก่า บุญเก่าเราสร้างมาแต่อดีตโน้น ของเก่าที่เราได้เรามีปัจจุบัน ถ้าเราไม่รักษา มันก็จะเสื่อมของใหม่ บุญที่จะเกิดขึ้นมาใหม่อีก ถ้าเราไม่ต่อไว้ ก็จะไม่มีอะไรแหละ
......
หลวงปู่อว้าน เขมโก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ตุลาคม 2015, 11:34:41
นรกโลกนี้ ยังไม่เผ็ดร้อนเท่ากับนรกในภพหลัง สวรรค์ในภพนี้ ไม่สุขสงบร่มเย็น ไม่อุดมสมบูรณ์ไพบูลย์เท่ากับสวรรค์ในภพภูมิอื่น นี่คือความจริง
.......
หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Miniaa ที่ 03 ตุลาคม 2015, 16:55:25
สาธุค่า  :wanwan008:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Modziila ที่ 04 ตุลาคม 2015, 10:50:46
อนุโมทนาบุญครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 ตุลาคม 2015, 15:05:59
คติธรรมคำสอน...ท่านหลวงปู่ศรี มหาวีโร
.........
ผู้ที่สร้างบาปก็เหมือนกับการดื่มยาพิษ อย่างไรเสียย่อมได้รับโทษภัย เพียงแต่ว่ายาพิษนั้นจะส่งผลเร็วหรือช้า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ตุลาคม 2015, 09:46:34
คติธรรม....ท่านพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
.......
บางคนใจดีชอบแจกของให้คนอื่น จนทำให้ครอบครัวเดือดร้อน อันใดทำแล้วเดือดร้อนเรา เดือดร้อนเขาอย่าทำ อันใดทำแล้วเดือดร้อนเรา ไม่เดือดร้อนเขาอย่าทำ อันใดทำแล้วไม่เดือดร้อนเรา เดือดร้อนเขาอย่าทำ อันใดทำแล้วไม่เดือดร้อนเรา ไม่เดือดร้อนเขา จงทำเถิด นี้คือพระวจนะของพระพุทธองค์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 ตุลาคม 2015, 14:56:01
อย่าทำอารมณ์ให้วุ่นวาย อย่าใจน้อย อย่าคิดมาก จงคิดไว้เสมอว่า เราต้องตาย อย่าห่วงคนอื่น มากกว่า กฎแห่งกรรม
....
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ตุลาคม 2015, 10:51:57
ต่อให้ทุกข์ที่สุด ก็ต้องผ่านพ้นไปจนได้ เมื่อเรานั่งมองอดีต เรายังผ่านทุกข์มาได้ตั้งหลายทุกข์
.....
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 ตุลาคม 2015, 14:15:12
พระพุทธศาสนสุภาษิต
..........
สัตว์บางพวกกลับมาเกิดอีก พวกที่ทำบาป ไปนรก พวกที่ทำดี ไปสวรรค์ พวกที่หมดอาสวกิเลส ปรินิพพาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: naynarajitt ที่ 08 ตุลาคม 2015, 15:20:27
อนุโมทนาสาธุจ้า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: NumJai2553 ที่ 08 ตุลาคม 2015, 16:27:40
อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ 


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ตุลาคม 2015, 10:32:57
ปากบอกแผ่เมตตา แต่ใจยังอิจฉาริษยา ชอบเอาเปรียบผู้อื่น แล้วจะเอาใจดีดีที่ไหน มาแผ่เมตตา ฝันไปเถอะ
......
หลวงพ่อสาคร ธัมมวุทโธ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ตุลาคม 2015, 14:59:22
คติธรรม....ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
........
"บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก ก็ต้องหมั่นบำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูกไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้าง ต้องทำเอาเอง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ตุลาคม 2015, 14:58:45
อย่าเฝ้าดูการกระทำหรือจ้องจับผิดหรือคาดหวังให้ผู้อื่นเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อให้ถูกใจเราเลยนะ เพราะเป็นไปไม่ได้ มนุษย์ทุกคนล้วนต่างก็มีจริตส่วนตัวและมีบุญวาสนาบารมีที่สะสมมาต่างกัน หรือมีต้นทุนบุญต่างกัน เรานำเวลาที่เฝ้าดูคนอื่นมาปรับปรุงแก้ไขขัดเกลาตัวของเราเองให้เป็นคนดี ดีกว่า เพราะเราสามารถทำได้แน่นอน ทำแล้วได้บุญได้กุศลและสามารถเก็บสะสมไว้เป็นเสบียงบุญติดตัวของเราได้ในทุกๆชาติภพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ตุลาคม 2015, 11:43:32
คนเราเกิดมามีสามอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ตุลาคม 2015, 11:24:42
"อย่าคาดหวังในทุกสรรพสิ่ง เพราะใดๆในโลกนี้เปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา แม้ตัวเราเองบางครั้งยังควบคุมการเปลี่ยนแปลงของใจเราไม่ได้เลย การยึดติดล้วนก่อทุกข์ มีหน้าที่อะไรก็จงทำมันให้ดีที่สุด การได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์กับผู้อื่น ย่อมยิ่งใหญ่และเป็นกุศลกรรมเสมอ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ตุลาคม 2015, 11:37:53
พระพุทธศาสนสุภาษิต
..........
ถ้าหากจะทำความดี ก็ควรทำดีบ่อยๆ ควรพอใจในการทำความดีนั้น เพราะการสะสมความดีนำสุขมาให้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: jajakob ที่ 14 ตุลาคม 2015, 23:12:05
เข้ากระทู้นี้แล้วจิตใจสงบสุขอีกครั้ง อนุโมทนาสาธุ :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ตุลาคม 2015, 11:32:44
ิเอาเท่าที่ได้ พอใจเท่าที่มี เท่านั้นพอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ตุลาคม 2015, 11:35:22
"ธรรมะจากพระไตรปิฎก"
.....
ฐานสูตร
........
"สตรี บุรุษ ผู้ครองเรือน นักบวช ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีการกระทำ (กรรม) เป็นของตน เป็นทายาทแห่งการกระทำ มีการกระทำเป็นกำเนิด มีการกระทำเป็นเผ่าพันธุ์ มีการกระทำเป็นที่พึ่ง จะกระทำดีก็ตาม กระทำชั่วก็ตาม เราเป็นผู้รับผลของการกระทำนั้น เมื่อกายทุจริต วาจาทุจริต ใจทุจริตยังมีอยู่ หากเขาพิจารณาเนือง ๆ ดังนี้ เขาย่อมละทุจริตได้โดยสิ้นเชิง หรือทำให้ทุจริตเบาบางลงได้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ตุลาคม 2015, 12:29:57
หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
...........
เมื่อตาเห็นรูปแล้ว รู้ว่าสวยงามหรือน่ารังเกียจ อย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้ เมื่อหูได้ยินเสียง รู้ว่าไพเราะหรือน่ารำคาญ อย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้ เมื่อลิ้นได้ลิ้มรส รู้ว่าอร่อย หรือไม่อร่อยเปรี้ยวหวานมันเค็ม อย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้ เมื่อจมูกได้กลิ่นหอมหรือเหม็นอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้ เมื่อกายสัมผัสโผฎฐัพพะ รู้ว่าอ่อนแข็งเป็นอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ตุลาคม 2015, 12:51:34
ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก
........
"มันมีอะไรเป็นของเราบ้าง ตายไปก็เอาอะไรไปติดตัวไม่ได้ แล้วจะอยากมันทำไม ไม่ต้องอยากอะไรทั้งนั้น ทำจิตให้สงบ ให้เป็นหนึ่ง ไม่ต้องไปสนใจในความมี ความเป็น ตัวของตัวเองหรือผู้อื่น ให้สักแต่ว่ารู้อย่างเดียวก็พอ"ฯ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ตุลาคม 2015, 11:34:26
หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ
........
คนเราเมื่อตายแล้ว บาทเดียวก็เอาติดตัวไปไม่ได้ คนฉลาดควรเปลี่ยนทรัพย์เป็นบุญ เป็นกุศล ย่อมนำติดตัวไปในภพหน้า ชาติหน้าได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: whitestar ที่ 20 ตุลาคม 2015, 03:17:49
อนุโมทนาสาธุครับ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ตุลาคม 2015, 14:44:18
บุคคลไม่ควรเศร้าโศกอาลัยอาวรณ์ถึงสิ่งภายนอกทั้งหลาย ที่มันพ้นไปแล้ว มันหมดไปแล้ว เพราะสิ่งเหล่านั้นมันได้ทำหน้าที่ของมัน โดยถูกต้องสมบูรณ์แล้ว
.......
หลวงปู่ดุลย์ อตุโล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ตุลาคม 2015, 12:01:29
"คติธรรมนำชีวิต" โดย... ชยปุญโญ ภิกขุ
...........
เมื่อเราเกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ขออย่าได้ประมาทได้แต่กินบุญเก่าอย่างเดียว ไม่สะสมสร้างบุญใหม่ เมื่อตายจากชาติที่เป็นมนุษย์แล้ว และสมมุติว่าไม่ได้ทำบาปกรรมอะไรไว้ แต่บุญกุศลก็ไม่เคยทำ ไม่เคยรักษาศีล ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระเจริญสมาธิภาวนา เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์อีกครั้งก็อาจจะลำบากยากเข็ญได้ ยกตัวอย่างว่า นายดำเป็นลูกเศรษฐีร้อยล้าน เมื่อพ่อแม่เขาตายแล้ว นายดำก็ไม่ดำเนินธุรกิจของพ่อแม่ต่อไป เอาเงินทองทรัพย์สมบัติต่างๆ ไปกินเหล้า เล่นการพนัน เที่ยวผู้หญิง ฯลฯ ทรัพย์สมบัติร้อยล้านนั้นก็หมดไป นายดำก็ต้องเป็นขอทาน ฯลฯ
.......
ในุยุคกึ่งพุทธกาลนี้ สื่อ Multimedia คำสอนต่างๆ ขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็มีให้เลือกมากมาย เช่น
.........
1.VDO&Mp3 บทสวดและคำสอนต่างๆ ทั้งของพระบรมศาสดา และพ่อแม่ครูบาอาจารย์
2.ไฟล์คำสอนต่างๆ เช่น Word&Pdf
3.รูปภาพคำสอนต่างๆ ซึ่งสามารถ Download ไปอ่านหรือรับชมรับฟังได้
...........
ข้าพเจ้าก็จึงขอเชิญขวนทุกๆ ท่านโปรดอย่าได้ประมาทในวัย ในชีวิต ขอทุกๆ ท่าน ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวโดยย่อก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา สาธุ สาธุ สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ตุลาคม 2015, 12:33:43
"สงบจิตได้ปัญญา
สงบตัณหาได้ความสุข"
......
หลวงปู่จันทร์ กุสโล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ตุลาคม 2015, 13:55:00
คติธรรม...ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
.....
"ทุกชีวิตมีเวลาจำกัด อย่างมากไม่เกินร้อยปี ก็จะต้องละร่างนี้ ละโลกนี้ไป อย่าพลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำความดี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ตุลาคม 2015, 00:41:24
พระพุทธพจน์
.....
"ในเมื่อนิพพานก็ดำรงอยู่ ทางไปนิพพานก็ดำรงอยู่ เราผู้ชักชวนก็ดำรงอยู่ แต่ก็สาวกของเราอันเราโอวาทสั่งสอนอยู่อย่างนี้ บางพวกเพียงส่วนน้อย ยินดีนิพพานอันมีความสำเร็จล่วง ส่วนบางพวกก็ไม่ยินดี ดูกรพราหมณ์ ในเรื่องนี้ เราจะทำอย่างไรได้ ตถาคตเป็นแต่ผู้บอกหนทางให้ ฯ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ตุลาคม 2015, 11:18:10
พระพุทธพจน์
.....
“บุคคลผู้ทำบาป ย่อมเดือดร้อนในโลกนี้ ย่อมเดือดร้อนในโลกหน้า ย่อมเดือดร้อนในโลกทั้งสอง”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ตุลาคม 2015, 11:41:19
คติธรรม.....ท่านหลวงพ่อชา สุภัทโท
......
"คนทั้งโลก จะให้เขามาพูดถูกใจเรา มีไหม? จะมาทำ ถูกใจเราทุกคน มีไหม?ไม่มี เมื่อ ไม่มี เราก็เป็นทุกข์ อยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่มีการ "ปล่อยวาง" เราเกิดมาในชีวิตหนึ่ง เราจะหาความสงบ ว่า คุณต้องทำให้ถูกใจฉัน ฉันจึงจะสงบ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันก็ไม่สงบ คนๆ นี้ เกิดมาไม่รู้กี่ชาติ ก็ไม่มีความสงบ เพราะคนหลายคน ใครจะมาพูด ให้เราถูกใจเราทุกคน ใครจะมาทำให้ดีทุกคน มันไม่มีหรอก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ตุลาคม 2015, 13:22:35
การทำความดีนั้นเป็นปัจจัตตัง(ต้องทำด้วยตนเอง) หมั่นทำความดีด้วยการอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนาไว้ แล้วท่านจะพบกับสิ่งที่ดีๆแบบมหัศจรรย์แบบไม่คาดฝันเสมอ จริงหรือไม่ ท่านลองปฎิบัติดู


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ตุลาคม 2015, 14:13:47
หากชาตินี้ไม่ปฏิบัติ แล้วอีกกี่ชาติ
จึงจะได้พบหนทางเช่นนี้อีก
......
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤศจิกายน 2015, 11:48:31
พระพุทธดำรัส
......
"บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบุญว่าบุญมีประมาณน้อยจักไม่มาถึง แม้หม้อน้ำยังเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาทีละหยาดๆ ฉันใด นักปราชญ์สั่งสมบุญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มด้วยบุญ ฉันนั้น" ในทางตรงกันข้าม เราก็ไม่ควรดูหมิ่นบาปเล็กน้อยว่าจะไม่เพิ่มมากขึ้น ในเมื่อเราทำบาปนั้นบ่อยๆ และเมื่อทำบ่อยๆ จิตใจก็คุ้นกับบาป เป็นเหตุให้บาปเกิดได้ง่ายและบ่อยขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤศจิกายน 2015, 10:56:03
คติธรรรม.....ท่านหลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน
......
เกิดมาทั้งที ต้องเอาดีให้ได้ อยู่ในโลกทั้งที ต้องทำดีฝากไว้ จะตายไปทั้งที อย่าลืมเอาดีติดตัวไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤศจิกายน 2015, 11:18:30
คำสอน.....ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง
.....
การเป็นพระโสดาบันเป็นของไม่ยาก แต่ว่า "ต้องฝึกจิตเบื้องต้นเสียก่อน" ถ้าการฝึกจิตเบื้องต้นไม่มี ถ้าจิตยังไปวุ่นวายกับกำลังความดีความชั่วของคนอื่น "เราก็ชั่วตลอดไป"
......
ถ้าเราไม่ชั่ว เราก็ไม่เห็นคนอื่นชั่ว
ถ้าเราชั่วมาก เราเห็นคนอื่นชั่วมาก
ถ้าเราชั่วน้อย เราเห็นคนอื่นชั่วน้อย
ถ้าเราไม่ชั่วเลย เป็นพระอรหันต์ เห็นคนอื่นไม่ชั่ว
เพราะว่าพระพุทธเจ้าเอง "ไม่เคยทรงตำหนิใครว่าเป็นคนชั่ว" เพราะ "ทุกคนเกิดมาตามกำลังกฎของกรรม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤศจิกายน 2015, 11:49:07
พุทธศาสนสุภาษิต
......
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤศจิกายน 2015, 12:22:49
ในบางครั้งความทุกข์และความวุ่นวายใจ มักเพิ่มมากขึ้นตามปริมาณการพูดมากของมนุษย์ ยิ่งปิดปาก ปิดวาจาได้มากเพียงใด ใจยิ่งสงบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤศจิกายน 2015, 13:39:44
โอวาทธรรม....ท่านหลวงพ่อชา สุภัทโท
......
ให้ล้างความใคร่ออกจากความรัก เหมือนหัวกลอยต้องแล่เอาพิษออกจึงกินได้ ความรักก็เช่นเดียวกัน ต้องพิจารณา มองให้เห็นทุกข์ของมัน ค่อยๆล้างเอาเชื้อแห่งความมัวเมาออก เพื่อให้เหลือแต่ความรักล้วนๆ เหมือนครูบาอาจารย์รักศิษย์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤศจิกายน 2015, 12:20:21
อย่าทอนบุญด้วยการทุศีลหรือทำผิดศีลธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤศจิกายน 2015, 11:58:57
อย่าเพ่งโทษคนอื่น ให้แก้ไขที่ตัวเราเท่านั้น...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤศจิกายน 2015, 12:05:51
พระคติธรรม....ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
.....
"การกระทำทุกอย่างมีผล กรรมดีให้ผลดี กรรมชั่วให้ผลชั่ว ผู้ใดทำกรรมใดไว้ จักได้รับผลของกรรมนั้น การกระทำไปตามอำนาจความโลภ หรือความปรารถนาต้องการเป็นกรรมชั่ว ผลจึงต้องชั่ว "


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤศจิกายน 2015, 13:42:13
ทำบุญตักบาตร ลดละบาป บำเพ็ญบุญ ดำรงตนอยู่ในทาน ศีล ภาวนา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 10 พฤศจิกายน 2015, 23:37:32
++ฤกษ์งามยามดี ของชาวพุทธ++

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย

-สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย
ประพฤติสุจริตด้วยวาจา ประพฤติสุจริตด้วยใจ ในเวลาเช้า เวลาเช้าก็เป็นเวลา
เช้าที่ดีของสัตว์เหล่านั้น

-สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย ประพฤติสุจริตด้วย
วาจา ประพฤติสุจริตด้วยใจ ในเวลาเที่ยง เวลาเที่ยงก็เป็นเวลาเที่ยงที่ดีของ
สัตว์เหล่านั้น

-สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย ประพฤติสุจริตด้วยวาจา
ประพฤติสุจริตด้วยใจ ในเวลาเย็น เวลาเย็นก็เป็นเวลาเย็นที่ดีของสัตว์เหล่า
นั้น"

"สัตว์ทั้งหลายประพฤติชอบในเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าเป็น
ฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี ขณะดี ยามดี และบูชาดี......."

ที่มา: บางส่วนจาก สุปุพพัณหสูตร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤศจิกายน 2015, 12:19:16
"เราทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด เราทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ใครไปทำกรรมอะไร เราไปทำตามเขา เราก็ได้กรรมตามนั้น เพราะฉะนั้นก่อนจะทำอะไร ให้คิดให้ดี ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม กรรมใครกรรมมัน"
.......
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤศจิกายน 2015, 13:15:22
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกๆวันด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี และตั้งใจจะเป็นคนดี อดีตที่เลวร้ายผ่านไปแล้ว อย่าวิตกกังวล เพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ อนาคตไม่แน่นอน อย่าคาดหวังให้เป็นทุกข์ ให้อยู่กับปัจจุบันที่ดีงามด้วยการเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา กันดีกว่า ใจของเราจะได้ร่มเย็นเป็นสุข
........
ขออำนาจพุทธ ธรรม สงฆ์ จงอำนวยพรและบันดาลบุญข้าฯให้เทวดาประจำตัวข้าฯ ,เทวดาประจำครอบครัวตัวของข้าฯ ,เทวดาประจำตัวญาติข้าฯ ,เทวดาประจำตัวเพื่อนๆของข้าฯ ,เทวดาประจำตัวของเพื่อนๆ"กัลยาณมิตร"ในเพจ"คำคมธรรมะ เตือนใจ"ทุกๆท่าน และท่านเทวดาประจำตัวของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายในสังสารวัฎทุกๆท่าน และท่านเทวดาในทุกภพชั้นภูมิทุกๆท่านทุกๆพระองค์ ให้ทุกๆท่านทุกๆพระองค์จงมีอำนาจบารมีสูงๆยิ่งขึ้น ถ้าท่านมีสุข ขอให้สุขยิ่งขึ้น ถ้าท่านมีทุกข์ ขอให้ท่านจงพ้นจากความทุกข์ด้วยเทอญ เมื่อท่านได้รับผลบุญที่ข้าพเจ้าอุทิศมอบให้แล้ว ขอให้ท่านเทวดาทั้งหลาย จงบันดาลบุญข้าฯ ให้ข้าฯ เพื่อนข้าฯ ญาติข้าฯ ครอบครัวของข้าฯทุกๆคน และเพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกๆท่าน จงเป็นคนดี มีศีลธรรม สว่างไสวปิติเบิกบานใจทั้งทางโลกและทางธรรม ประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ดี ที่ชอบ มีหนทางทำมาหากินโดยสุจริต หากประพฤติผิดศีล ให้กลับตัวกลับใจเป็นคนดี ประสบแต่ความสุขความเจริญ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ประกอบไปด้วยทรัพย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ และคิดสิ่งใดที่ถูกต้องดีงามและชอบธรรม ให้สมดังปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
.......
วันนี้ขอน้อมนำ"พระพุทธพจน์"แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาฝากเพื่อนๆทุกๆท่าน เพื่อเป็นแง่คิดคติธรรมเตือนใจ ในการทำความดีแบบไม่สิ้นสุดตลอดไป..สาธุ สาธุ สาธุ
.....
พระพุทธพจน์
.....
“บุคคลผู้ทำบาป ย่อมเดือดร้อนในโลกนี้ ย่อมเดือดร้อนในโลกหน้า ย่อมเดือดร้อนในโลกทั้งสอง”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 13 พฤศจิกายน 2015, 02:13:03
++ลักษณะของเพื่อนแท้++

 [๑๗๑๙]    บัณฑิตมีปัญญา ได้เห็น และได้ฟังบุคคลผู้กระทำกรรมอย่างไร จึงจะ
                          รู้ได้ว่า ผู้นี้เป็นมิตร วิญญูชนจะพึงพยายามอย่างไร เพื่อจะรู้ได้ว่า ผู้นี้
                          เป็นมิตร?

             [๑๗๒๐]    บุคคลผู้เป็นมิตรนั้น ย่อมระลึกถึงเพื่อนผู้อยู่ห่างไกล ย่อมยินดีต้อนรับ
                          เพื่อนผู้มาหา ถือว่า เป็นเพื่อนของเราจริง รักใคร่จริง ทักทายปราศรัย
                          ด้วยวาจาอันไพเราะ.

             [๑๗๒๑]    คนที่เป็นมิตร ย่อมคบหาผู้ที่เป็นมิตรของเพื่อน ไม่คบหาผู้ที่ไม่ใช่มิตร
                          ของเพื่อน ห้ามปรามผู้ที่ด่าติเตียนเพื่อน สรรเสริญผู้ที่พรรณนาคุณความ
                          ดีของเพื่อน.

             [๑๗๒๒]    คนที่เป็นมิตร ย่อมบอกความลับแก่เพื่อน ปิดความลับของเพื่อน
                          สรรเสริญการงานของเพื่อน สรรเสริญปัญญาของเพื่อน.

             [๑๗๒๓]    คนที่เป็นมิตร ย่อมยินดีในความเจริญของเพื่อน ไม่ยินดีในความเสื่อม
                          ของเพื่อน ได้อาหารมีรสอร่อยมาย่อมระลึกถึงเพื่อน ยินดีอนุเคราะห์
                          เพื่อนว่า อย่างไรหนอ เพื่อนของเราจะพึงได้ลาภจากที่นี้บ้าง.

             [๑๗๒๔]    บัณฑิตได้เห็นแล้ว ได้ฟังแล้ว พึงรู้ว่า เป็นมิตรด้วยอาการเหล่าใด
                          อาการดังกล่าวมา ๑๖ ประการนี้ มีอยู่ในบุคคลผู้เป็นมิตร.

ที่มา: มิตตามิตตชาดก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤศจิกายน 2015, 12:32:39
"เราอย่าหมั่นขยันแต่ทำบาป ให้ขยันแต่ทำดี ทำความบริสุทธิ์ ทำบุญทำกุศลนี้ ให้หมั่นทางนี้"
......
หลวงปู่ขาว อนาลโย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤศจิกายน 2015, 13:23:20
"ลักษณะของบุญ คือใจเราดี ใจเรามีความสุข ใจเรามีความสบาย เย็นอกเย็นใจ ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่วุ่น ไม่วาย นี่แหละบุญ"
......
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Crystal ที่ 14 พฤศจิกายน 2015, 23:04:41
เวลาคิดงานไม่ออกจะชอบพักสมองฟังธรรมะ
บางคืนถ้านอนไม่หลับก็จะเปิดธรรมะกล่อมจนหลับ

ไม่ได้เข้าบอร์ดนี้มานาน แวะมาอีกที เกือบลืมไปเลยว่าที่นี่ก็มี "กระทู้ห้องพระ" ประจำบอร์ด
คือดีงามค่ะ อนุโมทนาด้วยนะคะ ^^
:-*


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤศจิกายน 2015, 11:32:27
"Pray For Paris."
....
ขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยกับผู้เสียชีวิตและญาติผู้เสียชีวิตในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสทุกๆท่านมา ณ ที่นี้ ขอให้ดวงวิญญาณของทุกๆท่านไปสู่สุคติและภพภูมิที่ดีด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤศจิกายน 2015, 10:48:56
การมีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายในสังสารวัฎทุกคนได้ โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา เพศ ฐานะ การศึกษา ย่อมเป็นคุณธรรมประจำใจของคนดีที่แท้จริง หากใครทำได้ ย่อมได้บุญได้กุศลแต่เพียงถ่ายเดียวเท่านั้น...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤศจิกายน 2015, 13:43:32
ดับไฟแค้นด้วยความเมตตากรุณา ดับกิเลสตัณหา ด้วยการทำจิตให้สงบและ “ปล่อยวาง”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤศจิกายน 2015, 13:23:57
กุศลกรรมที่ยิ่งใหญ่นั้นคือ การให้อภัยทานต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคนด้วยใจอันประกอบไปด้วยความเมตตากรุณาอยู่เสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤศจิกายน 2015, 12:21:41
สุขใดไหนจะเท่าการได้ทำความดีและอยู่แต่ในทาน ศีล ภาวนานั้นเป็นไม่มี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤศจิกายน 2015, 13:44:15
หนทางแห่งความเสื่อม(หายนะ)
.....
หมายถึง หนทางหรือช่องทางแห่งความเสื่อมและความพินาศของทรัพย์สมบัติและตนเอง พระพุทธศาสนาได้แสดงหนทางแห่งความเสื่อมและความพินาศไว้ 6 ประการ เรียกว่า อบายมุข 6 ได้แก่
......
1.การชอบเที่ยวกลางคืน หมายถึง การเที่ยวผับ บาร์ หรือสถายเริงอารมณ์อื่นๆในเวลาวิกาล หรือเวลากลางคืน การชอบเที่ยวกลางคืนมีโทษดังนี้
.....
1.1 ทำให้เกิดโรคต่างๆ
1.2 ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ขาดความอบอุ่น
1.3 สิ้นเปลืองเงินทอง
1.4 มักถูกใส่ความว่าเป็นคนร้ายหรือร่วมมือกับคนร้าย
1.5 ไม่มีใครไว้วางใจ
1.6 ได้รับความลำบาก
.......
2.การชอบเที่ยวดูการละเล่น หมายถึง มีการละเล่นอะไร ที่ไหน เป็นต้องไปดูทุกครั้ง ดูอย่างพร่ำเพรื่อ เกินความจำเป็น มีโทษต่างๆดังนี้
....
2.1 รำที่ไหน ไปที่นั่น
2.2 ขับร้องที่ไหน ไปที่นั่น
2.3 ประโคมที่ไหน ไปที่นั่น
2.4 เสภาที่ไหน ไปที่นั่น
2.5 เพลงที่ไหน ไปที่นั่น
2.6 เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น
สุดท้ายจะกลายเป็นคนหมกหมุ่นแต่เรื่องประเภทนี้
.....
3.การเป็นนักเลงสุรา หมายถึง การติดสุราและของมึนเมาต่างๆ ผู้ที่ติสิ่งเหล่านี้จะต้องดื่มและเสพเป็นประจำ ถือว่าเป็นภัยร้ายแรง เท่ากับตกนรกทั้งเป็น การเป็นนักเลงสุรา มีโทษดังนี้
.....
3.1 ทำให้เสียทรัพย์สิน
3.2 ทำให้เสียสุขภาพและเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ เช่นมะเร็งตับ พิษสุราเรื้อรัง เป็นต้น
3.3 ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท เพราะคุมสติไม่อยู่
3.4 ทำให้เสียชื่อเสียงและได้รับคำติเตียน
3.5 ทำให้ความละอายที่มีในตัวลดลง
3.6 บั่นทอนสติปัญญาให้เสื่อมลง
3.7 ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนถึงขั้นเสียชีวิต
.....
โทษของการเป็นนักเลงสุราข้อสุดท้ายนี้ มักจะพบเห็นบ่อยตามท้องถนน เพราะการเมาแล้วขับ และทั้งที่หลับใน ดังนั้นผมขอให้คนที่ติดสุราอยู่เลิกเถอะนะครับเพื่อตนเองและผู้อื่น
......
4.การเป็นนักเลงการพนัน หมายถึง การชอบเล่นการพนันขันต่อมีได้เสีย เช่น เล่นไพ่ เล่นหวย จนถึงขั้นที่เรียกว่า ผีพนันเข้าสิง การเป็นนักเลงการพนันมีโทษดังนี้
.....
4.1 เป็นหนทางของการก่อเวรซึ่งกันและกัน
4.2 ทำให้เสียทรัพย์สิน
4.3 ไม่มีใครไว้วางใจ
4.4 ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย
4.5 ไม่มีใครอยากแต่งงานด้วย
4.6 ทำให้เป็นคนลุ่มหลง เล่นแล้วไม่หยุด
......
มีคนกล่าวไว้ว่า ไฟไหม้ 10 ครั้งยังไม่เท่าเล่นการพนันครั้งเดียว ไฟไหม้ยังเหลือที่ดิน เล่นการพนันไม่เหลืออะไรเลย เพราะเอาที่ดินไปพนัน แล้วเสีย หยุดการกระทำนี้เถอะครับ เพราะมันไม่ทำให้ใครรวยขึ้นมาได้หรอกครับ
......
5.การเกียจคร้านทำการงาน หมายถึง การไม่ขยันทำงานตามเวลาและหน้าที่รับผิดชอบ ปล่อยการงานให้คั่งค้าง เหมือน ดินพอกหางหมู คนเกียจคร้านการงาน ได้ชื่อว่าเป็น คนไม่เอาไหน จะได้รับโทษดังนี้
.....
5.1 หาความเจริญรุ่งเรืองไม่ได้
5.2 ย่อมเสียประโยชน์ของตนไปอย่างน่าเสียดาย
5.3 ทรัพย์สินเงินทองใหม่ก็ไม่เกิด ที่มีอยู่ก็มีแต่จะหมดไป
5.4 เป็นคนที่หมดค่าของความเป็นคน ทั้งนี้เพราะ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน
.....
6.การคบคนชั่วเป็นมิตร หมายถึง การร่วมกิน ร่วมนอน ร่วมเที่ยว ร่วมพวกหรือไปหาสู่กับคนชั่ว ผู้ที่คบคนชั่วมิตรจึงเป็นผู้ที่ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย อีกทั้งอาจจะนำความเดือดร้อนอื่นๆมาสู่ตน เองและครอบครัวได้
.....
ดังนั้นในการเลือกคบผู้ใดเป็นมิตร เราต้องพยายมหลีกเลี่ยงการคบคนชั่ว 6 ประเภท ดั่งที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนะครับหนทางแห่งความเสื่อม(หายนะ)
.....
หมายถึง หนทางหรือช่องทางแห่งความเสื่อมและความพินาศของทรัพย์สมบัติและตนเอง พระพุทธศาสนาได้แสดงหนทางแห่งความเสื่อมและความพินาศไว้ 6 ประการ เรียกว่า อบายมุข 6 ได้แก่
......
1.การชอบเที่ยวกลางคืน หมายถึง การเที่ยวผับ บาร์ หรือสถายเริงอารมณ์อื่นๆในเวลาวิกาล หรือเวลากลางคืน การชอบเที่ยวกลางคืนมีโทษดังนี้
.....
1.1 ทำให้เกิดโรคต่างๆ
1.2 ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ขาดความอบอุ่น
1.3 สิ้นเปลืองเงินทอง
1.4 มักถูกใส่ความว่าเป็นคนร้ายหรือร่วมมือกับคนร้าย
1.5 ไม่มีใครไว้วางใจ
1.6 ได้รับความลำบาก
.......
2.การชอบเที่ยวดูการละเล่น หมายถึง มีการละเล่นอะไร ที่ไหน เป็นต้องไปดูทุกครั้ง ดูอย่างพร่ำเพรื่อ เกินความจำเป็น มีโทษต่างๆดังนี้
....
2.1 รำที่ไหน ไปที่นั่น
2.2 ขับร้องที่ไหน ไปที่นั่น
2.3 ประโคมที่ไหน ไปที่นั่น
2.4 เสภาที่ไหน ไปที่นั่น
2.5 เพลงที่ไหน ไปที่นั่น
2.6 เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น
สุดท้ายจะกลายเป็นคนหมกหมุ่นแต่เรื่องประเภทนี้
.....
3.การเป็นนักเลงสุรา หมายถึง การติดสุราและของมึนเมาต่างๆ ผู้ที่ติสิ่งเหล่านี้จะต้องดื่มและเสพเป็นประจำ ถือว่าเป็นภัยร้ายแรง เท่ากับตกนรกทั้งเป็น การเป็นนักเลงสุรา มีโทษดังนี้
.....
3.1 ทำให้เสียทรัพย์สิน
3.2 ทำให้เสียสุขภาพและเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ เช่นมะเร็งตับ พิษสุราเรื้อรัง เป็นต้น
3.3 ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท เพราะคุมสติไม่อยู่
3.4 ทำให้เสียชื่อเสียงและได้รับคำติเตียน
3.5 ทำให้ความละอายที่มีในตัวลดลง
3.6 บั่นทอนสติปัญญาให้เสื่อมลง
3.7 ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนถึงขั้นเสียชีวิต
.....
โทษของการเป็นนักเลงสุราข้อสุดท้ายนี้ มักจะพบเห็นบ่อยตามท้องถนน เพราะการเมาแล้วขับ และทั้งที่หลับใน ดังนั้นผมขอให้คนที่ติดสุราอยู่เลิกเถอะนะครับเพื่อตนเองและผู้อื่น
......
4.การเป็นนักเลงการพนัน หมายถึง การชอบเล่นการพนันขันต่อมีได้เสีย เช่น เล่นไพ่ เล่นหวย จนถึงขั้นที่เรียกว่า ผีพนันเข้าสิง การเป็นนักเลงการพนันมีโทษดังนี้
.....
4.1 เป็นหนทางของการก่อเวรซึ่งกันและกัน
4.2 ทำให้เสียทรัพย์สิน
4.3 ไม่มีใครไว้วางใจ
4.4 ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย
4.5 ไม่มีใครอยากแต่งงานด้วย
4.6 ทำให้เป็นคนลุ่มหลง เล่นแล้วไม่หยุด
......
มีคนกล่าวไว้ว่า ไฟไหม้ 10 ครั้งยังไม่เท่าเล่นการพนันครั้งเดียว ไฟไหม้ยังเหลือที่ดิน เล่นการพนันไม่เหลืออะไรเลย เพราะเอาที่ดินไปพนัน แล้วเสีย หยุดการกระทำนี้เถอะครับ เพราะมันไม่ทำให้ใครรวยขึ้นมาได้หรอกครับ
......
5.การเกียจคร้านทำการงาน หมายถึง การไม่ขยันทำงานตามเวลาและหน้าที่รับผิดชอบ ปล่อยการงานให้คั่งค้าง เหมือน ดินพอกหางหมู คนเกียจคร้านการงาน ได้ชื่อว่าเป็น คนไม่เอาไหน จะได้รับโทษดังนี้
.....
5.1 หาความเจริญรุ่งเรืองไม่ได้
5.2 ย่อมเสียประโยชน์ของตนไปอย่างน่าเสียดาย
5.3 ทรัพย์สินเงินทองใหม่ก็ไม่เกิด ที่มีอยู่ก็มีแต่จะหมดไป
5.4 เป็นคนที่หมดค่าของความเป็นคน ทั้งนี้เพราะ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน
.....
6.การคบคนชั่วเป็นมิตร หมายถึง การร่วมกิน ร่วมนอน ร่วมเที่ยว ร่วมพวกหรือไปหาสู่กับคนชั่ว ผู้ที่คบคนชั่วมิตรจึงเป็นผู้ที่ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย อีกทั้งอาจจะนำความเดือดร้อนอื่นๆมาสู่ตน เองและครอบครัวได้
.....
ดังนั้นในการเลือกคบผู้ใดเป็นมิตร เราต้องพยายมหลีกเลี่ยงการคบคนชั่ว 6 ประเภท ดั่งที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนะครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤศจิกายน 2015, 13:35:24
-:-ท่านพุทธทาส ภิกขุ-:-
.....
ใครนินทาว่าใครก็ไม่เห็น
ใครดีเด่นเกินใครไม่ถือสา
ใครรักใครเกลียดใครไม่นินทา
แช่ง ช่างเขาเราไม่เห็นต้องรู้
แช่ง ก็อยู่ช่างแช่งไม่แขว่งแขน
แช่ง จะผุดขุดชักไม่หนักแทน
แช่ง ก็แสนไม่เห็นจะเป็นไร
ช่าง เขาเกิดถ้าเกิดเขาไม่เข้าท่า
ช่าง เขาเถิดเมินหน้าไม่กล้าใกล้
ช่าง เขาเถิดปล่อยเขาเราทำใจ
ช่าง เขาเถิดหยุดไปใส่ใจติด
เขา จะพูดแบบไหนก็ไม่ว่า
เขา จะด่าแบบไหนก็ไม่คิด
เขา จะบ่นบ่นไปไม่หงุดหงิด
เขา มีสิทธิ์ส่วนเขาเรามองเมิน
......
เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย
จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤศจิกายน 2015, 14:04:37
คติธรรม....ท่านหลวงปู่ชา สุภทฺโท
........
"เมื่อเราละบาปแล้วบำเพ็ญบุญเพิ่มเข้ามาทีละน้อย ก็มีหวังที่บารมีจะเต็มได้ เหมือนกะละมังที่ตั้งหงายอยู่กลางแจ้ง แม้ฝนจะตกมาใส่ทีละหยดๆ มันก็มีโอกาสที่จะเต็มได้ เมื่อเราทำบุญแต่ยังไม่ละบาป ก็เหมือนกับเราเอากะละมังไปคว่ำไว้กลางแจ้ง ฝนตกลงมาถูกก้นกะละมังเหมือนกัน แต่มันถูกข้างนอก ไม่ถูกข้างใน น้ำก็ไม่มีโอกาสที่จะเต็มกะละมังนั้นได้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤศจิกายน 2015, 11:57:38
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกๆวันด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี และตั้งใจจะเป็นคนดี อดีตที่เลวร้ายผ่านไปแล้ว อย่าวิตกกังวล เพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ อนาคตไม่แน่นอน อย่าคาดหวังให้เป็นทุกข์ ให้อยู่กับปัจจุบันที่ดีงามด้วยการเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา กันดีกว่า ใจของเราจะได้ร่มเย็นเป็นสุข
........
ขออำนาจพุทธ ธรรม สงฆ์ จงอำนวยพรและบันดาลบุญข้าฯให้เทวดาประจำตัวข้าฯ ,เทวดาประจำครอบครัวตัวของข้าฯ ,เทวดาประจำตัวญาติข้าฯ ,เทวดาประจำตัวเพื่อนๆของข้าฯ ,เทวดาประจำตัวของเพื่อนๆ"กัลยาณมิตร"ในเพจ"คำคมธรรมะ เตือนใจ"ทุกๆท่าน และท่านเทวดาประจำตัวของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายในสังสารวัฎทุกๆท่าน และท่านเทวดาในทุกภพชั้นภูมิทุกๆท่านทุกๆพระองค์ ให้ทุกๆท่านทุกๆพระองค์จงมีอำนาจบารมีสูงๆยิ่งขึ้น ถ้าท่านมีสุข ขอให้สุขยิ่งขึ้น ถ้าท่านมีทุกข์ ขอให้ท่านจงพ้นจากความทุกข์ด้วยเทอญ เมื่อท่านได้รับผลบุญที่ข้าพเจ้าอุทิศมอบให้แล้ว ขอให้ท่านเทวดาทั้งหลาย จงบันดาลบุญข้าฯ ให้ข้าฯ เพื่อนข้าฯ ญาติข้าฯ ครอบครัวของข้าฯทุกๆคน และเพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกๆท่าน จงเป็นคนดี มีศีลธรรม สว่างไสวปิติเบิกบานใจทั้งทางโลกและทางธรรม ประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ดี ที่ชอบ มีหนทางทำมาหากินโดยสุจริต หากประพฤติผิดศีล ให้กลับตัวกลับใจเป็นคนดี ประสบแต่ความสุขความเจริญ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ประกอบไปด้วยทรัพย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ และคิดสิ่งใดที่ถูกต้องดีงามและชอบธรรม ให้สมดังปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
.......
วันนี้ขอน้อมนำ"พระพุทธพจน์"แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาฝากเพื่อนๆทุกๆท่าน เพื่อเป็นแง่คิดคติธรรมเตือนใจ ในการทำความดีแบบไม่สิ้นสุดตลอดไป..สาธุ สาธุ สาธุ
.....
พระพุทธพจน์
......
"เรือนมีการอยู่ครองไม่ดี นำความทุกข์มาให้ การอยู่ร่วมกับบุคคลผู้ไม่เสมอกัน นำความทุกข์มาให้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 24 พฤศจิกายน 2015, 10:13:14
สาราณียธรรม 6  หมายถึง ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึงกัน ถือว่าเป็นธรรมที่เป็นพลังในการสร้างความสามัคคี มีอยู่ 6 ข้อ คือ

1.  กายกรรม อันประกอบด้วยเมตตา คือ การกระทำทางกายที่ประกอบด้วยเมตตา เช่นการให้การอนุเคราะห์ช่วยเหลือและเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น ไม่รังแกทำร้ายผู้อื่น 
2.  วจีกรรม  อันประกอบด้วยเมตตา คือ การมีวาจาที่ดี สุภาพ อ่อนหวาน พูดมีเหตุผล ไม่พูดให้ร้ายผู้อื่นทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน 
3.  มโนกรรมอัน ประกอบด้วยเมตตา คือ ความคิดที่ประกอบด้วยเมตตาทั้งต่อหน้าและลับหลัง เป็นการคิดดีต่อกันไม่คิดอิจฉาริษยาหรือไม่คิดมุ่งร้ายพยาบาท หากทุกคนคิดแล้วปฏิบัติเหมือนกันความสามัคคีก็จะเกิดขึ้นในสังคม 
4.  สาธารณโภคี คือ การรู้จักแบ่งสิ่งของให้กันและกันตามโอกาสอันควร เพื่อแสดงความรักความหวังดีของผู้ที่อยู่ในสังคมเดียวกัน 
5.  สีลสามัญญตา คือ ความรักใคร่สามัคคี รักษาศีลอย่างเคร่งครัดเหมาะสมตามสถานะของตนมีความประพฤติสุจริตปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของหมู่คณะ ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น 
6.  ทิฏฐิสามัญญตา คือ การมีความเห็นร่วมกัน ไม่เห็นแก่ตัว รู้จักเคารพและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นร่วมมือร่วมใจในการสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสงบ

ธรรม 6 ประการ ที่ผู้ใดได้ประพฤติจะเกิดความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  เกื้อกูลกันไม่ทะเลาะวิวาทกัน  อันจะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความรักความสามัคคีกันตลอดไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤศจิกายน 2015, 02:16:18
คติธรรม....ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
.......
"จะลักจะโกงจะฆ่าทำร้ายใครสักคน ขอให้นึกกลับกันเสีย ให้เห็นเขาเป็นเรา เราเป็นเขา คือเขาเป็นผู้ที่จะลักจะโกงจะฆ่าจะทำร้ายเรา เราเป็นเขาผู้ที่จะถูกลักถูกโกงถูกฆ่าถูกทำร้าย ลองนึกเช่นนี้ให้เห็นชัดเจน แล้วดูความรู้สึกของเรา จะเห็นว่าที่เต็มไปด้วยโมหะนั้น จะเปลี่ยนเป็นเมตตากรุณา"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤศจิกายน 2015, 18:15:13
"สุดท้ายได้ตายทุกคน"
ชีวิตมนุษย์นั้นวนเวียนพานพบแต่การเกิดแก่เจ็บตายของบุคคลใกล้ชิด,ญาติหรือเพื่อนสนิทอันเป็นที่รัก อยู่เสมอ จึงทำให้คิดว่า มนุษย์นั้นหนีความตายไม่พ้นได้เลยสักคน พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "วันคืนล่วงผ่านไปทุกวัน บัดนี้พวกเรากำลังทำอะไรอยู่" ไม่มีสิ่งใดติดตัวมนุษย์ไปได้เลยสักอย่าง ต่อให้ร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติลาภยศอำนาจชื่อเสียงเกียรติยศสักปานใดก็ตาม มีแต่บุญหรือบาปเท่านั้นที่สามารถตามติดตัวของพวกเราไปได้ ดังนั้นพวกเราจึงควรหันมาทำแต่ความดี อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา กันดีกว่า การทำความดีนั้น อย่างน้อยที่สุดเราก็ปิติเบิกบานใจและมีแต่ความสบายใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤศจิกายน 2015, 13:34:14
พุทธศาสนสุภาษิต
......
กรรมชั่วที่ทำแล้ว ยังไม่ให้ผลทันทีทันใด เหมือนนมรีดใหม่ ๆ ไม่กลายเป็นนมเปรี้ยวในทันที แต่มันจะค่อย ๆ เผาผลาญผู้กระทำในภายหลัง เหมือนไฟไหม้แกลบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤศจิกายน 2015, 11:52:24
การทำความดีนั้นทำยาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ในบั้นปลายหอมหวานเสมอ ขอเพียงเราพยายามอดทนให้เป็นตบะเข้าไว้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤศจิกายน 2015, 13:19:56
คติธรรม.....สมเด็จพระสังฆราช
........
"คำนินทาใดๆไม่อาจทำให้คนเป็นคนไม่ดีไปได้ คนจะดีก็เพราะการกรรม(การกระทำ) คนจะเลวก็เพราะกรรม(การกระทำ) หาใช่จะดีเพราะสรรเสริญ หรือจะเลวเพราะนินทาก็หาไม่


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤศจิกายน 2015, 11:15:40
หลวงพ่อฤาษีลิงดํา วัดท่าซุง
........
ต้องคิดไว้ทุกวันแล้ว โลกนี้มันเป็นทุกข์ เทวโลกและพรหมโลกก็ไม่สุขจริง เราไม่ต้องการ ถ้าขันธ์ ๕ นี่พังเมื่อไร เราต้องการพระนิพพานจุดเดียว คิดมันอย่างเดียวเท่านี้
.......
ถ้าคิดอย่างนี้แล้วอย่าไปนั่งด่าชาวบ้านนะ คิดอย่างนี้ด้วย แล้วก็หาทางตัดโลภะ ความโลภ ถ้าเราหากินโดยสุจริตท่านไม่เรียกว่าโลภ แต่อย่าไปคดโกงเขา อย่าแย่งเขา อย่าขโมยเขา แล้วก็ตัดความโลภด้วยการให้ทาน แล้วก็ตัดความโกรธ พยายามให้อภัยแก่บุคคลที่มีความผิด ถ้าไม่ผิดระเบียบวินัยนะ อย่างเขาพูดไม่ดีทำไม่ดี เราพยายามให้อภัยหรือนิ่ง แล้วก็ตัวสุดท้าย ความหลง ตัวเมื่อกี้มันตัดความหลงอยู่แล้ว เราต้องคิดไว้ ตั้งแต่ปัจจุบัน ถ้าไปคิดเมื่อป่วยละลงนรกทุกราย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 พฤศจิกายน 2015, 12:59:24
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกวันด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี และตั้งใจจะเป็นคนดี อดีตที่เลวร้ายผ่านไปแล้ว อย่าวิตกกังวล เพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ อนาคตไม่แน่นอน อย่าคาดหวังให้เป็นทุกข์ ให้อยู่กับปัจจุบันที่ดีงามด้วยการเป็นคนดี คิดดี พูดดี อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา กันดีกว่า ใจของเราจะได้ร่มเย็นเป็นสุข
......
ขออำนาจพุทธ ธรรม สงฆ์ จงอำนวยพรและบันดาลบุญข้าฯให้เทวดาประจำตัวข้าฯและเทวดาประจำครอบครัวของข้าฯ เทวดาประจำตัวญาติข้าฯ เทวดาประจำตัวเพื่อนของข้าฯ เทวดาประจำตัวของเพื่อนๆ"กัลยาณมิตร"ในเพจ"คำคมธรรมะ เตือนใจ"ทุกๆท่าน จงเป็นคนดี มีศีลธรรม ประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ดี ที่ชอบ คิดสิ่งใดที่ถูกต้องดีงามและชอบธรรม ให้สมดังปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ธันวาคม 2015, 11:48:42
ไม่มีงานไหนต่ำ
ถ้าทำด้วยใจสูง
....
-พุทธทาสภิกขุ-


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ธันวาคม 2015, 13:31:50
"มงคลแห่งชีวิต"
......
"การบำรุงดูแลใส่ใจเลี้ยงดูด้วยเคารพรักต่อบิดาและมารดาอยู่เสมอนั้น ย่อมเป็นมงคลแห่งชีวิตที่ “มนุษย์”ทุกคนพึงกระทำ"เงินเดือนออกแล้วอย่าลืมทำบุญกับพระอรหันต์สองท่านที่บ้าน(คุณพ่อกับคุณแม่)กันบ้างนะจ๊ะเพื่อนๆกัลยาณมิตรที่รักทุกๆท่าน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ธันวาคม 2015, 11:17:02
"ในทุกๆครั้งที่เราทำความดีหรือทำบุญ อย่าลืมแผ่เมตตาและอโหสิกรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วยในทุกๆครั้งนะ สาธุ"
.......
สัพเพ สัตตา- สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
....
อะเวราโหนตุ -จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌาโหนตุ- จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
.....
อะนีฆาโหนตุ -จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ -จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 ธันวาคม 2015, 14:48:57
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
..........
ศีล ๕ นี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นแม่บทแห่งศีลทั้งปวงเป็นหลักธรรมที่เป็นข้อมูลเป็นจุดเริ่มแห่งการกระทำที่เป็นความดีผู้ใดปฏิบัติธรรมคำสอนของพระศาสดาให้เกิดประโยชน์ทางมรรคผลนิพพานอย่างแท้จริง ขอให้ยึดมั่นในศีล ๕ ประการเมื่อท่านมีศีล ๕ ข้อนี้โดยบริสุทธิ์บริบรูณ์แล้ว ความเป็นมนุษย์ของท่านสมบรูณ์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านจะปลูกฝังคุณความดีอันใดลงไป คุณความดีนั้นก็จะฝังแน่นในกาย ในวาจา และในใจของท่าน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ธันวาคม 2015, 11:33:44
อย่าได้ประมาทในบุญหรือบาปที่ท่านคิดว่าเพียงเล็กน้อย ทุกๆการกระทำของท่านนั้น ย่อมส่งผลกลับมาหาท่านทั้งหมดทั้งสิ้น ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่วอย่างแน่นอน ผู้มีปัญญาย่อมมุ่งมั่นที่จะกระทำแต่ความดี อยุ๋ในทาน ศีล ภาวนาเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ธันวาคม 2015, 02:52:56
“Guru้หมดทุกอย่าง ยกเว้นตัวกู”
.......
- ท่านพุทธทาสภิกขุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ธันวาคม 2015, 12:08:43
"อธิษฐานจิต"
.....
*ในทุกครั้งที่ข้าพเจ้าทำความดี ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ ไปให้ทุกรูปทุกนามทั้ง ๒๐ ชั้นพรหมโลก ๖ ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง ๔ มี นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน และในหมื่นโลกธาตุกับอีกแสนจักรวาลพิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณ และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งที่เป็นมิตร และศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกรูปทุกนามจงเป็นสุขเป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรซึ่งกัน และกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกัน และกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนามจงโมทนาในส่วนกุศลนี้พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ.กาลบัดนี้ด้วยเทอญ*


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 ธันวาคม 2015, 11:49:51
คติธรรม....ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
........
"บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก ก็ต้องหมั่นบำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูกไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้าง ต้องทำเอาเอง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ธันวาคม 2015, 13:53:24
พุทธศาสนสุภาษิต
......
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ธันวาคม 2015, 14:03:50
"บุญนั้นย่อมเป็นที่พึ่งทั้งในโลกนี้ โลกหน้า และในทุกๆชาติภพ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 10 ธันวาคม 2015, 18:20:59
++ธรรม 10 ประการ ที่คนปรารถนา และอาหารของธรรม 10 ประการนั้น++

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้ เป็นธรรมอันน่า
ปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ
โภคสมบัติ ๑ วรรณะ ๑ ความไม่มีโรค ๑ ศีล ๑ พรหมจรรย์ ๑ มิตร ๑
ความเป็นพหูสูต ๑ ปัญญา ๑ ธรรม ๑ สัตว์ทั้งหลาย ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ธรรม ๑๐ ประการนี้แล เป็นธรรมอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการเป็นอาหารของธรรม ๑๐ ประการนี้แล ซึ่งเป็นธรรมอันน่าปรารถนา
น่าใคร่ น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก
คือ

-ความไม่เกียจคร้าน ความขยัน
หมั่นเพียร เป็นอาหารของโภคสมบัติ

-การประดับ การตกแต่งร่างกาย เป็น
อาหารของวรรณะ

-การกระทำสิ่งเป็นที่สบาย เป็นอาหารของความไม่มีโรค

-ความเป็นผู้มีมิตรดี เป็นอาหารของศีลทั้งหลาย

-การสำรวมอินทรีย์ เป็นอาหารของพรหมจรรย์

-การไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความจริง เป็นอาหารของมิตรทั้งหลาย

-การกระทำการสาธยาย เป็นอาหารของความเป็นพหูสูต

-การฟังด้วยดี การสอบถาม เป็นอาหารของปัญญา การประกอบความเพียร การพิจารณา เป็น
อาหารของธรรมทั้งหลาย

-การปฏิบัติชอบ เป็นอาหารของสัตว์ทั้งหลาย


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้เป็นอาหารของธรรม ๑๐ ประการนี้แล ซึ่งเป็น
ธรรมอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ หาได้ยากในโลก ฯ


ที่มา: บางส่วนจาก อิฏฐสูตร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ธันวาคม 2015, 14:22:20
หลวงปู่ลี กุสสธโล
......
ผู้ปฏิบัติจริงๆนั้น ไม่ค่อยไปสุงสิงกับคนอื่นนะ มีแต่คิดจะเอาตัวเองให้พ้นจากทุกข์เท่านั้น มีแต่กลัวว่าตัวเองนั้น จะหลุดพ้นจากโลกนี้หรือไม่เท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ธันวาคม 2015, 13:40:06
ปุถุชนย่อมมีชีวิตอยู่เพื่อมุ่งที่จะเอาลาภยศสรรเสริญเงินทองอำนาจชื่อเสียงมาเป็นของตนด้วยความโลภโกรธหลงแบบไม่รู้จักพอใจ แต่อริยบุคคลผู้มาทางธรรม ย่อมมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างบุญบารมีอันเป็นอริยทรัพย์ภายใน และหมดซึ่งความอยากได้ในทรัพย์สมบัติภายนอกกายทั้งหลาย อันประกอบไปด้วยลาภยศสรรเสริญอำนาจชื่อเสียงเงินทองนั่นแล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ธันวาคม 2015, 12:00:36
ร่างกายกับคุณความดีแตกต่างกันไกลลิบลับ เพราะร่างกายสลายไปทุกขณะ ส่วนคุณความดีดำรงอยู่ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์
............
หลวงปู่ศรี มหาวีโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ธันวาคม 2015, 13:59:50
“จะเอาสุขทางโลก ก็ได้ทุกข์มาพร้อมกัน เช่นคิดว่า สามี ภรรยา เป็นความสุข ก็ได้รับทุกข์เพราะ สามี ภรรยา นั่นแหละ อยากได้ลูก มีความสุขที่ได้ลูกหญิงลูกชาย แต่ก็ได้รับทุกข์ เพราะลูกนั่นแหละ
จะเอาความรัก ก็ได้ความชังมาพร้อม จะเอาอย่างเดียวไม่ได้ อยากได้หนึ่งแต่ได้สอง เป็นกฎธรรมชาติอย่างนั้น”
........
หลวงปู่คำดี ปภาโส


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: calyce ที่ 15 ธันวาคม 2015, 01:47:35
 :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ธันวาคม 2015, 00:17:44
คติธรรม....ท่านหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
......
ทำอย่างไรจึงได้ชื่อว่ามีศีลบารมีครบถ้วน?
หากว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายทรงกำลังใจ ๓ ประการครบถ้วน คือ
๑. เราจะไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง
๒. เราจะไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลใดทำลายศีล
๓. เราจะไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว
เท่านี้เป็นที่พอใจขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เป็นผู้มีศีลบารมีครบถ้วนเต็มจำนวนที่พระพุทธเจ้าต้องการ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ธันวาคม 2015, 10:30:16
"เมื่อรู้จักสิ่งใดไม่ดีแล้วก็เลิกละมันเสียซี่ นี่กรรมเก่ายังไม่ทันหมด
กรรมใหม่ก็ต่อเรื่อยไป มันจะหมดซักทีเรอะ หยุดเสียซี่"
.....
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ธันวาคม 2015, 15:46:38
บทแผ่เมตตาทั่วไป
.......
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
......
อะเวราโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
.....
อัพยาปัชฌาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
.......
อะนีฆาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
......
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ธันวาคม 2015, 14:06:14
อย่าได้ท้อถอยในการทำความดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ธันวาคม 2015, 11:56:05
คติธรรม....ท่านหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ วัดสังฆทาน นนทบุรี
.....
พระโสดาบันจึงไม่สงสัยในศาสนาทุกศาสนา ไม่สงสัย ในบุญบาป ไม่สงสัยในกรรมเวร ไม่สงสัยในกรรมดี กรรมชั่วของตัวเองและของคนอื่น มีความมั่นใจในการสร้างแต่ความดี มั่นคงในการให้ทาน มั่นคงในการรักษาศีล มั่นคงในการเจริญภาวนา ไม่ขี้เกียจขี้คร้าน ไม่ท้อถอยไม่ตัดพ้อต่อว่าใครดีใครชั่วใครจะมาทำร้าย ร้าย ใครจะมานินทา ใครจะมาสรรเสริญ ใครจะมากลั่นแกล้ง ใครจะทำอย่างไรก็ไม่หวั่น เพราะเชื่อในการทำความดีของตนเอง มีความมั่นใจเหมือนเพชร ย่อมแข็งแกร่ง ย่อมเป็นหนึ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ธันวาคม 2015, 14:26:58
"การทำความดีนั้นต้องทำอยู่ตลอดเวลา เพราะเราไม่ทราบว่าเราจะตกไปอยู่ในสถานที่อันมืดมิดหรือตกต่ำหรือตกทุกข์ลำบากหรือพบกับความเดือดร้อนเมื่อใด เรื่องบางเรื่องที่ลำบากทุกข์ยากเดือดร้อนนั้น นอกจากบุญกุศลที่ตนเองได้กระทำไว้เท่านั้นช่วยเหลือให้พ้นบ่วงทุกข์นั้นได้ ไม่มีสิ่งใดช่วยเราได้เลย จริงหรือไม่ โปรดใช้ปัญญาพิจารณา"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 20 ธันวาคม 2015, 19:59:20
"คบคนเช่นใดก็เป็นเช่นนั้น
อยากเป็นคนชนิดใดจงขวนขวายคบคนชนิดนั้น
คบลิงจะกลายเป็นลิง
คบคนจะกลายเป็นคน
คบเทวดาจะกลายเป็นเทวดา
คบคนชั่วจะกลายเป็นคนชั่ว
คบคนดีจะกลายเป็นคนดี
คบพระอริยบุคคลจะกลายเป็นพระอริยบุคคล
จงหลีกหนีมิตรเลวเพื่อนเลวเหมือนเลี่ยงสัตว์ร้าย
จงเข้าหามิตรดีเพื่อนดีเหมือนแสวงหาอัญมณี
คนชั่วถ้าเข้าใกล้จะพาเราไปทางต่ำ
คนดีถ้าเข้าใกล้จะพาเราไปทางเจริญ
จงเชื่อมั่นในกัลยาณมิตร
จงแสวงหาท่านผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ มีศีล มีธรรม
เมื่อพบแล้วจงเคารพนับถือ ไม่ดื้อต่อท่าน
เมื่อรับโอวาทจากท่านแล้วจงขวนขวายปฏิบัติตามด้วยเคารพ
การเคารพนับถือผู้ใดก็คือเรากำลังดำเนินตามผู้นั้น
จงแสวงหากัลยาณมิตรแล้วปฏิบัติต่อท่านผู้นั้นด้วยความเคารพ"

จากหนังสือ "ทิศที่ 11" บทที่ 77
เขียนโดย หลวงพ่อชุมพล พลปญฺโญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: osaii ที่ 20 ธันวาคม 2015, 23:34:10
 :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ธันวาคม 2015, 14:10:01
คติธรรม...ท่านหลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร
......
"คนอื่นเขาชั่ว เขาเสีย เขาเองจะได้รับทุกข์รับโทษ เราชั่ว เราเสีย
เราเองเป็นผู้เป็นทุกข์เป็นโทษ เราจะต้องชำระตัวของตัวเราให้ดี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ธันวาคม 2015, 14:26:36
"บุญนั้นย่อมเป็นที่พึ่งทั้งในโลกนี้ โลกหน้า และในทุกๆชาติภพ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ธันวาคม 2015, 13:36:25
คุณความดีติดตัวเราไปตลอด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ธันวาคม 2015, 13:55:13
เรามาคนเดียว ไปคนเดียว หมดทั้งสากลโลก คนทั้งหลายไปคนเดียวทั้งนั้น ไม่มีคู่สองเลย จะเห็นว่าลูกสักคนหนึ่งก็ไม่มี สามีสักคนหนึ่งก็ไม่มี ภรรยาสกคนหนึ่งก็ไม่มี ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างตาย ต่างคนต่างเกิด
........
หลวงพ่อสด.....วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 25 ธันวาคม 2015, 01:34:56
++สิ่งที่ไม่ควรดูหมิ่น++

"ดูกรมหาบพิตร ของ ๔ อย่าง
เหล่านี้ ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่าเล็กน้อย ๔ อย่างเป็นไฉน ของ ๔ อย่างคือ
๑. กษัตริย์ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่ายังทรงพระเยาว์
๒. งู ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่าตัวเล็ก
๓. ไฟ ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่าเล็กน้อย
๔. ภิกษุ ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่ายังหนุ่ม
ดูกรมหาบพิตร ของ ๔ อย่างเหล่านี้ ไม่ควรดูถูกดูหมิ่นว่าเล็กน้อย ฯ"

ที่มา: http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=2153&Z=2217


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: tanaiwirat ที่ 25 ธันวาคม 2015, 10:47:53
เข้ามาตามเก็บ ธรรมะดีๆ :wanwan020:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ธันวาคม 2015, 12:58:23
"พายุร้าย ทำอันตรายได้น้อยกว่าวาจาส่อเสียด ยุแหย่ ใส่ร้าย นินทากัน"
........
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ธันวาคม 2015, 10:45:26
คติธรรมคำสอน..... ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่
......
“เรื่องราวเต็มโลก เต็มบ้านเมือง เราก็วางเสีย ละเสีย ละอยู่ที่กาย ที่ใจตนนี่แหละ อย่าไปละที่อื่น การหอบอดีต และอนาคต มาหมักสมไว้ในใจ ก็เป็นทุกข์ ตัดออกให้หมด”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ธันวาคม 2015, 09:14:30
คติธรรม.....ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
........
"กรรมไม่ใช่สิ่งที่ลบเลือนได้ด้วยกาลเวลา กรรมที่หนักกว่า จักส่งผลแก่ชีวิตก่อน การส่งผลของกรรมดีและกรรมไม่ดีนั้นข้ามชาติภพ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ธันวาคม 2015, 08:05:29
คติธรรม.....ท่านพุทธทาสภิกขุ
.......
"อยู่โดยไม่ต้องมีความรู้สึกว่า เราดี เด่น ดัง อะไรเลย เพียงแต่รู้สึกว่าเราเป็นผู้มีประโยชน์ที่สุดคนหนึ่งนั่นแหละถูกต้องและเป็นสุขแท้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 29 ธันวาคม 2015, 12:07:22
++เมื่อบุคคลโกรธ ไม่ควรโกรธตอบ++

พุทธพจน์
"ผู้ไม่โกรธ ฝึกฝนตนแล้ว มีความเป็นอยู่สม่ำเสมอ หลุดพ้น แล้ว
เพราะรู้ชอบ สงบ คงที่อยู่ ความโกรธจักมีมาแต่ที่ไหน

ผู้ใดโกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ลามกกว่าบุคคลนั้นแหละ
เพราะการโกรธตอบนั้น บุคคลไม่โกรธตอบ บุคคลผู้โกรธแล้ว ชื่อว่าย่อมชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก

ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติสงบเสียได้ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือ แก่ตนและแก่บุคคลอื่น
เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์อยู่ทั้งสองฝ่าย คือของตนและของบุคคลอื่น

ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรมย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า เป็นคนเขลา ดังนี้ ฯ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ธันวาคม 2015, 13:35:08
มนุษย์บางคนนั้นชอบมองหาแนวร่วมในการทำความชั่วเพื่อมาสนับสนุน
การกระทำบาปหรือความชั่วของตนเอง แทนที่จะหาทางว่าจะกระทำตนอย่างไรที่จะสร้างความดี หรือมองบุคคลต้นแบบแห่งความดีงามแล้วกระทำตาม ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มนุษย์บางคนที่ว่านั้น ต้องเวียนว่ายอยู่ในวงเวียนแห่งความทุกข์หรืออกุศลกรรมทั้งปวงที่ตนเองได้กระทำไว้ไม่สิ้นสุด ผู้มีปัญญาย่อมละบาป บำเพ็ญบุญเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ธันวาคม 2015, 18:23:06
คติธรรม....ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
.......
"สิ่งใดที่พลาดไปแล้ว พระพุทธเจ้าทรงบอกให้ลืมทุกอย่าง อย่าเฝ้าตามแต่คิดถึงมัน ให้มุ่งทำแต่ความดี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: dingdong8002 ที่ 31 ธันวาคม 2015, 19:04:54
ชีวิต คือ ภาระ อยากหลุดพ้นภาระ จงทำจิตให้หลุดพ้นในทุกอย่าง   :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มกราคม 2016, 06:01:43
เนื้อนาบุญที่วิเศษที่สุดคือพ่อและแม่ ทำลงไปเลี้ยงพ่อแม่ให้สมบูรณ์พูนผล แล้วค่อยไปทำบุญกับพระ
.......
คติธรรม....ท่านหลวงพ่อพุธ ญานิโย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มกราคม 2016, 16:01:29
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
.......
มนุษย์ทั้งหลายมี ๗ จำพวก มนุษย์มี ๗ อย่าง
....
๑.มนุสสติรัจฉาโน - ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน
คือมันขี้เกียจขี้คร้าน รับอาหารแล้วก็นอน ไม่รู้จักการกราบ ไม่รู้จักการไหว้ ไม่รู้จักการรักษาศีลภาวนา ไม่รู้จักทำบุญให้ทานอะไร เหมือนกับสัตว์เดรัจฉานน่ะ
......
มนุษย์เช่นนั้นแหละตายไปก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ดูเอาซิ พิจารณาเอาซี ร่างกายเป็นมนุษย์แต่หัวใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน
.....
๒.มนุสสเปโต ร่างกายเป็นมนุษย์แต่หัวใจเป็นเปรต
มันมีแต่โมโหโทโส อยากฆ่า อยากฟัน
ความทะเยอทะยานดิ้นรน มีพยาบาทอาฆาตจองเวร
ดูซิ ใจมันมีอาฆาต นี่แหละมนุสสเปโต
ร่างกายเป็นมนุษย์ เมื่อดับขันธ์ไปแล้วก็ไปเป็นเปรต
......
๓.มนุสสนิรเย มนุษย์หัวใจเป็นนรก
หัวใจเป็นนรก คือมันมืด มันกลุ้มอกกลุ้มใจ ให้ทุกข์ให้ร้อน
ดูเอาซิ นั่นแหละนรก ดับขันธ์ไปแล้วก็ไปนรกซี่
ได้รับความทุกข์ยากความลำบากรำคาญ นี่มนุษย์เช่นนี้
ทีนี้ถ้าไม่ไปเป็นอย่างนั้น เกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ที่ต่ำช้า
หัวใจต่ำช้า อย่างอธิบายมาแล้ว ต่ำช้ายังไงล่ะ เป็นใบ้บ้าเสียจริต หูหนวกตาบอด ปากจัด กระจอกงอกง่อย ขี้ทูดกุฏฐัง ตกระกำลำบาก แน่ะ มนุษย์หัวใจเป็นยังงั้น
......
ถ้าเกิดเป็นมนุษย์อีกก็เป็นมนุษย์ที่ต่ำช้า
ดูซิ ใจเราทุกคน ไม่ว่าพระว่าเณร ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย
เอ้าดู อธิบายให้ฟัง ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเราไม่ต้องการก็เลิกก็ละเสียให้รู้จักดีรู้จักชั่ว รู้จักผิดรู้จักถูก รู้จักฟัง อธิบายให้ฟัง
.....
๔.มนุสสเทโว ร่างกายเป็นมนุษย์หัวใจเป็นเทวธิดา เทวบุตร
หัวใจมีทาน มีศีล มีภาวนา รู้จักเคารพนอบน้อม รู้จักกราบรู้จักไหว้
ใจมีหิริโอตตัปปะ ละอายบาป กลัวบาป ใจเบิกบาน ใจสว่างไสว ใจดี ดับขันธ์ก็ไปเป็นเทวบุตรเทวธิดา เรื่องเป็นอย่างนั้น ดูเอาซิ
......
๕.มนุสสพรหมา ท้าวมหาพรหม นางมหาพรหม หัวใจเช่นใด
มีพรหมวิหาร มีพรหมวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่
หัวใจว่างไม่มีอะไร เหมือนกะอากาศนี้แหละ ว่างเปล่าหมด
เหลือแต่อรูปจิต ดับขันธ์ไปเป็นพรหม ท้าวมหาพรหม นางมหาพรหม อยากรู้ก็ดูเอาซิ ที่อยู่ของเราเป็นอย่างนี้ มนุษย์ทั้งหลาย
....
๖.มนุสสอรหัตโต ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นพระอรหันต์
คือละกิเลส ละตัณหา กิเลสคือใจเศร้าหมอง ตัณหาคือใจทะเยอทะยานดิ้นรนกระวนกระวาย ท่านละกิเลสตัณหา ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ อวิชชา ตัณหาอุปาทาน ภพชาติ ละขาดในสันดาน ไม่มีสิ่งเหล่านี้ในจิตใจ
....
เมื่อดับขันธ์ไปก็เข้าสู่นิพพาน ดับทุกข์ในวัฏสงสาร
ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก ก็เป็นแต่มนุษย์ ได้แต่มนุษย์ซิ
.....
เราจึงมาฝึกหัดอบรมบ่มนิสัยของเรา เพ่งเล็งดูซิ
เราอย่าดูอื่น เรานั่งอยู่ก็นั่งดูใจของเรา ไม่ได้ดูดินฟ้าอากาศนะ
ใจของเรามันเป็นอย่างไร เหมือนที่อธิบายให้ฟังไหมล่ะ
มันไม่ดีตรงไหนก็แก้ไขซิ ทีนี้
....
๗.มนุสสพุทโธ ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรานี้
ว่าเรื่องภพเรื่องชาติของท่าน บิดามารดาของท่านก็มี
บุตรภรรยาท่านก็มี ท่านเป็นมนุษย์ครือเรานี่แหละ
แต่ท่านประพฤติปฏิบัติ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
เป็นสยัมภู ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ไม่มีบุคคลผู้ใดหรือใครแนะนำพร่ำสอน รู้ด้วยตนเองเป็นสยัมภู รู้แจ้งแทงตลอดหมดซึ่งสารพัดเญยยะธรรมทั้งหลาย ไม่มีที่ปกปิดสัตว์ทั้งหลาย ตนของท่าน บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ญาณความรู้ความเห็นในบุพพชาติเบื้องหลัง เป็นอะไรๆ มา ท่านรู้หมด เรื่องมันเป็นอย่างนั้น จุตูปาตญาณ จุติจากนี้ไปอยู่ในภพชาติใด ภพน้อยภพใหญ่ ท่านรู้หมด คือเหมือนอธิบายให้ฟังนี้ อาสวักขยญาณ สิ้นจากภพจากชาติท่านก็รู้หมด
.......
คัดจาก ๑๐๘ ปีหลวงปู่ฝั้น อาจาโร
ประวัติ พระธรรมเทศนา และพระอภิธรรมสังคิณีมาติก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มกราคม 2016, 15:29:09
การทำความดีนั้นเป็นปัจจัตตัง(ต้องทำด้วยตนเอง) หมั่นทำความดีด้วยการอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนาไว้ แล้วท่านจะพบกับสิ่งที่ดีๆแบบมหัศจรรย์แบบไม่คาดฝันเสมอ จริงหรือไม่ ท่านลองปฎิบัติดู


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มกราคม 2016, 15:25:34
ฐานสูตร
........
"สตรี บุรุษ ผู้ครองเรือน นักบวช ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีการกระทำ (กรรม) เป็นของตน เป็นทายาทแห่งการกระทำ มีการกระทำเป็นกำเนิด มีการกระทำเป็นเผ่าพันธุ์ มีการกระทำเป็นที่พึ่ง จะกระทำดีก็ตาม กระทำชั่วก็ตาม เราเป็นผู้รับผลของการกระทำนั้น เมื่อกายทุจริต วาจาทุจริต ใจทุจริตยังมีอยู่ หากเขาพิจารณาเนือง ๆ ดังนี้ เขาย่อมละทุจริตได้โดยสิ้นเชิง หรือทำให้ทุจริตเบาบางลงได้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มกราคม 2016, 11:36:39
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
...........
"บุญ คือ ความสบายใจ ก่อนทำก็สบายใจ ขณะทำก็สบายใจ ทำแล้วก็สบายใจ คิดถึงทีไร สบายใจทุกที"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 05 มกราคม 2016, 17:33:25
++ธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก++


[๒๒๒] ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้กล่าวดังนี้ว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ถ้าแม้ภิกษุ
ปวารณาไว้ว่า ขอท่านจงว่ากล่าวข้าพเจ้าๆ เป็นผู้ควรที่ท่านจะว่ากล่าวได้ แต่ภิกษุนั้นเป็นคน
ว่ายาก ประกอบด้วยธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก เป็นผู้ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอนโดยเคารพ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อนพรหมจรรย์ต่างไม่สำคัญภิกษุนั้นว่า ควรว่ากล่าว ควรพร่ำสอน ทั้งไม่
สำคัญว่า ควรถึงความไว้วางใจในบุคคลนั้นได้ ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ทำให้เป็นคน
ว่ายากเป็นไฉน?  ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
             ๑. เป็นผู้มีความปรารถนาลามก ลุอำนาจแห่งความปรารถนาลามก แม้ข้อที่ภิกษุเป็นผู้มี
ความปรารถนาลามก ลุอำนาจแห่งความปรารถนาลามก นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก.
             ๒. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้ยกตนข่มผู้อื่น แม้ข้อที่ภิกษุ
เป็นผู้ยกตนข่มผู้อื่น นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก.
             ๓. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นคนมักโกรธ อันความโกรธ
ครอบงำแล้ว แม้ข้อที่ภิกษุเป็นคนมักโกรธ อันความโกรธครอบงำแล้ว นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็น
คนว่ายาก.
             ๔. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นคนมักโกรธ ผูกโกรธ เพราะ
ความโกรธเป็นเหตุ แม้ข้อที่ภิกษุเป็นคนมักโกรธ ผูกโกรธ เพราะความโกรธเป็นเหตุ นี้ก็เป็น
ธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก.
             ๕. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นคนมักโกรธ มักระแวงจัด
เพราะความโกรธเป็นเหตุ แม้ข้อที่ภิกษุเป็นคนมักโกรธ มักระแวง เพราะความโกรธเป็นเหตุ
นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก.
             ๖. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นคนมักโกรธ เปล่งวาจาใกล้ต่อ
ความโกรธ แม้ข้อที่ภิกษุเป็นคนมักโกรธ เปล่งวาจาใกล้ต่อความโกรธ นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้
เป็นคนว่ายาก.
             ๗. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุถูกภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับโต้-
*เถียงโจทก์ แม้ข้อที่ภิกษุถูกภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับโต้เถียงโจทก์ นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็น
คนว่ายาก.
             ๘. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุถูกภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับ-
*รุกรานโจทก์ แม้ข้อที่ภิกษุถูกภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับรุกรานโจทก์ นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็น
คนว่ายาก.
             ๙. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุถูกภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับ
ปรักปรำโจทก์ แม้ข้อที่ภิกษุถูกภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับปรักปรำโจทก์ นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้
เป็นคนว่ายาก.
             ๑๐. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุถูกภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับ
เอาเรื่องอื่นมากลบเกลื่อน พูดนอกเรื่อง แสดงความโกรธ ความมุ่งร้าย และความไม่เชื่อฟัง
ให้ปรากฏ แม้ข้อที่ภิกษุถูกภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับเอาเรื่องอื่นมากลบเกลื่อน พูดนอกเรื่อง
แสดงความโกรธ ความมุ่งร้าย และความไม่เชื่อฟังให้ปรากฏ นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก.
             ๑๑. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุถูกภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง ไม่พอใจ
ตอบในความประพฤติ แม้ข้อที่ภิกษุถูกภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง ไม่พอใจตอบในความประพฤติ
นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้คนว่ายาก.
             ๑๒. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นคนลบหลู่ตีเสมอ แม้ข้อที่
ภิกษุเป็นคนลบหลู่ ตีเสมอ นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก.
             ๑๓. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นคนริษยา เป็นคนตระหนี่
แม้ข้อที่ภิกษุเป็นคนริษยา เป็นคนตระหนี่ นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก.
             ๑๔. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นคนโอ้อวด เจ้ามายา แม้ข้อที่
ภิกษุเป็นคนโอ้อวด เจ้ามายา นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก.
             ๑๕. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นคนกระด้าง ดูหมิ่นผู้อื่น
แม้ข้อที่ภิกษุเป็นคนกระด้าง ดูหมิ่นผู้อื่น นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก.
             ๑๖. ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นคนถือแต่ความเห็นของตน
ถือรั้น ถอนได้ยาก แม้ข้อที่ภิกษุเป็นคนถือแต่ความเห็นของตน ถือรั้น ถอนได้ยาก นี้ก็เป็น
ธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก.
             ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้เรียกว่า ธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก.


ที่มา: บางส่วนจาก อนุมานสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=12&A=3185&Z=3448



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มกราคม 2016, 10:41:58
คติธรรรม....ท่านหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ
.......
บุญมีอะไรก็ทำไป อย่าไปเลือกว่า บุญมาก บุญน้อย ทำไปก็มาเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มกราคม 2016, 11:12:32
พระพุทธพจน์
.......
"ทำชั่วด้วยตนเอง ย่อมเศร้าหมองด้วยตนเอง ไม่ทำชั่วด้วยตนเอง ย่อมหมดจดด้วยตนเอง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 07 มกราคม 2016, 14:11:15
++ฐานะที่ยากที่จะได้ สำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้ทำบุญไว้++

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฐานะ ๕ ประการนี้ อันมาตุคามผู้มิได้ทำบุญ
ไว้ยากที่จะได้ ฐานะ ๕ ประการเป็นไฉน คือ

-ขอเราพึงเกิดในสกุลอันสมควร
นี้เป็นฐานะข้อที่ ๑ อันมาตุคามผู้มิได้ทำบุญไว้ยากที่จะได้

-เกิดในสกุลอันสมควร
แล้ว ขอเราพึงไปสู่สกุลอันสมควร นี้เป็นฐานะข้อที่ ๒ อันมาตุคามผู้มิได้ทำบุญไว้ยากที่จะได้

-เกิดในสกุลอันสมควรแล้ว ไปสู่สกุลอันสมควรแล้ว ขอเราพึงอยู่ครองเรือนปราศจากหญิงร่วมสามี นี้เป็นฐานะข้อที่ ๓ อันมาตุคามผู้มิได้ทำบุญไว้ยากที่จะได้

-เกิดในสกุลอันสมควรแล้ว ไปสู่สกุลอันสมควร
แล้ว อยู่ครองเรือนปราศจากหญิงร่วมสามี ขอเราพึงมีบุตร นี้เป็นฐานะข้อที่ ๔ อันมาตุคามผู้มิได้ทำบุญไว้ยากที่จะได้

-เกิดในสกุลอันสมควรแล้ว ไปสู่สกุลอันสมควรแล้ว อยู่ครองเรือนปราศจาก
หญิงร่วมสามี มีบุตร ขอเราประพฤติครอบงำสามี นี้เป็นฐานะข้อที่ ๕ อัน
มาตุคามผู้มิได้ทำบุญไว้ยากที่จะได้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฐานะ ๕ ประการนี้แล อัน
มาตุคามผู้มิได้ทำบุญไว้ยากที่จะได้ ฯ

ที่มา: http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=6540&Z=6551


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มกราคม 2016, 16:16:59
คติธรรม....ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
.........
"การทำดีต้องไม่มีพอ ต้องทำให้ยิ่งขึ้นอยู่เสมอ เพราะไม่มีใครอาจประมาณได้ว่า เมื่อใดจะตกไปในที่มืดมิดขนาดไหน ต้องการแสงสว่างจัดเพียงใด ถ้าไม่ตกเข้าไปในที่มืดมิดมากมายนัก มีแสงสว่างมากไว้ก่อน ก็ไม่ขาดทุน ไม่เสียหาย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มกราคม 2016, 16:50:46
คติธรรม...ท่านพุทธทาสภิกขุ
......
เขาว่าเราจริง ก็ไม่ต้องโกรธเขาเพราะเรื่องมันจริง เขาว่าเราไม่จริง
ก็ไม่ต้องโกรธเขา เพราะเรื่องไม่จริง เท่านี้ก็จบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มกราคม 2016, 00:05:28
"บ้านช่องสถานที่ต่างๆ ที่ทำไว้หรูหรา เวลาตายแล้วไม่เห็นใครเอาไปได้สักคนเดียว มีแต่บุญและบาปเท่านั้นติดตามตัวของเราไป"
.......
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 11 มกราคม 2016, 00:33:34
"ปราชญ์ย่อมแนะนำสิ่งที่ควรแนะนำ
ไม่ชวนทำสิ่งที่มิใช่ธุระ
การแนะนำดีเป็นความดีของปราชญ์
ปราชญ์ถูกว่ากล่าวโดยชอบก็ไม่โกรธ
ปราชญ์ย่อมรู้วินัย
การสมาคมกับปราชญ์จึงเป็นการดี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มกราคม 2016, 11:56:53
พระพุทธศาสนสุภาษิต
..........
ถ้าหากจะทำความดี ก็ควรทำดีบ่อยๆ ควรพอใจในการทำความดีนั้น เพราะการสะสมความดีนำสุขมาให้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มกราคม 2016, 12:29:27
"เราต้องการอยู่เย็นเป็นสุขด้วยปัจจัยสี่เท่านั้น มิได้อยู่เพื่อร่ำเพื่อรวยเพื่อมั่งเพื่อมี เพื่อซื้อ เพื่อขาย ขอเตือนพระเณรอย่าละเมิด"
......
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มกราคม 2016, 14:38:19
ชีวิตที่วิ่งตามความอยาก ไม่ต่างอะไรกับคนโง่เพียรตักน้ำไปเติมทะเล
.......
คติธรรม.....ท่าน ว.วชิรเมธี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มกราคม 2016, 12:29:42
คติธรรม.....ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
........
บาปแต้ๆ มัวแต่ว่าคนอื่น เลิกว่าคนอื่นเขาเสียที หันกลับมาว่าตัวเองกันได้แล้ว เลิกวิจารณ์การกระทำของคนอื่นเขาเสียที มาวิจารณ์การกระทำของตัวเองได้แล้ว การงานของคนอื่นก็เลิกวิจารณ์ได้แล้ว ตายไปจะเป็นเปรตมัวแต่เที่ยววิจารณ์คนอื่น ลืมวิจารณ์ตัวเองกันอยู่นั้นเด้ บาปแต้ๆมนุษย์เอ่ย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มกราคม 2016, 14:12:33
หลวงปู่บุดดา ถาวโร
.......
“ไอ้คนเรานี้มันก็แปลก ชอบเอาลมปากเผากัน เอาไฟกิเลส โมหะ โทสะ ราคะ เผากัน เผาตนเอง เผากาย เผาใจตนเองยังไม่พอ ชอบเผื่อแผ่ไปเผาชาวบ้าน ชาวช่องเขาด้วย เผาจิตเผากายของเขา มันสนุกหรืออย่างไร วิสัยชาวโลก ชอบนินทา-สรรเสริญ ไฟร้อน ไฟเย็น ก็เผาได้เผาดี”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: popep ที่ 15 มกราคม 2016, 19:55:25
 :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มกราคม 2016, 14:52:52
คำสอน.....ท่านหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
.......
"การเริ่มเป็นอริยะ ปฏิภาณดีมาก ปัญญาดีมาก
ปัญญาฉลาด พูดฉลาด"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มกราคม 2016, 11:45:05
"คนเราประมาทในบุญเล็กน้อย เมื่อตายไปแล้ว จะมาทำบุญกุศลน่ะ มันยากนะ ยากยังไง กายไม่เหมือนกายมนุษย์ จะมาพูดกับมนุษย์ก็ไม่ได้ จะมาใส่บาตรทำบุญก็ไม่ได้ อย่างดีก็มายืนคอยโมทนาเท่านั้น"
.........
ท่านพ่อลี ธมฺมธโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มกราคม 2016, 16:18:27
พระพุทธพจน์
.......
เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ๑
......
ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า
เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ ๑
เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้ ๑
เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ ๑
เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ๑


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มกราคม 2016, 12:12:57
หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
.....
ตายไปแล้วไปไหน ไม่ต้องไปสนใจมัน แต่ให้สนใจปัจจุบันว่า ทำตัวดีแค่ไหน ทำความดีเสียในขณะนี้ ตายแล้วก็ไปดีเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มกราคม 2016, 11:50:07
คติธรรม....พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
.......
"คนที่เกิดมาในโลกนี้มันมาจากหลายพวก มาจากนรกก็มี มาจากเปตรก็มี มาจากอสุรกายก็มี มาจากสัตว์เดรัจฉานก็มี มาจากพรหมก็มี มาจากเทวดาก็มี คือว่าคนที่มาจากต่างแดนอย่างนี้
จะมีจริยาเหมือนกันไม่ได้ เพราะต้องเป็นไปตามอำนาจของกฎแห่งกรรม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มกราคม 2016, 12:35:31
"บุญนั้นย่อมเป็นที่พึ่งทั้งในโลกนี้ โลกหน้า และในทุกๆชาติภพ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มกราคม 2016, 23:24:38
คำอธิษฐาน.... กราบบูชาพระบรมสารีริกธาตุ (พระพุทธปฎิมา)
........
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด 3 จบ)
ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง
ข้าพเจ้าขอกราบนอบน้อม บูชาพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเสียสละสั่งสมบารมีนับชาติมิถ้วน เพื่อตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศธรรม นำเวไนยสัตว์ออกจากสังสารวัฎ*
........
พร้อมกราบพระธรรม และพระอริยสงฆ์ ขอตั้งสัจจะอธิษฐาน ด้วยอานิสงส์ผลแห่งบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้ได้ถึงซึ่งพระนิพพาน ได้พบสัตตบุรุษผู้รู้ธรรมอันประเสริฐ มีกรรมสัมพันธ์ที่ดี เป็นสัมมาทิฏฐิ ห่างไกลจากพาล มีโอกาสฟังธรรม ประพฤติธรรม จนเป็นปัจจัยให้เจริญด้วยสติและปัญญาญาณ ตามส่งชาตินี้และชาติต่อๆไป จนถึงพระนิพพานในกาลอันควรเทอญ แม้ยังต้องเกิดอีกในภพชาติใดๆ ขอเกิดภายใต้ร่มเงาแห่งบวรพระพุทธศาสนา และท่ามกลางกัลยาณมิตร*
.......
กรรมใดที่ได้ล่วงเกินต่อ พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในอดีตชาติก็ตาม ปัจจุบันชาติก็ตาม ขอกราบอโหสิกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น*
......
ขออุทิศกุศลผลบุญให้แด่ท่านผู้มีพระคุณ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร เทพยดาอารักษ์และผู้ปกปักรักษาดูแลข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนท่านที่ขวนขวายในกิจที่ชอบในการดำรงรักษาไว้ซึ่ง ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และองค์พระมหากษัตริย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ ขอให้ท่านทั้งหลายดังกล่าวนามมานั้น จงมีแต่ความสุข ทั่วหน้ากันทุกท่านเทอญ*


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มกราคม 2016, 13:39:22
"บุญ คือ ความสบายใจ ก่อนทำก็สบายใจ ขณะทำก็สบายใจ ทำแล้วก็สบายใจ คิดถึงทีไร สบายใจทุกที"
.......
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มกราคม 2016, 13:33:32
ขอนอบน้อมกราบส่งท่านพระอริยสงฆ์"ท่านหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม"สู่นิพพานสมบัติด้วยความเคารพสักการะอย่างสูงสุด....


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 26 มกราคม 2016, 14:09:48
ขอนอบน้อมกราบส่งท่านพระอริยสงฆ์"ท่านหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม"สู่นิพพานสมบัติด้วยความเคารพสักการะอย่างสูงสุด....

ขอน้อมกราบหลวงพ่อครับ
สาธุ สาธุ สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มกราคม 2016, 16:39:07
"ขอให้ประสบแต่ความดี ปราศจากความทุกข์"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มกราคม 2016, 23:08:43
"กรรมเก่าไม่สามารถลบล้างได้ แต่กรรมปัจจุบันที่ดีงามจะช่วยท่านได้ เมื่อเหตุและปัจจัยในปัจจุบันดี อนาคตต้องดีแน่นอน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มกราคม 2016, 23:40:31
การคอยรับบุญของผู้อื่น เหมือนดื่มน้ำติดก้นแก้ว ดื่มเท่าไรก็ไม่อิ่มสักที คนมีสติ มีปัญญาธรรม ย่อมฉลาดที่จะสร้างบุญด้วยตนเอง เหมือนการเติมน้ำใส่แก้ว หิวเมื่อใดดื่มได้อิ่มชื่นใจฉันนั้น
.....
คติธรรม....ท่านหลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มกราคม 2016, 14:01:43
ท่านพุทธทาสภิกขุ
........
"อย่าหวังว่าจะได้รับความรัก จากคนที่คุณรักเพราะคนที่คุณรัก ไม่ได้รักคุณหมดทุกคน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 มกราคม 2016, 13:56:14
หากท่านกำลังประสบความลำบากหรือทุกข์ยาก ชีวิตมีแต่ปัญหาและอุปสรรค ให้ท่านลองสำรวจตนเองว่า ท่านกำลังทำความชั่วมากกว่าความดีหรือไม่ ถ้าทำชั่วมากกว่าความดี ต้องหยุดทำชั่วทันทีแล้วหันมาทำแต่ความดีอยู่ในทาน ศีล ภาวนา แล้วท่านจะพบว่าชีวิตท่านดีขึ้นในทันที


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2016, 14:08:04
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
........
"การทำบุญทำทานนั้น ตัดกรรมไม่ได้ แต่เป็นการสร้างจิตให้ระลึกเสมอว่า เราจะไม่ทำกรรมชั่วอีก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กุมภาพันธ์ 2016, 14:17:59
คติธรรม....ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
..........
"ศีลห้านี้ การรักษาเป็นนิตย์ ผู้รักษาได้ ย่อมเป็นคนไม่มีเวร ไม่มีภัยกับผู้อื่น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2016, 14:01:37
ทำบุญตักบาตรกับพระร้อยวัดพันวัด อานิสงส์ผลบุญมิอาจเทียบเท่าการทำบุญกับพ่อแม่ที่เป็นพระอรหันต์ของลูกทุกคนเพียงสองท่าน
.....
เงินเดือนออกแล้วท่านทั้งหลายอย่าลืมทำบุญกับพ่อแม่บ้างนะ...สาธุ...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2016, 14:44:05
มีปัญหาในชีวิตไปโทษกรรมเก่า หรือเจ้ากรรมนายเวร อะไร ๆ ก็โทษเขาหมดเลย ทำไมไม่ดูการกระทำของตัวเองบ้าง
.......
คติธรรม....ท่านพระอาจารย์ชยสาโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2016, 17:00:17
คำสอน....ท่านหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
.........
"อย่าห่วงคนอื่น มากเกินกว่า กฎของกรรม "


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2016, 14:11:56
หลวงปู่บุดดา ดาวโร
......
"เกิดมา ๙๐ ปีแล้ว ไม่เห็นมีนางงาม รูปเหม็นๆ เน่าๆ มีแต่ขี้ พระเอกนางเอกไม่มีหรอก มีแต่พระเอกขี้ นางเอกขี้ ขี้เต็มตัว เต็มหู เต็มตา จะไปเอานางเอกที่ไหน เลือกเอาแต่ธรรมะซิ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: silentz ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2016, 16:58:28
ชอบครับ.  :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2016, 17:34:41
คติธรรม....ท่านพ่อลี ธมมฺธโร
........
"โลกียทรัพย์ เป็นของที่เรานำติดตัวไปยังโลกหน้ามิได้ จึงต้องแปรโลกียทรัพย์ให้เป็น อริยทรัพย์เสียก่อน จึงจะนำติดตัวไปโลกหน้าได้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2016, 14:06:08
พระพุทธศาสนสุภาษิต
..........
ถ้าหากจะทำความดี ก็ควรทำดีบ่อยๆ ควรพอใจในการทำความดีนั้น เพราะการสะสมความดีนำสุขมาให้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2016, 13:45:36
พระพุทธดำรัส
........
คนทำบาปถึงจะเหาะขึ้นไปในอากาศ ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม
.......
ถึงจะดำลงไปกลางทะเล ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม
........
ถึงจะเข้าไปหลบตัวในซอกเขา ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม
.........
เพราะไม่มีแผ่นดินสักส่วนหนึ่งที่คนทำบาปยืนอยู่แล้ว จะพ้นจากบาปกรรมได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2016, 13:48:24
ทรัพย์สินก็ดี ร่างกายก็ดี เวลาตายแล้ว เราเอาไปไม่ได้สักอย่าง สิ่งที่จะได้ไปเมืองผีนั่นก็คือ ความชั่วกับความดี
........
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2016, 13:57:50
คติธรรม....ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
.........
อย่าตั้งความปรารถนาต้องการในสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ต้องเป็นทุกข์ดิ้นรนแสวงหาเลย แต่จงทำเหตุที่ควรแก่ผล แล้วจะได้รับผลนั้นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2016, 14:10:13
"ทำบุญทุกวัน ย่อมได้บุญทุกวัน การสะสมบุญนั้น ย่อมนำแต่ความสุข ความสบายใจและปิติเบิกบานใจมาให้แต่เพียงถ่ายเดียวเท่านั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2016, 14:17:16
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป
.........
"โลกนี้และชีวิตนี้ ไม่มีอะไร เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้มานานแล้ว เราสุขเราทุกข์อย่างนี้ มาหลายภพหลายชาติแล้ว อย่าโศกเศร้าเสียใจไปนักเลย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2016, 22:58:50
คติธรรม....ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
.......
"สิ่งใดที่พลาดไปแล้ว พระพุทธเจ้าทรงบอกให้ลืมทุกอย่าง อย่าเฝ้าตามแต่คิดถึงมัน ให้มุ่งทำแต่ความดี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2016, 13:52:34
คนทั่วไปมักนึกไม่ถึงว่า ตนกำลังพินาศ เพราะวิวาททุ่มเถียงกัน ส่วนผู้รู้ความจริงเช่นนั้น ย่อมไม่ทะเลาะกันอีกต่อไป
......
(ธรรมบท, ยมกวรรค, ๖)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2016, 10:58:09
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี
สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโตฯ

"ผู้ทำร้ายผู้อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต
ผู้เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2016, 14:02:24
พระพุทธพจน์
.......
บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่ แต่เป็นคนเลวเพราะการกระทำ เป็นผู้ประเสริฐเพราะการกระทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2016, 14:10:42
พระพุทธพจน์
.......
เทวดาทูลถาม "อะไรหนอเป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า" พระพุทธองค์ตรัสตอบ "บุญที่ตนทำเอง เป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า ฯ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2016, 14:00:29
พระพุทธวจนในธรรมบท
......
เมื่อบาปยังไม่ส่งผล คนชั่วก็เห็นว่าเป็นของดี ต่อเมื่อมันเผล็ดผลเมื่อใด เมื่อนั้นแหละเขาจึงรู้พิษสงของบาป
........
เมื่อความดียังไม่ส่งผล คนดีก็มองเห็นความดีเป็นความชั่ว ต่อเมื่อใดความดีเผล็ดผล เมื่อนั้นแหละเขาจึงจะเห็นผลของความดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2016, 13:55:33
"สิ่งที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนานั้น อาตมาอยากจะแนะถึงประโยคสั้นๆ ที่กล่าวว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"
........
ท่านพุทธทาสภิกขุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2016, 10:47:09
อะไรมาเมื่อยังมีลมหายใจอยู่ก็ต้องยอมรับมันให้ได้เพราะเราไม่มีสิทธ์ที่จะปฏิเสธมันได้เลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2016, 10:12:41
คติธรรม......ท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)
.......
“การทดแทนพระคุณพ่อแม่ที่สูงสุด”
.......
“ลูกเอ๋ย ยามที่พ่อแม่ของเจ้ามีอายุมากขึ้น ย่อมมีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ความแข็งแรงของร่างกายที่เคยมีก็ลดลง ใจน้อยง่าย ความจำก็เสื่อม ขี้หลงขี้ลืม จิตใจก็หมดความสุขสดชื่น ถึงแม้พวกเจ้าจะคอยเอาใจใส่ ดูแลใกล้ชิดสักเพียงใดก็ตาม ก็ไม่อาจช่วยให้พ่อแม่ของเจ้ามีความสุขได้เต็มที่ เพราะพวกเจ้าทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เจ้าช่วยท่านให้ได้รับความสุขเพียงการให้กินอยู่หลับนอน อันเป็นความสุขทางกายเท่านั้น แต่จิตใจของท่าน หาได้ร่าเริงสดชื่นผ่องใสไม่
......
เจ้าจงจำไว้ว่า..การให้ความสุขแก่พ่อแม่อย่างแท้จริงก็คือ การให้ธรรมะ ด้วยการสอนหลักธรรมง่ายๆให้พ่อแม่ของเจ้า พาท่านไปทำบุญทำทาน สอนท่านให้รู้จักการปฏิบัติบูชา สวดมนต์ภาวนา แผ่เมตตา ธรรมะจะอยู่ในจิตใจของพ่อแม่เจ้าทุกภพทุกชาติ ถือว่าเป็นการทดแทนพระคุณที่สูงสุด
.......
เจ้าจงจำไว้นะลูกเอ๋ย !....”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2016, 13:42:11
"อุเบกขาบารมี"
.........
"ไม่รัก ในฐานะที่ควรจะรัก ไม่เกลียด ในฐานะที่ควรจะเกลียด
ไม่โกรธ ในฐานะที่ควรจะโกรธ ไม่ขัดเคือง ในฐานะที่ควรจะขัดเคือง"
........
"รำคาญไหมผมว่าไว้อย่างนี้ เพื่อให้ท่านทั้งหลายรับฟังไว้ ถ้าทำใจได้อย่างนี้เป็นพระอรหันต์"
......
หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2016, 13:53:06
หนีอะไรก็พอหนีได้ แต่หนี"กฎแห่งกรรม"ที่ตนเองได้กระทำไว้ ยากหลุดพ้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2016, 14:19:09
พุทธศาสนสุภาษิต
......
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2016, 06:47:40
พระพุทธดำรัส
.......
“สัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นของของตน เป็นผู้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยทำกรรมใดไว้ ไม่ว่าดีหรือชั่ว จะต้องได้เสวยผลกรรมแน่นอน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2016, 15:18:24
คติธรรมคำสอน....ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
...........
"เมตตากรุณาที่ผิด ก็เช่นปรารถนาเขาเป็นสุข พยายามช่วยให้เขาพ้นทุกข์เต็มกำลังความสามารถ เมื่อทำไม่ได้ดังความปรารถนาก็เป็นทุกข์ เพราะไม่วางอุเบกขา เช่นนี้แหละผิด แต่ถ้าทำเต็มสติปัญญาความสามารถโดยควรแล้ว แม้ไม่เกิดผลดังปรารถนาก็วางอุเบกขาเสียได้ ไม่เร่าร้อนด้วยความปรารถนาต้องการจะให้สมมุ่งหมาย เช่นนี้ก็เป็นเมตตากรุณาที่ไม่ผิด"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016, 15:04:22
"บุญเก่านี้มันหมดเป็นนา เหมือนอย่างเงินทองที่เรามี ถ้าเราไม่หาเพิ่มเติมแล้วใช้มันก็หมดไปหมดไป ดังนั้นเงินทองจึงจำเป็นต้องหาอยู่เรื่อย เพราะมันหมดเป็น บุญนี้ก็เหมือนกันอย่างนั้นแหละ"
........
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2016, 13:56:19
คติธรรม....ท่านหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
.........
"ร่างกายเป็นเรือนร่างที่อาศัยชั่วคราวเท่านั้น เหมือนกับบ้านเช่า ถ้าหมดเวลาเช่าเขาก็ไล่เราไป เราคือจิต ฉะนั้นขอให้พวกเราทั้งหมดจงอย่าเอาจิตเข้าไปติดในร่างกายของเรา ร่างกายของบุคคลอื่น หรือวัตถุธาตุทั้งหมดถ้าจิตเราไม่ติดในร่างกายของเรา ไม่ติดในร่างกายของบุคคลอื่น ไม่ติดในร่างกายวัตถุธาตุทั้งหมด เราตายแล้วเราก็ไปนิพพาน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มีนาคม 2016, 13:39:12
คติธรรม....ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก)
.......
ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นของไม่เที่ยง แม้แต่ชีวิตที่เราคิดว่ามันเป็นของเรา ก็ไม่เที่ยง หากจิตใจยึดติดสิ่งเหล่านี้ ก็ย่อมจะเป็นทุกข์ เพราะสุดท้ายแล้ว ตายไปก็ไม่มีอะไรเหลือ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มีนาคม 2016, 00:42:50
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป
............
"โลกนี้และชีวิตนี้ ไม่มีอะไร เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้มานานแล้ว เราสุขเราทุกข์อย่างนี้ มาหลายภพหลายชาติแล้ว อย่าโศกเศร้าเสียใจไปนักเลย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มีนาคม 2016, 14:42:46
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
........
"กรรมทางวาจานี้ร้ายแรงมาก การที่เราพูดใส่ร้ายหรือพูดไม่ดีจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและเสียใจ หรือไปพูดทำลายความหวังต่างๆของเขา ถ้ารู้ตัวให้หยุดหรือเลิกทำ กรรมไม่สนองแต่ในชาตินี้ พอตายลงไป ยังต้องไปใช้กรรมยังขุมนรกตามขุมต่างๆอีก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มีนาคม 2016, 14:01:32
"ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี" ท่านกระทำกับพ่อแม่ของท่านเช่นไร ลูกๆของท่านก็จะกระทำกับท่านดุจเดียวกันเสมอ...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มีนาคม 2016, 14:41:07
"กามกิเลส ตัวนี้ เป็นตัวอันตรายกว่ายาเสพย์ติดทุกชนิดในโลก เพราะติดแล้วพาให้เกิดให้ตาย มากองกันอยู่ในโลก ทั้งหญิงทั้งชาย มาหลงกันอย่างไม่มีสิ้นสุด ไม่สนใจพากันแก้ไขตัวเอง ใครปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า จึงจะพอออกจากกองทุกข์นี้ได้"
..........
หลวงปู่แสง จนฺทโชโต (แสง ญาณวโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มีนาคม 2016, 14:14:07
"สุดท้ายได้ตายทุกคน อย่าได้ประมาทในชีวิต ต้องรีบทำบุญและทำความดีไว้ในทุกลมหายใจ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 08 มีนาคม 2016, 12:02:30
"ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง ความกลัว
ความหลง ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม ดังดวงจันทร์ในข้างแรม
ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรมเพราะความรัก ความชัง ความกลัว
ความหลง ยศย่อมเจริญแก่ผู้นั้น ดุจดวงจันทร์ในข้างขึ้น ฯ"

พุทธพจน์ จาก สิงคาลกสูตร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มีนาคม 2016, 13:54:08
เกิดอยู่ดับดีชั่วตามกรรมตน โดย รศ. ยุพิน ดีสมศักดิ์
คนเกิดตาม ผลกรรมเก่า ที่เขาสร้าง
ความแตกต่าง ตระกูลตน ทั้งจนมี
ทั้งปัญญา สวยเรือนร่างฯ ต่างต่างนี้
ทั้งหมดมี ไม่บอกค่า ราคาคน

ทุนเก่าน้อย เกิดด้อยมาก หากรักดี
ศีลธรรมมี ทานทำได้ ให้เหมาะตน
วัตถุน้อย/ค่อยทำจาก อายตนะใน(ตาหูจมูกลิ้นกายใจ) ให้ทุกคน
ราคาล้น หมั่นภาวนา พาสุขได้

ดำรงตน พอเพียงคิด พอจิตตน
ขยันทน รู้ประหยัด/จัดออมทรัพย์ กลับมีได้
เห็นตามจริง/สิ่งบวกมอง ครองกรรมดี/มีเพิ่มพูน เป็นทุนใหม่
ดีสุขได้ ยามชีพดับ กลับสุคติ/สู่นิพพาน

ทุกชีวิต ถ้าชีพยัง ทั้งรวยจน
ยศศักดิ์ล้น ความสวยงาม ตามชาติพันธุ์
ล้วนพบทุกข์ ความแปรผัน กันทั้งนั้น
หยุดยึดมั่น ในตัวตน พ้นทุกข์ได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มีนาคม 2016, 17:14:07
ท่านเชื่อไหมว่า "ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใดก็ตาม จะมีคนที่มีความเห็นอยู่ ๓ ประการเสมอ คือ ๑.ชอบ ๒.ไม่ชอบ ๓.เฉยๆ ดังนั้นถ้าท่านคิดว่าสิ่งใดก็ตามที่ท่านทำแล้วเป็นสิ่งที่ดีไม่เบียดเบียดทั้งตนเองและผู้อื่น ทำแล้วเป็นกุศลกรรม ท่านอย่าได้ท้อถอย ให้ทำต่อไป อย่านำชีวิตของเราไปฝากไว้กับผู้อื่นเลย มิฉะนั้นเราจะไม่ได้ทำความดีตลอดกาล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 10 มีนาคม 2016, 01:00:33
+++ คุณสมบัติพ่อค้า ผู้รวยเร็ว +++

ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการ ย่อม
ถึงความมีโภคทรัพย์มากมายเหลือเฟือไม่นานเลย องค์ ๓ ประการเป็นไฉน ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าในโลกนี้ เป็นคนที่มีตาดี ๑ มีธุระดี ๑ ถึงพร้อมด้วยบุคคล
ที่จะเป็นที่พึ่งได้ ๑ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าชื่อว่าเป็นคนมีตาดีอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย
พ่อค้าในโลกนี้ย่อมรู้สิ่งที่จะพึงซื้อขายว่า สิ่งที่พึงขายนี้ ซื้อมาเท่านี้ ขายไป
เท่านี้ จักได้ทุนเท่านี้ มีกำไรเท่านี้ ดังนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าชื่อว่าเป็น
คนมีตาดี ด้วยอาการอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าชื่อว่ามีธุระดีอย่างไร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าในโลกนี้ เป็นคนฉลาดที่จะซื้อและขายสิ่งที่ตนจะพึง
ซื้อขาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าชื่อว่าเป็นคนมีธุระดี ด้วยอาการอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยคนซึ่งจะเป็นที่พึ่งได้อย่างไร ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าในโลกนี้ อันคฤหบดีหรือบุตรคฤหบดีผู้มั่งคั่ง ผู้มีทรัพย์มาก
มีโภคะมาก ทราบได้เช่นนี้ว่าท่านพ่อค้าผู้นี้แล เป็นคนมีตาดี มีธุระดี สามารถ
ที่จะเลี้ยงบุตรภรรยา และใช้คืนให้แก่เราตามเวลาได้ เขาต่างก็เชื้อเชิญพ่อค้า
นั้นด้วยโภคะว่า แน่ะท่านพ่อค้าผู้สหาย แต่นี้ไปท่านจงนำเอาโภคะไปเลี้ยงดู
บุตรภรรยา และใช้คืนให้แก่เราตามเวลา ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าชื่อว่าเป็น
ผู้ถึงพร้อมด้วยบุคคลซึ่งเป็นที่พึ่งได้ด้วยอาการอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย พ่อค้า
ผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการนี้แล ย่อมจะถึงความมีโภคะมากมายเหลือเฟือไม่
นานเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มีนาคม 2016, 13:42:18
ถือคติมาตลอดว่า ทำดีแล้วใครไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ตัวเราเองเท่านั้นที่รู้และมีความสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มีนาคม 2016, 13:51:20
พระพุทธพจน์
.......
บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่ แต่เป็นคนเลวเพราะการกระทำ เป็นผู้ประเสริฐเพราะการกระทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มีนาคม 2016, 16:54:54
พระพุทธดำรัส
........
คนทำบาปถึงจะเหาะขึ้นไปในอากาศ ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม ถึงจะดำลงไปกลางทะเล ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม ถึงจะเข้าไปหลบตัวในซอกเขา ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม เพราะไม่มีแผ่นดินสักส่วนหนึ่งที่คนทำบาปยืนอยู่แล้ว จะพ้นจากบาปกรรมได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มีนาคม 2016, 13:17:50
คติธรรม....ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
.......
"คนที่ฉลาดทางโลกนั้น เขาจะแสวงหาเงินตรา แต่บุคคลที่มีปัญญานั้น ท่านจะแสวงหาธรรมะ เพราะคนฉลาดทางโลกนั้นจะรู้เฉพาะ ความสุขทางเนื้อหนังหรือทางวัตถุ เขาจึงแสวงหาสิ่งที่มาบำรุงบำเรอทางเนื้อหนังเท่านั้น แต่ผู้มีปัญญา ท่านมองเห็นว่า ความสุขทางโลกเป็นของต่ำและเจือปนไปด้วยทุกข์เป็นความสุขของคนโง่ ท่านจึงแสวงหาธรรมะ ซึ่งเป็นของละเอียดสะอาดและเป็นไปเพื่ออยู่เหนือโลกหรืออยู่เหนือทุกข์ทั้งปวง "


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มีนาคม 2016, 14:45:31
ถ้าจะอยู่อย่างสบายต้องไม่มีความโลภเพราะความโลภ
ทำให้เป็นทุกข์อยากได้โน่นนี่ไม่มีที่สิ้นสุดทำให้ใจร้อนรนเพราะ
ความอยากพอไม่ได้ก็เป็นทุกข์บางคนความอยากได้ทำให้
สร้างหนี้สินทุกข์หนักเข้าไปอีกอยู่อย่างพอเพียงพออยู่
พอกินมีทำบุญสร้างกุศลบ้างไม่มีหนี้สินถึงจะไม่หรูหราแต่ก็
อยู่ได้อย่างสบายใจไม่อดอยากถ้าเราไม่ได้มีความอยากได้จนเกิน
ขอบเขตเกินฐานะของตัวเองเพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่จีรังยังยืน
เมื่อเราจากโลกนี้ไปทุกสิ่งทุกอย่างที่ดิ้นรนตะเกียกตะกายหามา
เราก็ต้องทิ้งไว้บนโลกใบนี้แล้วจะโลภไปเพื่ออะไรอยู่
อย่างไม่ต้องทุกข์ใจดีกว่าเนอะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มีนาคม 2016, 18:34:39
คติธรรม....ท่านหลวงปู่ขาว อนาลโย
.......
"จิตของพระอริยะเจ้า จิตของพระพุทธเจ้า ไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม มีลาภก็ไม่มีความยินดี เสื่อมลาภก็ไม่มีความยินร้าย ความสรรเสริญ พระพุทธเจ้าก็บ่ตื่น นินทา พระพุทธเจ้าก็บ่โศกเศร้าเสียใจ ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ จึงว่า มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์ เหล่านี้ แปดอย่างนี้ พระพุทธเจ้าและสาวก ไม่มีความยินดีและโศกเศร้า ไม่มีความหวั่นไหว ไม่มีความยินดี ยินร้าย กับอารมณ์แปดอย่าง นี่ละ จึงว่าจิตประเสริฐ จิตเกษม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มีนาคม 2016, 14:07:31
คำสอน.....ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
.......
เรามีกรรมเป็นของตัว ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทำดีมันซะอย่างเดียวหมดเรื่อง ชั่วไม่ทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มีนาคม 2016, 13:57:59
หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ
........
อย่าด่าลูกด้วยคำหยาบ ฉิบหาย ตายซะ ลูกเวร ปากพ่อแม่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับลูก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มีนาคม 2016, 14:28:53
พระพุทธพจน์
.........
"คนพาลย่อมสำคัญบาปประดุจน้ำหวาน ตลอดกาลที่บาปยังไม่ให้ผล แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มีนาคม 2016, 15:30:12
คติธรรม....ท่านหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
.......
การทำบุญตักบาตรเป็นความดี เป็นบุญแก่จิตใจ เมื่อมีโอกาสทำได้เมื่อไร จึงควรทำเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มีนาคม 2016, 01:13:00
คติธรรม....ท่านหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
.......
การทำบุญตักบาตรเป็นความดี เป็นบุญแก่จิตใจ เมื่อมีโอกาสทำได้เมื่อไร จึงควรทำเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มีนาคม 2016, 16:52:59
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป
.......
"พูดพอประมาณ ไม่เสียงาน ไม่เสียเพื่อน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มีนาคม 2016, 14:28:44
พระพุทธพจน์
........
"เมื่อใด บุคคลพิจารณาเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง เมื่อนั้นเขาย่อมเบื่อหน่ายในทุกข์ นี้เป็นทางแห่งความหมดจด"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มีนาคม 2016, 14:05:19
"ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีความเพียร ไม่มีวันสำเร็จ"
.......
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มีนาคม 2016, 13:45:30
ไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไรก็ตาม
จะดีหรือร้ายก็ช่าง ง่ายๆ สั้นๆ “วาง”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มีนาคม 2016, 13:57:03
"หมั่นท่องไว้เสมอด้วยสติและปัญญา"
......
ไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไรก็ตาม จะดีหรือร้าย จะทุกข์หรือสุขก็ตาม เราจะยอมรับความเป็นจริงทุกสภาพด้วยอุเบกขา เพราะนั่นเป็นภาวะโลกธรรม ๘ ประการที่มนุษย์ทุกคนต้องพานพบ
.......
-:-โลกธรรม 8 -:- หมายถึง ธรรมดาของโลก เรื่องของโลก ธรรมชาติของโลกที่ครอบงำสัตว์โลกและสัตว์โลกต้องเป็นไปตามธรรมดานี้ 8 ประการอันประกอบด้วย
......
-:-โลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ คือ พอใจของมนุษย์ เป็นที่รักเป็นที่ปรารถนา
......
ลาภ หมายความว่า ได้ผลประโยชน์ ได้มาซึ่งทรัพย์
.....
ยศ หมายความว่า ได้รับฐานันดรสูงขึ้น ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต
......
สรรเสริญ คือ ได้ยิน ได้ฟัง คำสรรเสริญคำชมเชย คำยกยอ เป็นที่น่าพอใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มีนาคม 2016, 16:18:12
ในบางครั้ง มนุษย์เรานั้นก็ต้องหาเวลาหยุดพัก ในสถานที่อันสวยงามเพียงลำพัง เพื่อทบทวนและแก้ไขปัญหาต่างๆในชีวิตด้วยความสงบใช้ปัญญาและมีสติ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มีนาคม 2016, 23:58:56
คนที่สามารถห้ามตัวเอง ได้ทุกครั้งที่จิตใจกำลังใฝ่ต่ำ คือคนที่โชคดีที่สุดในโลก
........
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มีนาคม 2016, 13:56:26
ดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้ที่จะทำ โดย รศ. ยุพิน ดีสมศักดิ์
รู้ดีชั่ว อดไม่ได้ ไปทำชั่ว
เป็นเพราะตัว มีกิเลส(โลภโกรธหลง) เหตุมาเกิด
จะทำดี ได้อย่างไร ให้ประเสริฐ
ธรรมะเลิศ สติสัมปชัญญะ คุณค่าล้ำ

ช่วยป้องกัน เกิดกิเลส เหตุทุกข์จิต
ป้องชีวิต อุบัติเหตุ/อุบัติภัย ไม่ตกต่ำ
จิตแจ่มใส กายใจรอด ปลอดทุกข์นำ
ฝึกฝนทำ ก่อนพูดทำคิด กายจิตดี

มีสติ ระลึกรู้ อยู่ทุกครั้ง
ใดกำลัง พูดทำคิด จิตรู้ดี
สัมปชัญญะ รู้ตัวทำใด/ไตร่ตรองเน้น เห็นบาปบุญ/คุณโทษมี
ยั้งคิดดี พูดทำดี หนีทำชั่ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มีนาคม 2016, 13:52:46
กรรมใครกรรมมัน โดย รศ. ยุพิน ดีสมศักดิ์
ทำกรรมใด ตัวคนนั้น นั่นรับผล
ใช่เรื่องตน เสียเวลา ทุกข์นินทา/ว่าร้ายเขา
คนล้มมา/ถ้าช่วยได้ คำแนะนำ/กำลังใจ ให้แบ่งเบา
วางเฉยเอา ถ้าเกินช่วย ด้วยตนเอง

เรื่องของเรา ควรสนใจ ให้หันมอง
ควรตริตรอง รู้เหตุผล คนดีเก่ง
พบผิดใด รีบแก้ไข ไปตามเพลง
มองตนเอง ก่อนมองใคร ใจมีธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มีนาคม 2016, 15:22:05
เรื่องเลวร้ายในอดีตได้ผ่านไปแล้ว เราแก้ไขอะไรไม่ได้ ดังนั้นเราต้องเริ่มต้นสิ่งดีๆใหม่ในทุกวันดีกว่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 มีนาคม 2016, 13:37:28
"กรรม เหมือนเมล็ดพืชที่ถูกหว่านลงในดิน"เมื่อเราได้คิดได้พูดได้ทำอะไรลงไปแล้ว มันก็เริ่มก่อผลเป็นวิบากขึ้นในจิต ซึ่งเป็นประจุกรรม เหมือนข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 เมษายน 2016, 16:29:57
จงกระทำแต่สิ่งที่ดีๆ แล้วสิ่งที่ดีๆจะย้อนกลับมาหาท่าน นี่คือ"กฎแห่งกรรม"
(Do good things and good things will come back to you.)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 เมษายน 2016, 15:30:36
"อำนาจแห่งบุญ"
ด้วยอานิสงส์แห่งบุญที่ท่านได้กระทำไว้(ทาน ศีล ภาวนา) จะส่งผลบุญให้ท่านประสบแต่ความโชคดี เงินไหลมาเทมา มีโชคลาภเสมอ หมดเคราะห์กรรมครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข คิดสิ่งใดที่ถูกต้องดีงาม จะสมหวังทุกประการ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 เมษายน 2016, 14:53:23
การทำความดีนั้นต้องทำทุกลมหายใจเข้าออกและตลอดเวลา เพราะเราไม่มีวันรู้ว่าเราจะตกไปสู่สถานการณ์อันมืดมิดหรือเลวร้ายวันใด เรื่องบางเรื่องหากไม่มีบุญที่ตนเองทำไว้ช่วยแล้วละก็ ท่านจะเดือดร้อนและประสบความทุกข์ยากดั่งตกนรกอเวจีแบบไม่ทันตั้งตัวทีเดียว อย่าได้ประมาทในชีวิต ให้รีบทำความดีทันที


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 เมษายน 2016, 13:42:06
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
.......
สิ่งใดที่พลาดไปแล้ว พระพุทธเจ้าทรงบอกว่าให้ลืมทุกอย่าง อย่าเฝ้าคิดถึงมัน ให้มุ่งทำแต่ความดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 เมษายน 2016, 14:13:44
"กรรม เวลามันสนองกลับมาอย่าไปทุกข์ เพราะมันเป็นผลจากการกระทำของเราเอง"
.......
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 05 เมษายน 2016, 19:02:49
++คนชักชวนในทางฉิบหาย++
[๑๙๐] ดูกรคฤหบดีบุตร คนชักชวนในทางฉิบหาย ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่
มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตรโดยสถาน ๔ คือ ชักชวนให้ดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๑ ชักชวนให้เที่ยวตามตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน
๑ ชักชวนให้เที่ยวดูการมหรสพ ๑ ชักชวนให้เล่นการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความ
ประมาท ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร คนชักชวนในทางฉิบหาย ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร
เป็นแต่คนเทียมมิตรโดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 เมษายน 2016, 14:52:11
อัปมงคล 25 อย่าง ที่ดึงดวงชะตาให้ตกต่ำเสื่อมความเจริญ..
.......
1. ทำเนรคุณ อกตัญญูพ่อแม่และผู้มีพระคุณ
2. ใช้ชีวิตผิดศีลธรรม เช่นลักทรัพย์ เบียดเบียนผู้อื่น ผิดลูกผิดเมียเขา
3. เป็นคนฉ้อฉลทุจริตคิดไม่ซื่อ
4. มักมีจิตคิดร้ายต่อผู้อื่น
5. มักพูดให้โทษให้ร้ายผู้อื่น
6. ปล่อยให้หิ้งพระสกปรก ตั้งหิ้งพระในที่ไม่ควร
7. ปล่อยให้บ้านเรือนสกปรก
8. นอนใต้บันได นอนหันศรีษะไปทางห้องน้ำ
9. ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต รังแกสัตว์
10. ละเลยเมินเฉยต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก
11. ไม่เลี้ยงดูลูกเมียให้อยู่ดีมีสุข
12. ไม่เคารพผู้ที่ควรเคารพ
13. ห่างวัดปฏิเสธการทำบุญ
14. คบคนพาล คนชั่ว
15. ค้ามนุษย์ ค้าสัตว์ ค้าอาวุธ ค้ายาพิษ ค้าน้ำเมา
16. ดูหมิ่นพระสงฆ์ หมื่นคนทำบุญให้ทาน
17. เสพยา ชักชวนให้ผู้อื่นเสพยาหรือเล่นการพนัน
18. งมงายในเรื่องนอกศาสนา
19. ไร้ความยุติธรรม
20. ส่งเสริมให้ผู้อื่นทำชั่ว
21. พรากลูกพรากเมียเขา
22. ต้มตุ๋นหลอกลวงผู้อื่น
23. ข่มเหงรังแกผู้อื่นด้วยการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ
24. จิตใจโลภและไม่เคยคิดเผื่อแผ่แบ่งปันใคร
25. ไม่ซื่อสัตย์ในการค้าและการทำงานตามหน้าที่ของตน.
...
ที่มา:หนทางแห่งความเสื่อม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 เมษายน 2016, 14:12:56
คติธรรม....ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
.......
บาปแต้ๆ มัวแต่ว่าคนอื่น เลิกว่าคนอื่นเขาเสียที หันกลับมาว่าตัวเองกันได้แล้ว เลิกวิจารณ์การกระทำของคนอื่นเขาเสียที มาวิจารณ์การกระทำของตัวเองได้แล้ว การงานของคนอื่นก็เลิกวิจารณ์ได้แล้ว ตายไปจะเป็นเปรตมัวแต่เที่ยววิจารณ์คนอื่น ลืมวิจารณ์ตัวเองกันอยู่นั้นเด้ บาปแต้ๆมนุษย์เอ่ย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 เมษายน 2016, 13:52:16
"จงเป็นคนที่มีแต่ความเมตตากรุณาอยู่เสมอ และจงเป็นคนเช่นนั้นอยู่เสมอในทุกๆโอกาส"
........
องค์ดาไลลามะ
รูปภาพของ วาทกรรมสร้างสรรค์พลังบวก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 เมษายน 2016, 15:55:21
“ความปิติเบิกบานใจอันใดไหนจะเทียบเท่า การเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำแต่ความดีด้วยการอยู่แต่ในทาน ศีล ภาวนานั้นเป็นไม่มี”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 เมษายน 2016, 16:41:12
"สัตว์เดรัจฉาน ท่านไม่ให้ดูถูกเขา เขาเสวยกรรมอยู่ในวาระของกรรมของเขา เวลาพ้นแล้วเขาอาจจะสูงกว่าเราก็ได้ จึงไม่ควรไปประมาณเขา ไม่ควรไปเบียดเบียน การเบียดเบียนเขา ก็คือการเบียดเบียนตัวเรานั่นเอง"
.........
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 เมษายน 2016, 14:09:13
กำหนดพิธีการสรงน้ำพระเจ้าใหญ่
อัมรินทร์เนรมิต บ.โป่ง อ.ด่านซ้าย จ.เลย
๑๔ เม.ย.๒๕๕๙
๖.๐๐ -๒๒.๐๐ น. สวดลักขี มหาเมตตา ธัมจักร มหาสมัยสูตร
๑๕ เม.ย.๒๕๕๙
๔.๐๐ น. สวดลักขี
๗.๓๐ น.ใส่บาตรพระ ๙ รูป
๘.๐๐ น. เจริญพระพุทธมนต์เนื่องในวันปีใหม่ไทย
๙.๐๐ น. พิธีบวงสรวงถวายสักการะบูชา สรงน้ำพระเจ้าใหญ่ (นำบายศรี ดอกมะลิ ดาวเรือง ดอกไม้ต่างๆ น้ำอบไทย มาด้วยตนเอง)
๑๑.๐๐ น. ถวายองค์ผ้าป่าสร้างพระอุโบสถวัดปทุมทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
หลวงปู่ใหญ่เมตตามาเป็นประธาน
เรียนเชิญลูกหลานพระเจ้าใหญ่ และ ท้าวสักกะเทวราช ร่วมบุญโดยพร้อมเพรียงกัน
ร่วมบุญที่ บ.ช.มูลนิธิเพื่อแผ่นดิน
กรุงไทย ๕๒๑ ๐ ๑๔๑ ๕๓๕


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 เมษายน 2016, 00:13:17
สวัสดีวันปีใหม่ไทย ขอให้เล่นสงกรานต์ให้สนุก ขอให้มีความสุขสมหวัง พบเจอแต่สิ่ง ดีๆๆ สุขภาพแข็งแรงน่ะค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nuonly ที่ 14 เมษายน 2016, 14:28:41
ขอให้เดินทางปลอดภัย ทุกท่านไปครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 เมษายน 2016, 00:38:11
แม่แก่แล้วต้องดูแลเอาใจใส่มากกว่าคนอื่นหลายเท่าเพราะท่านจะอยู่กับเราอึกไ่ม่นาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 เมษายน 2016, 14:40:04
แม่คือพระในบ้านต้องดูแลแม่เหมือนแม่ที่ดูแลเราตอนเด็กดูแลแม่ให้สุขสบายอย่าปล่อยให้แม่ลำบากถึงจะไปทำบุญที่อื่นได้แม่ต้องมาอันดับ1


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 เมษายน 2016, 01:42:11
เวลาเผาตะปูหนึ่งดอกยังเอาไปไม่ได้มีแต่บุญกับกรรมที่จะตามเราไปจ๊ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 เมษายน 2016, 02:10:23
อนิจจา วต สังขารา- สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ....
อุปปาทวยธัมมิโน -มีอันเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา .......
อุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ- บังเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ......
เตสัง วูปสโม สุโข- การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้นเสียได้ เป็นความสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 เมษายน 2016, 01:12:15
"ทำทานเหมือนกับไปด้วยถ่อ รักษาศีลเหมือนไปด้วยรถยนต์ ภาวนาก็ขี่เรือบินไป อาจถึงนิพพานได้ในชาตินี้"
......
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 เมษายน 2016, 04:18:45
“เจ้ากรรมนายเวรโดยตรงต่อเราในชาติปัจจุบันก็คือคนที่เรารักหรือคนที่เรารักมากที่สุดนั่นแหละ”(หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 เมษายน 2016, 00:23:16
คติธรรมคำสอน....ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
.........
"เห็นอัตภาพร่างกายนี้มันไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เมื่อเราตัดร่างกายเสียได้แล้ว ไม่เห็นร่างกายเป็นเรา เป็นของเรา เราก็ตัดทุก สิ่งทุกอย่างในโลกได้หมด"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 เมษายน 2016, 00:53:35
ดับความโกรธด้วย “เมตตา”โกรธเขาเรานั่นแหละทุกข์เหมือนมีไฟนรกสุมในใจ หากอภัยทานหรืออโหสิกรรมต่อกันได้ ย่อมโล่งและสบายใจเป็นที่สุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 เมษายน 2016, 00:44:15
พึงระมัดระวังความประพฤติหรือการกระทำของเราไว้ให้ดี เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเราชั่วชีวิต...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 เมษายน 2016, 02:52:27
ทุกวันนี้ที่อยู่ได้เพราะเชื่อในความดีและคิดจะชนะความชั่วทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 เมษายน 2016, 10:22:19
ถ้าบุคคลใดเจริญพระกรรมฐาน พอจิตเข้า ถึงปีติทรงตัวแน่นอน ท้าวมหาราช จะส่งเทวดามาอารักขาทิศละองค์ก็เป็น ๔ องค์ อย่างนี้ไม่เป็นไร ถ้าผีที่เป็นภัยหรือเทวดาที่เป็นภัยจะเข้ามา เขาจะกำจัดทันที
....
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 26 เมษายน 2016, 11:39:45
เหตุใดบางคนจึงเกิดมาสวยและรวยมาก:

พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับนางมัลลิกา ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ ข้อที่ ๑๙๗
(พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต) เนื้อหาดังนี้:


"ดูก่อนพระนางมัลลิกา มาตุคาม(ผู้หญิง) บางคนในโลกนี้ ไม่เป็นผู้มักโกรธ ไม่มากไปด้วยความคับแค้นใจ ถูกว่าแม้มากก็ไม่ขัดเคือง ไม่ฉุนเฉียว ไม่กระฟัด กระเฟียด ไม่กระด้างกระเดื่อง ไม่แสดงความโกรธความขัดเคืองและความไม่ พอใจให้ปรากฏ เป็นผู้ให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ระเบียบ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีปโคมไฟ แก่สมณะหรือพราหมณ์ และถ้ามาตุคามนั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้ กลับมาเกิด ในชาติใดๆ ย่อมเป็น ผู้มีรูปงาม น่าดู น่าชม ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณ งามยิ่งนัก ทั้งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากและสูงศักดิ์ ฯ"


ที่มา: http://www.yudtini.com/index.php/knowledge/dhamma/125-what-the-karma-to-make-woman-beautiful-and-rich
 


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 เมษายน 2016, 16:31:18
"ในบางครั้ง มนุษย์ไม่ได้ต้องการความร่ำรวยหรือกลายเป็นคนเด่นดังที่มีชื่อเสียงเกียรติยศหรืออุดมไปด้วยลาภยศสรรเสริญเลย แต่ต้องการเพียงมีชีวิตที่สงบสุขและสบายใจเท่านั้นเอง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 เมษายน 2016, 10:41:52
"เกียรติยศย่อมเกิดจากการกระทำที่สุจริต" (ขงเบ้ง)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 เมษายน 2016, 01:51:56
“กรรมที่เกิดขึ้นกับเราทุกอย่าง มันคือสิ่งที่เราเคยทำกับคนอื่นไว้ในอดีตทั้งนั้น” (หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: isanstudio ที่ 30 เมษายน 2016, 14:34:32
“กรรมที่เกิดขึ้นกับเราทุกอย่าง มันคือสิ่งที่เราเคยทำกับคนอื่นไว้ในอดีตทั้งนั้น” (หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ)

 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤษภาคม 2016, 03:35:18
"ความทุกข์ของคนประการหนึ่งคือต้องการให้คนอื่นเป็นอย่างที่ตัวเองคิด ขณะที่ตนก็เป็นอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็นไม่ได้"
........
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤษภาคม 2016, 02:12:00
พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสียโพธิสัตว์
..........
คติธรรม...ท่านหลวงปู่ทวด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤษภาคม 2016, 02:23:42
ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤษภาคม 2016, 02:10:12
คติธรรมคำสอน.......ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
.........
"เราทั้งหลาย ต่างเกิดมาด้วยวาสนา มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้ อย่างเต็มภูมิ ดังที่ทราบอยู่แก่ใจ อย่าลืมตัวลืมวาสนา โดยลืมสร้างคุณงามความดีเสริมต่อ ภพชาติของเรา ที่เคยเป็นมนุษย์ จะเปลี่ยนแปลง และกลับกลายหายไป เป็นชาติที่ต่ำทราม ท่านจึงสอน ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน เมื่อเห็นเขาตกทุกข์ หรือกำลังจน จนน่าทุเรศ เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้น หรือยิ่งกว่านั้นก็ได้ เมื่อถึงวาระเข้าจริง ๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมดี กรรมชั่ว เรามีทางสร้างได้ เช่นเดียวกับผู้อื่น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤษภาคม 2016, 02:05:01
"ธรรมดาแล้วการเบียดเบียนผู้อื่น จะไม่ส่งผลให้เกิดการเบียดเบียนตนเองในที่สุดนั้น เป็นไม่มี ในที่สุดก็เข้าตามกฎที่ว่ากรรมตามสนอง"
.........
หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤษภาคม 2016, 02:07:59
"หากว่าตนเองยังเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขขัดเกลาให้เป็นคนดียังไม่ได้ อย่าได้คิดไปเปลี่ยนแปลงผู้อื่นเลย เพราะยากยิ่งกว่าเปลี่ยนแปลงตนเองมากนัก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤษภาคม 2016, 18:18:35
พระพุทธพจน์
.........
"คนพาลย่อมสำคัญบาปประดุจน้ำหวาน ตลอดกาลที่บาปยังไม่ให้ผล แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤษภาคม 2016, 10:25:23
พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
.........
ตราบใดที่เราท่านทั้งหลายยังไม่ถึงฝั่ง "พระนิพพาน"ก็ต้องเก็บเล็กผสมน้อย โดยทำทุกๆ ทางเพื่อความไม่ประมาท โดยทำทั้งทาน ศีล และภาวนา สุดแต่โอกาสจะอำนวยให้ จะถือว่าการเจริญวิปัสสนาภาวนานั้นลงทุนน้อยที่สุด แต่ได้กำไรมากที่สุด ก็เลยทำแต่วิปัสสนาอย่างเดียว โดยไม่ยอมลงทุนทำบุญให้ทานใดๆ ไว้เลย ก็เลยมีแต่ปัญญาอย่างเดียวไม่มีอันจะกินจะใช้ ก็เห็นจะเจริญวิปัสสนาให้ถึงฝั่งพระนิพพานไปไม่ได้เหมือนกัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤษภาคม 2016, 02:11:34
ความดีคือบุญกุศล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤษภาคม 2016, 02:59:18
"เราทิ้งพลังงานไว้ในโลกนี้ หนีไม่พ้นหรอก ทั้งกรรมดี และไม่ดี ยังไงก็ต้องรับ แล้วจะไปทำไม่ดีทำไม? ทำแต่ความดีซะ ก็หมดเรื่อง"
.........
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤษภาคม 2016, 10:43:52
"ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม เป็นผู้หญิง เป็นผู้ชาย เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ จะยากจนหรือร่ำรวยมีอำนาจชื่อเสียงเกียรติยศสูงศักดิ์สักปานใด ไร้การศึกษาหรือจบปริญญาเอก เป็นชนชาติใด หรือนับถือศาสนาไหนก็ตาม สุดท้ายก็หนีความตายไม่พ้นแม้สักคนเดียว อย่าได้ประมาทในชีวิตหรือกาลเวลาอยู่เลย บุญกุศลได้ทำกันบ้างหรือยัง ถ้ายังต้องรีบทำทันที เพราะความตายอยู่แค่ปลายจมูก มีแต่บุญหรือบาปเท่านั้นที่นำไปได้ ผู้มีปัญญาย่อมมุ่งมั่นที่จะกระทำแต่ความดีเท่านั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤษภาคม 2016, 10:19:02
"จงอย่าได้พยายามเสแสร้งกระทำตนเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของท่าน เพื่อให้ผู้อื่นทุกคนชอบท่านเลย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนทั้งโลกใบนี้จะมารักหรือชอบเราทั้งหมด แต่จงเป็นตัวของตัวเองด้วยการเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี และใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤษภาคม 2016, 02:50:22
คำสอน...ท่านหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
.....
"เหนือฟ้า ยังมีฟ้า แต่ไม่มีสิ่งใดเหนือกฎแห่งกรรม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nong4534 ที่ 13 พฤษภาคม 2016, 11:00:50
 :wanwan003: :wanwan044:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤษภาคม 2016, 16:39:00
ธรรมะอยู่ในผู้สุจริตก็มีความเจริญ เป็นที่พึ่งที่หวังของมวลมหาชนในการเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ด้วยองค์ธรรมอันเป็นตัวแทนพระพุทธองค์ประทานไว้ด้วยมหากรุณาอันยิ่งใหญ่ชั่วฟ้าดินสลาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: toncmi ที่ 15 พฤษภาคม 2016, 22:39:19
 :wanwan013: ชอบคับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤษภาคม 2016, 00:58:33
ทางมาแห่งบุญ 3 ประการ โดย รศ. ยุพิน ดีสมศักดิ์
ทางแห่งบุญ ชำระใจ ใสสะอาด
ธรรมประกาศ ทานศีลภาวนา พาสิ้นทุกข์
ขจัดกิเลส(โลภะ/โทสะ/โมหะ) ลดหมดได้ ใจสบสุข
บุญที่ปลูก ทานการให้/การอภัย ให้ของใช้/ให้ธรรมรู้

ศีลเว้นชั่ว ทำไม่ดี มีหลายข้อ
ภาวนาหนอ ฝึกใจสงบ พบลองดู
ทาน/ศีลทำเพื่อ โลภะ/โทสะขจัด ปัดทั้งคู่
ความไม่รู้ (โมหะ) ภาวนา พารู้แจ้ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤษภาคม 2016, 01:13:27
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
........
"คนที่เชื่อเรื่องกรรม ย่อมได้เปรียบกว่าคนที่ไม่เชื่อ ย่อมสามารถอดทนยอมรับความทุกข์ยากลำบาก ความผิดหวัง ความขมขื่น และเคราะห์ร้ายที่เกิดแก่ตนได้ เพราะถือว่าเป็นกรรมที่ทำมา ไม่ตีโพยตีพายว่า"โลกนี้ไม่ยุติธรรม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 17 พฤษภาคม 2016, 21:05:31
วิธีปฏิบัติเมื่อถูกด่า :wanwan010:

อักโกสกภารทวาชพราหมณ์โกรธพระพุทธเจ้า เนื่องจาก พราหมณ์ในตระกูลของตนไปบวชเป็นพระภิกษุสาวกของพระพุทธเจ้า ต่อมาพราหมณ์จึงได้เข้าไปด่าบริภาษพระผู้มีพระภาคเจ้า

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสตอบอักโกสกภารทวาชพราหมณ์ว่า:

ดูก่อนพราหมณ์ ท่านย่อมสำคัญ ความข้อนั้นเป็นไฉน มิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกของท่าน ย่อม มาบ้างไหม ฯ


อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ตอบว่า พระโคดมผู้เจริญ มิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกของข้าพระองค์ย่อมมาเป็นบางคราว ฯ


พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านย่อมสำคัญความข้อนั้นเป็น ไฉน ท่านจัดของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มต้อนรับมิตรและอำมาตย์ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกเหล่านั้นบ้างหรือไม่ ฯ


อ. พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์จัดของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่ม ต้อนรับมิตรและอำมาตย์ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่านั้นบ้างในบางคราว ฯ


พ. ดูก่อนพราหมณ์ ก็ถ้าว่ามิตรและอำมาตย์ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่า นั้นไม่รับ ของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มนั้นจะเป็นของใคร ฯ


อ. พระโคดมผู้เจริญ ถ้าว่ามิตรและอำมาตย์ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่า นั้นไม่รับ ของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มนั้น ก็เป็นของข้าพระองค์อย่างเดิม ฯ


พ. ดูก่อนพราหมณ์ ข้อนี้ก็อย่างเดียวกัน ท่านด่าเราผู้ไม่ด่าอยู่ ท่านโกรธ เราผู้ไม่โกรธอยู่ ท่านหมายมั่นเราผู้ไม่หมายมั่นอยู่ เราไม่รับเรื่องมีการด่าเป็นต้น ของท่านนั้น

ดูก่อนพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นก็เป็นของท่านผู้เดียว แล้วตรัสต่อไปว่า

ดูก่อน พราหมณ์ ผู้ใดด่าตอบบุคคลผู้ด่าอยู่ โกรธตอบบุคคลผู้โกรธอยู่ หมายมั่นตอบ บุคคลผู้หมายมั่นอยู่ ดูก่อนพราหมณ์ ผู้นี้เรากล่าวว่า ย่อมบริโภคด้วยกัน ย่อม กระทำตอบกัน เรานั้นไม่บริโภคร่วม ไม่กระทำตอบด้วยท่านเป็นอันขาด ดูก่อนพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นเป็นของท่านผู้เดียว ดูก่อนพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นเป็นของท่านผู้เดียว ฯ




ที่มา: http://www.yudtini.com/index.php/knowledge/dhamma/151-how-to-react-when-someone-arguing



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤษภาคม 2016, 02:26:17
“ร่างกายกับคุณความดีแตกต่างกันไกลลิบลับ เพราะร่างกายสลายไปทุกขณะ ส่วนคุณความดีดำรงอยู่ชั่วกัลป์”
........
หลวงปู่ศรี มหาวีโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤษภาคม 2016, 03:19:10
ดีหรือชั่วมันอยู่ที่การควบคุมกำลังใจ ถ้าใจของเราบริสุทธิ์ผุดผ่องเสียอย่างเดียว ใครจะว่าดีหรือชั่ว ไม่มีความสำคัญ เขาจะประณามว่าเลวมันก็เลวไม่ได้ มันก็ต้องดีอยู่ตลอดเวลา ถ้าจิตของเราชั่ว เขาจะสรรเสริญว่าดี มันก็ดีไม่ได้เหมือนกัน
.........
ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤษภาคม 2016, 04:40:49
"จงเป็นคนที่มีแต่ความเมตตากรุณาอยู่เสมอ และจงเป็นคนเช่นนั้นอยู่เสมอในทุกโอกาส"(องค์ดาไลลามะ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤษภาคม 2016, 14:25:33
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
.......
"ข้าพเจ้าขออธิษฐานจิต"
.....
*ในทุกๆครั้งที่ข้าพเจ้าทำความดี ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ ไปให้ทุกรูปทุกนามทั้ง ๒๐ ชั้นพรหมโลก ๖ ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง ๔ มี นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน และในหมื่นโลกธาตุกับอีกแสนจักรวาลพิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณ และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งที่เป็นมิตร และศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกรูปทุกนามจงเป็นสุขเป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนามจงโมทนาในส่วนกุศลนี้พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกัน ข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ.กาลบัดนี้ด้วยเทอญ*


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤษภาคม 2016, 10:54:15
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป
..........
"โลกนี้และชีวิตนี้ ไม่มีอะไร เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้มานานแล้ว เราสุขเราทุกข์อย่างนี้ มาหลายภพหลายชาติแล้ว อย่าโศกเศร้าเสียใจไปนักเลย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤษภาคม 2016, 10:24:53
ถ้าไหว้เขา เราได้ การไหว้ตอบ
เป็นระบอบ แต่โบราณ ท่านขานไข
พระพุทธองค์ ทรงสอน ให้สนใจ
หมั่นทำไป สวัสดี ไม่มีจน

อีกอย่างหนึ่ง ทำให้ ใกล้นิพพาน
เพราะตัดรอน อหังการ ไม่พองขน
เป็นประจำ อยู่เสมอ ไม่เผลอตน
นับเป็นคน โชคดี หรือมีบุญ

คนส่วนมาก มือแข็ง เกร็งเอาไว้
ไม่ยอมไหว้ เบ่งบ้า วางท่าขุน
จนเขาเกลียด กันทั่วไป ไม่เกิดบุญ
เท่ากับดุน จิตกระด้าง ห่างนิพพาน

If we wai (pay respect) someone, he will wai us back.
It is a long-held custom, we have been told.
The Lord Buddha has taught us to value
Doing it, and we will not meet ill fortune.

It will also draw us close to nirvana
For it frees us of our pride and arrogance,
And always keep us mindfully that way.
Then we can be counted as lucky or blessed with merit.

Most people keep their hands stiff.
They never wait anyone while they act like noblemen.
So others dislike them and that’s not beneficial,
For their hearts will be hardened and pushed away from nirvana.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤษภาคม 2016, 11:26:44
"ไม่มีคำว่าสายเกินไปในการที่จะกระทำในสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤษภาคม 2016, 02:15:28
พระศักสิทธิ์ โดย รศ. ยุพิน ดีสมศักดิ์
เฝ้าค้นหา พระศักสิทธิ์ สถิตไหน
ถ้าหายไป ชีพไม่รุ่ง มุ่งค้นหา
หาอะไร นี่พระใหญ่ ได้นานมา
แสนมากค่า บันดาลสุข ได้ทุกวัน

พระนี้ชอบ กอดประคอง ต้องจุมพิต
จึงสนิท คุ้มกันภัย ให้แก่ท่าน
พระป่วยไข้ พบหมอนัด พึงจัดการ
ทุกวันวาร ถวายปัจจัย ให้ทุกครา

พระองค์นี้ ให้ชีวิต พิชิตทุกข์
รักเลี้ยงลูก เฝ้าห่วงใย/กำลังใจ ให้ศึกษา
ให้เงินทอง/ป่วยดูแล รักสุดใจ/ผิดอภัย ใจเมตตา
อ๋อ พ่อแม่ข้า ต้องแทนบุญ คุณพระใหญ่


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤษภาคม 2016, 10:51:14
"เรื่องที่ผ่านไปแล้ว มันก็ผ่านไปแล้วเหมือนวันวาน อย่าเก็บเอามาเป็นหนามทิ่มแทงตนเองอีกเลย"
........
ท่านหลวงพ่อชา สุภัทโท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤษภาคม 2016, 09:57:42
ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ทุกสรรพสิ่งบนโลกมนุษย์ใบนี้นั้นล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเสมอ.....


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤษภาคม 2016, 16:36:05
พุทธวจน
.......
อย่าดูถูกบุญเล็กน้อยว่าจักไม่สนองผล น้ำตกจากเวหาทีละหยาดๆ ยังเต็มตุ่มได้ นักปราชญ์สะสมบุญทีละเล็กละน้อย ย่อมเต็มด้วยบุญได้เช่นกัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤษภาคม 2016, 10:15:05
หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ
.........
คนเราเกิดมา ย่อมมีความตายเป็นธรรมดา เวลาเกิดมา เรามิได้เอาอะไรมา เวลาตาย เราก็มิได้เอาอะไรไปบุญกับบาปเท่านั้น เป็นสมบัติประจำชีพ บุญนำไปสู่สุคติ บาปนำไปสู่ทุคติ คนผู้รักตน จึงพยายามทำความดี อันจักเป็นที่พึ่งของตน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 29 พฤษภาคม 2016, 21:19:20
ลักษณะของคนปอกลอก

ดูก่อนคฤหบดีบุตร คนปอกลอก ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็น แต่คนเทียมมิตร* โดยสถาน ๔ คือ
เป็นคนคิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ๑
เสียให้น้อยคิด เอาให้ได้มาก ๑
ไม่รับทำกิจของเพื่อนในคราวมีภัย ๑
คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ ประโยชน์ของตัว ๑

ดูก่อนคฤหบดีบุตร คนปอกลอก ท่านพึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล ฯ


ที่มา: http://www.yudtini.com/index.php/knowledge/dhamma/160-behavior-of-bad-friend


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Gangzaa! ที่ 29 พฤษภาคม 2016, 22:22:19
ขอบคุณครับ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 พฤษภาคม 2016, 10:32:01
"พุทธศาสนสุภาษิต"
.........
"ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญฉันนั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มิถุนายน 2016, 10:30:47
การบำรุงดูแลเลี้ยงดูบิดามารดาด้วยความเคารพรักอยู่เสมอและตลอดเวลานั้น ย่อมเป็นมงคลแห่งชีวิตที่มนุษย์ทุกคนพึงกระทำ เงินเดือนออกแล้วอย่าลืมทำบุญกับพระอรหันต์ 2 ท่านที่บ้านบ้างนะท่านกัลยาณมิตรทุกๆท่าน สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 01 มิถุนายน 2016, 17:00:22
ขอบคุณครับ ยาวมากๆเรย  :wanwan044:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มิถุนายน 2016, 10:14:26
อย่าคิดแต่ส่งเงิน แต่จะต้องใส่ใจและความรักให้พ่อแม่ด้วยเสมอนะคะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มิถุนายน 2016, 10:05:25
ละครชีวิต โดย รศ. ยุพิน ดีสมศักดิ์
ชีวิตคน เหมือนละคร หลายตอนเล่น
สติเป็น ตัวกำหนด เลือกบทได้
บทดีชั่ว ทุกคน ไม่พ้นตาย
วางเป้าหมาย ชีพอยู่/ดับ รับกรรมตน

เมื่อชีพยัง ต้องยิ้มสู้ อยู่ต่อไป
อดทนไว้ สร้างกรรมดี ย่อมมีผล
ใช้กรรมเก่า เสริมดีใหม่ ให้ทุกข์พ้น
เกิดเป็นคน โชคดีล้ำ ได้ทำบุญ

ชีวิตมี สุขทุกข์ปน เวียนวนเกิด
ยอมรับเถิด เหตุผลกรรม นำเนื่องหนุน
ชีพสั้นยาว ไม่รู้ได้ ทำไว้บุญ (ทานศีลภาวนา)
เรื่องเคืองขุ่น ให้อภัย ใจทำทาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มิถุนายน 2016, 09:59:48
"โดยมากก็มาแสวงหาบุญกัน แต่ว่าไม่เคยเห็นญาติโยมที่แสวงหาการละบาป มีแต่แสวงบุญเรื่อยไป ไม่รู้จะเอาบุญไปไว้ตรงไหนก็ไม่รู้ ผ้าสกปรกไม่ฟอก แต่อยากจะรับน้ำย้อมนะ นี่มันเป็นอย่างนั้น"
.........
หลวงปู่ชา สุภทฺโท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มิถุนายน 2016, 12:58:56
กรรมขาวคือบุญ ที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ให้ผลเป็นสุข
กรรมดำคือบาป ที่ทำแล้วเป็นโทษแก่ตนและคนอื่น ให้ผลเป็นทุกข์
กรรมครึ่งขาวครึ่งดำ คือบุญที่เจือบาป ให้ผลครึ่งสุขครึ่งทุกข์
กรรมไม่ขาวไม่ดำ คือเจริญสติรู้เท่าทันเหตุแห่งทุกข์ ให้ผลเป็นนิพพาน
...........
(ดั ง ต ฤ ณ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มิถุนายน 2016, 08:27:20
“อย่าลืมแผ่เมตตาแก่ผู้ที่คิดร้ายต่อเรา อย่าผูกจิตพยาบาท แล้วเขาจะแพ้ภัยแก่ตัวเอง”
........
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มิถุนายน 2016, 10:45:05
"ชีวิตนี้ต้องทำความดีอย่างเดียวเท่านั้น อย่าทำบุญสลับบาป ชีวิตจะตกยากร่ำไป"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มิถุนายน 2016, 10:39:41
"ถ้าบาปกรรมชั่วเก่าๆยังใช้ไม่หมด อย่าได้ขยันสร้างบาปกรรมชั่วใหม่ขึ้นมาอีกเลย แค่นี้ก็ทุกข์และเดือดร้อนแสนสาหัสแล้ว หันกลับมาสร้างความดีอยู่ในทาน ศีล ภาวนากันไว้ดีกว่า ชีวิตจะได้มีความสุขความเจริญและสงบร่มเย็นตลอดไป"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มิถุนายน 2016, 10:21:29
"จงเป็นคนที่มีแต่ความเมตตากรุณาอยู่เสมอ และจงเป็นคนเช่นนั้นอยู่เสมอในทุกๆโอกาส"(องค์ดาไลลามะ)
.......
"ยังมีผู้คนอีกมากมายนับล้านๆคนบนโลกใบนี้ที่ลำบากและทุกข์ยากยิ่งกว่าเราเสมอ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มิถุนายน 2016, 11:11:27
"ยิ่งท่านมีชื่อเสียงเด่นดัง ท่านจะไร้ซึ่งความสงบสุข การเป็นคนธรรมดาที่เป็นคนดีและพอเพียงบนทางสายกลางนั้นย่อมสบายใจและสุขสงบเป็นที่สุด"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มิถุนายน 2016, 11:11:05
คติธรรม....ท่านพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
......
“สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าโลกหน้ามีหรือไม่มี แต่อยู่ที่ว่าโลกนี้มันมี แล้วคุณใช้ชีวิตในโลกนี้อย่างไร เพราะถ้าคุณใช้ชีวิตในโลกนี้ให้ดีที่สุด โลกหน้าดีเอง ถ้าคุณใช้ชีวิตในโลกนี้ไม่ดี โลกหน้ามันก็ต้องแย่ของมันอยู่แล้ว ชาติที่แล้วส่งผลถึงชาตินี้ ชาตินี้ส่งผลถึงชาติหน้า บริหารจัดการชีวิตนี้ ชาตินี้ให้ได้ ไม่ต้องไปกังวลชาติไหนเลย เพราะฉะนั้นทำดีลูกเดียว แล้วจะกำไรทุกชาติ”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: TBZS ที่ 12 มิถุนายน 2016, 11:16:49
(http://image.free.in.th/v/2013/iz/160518043117.jpg) (http://picture.in.th/id/d478eb39a820d6f36e45094f07835f14)
แจก eBook ธรรมะใหม่ แนะนำ 20 วิธีขจัดความวิตกกังวล อย่างชาญฉลาด ซึ่งจะช่วยให้คุณปลดแอกจากความคิดฟุ้งซ่านวิตกกังวลที่พันธนาการจิตใจคุณด้วยวิธีการหยั่งรู้ใจตัวเอง แก้ปัญหาโรคสมาธิสั้น หนังสือมีความยาวเพียง 50 หน้า แต่อัดแน่นด้วยเคล็ดวิธีที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ดาวน์โหลดได้ฟรีที่ mebmarket.com, ebooks.in.th, hytexts.com และ ookbee.com

ดาวน์โหลด (http://www.ookbee.com/Shop/Book/682fabb6-01d9-4410-ad80-16cedafb64cd/20-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%A5-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8D%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มิถุนายน 2016, 12:31:55
“บุญหรือบาปที่ท่านได้ทำไว้นั้น ไม่ต้องร้องขอ เมื่อถึงเวลาจะส่งผลกลับมาหาท่านในทุกการกระทำ ผู้มีปัญญาย่อมทำแต่บุญหรือความดีเท่านั้น”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มิถุนายน 2016, 10:28:39
"พุทธศาสนสุภาษิต"
.........
"ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบุญแม้ทีละน้อย ๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มิถุนายน 2016, 15:31:48
"การมีมิตรพันคนยังน้อยไป การมีศัตรูแม้เพียงหนึ่งคนก็มากไป การให้อภัยทานย่อมชนะการให้ทั้งปวง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มิถุนายน 2016, 10:34:51
"เรื่องของธรรม ความสุขเกิดขึ้นจากการละ ไม่เกิดขึ้นจากการได้มา ส่วนโลกเกิดขึ้นจากการได้มา ถือว่ามีความสุขความสบาย"
..........
หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มิถุนายน 2016, 10:08:10
จงตอบสนองความรุนแรง
ด้วยความสุภาพอ่อนโยนที่สุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มิถุนายน 2016, 11:05:49
"จงพอใจและยินดีในสิ่งที่พ่อแม่ทำให้ท่าน ตราบใดที่ท่านยังมีพวกเขาอยู่ โปรดเคารพรักและดูแลท่านบ้าง การทำบุญร้อยวัดพันวัด อานิสงส์ผลบุญบุญมิอาจเทียบเท่าการได้เคารพรักเลี้ยงดูเอาใจใส่พระอรหันต์ 2 ท่านคือพ่อแม่ของเราเองได้เลย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มิถุนายน 2016, 10:44:59
"เราเกิดมาอย่างโดดเดี่ยว ดำรงชีวิตอย่างโดดเดี่ยว และตายอย่างโดดเดี่ยว มิตรภาพและความรัก สร้างภาพลวงตาให้เราหลง"
.......
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มิถุนายน 2016, 10:50:26
"ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วยังไม่มีเมตตา ไม่รู้จักให้อภัย หรือไม่รู้จักมองคนอื่นในแง่ดี นั่นแปลว่า คุณยังไม่มีธรรมจริงๆ"
..........
หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มิถุนายน 2016, 10:34:39
"จงใช้ชีวิตที่ดีงามในแต่ละวัน หัดชื่นชมสิ่งที่คิดว่าเพียงเล็กน้อยบ้าง อย่าเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ปล่อยไป อย่าแบกไว้ให้หนักใจเลยนะ"

Be Happy, Life is Yours.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มิถุนายน 2016, 12:40:37
"ชีวิตนี้ช่างเหมือนใบไม้ร่วง เกิดแล้วตาย ง่ายเหมือนใบไม้ที่แตกผลิแล้วก็ร่วง ในที่สุด ที่เราคิด ที่เราห่วง ก็ต้องร่วงลงจากต้น"
.........
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มิถุนายน 2016, 16:25:18
หยุดก่อทุกข์โดยปิดเครื่องรับ-ระงับปรุงแต่ง โดย รศ. ยุพิน ดีสมศักดิ์
ลองปิดหู(หูหนวก) ปิดตา(ตาบอด)บ้าง ในบางที
ปิดสิ่งที่ กระตุ้นเร้า/บ่วงมารเผา ให้เราหมอง
เมื่อรู้เห็น สักแต่ยิน/สักแต่รู้/สักแต่เห็น เย็นจิตครอง
ไม่อาจป้อง เกิดรู้สึก(ชอบไม่ชอบ) แค่รู้ไว้/ไม่นึกต่อ

ตั้งสติ ติดตามดู รู้อารมณ์(ชอบไม่ชอบ)
ชื่นขื่นขม รู้แค่รู้/ความรู้สึก ฝึกจิตหนอ
หยุดปรุงแต่ง(ความรู้สึก) ว่าต้องการ/ไม่ต้องการ(ตัณหา) สานโลภา/โทสาก่อ
กิเลส/ตัณหาจ่อ ถอดบ่วงคอ/ละปรุงได้ ไม่เกิดทุกข์

ชีวิตจริง ไม่อาจคุม สิ่งรุมเร้า
กระทบเรา ทุกเวลา พาทุกข์สุข
สิ่งแวดล้อม คนสัตว์เสริม เติมเร้ารุก
สิ่งที่ถูก สติใช้/ระลึกได้ ปรุงแต่งไม่/ ใจวางเฉย(อุเบกขา)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มิถุนายน 2016, 10:20:47
จริงแท้แน่นอนครับ ใครจะได้ลงไปอยู่ช้าหรือเร็วก็แค่นั้นเอง คนมีอำนาจหรือรวยล้นฟ้าบางคนก็ควรดูเอาไว้นะครับ เพราะไม่ว่าคุณจะใหญ่แค่ไหนแต่สุดท้ายก็เล็กกว่าโลงอยู่ดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มิถุนายน 2016, 15:54:39
"ดวงตกให้ทำบุญ ดวงดีให้ทำดีต่อไป ไม่ว่าชีวิตจะดวงร้ายหรือดวงดี ก็ให้สร้างบุญบารมีและทำดีกันต่อไป"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Gangzaa! ที่ 25 มิถุนายน 2016, 19:04:09
ขอบคุณมากครับ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มิถุนายน 2016, 10:20:17
พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์
........
"ผู้ที่ไม่เถียงกับใครๆ"(ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่วิวาทแก่งแย่งกับใคร ๆ)
.........
ปัญหา.... คนเราที่ไม่รู้ความจริงแท้ ย่อมมีความเห็นแตกต่างกันและทะเลาะวิวาททุ่มเถียงกัน มีคนประเภทใดบ้างที่ไม่ทุ่มเถียงกับใครๆ?
........
พุทธดำรัสตอบ ......“อัคคิเวสสนะ เวทนา ๓ อย่างนี้คือ สุขเวทนา ๑ ทุกขเวทนา ๑ อทุกขมสุขเวทนา ๑ อัคคิเวสสนะ สมัยใดได้เสวยสุขเวทนาในสมัยนั้นไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น ในสมัยใดได้เสวยทุกขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยไม่ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา เท่านั้น ในสมัยใดได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา
.......
“อัคคิเวสสนะ สุขเวทนา...... ทุกขเวทนา....... อทุกขมสุขเวทนา.....ไม่เที่ยงอันปัจจัยปรุงแต่งขึ้นอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไป เสื่อมไป คล้ายไปดับไปเป็นธรรมดา
.........
“อัคคิเวสสนะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายทั้งใน ทั้งสุขเวทนา ทั้งทุกขเวทนา ทั้งอทุกขมสุขเวทนา เมื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น
........
เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ ว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี อัคคิเวสสนะ ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่วิวาทแก่งแย่งกับใคร ๆ โวหารใดที่ชาวโลกพูดกันก็พูดไปตามโวหารนั้น แต่ไม่ยึดมั่นด้วยทิฐิ”
ทีฆมขสูตร ม. ม. (๒๗๓)
ตบ. ๑๓ : ๒๖๗-๒๖๘ ตท.๑๓ : ๒๒๖-๒๒๗
ตอ. MLS. II : ๑๗๙-๑๘๐


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มิถุนายน 2016, 15:14:44
ยินดีได้ใจเป็นสุข โดย รศ. ยุพิน ดีสมศักดิ์
เขาได้ดี เขาเจริญ เพลินยินดี(มุทิตา)
เขามั่งมี ลาภยศ/ตำแหน่งได้ ดีใจด้วย
เขาทำบุญ/ดี คนรักเขา เราเอออวย
ใจงามสวย สุขภาพดี มากมีมิตร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มิถุนายน 2016, 09:57:00
"อย่าทานทิ้งทานขว้างหรือตำหนิติเตียนในรสชาติของอาหารเลย เพราะยังมีผู้คนอีกมากมายนักบนโลกใบนี้ที่อดอยากยากจน ไม่มีข้าวทานแม้เพียงหนึ่งเมล็ดในแต่ละวัน โปรดมีเมตตากรุณาแบ่งปันอาหารหรือปัจจัยสี่กับผู้คนที่ยากไร้บ้างแม้ว่านานๆครั้งก็ยังดี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มิถุนายน 2016, 10:26:02
เหมีอนดังชีวิตของคนเรา ที่มีด้านมีด ก็ต้องมีด้านดี
พอมีใครมาให้ข้อคิดทีดีแนะนำในทางที่ดี เหมีอนตัว
เราพบแสงสว่างใก้เดินทางในชีวิตที่ดี
แต่ในชัวิตของเราอย่าเอาสิ่งที่ไม่มีสาระเข้ามาคิด ทำ
ให้มันติดอยู่ในใจ สิ่งไหนที่เราคิดได้ ก็ควรคิดแล้ว
ปล่อยวางและปลงได้ ในจิตใจของเราก็สงบร่มเย็น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยแว๊น ที่ 29 มิถุนายน 2016, 14:59:58
ไม่ได้มานานแฮะ ลืมวิธีตอบกระทู้ เทสๆๆๆๆ  :-[


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: rapiz ที่ 30 มิถุนายน 2016, 22:40:05
ขอบคุณมากๆเลยนะคับที่แบ่งปัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กรกฎาคม 2016, 17:50:49
มันสมอง สองมือ คือพระเจ้า
อย่ามัวเฝ้า เทพประทาน บันดาลผล
ใช้สติ บวกปัญญา สร้างค่าตน
นี่แหละคน ทรงคุณค่า น่านิยม
มัวแต่รอ มัวแต่ขอ ต่อเทวะ
วันหนึ่งจะ เป็นง่อย พลอยขื่นขม
ปัญญามี ไม่ยอมใช้ ให้เฉียบคม
จึมจ่อมจม แน่นอก ดวงตกเอย

Your brain and both hands are themselves gods..
Do not simply wait for heaven above to assist you.
Use your wisdom mindfully to elevate yourself
And become a person of value.
If you wait and appeal for help from heaven,
You will become immobile and disappointed.
Not putting your wisdom to use
will weigh you down and bring bad luck.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กรกฎาคม 2016, 10:29:11
ด้วยอำนาจแห่งผลบุญกุศล ที่ท่านได้บำเพ็ญมาดีแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน จงเข้ามาส่งเสริมเกื้อหนุน ให้ท่าน อยู่ดีมีสุข ปราศจากทุกข์โศก โรคภัยทั้งหลาย มีความ สบายกาย สบายใจ ปรารถนาสิ่งใด ขอให้ได้สมหวัง ดั่งใจหมาย ทุกประการจวบจนถึงพระนิพพานทุกๆท่านทุกๆคนด้วยเทอญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กรกฎาคม 2016, 16:47:41
"กฎแห่งกรรม"
....
ถ้าท่านมีญาณหยั่งรู้และเชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม และเชื่อว่านรกและสวรรค์นั้นมีจริงแล้วละก็ท่านจะไม่ทำชั่วใดๆเลยจนชั่วชีวิต และมุ่งมั่นที่จะกระทำแต่ความดี อยู่ในทาน ศีล ภาวนา ตลอดไปเท่านั้น
.....
ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าต้อง ประสบกับปัญหาอันใหญ่ยิ่ง มันเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความลังเลจนไม่อาจตัดสินใจลงไปได้ แม้ว่าจะไม่ใช่ปัญหาที่ลึกซึ้งหรือสลับซับซ้อนจนมองไม่เห็น ความจริงเป็นกรณีง่ายๆ ซึ่งเกือบจะไม่ต้องใช้สติปัญญา หรือความรู้ความสามารถอะไรเลย แต่ทว่ามันก่อความกังวลใจอย่างหนักให้ข้าพเจ้าตลอดเวลา
......
ทั้งนี้ก็เพราะมีบุคคลผู้หนึ่งมาติดต่อขอ ร้องให้ข้าพเจ้ากระทำการสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นงานอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของข้าพเจ้าเอง และจะสำเร็จได้โดยไม่ยากเย็น ถ้าหากข้าพเจ้าจะตัดสินใจกระทำลงไป บุคคลผู้นั้นได้พยายามติดต่อขอร้องให้ข้าพเจ้ารับปาก พร้อมด้วยสินบนลาภก้อนใหญ่ แต่ดังที่กล่าวมาแล้ว มันเป็นปัญหาอันยิ่งใหญ่ที่ข้าพเจ้ายังตกลงใจไม่ได้ จึงผัดผ่อนขอเวลาตรึกตรองให้รอบคอบเสียก่อน จึงจะให้คำตอบ
.....
จริงอยู่ถ้าข้าพเจ้ารับปากจัดการลงไป แล้วการนั้นเป็นความผิดที่กฎหมายไม่อาจทำอะไรข้าพเจ้าได้ถนัดนัก แต่ทว่าข้าพเจ้าจะต้องทำลายศีลธรรม และมนุษยธรรมของตนเองลงอย่างสิ้นเชิง โดยเหตุผลข้อหนึ่ง และอาจเป็นเหตุผลข้อนี้ก็ได้ที่ทำให้เกิดปัญหาในการตัดสินใจของข้าพเจ้า นั่นคือตั้งแต่เยาว์ข้าพเจ้าได้รับการอบรมจากคุณพ่อ สั่งสอนให้ทำแต่กรรมดีให้เป็นผู้อยู่ในศีลสัตย์ ท่านกล่าวเสมอว่า ถ้าเราทำแต่ความดี จะทำให้เรามีความสุขใจไปตลอดชาติ

ถ้าเช่นนั้น เหตุใดข้าพเจ้าจึงไม่ปฏิเสธการขอร้องนั้นเสีย ข้อนี้ขอสารภาพอย่างเปิดเผยว่า ข้าพเจ้ายังเป็นปุถุชน ไม่อาจล่วงพ้นไปจากความโลภ โกรธ หลง ได้ และโดยเฉพาะเรื่องนี้ ถ้าหากเพียงรับปากตกลงเท่านั้น มันหมายถึงลาภก้อนใหญ่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนฐานะของข้าพเจ้าได้อย่างหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว ทั้งข้าพเจ้าเองก็มีฐานะปานกลาง ต้องทำงานเลี้ยงครอบครัวพอทำพอกิน ไม่อยู่ในฐานะมั่งคั่งร่ำรวย แต่ความพอของมนุษย์ในปัจจุบันนี้เป็นสิ่งหาได้ยาก จิตใจของข้าพเจ้ากำลังตกอยู่ในความโลภ มีความอยากได้แรงกล้า อยากได้จำนวนเงินก้อนใหญ่ซึ่งเชื่อว่าจะไม่สามารถหาได้ในชั่วชีวิตนี้
......
แต่อีกส่วนหนึ่งของความรู้สึก ซึ่งแฝงอยู่ในกมลสันดานนั้น เป็นความรู้สึกที่เกิดความละอาย และหวาดกลัวต่อการที่จะกระทำการดังกล่าวซึ่งเป็นสิ่งเลวและร้าย จะเป็นต้นเหตุย้อมจิตใจไปในทางชั่ว เพราะคนเราได้ทำชั่วเพียงครั้งแรกครั้งเดียว ต่อไปก็เห็นความชั่วเป็นของธรรมดา
........
ฉะนั้นในเมื่อจิตใจของข้าพเจ้าเพียงคนเดียว ได้บังเกิดความรู้สึกนึกคิดแตกแยกออกไปเป็นหลายทาง ในขณะเดียวกันมีทั้งความปรารถนาอยากได้อาลัยอาวรณ์ แต่ก็ไม่กล้าจะตัดสินใจลงไป เพราะเกิดความละอายใจและประหวั่นพรั่นพรึงต่อความผิดความชั่ว ความรู้สึกต่างๆ เหล่านี้ จึงรวมตัวกลายเป็นความทุกข์กังวลใจอย่างหนักของข้าพเจ้า ทำให้จิตใจฟุ้งซ่านไม่อาจสงบลงได้
......
เป็นความจริงอีกประการหนึ่ง ที่คนเราเมื่อเกิดความทุกข์หรือกลัดกลุ้ม ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรถูก ก็มักจะนึกถึงพระเป็นที่พึ่ง อย่างน้อยก็ไปสนทนากับท่านพอให้จิตใจสงบได้บ้าง ความกลัดกลุ้มก็คงผ่อนคลายลง ข้าพเจ้าก็เช่นเดียวกัน ฉะนั้นในตอนเช้าวันต่อมา ซึ่งเป็นวันหยุดงาน เมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็ตรงไปที่วัดซึ่งอยู่ไม่ห่างไปจากบ้านนัก เพื่อไปกุฏิท่านมหาฯ พระภิกษุรูปนี้เป็นที่คุ้นเคยกับข้าพเจ้ามานาน เคยไปมาหาสู่ท่านอยู่เสมอ
.....
ก่อนจะถึงกุฏิท่านมหาฯ ข้าพเจ้าต้องเดินผ่านลานใหญ่ภายในวัด ทำให้หวนนึกถึงหลายปีก่อนโน้น เมื่องานศพบิดาของข้าพเจ้า ได้จัดงานที่วัดนี้ และลานนี้เต็มไปด้วยท่านที่เคารพและเพื่อนฝูงของคุณพ่อ ข้าพเจ้ายังได้ยินแขกที่มาในงานบ่นถึงคุณพ่อว่า น่าเสียดายที่ต้องเสียคนที่ซื่อสัตย์และอารีอารอบไป ท่านเป็นคนซื่อต่อการงานและอารีอารอบต่อเพื่อนบ้าน ข้าพเจ้ายังจำได้ว่า เมื่อชาวบ้านแถบนั้นได้ทราบว่าท่านได้ถึงแก่กรรมลง บางคนถึงกับร้องไห้โฮ ราวกับญาติสนิทได้ตายจากไป ฉะนั้นบางคนถึงจะไม่ปล่อยโฮ ก็อดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้ เมื่อข้าพเจ้านึกถึงความหลังเช่นนี้แล้ว จิตใจที่กำลังพะวักพะวนเกิดทุกข์เพราะความโลภอยากได้ ค่อยเบาบางลงบ้าง
......
เมื่อหวนระลึกถึงความดีของคุณพ่อเป็นที่เคารพของผู้อื่น พอถึงกุฏิท่านมหาฯ แล้ว ได้ทราบจากลูกศิษย์ว่าท่านไปลงโบสถ์ทำวัตร จึงถือโอกาสนั่งคอยตั้งใจจะคุยกับท่านมหาฯ ให้สบายใจแล้วจะกลับบ้าน แต่นั่งคอยก็แล้วนอนคอยก็แล้ว ท่านก็ยังไม่กลับขึ้นจากโบสถ์ ในขณะที่ข้าพเจ้าจะเคลิ้มครึ่งหลับครึ่งตื่น ก็ได้ยินเสียงกุกกักทางเบื้องศีรษะในความรู้สึกขณะนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าท่านมหาฯ กลับมาแล้ว จึงเงยหน้าขึ้น ข้าพเจ้าต้องสะดุ้งทั้งตัว เพราะผู้ที่ยืนอยู่เบื้องศีรษะของข้าพเจ้านั้นไม่ใช่อื่นไกล คุณพ่อของข้าพเจ้านั่นเอง
.....
"คุณพ่อ" ข้าพเจ้าร้องออกมาอย่างไม่รู้สึกตัว
.....
ท่านยิ้มอย่างเอ็นดู พลางกวักมือเรียก ข้าพเจ้าไม่ได้พูดอะไร ลุกขึ้นเดินตามคุณพ่อออกไปอย่างเลื่อนลอย ออกจากกุฏิท่านมหาฯ ผ่านลานวัดอันกว้างใหญ่ ผ่านเข้าไปใกล้โบสถ์ได้ยินพระท่านสวดมนต์ แต่ตัวข้าพเจ้ามีความรู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกดบังคับให้ติดตามไปอย่างใกล้ ชิด ผ่านทุ่งผ่านป่าอย่างเลือนลาง ผ่านหมอกขาวๆ ที่คล้ายควัน ยิ่งไปไกลก็ยิ่งพบหมอกขาวมากขึ้นเหมือนลอยอยู่บนกลุ่มเมฆขาว อากาศเยือกเย็น มีแสงสว่างสลัวๆ
......
ข้าพเจ้าได้ยินเสียงคุณพ่อพูดว่า "ลูกรัก เจ้าลืมคำสั่งสอนของพ่อแล้วหรือ"
......
ในความรู้สึกขณะนั้น ข้าพเจ้าตอบคุณพ่ออยู่ในลำคอว่า "ผมไม่เคยลืมเลยครับคุณพ่อ"
....
"แต่ทำไมเจ้าจึงไม่ถือให้มั่นคง" เสียงท่านพูดต่อไป
......
"ผมก็ยังไม่เคยทำความเสียหายเลยครับ คุณพ่อ"
.....
คุณพ่อถอนหายใจ "แต่เจ้ากำลังจะตัดสินใจเดินทางผิดด้วยเห็นแก่ลาภอามิส เจ้ากำลังจะทำผิดศีลธรรม ทำให้คนอื่นเดือดร้อน" ท่านพูดสีหน้าเศร้าๆ
......
ข้าพเจ้าจึงตอบว่า "ผมยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรลงไปเลยครับคุณพ่อ"
......
ท่านยิ้มอย่างฝืนๆ แล้วพูดว่า "พ่อรู้ดี แต่มันยังไม่สายนักหรอก อยากให้เจ้าหูตาสว่าง ให้เจ้าเห็นเหตุการณ์เพื่อขัดเกลาจิตใจของเจ้า พ่อจึงเรียกเจ้ามา อยากจะบอกกับเจ้าว่า เวลาเป็นคนอยู่ในโลกมนุษย์นี้มันสั้นมาก เมื่อพ้นจากโลกมนุษย์แล้ว มันเป็นเวลาที่ยืดยาวอย่างเทียบกันไม่ได้เลย พ่อจะยกตัวอย่างให้ฟัง"
......
"เมื่ออยู่ในเมืองมนุษย์นั้น เหมือนกับว่าเจ้าเพียงแต่แสดงละครเพียงฉากเดียว และการแสดงละครนี้เจ้าแสดงในเวลาอันสั้นมาก การแสดงละครชีวิตเพียงระยะสั้นๆ นี้ ถ้าเราแสดงดี ความดีก็จะติดตัวไปตลอด ถ้าแสดงชั่ว เราก็จะได้รับกรรมชั่วตลอด จนกว่าจะสิ้นกรรม พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อเป็นมนุษย์อยู่นั้นทุกคนมีสิทธิที่จะสร้างความดีและความชั่วได้เหมือน กันหมด การสร้างความดีหรือความชั่วนี้มีเพียงในโลกมนุษย์เท่านั้น ในโลกอื่นไม่มี มีแต่กรรมดีและกรรมชั่วที่สร้างไว้ในโลกมนุษย์เท่านั้นที่ตามสนอง"
.....
ข้าพเจ้านิ่งฟังท่านอย่างเข้าใจตลอด ทั้งที่รู้สึกว่าตัวเรายังเบา และลอยไปที่ใดไม่ทราบ ที่สุดคุณพ่อยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วพยักหน้ามายังข้าพเจ้าบอกว่า "มาเถิด พ่อจะให้เจ้าได้ยินได้ฟัง สำหรับผู้ที่รับเวรสถานเบา"
......
ทันใดนั้นคุณพ่อก็หันมากดบ่าข้าพเจ้าไว้ ตัวข้าพเจ้ารู้สึกว่าตกลงจากที่สูงลอยละลิ่วลงมา ได้ผ่านเมฆขาวมากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็ค่อยหมดแสงสว่างไปทุกที จนกระทั่งมืดมิดลง ข้าพเจ้าสุดจะทน สงสัยจึงได้ร้องถามคุณพ่อ "คุณพ่อครับ คุณพ่อจะพาผมไปที่ไหน"

"พ่อก็บอกเจ้าไม่ได้เหมือนกันว่า พ่อจะพาเจ้าไปที่ไหน พ่อจะเปรียบให้ฟังว่าพ่อกำลังพาเจ้าไปสู่ใจกลางของโลกเปรียบก็เหมือนว่าเรา ยืนอยู่บนพื้นโลกแล้วขุดลงไป ขุดลงไปสู่ศูนย์กลางของโลกนั่นแหละ"
......
ความจริงข้าพเจ้าไม่มีความสบายเลย ที่ต้องต่อสู้กับความมืด รู้สึกไม่มีความสุข แต่ก็ยังอุ่นใจที่ผู้พาข้าพเจ้าไปไม่ใช่คนอื่น ท่านเป็นบิดาบังเกิดเกล้าที่เคยให้ความเมตตากรุณาแก่ลูกๆ เคยช่วยเหลือเพื่อนบ้าน เป็นร่มโพธิ์ซึ่งให้ความร่มเย็นแก่ลูกๆ และเวลานี้ดูท่านไม่ผิดแปลกไปกว่าเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ฉะนั้น ข้าพเจ้าไม่สู้หวาดกลัวนัก ยิ่งดิ่งลึกลงไปยิ่งมืดลงทุกที จนกระทั่งเหมือนกับว่าเอาผ้าดำมาผูกตาไว้สักร้อยชั้น ต่อมารู้สึกค่อยๆ ช้าลงจนหยุดเสียงคุณพ่อพูดว่า
.....
"นี่แหละลูก ที่สำหรับลงโทษสถานเบา เจ้าจงฟังดูนะ"
......
ข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังถูกขังเดี่ยว กำลังคลุ้มคลั่ง บางทีก็ร้องโวยวาย บางครั้งก็ร้องโหยหวนเยือกเย็นมันเป็นกระแสเสียงของผู้ที่กำลังตกอยู่ในความ ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ข้าพเจ้าเริ่มหวาดกลัวต่อเสียงอันมีกังวานเยือกเย็นเข้าจับหัวใจ ขนลุกชันไปทั้งตัว ขณะนั้นเกือบไม่มีความรู้สึกเป็นอย่างอื่น มีแต่ความหวาดกลัวเข้าสิงใจประการเดียว ข้าพเจ้าเกาะคุณพ่อไว้แน่น ท่านก็เอามือตบบ่า เพื่อปลอบโยนข้าพเจ้าแล้วก็มีเสียงดังขึ้นมาอีก
.......
"โอย ! นี่ไม่รู้กี่เดือนกี่ปีแล้ว แสงสว่างเท่ารูเข็มก็ไม่เคยเห็น โอย ! นี่จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างนี้สักอีกเท่าใด ไม่ไหวแล้วขอให้ข้าไปเถิด ข้าเข็ดแล้ว เข็ดแล้ว เข็ดแล้ว โอย ! ขอแสงสว่างข้าหน่อย แสงสว่าง แสงสว่าง ฯลฯ"
......
ข้าพเจ้าทนฟังอีกไม่ไหว หัวใจเกือบจะหยุดเพราะความกลัวจึงบอกคุณพ่อว่า "คุณพ่อครับ ขอให้ผมกลับเถิด ผมจะไม่ยอมทำกรรมใดๆ ให้เดือดร้อนเบียดเบียนคนอื่นเป็นอันขาด ลูกของพ่อยังไม่เคยทำกรรมชั่วใดๆ มาก่อน ก็ขอปฏิญาณว่าจะไม่ก่อกรรมชั่วเป็นอันขาด"
......
"สาธุ ! พ่อยินดีมาก เป็นกุศลของพ่อและของลูกเอง มาเรากลับกันเถิด"
.......
ทันใดนั้นร่างเราก็พุ่งขึ้นทันที พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ความมืดค่อยๆ จางลงมีแสงสว่างมากขึ้นจนเห็นหมอกจางๆ แล้วสว่างขึ้น บัดเดี๋ยวเราก็รู้สึกว่า เราได้ขึ้นมาบนโลกแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีมากที่ได้ขึ้นมาบนพื้นโลกอีกครั้งหนึ่ง เหมือนขึ้นจากนรกมาสู่สวรรค์
......
"เอาละลูกของพ่อ ต่อไปจงสร้างแต่ความดีเถิด พ่อลาแล้ว" สังเกตเห็นท่านน้ำตาไหลซึม
......
ข้าพเจ้ามีความอาลัยคุณพ่อมาก หันมาจะเข้าไปกอดเท้า แต่ฉับพลันนั้นภาพของท่านก็เลือนลางจากไปทันที ข้าพเจ้าแสนอาลัยท่าน ทันใดนั้นข้าพเจ้ามองเห็นลานวัดอันกว้างใหญ่ เห็นท่านมหาฯ กำลังเดินขึ้นกุฏิ และยังเห็นพระอีกหลายองค์กำลังออกจากโบสถ์และแยกย้ายกันขึ้นกุฏิ พอรู้สึกตัวลืมตาขึ้นก็รู้ว่าหลับอยู่บนกุฏิท่านมหาฯ นั่นเอง ท่านกำลังเปลื้องจีวร ท่านถามข้าพเจ้าว่ามานานแล้วหรือ ข้าพเจ้าลุกขึ้นนมัสการท่านแล้วเรียนว่ามานานแล้ว หลับไปตื่นหนึ่ง ท่านบอกวันนี้มีปาฏิโมกข์จึงลงโบสถ์ช้าหน่อย ข้าพเจ้ายังตื่นเต้นต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาใหม่ๆ ข้าพเจ้าสนทนากับท่านเพียงเล็กน้อย แล้วก็นมัสการลาท่านกลับ
......
อย่างไรก็ตาม ตอนกลับบ้านนี้จิตใจของข้าพเจ้าแจ่มใสสิ้นทุกข์สิ้นกังวล และพบกับความสว่างเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งหนึ่งจะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นว่าวิญญาณอันบริสุทธิ์ของคุณพ่อ ได้มีส่วนดลบันดาลให้ข้าพเจ้าไปประสบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว และใคร่จะเรียนให้ท่านทราบว่า ข้าพเจ้าได้ปฏิเสธการขอร้องของบุคคลนั้นไปอย่างเด็ดขาดเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กรกฎาคม 2016, 16:30:09
ใครจะมาว่าเราก็เป็นเรื่องปากเขาว่า จิตเรามีหน้าที่ภาวนา ไม่ต้องไปมัวว่าให้คนโน้นคนนี้ ติคนโน้น ชมคนนี้ ได้ประโยชน์อะไรภาวนาในใจดีกว่า
..........
(หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กรกฎาคม 2016, 10:45:48
มนุษย์ทั้งหลายมี ๗ จำพวก มนุษย์มี ๗ อย่าง
.........
๑.มนุสสติรัจฉาโน ทำไมจึงว่ามนุสสติรัจฉาโน
ดูซิ ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน
คือมันขี้เกียจขี้คร้าน รับอาหารแล้วก็นอน
ไม่รู้จักการกราบ ไม่รู้จักการไหว้ ไม่รู้จักการรักษาศีลภาวนา
ทำบุญให้ทานอะไร เหมือนกับสัตว์เดรัจฉานน่ะ
มนุษย์เช่นนั้นแหละตายไปก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ดูเอาซิ พิจารณาเอาซี ร่างกายเป็นมนุษย์แต่หัวใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน
..........
๒.มนุสสเปโต ร่างกายเป็นมนุษย์แต่หัวใจเป็นเปรต
มันมีแต่โมโหโทโส อยากฆ่า อยากฟัน
ความทะเยอทะยานดิ้นรน มีพยาบาทอาฆาตจองเวร
ดูซิ ใจมันมีอาฆาต นี่แหละมนุสสเปโต
ร่างกายเป็นมนุษย์ เมื่อดับขันธ์ไปแล้วก็ไปเป็นเปรต
..............
๓.มนุสสนิรเย มนุษย์หัวใจเป็นนรก
หัวใจเป็นนรก คือมันมืด มันกลุ้มอกกลุ้มใจ ให้ทุกข์ให้ร้อน
ดูเอาซิ นั่นแหละนรก ดับขันธ์ไปแล้วก็ไปนรกซี่
ได้รับความทุกข์ยากความลำบากรำคาญ นี่มนุษย์เช่นนี้
ทีนี้ถ้าไม่ไปเป็นอย่างนั้น เกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ที่ต่ำช้า
หัวใจต่ำช้า อย่างอธิบายมาแล้ว ต่ำช้ายังไงล่ะ
เป็นใบ้บ้าเสียจริต หูหนวกตาบอด ปากกืด กระจอกงอกง่อย
ขี้ทูดกุฏฐัง ตกระกำลำบาก แน่ะ มนุษย์หัวใจเป็นยังงั้น
ถ้าเกิดเป็นมนุษย์อีกก็เป็นมนุษย์ที่ต่ำช้า
ดูซิ ใจเราทุกคน ไม่ว่าพระว่าเณร ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย
เอ้าดู อธิบายให้ฟัง ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเราไม่ต้องการก็เลิกก็ละเสีย
ให้รู้จักดีรู้จักชั่ว รู้จักผิดรู้จักถูก รู้จักฟัง อธิบายให้ฟัง
........
๔.มนุสสเทโว ร่างกายเป็นมนุษย์หัวใจเป็นเทวธิดา เทวบุตร
หัวใจมีทาน มีศีล มีภาวนา รู้จักเคารพนอบน้อม รู้จักกราบรู้จักไหว้
ใจมีหิริโอตตัปปะ ละอายบาป กลัวบาป ใจเบิกบาน ใจสว่างไสว ใจดีดับขันธ์ก็ไปเป็นเทวบุตรเทวธิดา เรื่องเป็นอย่างนั้น ดูเอาซิ
.......
๕.มนุสสพรหมา ท้าวมหาพรหม นางมหาพรหม หัวใจเช่นใด
มีพรหมวิหาร มีพรหมวิหารธรรมเป็นเครื่องอยู่
หัวใจว่างไม่มีอะไร เหมือนกะอากาศนี้แหละ ว่างเปล่าหมด
เหลือแต่อรูปจิต ดับขันธ์ไปเป็นพรหม ท้าวมหาพรหม นางมหาพรหม
อยากรู้ก็ดูเอาซิ ที่อยู่ของเราเป็นอย่างนี้ มนุษย์ทั้งหลาย
........
๖.มนุสสอรหัตโต ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นพระอรหันต์
คือละกิเลส ละตัณหา กิเลสคือใจเศร้าหมอง
ตัณหาคือใจทะเยอทะยานดิ้นรนกระวนกระวาย
ท่านละกิเลสตัณหา ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ อวิชชา
ตัณหาอุปาทาน ภพชาติ ละขาดในสันดาน ไม่มีสิ่งเหล่านี้ในจิตใจ
เมื่อดับขันธ์ไปก็เข้าสู่นิพพาน ดับทุกข์ในวัฏสงสาร
ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก ก็เป็นแต่มนุษย์ ได้แต่มนุษย์ซิ
.......
เราจึงมาฝึกหัดอบรมบ่มนิสัยของเรา เพ่งเล็งดูซิ
เราอย่าดูอื่น เรานั่งอยู่ก็นั่งดูใจของเรา ไม่ได้ดูดินฟ้าอากาศนะ
ใจของเรามันเป็นอย่างไร เหมือนที่อธิบายให้ฟังไหมล่ะ
มันไม่ดีตรงไหนก็แก้ไขซิ ทีนี้
........
๗.มนุสสพุทโธ ร่างกายเป็นมนุษย์ หัวใจเป็นพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรานี้
ว่าเรื่องภพเรื่องชาติของท่าน บิดามารดาของท่านก็มี
บุตรภรรยาท่านก็มี ท่านเป็นมนุษย์ครือเรานี่แหละ
แต่ท่านประพฤติปฏิบัติ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
เป็นสยัมภู ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง
ไม่มีบุคคลผู้ใดหรือใครแนะนำพร่ำสอน รู้ด้วยตนเองเป็นสยัมภู
รู้แจ้งแทงตลอดหมดซึ่งสารพัดเญยยะธรรมทั้งหลาย ไม่มีที่ปกปิด
สัตว์ทั้งหลาย ตนของท่าน บุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ญาณความรู้ความเห็นในบุพพชาติเบื้องหลัง
เป็นอะไรๆ มา ท่านรู้หมด เรื่องมันเป็นอย่างนั้น
จุตูปาตญาณ จุติจากนี้ไปอยู่ในภพชาติใด ภพน้อยภพใหญ่ ท่านรู้หมด คือเหมือนอธิบายให้ฟังนี้ อาสวักขยญาณ สิ้นจากภพจากชาติท่านก็รู้หมด
........
คัดจาก ๑๐๘ ปีหลวงปู่ฝั้น อาจาโร


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กรกฎาคม 2016, 16:51:05
"พุทธศาสนสุภาษิต"
.........
ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุขและทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กรกฎาคม 2016, 10:11:49
ไม่ว่าชีวิตจะทุกข์ จะสุข จะดี จะร้าย ก็ช่าง ง่ายๆสั้นๆ “ปล่อยวาง”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กรกฎาคม 2016, 14:05:42
ท่านเชื่อไหมว่า"หากท่านนั้นตั้งใจที่จะเป็นคนดี" อยู่แต่ในทาน ศีล ภาวนาด้วยจิตอันพิสุทธิ์ และมีขันติบารมีไม่ย่อท้อในการทำความดี แม้ท่านจะมีกิเลสมารมาขัดขวางเพื่อไม่ให้ท่านได้สร้างความดี แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อและไม่ยอมให้กิเลสมารนั้นมามีอำนาจเหนือท่านได้เลย และในยามใดก็ตามที่ท่านประสบปัญหาในชีวิตจนแทบจะจมน้ำตาย ท่านเชื่อไหมว่า"มือแห่งบุญ"ที่ท่านได้ทำไว้นั้น จะเอื้อมมือมาดึงท่านให้พ้นจากภาวะวิกฤตนั้นได้อย่างแน่นอน การทำความดีนั้นเป็นปัตจัตตัง (ต้องทำเอง แล้วจะทราบได้ด้วยตนเอง)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กรกฎาคม 2016, 10:20:12
"ไม่ต้องไปห้ามใคร ให้ห้ามใจตนเอง"
......
สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตา ตรัสสอน โดยให้หลักไว้ดังนี้

๑. ให้เก็บแต่สิ่งที่ดี สำหรับสิ่งเลวๆ จงตัดทิ้งไป วางอารมณ์ให้ลงตัวธรรมดา
......
๒. กระทบกับสิ่งใด แล้วรู้ว่าไม่เที่ยง - เป็นทุกข์ ก็จงอย่ายึดสิ่งนั้นมาเป็นอารมณ์
......
๓. ไม่เพียงแต่วัตถุเท่านั้น แม้คนหรือสัตว์มาแสดงความโกรธ - โลภ - หลง แสดงอารมณ์ให้เห็นว่ามีความพอใจหรือไม่พอใจออกมาทางกาย - วาจา - ใจ ก็จงเห็นเป็นธรรมดาของคนและสัตว์นั้นๆ ซึ่งเขาก็แสดงออกมาถึงความไม่เที่ยงแห่งจิต ที่ยังตัดสังโยชน์ ๑๐ ประการไม่ได้หมดสิ้น
......
๔. จงอย่ายึดการแสดงออกแห่งอารมณ์นั้นๆ ของเขามาเป็นสาระ เพราะอารมณ์เขานั้นยังไม่เที่ยง เราไปเกาะติดอยู่กับการแสดงออกของเขา จึงได้ชื่อว่าเกาะทุกข์
......
๕. จงเห็นเป็นธรรมดา เจ้าเองยังไม่สามารถจักบังคับจิตของตนเองได้ ห้ามไม่ให้มีอารมณ์พอใจหรือไม่พอใจยังไม่ได้ หรือไฉนจึงจักไปห้ามคนอื่นหรือสัตว์อื่นไม่ให้มีอารมณ์ได้เล่า
.......
๖. เพราะฉะนั้น จึงพึงลงความเห็นเป็นตัวธรรมดาให้มากๆ ใครจักนินทาหรือสรรเสริญ ก็เป็นเรื่องธรรมดา เราไปห้ามปากเขาใจเขาได้อย่างไรกัน เมื่อห้ามไม่ได้ เพราะเป็นกฎธรรมดา เจ้าก็จงอย่าฝืนกฎธรรมดา ไม่ต้องไปห้ามใคร ให้ห้ามใจของเราเองดีกว่า นั่นแหละเป็นของจริงของแท้
.......
๗. อย่าไปห้ามคนอื่นให้ฝืนกฎธรรมดาของชาวโลก พวกเจ้าปรารถนาอยากจักเข้าพระนิพพาน จักต้องห้ามกาย-วาจา-ใจของตนเอง ไม่ให้ชั่วไปในสังโยชน์ ๑๐ ประการ ค่อย ๆ ทำไป ถ้าตั้งใจทำจริงๆ ไม่มีอะไรที่จักยาก ขอให้ทำให้จริงก็แล้วกัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กรกฎาคม 2016, 10:15:59
"เราทุกคน คือ คนชาติเดียวกัน
ไม่ใช่ชาติไทย ไม่ใช่ชาติจีน
ไม่ใช่ชาติอังกฤษ หรือชาติอเมริกา
หากแต่เป็น “มนุษยชาติ” เหมือนกัน"
ว.วชิรเมธี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กรกฎาคม 2016, 10:19:03
“ถ้าหากว่าท่านมีบ้านหลังใหญ่โตหรูหรา มีรถยนต์ราคาแพง มีอำนาจบารมีชื่อเสียงโด่งดัง และมีเงินทองมากมาย แต่ว่าไม่มีคุณงามความดี ชีวิตก็ย่อมไร้ค่าสูญเปล่า”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กรกฎาคม 2016, 16:38:07
ท่านเชื่อไหมว่า"ท่านทำกับพ่อแม่ของท่านเช่นไร ลูกของท่านก็จะทำกับท่านดุจเดียวกัน" อยากให้บุตรหลานเป็นคนดี พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องเป็นต้นแบบแห่งความดีงามให้พวกเขาดูก่อน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กรกฎาคม 2016, 10:29:34
กรรมเกิดจากการกระทำดีหรือชั่วผลของมันจะปราฏดตัวเราจะรุ้ปิดคนอื่นได้แต่ตัวย่อมรุ้ดีมันคือนรกในใจทำดีผลของมันก็สุขใจเห็นทันตา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กรกฎาคม 2016, 10:13:30
หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
...........
“จงอย่านึกถึงความชั่วที่ผ่านมาแล้ว อะไรก็ตามที่มันเป็นบาป อย่านึกถึงมัน คิดอย่างเดียวคือด้านของความดี”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กรกฎาคม 2016, 10:29:20
สุดมือสอย ก็ปล่อยทุกอย่างไป....(ถ้าเราได้ทำดีที่สุดแล้ว)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กรกฎาคม 2016, 10:28:03
“คนที่ปฎิบัติมาจริงๆจะต้องมีพรหมวิหาร ยิ่งต้องมีความเมตตา จะต้องสงบสบายขึ้นเรื่อยๆ ถ้าทำแล้วไม่ดีขึ้นต้องพิจารณาตัวเอง”
......
พระครูวินัยธรวรงคต วิริยธโร(หลวงตาม้า)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กรกฎาคม 2016, 12:13:13
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
.........
ดีหรือชั่ว อยู่ที่ใจของเรา ดีหรือชั่วมันอยู่ที่การควบคุมกำลังใจ ถ้าใจของ เราบริสุทธิ์ผุดผ่องเสียอย่างเดียว ใครจะว่าดีหรือชั่วไม่มีความสำคัญ เขาจะเป็นประณามเราว่าเลว มันก็เลวไม่ได้ มันก็ต้องดีอยู่ตลอดเวลา ถ้าจิตของเราชั่วเขาจะสรรเสริญว่าดี มันก็ดีไม่ได้เหมือนกัน นี่เป็นอันว่าพระพุทธเจ้าให้ ทรงรักษากำลังใจเป็นสำคัญว่า ควบคุมกำลังใจให้ดีไว้แล้วมันดีเอง
ไม่ต้องไปฟังคำชาวบ้านเขา การที่เราต้องดีเพราะรอให้ชาวบ้านสรรเสริญ นั่นมันเป็นอารมณ์ของความชั่ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กรกฎาคม 2016, 10:24:34
“คนชอบนินทาคือ คนที่ชอบกินของเน่า ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขาแสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบา เหมือนกัน” (ท่านพุทธทาส)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กรกฎาคม 2016, 10:27:05
"การหัวเราะแบบอารมณ์ดีและการนอนหลับพักผ่อนเป็นสองสิ่งที่เป็นยารักษาใจที่ดีที่สุดของมนุษย์ทางหนึ่ง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กรกฎาคม 2016, 10:26:47
"เราสร้างความดีอยู่เรื่อยๆ ความชั่วก็เกิดกับเราไม่ได้"
( หลวงพ่อชา สุภัทโท)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กรกฎาคม 2016, 10:40:53
"ทำบุญมากมายทำไมยังป่วย ยังเป็นทุกข์"
........
(ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)
บางรายบอกว่าบุญก็ทำ ผ้าป่าก็ทอด กฐินก็ทอด บาตรก็ใส่ ทำไมยังป่วยไข้
ไม่สบาย มีความเจ็บไข้เรื่อย มีเรื่องนั้น เรื่องนี้เข้ามาเป็นทุกข์ทำให้เกิดความ
เดือดร้อน ถึงกับเบื่อหน่ายในการทำบุญ ทำกุศล โทษพระพุทธศาสนาว่าไม่ช่วย อันนี้ฉันได้ฟังบ่อยๆ
.......
"คนประเภทนี้ไม่ไหวหรอก ชาตินี้เป็นทุกข์ แล้วชาติหน้าก็ยังเป็นทุกข์ ทุกคนควรจะรู้ตัวว่า การเกิดมานี้เราไม่ได้เกิดมาดีกันนี่ ถ้าเราเป็นคนดีเราจะมาเกิดทำไม เราก็ไปนิพพานแล้ว ไอ้ที่เรายังเกิดอยู่ เพราะเรายังมีเลวอยู่มาก
ควรจะรีบชำระสะสางความเลวให้สิ้นไป ควรจะเป็นคนรู้ตัวดีกว่า อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ไอ้คนรู้ตัวกับคนเห็นแก่ตัวมันต่างกัน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กรกฎาคม 2016, 13:55:01
1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ตัวเราเอง
2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอวดดี
3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกลวง
4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอิจฉาริษยา
5. ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การยอมแพ้ตัวเอง
6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกตัวเอง
7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความถดถอยของตัวเอง
8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอุตสาหะ วิริยะ
9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความสิ้นหวัง
10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ สุขภาพที่สมบูรณ์
11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ หนี้บุญคุณ
12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้อภัยและความเมตตากรุณา
13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล
14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้ทาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กรกฎาคม 2016, 13:11:40
"ธรรมดาของชีวิต มีแล้วก็กลับไม่มีได้ โลกสลับกันไปมา เหมือนมืดแล้วสว่าง อย่าเสียใจหรือดีใจกับสิ่งใดให้มากนัก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กรกฎาคม 2016, 10:34:05
เราทุกคนเป็นเทพเจ้า
หากตั้งใจฝึกตน
ให้เป็นคนที่มีคุณภาพ

We all can be divine beings
if we resolve to train ourselves and become quality persons.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กรกฎาคม 2016, 10:28:54
"การให้อภัยทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง การให้อภัยนั้นไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาได้ทำสิ่งที่ถูกต้องดีงามหรอกนะ แต่เป็นเพราะตัวเรานั้นมีจิตใจที่ดีงามและสูงส่งด้วยความเมตตากรุณาต่างหากเล่า และเมื่อให้อภัยต่อผู้อื่นแล้ว ตัวเรานั่นแหละสบายใจเป็นที่สุด"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กรกฎาคม 2016, 10:32:13
44 วิธี ที่ทำให้ตนเองมีความสุขสงบและอ่อนเยาว์อยู่เสมอ(ไม่แก่)
1. ไม่อ้วนไม่ผอม
2. ไม่เที่ยว ดื่มน้ำสะอาด ทาครีม กางร่ม ฯลฯ
3. อย่าดัดผม อย่ายีผม อย่าฉีดสเปรย์
4. อย่าแต่งหน้าสีสันจัดจ้าน อย่าเขียนขอบตาสีดำ อย่าใส่ขนตาปลอม
.....
5. อย่าจีบปากจีบคอ รอบๆ ริมฝีปากจะได้ไม่ย่น
6. อย่าหมกมุ่นเรื่องอดีต
7. อย่าใส่ชุดเชยๆ กล้าลองใส่เสื้อผ้าแบบใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย
8. ไม่กลัวเทคโนโลยี่
9. ทำฟันให้สวยเสมอ สุขภาพฟันต้องดี
10. มือเท้า เล็บมือเล็บเท้าต้องสวยสะอาด ผิวเนื้อดีพอๆ กับใบหน้า
11. อย่าสวมสร้อยทอง
12. นั่งเดินตัวตรง มั่นใจในตัวเอง
13. ออกกำลังกายเบาๆ ทุกวัน
14. อย่าลืมหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนหายใจออกยาวๆ ทำหัวใจให้เต้นช้าๆ
......
15. อมยิ้มไว้เสมอแม้ไม่มีใครมอง ร่องที่มุมปากจะได้ไม่คว่ำลงทั้งสองข้าง ถ้าเป็นแล้วแก้ยากมาก
.....
16. มีความรัก
17. มีความหวัง มีความฝัน และมีจินตนาการ
18. อ่านข่าว ติดตามข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัย
19. อย่าเรียกคนอื่นว่ามนุษย์ลุง เฒ่าหัวงู หรือมนุษย์ป้า
20. อย่าพูดจาซ้ำซาก
21. รู้จักนิ่งและฟังคนอื่นบ้าง
.......
22. เวลาไม่มีอะไรทำ อย่าฟุ้งซ่าน ให้นอนพัก เพราะตื่นมาจะสดชื่น หน้าสวยผิวสวย อารมณ์ดี
.....
23. อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน อย่านินทาว่าร้าย
24. อยู่กับปัจจุบัน คิดถึงอนาคต ลืมอดีต
25. หลงรักภรรยาหรือสามีตัวเองบ่อยๆ ตามจีบกันทุกวัน รักเดียวใจเดียว
......
26. ใช้เงินเพื่อตัวเอง
27. ดูแลตัวเองดีดี อย่าดูถูกตัวเองว่าแก่แล้วไม่สำคัญ
28. ออกงานกลางคืน แต่งตัวสวยมากๆ อาทิตย์ละอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เลือกดูหนังฟังเพลงรอบค่ำเพื่อบรรยากาศและแต่งตัวงามๆ ดินเน่อร์และดื่มเบาๆ ก่อนหรือหลังภาพยนตร์หรือคอนเสิร์ทเลิก
......
29. มีอารมณ์ขัน
30. พูดทะลึ่งบ้างแต่อย่าหยาบคาย
31. หัวเราะมากๆ หัวเราะเสียงดังๆ
32. หัดปฏิเสธไม่ทำ ไม่ไป ไม่เอา สิ่งที่ไม่ชอบ ไม่อยากได้ ที่ที่ไม่อยากไป โดยไม่ต้องมีเหตุผล ไม่ต้องเกรงใจใคร
......
33. อยู่กับใครแล้วเครียด เรื่องมาก หัวใจเต้นแรง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะไม่สบายใจ ขอให้ออกห่างและเลิกอยู่ใกล้ๆ คนคนนั้นอีก
......
34. อย่าเข้าสังคมที่ตัวเองอึดอัด แม้ว่าสังคมนั้นจะดีหรือมีชื่อเสียงว่าดีเพียงใด
......
35. เลือกมีเพื่อนสนิทน้อยๆ ดีกว่า แต่เป็นเพื่อนที่จริงใจ
36. เลิกคิดที่จะให้คนอื่นเข้าใจเรา ใครไม่เข้าใจปล่อยไป เพราะเราไม่ว่าง ไม่มีเวลา และเราไม่อยากแก่
.......
37. หาความรู้และฝึกทักษะใหม่ๆ ไม่ต้องเก่ง เอาที่ทำแล้วสบายใจ
38. อยากเป็นหมอดูให้ไปเรียนดูหมอ อยากเต้นรำ ให้ไปเรียนเต้นรำ อยากยิงปืนให้ไปหัดยิงปืน อยากเขียนหนังสือเขียน
.....
39. ละทิ้งลาภยศสรรเสริญ
40. ทำตัวเหมือนพระธาตุแช่แห้ง คือแวดล้อมด้วยน้ำ แต่ไม่เปียก แวดล้อมด้วยกิเลสและความชั่วร้ายแต่ไม่ทำบาปและไม่ชั่วร้ายตามเขา
.....
41.ยิ้มให้กับตนเองและคนรอบข้างและโลกใบนี้อยู่เสมอ
42.ทำบุญ สวดมนต์ไหว้พระ เจริญภาวนา ลดละ ปล่อยวางจากกิเลสตัณหา ฟังธรรมตามกาล
....
43.อย่าแบกทุกข์ไว้บนบ่า ปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ปล่อยไปเถอะ ยอมรับปัญหาและเปลี่ยนทัศนคติใหม่ด้วยการ"ปล่อยวาง"เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไปเองแหละ
.......
44.หัดอยู่เงียบๆคนเดียวบ้าง อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับคนอื่นให้ปวดหัวเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 กรกฎาคม 2016, 09:30:47
"ชีวิตของเรามีคุณค่ามากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่เพื่อใคร อยู่เพื่อตัวเอง ก็อยู่แค่สิ้นใจ อยู่เพื่อคนทั่วไป อยู่กันชั่วฟ้าดิน"
.....
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 สิงหาคม 2016, 10:21:07
“เราต้องปรารถนาดีกับทุกคน ในยุคปัจจุบันวางอุเบกขาได้ยิ่งดี อย่าไปทำไม่ดีกับใคร ในการเวียนว่ายตายเกิด จะได้ไม่ลำบากในอนาคต”
.........
พระครูวินัยธรวรงคต วิริยธโร(หลวงตาม้า)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 สิงหาคม 2016, 16:40:52
 ตัวของเราเองอย่าคิดและกังวลใจ ไปให้มากนักเลยเราควร
นิ่งไว้อย่าให้อะไรมากระทบใจให้มากนัก สิ่งต่างๆที่เราเคย
ได้รับเข้ามาในชีวิตของเรา ตัวเราอย่ากระวนกระวายใจไป
ให้ทำจิตใจให้ผ่องใส แล้วเรี่องร้ายๆมันจะผ่านพ้นไปเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Gangzaa! ที่ 02 สิงหาคม 2016, 22:33:38
ขอบคุณครับ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: bestsuccessful ที่ 02 สิงหาคม 2016, 23:35:50
ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆค่ะ  :wanwan008:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 สิงหาคม 2016, 09:18:58
"พุทธศาสนสุภาษิต"
.........
ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุขและทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 สิงหาคม 2016, 09:52:26
พระพุทธพจน์
.........
"ความไม่ทำบาปทั้งปวง ๑ ความบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม ๑ ความชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว ๑ นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 05 สิงหาคม 2016, 00:21:42
เหตุที่ไม่ควรรีบร้อนในการพูด

พุทธพจน์:
"ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า พึงเป็นผู้ไม่รีบด่วนพูด อย่างพูดรีบด่วนนั้น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในประการแรกนั้น เมื่อรีบด่วนพูด กายก็ลำบาก จิตก็แกว่ง เสียงก็พร่า คอก็เครือ แม้คำพูดของผู้ที่รีบด่วนพูด ก็ไม่สละสลวย ไม่พึงรู้ชัดได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายในประการหลังนั้น เมื่อไม่รีบด่วนพูด กายก็ไม่ลำบาก จิตก็ไม่แกว่ง เสียงก็ไม่พร่า คอก็ไม่เครือ แม้คำพูดของผู้ที่ไม่รับด่วนพูด ก็สละสลวย พึงรู้ชัดได้..."


ที่มา: http://www.yudtini.com/index.php/knowledge/dhamma/206-do-not-hurry-to-speak


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 สิงหาคม 2016, 09:59:41
คนส่วนใหญ่ทำบุญเอาหน้า แสดงค่าส่าตัวเองรวย หันกลับไปดูพ่อแม่ที่บ้าน คนละโลกเลย เอาเงินที่โชว์ชาวบ้านมาดูแลพ่อแม่ดีกว่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 สิงหาคม 2016, 16:15:47
"ทำไมต้องทำบุญ?"(สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี)
........
เพราะบุญ เป็นพลังงานที่มีพลังดึงดูดความเจริญมาสู่ชีวิต เป็นต้นเหตุแห่งความสุข ความสำเร็จในชีวิต
.....
ถ้าบุญน้อย อุปสรรคในชีวิตก็มาก
ถ้าบุญมาก อุปสรรคในชีวิตก็น้อย
.....
ถ้าบุญอ่อนกำลังลง หรือ บุญหมด บาปที่เคยทำไว้ ก็จะได้โอกาส ส่งผล ทำให้ชีวิต มีอุปสรรค ต่างๆนานา เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีความสุข หมดอำนาจวาสนา เสียชื่อเสียงเกียรติยศ แม้คนที่รักกันก็หมดรัก แม้ทรัพย์ที่มีอยู่น้อยนิด ก็ยังรักษาไว้ไม่ได้..
.....
ฉะนั้น การจะมีทรัพย์สมบัติทุกอย่าง และความสมบูรณ์พร้อมในชีวิต ก็ต้องมีบุญที่มากเพียงพอ
......
ซึ่งไม่ว่า จะอยู่ในสถานภาพใด ล้วนต้องอาศัยบุญทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยากอยู่แบบพอมีพอกิน หรือคิดจะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี หรือ พระเจ้าจักรพรรดิ
.......
แม้กระทั่ง ปรารถนาที่จะหมดกิเลส บรรลุมรรคผล นิพพาน เป็นพระอรหันต์ เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องมีบุญถึง บารมีถึง ถึงจะดำรงอยู่ในสภาวะนั้นได้อย่างมั่นคง และมีความสุข
.....
ด้วยเหตุนี้ เราจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะสั่งสมบุญ
......
เพราะบุญ คือ เบื้องหลังความสุข ความสำเร็จ ในชีวิตทุกระดับ อย่างแท้จริง สาธุ สาธุ สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 สิงหาคม 2016, 10:29:46
คติธรรมคำสอน......ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
.....
กรรม จำแนกสัตว์ให้ทราม และประณีตต่างกัน ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล คือ ลืมตนจนกลายเป็นผู้มืดบอดอย่างช่วยไม่ได้ แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อ-แม่มาเป็นอย่างดีเหมือนโลกทั้งหลายก็ตาม เขาก็มองไม่เห็นคุณของพ่อ-แม่ว่าได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่างไรบ้าง แต่เขาจะมองเห็นเฉพาะร่างกายเขา ที่เป็นคนหนึ่งกำลังรกโลกอยู่โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 สิงหาคม 2016, 12:57:31
รักษาใจ ตนเอง ให้ดีก่อน
แล้วค่อยย้อน ดูแลใจ ให้ใครอื่น
ใจเรานั้น รักษาไว้ ให้ยั่งยืน
แล้วจึงยื่น ดูแลใจ ให้ใครเอย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 สิงหาคม 2016, 09:55:23
พระพุทธพจน์
.......
"ตนแล เป็นที่พึ่งของตน บุคคลอื่นไรเล่าพึงเป็นที่พึ่งได้ เพราะว่าบุคคลมีตนฝึกฝนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งอันได้โดยยาก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 สิงหาคม 2016, 10:10:59
" บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน (สมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี)
.......
วันนี้อาตมาจะเทศน์ เรื่อง “บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน”
.....
คำว่าบุญ แปลแบบไทยๆ ว่าความดี ความสะอาดแห่งจิต เวลาให้ของแก่พระสงฆ์เรียกว่าทำบุญ ส่วนการทำบุญในพุทธศาสนาเรียกว่าทำบุญ ส่วนการทำบุญในพุทธศาสนามีอยู่ด้วยกันมากมายหลายวิธี แต่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในธรรมะเรียกว่า บุญกริยาวัตถุ 3 ซึ่งประกอบด้วย ทาน ศีล ภาวนา เคยมีคนถามอาตมาว่าเกิดมาเป็นคนยากจนไร้ทรัพย์จะทำบุญอย่างไร
.......
อาตมา ก็ตอบเขาไปว่าการทำบุญ ไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินเงินทอง ก็สามารถที่จะร่วมทำบุญได้ แถมยังประหยัดอีกด้วยนั่นคือ การรักษาศีลและการเจริญภาวนา ซึ่ง 2 อย่างนี้จะได้อานิสงส์ผลบุญมากกว่าการให้ทานเสียอีก เพียงแต่ญาติโยมมองข้ามกันไป โยมมักจะคิดทำบุญแต่การให้เท่านั้นเพราะว่ามันง่ายดี แต่การรักษาศีลและภาวนา ต้องเสียสละเวลาในการปฏิบัติ จึงรู้สึกว่าทำยากกว่า การทำบุญทุกอย่าง โยมต้องเข้าใจด้วยว่า เพียงแต่เราตั้งใจหรือมีเจตนาที่จะทำบุญเท่านั้น โยมก็ได้กุศลแล้ว แต่บุญที่ได้รับยังเป็นส่วนน้อย ถ้าอยากได้บุญเต็มที่ต้องทำบุญให้ครบ 3 อย่าง
.......
ทาน คือ การให้ ถ้ามีเงินทองมากก็ทำมาก มีเงินน้อยก็ทำน้อยตามกำลังตนถ้าไม่มีเงินทองใช้แรงกายก็ให้เป็นทานได้
..........
ศีล พวกท่านทั้งหลายสังเกตหรือไม่ว่า เวลาที่ญาติโยมจะมาทำบุญ ทำไมพระท่านถึงให้พวกญาติโยมรับศีลก่อน เพราะท่านต้องการที่จะทำให้ผู้ให้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ เมื่อทำบุญขณะนั้นก็จะได้รับผลเต็มกำลัง จริงอยู่ที่บางคนไม่อาจถือศีลได้ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะหน้าที่การงาน ทำให้ต้องผิดศีล แต่เราก็สามารถที่จะถือศีลได้ในขณะที่เรานอนในเวลากลางคืน และถือได้ครบทั้ง 5 ข้อด้วย เพียงแต่เราอาราธนารับศีลทั้ง 5 ด้วยตนเองที่หน้าพระพุทธรูปที่บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นการทำบุญที่ง่ายมากได้รับผลเต็มกำลัง ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ จิตใจเต็มไปด้วยความเมตตากรุณา แต่ถ้าเกิดเราต้องตายในขณะนั้นก็ส่งผลให้เราไปสู่สุคติทันที
..........
ภาวนา หรือ การสวดมนต์ คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันว่า การภาวนาสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และเสียเวลามาก แต่ความจริงแล้วการสวดมนต์ภาวนา มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะการสวดมนต์ภาวนา เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ การสวดมนต์ภาวนาด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ และใช้สติพิจารณาเกิดเป็นปัญญา เป็นความรู้ความเข้าใจ ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์ภาวนา ทำให้บรรลุไปสู่พระนิพพาน
.........
“ หัวใจของการทำบุญทุกครั้ง ” ขอให้ญาติโยมจงแผ่เมตตา และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลทุกครั้งตามนี้
.........
“ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ไปให้ทุกรูปทุกนามทั้ง 20 ชั้น พรหมโลก 6 ชั้นเทวะโลก มนุษย์โลก มารโลก ยมโลก อบายภูมิทั้ง 4 มี นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน และในหมื่นโลกธาตุกับอีกแสนจักรวาลพิภพ ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาณ อรูปวิญญาณและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่เป็นมิตรและศัตรู ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนาม จงโมทนาในส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดนี้ด้วยเทอญ” บุญที่ทำไปจะส่งผลให้ได้รับบุญในชาติปัจจุบันทันที ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้ากันหรอกนะจ๊ะ ...ขอเจริญพร
..........
จากหนังสืออมตะธรรม สมเด็จโต พรหมรังสี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 สิงหาคม 2016, 10:24:44
"ผู้ที่ตกในสภาวะอับจน ก็ไม่ควรหมดอาลัยตายอยากควรทําจิตใจให้สงบระงับตั้งมั่นอยู่ ก็จะค่อยๆหาทางออกให้แก่ตนได้ เพราะปัญหาทุกอย่างที่ไม่มีทางออกทางแก้ย่อมไม่มีในโลก ดูเอาเถอะว่า แม้แต่ปัญหาเรื่องความทุกข์ อันเกิดจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย พระพุทธองค์ก็ยังหาคําตอบไว้ให้ได้ สําหรับปัญหาอื่นๆ อันเล็กน้อยจะไม่มีคําตอบได้อย่างไร"
(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 สิงหาคม 2016, 10:14:16
ลดละบาป บำเพ็ญบุญ ดำรงตนอยู่ในทาน ศีล ภาวนา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 สิงหาคม 2016, 10:25:54
แม่คือพระของลูก.เราควรพิจารณา.สิ่งที่ให้เราได้เห็นก็คือแม่คนเดียว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 สิงหาคม 2016, 17:29:54
เมื่อเราทำบุญ แต่ยังไม่ละบาป ก็เหมือนกับเราเอากะละมังไปคว่ำไว้กลางแจ้งฝนตกลงมาถูก้นกะละมังเหมือนกัน แต่มันถูกข้างนอก ไม่ถูกข้างใน น้ำก็ไม่มีโอกาสที่จะเต็มกะละมังได้
........
(หลวงพ่อชา สุภทฺโท)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 สิงหาคม 2016, 11:01:24
"สนิมเกิดจากเหล็กย่อมกัดเหล็กฉันใด ความชั่วเมื่อเกิดแล้วย่อมทำลายตัวเอง"(หลวงปู่ขาว อนาลโย)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 สิงหาคม 2016, 14:48:28
"สร้างความดีต้องมีอุปสรรค สร้างความดีมากเท่าไร อุปสรรคขัดขวางมากเท่านั้น เพราะคนเราเกิดมาเพื่อสร้างความดีใช้หนี้กรรมเก่า"
.......
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 สิงหาคม 2016, 10:23:27
"ใครเคารพบูชาพระในบ้าน เคารพพ่อ เคารพแม่ ซึ่งเป็นพระอรหันต์อยู่ในบ้าน ใครทำได้อย่างนี้ รับรองรวยมหาศาล"
.......
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 สิงหาคม 2016, 16:48:41
"จิตวิญญาณของผู้มีบุญ"
"คุณสมบัติขั้นมาตฐานของนักบวช นักบุญ ผู้มีศีล มีธรรม และนักสร้างปัญญาบารมี"
.......
๑.ไม่บ่น..
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นปัญญา ทำให้ยอมรับต่อความเป็นจริงของชีวิต ทำให้รู้เห็นและเข้าใจ ถึงระดับวาสนาของตนและบุคคลอื่น
.......
ความเป็นไปของชีวิตนั้น ขึ้นตรงต่ออำนาจบุญกรรมที่ทำไว้ บ่นไปก็แค่นั้นเอง ที่ได้มา ที่มีอยู่ ที่เสียใจ ที่ไม่ได้ดั่งใจ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันคือ “ผลแห่งกรรม” อันเป็นสมบัติของเรานั้นเอง
.......
๒.ไม่กลัว..
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความเข้มแข็ง กล้าหาญ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ทำให้ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค และปัญหาที่จะเกิดขึ้น
.....
เพราะมีความมั่นใจในความเป็นผู้บริสุทธิ์ ความเป็นผู้มีบุญของตน เมื่อจะคิด จะทำ อะไรลงไป ล้วนมีกำลังบุญมารองรับทั้งหมดทั้งสิ้น
......
๓.ไม่ทำชั่ว..
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพ ให้เป็นตัวควบคุม บริหารจัดการ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ทำให้เกิดความกลัว ความละอายต่อบาป ต่อกรรม ความผิดน้อยใหญ่ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เห็นถึงความเสียหายหลายภพหลายชาติ เห็นถึงผลกระทบต่อครอบครัว ต่อโลกต่อสังคมอย่างมากมายมหาศาล
......
๔.ไม่คิดมาก..
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพ ให้เป็นความสะอาด ความสว่าง ความสงบ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ทำให้เกิดพลังแห่งความสงบแห่งจิตแห่งใจ ไม่ฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่คิดเป็นทุกข์ ความคิดทุกความคิดล้วนนำมาซึ่งความเบิกบานกายใจ ไม่คิดเบิกความทุกข์มาใช้ก่อน
.......
๕.รอได้ คอยได้..
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้น ก็จะแปรสภาพให้เป็นความใจเย็น มีความยืดหยุ่น ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ไม่ใจร้อน ใจเร็ว เห็นถึงจังหวะและโอกาสของชีวิต
......
๖.อดได้ ทนได้..
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้น ก็จะแปรสภาพให้เป็นพลังงานเข้มแข็ง ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ทำให้มีความอดทนที่เป็นหนึ่งเป็นเลิศ มีความคิดที่ไม่หวั่นไหว เห็นความสำเร็จทุกชนิดมาจากความอดทน อดทนอย่างมีความสุข
......
๗.สงบได้ เย็นได้..
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้น ก็จะเป็นสภาพให้เป็นคนที่สงบได้ เย็นได้ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ไม่เป็นคนที่ร้อนรน กระวนกระวาย สับส่าย วุ่นวายในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ในสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น แม้จะตกอยู่ในเหตุการณ์ที่เลวร้าย ก็ทำใจได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
......
๘.ปล่อยได้ วางได้..
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้น ก็จะแปรสภาพให้เป็นคนที่รู้จักการละ การวาง ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ไม่เป็นคนที่แบกทุกอย่างที่ขวางหน้า ยึดทุกอย่างที่เกิดขึ้น
.....
๙.รู้ได้ ตื่นได้ และเบิกบานได้..
เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้น ก็จะแปรสภาพให้เป็นความรู้ ตื่น เบิกบาน ตามกำลังของบุญฤทธิ์ เป็นผู้รู้ต่อความเป็นจริงของชีวิต ไม่ปล่อยชีวิตให้ตกไปในกระแสของความโลภ ความโกรธ ความหลง จิตใจมีความอิสระเต็มที่ทุกวันทุกเวลาทุกนาที
.....
ที่มา:"กัลยาณธรรม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: danupol ที่ 20 สิงหาคม 2016, 23:04:17
รูป อะไร…ก็ไม่จับใจเท่ารูปผู้หญิง
เสียง อะไร…จะมาจับใจเท่าเสียงผู้หญิงเป็นไม่มี
กลิ่น อะไร…จะเหมือนกลิ่นผู้หญิง ติดกลิ่นอื่นก็ไม่เท่าติดกลิ่นผู้หญิง
รส อะไร สารพัดรสก็ไม่เทียบเท่ารสผู้หญิง
หลงติดเข้าไปแล้วถอนได้ยาก

พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 สิงหาคม 2016, 10:15:19
อย่ายึดติด อย่าพยาบาท
เสพสิ่งดีๆคิดสิ่งดีพร้อมลมหายใจ
วันสุดท้ายมาเมื่อไหร่จะได้ไม่ทุกข์
หนีไม่พ้นนน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 สิงหาคม 2016, 10:12:00
เริ่มต้นชีวิตใหม่ทุกวันด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี และตั้งใจที่จะเป็นคนดี อดีตที่เลวร้ายผ่านไปแล้ว อย่าได้นึกถึง เราแก้ไขไม่ได้ อนาคตยังมาไม่ถึง อย่าวิตกกังวลไปล่วงหน้าให้เป็นทุกข์� แต่จงอยู่กับปัจจุบันที่ดีงามด้วยทาน ศีล ภาวนาดีกว่า จิตที่คิดดีย่อมนำแต่ความสุขและความสบายใจมาให้แต่เพียงถ่ายเดียวเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 สิงหาคม 2016, 16:40:27
"บุญนั้นคือความสบายใจ คิดถึงทีไร สบายใจทุกที ทำบุญทุกวัน ย่อมได้บุญทุกวัน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 สิงหาคม 2016, 10:05:56
พระพุทธดำรัส
..........
“คนทำกรรมและจะหนีไปอยู่แห่งหน ตำบลใด จะเป็นในอากาศ มหาสมุทร หรือซอกขุนเขาก็ตาม การที่จะพ้นจากผลกรรมนั้นไม่มีเลย ในโลกนี้ไม่มีที่ใดที่คนอยู่แล้วจะพ้นจากกรรมได้”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 สิงหาคม 2016, 09:53:37
หมั่นบอกตนเองทุกวันว่า“ไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไรก็ตาม เราจะมุ่งมั่นที่จะกระทำแต่ความดีอย่างเดียวเท่านั้นตลอดไป”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 สิงหาคม 2016, 10:18:53
วัตถุภายนอก มิใช่เป็นเป็นสิ่งที่เราจะนำติดตัวไปด้วยได้ ถ้าเราไม่ทิ้งมันไป มันก็ทิ้งเราไปวันหนึ่ง ฉะนั้นจึงควรรีบสะสม แต่บุญภายในให้มาก เพราะเราจะได้นำติดตัวไปด้วย
......
(ท่านพ่อลี ธัมมธโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 สิงหาคม 2016, 12:43:48
หากว่าเราได้กระทำทุกอย่างแบบดีที่สุดในทุกๆหน้าที่ที่เราพึงจะกระทำได้อย่างเต็มที่แล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นเช่นไรก็ตาม เราจงยอมรับด้วยการปล่อยวางหรือถืออุเบกขา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 สิงหาคม 2016, 16:33:00
หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน
......
"ชีวิตของคนเรา จะแตกดับลงเมื่อไรก็ได้ กลับไม่แสวงหาบุญกุศลเป็นเสบียง ย่อมเสี่ยงต่อการเป็นผู้อนาถามาก"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 สิงหาคม 2016, 13:30:31
“ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้นั้นล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ได้มาก็อย่าดีใจ เสียไปก็อย่าทุกข์ใจ ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งชั่วคราว มีแต่บุญกุศลที่เราทำไว้เท่านั้นที่ตามติดเราไปได้ หมั่นสร้างสมบุญไว้ ตายไปจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีงาม”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 สิงหาคม 2016, 09:20:17
"หมั่นในการให้ทานเป็นการตัดความโลภ หมั่นในการรักษาศีลเพราะเป็นการปิดอบายภูมิกันไม่ให้เราลงนรก ใช้ปัญญาเป็นเครื่องพิจารณากฏของธรรมดา จิตยอมรับนับถือกฏของธรรมดา เมื่อจิตยอมรับนับถือกฏของธรรมดาเสียอย่างเดียว เราก็เป็นพระอริยเจ้าเป็นถึงพระอรหัตผล"
..........
หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 สิงหาคม 2016, 09:42:51
หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
......
“เราลงทุนแสวงหาความสุขทางวัตถุมากเท่าใด ผลของความทุกข์
ก็จะเสียใจมากเท่านั้น”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กันยายน 2016, 10:07:03
การให้อภัยทานย่อมชนะการให้ทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กันยายน 2016, 10:42:45
หลวงปู่ขาว อนาลโย
.....
คนกตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่มีวันจะตกต่ำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: nuonly ที่ 03 กันยายน 2016, 12:00:33
หลวงปู่ขาว อนาลโย
.....
คนกตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่มีวันจะตกต่ำ

จงเชื่อมันอย่างที่ควรจะเชื่อมัน ผมเชื่อว่า การกตัญญู จะช่วยส่งเสริมให้คนนั้น ได้ดีขึ้นเรื่อยๆครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กันยายน 2016, 09:54:01
พระท่านกล่าวไว้ว่า "ตราบใดที่กรรมชั่วไม่ส่งผลมา คนบาปคิดว่าเป็นสิ่งดี เมื่อใดที่กรรมชั่วที่ทำไว้ส่งผลกลับมาหา คนบาปจะเป็นทุกข์และตกนรกทันที"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 กันยายน 2016, 10:22:00
บัญชีกรรมไม่ต้องจำไม่ต้องจดทั้งหมดจะส่งผลเมื่อถึงเวลา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: danupol ที่ 06 กันยายน 2016, 09:09:42
ทำ “อนาคต”
ให้สวยงาม ด้วยทำ
“ปัจจุบัน” ให้ดีที่สุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กันยายน 2016, 12:49:00
เขาจะนินทาว่าร้ายอย่างไรก็ช่างเขา บุญเราทำ กรรมเราไม่สร้าง พยายามสงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวล กลัวใครติเตียนทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่า"(พระยานรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กันยายน 2016, 10:18:04
พุทธศาสนสุภาษิต
......
ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนเขลาย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น (ขุ.ธ. ๒๕/๑๕)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กันยายน 2016, 11:24:17
คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
...........
"จำไว้ให้ขึ้นใจว่า เราต้องการอย่างเดียวคือ ชำระจิตของเราให้หมดจด จิตของใคร หรืออาการของใคร เขาจะเป็น อย่างไร ไม่ต้องไปสนใจ ในเมื่อใจเรายังไม่สะอาดพอ ยังไม่ต้องไปฟอกใจของบุคคลอื่นเขา มันจะกลายเป็น นำเอาความสกปรกเข้ามาสู่ใจเรา"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 กันยายน 2016, 10:07:59
"พุทธศาสนสุภาษิต"
.........
ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุขและทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาในหมู่มนุษย์ ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน อย่าเศร้าโศกเลย ท่านจะโศกเศร้าไปทำไม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กันยายน 2016, 16:09:19
“บุญ-บาป,สวรรค์-นรกนั้นมีอยู่จริง เรื่องบางเรื่องนั้น หากไม่ได้บุญ
ที่ตนเองทำไว้ช่วยไว้แล้วละก็ เราจะประสบความทุกข์หรือลำบากหรือเดือดร้อนทันทียากแก้ไข”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กันยายน 2016, 10:24:33
สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรมที่ตนเองได้ทำไว้ ผู้มีปัญญาย่อมละบาป “บำเพ็ญบุญ”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กันยายน 2016, 10:01:10
พระพุทธดำรัส
........
"ในเมื่อนิพพานก็ดำรงอยู่ ทางไปนิพพานก็ดำรงอยู่ เราผู้ชักชวนก็ดำรงอยู่ แต่ก็สาวกของเรา อันเราโอวาทสั่งสอนอยู่อย่างนี้ บางพวกเพียงส่วนน้อย ยินดีนิพพานอันมีความสำเร็จล่วง ส่วนบางพวก ก็ไม่ยินดี" "ดูกรพราหมณ์ ในเรื่องนี้ เราจะทำอย่างไรได้ ตถาคตเป็นแต่ผู้บอกหนทางให้ ฯ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กันยายน 2016, 10:07:41
"เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกวันด้วยการคิดดี พูดดี ทำดีและตั้งใจที่จะเป็นคนดี ถ้าหากว่าเมื่อใดก็ตามที่คิดว่าตนเองไร้ค่า ให้กระทำตนเป็นประโยชน์กับผู้อื่นดูบ้าง แล้วท่านจะรู้สึกปิติเบิกบานใจ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กันยายน 2016, 09:56:07
"สุดท้ายได้ตายทุกคน"
อย่าได้ประมาทในชีวิตและกาลเวลา หมั่นสร้างสมบุญกุศลไว้ให้มากๆ ตายไปจะได้ไปสู่สถานที่อันดีงาม ปิดนรกภูมิ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กันยายน 2016, 16:14:34
"ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามคำพูด แต่จะเป็นไปตามการกระทำที่ตนเองได้กระทำไว้ ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กันยายน 2016, 10:15:14
พรุ่งนี้เป็น “วันพระ”
คิดดี ทำดี พูดดี ทำบุญตักบาตร ลดละบาป บำเพ็ญบุญ ดำรงตนอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กันยายน 2016, 16:20:12
ทำชั่วได้ดีมีที่ไหน ทำดีย่อมได้ดีมีแน่นอน หว่านพืชไว้เช่นไร ผลที่ตามมาย่อมเป็นเช่นนั้น เติมน้ำในภาชนะทุกวัน น้ำย่อมเต็มภาชนะได้ฉันใด ทำบุญทุกวัน ย่อมได้บุญทุกวัน ฉันนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: gd,lN ที่ 18 กันยายน 2016, 01:15:19
ความดีไม่ได้ทำให้เราขึ้นสวรรค์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กันยายน 2016, 10:17:07
ทำชั่วได้ดีมีที่ไหน ทำดีย่อมได้ดีมีแน่นอน หว่านพืชไว้เช่นไร ผลที่ตามมาย่อมเป็นเช่นนั้น เติมน้ำในภาชนะทุกวัน น้ำย่อมเต็มภาชนะได้ฉันใด ทำบุญทุกวัน ย่อมได้บุญทุกวัน ฉันนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กันยายน 2016, 10:07:57
"คำพูดเป็นดาบชนิดหนึ่ง บางคนใช้ทิ่มตนและแทงคน บางกลุ่มทิ่มแทงกันเอง ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีใครได้ประโยชน์อะไร"
.......
คติธรรมคำสอน....ท่านหลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กันยายน 2016, 13:35:50
"ความทุกข์ของคนประการหนึ่ง คือต้องการให้คนอื่นเป็นอย่างที่ตัวเองคิด ขณะที่ตนก็เป็นอย่างที่คนอื่นอยากให้เป็นไม่ได้"
...........
(หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กันยายน 2016, 10:06:11
ท่านเชื่อไหมว่า "ขนาดว่าเราทำแต่ความดีอยู่ในทาน ศีล ภาวนาอย่างสม่ำเสมอแล้ว ในบางครั้งเรายังลำบากและทุกข์ยากมากเลย และในทางกลับกัน ถ้าเราทำแต่ความชั่วแล้วไซร้ ท่านลองใช้ปัญญาพิจารณาดูว่า เราจะลำบากทุกข์มากกว่านี้สักปานใด พึงมีสติและพิจารณา"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กันยายน 2016, 10:11:45
วิธีสั่งสมบุญ 10 วีธี

๑.ทานมัย บุญสำเร็จจากการให้วัตถุเพื่อสงเคราะห์หรือบูชาแก่ผู้อื่น
๒.ศีลมัย บุญสำเร็จจากการงดเว้นจากทุจริต หรือประพฤติสุจริตทางกาย วาจา
๓.ภาวนามัย บุญสำเร็จจากการอบรมจิตให้สงบจากกิเลส (สมถภาวนา) และการอบรมปัญญาเพื่อละกิเลสทั้งปวง(วิปัสสนาภาวนา)
๔.อปจายนมัย บุญสำเร็จจากการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน
๕.เวยยาวัจจมัย บุญสำเร็จจากการขวนขวายบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น
๖.ปัตติทานมัย บุญสำเร็จจากการให้ส่วนบุญที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว
๗.ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จจากการยินดีในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำแล้ว
๘.ธัมมัสสวนมัย บุญสำเร็จจากการฟังพระสัทธรรม
๙.ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จจากการแสดงพระสัทธรรม
๑๐.ทิฏฐุชุกรรม การกระทำความเห็นให้ตรงถูกต้องตามความเป็นจริง
ขออนุโมทนาสาธุครับ.....


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กันยายน 2016, 11:24:48
การให้อภัยกับผู้อื่นนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาเป็นคนดี หรือพวกเขาได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทว่านั่นหมายถึงตัวเรานั้นเป็นคนดีและมีจิตใจที่สูงส่งต่างหากเล่า ถ้าเราสามารถให้อภัยกับคนทุกคน หรือบุคคลที่เราไม่ชอบหรือไม่ชอบเราได้ นั่นหมายถึงเราได้บำเพ็ญบุญบารมีอันสูงสุดที่ยากยิ่งคือ"อภัยทาน"นั่นเอง และในท้ายที่สุดคนที่สบายใจเป็นที่สุดก็คือตัวของเรานั่นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กันยายน 2016, 16:08:22
"บนโลกใบนี้นั้นไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100 % หรอกนะ อย่าคาดหวังให้เป็นทุกข์ ก่อนเอ่ยปากสร้างวจีกรรมตำหนิติเตียนความชั่วของคนอื่นทุกครั้ง ให้ถามตนเองดูว่า อันตัวเรานั้นเป็นคนดีไหม ถ้าดีบ้างไม่ดีบ้าง ก็หยุดวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นทันที แล้วหันมาแก้ไขขัดเกลาตนเองให้เป็นคนดี ย่อมดีกว่าไปสร้างกรรมต่อเวรกับผู้อื่น เพราะจะเสียเวลาในการสร้างบุญบารมี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กันยายน 2016, 10:10:37
ใครพูด ใครชัง ใครรัก ใครเกลียด ใครสรรเสริญ ใครนินทา ช่างเขา เราจะมุ่งมั่นในการทำความดีอยู่ใน “ทาน ศีล ภาวนา”ตลอดไปเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กันยายน 2016, 10:13:25
ทุกวันนี้เห็นหลายคู่ เป็นคู่เวรคู่กรรมมากว่าคู่สร้างคู่สมจริงๆ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กันยายน 2016, 10:18:19
การเป็นคนดี คิดดี ทำดี พูดดี คบคนดี อยู่ท่ามกลางคนดี ในสถานที่ที่ดีงาม ย่อมเป็นมงคลกับชีวิตเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กันยายน 2016, 10:16:15
"แม้ในอดีต ผู้ที่ได้ความสุข ล้วนแต่เป็นผู้ประพฤติดีทั้งนั้น ไม่มีใครประพฤติชั่วแล้วได้ความสุข ได้สำเร็จมรรคผลนิพพาน ไม่มี"
........
หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: wrighter ที่ 28 กันยายน 2016, 21:33:33
ขอบคุณครับ :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 กันยายน 2016, 10:01:33
สุดยอดอย่างหนึ่งของการสร้างขันติบารมีก็คือ
.....
ผู้ที่สามารถอดทนต่อคำจาบจ้วงของผู้ต่ำต้อยกว่าตน โดยมีจิตที่คิดให้อภัย ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องอดทน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 กันยายน 2016, 10:19:45
คติธรรม...ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
.......
"ความดีชั้นเอก" ก็คือ ความดีที่เอาชนะความชั่วของตนเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ตุลาคม 2016, 18:11:57
"ผู้ที่ไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติก่อน ความสมหวังแห่งผู้นั้นไม่มี ย่อมคลาดแคล้วแห่งสมบัติหลายประการ ทำนาข้าวตาย ค้าขายขาดทุน หาคนค้ำจุนไม่ค่อยได้ คนนั้นป่วยไข้ไปหาหมอ ก็ขัดข้องรักษาไม่ด้ ให้ตกอับทุกหน้าที่ ตกลงคนนั้นต้องกอดเข่าเจ่าจุก เพราะไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติปางก่อน ไม่ชวนให้คนอื่นเมตตา"
...........
(หลวงปู่หลุย จันทสาโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ตุลาคม 2016, 10:15:44
"บุญนั้นย่อมเป็นที่พึ่งได้ในทุกๆชาติภพ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ตุลาคม 2016, 10:33:08
"พระพุทธดำรัส"
"ในเมื่อนิพพานก็ดำรงอยู่ ทางไปนิพพานก็ดำรงอยู่ เราผู้ชักชวนก็ดำรงอยู่ แต่ก็สาวกของเรา อันเราโอวาทสั่งสอนอยู่อย่างนี้ บางพวกเพียงส่วนน้อย ยินดีนิพพานอันมีความสำเร็จล่วง ส่วนบางพวก ก็ไม่ยินดี" "ดูกรพราหมณ์ ในเรื่องนี้ เราจะทำอย่างไรได้ ตถาคตเป็นแต่ผู้บอกหนทางให้ ฯ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 ตุลาคม 2016, 18:18:28
คติธรรมคำสอน....ท่านพ่อลี ธมฺมธโร
.........
ทุกคนต้องการความสุข ไม่ต้องการความทุกข์ แต่อะไรเล่า เป็นความสุขที่แท้จริงของตัวเรา คิดว่ากินนี่แหละ ก็พยายามหามาให้มันกิน พอกินมากก็อึดอัด คิดว่านอน ก็นอนจนหลังแข็ง ไม่สบายอีก คิดว่าเงินทองทรัพย์สมบัติ ก็ไปหามาใช้จนเต็มที่ ก็ยังไม่สุขอีก แล้วอะไรเล่าที่เป็นความสุขที่แท้จริง ?ความสุขที่แท้จริงนั้นย่อมเกิดจากบุญกุศล คือความสงบที่เกิดขึ้นในจิตใจ พ้นทุกข์โทษความดิ้นรน ไม่มีกระสับกระส่ายเดือดร้อนกระวนกระวาย เพราะฉะนั้น จงพากันตั้งใจประกอบบุญกุศล เพื่อจะเป็นทางที่พ้นไปจากโลกนี้ นั่นแหละ จะเป็นหนทางที่ถูกต้อง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ตุลาคม 2016, 10:10:14
มีเกิดก็มีตายดูแลกันเถิดพี่น้องรักกันให้มากๆถึงจะไม่ดูดำดีแต่ก็พูดกันบ้างก็ได้นะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 ตุลาคม 2016, 10:23:46
"คนในโลกนี้ประกอบด้วยปัญญาแล้ว แม้เมื่อทุกข์เกิดขึ้น ก็ย่อมได้รับสุข"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 08 ตุลาคม 2016, 21:41:34
สามี-ภรรยา อยากคบกันทุกชาติๆ ไป ต้องทำอย่างไร???
เรื่องนี้มีคำตอบในพระไตรปิฎก

พระพุทธเจ้าได้ตรัสตอบ คหบดีและภรรยา ว่า ดังนี้

ดูก่อนคฤหบดีและคฤหปตานี ถ้าภรรยาและสามี ทั้งสอง หวังจะพบกันและกันทั้งในปัจจุบันทั้งในสัมปรายภพ (ภพหน้า)ไซร้ ทั้งสองเทียว พึงเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น ย่อมได้พบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ ฯ


ที่มา: http://www.yudtini.com/index.php/knowledge/dhamma/170-old-lover-from-previous-life


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ตุลาคม 2016, 10:44:07
ท่านหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
.....
เมื่อเรามีศีล ๕ บริสุทธิ์บริบูรณ์ กายของเราก็สงบ คือสงบจากการทำบาป วาจาของเราก็สงบ คือสงบในการพูดในทางที่เป็นบาป แม้จิตของเรายังคิดที่จะทำบาป แต่เราไม่ละเมิดล่วงเกินศีล ๕ บาปกรรมอะไรก็ไม่เกิดขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ตุลาคม 2016, 10:14:39
(หลวงปู่ศรี มหาวีโร)
"บาปมี บุญมี สวรรค์มี นรกมี ผู้ที่สร้างบาปก็เหมือนกับการดื่มยาพิษ อย่างไรเสียย่อมได้รับโทษภัย เพียงแต่ว่ายาพิษนั้นจะส่งผลเร็วหรือช้า ไม่อยากเค็มไปกินเกลือมันก็เค็ม ไม่อยากบาปไปทำบาปมันก็บาป"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ตุลาคม 2016, 10:16:26
"ภัย ๔ อย่างของผู้ภาวนา"
โดย หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
........
หลวงปู่เตือนเสมอถึงภัย ๔ อย่างของพระกรรมฐาน ท่านได้สอนศิษย์ของท่านควรระวัง ระวังเหมือนถ้าเฮาจะลงไปในฮ้วงน้ำข้ามโอฆสงสาร ก็ต้องระวังภัย ๔ อย่างคือ คลื่น หนึ่ง จระเข้ หนึ่ง วังน้ำวน หนึ่ง และ ปลาร้าย อีกหนึ่ง
.....
ท่านบอกให้ศิษย์ระวัง ทั้งคลื่น ทั้งจระเข้ ทั้งวังน้ำวน และปลาร้าย
.....
ความดื้อดึง ไม่อดทนเชื่อฟังต่อโอวาทที่ครูบาอาจารย์พร่ำสอนและนำเปรียบด้วยภัย คือ คลื่น
........
ความเห็นแก่ปากแก่ท้อง เห็นแก่หลับแก่นอน ไม่บำเพ็ญเพียร เปรียบด้วยกับ จระเข้
......
กามคุณ ๕ อย่าง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เปรียบด้วยภัย คือ วังน้ำวน ใครหลงติดกามคุณทั้ง ๕ นี้ก็จะ “ติด” เหมือนลิงติดตังอยู่ในวังน้ำวน และมีแต่จะถูกกระแสน้ำดูดจมลงอย่างไม่ต้องสงสัย
........
มาตุคาม ที่พระพุทธเจ้าสอนพระอานนท์ไว้ก่อนจะเสด็จปรินิพพานว่าควรหลีกเลี่ยงไม่พบปะด้วย หากจำต้องพบปะก็ไม่ควรพูดด้วย หากจำต้องพูดด้วย ก็ต้องพูดด้วยความสำรวมมีสติ ท่านเปรียบด้วยภัย คือ ปลาร้าย!
.......
ผู้จะผ่านพ้นโอฆสงสาร หรือห้วงน้ำใหญ่ไปถึงพระนิพพานได้ จะต้องอาศัยหลักของความเชื่อ ต้องเชื่อมั่นในหลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เชื่อมั่นในปฏิปทาทางดำเนินของครูบาอาจารย์ จะต้องมีความเชื่อมั่นแน่นอนว่า มรรคผลนิพพานเป็นของมีอยู่จริง เมื่อเราเชื่อว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่จริง เราก็ปฏิบัติมุ่งต่อมรรคผลนิพพานได้ เมื่อเราเชื่อว่า มนุษย์สมบัติมี สวรรคสมบัติมี เราก็ทำทานรักษาศีล ไหว้พระเจริญเมตตาภาวนาให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เราเชื่อว่าจิตของเราเป็นธรรมชาติที่ไม่ตาย รูปร่างกายเราต่างหากที่แตกดับ เราเชื่อโอวาทคำสอนของครูบาอาจารย์ เราก็ขวนขวายสร้างคุณงามความดี สร้างบุญกุศล เป็นอริยทรัพย์อริยบารมี ฝังไว้สำหรับติดตัวเราไปทุกชาติ ทุกภพ จนกว่าจะถึงพระนิพพาน
......
ถ้าเราไม่เชื่อโอวาท ไม่เชื่อกรรมดีกรรมชั่ว จิตใจก็หวั่นไหวเป็นลูกคลื่นมากระทบจิตใจ สู้คลื่นแรงที่ซัดโถมมาไม่ไหวก็อาจจะจมน้ำตาย
......
ผ่านคลื่นมาได้ หากมาติดการเห็นแก่ปากแก่ท้อง ไม่ปรารภความเพียร ถูกจระเข้ร้ายฟาดฟัน งับลงสู่ไต้ท้องน้ำ หรือกลายเป็นจระเข้ไปเสียเอง ดังนิมิตเกิดขึ้นฟ้องหลวงปู่ก็ได้
......
ผ่านคลื่น ผ่านจระเข้ ก็อาจมาติดวังน้ำวน มัวรัก มัวชอบ มัวหวง มัวห่วง มัวอาลัย ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เกิดความยึดถือมั่นหมายว่าเป็นของเรา เดี๋ยวเจ็บ เดี๋ยวป่วย กลัวเป็นหนัก กลัวล้มตาย กลัวแก่ กลัวตาย ไม่แต่ร่างกายของเรา แม้ที่อยู่ ที่อาศัยก็ห่วงก็หวง กลัวชำรุดทรุดโทรม ร่างกายของคนอื่น ก็ห่วง ก็หวง ก็อาลัยไปด้วย จิตใจก็หวั่นไหว แหวกว่ายอยู่กลางวังน้ำวน หลงยึด หลงติด ก็ถูกกระแสน้ำดูดลงสู่วังน้ำวน เป็นวัฏฎะวนตลอดไป
......
หลบคลื่น หลบจระเข้ หลบวังน้ำวน เผลอๆ อาจจะถูกปลาร้ายจับกินเป็นภักษาหาร ศิษย์ของท่านเองต้องสึกหาลาเพศออกไปนักต่อนักแล้ว
......
ท่านจึงเตือนศิษย์เสมอ ถึงภัย ๔ อย่างของผู้ภาวนา
.....
คัดลอกบางตอนมาจาก...หนังสือฐานสโมปูชา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ตุลาคม 2016, 10:21:34
"ชีวิตมนุษย์นั้นไม่มีสิ่งใดแน่นอนได้เลย วันนี้สูงส่ง พรุ่งนี้อาจตกต่ำก็เป็นได้ ยามตกทุกข์ได้ยากท่ามกลางวิบัติภัย เงินร้อยล้านก็มีค่าน้อยกว่าข้าวสารหนึ่งถุง พึงอย่าประมาท ยามมั่งมีเงินทอง จงแบ่งปันเพื่อนมนุษย์บ้าง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ตุลาคม 2016, 11:41:00
"ขนาดเกิดมาเป็นคน บุญพามา ยังทุกข์ขนาดนี้ ถ้าไม่มีบุญ ไปเกิดเป็นเปรต เป็นผี แล้วมันจะทุกข์ขนาดไหน" (หลวงปู่อุทัย สิริธโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ตุลาคม 2016, 10:09:25
ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าฯถวายอาลัยส่งดวงวิญาณพระโพธิสัตว์เจ้า สู่สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ตุลาคม 2016, 10:32:32
พระพุทธพจน์
"พระราชาเหล่าใด ทรงยินดีแล้วในทศพิธราชธรรม อันพระอริยเจ้าประกาศไว้ พระราชาเหล่านั้นเป็นผู้ประเสริฐด้วยกาย วาจา และใจ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ตุลาคม 2016, 10:48:59
“การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลัง ในการสร้างเสริมและสะสมความดี”
.........
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สวนอัมพร ๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๕


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ตุลาคม 2016, 10:26:25
"ชีวิตมนุษย์มีขึ้นและมีลง อะไรมีขึ้นก็ต้องมีลง เป็นกฎธรรมชาติที่อยู่เหนือความควบคุมของมนุษย์ อำนาจ เกียรติยศ ชื่อเสียงก็ไม่พ้นกฎธรรมชาตินี้"(หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ตุลาคม 2016, 10:20:13
หากเธอศรัทธาในผู้ใด
จงซึมซับในคุณธรรมของเขา

(ว.วชิรเมธี)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Gangzaa! ที่ 18 ตุลาคม 2016, 21:12:47
ติดตามเรื่อยๆ ขอบคุณครับ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ตุลาคม 2016, 12:09:12
ให้พากันละบาปและบำเพ็ญบุญ อย่าให้เสียชีวิตลมหายใจไปเปล่า เพราะได้มีวาสนาเกิดมาเป็นคนแล้ว(หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ตุลาคม 2016, 10:09:43
ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามคำพูด แต่จะเป็นไปตามสิ่งที่ตนเองได้กระทำไว้ ทำดีได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่วเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ตุลาคม 2016, 10:19:32
ในทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าทุกวัน จงเฝ้าบอกกับตนเองว่า เราจะเป็นคนดีนะ คิดดี ทำดี พูดดี มีขันติ ขยันหมั่นเพียร มีจิตเมตตากรุณาและให้อภัยทาน สงบระงับความโลภโกรธหลงกามกิเลสตัณหาราคะทั้งปวง มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปกรรมและไม่ทำความชั่วทั้งปวง งดสร้างกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมและใช้ศีลธรรมเป็นแนวทางดำเนินชีวิตชีวิตให้ได้ตลอดไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ตุลาคม 2016, 10:18:23
ให้เราทุกคนจงเข้าใจในตัวของตนบัดในการเดี่ยวนี้ ให้สะสมคุณงามความดี จักได้พบปะกับพระพุทธเจ้าไปในภาคเมื่อหน้า แต่นี้ต่อไปก่อนจะถึงพระศรีอาริยะฯ จักได้มาลงมาตรัสรู้ จะมีปัจเจกพุทธะลงมาตรัส ๒๐๑,๐๐๐ องค์ แต่จะไม่ได้ลงมาพร้อมกันทีเดียว
.....
สุดแล้วแต่ยุคเพิ่นจะลงมา ๑๐๐, ๒๐๐, ๕๐๐, ๑ พัน, ๒ พัน, ๕ พัน, หมื่น สองหมื่น ตลอดกันไปเป็นนิตย์
.......
ฤาษีไม่ต้องพูดถึงมีมากมาย มีทั้งชาย ทั้งหญิง ไปบำเพ็ญอยู่ตามภูเขาเหล่ากา พวกเหล่านี้ทำองค์ฌาณให้ถึงก็ไปสู่พรหมโลก
.....
นี้ละได้เราคิดนึกแก้ไขตัวของเจ้าของ อย่าให้ไปตกนรก อย่าเข้าใจว่านรกไม่มี เปรตไม่มี ผีไม่มี
......
อันนี้ให้พวกเราได้คิดพิจารณาว่า ในตัวของเรานี้ได้เกิดเป็นคนได้พบปะแล้วพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย แต่บุญกุศลของพวกเรายังบ่ทันเพียงพอ จึงไม่ได้สำเร็จมรรคผล
.......
ตอนพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตท่านเทศน์สอนธรรมบุคคลสำเร็จมรรคผลนิพพานกันมากมาย บุคคลยังไม่สำเร็จก็อัดขึ้นอัดขึ้นเมืองสวรรค์ พระสาวกอรหันต์ท่านก็เทศน์สอนธรรม เมืองสวรรค์ก็อัดขึ้นอัดขึ้น ให้จำเอาไว้ให้พากันประกอบคุณงามความดีต่อไปจนกว่าจะหมดลมหายใจจากร่างนี้...
......
ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ตุลาคม 2016, 10:25:33
หากจะถามเรื่องชาติปางก่อน ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบัน หากจะถามเรื่องชาติหน้า ก็ให้ดูสิ่งที่กระทำในปัจจุบัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ตุลาคม 2016, 10:28:52
"พุทธพจน์"
ความไม่ทำบาปทั้งปวง ๑
ความบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม ๑
ความชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว ๑
นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ตุลาคม 2016, 10:10:17
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
"สิ่งใดที่พลาดไปแล้ว พระพุทธเจ้าทรงบอกว่าให้ลืมทุกอย่าง อย่าเฝ้าคิดถึงมัน ให้มุ่งทำแต่ความดี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ตุลาคม 2016, 11:19:43
ศีล ๕ คือกำแพงขวางกั้นนรก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ตุลาคม 2016, 10:19:41
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกวัน ด้วยการเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี อยู่ท่ามกลางคนดี มนสถานที่ที่ดีงาม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ตุลาคม 2016, 10:00:21
(หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
ให้ทานข้าวของ วัตถุภายนอก ก็เป็นบุญแต่ยังไม่ลึกซึ้ง ให้ทำบุญภายในใจให้เป็นบุญอยู่เสมอ ภาวนาพุทโธ นึกน้อมเอาคุณพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งอยู่ภายในนี่แหละบุญภายใน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ตุลาคม 2016, 10:17:36
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกวันด้วยการเป็นคนดี พูดดี คิดดี ทำดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ตุลาคม 2016, 10:03:38
จงอย่าคาดหวังให้ผู้อื่นมาเข้าใจในตัวเรา แต่จงถามตัวเราเองว่า เรานั้นเข้าใจผู้อื่นบ้างไหม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: luckygirl ที่ 30 ตุลาคม 2016, 16:36:48
สาธุ ขอบคุณค่ะ
 :wanwan008:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ตุลาคม 2016, 10:34:16
"ความวิตกกังวลไม่มีประโยชน์อันใดเลย นอกจากจะขโมยความสุขในชีวิตของเราไปแค่นั้น ชีวิตของมนุษย์นั้นช่างแสนสั้นนัก จงใช้ชีวิตให้มีแต่ความสุขด้วยการเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำแต่สิ่งที่ดีๆกันดีกว่า"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤศจิกายน 2016, 10:10:26
แต่เมื่่ออดทนแล้วก็ต้องมองหาด้วยว่าคำล่วงเกินนั้นมันให้ประโยชน์หรือความสุขอย่างไรกับเราบ้าง..เมื่อหาเจอแล้วก็ควรขอบคุณสามครั้งอย่างมีความสุขแล้วเราจะโชคดี..คนโบราณเขาว่าไว้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤศจิกายน 2016, 10:25:28
"มนุษย์ ๗ จำพวก"(พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร )
......
๑. มนุสสนิรโย มนุษย์สัตว์นรก หรือสัตว์นรกในคราบมนุษย์ คือร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจและพฤติกรรมกลับชั่วช้าเลวทราม ก่อกรรมทำบาปได้เยี่ยงสัตว์นรก เช่น ลูกที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ เพื่อนำเงินไปเสพยาบ้า คนเช่นนี้แม้ว่าร่างกายจะเป็นมนุษย์แต่พฤติกรรมของเขาช่างเหี้ยมโหด ชั่วช้าไม่ต่างอะไรกับสัตว์นรก
........
๒. มนุสสเปโต มนุษย์เปรต หรือเปรตในคราบมนุษย์ คือร่างเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นเปรต เปรตแปลว่า ผู้ละไปแล้ว หมายถึง ผู้ยอมละทิ้งความดี หรือยอมกระทำชั่วทุจริตทุกอย่างเพื่อให้ตนได้สนองความอยาก ความหิว เช่น คนที่ติดยาเสพติด ยอมเป็นโจรลักเล็กขโมยน้อย ปล้นร้านทองเพื่อนำเงินไปซื้อยามาเสพ หรือมนุษย์บางรายที่ยอมทุจริตคอ-รัปชั่นคดโกงประเทศชาติเพื่อให้ตนร่ำรวย โดยไม่ใส่ใจเรื่องบุญ-บาป วันๆ จิตใจคิดแต่จะเอา ไม่เคยคิดจะให้ คนประเภทนี้จึงมักถูกด่าอยู่เสมอว่า “ไอ้เปรต”
..........
๓. มนุสสอสุรกาโย มนุษย์อสุรกาย คือร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจโหดร้าย เต็มไปด้วยโทสะ ความอาฆาตพยาบาทชิงชัง ประกอบกรรมทำชั่วด้วยความอำมหิตไร้ความปรานี มีพฤติกรรมเหมือนยักษ์เหมือนมาร ชอบใช้ความรุนแรง มีอุปนิสัยกักขฬะหยาบกระด้าง ใจไม้-ไส้ระกำ เช่น คนที่ฆ่าคนแล้วกินเป็นอาหาร พวกชอบเปิบพิสดารกินจู๋หมี ยาดองสัตว์เนื้อดิบ พวกที่ค้าขายมนุษย์ด้วยกัน รวมถึงพวกที่มัวเมาในกามถึงขั้นฆ่าข่มขืนพวกนี้ท่านจัดเป็นอสุรกายในคราบมนุษย์
.................
๔. มนุสสติรัจฉาโน มนุษย์ดิรัจฉาน คือร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นสัตว์ดิรัจฉาน คือมากไปด้วยโมหะ เห็นอะไรที่เป็นความสุขของตัวเองก็ทำตามใจไม่รู้จักแยกแยะชั่วดี มีพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ เช่น ในเรื่องกามก็สมสู่ไม่เลือกหน้า ไม่สนใจว่าผู้นั้นจะเป็นลูกเขาเมียใคร หรือเป็นพ่อ แม่ ลูกหรือญาติของตน บางครั้งอยากได้อะไรของใครก็ใช้กำลัง ข่มเหงรังแกเอา ซึ่งบางคนทุบตีได้ แม้กระทั่งพ่อแม่บังเกิดเกล้าที่พิกล พิการเพราะขอเงินแล้วไม่ให้ ซึ่งคนประเภทนี้มักถูกด่าให้เป็นสัตว์ดิรัจฉาน
...........
๕. มนุสสมนุสโส มนุษย์แท้ คือทั้งตัวและหัวใจเป็นมนุษย์ มนุษย์แปลว่า ผู้มีจิตใจสูง คือสูงกว่าสัตว์นรก เปรต อสุรกายสัตว์ดิรัจฉาน มีจิตที่ประกอบด้วยความเมตตา รู้จักแยกแยะดี-ชั่ว ไม่ประกอบกรรมอันเป็นอกุศลเพราะเห็นแก่ตัว เป็นผู้ตั้งมั่นในศีล ๕ มีละเว้นจากการฆ่าและเบียดเบียนสัตว์อื่น เป็นต้น ซึ่งศีล ๕ นี้ถือเป็นธรรมที่เป็นมาตรฐานสำหรับมนุษย์
.......
๖. มนุสสเทโว มนุษย์เทพ คือผู้ที่มีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเป็นเทวดา คือ เป็นผู้มีหิริ ความละอายในการทำชั่วทั้งทางกาย วาจา และใจ โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อผลบาปที่จะตามสนอง บุคคลเช่นนี้ จะไม่ทำความชั่วเลยทั้งต่อหน้าและ ลับหลัง อีกทั้งยังเป็นผู้ฝักใฝ่ในการ ทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่น
......
๗. มนุสสอริโย มนุษย์ผู้เป็นพระอริยบุคคล ได้แก่ บุคคลที่มีร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจ ปราศจากกิเลส คือ ความโลภ โกรธ หลง มีจิตอยู่เหนือความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน เป็นอิสระจากทุกข์ ไม่หวั่นไหวด้วยอำนาจของโลกธรรม ๘ คือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤศจิกายน 2016, 12:53:59
"สมบัติในโลกนี้ ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ เงินสักบาทหนึ่งสักสลึงหนึ่งก็เอาไปไม่ได้ เอาใส่ปากก็ยังเอาไปไม่ได้ เว้นแต่บุญกุศลเพียงข้าวทัพพีหนึ่งหรือสมาธิชั่วครู่หนึ่ง กลับมีอานิสงส์ไปยังชาติหน้าได้”
(หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Zerceto ที่ 03 พฤศจิกายน 2016, 22:16:52
ข้อดีของความทุกข์..คือ..
สอนให้ค้นพบความจริง…อันแท้จริง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤศจิกายน 2016, 10:13:44
จงยึดมั่นและศรัทธาในพลังแห่งความดีงามและทำในทุกๆหน้าที่แห่งความเป็นมนุษย์ทุกบทบาทให้ดีที่สุดเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤศจิกายน 2016, 17:06:16
"พุทธศาสนสุภาษิต"
ทำกรรมใดแล้วไม่ร้อนใจภายหลังกรรมที่ทำนั้นแลเป็นดี ทำกรรมใดแล้วร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำแล้วนั้นไม่ดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤศจิกายน 2016, 10:15:31
"พุทธศาสนสุภาษิต"
ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญฉันนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤศจิกายน 2016, 10:13:46
"หลวงพ่อฤาษีลิงดำ"
ใครเขาดี เขาจะเลวช่างเขา เราเห็นเขาเลวมากก็คือเราเลวมากเอง ถ้าเราเป็นคนดีในโลกนี้ ไม่มีใครเลว ทุกคนอยู่ใต้อำนาจกฎของกรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤศจิกายน 2016, 10:39:11
หนีไม่พ้น"กฎแห่งกรรม"ทำอย่างไร ย่อมเป็นเช่นนั้นเสมอ..


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤศจิกายน 2016, 10:21:30
เราแก่ไปทุกวัน ใกล้ความตายไปทุกทีรีบสร้างความดีไว้มาก ๆ
.......
หลวงพ่อชา สุภัทโท


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤศจิกายน 2016, 10:11:25
พุทธศาสนสุภาษิต
.......
ทั้งคนมี คนจน ล้วนมีแต่ความตายเป็นเบื้องหน้า (ที.มหา. ๑๐/๑๔๑)
ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเขลา ทั้งฉลาด ล้วนไปสู่อำนาจแห่งความตาย ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า (นัย ที.มหา. ๑๐/๑๔๑)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤศจิกายน 2016, 09:57:08
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกวันด้วยการเป็นคนดี พูดดี คิดดี ทำดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤศจิกายน 2016, 10:19:20
ในทุกๆครั้งก่อนที่เราจะเอ่ยปากเอ่ยวาจาด่าว่าคนอื่นว่าเป็นคนชั่วนั้นให้ถามตนเองทุกครั้งว่า อันตัวของเรานั้นเป็นคนดีแล้วหรือยัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤศจิกายน 2016, 10:16:18
สมบัติที่แท้จริงของเรา โดย รศ. ยุพิน ดีสมศักดิ์
สมบัติเรา มากมาย รักหลายสิ่ง
สมบัติจริง เมื่อตอนตาย ควรไปด้วย
รักที่หนึ่ง คือร่างกาย ไม่อยากป่วย
ไม่เอออวย ว่าไม่ดี มีโกรธา

ให้กินอยู่ เที่ยวแต่งกาย ให้ทุกอย่าง
รักสองบ้าง ทรัพย์สมบัติ สู้จัดหา
ทุกวิธี ทำไป ให้ได้มา
เพื่อให้ข้า อบอุ่นใจ ได้อวดคน

รักที่หนึ่ง ทำเสียใจ ตายทอดทิ้ง
ไม่รักจริง แยกกันไป ไม่มาสน
รักที่สอง ทำเคืองแค้น แน่นกมล
ทำพิกล นอกใจให้ ใครอื่นครอง

รักที่สาม คือครอบครัว ผัวเมียลูก
ที่พันผูก พ่อแม่ และพี่น้อง
ข้าใจชื้น เขาส่งข้า น้ำตานอง
หามประคอง ทำบุญศพ แล้วจบกัน

รักที่สี่ บาปบุญไง รักใคร่น้อย
สามรักสอย เวลาไป ให้แบ่งปัน
ไม่สนใจ ทำอะไร ไม่เคยหวั่น
วันตายนั้น ซึ้งใจดี รักสี่ตาม

แสนเสียดาย ตอนชีพอยู่ ไม่รู้ค่า
จริงใจกว่า ซื่อสัตย์จริง เหนือสิ่งทั้งสาม
ควรทุ่มเท ทำดีให้ ไว้ทุกยาม
สมบัติแท้ตาม บุญส่งสุข ทุกชาติไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤศจิกายน 2016, 15:27:28
พระพุทธดำรัส
..........
“คนทำกรรมและจะหนีไปอยู่แห่งหน ตำบลใด จะเป็นในอากาศ มหาสมุทร หรือซอกขุนเขาก็ตาม การที่จะพ้นจากผลกรรมนั้นไม่มีเลย ในโลกนี้ไม่มีที่ใดที่คนอยู่แล้วจะพ้นจากกรรมได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤศจิกายน 2016, 10:28:42
หากเธอศรัทธาในผู้ใด
ก็จงซึมซับในคุณธรรมของเขา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤศจิกายน 2016, 10:36:12
"พระพุทธพจน์"
ดูกรวิสาขา ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑๐๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑๐๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑๐ ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑
......
ผู้ใดไม่มีสิ่งที่รัก ผู้นั้นก็ไม่มีทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นไม่มีความโศก ปราศจากกิเลสดุจธุลี ไม่มีอุปายาสฯ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤศจิกายน 2016, 10:08:04
เขาไม่พลัดพราก เราก็พลัดพราก เขาไม่จาก เราก็จาก เพราะโลกนี้ เต็มไปด้วยความจาก ความพลัดพรากกันอยู่แล้ว โดยหลักธรรมชาติ
(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤศจิกายน 2016, 10:54:35
"ชีวิตนี้ช่างแสนสั้นนัก จงใช้เวลากับคนที่นำพาความสุข เสียงหัวเราะ และนำสิ่งที่ดีๆมาให้เราอยู่เสมอดีกว่า"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤศจิกายน 2016, 10:20:03
พระพุทธดำรัส
.......
“การให้สิ่งของแม้จะเป็นการกระทำที่ดีก็จริง แต่ไม่สามารถทำคนผู้ได้รับให้เดินไปตามทางแห่งนิพพานได้ ธรรมะเท่านั้นที่จะทำคนให้เดินไปตามทางแห่งนิพพานได้ เพราะฉะนั้นการทำคนให้รู้ธรรมะซึ่งผู้ทำอาจจะได้รับความลำบากบ้าง นั่นแหละ เรียกว่าการให้ธรรมในที่นี้และเป็นการให้ที่ดีที่สุดกว่าการให้ทั้งหลาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: saiintz ที่ 19 พฤศจิกายน 2016, 19:27:51
 :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ThaiToday ที่ 20 พฤศจิกายน 2016, 08:03:54
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤศจิกายน 2016, 10:18:07
"พระราชาเหล่าใด ทรงยินดีแล้วในทศพิธราชธรรม อันพระอริยเจ้าประกาศไว้ พระราชาเหล่านั้นเป็นผู้ประเสริฐด้วยกาย วาจา และใจ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 พฤศจิกายน 2016, 10:18:37
"สักวันหนึ่งความตายจะมาถึงเรา มาบีบบังคับให้เราปล่อยทุกสิ่งทุกอย่าง ฉะนั้น เราต้องหัดปล่อยวางล่วงหน้าให้มันเคย ไม่อย่างนั้น พอถึงเวลาไปจะลำบาก"(ท่านพ่อเฟื่อง โขติโก)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤศจิกายน 2016, 10:09:48
วิธีแก้แค้นศัตรูที่ดีที่สุดคือ"การให้อภัยทาน"และพยายามทำให้พวกเขามาเป็นมิตรกับเราดีกว่า เพราะในท้ายที่สุด บุคคลที่มีมีความสงบสุขและสบายใจเป็นที่สุดก็คือตัวของเรานั่นเอง (แง่คิด สะกิดตน)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤศจิกายน 2016, 10:21:33
สมบัติภายนอกย่อมมีวันหมดไป แต่อริยทรัพย์ภายในคือบุญกุศล ย่อมติดตามเราไปทุกชาติภพ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤศจิกายน 2016, 13:19:02
จงยึดมั่นและศรัทธาในพลังแห่งความดีงามและทำในทุกๆหน้าที่แห่งความเป็นมนุษย์ทุกบทบาทให้ดีที่สุดเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤศจิกายน 2016, 10:23:59
คนที่อยากอยู่อย่างสงบและสบายอย่าพูดทุกอย่างที่รู้หรือวิจารณ์ทุกอย่างที่เห็น(เบนจามิน แฟรงกลิน)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤศจิกายน 2016, 10:25:36
เมืองใดราชาครองราชย์
ด้วยการครองธรรม
ก็เท่ากับว่าเมืองนั้นมีหลักประกันของ
สันติภาพและสันติสุข

If a land is ruled by the king who upholds Dhamma,
that means it is guaranteed to be the land of peace and happiness.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤศจิกายน 2016, 10:06:05
“หลักแห่งการทำความดี ไม่มีอะไรดีเกินไปกว่าการมีศีล ๕ ผู้มีศีล ๕ ประจำตัว ผู้นั้นได้ชื่อว่าตัดผลเพิ่มของกรรม”
(หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤศจิกายน 2016, 16:17:04
"พายุร้าย ทำอันตรายได้น้อยกว่า วาจาส่อเสียด ยุแหย่ ใส่ร้าย นินทากัน"(หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤศจิกายน 2016, 10:15:14
ในบางครั้ง เราควรพักผ่อนในสถานที่อันสวยงามตามลำพังบ้าง เพื่อทบทวนเรื่องราวต่างๆ ถ้าสิ่งใดที่ทำแล้วดี ก็ให้ทำต่อไป หากสิ่งใดทำแล้วแย่ลง ต้องปรับปรุงและแก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 30 พฤศจิกายน 2016, 00:18:46
++การบรรลุธรรม บรรลุโดยอาศัยฌานขั้นไหนก็ได้++

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
เพราะอาศัยปฐมฌานบ้าง ทุติยฌานบ้าง ตติยฌานบ้าง จตุตถฌานบ้าง อากาส
นัญจายตนฌานบ้าง ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะ
ทั้งหลาย เพราะอาศัยเนวสัญญานาสัญญายตนฌานบ้าง ฯ

พุทธพจน์

ที่มา: http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=23&A=9041&Z=9145


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 พฤศจิกายน 2016, 10:14:08
ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก
ให้ภาวนา อย่ามัวแต่ง่วงนอน นอนกันมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว ไม่รู้จักอิ่มสักที มัวแต่เป็นผู้ประมาท ไม่รู้จักรักษามนุษย์สมบัติเอาไว้ ระวังจะเหลือไม่เท่าเก่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 ธันวาคม 2016, 10:51:34
บุญนั้นคือความสุข บุญนั้นคือความสบายใจ คิดถึงทีไรก็สบายใจทุกที


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 ธันวาคม 2016, 09:56:38
ความสามารถในการตัดสินอย่างมีประสิทธิภาพ คือ
สาระสำคัญของการเป็นผู้นำ

The ability to make decisions efficiently
is an important aspect of being a leader.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 ธันวาคม 2016, 12:57:47
อานิสงส์แห่งการประพฤติความดี ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ นี้แหละ จะกลับมารักษาเรา ไม่ให้ตกไปสู่โลกที่ชั่ว จึงเป็นหลักประกัน ที่ช่วยให้เราห่างไกลจากนรก(หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 ธันวาคม 2016, 10:21:59
"พวกเราอย่าปล่อยให้วันคืนล่วงไปเฉยๆ ต้องให้มันผ่านไปด้วยการปฏิบัติธรรม"(หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 ธันวาคม 2016, 13:40:10
"มนุษย์ทั้งหลายต่างความคิดต่างความเห็นกัน ท่านจะกำหนดให้คิดเห็นเหมือนกันหมด เป็นไปไม่ได้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 ธันวาคม 2016, 10:38:32
ใจเขา ใจเรา อย่าบีบบังคับให้ผู้อื่นทำตามที่ใจเราต้องการเลย ตราบใดที่เราเองก็ไม่ต้องการให้ใครมาบีบบังคับเราเช่นกัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 ธันวาคม 2016, 10:29:58
พุทธศาสนสุภาษิต
......
ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน แต่บาปให้ผลเมื่อใด คนเขลาย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น (ขุ.ธ. ๒๕/๑๕)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 ธันวาคม 2016, 10:19:31
หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ
........
คนเราที่ทำอะไรสำเร็จต้องเสียสละซึ่งกันและกัน อย่าใจแคบ ต้องใจกว้าง ต้องมองเห็นคนอื่นว่า เขาก็มีความต้องการเหมือนเรา ทุกคนต้องการของดี ทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครในโลกนี้ ที่จะไม่ต้องการของดี แต่คนที่จะเสียสละไม่มี ทุกคนควรจะเสียสละ สงเคราะห์ซึ่งกันและกัน
.......
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เราเอาไปไม่ได้ โยมจะหวังอะไรก็หวังไม่ได้ โยมจะหวังลูก หวังหลาน หวังบ้าน หวังเรือน โยมหวังไปเถอะ แต่พอตายจริงๆ เขาก็ให้โลงโยมใบเดียว หวังจะอยู่บ้าน เขาก็ไม่ให้อยู่ หวังจะอยู่กับลูกหลาน ลูกหลานก็ไม่เอา แก่แล้วเขาก็เบื่อเรา เจ็บแล้วเขาก็ไม่อยากดูแลเรา
.......
แล้วจะพึ่งใครล่ะโยม? พึงใครไม่ได้หรอก นอกจากต้องพึ่งตัวเอง อายุคนเรานี่ไม่เกินร้อยปี ก็จะต้องจากโลกนี้ไป ก่อนที่จะจากไป เราต้องทำบุญกุศล ทั้ง ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เพียงพอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 ธันวาคม 2016, 10:27:30
"พระพุทธพจน์"
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆว่าเราเป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน เป็นทายาทของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราจักทำกรรมใดดีหรือชั่วก็ตาม เราจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ธันวาคม 2016, 10:20:49
"พระพุทธพจน์"
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆ ว่า
วันคืนล่วงไป ๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 ธันวาคม 2016, 10:32:43
ชีวิตเราจะเป็นอย่างไรนั้น จะดีหรือไม่ดี อย่าโทษสิ่งอื่น จงโทษการกระทำของเราเองนั่นแหละ ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่วเสมอ กฎแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 ธันวาคม 2016, 10:16:41
อดีตที่เลวร้ายผ่านไปแล้วไม่หวนคืนกลับมา อย่าได้จมปลักกับอดีตให้จิตใจหมองเศร้า อะไรที่แล้วก็แล้วไป ปล่อยมันไป ชีวิตต้องเดินหน้ากันต่อไป อย่ายอมแพ้ ให้ทำแต่ความดีกันต่อไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 ธันวาคม 2016, 10:28:45
ให้ยอมรับความเป็นจริงในทุกสถานการณ์ด้วย"อุเบกขาบารมี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 ธันวาคม 2016, 15:47:45
"พุทธศาสนสุภาษิต"
ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบุญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น (ขุ.ธ. ๒๕/๓๑)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 ธันวาคม 2016, 13:09:35
ข้าพเจ้าขอกราบน้อมส่งดวงวิญญาณ“ท่านหลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป” สู่นิพพานด้วยความเคารพอาลัยอันสูงสุด
..........
“หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป” เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี ละสังขารอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลจุฬาฯเมื่อเวลา 20.00 น.วันที่14 ธ.ค.59 สิริอายุรวม 105 ปี 2 เดือน
..........
ทั้งนี้ หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป นามเดิม จันทร์ศรี แสนมงคล เกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2454 ที่บ้านโนนทัน ตำบลโนนทัน อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น และบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2468 ณ วัดโพธิ์ศรี บ้านศิลา ตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ที่วัดศรีจันทราวาส ตำบลในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2474 ได้รับนามฉายาว่า จนฺททีโป อันมีความหมายเป็นมงคลว่า ผู้มีแสงสว่างเจิดจ้าดั่งจันทร์เพ็ญ
......
ทั้งนี้ หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป หรือ พระอุดมญาณโมลี เป็นพระมหาเถระสายพระป่ากรรมฐานศิษย์ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺตมหาเถระ แม่ทัพธรรมแห่งอีสานฝ่ายวิปัสสนาธุระ, เป็นพระผู้มากด้วยเมตตาที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธา และเป็นแบบอย่างอันงดงามของพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และประชาชนชาวอีสานมาอย่างยาวนาน ด้วยยึดหลักธรรมแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง มีพลังเกื้อหนุนจากธรรมะของครูบาอาจารย์ที่คอยสนับสนุนตลอดมา ปฏิปทาอันงดงามของหลวงปู่จึงเป็นครูของชีวิตที่คณะศิษยานุศิษย์ภาคภูมิใจยิ่ง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 ธันวาคม 2016, 13:45:03
"บาปอย่าทำดีกว่าเพราะตกนรกอยู่เสมอเพราะคิดถึงกรรมชั่วอยู่เป็นนิจนรกก็อยู่ที่ใจนั่นแหละ มันเกิดอยู่ที่ใจ"(หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ธันวาคม 2016, 10:32:22
"พระพุทธดำรัส"
อานนท์เอยในหมู่มนุษย์นี้ ผู้ใดฝึกตนให้เป็นคนอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้อื่นได้ จัดว่าเป็นผู้ประเสริฐสุด “ภูเขาศิลาล้วนยอมไม่หวั่นไหวด้วยลมจากทิศทั้ง ๔ ฉันใด บัณฑิตยอมไม่หวั่นไหว เพราะคำนินทาและคำสรรเสริญฉันนั้น”
......
"อานนท์...เราจะอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้อื่น เหมือนช้างศึกก้าวลงสู่สงคราม ต้องทนต่อลูกศรซึ่งมาจากทิศทั้ง ๔ เพราะคนในโลกนี้ส่วนมากเป็นคนชั่ว คอยแส่หาแต่โทษของผู้อื่น เธอจงดูเถิด...พระราชาทั้งหลายย่อมทรงราชพาหนะตัวที่ฝึกแล้วไปสู่ที่ชุมนุมชน เป็นสัตว์ที่ออกชุมนุมชนได้
.......
อานนท์เอยในหมู่มนุษย์นี้ ผู้ใดฝึกตนให้เป็นคนอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้อื่นได้ จัดว่าเป็นผู้ประเสริฐสุด ม้าอัสดร ม้าสินธพ พญาช้างตระกูลมหานาคที่ได้รับฝึกแล้ว จัดเป็นสัตว์อาชาไนย สัตว์อาชาไนยเป็นสัตว์ที่ประเสริฐ แต่คนที่ฝึกตนดีแล้วยังประเสริฐกว่าสัตว์เหล่านั้น"
......
“ดูก่อน อานนท์ ผู้อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้สูงกว่าก็เพราะความกลัว อดทนต่อคำล่วงเกินของผู้เสมอกัน เพราะเห็นว่าพอสู้กันได้(ยังถือว่าธรรมดาๆ) แต่ ผู้ใดอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้ซึ่งด้อยกว่าตน เราเรียกความอดทนนั้นว่าสูงสุด
.......
ผู้มีความอดทน มีเมตตา ยอมเป็นผู้มีลาภ มียศ อยู่เป็นสุข เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เปิดประตูแห่งความสุขความสงบได้โดยง่าย สามารถขุดมูลเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทเสียได้ คุณธรรมทั้งมวล มีศีล สมาธิ เป็นต้น ยอมเจริญงอกงามแก่ผู้มีความอดทนทั้งสิ้น”
...........
“ภูเขาศิลาล้วนยอมไม่หวั่นไหวด้วยลมจากทิศทั้ง ๔ ฉันใด
บัณฑิตยอมไม่หวั่นไหว เพราะคำนินทาและคำสรรเสริญฉันนั้น”


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 ธันวาคม 2016, 16:24:09
"สัจธรรมแห่งชีวิต"
ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม เป็นผู้หญิง เป็นผู้ชาย เป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่ จะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้านแสนล้าน หรือยากจน หรือว่ามีการศึกษาสูงระดับใดก็ตาม หรือว่าไร้การศึกษา จะเชื้อชาติใด นับถือศาสนาไหนก็ตาม สุดท้ายได้ตายทุกคน ไม่มีสิ่งใดนำติดตัวไปได้ นอกจากบุญกับบาปที่ตนเองได้ทำไว้เองเท่านั้น ผู้มีปัญญาจึงมุ่งหน้าที่จะกระทำแต่ความดีเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 ธันวาคม 2016, 10:41:41
ถ้าเราทำทุกอย่างตามหน้าที่อย่างดีที่สุดในทุกๆหน้าที่ เช่นหน้าที่(พ่อ,แม่,ลูก,สามี,ภรรยา,เพื่อน และหน้าที่แห่งความเป็น
มนุษย์ที่ดีงาม)แต่ก็ไม่ได้ดังใจผู้อื่น สุดมือสอยเราก็ต้องวางเฉย
และปล่อยวาง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 ธันวาคม 2016, 10:45:47
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 ธันวาคม 2016, 13:37:04
ดอกหญ้าผลิออกเป็นดอกไม้
พราวไพรผลิออกเป็นหมอกขาว
ปุยเมฆผลิออกเป็นดอกพราว
คือเรื่องราววนเวียนความเปลี่ยนแปลง
สรรพชีพสรรพสิ่งสรรพสัตว์
คือวงวัฏเวียนว่ายเป็นข่ายแขวง
มีเกิดดับ-ดับเกิด-เจิดแจรง
มีย้อนแย้งอยู่ในตัวทั่วทั้งมวล
นวลน้ำตกหยกงามรามระยะ
ชุมชำนะจากพฤกษ์พราวในราวสวน
อีกรุ้งสวยรวยสายหลายกระบวน
เกิดจากยวนยอแสงแห่งตะวัน
สรรพสิ่งอิงกันอนันต์อเนก
ดาวดิเรกรองเรืองเนืองสวรรค์
ทางช้างเผือกผ่องผุดวิสุทธันต์
คือช่อชั้นแห่งการพึ่งที่ถึงกัน
เธอตัดไม้หนึ่งต้นที่ต้นน้ำ
โลกอาจช้ำกว่าร้อยปีนี่โศกศัลย์
เธอระเบิดขุนเขาเข้าโรมรัน
ชีพนับพันอาจวายวับดับชีวา
เธอพ่นพิษใส่ฟ้าสีฟ้าโพ้น
โลกกระโจนสู่วิกฤติปริศนา
ฤดูกาลผันผกตกอุรา
เรือนกระจกหายหกฟ้ามากำนัล
ในหนึ่งสิ่งมีทุกสิ่งอิงกันอยู่
พึงเรียนรู้จนกระจ่างอย่างสร้างสรรค์
หนึ่งหยดน้ำพราวผ่องส่องตะวัน
โลกอนันต์ปรากฎครบจบกระบวน

Flowering grasses’ turning into blooms,
Forest stands’ turning into white fog,
Fluffy clouds’ turning into bunches of blossoms,
Are the stories of circles of changes.
Every life of everything, of every animal
Will keep going around in cycles-
Alive and dead, dead and alive,
As there’re conflicts within ourselves.
Every tier of waterfalls are beautiful,
Plants are abundant in all gardens,
Rainbows are wonderfully colorful-
All because of the sunlight.
Everything depends on one another.
The glittering stars all over heaven
And the milky way so pure and bright
Are all in a chain of interdependence.
If you cut down a tree at a water source,
The earth may bruise for more than a hundred years;
If you blow up a mountain,
A thousand lives may be destroyed
If you poison the blue sky with dirty air,
The earth will fall into an unknown peril,
The climate change will be so alarming,
The greenhouse effect will send us more heat.
Within one thing, there is everything;
Try to constructively learn the fact.
A drop of water that glistens in the sun
Has the whole world containing within.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 ธันวาคม 2016, 10:27:33
วันนี้เป็น"วันพระ"สวดมนต์ไหว้พระ ดำรงตนอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา
และทำจิตใจให้สงบ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ธันวาคม 2016, 10:21:07
ถ้าชีวิตตกต่ำ และมีแต่ความทุกข์ นั่นเป็นเพราะพลังบาป
มากกว่าพลังบุญ ต้องรีบทำแต่ความดี และห้ามทำความชั่วทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 ธันวาคม 2016, 16:11:39
"ให้อยู่กับปัจจุบันที่ดีงามเท่านั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 ธันวาคม 2016, 10:28:25
"การทำความดีนั้นต้องทำทุกลมหายใจ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 ธันวาคม 2016, 10:18:47
"บุญที่ท่านทำ เวรกรรมที่ท่านได้ก่อไว้ จะย้อนกลับมาหาท่านในทุกๆการกระทำ ทำดีได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว เป็นกฎตายตัวที่ยุติธรรมที่สุด"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 ธันวาคม 2016, 15:12:49
อะไรก็ไม่ใช่ของตนทั้งนั้น มีแต่กรรมที่ตนกระทำไว้เท่านั้น
เป็นของของตน(สมเด็จพระญาณสังวร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 ธันวาคม 2016, 10:12:59
“เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ”ความจริงพวกเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่หรอก ผู้ที่เกิดพร้อมกัน จากไปก่อนเราก็มากแล้ว เกิดทีหลังเราจากไปก็เยอะ ให้คิดดู ผู้คนที่ล้มตายไป ไปเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไฟไปแล้วมากมาย”(หลวงปู่ศรี มหาวีโร )


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 ธันวาคม 2016, 10:21:22
เริ่มต้นชีวิตใหม่ในทุกวันด้วยการเป็นคนดี พูดดี คิดดี ทำดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 ธันวาคม 2016, 10:19:37
คนที่ทำ “ทาน” มากก็จะให้ผล ให้เขาเป็นคนมีทรัพย์สินอุดมสมบูรณ์ คนมี “ศีล” จะทำให้ได้รับอัตภาพที่ดี มีรูปร่างผิวพรรณงดงาม ถ้ามี “ภาวนา” ด้วย ก็จะทำให้ผู้นั้นเป็นคนมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด(ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 ธันวาคม 2016, 12:55:22
ใครทำไม่ดีกับเรา ให้แผ่เมตตาไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มกราคม 2017, 10:20:32
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สั้นๆ
"ปล่อยวาง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มกราคม 2017, 10:43:20
อะไรที่ผ่านไปแล้ว ไม่หวนมาแล้ว
ในปีที่ผ่านมาเราอาจจะผ่านอะไรหลายอย่าง
หรืออาจจะมีอะไรหลายอย่างผ่านเราไป
เก็บไว้เพียงบทเรียน เก็บได้เพียงความทรงจำ
เริ่มต้นใหม่ เพราะที่เราเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตก
บางที่โลกอาจจะสอนเราว่าเรามีโอกาสเริ่มใหม่
กับวันใหม่ๆได้ตลอดเวลา

ธรรมทาน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มกราคม 2017, 16:21:06
"จงคิดดูให้ดีว่า โลกนี้ไม่ใช่ของเรา แล้วเราจะมานั่งเฝ้าโลกกันอยู่อย่างนี้ละหรือ ไม่ช้าเราก็จะต้องจากมันไปอย่างแน่ๆ ดังนั้นเราจึงไม่น่าหลงติดอะไรอยู่"(ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มกราคม 2017, 14:28:43
สวดมนต์ข้ามปี สวัสดีความสุข ท่านว.วชิรเมธี ณ ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน
https://www.youtube.com/watch?v=8KNkTVMRv0U


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มกราคม 2017, 12:09:10
"ไม่มีสิ่งใดช่วยให้คุณได้เปรียบคนอื่นมากเท่ากับการควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่งอยู่ตลอดเวลาในทุกสถานการณ์ ความอดทนคือเพื่อนสนิทของสติปัญญา"(ปรัชญาขงจื๊อ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มกราคม 2017, 10:07:12
"คนที่ตายไปแล้ว ก่อนจะตาย ไอ้โน่นก็ของกู ไอ้นี่ก็ของกู เวลาเขาตายจริงๆน่ะ เขาแบกอะไรไปได้บ้าง"(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: waan245 ที่ 07 มกราคม 2017, 18:53:04
ขอบคุณสำหรับความธรรมะดีๆ สาธุสาธุครับ :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มกราคม 2017, 09:56:26
การทำความดีนั้น ต้องทำทุกลมหายใจเข้าออก


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Social Marketing ที่ 08 มกราคม 2017, 11:22:18
ขอบคุณมากๆครับ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มกราคม 2017, 10:29:18
1. อย่ากลัว การเริ่มต้นใหม่ และอย่าแคร์ สายตาใครตราบใดที่เรา ยังหายใจ ด้วยจมูกของเราเอง
2. คนอื่น ไม่ให้โอกาสเรา ยังไม่น่าเศร้า เท่ากับเรา ไม่ให้โอกาสตัวเอง
3. กระจก ไม่เคยดูถูกใคร มีแต่คนที่ไม่มั่นใจ ที่ดูถูกตัวเอง
4. คนฉลาด ไม่ใช่ผู้ที่ ชนะการโต้แย้ง แต่คนฉลาด คือผู้ที่ออกห่าง
จากการโต้แย้ง ตั้งแต่เริ่มต้น
5. คนที่ใช้ชีวิตคุ้มค่า คือ คนที่ได้ทำ ในสิ่งที่อยากทำ ไม่ใช่เพราะได้ทำ ในสิ่งที่ คนอื่นอยากให้ทำ
6. อย่าเป็นคนเก่ง ที่แล้งน้ำใจ แต่จงเป็น คนธรรมดาทั่วไป ที่มีน้ำใจ และไม่เห็นแก่ตัว
7. มองปัญหา ให้เหมือนกับ เม็ดทราย ถึงจะเยอะมากมาย แต่เม็ดทราย ก็เล็กนิดเดียว
8. ไม่มีใครดีเลิศหรือ เพอร์เฟค หรอก เพราะขนาดดินสอ ยังต้องมียางลบ
9. ใครจะดูถูกเรา ก็ปล่อยให้เค้าดูถูกไป แต่จงท่องให้ขึ้นใจว่า เราจะไม่ดูถูกตัวเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มกราคม 2017, 10:41:54
ใครพูด ใครว่า ใครนินทาก็ช่างเขา ใจเราร่มเย็นและตั้งใจทำแต่ความดีอยู่ในทาน ศีล ภาวนาไว้เท่านั้นเป็นพอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มกราคม 2017, 10:48:19
"นิด้าร่วมใจช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้"
จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดของภาคใต้ นิด้า ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย จึงขอเชิญคณาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษาร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้ที่กลุ่มงานสื่อสารองค์การและกิจกรรมเพื่อสังคม ชั้น 1 อาคารนวมินทราธิราช สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 027273453


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มกราคม 2017, 13:34:39
สุดท้ายได้ตายทุกคน อย่าได้ประมาทในชีวิต ให้รีบสร้างสมบุญบารมีติดตัวไว้ไปภพหน้า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มกราคม 2017, 10:26:16
ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่ มีก็แต้ต้นทุนบุญกุศล ทรัพย์สมบัติทิ้งไว้ให้ปวงชน แม้ร่างตนเขายังเอาไปเผาไฟ เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้า เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน เมื่อเจ้ามามือเปล่าจะเอาอะไร เจ้าก้ไปมือเปล่าเหมืนเจ้ามา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มกราคม 2017, 16:23:42
คติธรรมคำสอน....ท่านพระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
.......
"ความชั่วไม่มีในที่ลับที่แจ้ง" เราไปทำในที่ลับ ทำความชั่วมัน ก็บาปอยู่นั่นเท่าเดิม เราไปทำอยู่ในที่แจ้ง ที่คนเห็นมันก็บาปอยู่เท่าเดิม ทำความชั่วทั้งหลาย
.....
บุคคลกระทำด้วยกายหรือพูดด้วยวาจาก็ดี คิดในใจของคนก็ดี หากไปทำความชั่วอยู่ในที่ลับ มันก็บาปอยู่เท่าเดิมนั้นแหละ คนกระทำความดี ทำอยู่ในที่ลับ ไม่มีใครเห็นก็ดี กราบไหว้บูชา
.....
ไหว้พระสวดมนต์ก็ดี รักษาศีลก็ดี เจริญภาวนาก็ดี อยู่ในที่คนไม่เห็น อยู่ในห้อง ใครไม่เห็นก็ดี มันก็เป็นความดี อยู่นั้นแหละ ความชั่วก็เช่นกัน ความดีก็เช่นกัน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มกราคม 2017, 10:43:51
ทุกสิ่งจบสิ้นด้วยความตาย จะวุ่นวายทำไม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มกราคม 2017, 10:20:24
คนที่เกิดมามีแต่คนช่วยเหลือ เป็นคนมีบุญ แต่คนที่เกิดมาแล้วได้ช่วยเหลือคนอื่นเป็นคนมีบุญมากกว่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: CherryX ที่ 16 มกราคม 2017, 14:14:38
คนที่เกิดมามีแต่คนช่วยเหลือ เป็นคนมีบุญ แต่คนที่เกิดมาแล้วได้ช่วยเหลือคนอื่นเป็นคนมีบุญมากกว่า

เห็นด้วยมากๆเลยค่ะ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มกราคม 2017, 10:23:25
"พระพุทธพจน์"
บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆว่าเราเป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน เป็นทายาทของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราจักทำกรรมใดดีหรือชั่วก็ตาม เราจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มกราคม 2017, 10:16:43
"บุญที่ท่านทำ กรรมที่ท่านก่อ ท่านไม่ต้องอ้อนวอนหรือร้องขอ เพราะทุกๆการกระทำของท่านจะย้อนกลับคืนมาหาท่านในทุกๆการกระทำอย่างแน่นอน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มกราคม 2017, 13:02:47
พุทธศาสนสุภาษิต
..........
ถ้าฝ่ามือไม่มีแผล ก็พึงนำยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้ ยาพิษซึมเข้าฝ่ามือ ไม่มีแผลไม่ได้ ฉันใด บาปย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่ทำ ฉันนั้น.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มกราคม 2017, 10:10:52
(หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ)
อย่าไปทำไม่ดีกับใคร จะได้ไม่ต้องกลับไปแก้ไข มันเสียเวลา..


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มกราคม 2017, 11:24:51
"พระพุทธดำรัส"
อานนท์เอยในหมู่มนุษย์นี้ ผู้ใดฝึกตนให้เป็นคนอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้อื่นได้ จัดว่าเป็นผู้ประเสริฐสุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มกราคม 2017, 10:42:18
ถ้าเราทำทุกอย่างตามหน้าที่อย่างดีที่สุดในทุกๆหน้าที่ เช่นหน้าที่(พ่อ,แม่,ลูก,สามี,ภรรยา,เพื่อน และหน้าที่แห่งความเป็น
มนุษย์ที่ดีงาม)แต่ก็ไม่ได้ดังใจผู้อื่น สุดมือสอยเราก็ต้องวางเฉย
และปล่อยวาง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มกราคม 2017, 10:38:36
ทุกข์และสุขมันเป็นของคู่กัน. แต่มันก็ไม่เที่ยง. เข้ามาเดี่ยวก็ไป. มันเป็น. อะนิจัง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 24 มกราคม 2017, 10:31:04
พระพุทธดำรัส
"การไม่ทําบาปทั้งปวง หนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อม หนึ่ง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้ว หนึ่ง นี่แลเป็นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มกราคม 2017, 10:33:22
วันคืนล่วงผ่านไปทุกวัน บัดนี้พวกเรากำลังทำอะไรอยู่ เมื่อถึงกาลเวลาอันควรแล้วกับทรัพย์สมบัติทางโลกที่ได้สะสมมา ก็ควรเร่งสร้างอริยทรัพย์ภายในคือบุญกุศล อันเป็นทรัพย์อันประเสริฐ เพื่อเป็นเสบียงบุญติดตัวไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มกราคม 2017, 13:31:25
"พุทธศาสนสุภาษิต"
ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบุญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น (ขุ.ธ. ๒๕/๓๑)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มกราคม 2017, 10:31:15
"พุทธวจนในธรรมบท"
คนทำดีย่อมสุขใจในโลกนี้ คนทำดีย่อมสุขใจในโลกหน้า คนทำดีย่อมสุขใจในโลกทั้งสอง เมื่อคิดว่าตนได้ทำแต่บุญกุศล ย่อมสุขใจ ตายไปเกิดในสุคติ ยิ่งสุขใจยิ่งขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มกราคม 2017, 10:50:36
หากจะถามเรื่องชาติปางก่อน ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบัน หากจะถามเรื่องชาติหน้า ก็ให้ดูสิ่งที่กระทำในปัจจุบัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มกราคม 2017, 10:44:31
"พายุร้ายทำอันตรายได้น้อยกว่าวาจาส่อเสียด ยุแหย่ ใส่ร้าย
นินทากัน"(หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 มกราคม 2017, 10:59:23
"ทำดีต้องได้ผลดีจริงๆ จะได้เมื่อไร ไม่สำคัญ ขอให้ทำไว้เสมอ เพราะทำดีย่อมเป็นกรรมดีเสมอ ปลูกอะไรย่อมได้ผลอย่างนั้น แต่อาจงามต่างกัน คนทำดีอาจมีผลต่างกัน ผลที่เกิดอาจผิดกันก็ได้ อย่าคำนึงนัก ขอให้ทำดีไปเรื่อยๆ เรื่องบุญ เรื่องบาป อยู่ที่การกระทำ เราจะได้ความดีจากการปฏิบัติดี เพราะการปฏิบัติดี ย่อมจะต้องได้ผลดี เป็นธรรมดา"
(ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 มกราคม 2017, 12:38:36
บุญเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งได้จริง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2017, 10:59:50
ชีวิตที่ทุกข์ยากตกต่ำสามารถเปลี่ยนแปลงให้ดีและสูงขึ้นได้ด้วยบุญกุศลที่เราทำเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 กุมภาพันธ์ 2017, 10:50:49
มนุษย์เกิดมาต้องตายทุกคนแต่ว่าตายผิดกัน ทำดีก็ไปสวรรคสมบัติหรือนิพพานสมบัติ ทำชั่วก็ไปนรกอเวจีขึ้นอยู่กับบุญหรือบาปที่ตนเองได้กระทำไว้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2017, 10:55:47
"เงินเดือนออกแล้วอย่าลืมทำบุญกับพระอรหันต์สองท่านที่บ้านกันบ้างนะ"**การเคารพรักเลี้ยงดูบิดาและมารดานั้น เป็นมงคลแห่งชีวิตที่มนุษย์ทุกคนพึงกระทำ"
....
"ขอขอบคุณเจ้าของภาพ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: lionkingz ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2017, 16:23:42
ขอบคุณมากครับ สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2017, 10:49:39
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2017, 13:11:15
พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า"หากว่าเราหาคนดีมีศีลธรรมมาเป็นเพื่อนไม่ได้ จงอยู่คนเดียวโดยมีสติเป็นเพื่อน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2017, 10:51:44
เกิดมาเป็นคนกับเขาชาติหนึ่งแล้ว อย่าได้เป็นศัตรูกับใครเขาเลย เพราะไม่เพียงแต่เราจะต้องเจ็บปวดจากการทำร้ายของศัตรูเท่านั้น หากเราเองยังจะต้องเจ็บปวดเพราะการทำร้ายตัวเองด้วย “ความทรงจำอันเลวร้าย” ที่แทรกตัวอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราเองอีกต่างหาก การไม่เป็นศัตรูกับใครๆได้นั้น ย่อมสบายใจเป็นที่สุด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กุมภาพันธ์ 2017, 12:17:24
"บาป บุญ คุณ โทษ มีจริง นรก สวรรค์ มีจริงพระนิพพานมีจริง เหตุอย่างไรผลก็เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นมนุษย์รีบสร้างบารมี คือ ทำบุญ รักษาศีล ให้ทาน และภาวนาดีกว่า ที่มาเป็นมนุษย์สมบัติพบพระพุทธศาสนาแล้ว ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ จงสร้างบารมีอย่างเต็มที่เหตุที่ไม่มีเวลาภาวนาเพราะภายในจิต ยังมีตัณหาอยู่จิตยังมีขึ้น มีลงอยู่ ไม่เห็นความบริสุทธิ์ และความปกติของจิต กิเลสตัณหาดูดเอาไปหมด"(พระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2017, 10:18:58
"โลกียทรัพย์ เป็นของที่เรานำติดตัวไปยังโลกหน้ามิได้ จึงต้องแปรโลกียทรัพย์ให้เป็น อริยทรัพย์เสียก่อน จึงจะนำติดตัวไปโลกหน้าได้"
(ท่านพ่อลี ธมมฺธโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zazane ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2017, 10:36:02
สุขทุกข์เดี๋ยวก็ผ่านไป โดย รศ. ยุพิน ดีสมศักดิ์
หลายปัญหา เกิดทับถม ระทมจิต
เบื่อชีวิต ไม่อยากเห็น/เกิดเป็นไป ใจท้อทอย
หลายสิ่งดี เติมชีวิต กายจิตลอย
เพลินใช้สอย เสพย์สุข ลืมทุกข์ไป

ชะตาชีพ จากบาปบุญ ทุนทำมา
หลั่งน้ำตา ร่าเริงใจ ไม่ทันหาย
ทั้งทุกข์สุข เปลี่ยนตามกาล เดี๋ยวผ่านไป
เกิดดับได้ ทุกข์สุขใย ใจปล่อยวาง

หลังฝนตก ฟ้ากระจ่าง พร่างพราวใส
ประมาทไม่ วันใดว่า ฟ้าพร่าพราง
ทำใจนิ่ง ทุกข์สุขใด ไม่ระคาง
ใจเป็นกลาง อุเบกขา(การวางเฉย) พาสุขแท้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: waan245 ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2017, 22:33:38
ได้สาระประโยชน์อย่างมากครับ ขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ  :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2017, 10:37:03
"พระพุทธดำรัส"
"เรือนมีการอยู่ครองไม่ดี นำความทุกข์มาให้"
"การอยู่ร่วมกับบุคคลผู้ไม่เสมอกัน นำความทุกข์มาให้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: snohomish ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2017, 16:05:31
 :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2017, 16:19:51
(หลวงปู่หลุย จันทสาโร)
"ผู้ที่ไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติก่อน ความสมหวังแห่งผู้นั้นไม่มี ย่อมคลาดแคล้วแห่งสมบัติหลายประการ ทำนาข้าวตาย ค้าขายขาดทุน หาคนค้ำจุนไม่ค่อยได้ คนนั้นป่วยไข้ ไปหาหมอก็ขัดข้องรักษาไม่ได้ ให้ตกอับทุกหน้าที่ ตกลงคนนั้นต้องกอดเข่าเจ่าจุก เพราะไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติปางก่อน ไม่ชวนให้คนอื่นเมตตา ที่พวกเราได้พากันเกิดมาในโลกนี้ ล้วนมีชาติทุกข์ ชราทุกข์ พยาธิทุกข์ และมรณะทุกข์ ประจำชาติที่เกิดมา เพราะฉะนั้น ขอคณะอุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลาย จงพากันให้ทาน รักษาศีล บำเพ็ญภาวนาให้เต็มไม้ เต็มมือ เพื่อความสุขในอนาคตข้างหน้าเป็นอริยทรัพย์ที่ติดตามตนของเราไปได้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2017, 16:15:28
บุญบาปนั้นมีจริง อย่าได้ทำบาป เพราะผลกรรม
ที่ตามมามันสุดแสนทรมานหนักหนายิ่งนัก
(หลวงปู่จันทา ถาวโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2017, 10:31:27
(ฐานสูตร)
"สตรี บุรุษ ผู้ครองเรือน นักบวช ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า เรามีการกระทำ (กรรม) เป็นของตน เป็นทายาทแห่งการกระทำ มีการกระทำเป็นกำเนิด มีการกระทำเป็นเผ่าพันธุ์ มีการกระทำเป็นที่พึ่ง จะกระทำดีก็ตาม กระทำชั่วก็ตาม เราเป็นผู้รับผลของการกระทำนั้น"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2017, 12:09:17
ขนาดบาปกรรมชั่วเก่าๆที่เคยสร้างไว้นั้นยังทุกข์อยู่และชดใช้ไม่หมดเลยอย่าได้ขยันสร้างกรรมชั่วใหม่ๆอีกเลยนะ ให้ทำแต่ความดีไว้ดีกว่า ความทุกข์ยากจะได้จางหายไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2017, 10:11:12
บุญบาปนั้นมีจริง อย่าได้ทำบาป เพราะผลกรรมที่ตามมามันสุดแสนทรมานหนักหนายิ่งนัก
(หลวงปู่จันทา ถาวโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2017, 10:21:32
ใครทำไม่ดีกับเรา จงอย่าได้ตอบโต้เขา เพราะจะก่อกรรมเวรต่อกันไม่สิ้นสุด แต่จงให้อภัยและแผ่เมตตาให้กันดีกว่า ชีวิตเราจะได้ร่มเย็นเป็นสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2017, 10:14:28
"พุทธศาสนสุภาษิต"
พึงสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ
พึงสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต
พึ่งสละ ทั้งทรัพย์ อวัยวะ และชีวิต
เพื่อรักษาธรรม (ความถูกต้อง)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2017, 16:21:30
กาลเวลาล่วงผ่านไปทุกวัน อย่ามัวเพลิดเพลินเก็บดอกไม้ข้างทางหรือหลงในวังวนกิเลสตัณหา เพราะเมื่อถึงเวลาละจากโลกนี้แล้ว จะไม่ทันกาลพึงรีบสะสมอริยทรัพย์ภายในคือบุญกุศลไว้ดีกว่า จะได้ไม่ไปสู่สถานที่อันมืดมิด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2017, 10:43:22
"วันพระ" ทำบุญตักบาตร ลดละบาป บำเพ็ญบุญ ดำรงตนอยู่ในทาน ศีล ภาวนา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2017, 13:46:13
ชีวิตที่มีความดีอาจมิใช่ความยิ่งใหญ่แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2017, 10:41:44
ความสงบสุขอันใดไหนเลยจะเทียบเท่า ความสงบสุขภายในใจที่อยู่แต่ในทาน ศีล ภาวนานั้นเป็นไม่มี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2017, 10:33:37
คนที่เกิดมาในโลกนี้มีทั้งหมด ๔ ประเภท คือ
๑. คนที่มืดมาแล้วมืดไป คือคนที่เกิดมาในตระกูลต่ำ ยากจน ทุพพลภาพ พิการ ซ้ำยังประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา และใจ ตายแล้วไปเกิดในนรก
......
๒. คนที่มืดมาแล้วสว่างไป คือคนที่เกิดมาในตระกูลต่ำ ยากจน ทุพพลภาพ พิการ แต่ประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา และใจ ตายแล้วไปเกิดในสวรรค์
......
๓. คนที่สว่างมาแล้วมืดไป คือคนที่เกิดมาในตระกูลสูง ร่ำรวย ผิวพรรณงาม แต่ประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา และใจ ตายแล้วไปเกิดในนรก
......
๔. คนที่สว่างมาแล้วสว่างไป คือคนที่เกิดมาในตระกูลสูง ร่ำรวย ผิวพรรณงาม แต่ประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา และใจ ตายแล้วไปเกิดในสวรรค์” (ปุคคลสูตร ๑๕/๑๓๒)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2017, 10:27:08
"บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิต ตั้งแต่ปุถุชนจนกระทั่งเป็นพระอริยเจ้า"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2017, 10:24:37
"พุทธวจนในธรรมบท"
คนทำดีย่อมสุขใจในโลกนี้ คนทำดีย่อมสุขใจในโลกหน้า คนทำดีย่อมสุขใจในโลกทั้งสอง เมื่อคิดว่าตนได้ทำแต่บุญกุศล ย่อมสุขใจ ตายไปเกิดในสุคติ ยิ่งสุขใจยิ่งขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pimpim ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2017, 13:32:22
ขอบคุณมากค่ะ สาธุๆ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2017, 10:50:58
ใครจะดีหรือจะชั่วก็เป็นเรื่อง
ของเขาอย่ามัวเพ่งโทษผู้อื่นอยู่
เลยนะ หันกลับมามองว่าอันตัว
ของเรานั้นเป็นคนดีหรือยัง ถ้ายัง
ก็ให้รีบทำความดีเสียแต่บัดนี้เถิด


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2017, 10:31:37
ไม่ว่าชีวิตของเราจะเป็นเช่นไรก็ตามจะทุกข์หรือจะสุขก็ช่าง เราจะทำความดีเท่านั้นตลอดไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: cloudsphere ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2017, 12:20:38
เข้ามาอ่านเรื่อยๆครับ สุดยอด  :wanwan003:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2017, 16:50:28
เป็นไตรลักษณ์ จิตมีหน้าที่รู้เท่านั้น
ขอความมีปัญญาจงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลาย
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2017, 10:29:33
คนที่มีศีลมีธรรม พูดสั้นๆง่ายๆก็เข้าใจ สำหรับคนที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรม พูดสิ่งดีๆให้ฟังเท่าไร ก็ไม่รับฟัง ไม่มีวันเข้าใจ และพูดเท่าไรก็ไม่รู้เรื่อง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มีนาคม 2017, 10:38:33
ผู้สร้างบาปก็เหมือนกับการดื่มยาพิษ อย่างไรเสียก็ต้องได้รับโทษภัย เพียงแต่ว่ายาพิษนั้นส่งผลเร็วหรือช้า(หลวงปู่ศรี มหาวีโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มีนาคม 2017, 10:24:25
"คนที่กตัญญูกับพ่อแม่ย่อมไม่มีวันตกต่ำ และย่อมเป็นที่รักของมนุษย์
อมนุษย์และเทวดา"**เงินเดือนออกแล้ว อย่าลืมทำบุญกับพระอรหันต์สองท่านที่บ้าน(พ่อแม่)บ้างนะ***


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มีนาคม 2017, 10:45:02
พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ได้ตรัสกะพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า
......
“พระมหาบิตร ! คนที่เกิดมาในโลกนี้มีทั้งหมด ๔ ประเภท คือ
๑. คนที่มืดมาแล้วมืดไป คือคนที่เกิดมาในตระกูลต่ำ ยากจน ทุพพลภาพ พิการ ซ้ำยังประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา และใจ ตายแล้วไปเกิดในนรก
......
๒. คนที่มืดมาแล้วสว่างไป คือคนที่เกิดมาในตระกูลต่ำ ยากจน ทุพพลภาพ พิการ แต่ประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา และใจ ตายแล้วไปเกิดในสวรรค์
......
๓. คนที่สว่างมาแล้วมืดไป คือคนที่เกิดมาในตระกูลสูง ร่ำรวย ผิวพรรณงาม แต่ประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา และใจ ตายแล้วไปเกิดในนรก
......
๔. คนที่สว่างมาแล้วสว่างไป คือคนที่เกิดมาในตระกูลสูง ร่ำรวย ผิวพรรณงาม แต่ประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา และใจ ตายแล้วไปเกิดในสวรรค์” (ปุคคลสูตร ๑๕/๑๓๒)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 มีนาคม 2017, 16:26:12
"พระพุทธดำรัส"
"เรือนมีการอยู่ครองไม่ดี นำความทุกข์มาให้"
"การอยู่ร่วมกับบุคคลผู้ไม่เสมอกัน นำความทุกข์มาให้"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มีนาคม 2017, 16:48:52
เมื่อเรามองทุกสิ่งเป็นเรื่องธรรมดา
ก็จะไม่มีสิ่งใดทำให้เราทุกข์ได้เลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มีนาคม 2017, 10:48:24
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก ถ้าท่านมีญาณหยั่งรู้ชะตาชีวิต ท่านจะไม่มีวันทำความชั่วใดๆได้เลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มีนาคม 2017, 14:22:42
"พุทธศาสนสุภาษิต"
ไม่ควรดูหมิ่นต่อบุญว่ามีประมาณน้อยจักไม่มีมาถึง แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาฉันใด ผู้มีปัญญาสั่งสมบุญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ ฉันนั้น (ขุ.ธ. ๒๕/๓๑)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มีนาคม 2017, 10:17:39
"พระพุทธดำรัส"
คนทำบาปถึงจะเหาะขึ้นไปในอากาศ ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม ถึงจะดำลงไปกลางทะเล ก็ไม่พ้นจากบาปกรรมถึงจะเข้าไปหลบตัวในซอกเขา ก็ไม่พ้นจากบาปกรรม เพราะไม่มีแผ่นดินสักส่วนหนึ่งที่คนทำบาปยืนอยู่แล้ว จะพ้นจากบาปกรรมได้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มีนาคม 2017, 16:12:54
ในทุกครั้งที่ข้าพเจ้าทำความดี ข้าพเจ้ารู้สึกปิติเบิกบานใจ บุญคือความสุข บุญคือความสบายใจ คิดถึงทีไรก็สบายใจทุกที


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มีนาคม 2017, 10:24:39
"ถ้ามีเวลาสำหรับหายใจ
ก็ต้องมีเวลาสำหรับภาวนา"
(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มีนาคม 2017, 10:33:43
นิพพาน ใจจะต้องเด็ดเดี่ยวมากนะ ต้องไม่ห่วงใคร จะต้องไปคนเดียว
(หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มีนาคม 2017, 16:26:48
ชาวโลกมุ่งเสาะแสวงหาโลกียทรัพย์ อริยบุคคลสละสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
อันเป็นโลกียทรัพย์ เพื่อบรรลุธรรมและสิ้นอาสวกิเลสทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มีนาคม 2017, 10:19:22
มืดแล้วก็สว่าง มันเป็นแบบนี้สลับกันไปมาไม่มีอะไรแน่นอนใช่ไหม อย่าให้ความสำคัญกันนักเลย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pangpooh01 ที่ 13 มีนาคม 2017, 13:16:39
สาธุค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มีนาคม 2017, 11:38:43
ไม่มีแรงใดเสมอแรงกรรมที่ตนเองได้ทำไว้ และไม่มีใครอยู่เหนือกฎแห่งกรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มีนาคม 2017, 10:43:31
"บุคคลที่ทนในสิ่งที่คนอื่นทนได้ยาก ทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้ยาก บุคคลนั้นจะเข้าถึงความสำเร็จของชีวิต ความอดทน ความขมขื่นจะเกิดขึ้นในเบื้องต้นของการทำความดี แต่จะได้รับความชื่นชมในบั้นปลาย"
(หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มีนาคม 2017, 10:40:48
ถ้าโยมเป็นคนดีอยู่ในศีล ทาน ภาวนา สวดมนต์ไหว้พระและหมั่นทำแต่ความดีอยู่เสมอ โยมเชื่อไหม แม้โยมนั่งอยู่ที่บ้านเฉยๆ บุญที่โยมทำไว้จะนำโชคลาภเงินทองมาให้โยมถึงบ้านเลย (พระวัดป่า)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Aunpao ที่ 17 มีนาคม 2017, 00:32:05
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มีนาคม 2017, 12:31:32
อย่าได้เพียรพยายามทำให้คนทั้งโลกถูกใจอยู่เลยนะเพราะเป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แค่เราพยายามที่จะเป็นคนดี พูดดี คิดดีและตั้งใจที่จะกระทำแต่ความดีเท่านั้นก็พอแล้ว


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มีนาคม 2017, 16:29:55
"พุทธวจนในธรรมบท"
คนทำดีย่อมสุขใจในโลกนี้ คนทำดีย่อมสุขใจในโลกหน้า คนทำดีย่อมสุขใจในโลกทั้งสอง เมื่อคิดว่าตนได้ทำแต่บุญกุศล ย่อมสุขใจ ตายไปเกิดในสุคติ ยิ่งสุขใจยิ่งขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มีนาคม 2017, 10:32:01
ผู้สร้างบาปก็เหมือนกับการดื่มยาพิษ อย่างไรเสียก็ต้องได้รับโทษภัย เพียงแต่ว่ายาพิษนั้นส่งผลเร็วหรือช้า(หลวงปู่ศรี มหาวีโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Health-TH ที่ 19 มีนาคม 2017, 15:00:28
ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มีนาคม 2017, 10:44:50
การทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นล้วนก่อ
ทุกข์ การไม่ทะเลาะกับผู้ใดเลย
ย่อมสบายใจเป็นที่สุด การมีเมตตา กรุณา มุทิตาอุเบกขา คือหลักธรรมที่ทำให้มนุษย์ประสบแต่ความสบายใจและสงบสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 มีนาคม 2017, 10:19:00
ใครดีหรือชั่วเป็นเรื่องของพวกเขา อย่าสาปแช่งใครเพราะจะเข้าตัวเรา ทุกอย่างที่ทำไว้ทั้งความดีและความชั่ว ทุกคนย่อมได้รับผลการกระทำที่ตนเองทำไว้เองทั้งสิ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 มีนาคม 2017, 10:13:31
“โลภ โกรธ หลง มึงอย่าไปหลงงมงายเชียวน่ะ ถ้ามึงไม่อยู่ในศีลในธรรมมึงก็จะเป็นไปตามกรรมที่มึงสร้างไว้”(หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 มีนาคม 2017, 11:10:09
"ภาวนาได้เห็นแสงสว่างเท่าปลายหัวไม้ขีดชั่วประเดี๋ยวเดียว เท่าช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ยังมีอานิสงส์มากกว่าตักบาตรจนขันลงหินทะลุ"
..........
หลวงพ่อดู่ท่านเคยพูดเสมอว่า "อุปัชฌาย์ข้า (หลวงพ่อกลั่น) สอนว่า ภาวนาได้เห็นแสงสว่างเท่าปลายหัวไม้ขีดชั่วประเดี๋ยวเดียว เท่าช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ยังมีอานิสงส์มากกว่าตักบาตรจนขันลงหินทะลุ"เคยมีสุภาพสตรีท่านหนึ่งมีปัญหาถามว่า นั่งปฏิบัติภาวนาแล้วจิตไม่รวม ไม่สงบ ควรจะทำอย่างไร ท่านแก้ให้ว่า"การปฏิบัติ ถ้าอยากให้เป็นเร็ว ๆ มันก็ไม่เป็น หรือไม่อยากให้เป็นมันก็ประมาทเสีย ไม่เป็นอีกเหมือนกัน อยากเป็นก็ไม่ว่า ไม่อยากเป็นก็ไม่ว่า ทำใจให้เป็นกลาง ๆ ตั้งใจให้แน่วแน่ในกัมมัฏฐานที่เรายึดมั่นอยู่นั้น แล้วภาวนาเรื่อยไป เหมือนกับเรากินข้าวไม่ต้องอยากให้มันอิ่ม ค่อย ๆ กินไปมันก็อิ่มเอง ภาวนาก็เช่นกัน ไม่ต้องไปคาดหวังให้มันสงบ หน้าที่ของเราคือภาวนาไป ก็จะถึงของดีของวิเศษในตัวเรา แล้วจะรู้ชัดขึ้นมาว่าอะไรเป็นอะไร ให้หมั่นทำเรื่อยไป"(คำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 มีนาคม 2017, 10:21:13
ศีลเป็นบ่อเกิดแห่งความดี ศีลเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 มีนาคม 2017, 10:30:45
จงทำดีหนีนรก กรรมชั่วที่ทำไว้ต้องชดใช้ แต่ให้ทำความดีไว้มากๆทุกวันและตลอดเวลา เพื่อว่าไม่ให้กรรมชั่วที่เคยทำไว้แซงทัน เมื่อใดก็ตามที่ท่านหยุดทำกรรมดี เมื่อนั้นกรรมชั่วที่ท่านทำไว้จะตามทัน จงอย่าหยุดสร้างกรรมดี แต่จงหยุดสร้างกรรมชั่วให้ได้ตลอดไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 มีนาคม 2017, 10:24:31
"การตัดกรรมก็คือหยุดทำความชั่ว ความบาป การตัดเวรก็คือหยุดการพยาบาทอาฆาตจองเวรซึ่งกันและกัน คือไม่แก้แค้นซึ่งกันและกัน รู้จักคำว่าให้อภัยซึ่งกันและกัน ผู้ทำผิดก็ให้รู้จักคำว่า ขอโทษ ผู้ถูกขอโทษก็ควรจะรู้จักคำว่า ให้อภัย ไม่เป็นไรหรอก"(หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 มีนาคม 2017, 10:42:13
"พระพุทธพจน์"
"ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมเป็นทุกข์ พระขีณาสพผู้สงบระงับ ละความชนะความแพ้ได้แล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 มีนาคม 2017, 10:14:09
สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นกับเรา นั่นเป็นผลการกระทำที่เราทำไว้เอง ส่งผล
กลับมาหาเราทั้งสิ้น จงอย่าโทษโน่นนี่นั่นอยู่เลย ไม่มีใครมาลิขิตชีวิตของเราได้ นอกจากการกระทำที่เรานั่นแหละทำไว้เอง ทำดีเราต้องได้ดี ทำชั่วไว้ก็ย่อมได้ชั่วเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: eakk468 ที่ 28 มีนาคม 2017, 21:49:15
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 มีนาคม 2017, 10:13:14
ปุถุชนคนธรรมดา มุ่งเสาะแสวงหาแต่สมบัติทางโลกแบบไม่สิ้นสุด แต่อริยบุคคลนั้นจะปล่อยวางจากทรัพย์สมบัติทางโลกและพอใจในสิ่งที่ตนเองมีตามการทำหน้าที่ทางโลกเท่านั้น และดำรงชีวิตเพื่อมุ่งสะสมอริยทรัพย์ภายในคือบุญกุศลเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 มีนาคม 2017, 10:54:03
บาป บุญ คุณ โทษ มีจริง นรก สวรรค์ มีจริง พระนิพพานมีจริง เหตุอย่างไร ผลก็เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นมนุษย์รีบสร้างบารมี คือ ทำบุญ รักษาศีล ให้ทาน และภาวนาดีกว่า ที่มาเป็นมนุษย์สมบัติพบพระพุทธศาสนาแล้ว ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ จงสร้างบารมีอย่างเต็มที่ เหตุที่ไม่มีเวลาภาวนาเพราะภายในจิตยังมีตัณหาอยู่ จิตยังมีขึ้น มีลงอยู่ ไม่เห็นความบริสุทธิ์ และความปกติของจิต กิเลสตัณหาดูดเอาไปหมด
...........
(คติธรรมคำสอนท่านพระอาจารย์หลุย จนฺทสาโร วัดถ้ำผาปิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Witchdee ที่ 31 มีนาคม 2017, 11:05:22
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Health-TH ที่ 31 มีนาคม 2017, 20:26:32
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 เมษายน 2017, 16:31:05
"เงินเดือนออกแล้ว อย่าลืมทำบุญกับพระอรหันต์ 2 ท่าน(พ่อกับแม่)ที่บ้านบ้างนะ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 เมษายน 2017, 10:52:03
ในทางโลก การได้มามากๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่ในทางธรรม การสละสิ่งที่มีมากๆ ให้หมดไปแม้แต่สิ่งละเอียดอ่อนภายในใจได้ท่านว่าประเสริฐสุด(หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 เมษายน 2017, 10:29:52
"พระพุทธดำรัส"
"การไม่ทําบาปทั้งปวง หนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อม หนึ่ง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้ว หนึ่ง นี่แลเป็นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 เมษายน 2017, 10:46:08
เราไม่ควรทุกข์เพราะความเลวของคนอื่น(แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 เมษายน 2017, 10:31:01
"ดูคนอย่าดูที่ลาภยศเงินตรา ให้ดูที่คุณค่าของความดีและศีลธรรม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 เมษายน 2017, 10:30:00
กฎแห่งกรรมนั้นยุติธรรมเสมอ
เมื่อถีงเวลาไม่ต้องร้องขอ ทุกๆ
บุญบาปที่ท่านกระทำไว้ จะย้อน
กลับคืนมาหาท่านในทุกๆการ
กระทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 เมษายน 2017, 10:51:09
คนอื่นเขาด่าเรา เขาก็ลืม แต่เราไปเก็บมาคิด เหมือนเขาคายเศษอาหารทิ้งไปแล้วเราไปเก็บมากิน แล้วจะว่าใครโง่ (หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 เมษายน 2017, 11:05:14
ลมหายใจแห่ง"สติ"ย่อมเป็นบ่อเกิดแห่ง"ปัญญาธรรม"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 เมษายน 2017, 16:22:55
ในบางครั้งคนบางคนที่มาเจอกัน ก็เพื่อมาเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน และต้องชดใช้กรรมให้หมดสิ้นไป ซึ่งบุคคลเหล่านั้นมักจะมาในรูปคนที่เรารัก เช่น ลูก สามี ภรรยา นั่นเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 เมษายน 2017, 13:36:07
 การให้และความสุขที่แท้จริง
คือพ่อแม่ที่ให้กับลูกโดยใม่หวัง
สิ่งตอบแทนใดฯจากลูกที่ใม่มี
วันสิ้นสุด.


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 เมษายน 2017, 10:16:25
"เขาไม่พลัดพราก เราก็พลัดพราก เขาไม่จาก เราก็จาก เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยความจาก ความพลัดพรากกันอยู่แล้วโดยธรรมชาติ"
(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: vpshispeed ที่ 11 เมษายน 2017, 15:08:53
สาธุ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: boogydoggy ที่ 11 เมษายน 2017, 16:04:08
ขอบคุณมากครับ
สาธุ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 เมษายน 2017, 10:34:57
หากจะถามเรื่องชาติปางก่อน ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบัน หากจะถามเรื่องชาติหน้า ก็ให้ดูสิ่งที่กระทำในปัจจุบัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 เมษายน 2017, 10:38:34
สุดท้ายได้ตายทุกคน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: kanesz12 ที่ 14 เมษายน 2017, 18:56:11
สุดท้ายได้ตายทุกคน

 :-X


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 เมษายน 2017, 10:42:32
บุญเป็นของไม่หายไปได้อยู่กับเราจนวันตาย


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 เมษายน 2017, 10:47:17
ในทุกครั้งที่ข้าพเจ้าทำความดี ขอให้บุญกุศลที่ข้าพเจ้าตั้งใจทำไว้ ส่งผล กลับมาทำให้ข้าพเจ้าและครอบครัวและเพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกท่านเป็นคนดี มีศีลธรรม ประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่ดีสิ่งที่ชอบ มีสัมมาทิฐิ มีสัมมาอาชีวะ พานพบแต่สิ่งที่ดีๆ อยู่ท่ามกลางคนดี ประสบแต่ความโชคดี มีความสุข ความเจริญ เงินทองโชคลาภอุดมสมบูรณ์ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละตลอดไปด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 เมษายน 2017, 11:08:36
จงยึดมั่นในคุณความดีและ
บุญกุศลที่ท่านได้ทำไว้ แล้ว
ท่านจะรู้สึกปลื้มปิติเบิกบาน
ใจ และอบอุ่นปลอดภัยในทุก
สถานการณ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 เมษายน 2017, 10:47:25
จงยึดมั่นในคุณความดีและบุญกุศลที่ท่านได้ทำไว้ แล้วท่านจะรู้สึกปลื้มปิติเบิกบานใจ และอบอุ่นปลอดภัยในทุกสถานการณ์


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 เมษายน 2017, 10:38:04
"พลังแห่งความดีย่อมเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข ความสำเร็จ และความโชคดีเสมอ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 21 เมษายน 2017, 10:42:33
พึงระลึกอยู่เสมอว่า"มีผู้คนอีกมากมายนักบนโลกใบนี้ที่ลำบากทุกข์ยากหรือเจ็บปวดมากยิ่งกว่าเรา จงเอาใจเขามาใส่ใจของเรา และมีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์อยู่เสมอ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 เมษายน 2017, 10:56:38
โลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดแน่นอน
วันนี้สูงส่ง พรุ่งนี้อาจตกต่ำ
จงอย่าได้เหยียบย่ำดูถูกหรือ
ซ้ำเติมผู้ใด ฝึกใจให้มีแต่ความ
เมตตากรุณาและเห็นใจเพื่อน
มนุษย์ด้วยกันไว้ดีกว่าใจ
เราจะได้ร่มเย็นเป็นสุขและ
สบายใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 เมษายน 2017, 11:10:50
ศีลเป็นบ่อเกิดแห่งความดี ศีลเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 เมษายน 2017, 12:52:36
"ควรระลึกถึงป่าช้าคือความตายบ้าง เพราะกรรมกับป่าช้าอยู่อยู่ด้วยกัน ถ้าระลึกถึงป่าช้า ในขณะเดียวกันได้ระลึกถึงกรรมด้วย อย่าอวดตัวว่าเก่งทั้ง ๆ ที่ไม่เหนืออำนาจของกรรม ไม่ควรอวดตัวว่าเก่งกว่าศาสดา สุดท้ายก็จนมุมของกรรม คือความเก่งของตัว"
(หลวงปู่มั่น ภูริทัตตะเถระ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 เมษายน 2017, 10:47:49
ความจริงสิ่งของทั้งหลาย ที่เราสำคัญหมายมั่นว่าเป็นของๆเรา ความจริงเปล่าทั้งนั้น
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 เมษายน 2017, 10:02:07
แค่จิตที่คิดดีและต้องการที่จะเป็นคนดีแม้เพียงเศษเสี้ยวของวินาทีก็เป็นบุญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 เมษายน 2017, 10:19:40
"ชีวิตมนุษย์นั้นเปรียบเสมือนหนังสือ เมื่อเปิดพบว่าบางหน้าไม่ดี ก็ใช่ว่าชีวิตจะจบลงไม่ แต่จงเปิดหน้าหนังสือหน้าถัดไป แล้วอย่าเปิดย้อนหลังไปหน้าเก่าๆ ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีอีกครั้ง"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 28 เมษายน 2017, 02:37:13
"เมื่อเป็นผู้ให้จงเป็นอย่างมีเกียรติ
ให้โดยไม่หวังการตอบแทนจากผู้รับ
ให้โดยไม่คิดทวงบุญคุณ
เมื่อเป็นผู้รับจงเป็นอย่างมีศักดิ์ศรี
รับโดยไม่ทําผู้ให้เดือดร้อน
รับอย่างรู้จักพอ
รับโดยรู้สํานึกในบุญคุณท่านผู้ให้
รับอย่างกตัญญูกตเวทีหาโอกาสตอบแทนบุญคุณผู้ให้
จงเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่
ปรารถนาช่วยเหลือเกื้อกูลด้วยเมตตาที่ไม่มีประมาณ
ปรารถนาสละเพื่อยังประโยชน์และสันติสุขแก่มวลชน
ปรารถนาให้สรรพสัตว์ทั้งปวงเป็นสุข
เป็นผู้รับเป็นง่ายแต่มีค่าน้อย
เป็นผู้ให้เป็นยากแต่มีคุณค่าที่ยิ่งใหญ่
เมื่อเป็นผู้ให้จงให้อย่างมีเกียรติ
เมื่อเป็นผู้รับจงรับอย่างมีศักดิ์ศรี"

หนังสือทิศที่ 11 บทที่ 113
หลวงพ่อชุมพล พลปญฺโญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 เมษายน 2017, 10:20:04
กฎแห่งกรรมเที่ยงตรงและยุติธรรมเสมอ...


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 เมษายน 2017, 10:24:11
ท่านเขื่อไหมว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย์ทุกคนนั้น ย่อมเป็นไปตามกรรมหรือบุญบาปที่ตนเองได้ทำไว้เองทั้งสิ้น ทำดีชีวิตก็มีแต่ความสุขโชคดี หากทำชั่วก็มีแต่ความทุกข์เดือดร้อนใจ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 พฤษภาคม 2017, 09:38:25
"บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว"(พุทธศาสนสุภาษิต)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 พฤษภาคม 2017, 10:32:53
สติสำคัญมากช่วยให้ปล่อยวางได้เร็ว อยู่กับปัจจุบัน ไม่อาลัยในอดีต ไม่พะวงกับอนาคต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 พฤษภาคม 2017, 10:39:29
(พุทธวจนในธรรมบท)
"คนที่ล่วงศีลข้อที่สี่ มักพูดเท็จ ไม่คำนึงถึงปรโลก จะไม่ทำความชั่ว ไม่มี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤษภาคม 2017, 10:22:23
"บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว"(พุทธศาสนสุภาษิต)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 พฤษภาคม 2017, 10:30:07
"ความจริงสิ่งของทั้งหลายที่เราหมายมั่นว่าเป็นของๆเรา ความจริงเปล่าทั้งนั้น"(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 พฤษภาคม 2017, 16:33:48
"ถ้าไม่อยากมีชีวิตที่ตกต่ำต้องทำแต่ความดี"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 พฤษภาคม 2017, 16:20:38
เริ่มต้นชีวิตใหม่ทุกวัน ด้วยการคิดดี ทำดี พูดดี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 พฤษภาคม 2017, 12:19:26
"มงคลชีวิต"ข้อที่ ๑ (ห้ามคบคนพาล)
"มงคลชีวิต"ข้อที่ ๒ (จงคบบัณฑิตหรือนักปราชญ์หรือคนดี)
"คนห่อกฤษณาด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ก็หอมไปด้วยฉันใด การคบกับนักปราชญ์ก็ฉันนั้น คนห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา แม้หญ้าคาก็พลอยเหม็นเน่าไปด้วยฉันใด การคบคนพาลก็ฉันนั้น"(พุทธศาสนสุภาษิต)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: pangpooh01 ที่ 08 พฤษภาคม 2017, 14:03:54
ดีมากเลยค่ะ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 พฤษภาคม 2017, 11:00:03
พรุ่งนี้เป็น"วันพระ"และเป็นวันวิสาขบูชา ทำบุญตักบาตร ลดละบาป บำเพ็ญบุญ ทำจิตใจให้สว่างสงบ ดำรงตนอยู่ใน ศีล ทาน ภาวนา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 พฤษภาคม 2017, 10:38:33
ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 พฤษภาคม 2017, 10:15:56
การเป็นคนดี แม้ไม่มีใครเห็น ก็ปิติเบิกบานใจที่ได้ทำความดี
คนดีย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ อมนุษย์และเทวดา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 พฤษภาคม 2017, 10:29:27
ศีลเป็นบ่อเกิดแห่งความดี ศีลเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 พฤษภาคม 2017, 16:31:06
"อานิสงส์ของการทำบุญ"(ที่จะทำให้เจริญรุ่งเรืองทุกด้าน)
.........
ทุกคนที่เป็นชาวพุทธย่อมคุ้นเคยกับการทำบุญทำทานเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการตักบาตร การเข้าวัดไหว้พระ การบริจาคเงิน หรือการปล่อยนกปล่อยปลา ไม่ว่าคุณจะเคยทำบุญแบบไหนก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีด้วยกันทั้งนั้น แต่จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าหากคุณทราบวิธีการทำบุญที่ถูกต้องและสามารถได้อนิสงส์จากการทำบุญอย่างเต็มที่ การทำบุญของคุณนั้นนำพามาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้านของชีวิต
.......
-การทำบุญด้วยการนั่งสมาธิ ภาวนาจิต
การนั่งสมาธิเป็นประจำ หมั่นภาวนาจิต เจริญสติอยู่เสมอ ก็ถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งที่ควรทำเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที ซึ่งอนิสงส์จากการนั่งสมาธิ และภาวนาจิตเป็นประจำจะส่งผลให้บุญบารมีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้มีสติปัญญาชาญฉลาด จิตใจบริสุทธิ์ สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้อย่างมีสติ นอกจากนี้ยังทำให้สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตแข็งแรง อีกทั้งอนิสงส์ผลบุญยังส่งถึงญาติมิตรที่ล่วงลับและเจ้ากรรมนายเวรอีกด้วย
........
-การทำบุญด้วยการไถ่ชีวิตสัตว์
การทำบุญด้วยการไถ่ชีวิตสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ก็ได้ทั้งนั้น เช่น การปล่อยปลา การไถ่ชีวิตโคกระบือ เป็นต้น ซึ่งการไถ่ชีวิตสัตว์นั้น ควรทำอย่างถูกต้องเหมาะสม สัตว์ที่ปล่อยไปแล้วสามารถมีชีวิตรอดปลอดภัยต่อไปได้ ซึ่งอนิสงส์จากการไถ่ชีวิตสัตว์นั้นจะส่งผลให้มีชีวิตที่ยืนยาว การงานราบรื่น หากค้าขายก็จะทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง ขจัดอุปสรรคต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต อีกทั้งยังเป็นการใช้กรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวรอีกด้วย
........
-การทำบุญด้วยการให้ทาน
การทำบุญด้วยการให้ทานนั้นเป็นการยอมสละซึ่งของที่เป็นของตน เพื่อแบ่งปันให้ผู้อื่นที่เดือนหรือจำเป็นต้องใช้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรือเงินทอง ก็ได้บุญทั้งสิ้น ซึ่งการให้ทานนั้นเป็นการช่วยลดความโลภ และความตระหนี่ในจิตใจให้น้อยลง สำหรับการให้ทานด้วยสิ่งของนั้นควรเป็นสิ่งของที่สามารถใช้งานได้และเป็นประโยชน์ต่อผู้รับจึงจะทำให้ได้อนิสงส์อย่างเต็มที่ ซึ่งอนิสงส์ของการทำทานจะส่งผลให้เงินทองไหลมาเทมา มีฐานะการงานที่มั่นคง ปลอดจากหนี้สิน
......
-การทำบุญด้วยการรักษาศีล
การรักษาศีลนั้นสามารถทำได้ทั้งการรักษาศีล 5 หรือการรักษาศีล 8 ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำเป็นปกติในชีวิตประจำวัน เนื่องจากการรักษาศีลนั้นเป็นการฝึกฝนตนเองไม่ให้กระทำชั่ว กระทำบาปทั้งปวง และไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่น เป็นการฝึกจิตใจให้คุ้นชินกับความดี ซึ่งอนิสงส์จากการทำบุญด้วยการรักษาศีลให้บริสุทธิ์อยู่เสมอนั้นจะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้พ้นภัย เวรกรรมที่มีก็ทุเลาเบาบางลง
........
-การทำบุญด้วยการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล คือ การที่ได้ทำดีแล้วจึงแบ่งปัน เผื่อแผ่บุญกุศลที่ได้ทำมานั้นให้กับบุคลอื่น ภูตผี เทวดา หรือเจ้ากรรมนายเวร หรืออีกนัยหนึ่งคือการที่สามารถทำงานการสิ่งใดสำเร็จลุล่วง ก็เผื่อแผ่ความดีความชอบนั้นให้กับผู้อื่นด้วย ซึ่งอนิสงส์จากการอุทิศบุญกุศลนั้นจะทำให้เป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ผ่องใส ลดความยึดติดในความดีความชอบต่างๆ เหล่านั้น
.........
-การทำบุญด้วยการสวดมนต์
การสวดมนต์ด้วยบทสวดต่างๆ เป็นประจำทุกวันก่อนนอน นอกจากจะทำให้เป็นคนที่มีจิตใจสงบ มีสติรู้ตัวอยู่เสมอแล้ว อนิสงส์จากการสวดมนต์เป็นประจำทุกวันยังทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง หน้าที่การงานก้าวหน้า โชคลาภเข้ามาไม่ขาดสาย แคล้วคลาดจากเคราะห์ร้ายทั้งปวง เมื่อสวดมนต์เรียบร้อยแล้วควรแผ่เมตตาทุกครั้งจะยิ่งได้อนิสงส์ยิ่งนัก
......
-การทำบุญด้วยการเป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
หลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเพียงแค่การที่เป็นคนที่มีกริยาอ่อนน้อมถ่อมตนก็สามารถได้บุญแล้ว เนื่องจากการที่เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนนั้นเป็นการลดความยึดมั่นถือมั่นของตัวเอง ถือว่าเป็นการฝึกจิตใจด้วยความดีอีกอย่างหนึ่ง ทำให้มีจิตใจที่ดีและบริสุทธิ์อยู่เสมอ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ผู้ที่มีคุณธรรม หรือแม้กระทั่งการให้เกียติผู้อื่น ผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนย่อมได้อนิสงส์ด้วยการเป็นที่รักของผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนให้ความเมตตา นับถืออยู่เสมอ
.........
-การทำบุญด้วยการแสดงธรรมและการฟังธรรม
การฟังธรรมเป็นการศึกษาธรรมะที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต หรือการศึกษาสัจธรรมของชีวิต เพื่อยกระดับจิตใจและคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้น และมีมุมมองในการดำเนินชีวิตที่กว้างขึ้น หากเป็นคนที่มีธรรมะมากแล้วก็สามารถแสดงธรรม หรือการให้ข้อคิดดีๆ แก่ผู้อื่นด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ เพื่อช่วยให้ผู้อื่นได้พบหนทางที่ดีในชีวิต หรือหากยังมีธรรมะไม่มากพอก็สามารถจัดพิมพ์หนังสือธรรมะเผยแผ่สู่บุคคลอื่นก็ถือเป็นการแสดงธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งอนิสงส์จากการได้แสดงธรรมให้ผู้อื่นได้มีชีวิตที่ดีขึ้นจะทำให้เป็นที่เคารพสรรเสริญจากผู้คนมากมาย
........
-การทำบุญด้วยการให้ทุนการศึกษา
การทำบุญด้วยการให้ทุนการศึกษานั้น สามารถทำได้โดยการบริจาคในรูปของเงินทอง การบริจาคหนังสือสื่อการเรียนการสอนต่างๆ หรือการเป็นอาสาสมัครสอนหนังสือให้แก่ผู้ด้อยโอกาส เป็นต้น ซึ่งอนิสงส์จากการให้ทุนการศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาสนั้นจะส่งผลให้มีปัญญาเฉลียวฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณดีเลิศ มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนสูงๆ และเป็นคนรอบรู้
........
-การทำบุญด้วยการอนุโมทนาบุญแก่ผู้อื่น
การอนุโมทนาบุญนั้นเป็นการร่วมยินดีกับผู้อื่นที่ทำความดี เมื่อบุคคลอื่นทำความดีหรือสร้างบุญกุศลมาก็แสดงความชื่นชมยินดีต่อความดีนั้นด้วยจิตที่เป็นบริสุทธิ์ ปราศจากความอิจฉาริษยา เนื่องจากความอิจฉาริษยานั้นจะทำให้จิตใจมัวหมอง ซึ่งอนิสงส์จากการอนุโมทนาบุญนั้นจะส่งเสริมให้มีจิตใจที่สูงขึ้น จิตใจมีแต่ความสุขสดใส อีกทั้งยังมีมิตรสหายมากมาย
........
-การทำบุญด้วยการบวชหรือการบวชชีพราหมณ์
การบวชพระหรือการบวชชีพราหมณ์ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างหนึ่ง และเป็นการอุทิศบุญกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ซึ่งอนิสงส์จากการบวชนั้นจะช่วยทำให้เวรกรรมที่มีอยู่เบาบางลง มีจิตใจผ่องใสและบริสุทธิ์ และเป็นหนทางมุ่งสู่พระนิพพาน
....
ที่มา:กัลยาณธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 พฤษภาคม 2017, 10:09:58
ทำดีย่อมมีแต่สิ่งที่ดีย้อนกลับมาหาเราอย่างแน่นอน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: SEOLOVEis ที่ 15 พฤษภาคม 2017, 08:57:45
ร่มเย็นเป็นสุข ธรรมมะ ธรรมชาติ สร้างชีวิตให้ดีขึ้น  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 พฤษภาคม 2017, 10:14:07
ยิ่งมีชื่อเสียงเด่นดัง ท่านจะไม่มีวันสงบสุข การเป็นคนธรรมดาที่เป็นคนดีและสะสมบุญแบบไม่ต้องบอกใครนั้น ย่อมสบายใจและสงบสุข


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: NetworkAir ที่ 15 พฤษภาคม 2017, 15:52:04
ขอบคุณค่า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 พฤษภาคม 2017, 10:32:55
บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตทุกระดับตั้งแต่ปุถุชนจนกระทั่งเป็นพระอริยเจ้า


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 พฤษภาคม 2017, 10:31:11
บุญไหนก็ไม่ยิ่งใหญ่ เท่าบุญในการเลี้ยงพ่อแม่


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 พฤษภาคม 2017, 10:24:07
มีแต่บุญและบาปที่ท่านได้ทำไว้เท่านั้นที่จะตามติดตัวท่านไปได้ ให้ละบาป บำเพ็ญบุญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 พฤษภาคม 2017, 12:30:56
"ผู้ไม่มีศีล ไม่มั่นคง ถึงจะเป็นอยู่ตั้งร้อยปี , ส่วนผู้มีศีล เพ่งพินิจ มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่า"(พุทธศาสนสุภาษิต)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 พฤษภาคม 2017, 10:25:01
ให้ละอาย เสียใจ กลัวทุกครั้งที่ทำผิดทำบาปแล้วมันก็จะทำผิดน้อยลงๆจนไม่มีการทำผิดเลย(พุทธทาสภิกขุ)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 22 พฤษภาคม 2017, 10:30:42
"สุขได้ถ้าใจพอและพอใจ"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 23 พฤษภาคม 2017, 00:57:00
***สมัยที่คนชั่วมีกำลัง คนดีก็ทำอะไรไม่ได้มาก***

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด พวกโจรมีกำลัง สมัยนั้นพระเจ้าแผ่นดินย่อมถอยกำลัง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในสมัยเช่นนั้น พระเจ้าแผ่นดินย่อมไม่สะดวกที่จะเสด็จผ่านไป เสด็จออกไป หรือจะออกคำสั่งไปยังชนบทชายแดนในสมัยเช่นนั้น แม้พวกพราหมณ์และคฤหบดีก็ไม่สะดวกที่จะผ่านไป จะออกไปหรือเพื่อตรวจตราการงานภายนอก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สมัยใด
พวกภิกษุเลวทรามมีกำลัง สมัยนั้น พวกภิกษุที่มีศีลเป็นที่รักย่อมถอยกำลัง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในสมัยเช่นนั้น ภิกษุพวกที่มีศีลเป็นที่รัก เป็นผู้นิ่งเงียบทีเดียว นั่งในท่ามกลางสงฆ์ หรือ คบชนบทชายแดน
ข้อนี้นั้นย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ของชนมาก เพื่อมิใช่สุขของชนมาก เพื่อความฉิบหาย เพื่อมิใช่ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 พฤษภาคม 2017, 10:22:25
จงมองคนด้วยปัญญา


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 24 พฤษภาคม 2017, 10:46:13
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบุญว่าบุญมีประมาณน้อยจักไม่มาถึง แม้หม้อน้ำยังเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาทีละหยาดๆ ฉันใด นักปราชญ์สั่งสมบุญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มด้วยบุญ ฉันนั้น" ในทางตรงกันข้าม เราก็ไม่ควรดูหมิ่นบาปเล็กน้อยว่าจะไม่เพิ่มมากขึ้น ในเมื่อเราทำบาปนั้นบ่อยๆ และเมื่อทำบ่อยๆ จิตใจก็คุ้นกับบาป เป็นเหตุให้บาปเกิดได้ง่ายและบ่อยขึ้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 25 พฤษภาคม 2017, 11:00:38
เรื่องที่ผ่านไปแล้ว มันก็ผ่านไปแล้วเหมือนวันวาน อย่าเก็บเอามาเป็นหนามทิ่มแทงตนเองอีกเลย(หลวงพ่อชา สุภัทโท)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 26 พฤษภาคม 2017, 10:39:13
"แม่"
ลองอ่านให้จบนะครับว่า เงินที่ให้แม่แค่ 1,000 บาท คุณค่ามากแค่ไหน)
.........
อาจารย์ของผมท่านได้ให้เงินเดือนพ่อและแม่เดือนละ 1,000 บาท เป็นประจำทุกเดือน
.....
ผมสงสัยทำไมต้องให้เงิน พ่อแม่เดือนละ 1,000 บาท? ในเมื่อแม่ก็อยู่บ้านหลังเดียวกับอาจารย์อยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับท่าน อาจารย์ก็จัดการทั้งหมดอยู่แล้ว
......
วันหนึ่งสบโอกาสผมจึงตัดสินใจ ถามอาจารย์ว่า "อาจารย์กำลังทำอะไรครับ?"
.......
อาจารย์ตอบว่า "ผมกำลังตัดรายจ่ายอยู่...ผมต้องจ่ายค่าแม่ครัว คนขับรถ คนสวน ค่าใช้จ่ายในบ้าน และให้แม่อีกเดือนละ 1,000 บาท...ตอนนี้รายได้กับรายจ่ายมันไม่ค่อยสัมพันธ์กัน ต้องตัดรายจ่ายลงบ้าง"
................
ผมเลยบอกว่า "เงินเดือนที่ให้แม่ 1,000 ตัดได้นี่ครับ...อาหาร 3 มื้อ อาจารย์ก็จัดให้ท่านเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ซื้อให้ใหม่ปีละ 3 ชุด ไม่สบาย อาจารย์ก็พาหมอมาฉีดยาให้ คุณแม่ตาบอดไม่ได้ไปไหน ฉะนั้นเงินเดือน 1,000 นี่ ตัดได้ครับ
......
อาจารย์บอกว่า "ตัดไม่ได้เด็ดขาด...1,000 บาทนี่สำคัญที่สุด เพราะเป็นเงินสำหรับเลี้ยง "หัวใจแม่!"
......
ผมฟังแล้วสะอึก! "เงินเลี้ยงหัวใจแม่"...พวกเราเคยได้ยินไหมครับ?
............
อาจารย์บอกต่อ "หัวใจต้องการอาหารที่มาหล่อเลี้ยงให้เอิบอิ่ม เบิกบาน เป็นสุข คุณลองนึกดู...คนที่ไม่มีเงินอยู่ในตัวเลยนี่เป็นยังไง? หัวใจมันแฟบ หัวใจมันเหี่ยวเฉา เหมือนดอกไม้ยามเย็น ใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนจะรู้ พอเลยวันที่ 25 ไปแล้วนี่ มันเหี่ยวๆ ยังไงชอบกล ไม่มีเงินค่ารถ ค่าอาหาร ซื้อข้าวสาร มันเหี่ยวไปจนถึงสิ้นเดือน แม่อยู่กับเราก็จริง แต่ถ้าแม่ไม่มีเงินอยู่ในมือนี่ หัวใจท่านเหี่ยว พอถึงวันเงินเดือนออก ทุกคนหน้าบานเหมือนดอกไม้ยามเช้า จิตใจสดชื่นเบิกบาน มีความสุข รับเงินเดือนมาใหม่ๆ หน้าสดใส สั่งกาแฟยังเสียงดัง ฟังชัด ทุกสิ้นเดือนพอเงินเดือนออก ผมเข้าไปสวัสดีแม่ บอกแม่ว่าวันนี้เงินเดือนออกครับ ผมเอาเงินใส่่มือแม่ 1,000 บาท แม่ก็ให้พร เเล้วเก็บเงินไว้ใต้หมอนไว้อย่างมีความสุข"

...........................

1,000 บาท เลี้ยงหัวใจแม่อย่างไร?

วันหนึ่งน้องของอาจารย์พาภรรยาไปคลอดลูก คุณแม่ก็ซื้อทองให้หลานด้วยเงิน 1,000 บาท ที่เก็บสะสมไว้ ท่านกอดหลานสาว...สวมสร้อยให้พร้อมให้พร
.................
พอเด็กคนนี้โตพอพูดได้ มีคนถามว่าสายสร้อยนี้ใครซื้อให้ เด็กก็จะตอบว่า "คุณย่าซื้อให้" ชี้มือไปที่คนตาบอด คนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านคือคุณย่า ไม่ใช่พ่อแม่
..................
เพราะเงิน 1,000 บาท นี่ทำให้คนตาบอดดูน่าเกรงขาม ถ้าคุณแม่ไม่มีเงิน จะรับขวัญหลานได้อย่างไร? เห็นไหมครับ?
..................
ไม่ใช่ว่าพอโตขึ้น มีคนถามว่าคนนี้เป็นใคร เด็กบอกว่ายายแก่ตาบอดที่มาอาศัยพ่อแม่ฉันอยู่ เห็นหรือยังคุณว่าเงินเดือน 1,000 บาทนี่ทำให้คนแก่ตาบอดมีคุณค่าขึ้นมาได้
.......................
วันดีคืนดี แม่ครัวล้างชามเสร็จ คุณแม่ก็บอกให้มานวดขาให้แม่ครัวหน้ามุ่ยทำงานเหนื่อยยังต้องมานวดให้อีก นั่งขยำๆ คว่ำหน้า พอนวดเสร็จคุณย่าหยิบเงินให้ 100 บาท แม่ครัวยิ้มหน้าบาน ยกมือไหว้ ขอบคุณค่ะ
..........
วันรุ่งขึ้นพอล้างจานเสร็จรีบวิ่งมานั่งใกล้ๆ....วันนี้นวดอีกไหมคะคุณย่า?
..................
เห็นไหมเงินเดือน 1,000 บาท ที่เราให้แม่ของเรามีฤทธิ์ขึ้นมาได้มีคนมายกมือไหว้ มีคนมาปรนนิบัติ มีคนมานวดให้ฟช ถ้าไม่มีเงินเดือน 1,000 บาท นี้แม่เราจะมีฤทธิ์ได้อย่างไร?

...........................

บันไดไปสวรรค์ด้วยเงิน 1,000 บาท

วันหนึ่ง กำนันมาที่บ้านอาจารย์ หารือจะปรับปรุงห้องน้ำวัดที่ชำรุดทรุดโทรม แม่อาจารย์ได้ยินกวักมือเรียกอาจารย์ แล้วคุณแม่ยกหมอนขึ้น นับเงินมา 5,000 บาท บอกเอาไปให้กำนันปรับปรุงห้องน้ำ
..............
เห็นมั๊ยว่าเงินเดือน 1,000 ที่เราให้เป็นบันไดพาแม่ไปสวรรค์...นี่ถ้าแม่ไม่มีเงินในมือแม่ จะได้ทำบุญไหม?
.................
พอกำนันรับเงินเสร็จ ก็เดินผ่านไปบ้านถัดไป ลุงแก่ๆ บ้านโน้นกำลังเก็บผ้าอยู่ในบ้าน กำนันตะโกนข้ามรั้ว ทำบุญสร้างส้วมไหมลุง?
...................
ลุงข้างบ้านตอบ "ลุงไม่มีเงินหรอก ลุงอาศัยลูกสาวเขาอยู่ เดี๋ยวเผื่อลูกสาวเขากลับมาทัน จะขอเงินเขาทำบุญ" เพราะลูกเค้าไม่ได้ให้เงินเดือนลุง ลุงคนนี้เป็นเพียงแค่คนเก็บผ้าของ ลูกๆ ลุงคนนี้ไม่มีเงิน เพราะลูกเอามาเลี้ยง เอาไว้คอยเก็บผ้า!
.................
เป็นยังไงบ้างครับ...เห็นอิทธิฤทธิ์ของเงิน 1,000 บาท..."เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยังครับ
................
วันนี้เราให้ "เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยัง? ครับ
............
ที่มา:กัลยาณธรรม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Health-TH ที่ 26 พฤษภาคม 2017, 16:01:39
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 27 พฤษภาคม 2017, 16:17:25
คนเราเวลามาเกิดก็มา
ตัวเปล่า เวลาตายไปก็ไป
ตัวเปล่า ไม่มีสมบัติเงินทอง
อะไรๆติดตัวไป นอกจากบุญ
กับบาปเท่านั้น
(หลวงตามหาบัว)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 28 พฤษภาคม 2017, 10:23:53
อย่าได้ประมาทในชีวิต


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 29 พฤษภาคม 2017, 10:12:12
เราแก่ไปทุกวัน ใกล้ความตายไปทุกนาที รีบสร้างความดีไว้(หลวงพ่อชา)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 30 พฤษภาคม 2017, 15:02:48
คนเราจะเป็นสุข เมื่อรู้จักพอดี ไม่มีใครได้อะไรตลอดไป หรือเสียอะไรตลอดไป(หลวงปู่บุดดา ถาวโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 31 พฤษภาคม 2017, 10:26:23
อย่าเพิ่งโทษผู้อื่น ให้แก้ไขขัดเกลากิเลสตัณหาแห่งตน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 01 มิถุนายน 2017, 10:59:12
"การทำความดี ต้องทำอยู่ตลอดเวลา ห้ามหยุด มิฉะนั้นกรรมชั่วที่ท่านเคยทำไว้จะส่งผลทำให้ท่านเดือดร้อนและทุกข์ทันที"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: NetworkAir ที่ 01 มิถุนายน 2017, 12:36:20
 :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 02 มิถุนายน 2017, 11:16:27
ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 มิถุนายน 2017, 16:51:23
"บุญบาปเป็นของเที่ยงแท้แน่นอน ใครทำบาป บาปย่อมให้ผลใครทำบุญกุศล บุญกุศลย่อมตามให้ผล แต่ว่าบางอย่างบางประการนั้น ไม่ทันกับใจกิเลสมนุษย์ ก็เลยเข้าใจว่าทำบุญก็ไม่เห็นผล แต่ว่าบาปนั้นไม่ทำก็เห็นผล"(หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 05 มิถุนายน 2017, 11:12:22
"โชคดีที่บุญพาท่านมาเกิดเป็นมนุษย์"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Gangzaa! ที่ 05 มิถุนายน 2017, 13:13:08
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 มิถุนายน 2017, 10:50:20
ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน ความยิ่งใหญ่คือความไม่ยั่งยืน ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วย ทาน ศีล เมตตา และกตัญญู
(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 มิถุนายน 2017, 10:31:26
ฟ้าหลังฝน ย่อมงดงามเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 08 มิถุนายน 2017, 16:38:23
"พระพุทธพจน์"
"ความโศกย่อมเกิดแต่ความรัก ภัยย่อมเกิดแต่ความรัก ความโศกย่อมไม่มีแก่ผู้พ้นวิเศษแล้วจากความรัก ภัยจักมีแต่ที่ไหน"


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 09 มิถุนายน 2017, 15:09:18
สุขได้ถ้ารู้จักพอ และพอใจด้วยความพอเพียง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 มิถุนายน 2017, 10:42:11
การทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นล้วนก่อทุกข์ การไม่ทะเลาะกับใครๆได้นั้น ย่อมมีความสบายใจเป็นที่สุด พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า บุคคลที่สามารถอดทนต่อคำล่วงเกินของผู้อื่นได้นั้น ย่อมประเสริฐที่สุด การยอมแพ้ผู้อื่นได้นั้น
ไม่ใช่เรานั้นผิด และเขาถูกต้อง แต่เป็นเพราะเรานั้นเป็นคนดี มีจิตใจที่สูงส่ง
และมีเมตตาต่างหากเล่า ทะเลาะวิวาทโต้เถียงชนะแล้วได้อะไร สู้ยอมแพ้ดีกว่า นอกจากไม่ก่อศัตรู เรายังได้มิตรเพิ่มมาอีกหนึ่งคน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 11 มิถุนายน 2017, 16:09:02
บุญนั้นคือความสุข บุญ
นั้นคือความสบายใจ
คิดถึงบุญที่ทำไว้คราใด
ก็สบายใจทุกที


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 12 มิถุนายน 2017, 16:17:23
"บาปที่ทำแล้วมันแก้ไม่ได้แต่นิสัยชั่วที่เราประพฤติอยู่นั้น มันแก้ได้ ท่านให้แก้กันที่ตรงนี้"(หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 13 มิถุนายน 2017, 10:10:47
อุเบกขาบารมี


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 14 มิถุนายน 2017, 10:19:37
ต้องแก้ไขด้วยการทำความดีในปัจจุบัน บุญและความดีในปัจจุบันที่ท่านทำเองเท่านั้นที่ช่วยท่านได้ ปัจจุบันทำความดี อนาคตต้องดีแน่นอน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 15 มิถุนายน 2017, 10:39:44
ผู้สร้างบาปก็เหมือนกับการดื่มยาพิษ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: popep ที่ 15 มิถุนายน 2017, 17:27:26
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 16 มิถุนายน 2017, 10:36:20
ในทุกครั้งที่เราลืมตาตื่นขึ้นมา
ในตอนเช้าทุกวันให้เราบอกกับ
ตนเองว่า ขอให้ฉันโชคดี เป็น
คนดี ประสบแต่ความดีและ
ปราศจากความทุกข์ด้วยเทอญ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 มิถุนายน 2017, 15:58:01
ทำแต่สิ่งที่ดีๆ แล้วสิ่งที่ดีๆนั้นจะย้อนกลับมาหาเราเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 มิถุนายน 2017, 10:45:07
จิตที่คิดผิด ย่อมนำความทุกข์มาให้


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 19 มิถุนายน 2017, 10:37:59
ทำวันนี้และทุกวันให้ดีที่สุดเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: thaiseo19 ที่ 22 มิถุนายน 2017, 16:53:55
ขอบคุณครับ    เดินทางสายกลางก็ดีครับ 


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 03 กรกฎาคม 2017, 10:25:55
เกิดมาเป็นมนุษย์ได้นั้น
เพราะมีบุญ อย่าได้ดูถูก
เพื่อนมนุษย์ด้วยกันเลย
มีความเมตตากรุณาให้
กันไว้ดีกว่า คนดีที่จิตใจ
สูงย่อมไม่ดูถูกใครๆ ไม่
ว่าพวกเขาจะแตกต่างจาก
เราด้วยเชื้อชาติ ศาสนา
เศรษฐานะ การศึกษา ก็
ตาม


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 กรกฎาคม 2017, 09:43:52
"บ้านช่องสถานที่ต่างๆ
ที่ทำไว้หรูหราเวลาตาย
แล้วไม่เห็นใครเอาไปได้
สักคนเดียว มีแต่บุญและ
บาปเท่านั้นติดตามตัวของ
เราไป"(หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี)


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 06 กรกฎาคม 2017, 14:13:30
ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ จงอย่าได้ยอมแพ้ ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวันเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 07 กรกฎาคม 2017, 12:36:24
การเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี อยู่ท่ามกลางคนดี ในสถานที่อันดีงาม ย่อมเป็นมงคลแห่งชีวิต และทำให้พานพบแต่ความสุข ความเจริญ และความสบายใจเสมอ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: zenar218 ที่ 14 กรกฎาคม 2017, 00:35:15
"ความอดทนอดกลั้นนั้นช่วยลดทอนปัญหา
ไม่รู้จักอดทนนํามาซึ่งปัญหานานับประการ
ไม่รู้จักอดกลั้นนํามาซึ่งอุปสรรคใหญ่หลวง
ทําอะไรตามใจชอบจะตั้งตัวไม่ได้
ทําอะไรตามอารมณ์จะมีแต่สูญเสีย
ชีวิตขาดความอดทนเหมือนรถขาดเบรก
ชีวิตขาดความอดกลั้นเหมือนดิ่งพสุธาขาดร่ม
อย่าเรียนรู้แต่ความฉลาด
จงเรียนรู้ความอดทนด้วย
อย่าเรียนรู้แต่ความเก่งกล้า
จงเรียนรู้ความอดกลั้นด้วย
ยิ่งต้องทํางานใหญ่
ยิ่งต้องมีความอดทนอดกลั้นที่สูง
สิ่งที่ปล่อยไปอย่างไร้ขอบเขตจะแตก
สิ่งที่ปล่อยไปอย่างไร้ควบคุมจะระเบิด
ความอดทนอดกลั้นคือเงื่อนไขสําคัญของชีวิตมนุษย์"
บทที่ 18 หนังสือทิศที่ 11
หลวงพ่อชุมพล พลปญฺโญ



หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 18 สิงหาคม 2017, 11:02:56
(พุทธศาสนสุภาษิต)
ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่น
สะเทือนเพราะลมฉันใด
บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวใน
นินทาและสรรเสริญฉันนั้น


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 10 ตุลาคม 2017, 15:13:17
ต้องแก้ไขด้วยการทำความดีในปัจจุบัน บุญและความดีในปัจจุบันที่ท่านทำเองเท่านั้นที่ช่วยท่านได้ ปัจจุบันทำความดี อนาคตต้องดีแน่นอน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 17 ตุลาคม 2017, 18:31:56
ควรมองปัญหาที่อยู่ตรงหน้า ว่ามันเกิดขึ้นมาเพื่อมอบบทเรียนให้เรา



หากในความคิดเธอไม่คิดทำร้ายใคร เธอย่อมได้ความสงบครบวันคืน



หากใจไม่ผูกโกรธถือโทษใคร เธอย่อมได้อารมณ์ดีทุกวี่วัน


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: CherryX ที่ 20 ตุลาคม 2017, 03:37:06
สาธุธรรม ขอบคุณค่ะ  :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: chitcar ที่ 20 ตุลาคม 2017, 10:18:54
สาธุครับ :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 23 ตุลาคม 2017, 05:39:47
พระพุทธพจน์
.......
บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่ แต่เป็นคนเลวเพราะการกระทำ เป็นผู้ประเสริฐเพราะการกระทำ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 04 พฤศจิกายน 2017, 13:33:56
ชีวิตของคนเราล้วนมีปัญหาเกิดขึ้น และต้องเรียนรู้ที่จะแก้ไขเรื่องที่คาใจนั้น ให้ได้อยู่ตลอดเวลาอาจเป็นปัญหาที่เล็กน้อย กระทั่งเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นแต่เราผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาก็ควรรู้จักเกี่ยว ข้องอย่างผู้รู้จักปล่อยวาง และเข้าใจ แม้จะไม่สามารถละวางได้ทั้งหมดก็ตาม แต่ก็ควรรู้จักวางใจให้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรู้เท่าทัน แล้วปัญหาที่มีอยู่ย่อมมีทางคลี่คลายลงได้ในสักวัน

การ สอนให้ผู้อื่นให้ทำตาม ไม่ควรสอนในขณะที่ตัวเองมีความโกรธ และเต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแต่ควรสอนในขณะที่สติปัญญามีอยู่อย่างบริบูรณ์ และควรสอนด้วยความปรารถนาดีที่มาจากใจ เพราะหากสอนโดยการใช้อารมณ์ ผู้ถูกสอนจะไม่จำคำสอนที่ถูกว่ากล่าวตักเตือน แต่เขาจะจดจำใบหน้าที่ดุร้าย และกิริยาที่แสดงความเกรี้ยวกราดของผู้สอน นั่นถือว่าเป็นความทรงจำที่เลวร้ายของผู้ถูกสอนตราบนานเท่านานคำพูดที่คนเรา เปล่งออกมาแต่ละครั้ง ถือว่าเป็นพลังงานของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ภาวะใหม่เสมออาจเป็นไปในทางที่ดี หรือเลวร้าย ก็อยู่ที่เราผู้ออกคำสั่งเป็นหลัก ด้วยเหตุที่คำพูดล้วนมาจากใจเป็นผู้กรองข้อมูลของถ้อยคำปราชญ์ จึงเตือนให้รู้จักคิดเสียก่อนแล้วจึงค่อยพูดเพราะเมื่อเปล่งวาจาออกไปแล้ว นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ที่เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรก็ตามมา

สุนทรภู่กวีเอกแห่งแผ่นดินสยาม จึงกล่าวให้ข้อคิดเกี่ยวกับการพูดไว้ว่า

“ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา”
การค้นพบว่าตัวเองชอบอะไรนั้น ชื่อว่าเป็นคุณค่าอย่างหนึ่งของการได้เกิดมา แต่การ ค้นพบความเป็นอิสระที่มีอยู่ในตัวเอง แล้วนำไปสู่การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความสงบมีค่ายิ่งกว่า เพราะทำให้เรารู้จักจัดระเบียบชีวิตของตัวเองได้ง่ายขึ้น แม้ว่าจะไม่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของคนอื่นแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ตัวเราค้น พบความสุขที่อยู่ใกล้ ๆซึ่งถือว่าเป็นความสุขที่เรียบง่าย แต่งดงามในความทรงจำของการได้ชีวิตมา คนที่ไม่ รู้จักการดำเนินชีวิตอย่างผู้มีปัญญา ชื่อว่าเป็นชีวิตที่มืดบอดจากความดีงามทั้งหลาย เพราะเมื่อสติปัญญาถูกปิดบัง การเห็นสิ่งต่าง ๆย่อมกลับกลายเป็นความพร่ามัวไปในที่สุด แม้ว่าเราจะชื่อว่ามีตาที่มองเห็น แต่หากไร้ปัญญาในการทำความเข้าใจ เราก็เป็นได้แค่คนตาดีที่ไม่สามารถแสวงหาความดีงามมาประดับชีวิตได้เช่นเคย

โปรดทำความเข้าใจไว้เสมอว่า ไม่มีอะไรที่เราไม่รู้เสียเลย และก็ไม่มีอะไรที่เรารู้ไปเสียทุกอย่าง ถ้าเราทำความเข้าใจอย่างนี้อยู่เสมอ เราจะรู้ว่า ควรจะปัดปัญหาที่เปรียบเสมือนเส้นผมที่บังตาไม่ให้เราเห็นภูเขาคือ ความจริงที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างไร

บางครั้งปัญหาของชีวิตก็เกิดจากเรื่องเล็ก ๆ ที่เราไม่เคยมอง กระทั่งก่อตัวเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในเวลาต่อมา เศษผงเล็ก ๆ ที่เข้าตาคนอื่น เรามักจะช่วยเอาออกจากตาของเขาได้ แต่เมื่อปัญหาอันเปรียบเหมือนเป็นผงเล็ก ๆ ที่เข้าตาตัวเอง เรากลับมีความรู้สึกว่ามันช่างยากลำบาก ที่จะทำให้ออกไปจากตาได้

ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองข้ามปัญหาเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ชิด แต่ควรรู้จักมองปัญหาที่ใกล้ตัวด้วยใจที่มีวิจารณญาณ เพื่อไม่ให้สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ยิ่งในโอกาสต่อไป

การปรับทัศนคติของชีวิตถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเพราะหากรู้จักปรับความเห็นในมุมที่ เป็นบวก เราย่อมรู้จักที่จะคัดเลือกสิ่งดีให้กับตัวเอง แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ตาม แต่หากมีทัศนคติที่ติดลบมองโลกแต่แง่ร้ายในฝ่ายเดียว เราย่อมเหมือนคนที่อยู่ในมุมที่คับแคบ ย่อมก่อให้เกิดความอึดอัดขัดเคือง แม้จะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้เพราะเรามองว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเลวร้ายไปเสียหมด อนาคตที่ควรจะถูกต่อยอดเป็นความดีงามจึงยุติบทบาทลงในทันที

บางครั้งการพ่ายแพ้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชีวิตรู้สึกแย่เสมอไป เพราะหากเคยได้รับแต่ชัยชนะเพียงอย่างเดียวเราย่อมไม่สามารถรับรู้ความ รู้สึกอีกด้านหนึ่งที่เป็นความผิดหวัง ด้วยเหตุที่ไม่เคยแพ้ เมื่อวันหนึ่งความผิดหวังเข้ามาเยือน ย่อมทำให้เราระทมตรมตรอมจากภาวะที่พ่ายแพ้นั้น แต่หากเรียน รู้ที่จะแพ้บ้างในบางโอกาสที่เหมาะสมเพื่อยอมรับที่จะแก้ไขสิ่งที่บกพร่อง ให้ดีขึ้น เมื่อชัยชนะใหม่มาครอบครอง เราย่อมรู้จักรสชาติของความสมหวังอย่างรู้คุณ

การที่เราผิดพลาดแล้วได้รับการให้อภัยจากผู้อื่นถือว่าเป็นความโชคดีอย่างมากของชีวิต เพราะ เป็นการได้รับโอกาสที่จะแก้ไขสิ่งบกพร่องให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันเราก็ควรรู้จักที่จะพัฒนาตนเองให้ดีกว่าเดิม มิใช่ยินดีกับการได้รับการให้อภัยแล้วหยุดเรียนรู้ที่จะแก้ไข เพราะเมื่อวันหนึ่งที่ไม่มีใครเห็นใจ เราจะเดียวดายจากคนรอบข้างที่เคยเห็นคุณค่าในตัวเรา เพราะเราเป็นผู้ผลักไสให้เขามองเราว่าเป็นคนไร้ค่าด้วยตัวของเราเอง


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: darkknightza ที่ 20 มีนาคม 2018, 21:09:27
ดันนะคับ


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Paperstudio ที่ 06 มีนาคม 2019, 16:53:36
 :wanwan017:


หัวข้อ: Re: รวมธรรมมะที่น่าสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Trayut9 ที่ 14 มีนาคม 2019, 09:35:53
 :wanwan008: :wanwan008: สาธุ