หัวข้อ: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: porpeangseller ที่ 07 มีนาคม 2009, 21:09:54 ___________________________________________________________________
สิ่งที่ทุกคนอยากจะได้จากการทำธุรกิจในอีเบย์ก็คือ "กำไร" และวิธีที่จะทำให้เกิดกำไรนั้น เราก็มีความจำเป็นที่จะต้อง"ขาย"ให้ได้"กำไร" ดังนั้น ทุกๆคนก็จะต้องกลายเป็น "นักขาย" โดยอัตโนมัติ แต่ทุกคนนั้น ไม่ได้เกิดมาเป็นนักขายโดยกำเนิด และแต่ล่ะคนก็มีความเป็น"นักขาย"ไม่เท่ากัน แล้วสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จได้คืออะไรกันล่ะ? ____________________________________________________________________ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาย 4 คนคือ นายดำ นายแดง นายเขียว นายขาว อาศัยอยู่ ณ หมู่บ้านไชโยโห่ฮิ้ว ทั้งสี่คนได้ยินข่าวว่า ที่เมืองไกลโพ้น ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านไปไกลมากนั้น มีตลาดนัดขนาดใหญ่โต ที่มีชื่อว่า "อีเบย์" พวกเขาได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับตลาดแห่งนี้ว่า เป็นตลาดที่อะไรก็สามารถขายได้ และขายดีมากจนนับเงินกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว โดยที่ทุกวัน จะมีผู้คนจำนวนมากจากทุกสารทิศเข้ามาแวะซื้อและเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าในตลาดแห่งนี้ และพวกเขาทั้งสี่ยังได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตลาดแห่งนี้เสมอๆ ซึ่งมักจะเป็นข่าวลือเกี่ยวกับผู้ที่ขายของจนร่ำรวยเป็นเศรษฐีได้ โดยการเปิดร้านขายของที่ตลาดนัดแห่งนี้เพียงแห่งเดียว พวกเขาทั้งสี่จึงตกลงใจที่จะไปแสวงโชคที่ตลาดนัดแห่งนี้ดูบ้าง และโดยกำหนดว่าออกเดินทางในอีก 1 เดือนให้หลัง เพื่อให้แต่ล่ะคนได้เตรียมตัวและสะสางธุระต่างๆก่อนเดินทางให้เรียบร้อย สำหรับนายดำนั้น เขาเฝ้านั่งรออยู่กับบ้านอย่างกระวนกระวาย ทุกๆวัน นายดำชอบที่จะนั่งคิดว่า หากสามารถทำมาค้าขึ้นจนเป็นเศรษฐีได้แล้วจะเอาเงินไปทำอะไรดี นายดำอยากเป็นเศรษฐี อยากมีเงินใช้ทิ้งใช้ขว้างซัก 7 หมื่นล้าน เพื่อจะได้เอาไปซื้อทีมฟุตบอลดังๆมาบริหารเล่นๆดูบ้าง ซึ่งจากคำร่ำลือแล้ว, ใครๆก็รวยจากตลาดอีเบย์ได้ง่ายๆ แม้ว่าจะไม่สามารถรวยได้เป็นหมื่นล้าน แต่ถ้าหากตนเองสามารถมีกำไรเดือนล่ะ แสน-สองแสนก็พอใจแล้ว ยิ่งนายดำคิดถึงรายได้ในฝันมากเท่าไร นายดำก็ยิ่งอยากให้ถึงวันออกเดินทางเร็วๆขึ้นเท่านั้น นายดำจึงตัดสินใจที่จะนอนกลางวันทุกวัน และพยายามเข้านอนแต่หัวค่ำทุกวันเพื่อให้เวลาผ่านไปให้เร็วที่สุด สำหรับนายแดงนั้น เขาคิดว่าเขาควรที่จะมีการเตรียมตัวไปซักเล็กน้อย นายแดงใช้เวลาในหนึ่งเดือนนั้นหมดไปกับการพบปะ และ พูดคุยกับผู้ที่กลับมาจากตลาดอีเบย์ หลังจากการพูดคุย ทำให้นายแดงรู้ว่า ในตลาดอีเบย์นั้น มีคู่แข่งอยู่มากมาย เขาจึงคิดว่า เขาจะต้องดูดีกว่าคู่แข่งคนอื่นๆเพื่อที่จะได้ดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้ากับเขา นายแดงจึงใช้เวลาที่เหลือไปกับการเลือกซื้อเสื้อผ้าที่คิดว่าดูดีที่สุด ซึ่งจะทำให้ลูกค้าประทับใจในตัวเขามากที่สุด สำหรับนายเขียวนั้น เขามีร้านขายของเล็กๆอยู่ในเมืองของเขาอยู่แล้ว นายเขียวอยากนำสินค้าที่เขาผลิตเองและขายอยู่ในร้านของเขา ไปขายในตลาดอีเบย์ นายเขียวไม่กลัวคู่แข่งในตลาดอีเบย์ เพราะนายเขียวขายของเก่งมาก นายเขียวสามารถที่จะพูดคุย หว่านล้อมให้ลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้าน ซื้อของจากนายเขียวได้ทุกครั้ง เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเลือกสินค้าที่จะนำไปขาย และ ทบทวนถึงวิธีการเสนอขายที่ดีที่สุดของเขา สำหรับนายขาวนั้น เขาเคยทำงานเป็นลูกจ้างร้านขายของเล็กๆมาก่อน ทำให้นายขาวขายของได้เก่งพอสมควร และเขาก็เคยเดินทางไปค้าขายที่เมืองรอบข้างจนสามารถพูดภาษาพื้นเมืองต่างๆได้เป็นอย่างดี นายขาวตั้งใจที่จะเป็นพ่อค้าเต็มตัวในตลาดอีเบย์ นายขาวจึงใช้เวลา 1 เดือนไปกับการหาข้อมูลว่า สิ่งใดที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ในตลาดอีเบย์ เขาใช้เวลาพูดคุยหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการซื้อขาย ประเพณี และ ลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของตลาดอีเบย์อย่างเต็มที่ และใช้เวลาที่เหลือไปกับการวิเคราะห์สินค้าว่า สินค้าตัวไหนที่น่าจะขายได้แน่นอนในตลาดอีเบย์ เมื่อถึงวันเดินทาง, ทั้งสี่คนก็ได้มารวมตัวกันเพื่อออกเดินทางไปยังตลาดอีเบย์ นายดำใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นที่เคยใส่ทุกวันที่บ้าน, เนื่องจากเขาตื่นสาย และเขาลืมที่จะเตรียมหาซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายต่อ เขาจึงรีบไปตลาดและซื้อจานเป็นจำนวนมาก โดยหวังที่จะนำจานเหล่านี้ไปขายต่อในตลาดอีเบย์ในราคาสูง นายแดงใส่ชุดที่ดูดีมีราคา, โดยมีกระเป๋าใส่เสื้อผ้าจำนวนมากที่เขาคิดว่าน่าจะขายได้ดี เพราะมีหลายคนบอกเขาว่า ในอีเบย์นั้น เสื้อผ้าขายดีและ ขายง่ายที่สุด นายเขียวใส่ชุดประจำร้านของตัวเอง, เขานำแหวนเงินที่ผลิตเองและขายดีที่สุดในร้านของเขาใส่ไปเต็มกระเป๋า นายขาวใส่ชุดที่สุภาพเรียบร้อย, หลังจากที่เขาใช้เวลาทั้งเดือนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าและผู้ขายในอีเบย์แล้ว เขาคิดว่าถุงที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิลน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เขาจึงนำถุงพลาสติกรีไซเคิลจำนวนมากไปขาย ทั้งสี่คนจึงได้ออกเดินทางไปยังเมืองไกลโพ้น เพื่อไปขายของในตลาดอีเบย์ เมื่อมาถึงตลาด ทั้งสี่คนจึงแยกย้ายกันไปตั้งร้านขายของในที่ๆเหมาะกับสินค้าของตน สำหรับนายดำนั้น, เขาไม่อยากจ่ายเงินค่าเช่าที่ เขาจึงต้องออกมาขายอยู่บริเวณรอบนอกซึ่งมีลูกค้าผ่านมาน้อยแต่ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ เขาเลือกเปิดแผงขายของโดยใช้ผ้าปูพื้นและวางจานทั้งหมดไว้อย่างง่ายๆ เขาต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด เขาจึงใช้แค่กระดาษบอกราคาจาน นายดำนั้นพูดภาษาท้องถิ่นที่พูดกันในเมืองไกลโพ้นไม่ได้ เขาจึงต้องนั่งรอคนมาซื้อของอย่างเงียบๆ และเพราะเขาได้ยินคำร่ำลือว่า สินค้าทุกอย่างสามารถขายได้ในราคาสูงและทำกำไรได้มากเป็นพันๆเท่า ดังนั้นนายดำจึงประกาศขายจานใบล่ะ 100 เหรียญ จากราคาที่ซื้อมาจานล่ะ 1 เหรียญ ซึ่งเขาคิดว่าเขาได้ลดราคา(จากพันเท่า)ลงมาเหลือแค่ร้อยเท่า, สินค้าจึงน่าจะขายดีและขายหมดได้อย่างรวดเร็ว และหากเขาขายหมดก็น่าจะกลายเป็นเศรษฐี มีเงินกลับหมู่บ้านอย่างผู้มั่งคั่งเลยทีเดียว แต่เมื่ออาทิตย์แรกผ่านไป, นายดำขายจานไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว เขารู้สึกโมโหที่ลูกค้าไม่ยอมซื้อจานของเขา ทั้งๆที่เขาคิดราคาถูกมาก และเขายังรู้สึกโกรธคนที่บอกว่าตลาดอีเบย์นั้นเป็นตลาดที่ทำกำไรได้ง่ายอีกด้วย เขาจึงเก็บของทั้งหมดแล้วกลับหมู่บ้านไปด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคืองโดยที่ยังขายของไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว สำหรับนายแดงนั้น, เขาเลือกเช่าแผงขายของเล็กๆในย่านที่คนมีคนพอสมควร นายแดงจะพูดภาษาท้องถิ่นได้อย่างคล่องแคล่ว จึงสามารถพูดคุยติดต่อกับผู้คนได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ผิดคาดคือ มีคนขายสินค้าเหมือนกับนายแดงอยู่มากมาย ทำให้นายแดงต้องลดราคาเพื่อให้สินค้าสามารถขายได้ เมื่อ 1 เดือนผ่านไป, นายแดงก็ขายเสื้อออกไปจนหมด โดยที่มีกำไรเหลือกลับบ้านเพียงเล็กน้อย เขารู้สึกไม่พอใจนิดหน่อยที่มีคู่แข่งหลายคนมาแย่งขายเสื้อกับเขา จนทำให้เขาต้องลดราคาเพื่อให้ขายได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกภูมิใจที่ยังได้กำไรกลับบ้าน สำหรับนายเขียวนั้น, เขายอมจ่ายเงินเพื่อเปิดร้านแหวนเงินในย่านที่คนเดินผ่านมากที่สุด ซึ่งแหวนของนายเขียวนั้น น่าจะสามารถทำกำไรต่อวงได้มาก และน่าจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะแหวนเงินของนายเขียวมีคุณภาพยอดเยี่ยมและเอกลักษณ์โดดเด่นแบบที่หาคู่แข่งไม่ได้ แต่ปัญหาของนายเขียวคือ ทั้งลูกค้าส่วนมากที่ต้องการซื้อแหวนของนายเขียวนั้น พูดภาษาท้องถิ่นซึ่งนายเขียวพูดไม่ค่อยได้ ทำให้นายเขียวไม่สามารถพูดจาหว่านล้อมลูกค้าได้อย่างที่เคย และนายเขียวก็มักจะทำผิดกฏการขายในตลาดเพราะนายเขียวอ่านกฏไม่ออก จึงทำให้นายเขียวต้องเสืยกำไรจำนวนมากไปกับการถูกจับเพราะทำผิดกฏอยู่เสมอๆ เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งปี นายเขียวจึงปิดร้านและกลับหมู่บ้านพร้อมกับกำไรจำนวนหนึ่ง สำหรับนายขาวนั้น เขาเปิดร้านขายของเล็กๆ แล้วตระเวนไปแนะนำถุงพลาสติกรีไซเคิลของเขากับผู้ขายของในตลาดอีเบย์ นายขาวสามารถหาลูกค้าได้อย่างง่ายดาย เพราะไม่ว่าจะเป็นร้านไหนก็ต้องใช้ถุงเพื่อให้ลูกค้าใช้ใส่สินค้านำกลับบ้านกันทั้งนั้น และเขายังพูดภาษาท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้เขาสามารถเจรจาซื้อขายกับลูกค้าท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ลูกค้าของนายขาวทุกคนพอใจในคุณภาพ และราคาที่ย่อมเยามาก แถมการเปลี่ยนมาใช้ถุงรีไซเคิลยังได้ภาพลักษณ์ในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมอีกต่างหาก นายขาวจึงมีลูกค้าท้องถิ่นที่เป็นคนขายของอยู่ตลาดอีเบย์มากมาย และสามารถทำกำไรได้อย่างมากมายด้วยเช่นกัน หนึ่งปีให้หลัง นายขาวจึงกลับหมู่บ้านไปอย่างเศรษฐีพร้อมเงินทองมากมาย นิทานเรื่องนี้น่าจะจบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่หากมีนางฟ้าแสนกลที่มาเล่นตลก โดยการเสกให้เวลาย้อนทั้งหมดกลับไปก่อนที่ทั้งสี่คนจะออกเดินทาง แถมยังสลับการเตรียมตัวของนายดำกับนายขาวด้วย, จะเกิดอะไรขึ้น? นายขาวก็จะใช้เวลาหนึ่งเดือนก่อนออกเดินทางโดยที่ทุกวันนั้น นายขาวเอาแต่คิดถึงรายได้หลักหมื่น และนอนฆ่าเวลาจนกว่าจะถึงวันเดินทาง และนายดำก็จะใช้เวลาเตรียมตัวไปกับการหาสินค้าและเริ่มเรียนรู้ภาษาท้องถิ่นอย่างเต็มที่ ซึ่งผลที่ออกมาก็คงจะเปลี่ยนไปมาก นายขาวที่เลือกจานไปขาย, ก็อาจจะขายได้ดีกว่าตอนนายดำขายนิดหน่อย เพราะอย่างน้อย นายขาวก็ยังมีประสบการณ์ขายของ และอาจจะสามารถพูดจาโน้มน้าวด้วยภาษาท้องถิ่นเพื่อให้ลูกค้าซื้อของได้บ้าง ส่วนนายดำก็น่าจะขายของมีกำไรมากกว่านี้ เพราะเมื่อเขามีสินค้าที่ตรงต่อความต้องการของตลาด และสามารถพูดภาษาท้องถิ่นได้บ้าง เขาก็อาจจะประสบความสำเร็จจนมีเงินเหลือกลับบ้านเป็นเศรษฐีก็เป็นได้ หากมองให้ดีๆแล้ะ สิ่งสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ในครั้งนี้แตกต่างจากผลลัพธ์ก่อนย้อนเวลาก็คือ ความมุ่งมั่นและการเตรียมตัวของแต่ล่ะคนนั้นเอง คนไม่เก่งแต่มีการเตรียมตัวมาดี และมีความมุ่งมั่นมากพอ, ก็จะประสบผลสำเร็จในการขายได้ คนที่เก่งและมีทักษะในการขายดีนั้น ทั้งที่ตัวเองมีความสามารถสูงและน่าจะประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างมาก แต่เพราะไม่เตรียมตัวและขาดความมุ่งมั่น จึงทำให้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรหรืออย่างมากก็สำเร็จได้แค่ครึ่งๆกลางๆเท่านั้น เพียงแค่เรารู้ทำความรู้จักกับตนเองให้ดี ยอมรับความจริงที่เราเป็น พยายามวางแผนไว้ล่วงหน้า และ พยายามแก้ไขส่วนบกพร่องให้ดีขึ้น เราก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จในฐานะ "นักขาย"ได้เหมือนกันทุกคน ___________________________________________________________________________________________ ผู้มีความสามารถในการขาย คืออะไร? ผู้มีความสามารถในการขายก็คือ ผู้ที่มีทักษะต่างๆในการค้าขายนั้นเอง สำหรับคนที่มีความสามารถในการขายน้อยนั้น มักจะเป็นคนซึ่งไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการค้าขายมาก่อน เรียกว่าใครที่เกิดมา(แทบ)ไม่เคยไปนั่งขายของอะไรเลย ก็จะมีปัญหาจากการขาดทักษะในการขายกันทั้งนั้น คนกลุ่มนี้มักขาดทักษะในการพูดชักจูงลูกค้า,ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของลูกค้า และมักจะรับมือกับลูกค้าได้ไม่ค่อยจะดีนัก ส่วนคนที่มีความสามารถในการขายมากนั้น มักเกิดขึ้นเพราะงานที่ทำอยู่นั้นเป็นการขายของอยู่แล้ว หรือไม่ก็มีกิจการที่บ้านซึ่งต้องใช้ทักษะในการขายอยู่บ้าง จึงทำให้ขายของเก่ง,เจรจาขายของได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลให้ประสบความสำเร็จในการขายได้สูงกว่ากลุ่มคนที่ขาดทักษะในการขาย การขายของนั้น สามารถถือเป็นศิลปะแขนงหนึ่งได้เลยทีเดียว เพราะคนขายต้องใช้ทักษะมากมายตั้งแต่การคิดถึงผู้อื่น,การเลือกใช้คำพูดให้เหมาะสม,การรู้จักดูอารมณ์ของลูกค้า การตั้งราคา,การคิดวิธีนำเสนอการขาย,เทคนิคในการปิดการขาย,วิธีแก้ปัญหาต่างๆที่มาจากทั้งลูกค้า หรือคู่แข่ง ฯลฯ สิ่งที่น่าดีใจก็คือ เมื่อการขายถือเป็นศิลปะที่ต้องใช้"ทักษะ" และเมื่อมันเป็น"ทักษะ" ดังนั้น มันจึงสามารถฝึกฝนเพื่อให้เก่งกาจขึ้นมาได้ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะหรือเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์จึงจะประสบความสำเร็จได้ สิ่งที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จคือ การฝึกฝน"ทักษะ"ให้ดียิ่งๆขึ้นไป การหมั่นเรียนรู้และฝึกฝนจะทำให้เราขายเก่งยิ่งขึ้น, มีประสบการณ์มากขึ้น และทำให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น ผู้มีความเชี่ยวชาญในทางคอมพิวเตอร์ คืออะไร? พูดง่ายๆก็คือ คุณใช้คอมพิวเตอร์เก่งขนาดไหน? เป็นเรื่องง่ายสำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะใช้งานคอมพิวเตอร์หรือใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อเข้าชมเวปไซท์ต่างๆได้โดยไม่ต้องเปิดคู่มือ แต่สำหรับคนบางกลุ่มนั้น แค่จะสมัครอีเมล์ฟรีก็ยังเป็นปัญหาอยู่เลย ในการขายของในอีเบย์นั้น ผู้ขายมีความจำเป็นที่จะต้องมีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์พอสมควร ต้องสามารถเข้าใจขั้นตอนการปฎิบัติจากทางหน้าเวปไซท์ได้ เช่น สมัครยังไง? ลงประกาศโฆษณายังไง? ตั้งค่าข้อกำหนดต่างๆเป็นมั้ย? ติดตามผลการขายทางอีเมล์ยังไง? ซึ่งสำหรับผู้ที่เล่นอินเตอร์เน็ตเป็นประจำอยู่แล้วนั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเล็กน้อย หรืออาจจะทำได้โดยไม่ต้องมีใครสอน แค่อ่านๆไปเรื่อยๆก็ทำได้แล้ว แต่สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้จับคอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันแล้ว ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้กันขนานใหญ่เลยทีเดียว เรามักจะพบนักขายในอีเบย์อยู่ 4 ลักษณะ 1) กลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญในการขายน้อย และ มีความเชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์น้อย คนกลุ่มนี้ไม่ค่อยจะมีโอกาศได้ขายของซักเท่าไร และก็อาจจะไม่ได้ทำงานหรือมีงานอดิเรกในการเล่นคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งสำหรับคนกลุ่มนี้นั้น ดูเหมือนว่าจะต้องทำการบ้านเพื่อเตรียมตัวขายของในอีเบย์กันอย่างหนักพอสมควร ไม่ควรหวังรวยเร็ว หรือ รวยลัด เพราะก่อนประสบความสำเร็จ ยังมีเรื่องที่ต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก ดังนั้นจึงควรทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ 2) กลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญในการขายน้อย และ มีความเชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์มาก ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือ พนักงานบริษัทที่นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ไม่ได้รับผิดชอบงานขาย,หรืออาจจะเป็นนักเรียน นักศึกษาที่เป็นคนรุ่นใหม่นั้นเอง คนกลุ่มนี้มีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ค่อนข้างดี แค่ซื้อหนังสือหรือเปิดอินเตอร์เน็ตหาความรู้ ก็สามารถเข้าใจระบบต่างๆในอีเบย์และสามารลงมือปฏิบัติได้แล้ว แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ ไม่รู้จะขายอะไร? และ ไม่รู้จะขายยังไง? เพราะความที่ไม่เคยขายของ ก็เลยไม่มีสินค้าอยู่ในมือ และมักจะประสบปัญหาขายไม่ค่อยได้ เพราะไม่มีทักษะในการนำเสนอขายที่ดี ไม่รู้ว่าควรจะตั้งราคายังไง? ต้องพูดแนะนำสินค้าตรงไหน คนถึงจะซื้อ? ฯลฯ คนกลุ่มนี้จึงต้องไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทำยังไงถึงจะขายสินค้าได้, เราจะต้องพูดแนะนำอย่างไรให้ลูกค้าซื้อ? เราจะต้องใช้เทคนิคใดถึงจะเข้าถึง กลุ่มลูกค้าได้ พูดง่ายๆคือคนกลุ่มนี้ได้เปรียบไปแล้ว 50% เพราะสามารถใช้อีเบย์เป็น แต่ต้องแก้ปัญหาอีก 50% ในส่วนที่ยังขาดทักษะในการขายนั้นเอง 3) กลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญในการขายมาก และ มีความเชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์น้อย ยกตัวอย่างคนกลุ่มนี้ก็คือ กลุ่มที่เป็นพ่อค้า แม่ค้าที่มีร้านขายของหรือมีสินค้าอยู่ในมืออยู่แล้ว และอยากนำสินค้าเข้ามาขายในอีเบย์ เพราะความที่เป็นคนขายของอยู่แล้ว จึงมีทักษะที่จำเป็นในการขายพอสมควร รู้จักคิดและวิเคราะห์ตลาด, รู้ว่าต้องพูดแบบไหนลูกค้าถึงจะซื้อ, รู้ว่าควรขายสินค้าอะไร และ ราคาเท่าไร? ซึงจะทำให้มีความได้เปรียบในการขายมาก แต่การบ้านชิ้นโตก็คือ มีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ต่ำมาก (เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้ใช้) ทำให้ต้องมีการเรียนรู้ในการใช้คอมพิวเตอร์ค่อนข้างมาก 4) กลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญในการขายมาก และ มีความเชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์มาก กลุ่มนี้คือ กลุ่มที่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายที่สุด เนื่องจากมีพื้นฐานการขายพอสมควร, เพียงแค่เรียนรู้เกี่ยวกับอีเบย์นิดหน่อย ก็สามารถดำเนินการขายได้แล้ว สิ่งที่จะเป็นสำหรับคนกลุ่มนี้คือ ยกระดับความสามารถให้สูงยิ่งๆขึ้นไป และใช้ความสามารถต่างๆของอีเบย์ให้เต็มที่ เรียกว่าเป็นนักขายระดับพื้นฐานอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องพยายามต่อไปให้ถึงระดับมืออาชีพเท่านั้นเอง กำแพงใหญ่ที่สุดสำหรับนักขายอีเบย์ที่เป็นคนไทยก็คือ "ภาษาอังกฤษ" นั่นเอง ซึ่งแม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่ทุกวันนี้ก็มีหนังสืออีเบย์ออกมามากมาย และก็ยังมีโปรแกรมหรือบริการเสริมใหม่ๆ เพื่อช่วยให้งานได้ง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษมากมาย ตัวแปรสำคัญที่สุด ที่จะส่งผลต่อความสำเร็จในการขายของทางอีเบย์ก็คือ "ความตั้งใจ และ ความทุ่มเท" แม้แต่นักขายที่มีความพร้อมในเรื่องทักษะการขายและเชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์ก็อาจจะขายของในอีเบย์ได้แบบธรรมดาๆ เพราะขาดความตั้งใจและ ความทุ่มเท แต่นักขายที่ขาดความพร้อมทั้งสองอย่างนั้น อาจจะประสบความสำเร็จได้เร็วกว่าและมากกว่าคนกลุ่มอื่นๆก็ได้ ถ้ามีความตั้งใจและทุ่มเทมากพอ ดังนั้นจึงไม่สำคัญที่เราจะเริ่มต้นที่จุดไหน หรือ ล้าหลังกว่าคนอื่นเพียงไหน เพียงขอให้เรารู้ว่าเราอยู่ตรงจุดไหน และต้องพัฒนาด้านใด, ก็จะเข้าสู่หนทางแห่งความสำเร็จได้เอง แล้วเพื่อนๆล่ะครับ คิดว่าตอนนี้ตอนเองอยู่ไหนจุดไหนกันบ้าง? ______________________________________________________________________ ใครนั่งขายของว่างๆ เหงาๆ ไม่มีอะไรทำ ก็มานั่งคุยกับผมได้นะครับ มีปัญหาจะได้ปรึกษาหารือกันด้วย ขายของคนเดียว ผมว่ามันจะท้อแท้ง่ายครับ p o r p e a n g s e l l e r @hotmail.com (พิมพ์เอง ไม่ต้องเว้นวรรคนะครับ) http://www.porpeangseller.com หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: tumtac ที่ 07 มีนาคม 2009, 21:31:48 :-* :-* :-*
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: digitalex ที่ 07 มีนาคม 2009, 21:40:03 ไม่ได้ขาย ebay แต่อยากได้คำแนะเรื่องการขายได้ไหมครับ :P
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: Kobsoft ที่ 07 มีนาคม 2009, 21:43:09 :-[ ยาว...
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: spiceday ที่ 07 มีนาคม 2009, 22:29:58 เยี่ยมมากครับ :)
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: Giftrin ที่ 10 เมษายน 2009, 14:32:36 +1 สินะ คุณภาพ เเบบนี้ ::)
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: moneyjr ที่ 10 เมษายน 2009, 14:35:34 ข้าน้อยขอคาราวะ ครับ :-*
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: crazycat ที่ 10 เมษายน 2009, 17:48:54 นั้นนะสิ ลืมไปแล้วนะเนี่ย ว่าการเตรียมตัวก่อนการขายมีความสำคัญมาก สงสัยจะทำอะไรก็ต้องเตรียมให้ดีกว่านี้ซะแล้วสิ
+1 สำหรับเรื่องดี ๆ ครับ หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: teay_bcc ที่ 10 เมษายน 2009, 18:56:34 :-* :-*
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: maidai ที่ 10 เมษายน 2009, 19:43:59 วิเคราะห์ได้ถึงกึ๋นไปเลย แบบนี้ต้องกด +1 รัวๆๆๆ
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: izumi123 ที่ 10 เมษายน 2009, 22:45:23 นิทานสนุกมากเลยครับ ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: PornClip ที่ 11 เมษายน 2009, 03:30:21 +1 :-* หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: Moha ที่ 11 เมษายน 2009, 07:18:54 เยี่ยมครับ +1
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: peipeipaew ที่ 12 เมษายน 2009, 04:56:40 กำลังจะเริ่มขายของใน ebay หลังจากโดนแบน account จาก ioffer (เพราะขายของผิดกฎ ;D ไม่ดี อย่าเอาอย่าง ตอนนี้เลิกแล้ว)
นิทานอันนี้โดนมากๆค่ะ ขออนุญาตแอดเมลไว้นะค้า หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: TROJAN ที่ 04 สิงหาคม 2009, 15:31:25 เป็นกระจกส่องตัวเองได้ดีครับ
+1 ไปเลย หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: kitakaze41 ที่ 04 สิงหาคม 2009, 15:57:12 สุดยอดๆ แต่ ยาวสุดๆ :P
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: char ที่ 25 สิงหาคม 2009, 10:43:29 ลองไปทำไป คิดอย่างเดียวนั่นคือการเรียนรู้ครับ
ถ้าเรียนรู้จนหมด แล้วไม่ลองทำจะขาดประสบการณ์ เมื่อขาดประสบการณ์ก็พลิกแพลงไม่ได้ เมื่อพลิกแพลงไม่ได้ก็เท่ากับเอามีดบิ่นๆไปฟันต้นไม้ ขออย่างเดียว สำหรับคนเพิ่งหัดทำ อย่าหวังเงินในตอนต้น ขอให้เรียนรู้และปรับปรุงตัวเองเสมอๆคุณก็จะสำเร็จ หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: magicman ที่ 25 สิงหาคม 2009, 10:45:56 อยากลองขายดูบ้าง แต่ยังไม่รู้จะขายอะไร :-*
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: THAIEBAYSHOP ที่ 26 สิงหาคม 2009, 23:27:39 ขอบคุรมากๆครับ บทความสุดยอดเลยครับ :'( :'(
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: easieload ที่ 13 กันยายน 2009, 06:38:57 ผมถนัดคอม
ผมถนัดขาย แต่ปัญหาหลักคือ ภาษานั่นเอง !!! เมื่อรู้ถึงปัญหา ก็สามารถแก้ได้... แต่ตอนนี้งานเยอะ...แง๊ :'( หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: Twenty-One ที่ 13 กันยายน 2009, 07:23:49 สุดยอดไปเลยครับ :'(
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: workpoints ที่ 13 กันยายน 2009, 08:25:00 ขอบคุณครับ ตามมาเก็บอีกเช่นเคย
หัวข้อ: Re: นิทาน “นักขายทั้งสี่” [นักขาย 4 แบบ ที่มักพบบ่อยๆในอีเบย์] เริ่มหัวข้อโดย: zaakikuya ที่ 13 กันยายน 2009, 08:29:28 เหอๆ..อ่านซะเหนื่อยเลยนะคะ เยี่ยมมากค่ะ :D
|