ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปGeneral (ถามคุยวิชาการ IM)รู้สึกร่าง พรบ ผ่านแล้วเน็ตอืดลง 60% เลยนะครับ มันเกี่ยวกันไหม [สอบถาม]
หน้า: 1 [2]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: รู้สึกร่าง พรบ ผ่านแล้วเน็ตอืดลง 60% เลยนะครับ มันเกี่ยวกันไหม [สอบถาม]  (อ่าน 2053 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kondam
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 532
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,137



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2016, 21:39:14 »

ไม่น่าจะเกี่ยวครับ  wanwan019
บันทึกการเข้า

ขอแนะนำ : wanwan034

1. จดโดเมน ต่ออายุ godaddy ลด 40% ถูกที่สุดในตอนนี้! คลิก

2.จดโดเมน + private 8.88$ [namecheap]   คลิก

3.แนะนำคลาวด์โฮสติ้งไทย ที่ผมใช้อยู่ [Thaidata]   คลิก
OXYGEN2
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 22
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 599



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2016, 22:21:21 »

ต่อไปคงต้องใช้ผ่าน VPN ที่ Singapore ซะแล้ว
บันทึกการเข้า

QuickSk8er
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 63
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,653



ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2016, 22:27:01 »

ร่างที่ผ่านมาไม่เกี่ยว SG เลยครับ ลองอ่านดูครับ อาจจะยาวหน่อยนึง
https://www.facebook.com/photo...8622491&type=3&theater
บันทึกการเข้า
QuickSk8er
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 63
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,653



ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2016, 22:29:31 »

**** เอามาให้อ่านครับ เครดิต คุณPat Hemasuk*****

มีคนถามผมหลายคนเรื่อง Single Gateway ว่าทำไมผมไม่เขียนอะไรเลย ผมตอบไปว่าตามปกติผมจะไม่เขียนเรื่องเพ้อเจ้อตามกระแส ดังนั้นผมเลยไม่เขียนเรื่องนี้เพราะผมถือว่าเรื่อง Single Gateway เป็นเรื่องเพ้อเจ้อของสังคมอีกเรื่องหนึ่ง


ก่อนที่จะอ่านต่อไปข้างล่างนี้ผมอยากให้เลื่อนไปดูภาพของระบบเกตเวย์ของประเทศไทยที่ผมลงภาพประกอบเอาไว้ก่อนนะครับแล้วจะนึกภาพออกได้อรรถรสในสิ่งที่ผมเขียนได้สนุกขึ้น


เป็นอย่างไรบ้างครับ เห็นภาพแล้วลมจับแทบเอายาดมยัดจมูกเลยไหมครับว่าระบบของประเทศไทยเรานั้นใหญ่โตมโหระทึกขนาดไหน Transit และ Peering ยุบยับไปหมด


ผมไม่ใช่คนในวงการ IT หรอกครับ แต่พื้นฐานของผมเข้าใจเรื่องนี้มากพอสมควร เพราะผมมีส่วนร่วมในวงการนี้มาตั้งแต่ประเทศไทยมีเกตเวย์อยู่เพียงสองเส้นทาง และผมเองก็เป็นหนึ่งในไม่ถึงห้าร้อยคนที่มีแอคเคาท์ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในยุคแรกของประเทศไทย จนถึงในช่วงเปลี่ยนผ่าน Backbone มาเป็นระบบออฟติก ผมก็พอที่จะมีส่วนร่วมในการออกแบบระบบมาบ้างที่เวลานี้ก็ยังถือว่าเป็นระบบออฟติกที่ใหญ่ระดับต้นๆ ของประเทศไทยที่ยังใช้งานต่อเนื่องอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าผมเป็นคนในวงการ IT แต่ประการใด


ที่ผมบอกว่าเรื่อง Single Gateway เป็นเรื่องเพ้อเจ้อนั้นก็เพราะว่าประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนแปลงพื้นฐานด้านโทรคมนาคมการเชื่อมต่อโครงข่ายพื้นฐานของประเทศใหม่ทั้งหมด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในทางปฎิบัติไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า เพราะว่าระบบพื้นฐานของเราไม่ได้วางระบบเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรก รัฐบาลจำเป็นจะต้องสร้าง Gateway ขนาดยักษ์ขึ้นมารองรับ Transit และ Peering ของเดิมทั้งประเทศซึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณมหาศาลเหมือนกับต้องสร้างบ้านใหม่โดยห้ามทุบบ้านหลังเดิมในที่ดินเดียวกัน ซึ่งผิดกับประเทศที่ควบคุมระบบตั้งแต่เกิดมาเป็น Single Gateway มาตั้งแต่แรกที่เขาวางเอาไว้แล้วแบบนั้น


ปัญหาต่อมาคือสัญญาทางธุรกิจของการเชื่อมต่อเดิมที่อยู่ในรูปของบริษัทเอกชนและวิสาหกิจที่มีกับเส้นทางต่างประเทศที่เราเชื่อมต่อแต่เดิมมาจะแก้เป็นอย่างไร สัญญานับร้อยฉบับทั้งในและนอกประเทศยุ่งตัยห่ะ รัฐบาลไทยรับได้ไหม ค่าใช้จ่ายที่สะท้อนกลับมาถึงประชาชนต้องเพิ่มอีกเท่าไร เพราะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมานั้นต้องบวกเข้ากับค่าบริการอยู่แล้ว เอาเพียงในส่วนที่เป็นตัวระบบเองขนาด Bandwidth ต้องรองรับ 2 เท่าในอนาคตระดับชน 5T bps ก็ต้องลงทุนหลายพันล้านแล้ว ยังไม่รวมถึงอสังหาฯ เช่นตัวอาคาร เส้นทางของการลิงค์เคเบิลระบบออฟติกใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นระบบใต้ดินล้วนๆ ค่าจ้างบุคคลากร IT หลายร้อยคนทำงานเต็มเวลาไปอีกตลอดกาล ฯลฯ นั่นอาจจะต้องพูดถึงเงินเป็นหลายหมื่นล้านก็ได้ นี่ผมยังไม่ได้พูดถึง Recovery Sites ที่ต้องสำรองเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินเพื่อไม่ให้ระบบทั้งประเทศเป็นใบ้ไปด้วยนะครับ นั่นก็ราคาเกือบเอาสองคูณเข้าไปเลย


นี่คือสาเหตุที่ผมไม่เขียนเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพราะเพียงคิดมันเป็นไปไม่ได้แล้วครับ เปลืองเวลาชีวิตไปเปล่าๆ ที่จะไปบ้าคิดเรื่อง Single Gateway


เครดิตภาพ nectec

บันทึกการเข้า
ummon2006
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 77
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 709



ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2016, 23:55:22 »

น่าจะเป็นเว็บ หรือ ไม่ก็เกี่ยวกับผู้ให้บริการเน็ตไหมครับ  Tongue
บันทึกการเข้า

jackiepkw
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 28
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 719



ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2016, 07:47:02 »

ผมอืด ทุกวัน ช่วงหัวค่ำ บ้านใช้เน็ตทุย   Tongue 

ทุยเหมือนกันครับ รู้สึกอืดบ่อยมาก เรียกช่างมาวันจันทร์แล้ว 5555

น่าจะเป็นเว็บ หรือ ไม่ก็เกี่ยวกับผู้ให้บริการเน็ตไหมครับ  Tongue

ดูๆแล้วน่าจะเป็นที่เน็ตแหละครับ
 wanwan004
ขอบคุณทุก ความเห็นมากๆเลยครับ กระจ่างขึ้นเยอะ ^_^   wanwan017
บันทึกการเข้า

jackiepkw
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 28
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 719



ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2016, 07:49:52 »

**** เอามาให้อ่านครับ เครดิต คุณPat Hemasuk*****

มีคนถามผมหลายคนเรื่อง Single Gateway ว่าทำไมผมไม่เขียนอะไรเลย ผมตอบไปว่าตามปกติผมจะไม่เขียนเรื่องเพ้อเจ้อตามกระแส ดังนั้นผมเลยไม่เขียนเรื่องนี้เพราะผมถือว่าเรื่อง Single Gateway เป็นเรื่องเพ้อเจ้อของสังคมอีกเรื่องหนึ่ง


ก่อนที่จะอ่านต่อไปข้างล่างนี้ผมอยากให้เลื่อนไปดูภาพของระบบเกตเวย์ของประเทศไทยที่ผมลงภาพประกอบเอาไว้ก่อนนะครับแล้วจะนึกภาพออกได้อรรถรสในสิ่งที่ผมเขียนได้สนุกขึ้น


เป็นอย่างไรบ้างครับ เห็นภาพแล้วลมจับแทบเอายาดมยัดจมูกเลยไหมครับว่าระบบของประเทศไทยเรานั้นใหญ่โตมโหระทึกขนาดไหน Transit และ Peering ยุบยับไปหมด


ผมไม่ใช่คนในวงการ IT หรอกครับ แต่พื้นฐานของผมเข้าใจเรื่องนี้มากพอสมควร เพราะผมมีส่วนร่วมในวงการนี้มาตั้งแต่ประเทศไทยมีเกตเวย์อยู่เพียงสองเส้นทาง และผมเองก็เป็นหนึ่งในไม่ถึงห้าร้อยคนที่มีแอคเคาท์ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในยุคแรกของประเทศไทย จนถึงในช่วงเปลี่ยนผ่าน Backbone มาเป็นระบบออฟติก ผมก็พอที่จะมีส่วนร่วมในการออกแบบระบบมาบ้างที่เวลานี้ก็ยังถือว่าเป็นระบบออฟติกที่ใหญ่ระดับต้นๆ ของประเทศไทยที่ยังใช้งานต่อเนื่องอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าผมเป็นคนในวงการ IT แต่ประการใด


ที่ผมบอกว่าเรื่อง Single Gateway เป็นเรื่องเพ้อเจ้อนั้นก็เพราะว่าประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนแปลงพื้นฐานด้านโทรคมนาคมการเชื่อมต่อโครงข่ายพื้นฐานของประเทศใหม่ทั้งหมด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในทางปฎิบัติไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า เพราะว่าระบบพื้นฐานของเราไม่ได้วางระบบเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรก รัฐบาลจำเป็นจะต้องสร้าง Gateway ขนาดยักษ์ขึ้นมารองรับ Transit และ Peering ของเดิมทั้งประเทศซึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณมหาศาลเหมือนกับต้องสร้างบ้านใหม่โดยห้ามทุบบ้านหลังเดิมในที่ดินเดียวกัน ซึ่งผิดกับประเทศที่ควบคุมระบบตั้งแต่เกิดมาเป็น Single Gateway มาตั้งแต่แรกที่เขาวางเอาไว้แล้วแบบนั้น


ปัญหาต่อมาคือสัญญาทางธุรกิจของการเชื่อมต่อเดิมที่อยู่ในรูปของบริษัทเอกชนและวิสาหกิจที่มีกับเส้นทางต่างประเทศที่เราเชื่อมต่อแต่เดิมมาจะแก้เป็นอย่างไร สัญญานับร้อยฉบับทั้งในและนอกประเทศยุ่งตัยห่ะ รัฐบาลไทยรับได้ไหม ค่าใช้จ่ายที่สะท้อนกลับมาถึงประชาชนต้องเพิ่มอีกเท่าไร เพราะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมานั้นต้องบวกเข้ากับค่าบริการอยู่แล้ว เอาเพียงในส่วนที่เป็นตัวระบบเองขนาด Bandwidth ต้องรองรับ 2 เท่าในอนาคตระดับชน 5T bps ก็ต้องลงทุนหลายพันล้านแล้ว ยังไม่รวมถึงอสังหาฯ เช่นตัวอาคาร เส้นทางของการลิงค์เคเบิลระบบออฟติกใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นระบบใต้ดินล้วนๆ ค่าจ้างบุคคลากร IT หลายร้อยคนทำงานเต็มเวลาไปอีกตลอดกาล ฯลฯ นั่นอาจจะต้องพูดถึงเงินเป็นหลายหมื่นล้านก็ได้ นี่ผมยังไม่ได้พูดถึง Recovery Sites ที่ต้องสำรองเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินเพื่อไม่ให้ระบบทั้งประเทศเป็นใบ้ไปด้วยนะครับ นั่นก็ราคาเกือบเอาสองคูณเข้าไปเลย


นี่คือสาเหตุที่ผมไม่เขียนเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพราะเพียงคิดมันเป็นไปไม่ได้แล้วครับ เปลืองเวลาชีวิตไปเปล่าๆ ที่จะไปบ้าคิดเรื่อง Single Gateway


เครดิตภาพ nectec



แล้วงี้จะทำ พรบ ขึ้นมาทำไมครับ เหมือนทำให้โดนด่าเปล่าๆ + ต่างชาติที่รู้ไทยบางคนเห็นกระแสนิยมอาจไม่กล้าตามมาลงทุนที่ไทยอีก
บันทึกการเข้า

Hybrid
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 122
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,294



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2016, 08:25:02 »

**** เอามาให้อ่านครับ เครดิต คุณPat Hemasuk*****

มีคนถามผมหลายคนเรื่อง Single Gateway ว่าทำไมผมไม่เขียนอะไรเลย ผมตอบไปว่าตามปกติผมจะไม่เขียนเรื่องเพ้อเจ้อตามกระแส ดังนั้นผมเลยไม่เขียนเรื่องนี้เพราะผมถือว่าเรื่อง Single Gateway เป็นเรื่องเพ้อเจ้อของสังคมอีกเรื่องหนึ่ง


ก่อนที่จะอ่านต่อไปข้างล่างนี้ผมอยากให้เลื่อนไปดูภาพของระบบเกตเวย์ของประเทศไทยที่ผมลงภาพประกอบเอาไว้ก่อนนะครับแล้วจะนึกภาพออกได้อรรถรสในสิ่งที่ผมเขียนได้สนุกขึ้น


เป็นอย่างไรบ้างครับ เห็นภาพแล้วลมจับแทบเอายาดมยัดจมูกเลยไหมครับว่าระบบของประเทศไทยเรานั้นใหญ่โตมโหระทึกขนาดไหน Transit และ Peering ยุบยับไปหมด


ผมไม่ใช่คนในวงการ IT หรอกครับ แต่พื้นฐานของผมเข้าใจเรื่องนี้มากพอสมควร เพราะผมมีส่วนร่วมในวงการนี้มาตั้งแต่ประเทศไทยมีเกตเวย์อยู่เพียงสองเส้นทาง และผมเองก็เป็นหนึ่งในไม่ถึงห้าร้อยคนที่มีแอคเคาท์ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในยุคแรกของประเทศไทย จนถึงในช่วงเปลี่ยนผ่าน Backbone มาเป็นระบบออฟติก ผมก็พอที่จะมีส่วนร่วมในการออกแบบระบบมาบ้างที่เวลานี้ก็ยังถือว่าเป็นระบบออฟติกที่ใหญ่ระดับต้นๆ ของประเทศไทยที่ยังใช้งานต่อเนื่องอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าผมเป็นคนในวงการ IT แต่ประการใด


ที่ผมบอกว่าเรื่อง Single Gateway เป็นเรื่องเพ้อเจ้อนั้นก็เพราะว่าประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนแปลงพื้นฐานด้านโทรคมนาคมการเชื่อมต่อโครงข่ายพื้นฐานของประเทศใหม่ทั้งหมด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในทางปฎิบัติไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า เพราะว่าระบบพื้นฐานของเราไม่ได้วางระบบเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรก รัฐบาลจำเป็นจะต้องสร้าง Gateway ขนาดยักษ์ขึ้นมารองรับ Transit และ Peering ของเดิมทั้งประเทศซึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณมหาศาลเหมือนกับต้องสร้างบ้านใหม่โดยห้ามทุบบ้านหลังเดิมในที่ดินเดียวกัน ซึ่งผิดกับประเทศที่ควบคุมระบบตั้งแต่เกิดมาเป็น Single Gateway มาตั้งแต่แรกที่เขาวางเอาไว้แล้วแบบนั้น


ปัญหาต่อมาคือสัญญาทางธุรกิจของการเชื่อมต่อเดิมที่อยู่ในรูปของบริษัทเอกชนและวิสาหกิจที่มีกับเส้นทางต่างประเทศที่เราเชื่อมต่อแต่เดิมมาจะแก้เป็นอย่างไร สัญญานับร้อยฉบับทั้งในและนอกประเทศยุ่งตัยห่ะ รัฐบาลไทยรับได้ไหม ค่าใช้จ่ายที่สะท้อนกลับมาถึงประชาชนต้องเพิ่มอีกเท่าไร เพราะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมานั้นต้องบวกเข้ากับค่าบริการอยู่แล้ว เอาเพียงในส่วนที่เป็นตัวระบบเองขนาด Bandwidth ต้องรองรับ 2 เท่าในอนาคตระดับชน 5T bps ก็ต้องลงทุนหลายพันล้านแล้ว ยังไม่รวมถึงอสังหาฯ เช่นตัวอาคาร เส้นทางของการลิงค์เคเบิลระบบออฟติกใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นระบบใต้ดินล้วนๆ ค่าจ้างบุคคลากร IT หลายร้อยคนทำงานเต็มเวลาไปอีกตลอดกาล ฯลฯ นั่นอาจจะต้องพูดถึงเงินเป็นหลายหมื่นล้านก็ได้ นี่ผมยังไม่ได้พูดถึง Recovery Sites ที่ต้องสำรองเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินเพื่อไม่ให้ระบบทั้งประเทศเป็นใบ้ไปด้วยนะครับ นั่นก็ราคาเกือบเอาสองคูณเข้าไปเลย


นี่คือสาเหตุที่ผมไม่เขียนเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพราะเพียงคิดมันเป็นไปไม่ได้แล้วครับ เปลืองเวลาชีวิตไปเปล่าๆ ที่จะไปบ้าคิดเรื่อง Single Gateway


เครดิตภาพ nectec



แล้วงี้จะทำ พรบ ขึ้นมาทำไมครับ เหมือนทำให้โดนด่าเปล่าๆ + ต่างชาติที่รู้ไทยบางคนเห็นกระแสนิยมอาจไม่กล้าตามมาลงทุนที่ไทยอีก

ร่าง พรบ. คือ กฎหมาย ต่อให้ไม่ใช่ single gateway ก็มีอำนาจเต็มๆ ปิดเว็บได้ถ้าเห็นสมควร

ส่วน single gateway เป็นโครงข่าย เนื่องจากการมีจุดเชืรอมต่อหลายๆ จุด การไล่ปิดเว็บ คือต้องปิดทั้ง 4 จุดแทนที่จะทำแค่จุดเดียว คนดูแลลำบาก เขาจะทำให้เป็นจุดเดียวครับ ปิดทีเดียวจบหมด
บันทึกการเข้า
Gorilla
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 256



ดูรายละเอียด
« ตอบ #28 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2016, 09:47:34 »

รีบจัง ยังไม่เกี่ยวนะ มีผลบังคับใช้ภายใน 120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการคงต้องจัดระบบอีกเยอะ
บันทึกการเข้า
Mr.Blogger
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 614
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,459



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2016, 10:14:53 »

น่าจะไม่เกี่ยวกันครับ
บันทึกการเข้า

Keywords ที่ปิดการขายได้ง่าย!
Keywords ที่ทำ SEO ได้ง่าย!!
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง ..
>>คลิกตรงนี้!!
jackiepkw
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 28
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 719



ดูรายละเอียด
« ตอบ #30 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2016, 10:27:42 »

คือถ้าจะปิดเว็บไหน สั่งผ่านผู้ให้บริการเลยสินะครับ
บันทึกการเข้า

Gorilla
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 256



ดูรายละเอียด
« ตอบ #31 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2016, 11:02:50 »

คือถ้าจะปิดเว็บไหน สั่งผ่านผู้ให้บริการเลยสินะครับ

ปกติปิดได้อยู่แล้วนะ แค่มีหมายศาล

แต่พรบ ตัวใหม่มีช่องทางการปิดบ้างหมวด ไม่ต้องผ่านศาล ผ่านทางเจ้าหน้าที่ได้เลย
บันทึกการเข้า
Jaideejung007™
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 123
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,410



ดูรายละเอียด
« ตอบ #32 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2016, 12:12:02 »

วิตกเกินไปครับ
บันทึกการเข้า
tenzamak
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 800
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,962



ดูรายละเอียด
« ตอบ #33 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2016, 12:25:47 »

99 เปอร์เซนที่ด่า พรบ ฉบับนี้ คือคนที่ยังไม่ได้อ่าน พรบ

บันทึกการเข้า

host ราคาเริ่มต้นที่ 500/ปี
host inter ราคาเริ่มต้นที่ 500/ปี
hosting singapore ราคาเริ่มต้นที่ 500/ปี
vps ราคาเริ่มต้นที่ 500/เดือน
jackiepkw
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 28
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 719



ดูรายละเอียด
« ตอบ #34 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2016, 12:35:49 »

99 เปอร์เซนที่ด่า พรบ ฉบับนี้ คือคนที่ยังไม่ได้อ่าน พรบ



ไม่ได้ด่าครับ แค่ถามเฉยๆ คือไม่ค่อยเก็ทเพราะมันเหมือนคลุมเครือในบางจุด + เน็ตที่บ้านผมมันช้าช่วงนี้พอดีด้วย
บันทึกการเข้า

momomak
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 99



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #35 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2016, 13:20:21 »

เอิ่ม..เค้าแค่ร่างครับ มีผลบังคับใช้หลังจากนี้ 120 วัน อะไรจะเร็วปานนั้น
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2]   ขึ้นบน
พิมพ์