พอดีไปอ่านเจอบทความจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เห็นว่าน่าสนใจ แต่ก็ลังเลอยู่ว่าจะเอามาลงดีไหม เพราะผมเห็นมีคนหามาให้อ่านเป็นประจำกันเยอะอยู่แล้ว แต่คิดไปคิดมาเอามาเผยแผ่กันดีกว่า แค่มีสักคนอ่านแล้วรู้สึกว่ามันมีประโยชน์ผมว่าก็คุ้มแล้วล่ะ
จากผู้ซื้อ สู่ Sellsumers
เมื่อเร็วๆนี้ Trendwatching.com เว็บไซต์ที่คอยทำนายเทรนด์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในโลก (ทีมงานของเว็บนี้เป็นผู้สันทัดกรณีเรื่องเศรษฐกิจการตลาดของเมืองมะกัน) ได้นำเสนอบทความชิ้นหนึ่งที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในยุคประหยัดของชาวเมืองลุงแซม ชื่อหัวข้อน่าสนใจมาก เพราะเล่นคำว่า “Sellsumers” ที่หมายความว่า ปัจจุบัน “ผู้ซื้อ” กำลังเปลี่ยนตัวเองมาเล่นบท “ผู้ขาย” บ้าง (Sale+Customer)
เรื่องนี้ฟังดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร มันก็แค่เป็น “การพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส” แต่ในรายละเอียดปลีกย่อยของ Sellsumers นี้ซิ ไม่ธรรมดา เพราะว่านับเป็นครั้งแรกที่สังคมอเมริกา ที่ได้ชื่อว่า เป็นพวกบริโภคนิยมอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูของโลก หันมาใช้ชีวิตอย่างสมถะ กลับไปสู่ระบบเศรษฐกิจพื้นฐาน นั่นคือ ผลิตเพื่อบริโภค เช่น จากที่เคยชอปปิ้งในซูเปอร์มาร์เกต ก็หันมาปลูกผักไว้รับประทานเองที่สวนข้างบ้าน ธุรกิจขายเมล็ดพันธุ์พืชทางเว็บไซต์กลายเป็นธุรกิจที่ร้อนแรงสวนกระแสบิสซิเนสอื่นๆ
ที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือ มีเว็บไซต์ชื่อ “Veggietrader.com” เป็นเว็บที่คุณแม่บ้านอเมริกันกำลังติดงอมแงม เพราะเว็บไซต์นี้เปิดโอกาสให้สมาชิก ที่เป็นนักปลูกผักมือใหม่แลกผักกันรับประทานได้ เช่น ใครสามารถปลูกผักสวนครัวชนิดไหนได้ เหลือจากกินเองในครัวเรือน ก็สามารถส่งไปรษณีย์ไปให้อีกบ้านหนึ่งได้ มีการโพสต์รูปผักสวยๆ ที่สวนหน้าบ้านมาประชันกัน ถือเป็นไอเดียที่ดีเด่น และไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในประเทศทุนนิยมจ๋าอย่าง USA
ความหมายของ Sellsumers ที่ลึกซึ้งก็คือ การเปลี่ยนตัวเองเป็น “ผู้ขาย” จากสิ่งที่เป็นอยู่ หรือมีอยู่ โดยเป็นกิจกรรมที่หลีกเลี่ยงการใช้เงินอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่าพื้นที่โรงจอดข้างบ้าน การเกิดขึ้นของเว็บไซต์ที่แลกของกันใช้ทางไปรษณีย์ การใช้ Blog ในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการที่ตัวเองผลิตขึ้น หรือการใช้เวลาพาร์ตไทม์สร้างสรรค์ผลงานเล็กๆน้อยๆ ประเภทงาน Handmade แล้วอัปเดตขึ้นไปขายบน ebay
มีบางกิจกรรมที่ฟังดูแล้วไอเดียบรรเจิดมาก เช่น การจัด My Gold Party นำทองคำมาแลกเปลี่ยนกันในงานปาร์ตึ้ หรือการจัด Ex Boyfriend Jewelry นำเครื่องประดับที่แฟนเก่าเคยให้มาออกประมูลขายทางเว็บไซต์ เพราะเก็บต่อไปก็ช้ำใจเปล่าๆ ด้วยคอนเซปต์ “You Don’t want it, He Can have it back”
ในบ้านเราก็เริ่มมีคนนำแนวคิด แลกเปลี่ยนของกันใช้ ประหยัดทั้งเงินในกระเป๋าและทรัพยากรโลก ลองคลิกเข้าไปดูที่
www.coolswoop.com 
เป็นเว็บไซต์ที่ก่อตั้งโดย วราฤทธิ์ มังคลานนท์ ดีเจของคลื่น Fat Radio เปิดมาได้ 1 ปีแล้ว มีคนแลกเปลี่ยนของใช้กันอย่างสนุกสนาน ภายใต้แนวคิด “ ของที่เราไม่ใช้ ย่อมมีคนอื่นอยากได้” ไอเดียดีๆอย่างนี้น่าสนับสนุนครับ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์
ป.ล. อยากรู้จริงๆว่าราคา 2009 Trend Report ราคาซักเท่าไหร่เนี่ย เห็นรายชื่อลูกค้าแต่ละเจ้านี่บิ๊กเบิ้มทั้งนั้นเลย

(เห็นกสิกรไทยแว๊บๆด้วย)