ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: รมว.ไอซีทียันออกใบอนุญาต e-Payment ทันเวลา  (อ่าน 561 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
PIN
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 128
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,980



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2009, 21:50:58 »



ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี

หลังออกไปแล้ว 47 ฉบับ เผยให้สิทธิ์ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้พิจารณา ด้วยอำนาจตามม.12 ของพ.ร.ฎ. พบผู้ประกอบการมีความเข้าใจ ยื่นเอกสารครบถ้วน-ถูกต้อง ชี้คุณสมบัติและความมั่นคงอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ…

ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในฐานะประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการออกใบอนุญาตการประกอบธุรกิจบริการ การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ตามประเภทธุรกิจท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 ในบัญชี ค ว่า หลังจากมีผู้ประกอบธุรกิจตามบัญชี ค ยื่นแบบขอรับใบอนุญาตจำนวน 70 ราย รวมใบอนุญาต 109 ฉบับ ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และธนาคารแห่งประเทศไทยได้พิจารณาและออกใบอนุญาตแล้ว จำนวน 16 ราย รวมใบอนุญาต 31 ฉบับ โดยขณะนี้ คณะกรรมการฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้พิจารณาออกใบอนุญาตให้กับผู้ยื่นแบบขออนุญาตเพิ่มเติมแล้ว

รมว.กระทรวงไอซีที กล่าวต่อว่า คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และธนาคารแห่งประเทศไทย อาศัยอำนาจตามมาตรา 12 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ เพื่อพิจารณาออกใบอนุญาตแก่ผู้ให้บริการที่ยื่นขอรับใบอนุญาตที่เหลือ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้พิจารณาความครบถ้วนและถูกต้องของแบบยื่น และเอกสารประกอบการยื่นของผู้ให้บริการ ผลจากการพิจารณา พบว่า ผู้ให้บริการยื่นเอกสารได้ครบถ้วนและถูกต้อง ขณะเดียวกัน ก็มีคุณสมบัติเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดและมีความพร้อมในการให้บริการ รวมถึง มีแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางระบบสารสนเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้

ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการฯ เพื่อให้พิจารณาออกใบอนุญาตแก่ผู้ให้บริการที่ยื่นแบบไว้ โดยได้พิจารณาออกใบอนุญาตเพิ่มเติมอีกจำนวน 30 ราย แบ่งเป็นผู้ให้บริการที่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 19 ราย และผู้ให้บริการที่มิใช่สถาบันการเงิน จำนวน 11 ราย รวมออกใบอนุญาตเป็นจำนวน 47 ฉบับ

ส่วนการพิจารณาออกใบอนุญาตแก่ผู้ให้บริการที่เหลืออยู่นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมฯ อีกครั้ง เพื่อพิจารณาให้ทันภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2552 วันครบกำหนดตามบทเฉพาะกาลที่ผ่อนผันแก่ผู้ให้บริการรายเดิมสามารถให้บริการได้ต่ออีก 120 วันนับจากกฎหมายมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2552

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ให้บริการประเภทสถาบันการเงิน ที่ได้รับใบอนุญาตนั้น ได้แก่ ธนาคารคาลิยง ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส สาขากรุงเทพฯ ธนาคารซิตี้แบงก์ สาขากรุงเทพฯ ธนาคารดอยซ์แบงก์ สาขากรุงเทพฯ ธนาคารทหารไทย ธนาคารทิสโก้ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย ธนาคารไทยธนาคาร ธนาคารธนชาต ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารยูโอบี ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย ธนาคารสินเอเชีย ธนาคารแห่งประเทศจีน สาขากรุงเทพฯ ธนาคารแห่งอเมริกา เนชั่นแนล แอสโซซิเอชั่น ธนาคารอินเดียน โอเวอร์ซีส์ สาขากรุงเทพฯ ธนาคารเอบีเอ็น แอมโร เอ็น วี สาขาประเทศไทย ธนาคารโอเวอร์ ซี-ไชนีสแบงกิ้งคอร์ปอร์เรชั่น สาขากรุงเทพฯ และธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ส่วนผู้ให้บริการประเภทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ได้รับใบอนุญาต ได้แก่ บมจ.เจมาร์ท บจ.ซิตี้คอนซูเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) บจ.ทรู มันนี่ บมจ.ทีโอที บมจ.บัตรกรุงไทย บจ.ไปรษณีย์ไทย บจ.เพย์เมนท์ โซลูชั่น 2008 บจ.โพลาร์ เว็บแอปพลิเคชั่น บจ.ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) บจ.อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (ไทย) และบจ.อี-เคลียริ่ง (ไทยแลนด์)

ที่มา  http://www.thairath.co.th/content/tech/5125
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์