ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.com< กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน)สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe)พริกป่น" เสี่ยงต่อสาร "อะฟลาท็อกซิน" ไม่แพ้ถั่วลิสง (ภ้ยใกล้ตัวที่ไม่ควรละเลย)
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: พริกป่น" เสี่ยงต่อสาร "อะฟลาท็อกซิน" ไม่แพ้ถั่วลิสง (ภ้ยใกล้ตัวที่ไม่ควรละเลย)  (อ่าน 776 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
thitoiw
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 8
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 361



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 13 มกราคม 2009, 12:23:32 »


เอามาจาก winnergang ครับ...อยากเผยแพร่เรื่องที่เป็นประโยชน์ครับ...จะได้ป้องกันได้ทัน :Smiley :Smiley Cool
 Smiley

รู้หรือไม่ ถ้าเราเก็บรักษา "พริกป่น" ไม่ดีโดยปล่อยให้มีความชื้น
จะส่งผลให้เกิดสารอันตราย "อะฟลาท็อกซิน" ได้ไม่แพ้ "ถั่วลิสง"
แล้วพริกป่นสำเร็จรูปที่เราทานกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันล่ะ จะ "ปลอยภัย"
ต่อสุขภาพแค่ไหนกัน


เกิดเป็นไทยกินอาหารอะไรก็ต้องแซ่บไว้ก่อน
"พริก"จึงกลายเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่คนไทยขาดแทบไม่ได้
แถมยังเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ
สามารถพัฒนาในระดับอุตสาหกรรมเพื่อผลิตสินค้าหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ยา
ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ยาฆ่าแมลง ส่วนผสมของสายเคเบิ้ล หรือผลิตภัณฑ์แก้ง่วง


"พริกป่น" เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมไม่แพ้กัน แต่พริกป่นนั้น
จำเป็นต้องเก็บไว้ในที่แห้งสนิท เพราะเกิด "เชื้อรา" ง่าย
เมื่อเกิดเชื้อราขึ้นแต่เราบริโภคเข้าไป ก็จะได้รับสาร "อะฟลาท็อกซิน"
เป็นของแถม จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า
พริกป่นเป็นอาหารที่เสี่ยงต่อการเกินสารอะฟลาท็อกซินได้ง่าย
ไม่แพ้ "ถั่วลิสง" ยิ่งในปัจจุบันประเทศไทยนำเข้าพริกป่นจากต่างประเทศมากขึ้น
ความเสี่ยงจึงมีมากขึ้นตามไปด้วย เพราะผู้บริโภคขาดข้อมูลแหล่งผลิตสินค้า


เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง เราจึงเก็บตัวอย่าง "พริกป่น" ที่บรรจุในซองสำเร็จรูป 2
ยี่ห้อยอดนิยม ได้แก่ "ไร่ทิพย์" และ "ข้าวทอง"
พร้อมด้วยพริกป่นบรรจุซองขายในห้างอีก
5 ยี่ห้อ ได้แก่ ตราเจเจ ตราบางช้าง ตรามือที่ 1 ตรานักรบและตราศาลาแม่บ้าน
รวมทั้งพริกป่นแบบแบ่งขายใตตลาดสด จากนั้นไปนำส่งห้องทดสอบ สถาบันวิจัยโภชนาการ
มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อตรวจหาสารอะฟลาท็อกซิน


ผลการทดสอบ
พบการปนเปื้อนสาร "อะฟลาท็อกซิน" ในพริกป่นเกือบทุกตัวอย่าง
แต่ปนเปื้อนในปริมาณไม่มากจนน่าห่วง คือ พบน้อยกว่าที่ อย.กำหนดไว้ที่ไม่เกิน
20 ไมโครกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ทั้งนี้
ตามปกติแล้วเรามักไม่บริโภคพริกป่นในปริมาณมาก
เพียงแค่เติมเพื่อชูรสชาติเท่านั้น จึงไม่น่ากังวลต่อการบริโภค
อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรประมาท
ทางที่ดีที่สุดจึงเป็นการเลือกพริกแห้งมาคั่วพริกป่นทานเอง หากซื้อจากแม่ค้า
ก็ควรเลือกซื้อจากเจ้าที่เชื่อถือได้และหมุนเวียนสินค้าไว


คำแนะนำ
1.ควรเก็บพริกป่นในที่แห้งสนิทและใช้ช้อนกลางตักเสมอ
2.ไม่ควรซื้อพริกป่นในปริมาณมาก เพื่อเก็บไว้ทานนานๆ
3.พริกป่นที่ทำเอง จะสะอาดและเผ็ดกว่าที่ทำขาย เราสามารถทำเองได้ง่ายๆ
โดยการนำพริกสดไปตากแห้งแล้วคั่วจนหอม
จากนั้นให้นำใส่เครื่องปั่นหรือโขลกให้แหลก
4.ควรเลือกซื้อพริกป่นจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบวันผลิตทุกครั้ง


ประโยชน์ของพริกป่น
พริกป่นนอกจากจะให้ความเผ็ดแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีก
วันนี้เกร็ดความรู้มีมาบอกกัน...


1. สารที่ให้ความเผ็ดเรียกว่า "แคปไซซิน"
พริกป่นมีคุณสมบัติช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งได้ โดยไม่ทำลายเซลล์ดีภายในร่างกาย


2. ผู้หญิงนั่งหรือยืนทำงานทั้งวัน จนปวดหลังควรจะทานพริกป่นมากๆ
เพราะพริกป่นมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยที่กล้ามเนื้อหลังได้


3. ใช้ลดความอ้วน
เพราะสารบางตัวในพริกป่นสามารถปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติได้
จึงดีสำหรับสาวๆ ที่กำลังไดเอท ซึ่งจะต้องงดทานอาหารประเภทแป้งและคาร์โบไฮเดรต
ซึ่งอาจมีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สมดุล


4. ในพริกป่นมีสารที่ช่วยกระตุ้น ให้กระบวนการทำความสะอาดตัวเองของร่างกายทำงาน
คนที่ทานพริกป่นมากๆ จึงเหมือนได้ทำดีท็อกซ์ไปในตัว


5. นอกจากนี้พริกป่นช่วยไม่ให้เมือกเสียๆ มาจับตัวกันภายในส่วนต่างๆ
ของร่างกายด้วย


6. ความเผ็ดของพริกช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต ขับเหงื่อ
และทำให้ระบบย่อยทำงานดีขึ้น
ที่สำคัญยังกระตุ้นระบบเมตบอลิสซึ่มหรือระบบเผาผลาญอาหารให้ทำงาน
ทำให้ไขมันไม่จับตัวอยู่ในร่างกาย เป็นการตัดโอกาสของโรคอ้วนไปในตัว
 Grin Grin Cheesy Wink

ที่มา : นิตยสาร "ฉลาดซื้อ" + tlcthai


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์