ไม่ได้เขียนในหมวดนี้ซะนาน เพราะสภาพหลายอย่างไม่เอื้อ
เมื่อคืนฝันดีครับ ตื่นมาเลยอยากเขียน ^^"
พอดีเหลือบไปเห็นกระทู้ของเจ๊มี่เข้า
http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,47715.0.html 
ซึ่งจริงๆ วิธีหาบทความมาใช้บนเว็บมันไม่ยากเกินคิด
และไม่เสี่ยงอะไรมากด้วย ถ้าเราเล่นตามกฎของเขา
--------------------------------------
*ต่อไปจะเป็น Case หนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นบทความแนวอื่น ก็ต้อง Apply กันเอาเอง
แหล่งบทความจริงๆ ในเน็ตมีสิ่งที่เรียกกันว่า Articles Directory
ซึ่งเป็นเว็บที่รวมบทความต่างๆ ที่มีผู้คนมา Submit เพื่อต้องการโปรโมตตัวเอง
มันก็เหมือนๆ เวลาคนที่พยายามตอบกระทู้ในบอร์ด ก็เพื่อสร้าง Credit ให้ตัวเอง
ทำให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็น Pro ด้านไหน ดังนั้นบทความพวกนี้จะมีอยู่เนื่องๆ และ
"เราก็แอบจิ๊กมาใช้ได้" lol
อย่างแรกการค้นเจอเว็บพวกนี้ ก็ไม่ยากครับ
ใช้ Google ค้นด้วยคำต้องการ ตามด้วย articles
เช่นผมค้นให้เจ๊มี่ pet articles
ผมก็เจอ ก็เอากับเว็บแรกนั้นแหละ
www.animalpetsandfriends.com
เมื่อเจอ เราก็มาสำรวจเว็บบทความกัน
ส่วนมากเว็บที่ใช้ได้ และมักยอมให้เราเอาไปใช้
จะเป็นเว็บที่ใต้บทความ จะมี Author's Resource
หรือข้อมูลของตัวผู้เขียน ซึ่งเราควรต้องก็อบไปวางคู่กับบทความด้วย
เพื่อความพึงพอใจของตัวผู้เขียนเหมือนกัน
แต่ก่อนเราจะก็อบไปใช้งาน เราควรสำรวจเว็บก่อน ว่าเขามีนโยบายที่ยอมให้คนอื่น สามารถนำไปใช้ได้ไหม
จุดสังเกตง่ายสุด เว็บพวกนี้จะมีส่วนที่ยอมให้เราก็อบ html โค้ดไปได้เลย
แหม คิดแล้วสะดวกมากมาย แต่ผมก็แนะนำว่า ใครก็อบไปวาง เราอาจเล่นลูกล่อลูกชน
แอบเขียนยัด ref="nofollow" ลงไปก็ได้ ไว้เอาอีเมล์มาบอก เราค่อยถอด lolๆๆๆ
อย่างเว็บบทความที่ผมเอย (เดียวเจ๊มี่ก็คงเอาไปยัดบล็อกตามระเบียบ)
ก็จะมี Get the Code for this Article อยู่แถวเมนูด้านขวา
เจออะไร ก็ก็อบไปวางแต่งตามสะดวก เอาแบบให้ไม่น่าเกลียด
ทีนี้เพื่อกันเหนี่ยว อยากให้ก่อนใช้จริง ให้ลองอ่านพวก TOS หรือคำเต็มก็ Terms of Service (เงื่อนไขการให้บริการ)
พวกนี้จะบอกรวมๆ ซึ่งอาจมีพูดถึงคนที่ต้องการเอาบทความไปลงด้วยก็ได้
อย่างเว็บนั้น ก็มี Publisher Terms of Service เหมือนกัน
ผมจะแปลให้คร่าวๆ ไว้เพื่อทำความเข้าใจว่า "เว็บพวกนี้ เขาต้องการปกป้องอะไร"
# You must not remove "Article Source: http://www.animalpetsandfriends.com" from each article you choose to publish.
คุณต้องไม่ลบ "Article Source: http://www.animalpetsandfriends.com" ออกจากแต่ละบทความที่คุณต้องการเผยแพร่
(ข้อสังเกต: เขาไม่ได้รวมถึงลิงค์ไปยังเว็บหลัก ซึ่งในเว็บก็มีแบบ Plain text ให้เราไปใช้โดยไม่ต้องมีลิงค์ด้วยซ้ำ)
# You must respect the copyright of each author whose articles you wish to publish. This includes but is not limited to 1. resource box, 2. any links provided by the author.
คุณต้องให้่ความเคารพกับสิทธิ์ความเป็นเจ้าของๆ แต่ละคนเขียนบทความที่คุณจะเผยแพร่ สิ่งนี้แต่ไม่ได้จำกัดไปยัง 1. กล่อง Resource, 2. ลิงค์ใดๆ ที่ทำโดยคนเขียน
(ข้อสังเกต: ดูท่าจากการตีความไม่ผิด อาจจะเอาลิงค์ของเจ้าของบทความออกได้ แต่จริงๆ ไม่ต้องมีก็ได้ เพราะเว็บมี plain text ให้ใช้)
# You must not change, edit, or reword any part of any article not written by you.
คุณต้องไม่เปลี่ยน แก้ไข หรือเปลี่ยนคำ ไม่ว่าส่วนไหนของบทความที่ไม่ได้เขียนโดยคุณ
(ข้อสังเกต: ขา Rewrite โปรดระวัง เสี่ยงกว่าเก่า)
# You must agree to keep hyperlinks "live" so that users can click on said link and be taken to it's destination.
คุณต้องตกลงที่จะเก็บลิงค์ "ที่มา" (ในที่นี้เข้าใจว่าหมายถึง ลิงค์ต้นทางที่มีบทความ) ให้ผู้ใช้งานสามารถคลิ๊กและมายังเป้าหมายได้
(ข้อสังเกต: เขาคงอยากให้เราใส่ลิงค์บทความข้างต้นไปด้วย ก็เหมือนการบอกที่มานั้นแหละ ซึ่งใส่ nofollow ผมก็ว่าไม่ผิดนะ)
# You agree to never use any articles obtained from Animal Pets and Friends in any form of spam or onsolicited mail.
คุณตกลงว่าจะไม่ใช่บทความใดๆ ที่ได้จาก Animal Pets and Friends ในงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับสแปม หรือ อีเมล์ไม่พึงประสงค์
# You agree to not publish any articles on sites that contain hate, racist, warez, porn, or any other illegal material.
คุณตกลงที่จะไม่เผยแพร่บทความใดๆ บนเว็บที่มีเนื้อหา ความเกลียดชัง การเหยียดผิว warez porn หรือสิ่งผิืดกฎหมายอื่นๆ
# You agree to never sell any article obtained from our directory without written consent from the author. This includes selling articles individually or in a compilation.
คุณตกลงที่จะไม่ีขายบทความใดๆ ที่ได้จาก directory ของเราโดยไม่ได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้้เขียน สิ่งนี้รวมถึงการขายแยกหรือรวบรวมบทความ
สรุปได้ความว่า สิ่งที่เราพอทำได้
ถ้าเว็บมี Plain text (บทความที่ไม่มี html tag)
เราก็สามารถก็ิอบไปใช้ได้ แล้วอย่าลืมอ้างอิง "ที่มา" ของบทความเป็นลิงค์ด้วย (เป็นลิงค์ nofollow ได้)
แต่ถ้าไม่มี Plain text ก็ให้ก็อบ html code มาแทน
แล้วเปลี่ยนลิงค์เป็น nofollow แล้วค่อยแสดงบทความก็ได้
แต่เรื่องการเปลี่ยนลิงค์เป็น nofollow ถ้ามี Request จากเว็บหรือคนเขียนเข้ามาในภายหลัง
ก็ึควรทำตามนะครับ เพราะยังไงเขาก็คงไม่อยากให้เราถอดบทความ
เขาเองก็ต้องการเผยแพร่บทความเหมือนกันครับ
#####################################
ที่เหลือก็ไม่ยากแล้วครับ แนะนำให้ค้นเว็บแนวๆ นี้บ่อยๆ
มันจะมีแนวให้เราจับทางได้ จะได้รู้กันได้ว่า เว็บไหนใช้ได้ เว็บไหนไม่ได้
จริงๆ มันไม่ียาก แถมเราได้ฝึกภาษาด้วย ผมเองยังต้องเปิด Lexitron ในหลายคนที่ไม่ทราบเหมือนกัน
