ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: --------------- ข้อคิดดีๆ ฝ่าวิกฤติปี 2552 -------------------------  (อ่าน 1118 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
BB
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 184
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,323



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 16 ธันวาคม 2008, 10:47:36 »

"รู้สึกดีกับชีวิต"
By wiwan

เดิม ดิฉันจะเก็บหัวข้อนี้ไว้เขียนในฉบับต้อนรับปีใหม่ แต่เกรงว่าผู้อ่านจะได้ประโยชน์ไม่เต็มที่จึงขอเลื่อนมาเขียนในสัปดาห์นี้ สัปดาห์ที่ยังไม่รู้ว่าหน้าตารัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร  สัปดาห์ที่เห็นแต่พาดหัวข่าวทางเศรษฐกิจที่อ่านแล้วหดหู่ เช่น เตรียมรับมือกับเศรษฐกิจถดถอย  นักท่องเที่ยวต่างชาติยกเลิกการมาเที่ยวเมืองไทยในช่วงสิ้นปี บริษัทต่างๆ เลิกจ้างงานเป็นจำนวนมาก ฯลฯ

 

การเตรียมตัวเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่จะไม่สดใสก็คือต้องทำใจของเรา ให้รับได้  รู้ถึงสถานการณ์ และพยายามใช้ชีวิตและใช้เงินให้เหมาะสมกับสถานภาพของตนเองค่ะ

 

เมื่อตอนที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ดิฉันได้อ่านพบโคลงภาษาอังกฤษที่ผู้อ่านส่งไปให้บรรณาธิการนิตยสารฉบับหนึ่ง เสียดายที่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้แต่ง แต่อ่านแล้วได้ข้อคิด จึงได้จดไว้และนำมาพิมพ์ใส่กรอบตั้งไว้ดูเวลาทำงาน

 

โคลงนั้นชื่อว่า "smiles and tears" มีเนื้อความต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาไทยนั้นดิฉันแปลเองค่ะ

 

Smiles and Tears
If times are hard, and you feel blue,
Think of the others, worrying too;
Just because your trials are many,
Don’t think the rest of us haven’t any.
Life is made up of smiles and tears,
Joys and sorrows; mixed with tears;
And though to us it seems one-sided,
Trouble is pretty well divided.
If we could look in every heart,
We’d find that each one has its part
And those who travel fortune’s road
Sometimes carry the biggest load.

 

รอยยิ้มและน้ำตา ในยามที่ลำบากและรู้สึกเศร้าเจ้าจงคิดถึงคนอื่นที่มีความกังวลด้วยเช่นกัน เพียงเพราะภาระของเจ้ามีมาก อย่าคิดว่าผู้อื่นจะปราศจากภาระ

 

ชีวิตประกอบด้วยรอยยิ้มและน้ำตาความยินดีและความเสียใจ เคล้าไปกับน้ำตาและแม้สำหรับเราจะดูเหมือนมีเพียงด้านทุกข์แต่หากเรามองเข้า ไปในหัวใจทุกดวงจะพบแต่ละดวงมีส่วนสุขและทุกข์ปนกันและผู้ที่ดูเสมือนเดิน อยู่บนถนนแห่งโชคลาภบางครั้งต้องแบกภาระที่หนักมาก

 

วิธีคิดที่จะช่วยให้ทุกท่านผ่านพ้นสภาวะแห่งความยากลำบากทางด้านเศรษฐกิจ และทางด้านสังคม ก็คือการมองโลกในแง่ดี และรู้สึกดีกับชีวิตค่ะ  ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน เราก็ควรจะดีใจที่เรายังมีชีวิตอยู่ ได้มีโอกาสทำคุณงามความดี เพราะฉะนั้นเราควรจะมีความสุขกับทุกนาทีที่เรามีลมหายใจ

 

ดิฉันคิดว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งนี้กระทบไทยไม่เท่าช่วงปี 2540 เพราะสถาบันการเงินซึ่งเปรียบเสมือน “เส้นเลือด” ของธุรกิจ ยังมีความแข็งแกร่งพอสมควร  เนื่องจากเราได้สร้างภูมิคุ้มกันไว้ค่อนข้างมากหลังจากช่วงวิกฤติปี 2540 ตามแนวทางพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง”

 

คนไทยที่มีกำลังซื้อต้องออกมาซื้อมาใช้เงินกันตามปกติธุรกิจที่ได้รับผล กระทบมาก เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว ส่งออก ต้องหันมาหาตลาดในประเทศมากขึ้น ดิฉันจำได้ว่าตอนที่มีงาน made in thailand ของบีโอไอครั้งแรกหลังวิกฤติปี 2540 ที่แหลมฉบัง คนไทยแห่กันไปซื้อของมากมาย รถติดกันยาวเหยียด

 

ของที่คุณภาพดี เคยผลิตเพื่อการส่งออก น่าจะหันมาผลิตขายในประเทศบ้าง ลูกค้าจะได้ไม่ต้องไปซื้อหาถึงเมืองนอก เพื่อเอากลับมาเมืองไทย  ดิฉันเคยคุยกับผู้ประกอบการ พบว่าต้นทุนในการทำตลาดในเมืองไทยจะค่อนข้างสูง จึงอยากจะขอให้หน่วยงานของรัฐช่วยให้ผู้ผลิตได้พบผู้บริโภคเพื่อทำความ รู้จักกับสินค้าและยี่ห้อ เป็นการขยายตลาดให้กับผู้ผลิตอีกทางหนึ่ง บีโอไอจัดงานอีกครั้งก็น่าจะดี  จัดหลายๆ วันหน่อยนะคะ จะได้คุ้มค่าขนของมาขายของผู้ผลิต

 

โรงแรมที่ส่วนใหญ่รับลูกค้าต่างชาติ ต้องหันมาให้บริการคนไทยแล้วค่ะ  ดิฉันเห็นราคาห้องพักช่วงปีใหม่ยังสูงปรี๊ดอยู่เลย บางแห่งเริ่มให้พักหนึ่งฟรีหนึ่ง ซึ่งน่าจูงใจมาก หากลดค่าอาหารได้ก็น่าจะดี   ราคาน้ำมันก็ลดลงไปเยอะ  หันมาโปรโมทให้ "ไทยเที่ยวไทย" กันอีกสักครั้งหนึ่งเถอะค่ะ ที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายในการไปท่องเที่ยวสถานที่บางแห่งของไทยแพงกว่าการไป เที่ยวต่างประเทศ จึงทำให้โรงแรมในประเทศเสียลูกค้าคนไทยไปเยอะ
  ดิฉันไปสังเกตดู ของขวัญปีใหม่ปีนี้ขายได้น้อยและคนเริ่มออกมาหาซื้อช้ากว่าปีอื่นๆ  ต้องจูงใจให้คนออกมาซื้อหาได้แล้วค่ะ

 

ท่านที่ยังไม่ได้ซื้อหาของขวัญปีใหม่ ก็เริ่มได้แล้วนะคะ  ทำตัวให้ปกติ จะได้ไม่จมอยู่ในความกังวลและความทุกข์  งบประมาณน้อยก็ซื้อหาของที่ราคาย่อมเยาลง หรือทำของขวัญเอง ใครยังพอมีงบอยู่ก็ช่วยซื้อหน่อย เห็นห้างทั้งหลายลดราคากันใหญ่ เป็นโอกาสซื้อของดี ราคาถูกลง  อย่าลืมนะคะ "การให้" เป็นวิธีขจัดความโลภซึ่งเป็นกิเลส (เครื่องทำให้จิตใจเคร้าหมอง) ได้ดีที่สุด

 

หากท่านใช้ชีวิตอย่างสมดุล แบ่งเวลาทำงาน และเวลาใช้ชีวิตส่วนตัวให้ดี ท่านจะพบว่าท่านมีภูมิคุ้มกันมากกว่าคนอื่น  หลายอย่างที่เป็นความสุขไม่ต้องซื้อหาด้วยเงินตรา
 สัปปุริสธรรม 7 เป็นธรรมะที่ทำให้เป็นคนดี มี 7 ข้อ คือ  1. รู้จักเหตุ หมายถึงรู้หลักความจริง รู้จักเกณฑ์ รู้กฎธรรมดา ว่าทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา  2. รู้จักผล คือ รู้ความหมาย รู้ประโยชน์ที่ต้องการ รู้จักผลที่จะเกิดเนื่องจากการกระทำ  3. รู้จักตน คือ รู้ว่าโดยฐานะ ภาวะ เพศ กำลัง ความรู้ ความสามารถ ความถนัด และคุณธรรมของตัวเราเป็นอย่างไร เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวให้สมฐานะ และรู้จักปรับปรุงให้ดีขึ้น 4. รู้จักประมาณ คือ รู้จักพอดีในการรับและบริโภค  5. รู้จักกาล คือ รู้กาลเวลาอันเหมาะสม รู้จักแบ่งเวลา ตรงเวลา ทันเวลา เหมาะกับสถานการณ์ 6. รู้จักบริษัท คือ รู้จักชุมชน รู้จักที่ประชุม รู้จักปฏิบัติตนให้เหมาะสมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น  และ 7. รู้จักบุคคล คือ รู้ความแตกต่างของแต่ละบุคคลว่ามีอัธยาศัย ความรู้ ความสามารถ คุณธรรมต่างกันอย่างไร

 

ถ้าท่านได้ปฏิบัติตนโดยมีทั้ง 7 ข้อนี้ เชื่อได้ว่าท่านจะใช้ชีวิตอย่างดีงาม จะมีความสุข และจะรู้สึกดีต่อชีวิต  และการรู้สึกดีต่อชีวิตจะทำให้ท่านเข้มแข็ง และสามารถเป็นกำลังใจให้กับคนอื่นๆ ได้อีกมากมาย

http://newsroom.bangkokbiznews...ent.php?id=5483&user=wiwan
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์