
– เริ่มจากหมออั้มโพสต์พาดพิง “พระเอกกล้ามโต” ที่เคยได้รับความช่วยเหลือแต่กลับเพิกเฉยเมื่อผู้ใหญ่คนนั้นลำบาก
แถมยังอวดรวยในโซเชียล แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อแต่รายละเอียดทำให้ “อาร์ต พศุตม์” รู้สึกว่าถูกพาดพิง จึงออกมาท้าให้หมออั้มพูดให้ชัดเจนเพราะใครก็เข้าใจว่าน่าจะหมายถึงอาร์ต
ถึงแม้สุดท้าย “หมออั้ม” จะเอ่ยคำขอโทษแต่คำขอโทษกลับไม่เคลียร์ อย่างคำว่า”ขอโทษละกัน”จนอาร์ตเองหรือหลายคนมองว่าการขอโทษของหมออั้มนั้นดู“ไม่จริงใจ”แถมตอนท้ายยังพูดถึงเรื่องประกันที่ทำกับแม่ของอาร์ต ซึ่งเหมือนการทวงบุญคุณ
ส่วนเหตุผลหลักๆ ที่สังคมไม่เข้าข้างหมออั้ม อิราวัติ
1.พาดพิงโดยไม่ระบุชื่อ
หมออั้มโพสต์แบบ “เล่าลอย ๆ” แต่มีรายละเอียดชี้ชัด ทำให้คนเชื่อว่าเขาหมายถึงอาร์ต พศุตม์ ทั้งที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ ซึ่งในโซเชียล การพูดไม่ชัดแต่ให้คนเดาได้ ถือว่าเป็นการ “โยนหินใส่บ้านคนอื่นแล้วหลบ” คนเลยมองว่าไม่แฟร์
2.ขอโทษแบบไม่ขอโทษ
การขอโทษของหมออั้มถูกมองว่า “ขอโทษแบบมีแต่คำพูด แต่ไม่มีเจตนา” เพราะหลังจากนั้นก็ยังโพสต์ต่อในเชิงเหน็บแนม คล้ายไม่สำนึกจริง คนเลยไม่รู้สึกว่าเป็นคำขอโทษที่จริงใจ
3.ท่าทีดูถือตัว
หมออั้มใช้ถ้อยคำที่ค่อนข้างแรงในหลายโพสต์ เช่น แซะเรื่องจิตสำนึก หรือเหน็บหลายอย่าง ซึ่งทำให้คนรู้สึกว่าเขาไม่อยู่ในจุดของ “ผู้เสียหาย” แต่กลายเป็น “ผู้เริ่มต้นโจมตี”
4.อาร์ตสื่อสารตรง ชัดเจน ไม่อ้อมค้อม
อาร์ต พศุตม์ ออกมาพูดแบบไม่เล่นลับหลัง ไม่โพสต์เหน็บ ไม่ประชด แต่ขอให้พูดชื่อให้ชัดเจน และเรียกร้องให้หยุดโยนบาปลอย ๆ สังคมจึงเข้าข้างและเข้าใจว่าเค้าคือผู้ถูกพาดพิงให้เสียหาย
5.อั้มไม่มีหลักฐาน
ถ้าการโพสต์ของหมออั้มตามมาด้วยหลักฐานว่าสิ่งที่ตังเองรับรู้มาคือเรื่องจริงเพื่อยืนยันให้สังคมรับรู้เพราะสิ่งที่พูดมีน้ำหนักพอและคนจะเข้าข้างหมออั้มทันที
ติดตามข่าวสาร ประเด็นเด็ด ที่นี่
https://thekingcup.net/ 