ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า อินเทอร์เน็ตจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งจนเขย่าโลกธุรกิจอย่างถึงแก่น ขณะนี้ในแต่ละวัน มีคนเข้าร่วมกับเศรษฐกิจโลกที่เชื่อมต่อถึงกันด้วยอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นกว่า 70,000 คนทุกวัน ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ภายในปี 2011 ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3 พันล้านคน
นั่นจะนับเป็นครั้งแรกที่แรงงานทั่วโลกจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ระบบที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลก เมื่อถึงตอนนั้น ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้ง 3 พันล้านคนจะสามารถสื่อสาร ร่วมมือและเชื่อมโยงกับพลเมืองอื่นๆ ที่ชอบในสิ่งที่คล้ายๆ กันในประชาคมอินเทอร์เน็ตได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านคนกลางหรือ "ผู้รักษาประตู"
แต่นั่นอาจไม่ได้หมายถึงงานปาร์ตี้ใหญ่อันแสนสุข หากแต่จะมีอุปสรรคใหม่ๆ ความวิตกกังวลและปัญหาใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึงให้เราต้องจัดการ
พลังใหม่ของผู้บริโภคTom Hayes ผู้แต่งเป็นผู้คร่ำหวอดในชุมชนไฮเทค Silicon Valley และเป็นผู้บริหารบริษัทหลายแห่ง Hewlett-Packard, Applied Materials, AMD และ Enea ในหนังสือเล่มใหม่ของเขา Jump Point: How Network Culture Is Revolutionizing Business นี้ Hayes ได้วิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มทางการตลาดหลายอย่าง ที่จะเกิดขึ้นในโลกใบใหม่ที่เชื่อมโยงถึงกันด้วย อินเทอร์เน็ตซึ่งอาจไม่หอมหวานสำหรับนักการตลาดเสมอไป มุมมองใหม่ของ Hayes ท้าทายความคิดเก่าๆ และขัดแย้งกับโมเดลธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่จะช่วยให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจแนวโน้มการตลาดใหม่ๆ เหล่านั้น รวมไปถึงเข้าใจว่าจะอยู่รอดในสิ่งแวดล้อมใหม่ได้อย่างไร
Hayes คาดว่า ในอนาคตจะเกิดประชาคมใหม่ๆ ของผู้บริโภค ที่จะทำให้ความสัมพันธ์ทางธุรกิจแบบบงการและควบคุม (command-and-control) ล่มสลาย เพราะสมดุลแห่งอำนาจจะเปลี่ยนมือไปสู่การรวมกลุ่มของผู้บริโภคใหม่ๆ ที่มีความคิดเห็นเป็นตัวของตัวเอง
ทุกวันนี้ บริษัทเริ่มปล่อยให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้ด้วยตัวเองและแนะนำผลิตภัณฑ์นั้นต่อไปยังคนอื่นๆ โดยผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นวิธีการสร้างเพื่อนใหม่ๆ ของผู้บริโภคด้วย ทำให้เกิดกลุ่มผู้บริโภคที่มีความชอบเหมือนๆ กันจนกลายเป็นชุมชนออนไลน์ เหมือนๆ กับชุมชนที่เรามีในชีวิตจริง
โดยพื้นฐานแล้ว คนเรามีความต้องการที่จะรวมกลุ่มกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใหญ่กว่าอยู่แล้ว แต่ Hayes ชี้ว่า ความต้องการเหล่านั้นถูกจำกัดเอาไว้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น การขาดการติดต่อไปมาหาสู่กัน ความแตกต่างทางภาษา ความจำกัดของทรัพยากร และการมีทางเลือกที่จำกัด แต่ อินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทลดความจำกัดเหล่านั้นไปมากแล้ว และผู้แต่งคาดว่าอินเทอร์เน็ตจะสามารถกำจัดอุปสรรคที่เหลืออยู่ให้หมดไปในไม่ช้านี้ Hayes คาดว่าในอนาคตอันใกล้ กลุ่มสังคมบนอินเทอร์เน็ตที่เกิดจากการรวมกลุ่มของคนที่มีความชอบเหมือนๆ กัน จะกลายเป็นกลุ่มสังคมที่มีอิทธิพลในเศรษฐกิจของประเทศตลาดเกิดใหม่อย่างรวดเร็ว และจะส่งผลเปลี่ยนวิธีคิดของเราเกี่ยวกับตลาด แฟชั่น ความเคลื่อนไหวทางสังคม ไปจนกระทั่งถึงวิธีคิดเกี่ยวกับอำนาจด้วย
แต่นี่อาจไม่ใช่ข่าวดีสำหรับธุรกิจเสมอไป แม้ว่าขนาดที่ใหญ่ขึ้นของชุมชนออนไลน์จะยิ่งทำให้เครือข่ายชุมชนบนอินเทอร์เน็ต ยิ่งมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นสำหรับธุรกิจ แต่สำหรับผู้บริโภคแล้ว คุณค่าของเครือข่ายชุมชนออนไลน์จะเพิ่มขึ้น ก็ต่อเมื่อชุมชนนั้นมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ชุมชนออนไลน์ที่มีความใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ ก็จะสามารถดึงดูดผู้บริโภคได้มากเท่านั้น แต่ไม่ใช่สำหรับนักการตลาด ซึ่งจะไม่สามารถเข้าถึงชุมชนเหล่านั้นได้อย่างไม่จำกัดเว้นไว้ แต่จะได้รับเชิญเท่านั้น
ความไว้วางใจคือสกุลเงินใหม่
ภายในชุมชนใหม่บนโลกอินเทอร์เน็ตนี้ ข่าวสารจะส่งถึงกันแบบปากต่อปาก ไม่ใช่ผ่านการโฆษณา Hayes ชี้ว่า และนี่ก็คือปัญหาท้าทายอย่างใหญ่หลวงของวิธีการตลาดแบบดั้งเดิม และเตือนให้นักการตลาดระวังว่า ไม่มีอะไรจะเลวร้ายยิ่งไปกว่าการคิดจะควบคุมชุมชนใหม่อันทรงพลังเหล่านี้ด้วยอินเทอร์เน็ต อันเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดชุมชนใหม่นั้นเอง
Hayes ทำนายว่า ความไว้วางใจจะกลายเป็น "เงินสกุลใหม่" ที่มีค่ามากที่สุดในโลกใบใหม่ ลูกค้าทุกวันนี้ต้องการสิ่งที่ไว้ใจได้ ไม่มีข้อสงสัย ไม่ซับซ้อนหรือผ่านการตัดสินใจหลายซับหลายซ้อน และต้องการได้รับรู้เบื้องหลังหรือมีส่วนร่วม ดังนั้นการควบคุมที่น้อยลงจึงหมายถึงความไว้ใจที่มากขึ้น พร้อมกับเตือนธุรกิจว่า บริษัทที่พยายามจะควบคุมบงการข้อมูล เพราะคิดว่าจะสามารถสร้างความไว้ใจให้เกิดขึ้นได้ กำลังเสี่ยงต่อการล่มสลาย การพยายามจะทำให้ดูเหมือนว่าได้รับความสนับสนุนจากระดับรากหญ้า ด้วยวิธีการที่หมกเม็ดที่เรียกว่า astroturfing นั้น เป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่งในโลกออนไลน์ และจะถูกรังเกียจเดียดฉันท์อย่างที่สุด เพราะนั่นคือการละเมิดหลักการและทำลายจิตวิญญาณของการสื่อสารแบบ peer-to-peer