รายได้ตกเหมือนกัน ทราฟฟริกคงที่ คลิกก็คงที่ แต่รายได้ลดลงเยอะ
วาดฝันไว้กับภรรยาว่า จะยึดงานนี้แทนงานประจำ พอเจอแบบนี้ เกิดอาการท้อ
พ่อแม่ก็บอกให้เลิกทำได้แล้ว มันไม่มั่นคง

ไปเป้นลูกจ้างเค้า มันมั่นคงกว่า มีธุรกิจเป็นของตัวเองตรงไหนหว่า
ถ้าจะบอกว่าได้เงินแน่ๆทุกเดือน (จะมั่นใจได้ไงว่าจะไม่โดนไล่ออกซักวัน)
ปล. แต่ผมก็เข้าใจมุมมองคนรุ่นนเก่าครับ

ผมเคยทำงานประจำมาแล้วหลายที่ โดนเชิญออกอย่างไร้เหตุผล ที่สำคัญก็คือต้องการลดพนักงาน เพื่อความอยู่รอดขององค์กรนี่แหละครับ สุด ๆ เลยยยยยยยยยยย โดนข้อหานี้เป็นประจำ (หวังว่าคุณคงจะเข้าใจในเหตุผลของบริษัทนะครับ เราจำเป็นจะต้องลดพนักงาน เสร็จแล้วก็ให้ไปหางานใหม่จ่ายเงินเดือนล่วงหน้า แล้วก็เก็บของพร้อมจิตใจที่ว้าวุ่น ในชีวิตนี้โดนมา 3 ครั้งแล้ว เชิญออกแบบนี้อ่ะ ช้ำใจจริง ๆ ..... นึกว่ามั่นคง
เมื่อก่อนพ่อแม่ผมมักสอนผมเสมอว่า เรียนดี ๆ จบแล้วจะได้ทำงานบริษัทใหญ่ ๆ จะได้ชีวิตมั่นคงดังนั้นตอนที่ผมเป็นเด็กผมเชื่อเสมอว่าความคิดเช่นนี้ถูกต้อง ผมได้ปฏิบัติตามคำสอนของพ่อและแม่มาเสมอ เมื่อผมเรียนจบ ผมได้ทำงานในบริษัทที่ดีและมั่นคงสมอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ ผมได้ทำงานสักระยะ ได้เห็นเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ สามประเภทคือ
1) มีเส้นสาย
2) ขี้เกียจ อู้งาน
3) ทำงานตรากตรำ ทำงานหนัก
แบบแรก เริ่มงานก็จะได้รับตำแหน่งดี คนพวกนี้ถือว่าชาติก่อนทำบุญมาดีเลยอยู่สบาย
แบบที่สอง เป็นส่วนใหญ่ของคนทำงาน มักเป็นคนเห็นแก่ตัว คิดว่าตัวเองทำเยอะจะเสียเปรียบ พยายามอู้ถ้าหัวหน้าไม่อยู่ ถ้าบริษัทยังไม่มีปัญหาคนพวกนี้ก็จะอยู่ได้ ทำงานในบริษัทหลายสิบปีแล้วตำแหน่งงานไม่ก้าวหน้า เวลาบริษัทมีปัญหา พวกนี้จะถูกยื่นซองขาวเป็นพวกแรก
แบบที่สาม คนพวกนี้เป็นที่ต้องการของบริษัทมากที่สุด เห็นตัวอย่างจากรุ่นพี่ผมคนหนึ่ง เป็นทำงานหนักมาก เขาต้องทำงานจำนวนมาก มีความรอบรู้สูง ประชุมตลอดเวลา ต้องทำผลงานให้ได้ตามเป้าที่บริษัทตั้งไว้เพื่อความก้าวหน้า ค่อนข้างเครียด ถ้าผมทำงานอย่างเขา แต่เป็นบริษัทของผมเองคงร่ำรวยแน่นอน
ผมพิจารณาว่าผมเป็นประเภทไหน ผมอยากเกิดเป็นแบบที่หนึ่งแต่ก็เป็นไปไม่ได้เพราะไม่มีญาติคนไหนเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โต ใจผมเป็นแบบสองคือขี้เกียจ แต่อยากก้าวหน้า ผมจึงต้องพยายามทำตัวเป็นแบบที่สาม
ผมพยายามทำงานหนัก อุปสรรคก็มีมากมาย เมื่อผมกำลังจะได้ดีก็จะโดนแก่งแย่งเลื่อยขา แทงข้างหลังกัน แม้ป่วยผมก็นอนพักอย่างสบายใจไม่ได้เพราะห่วงงาน(เงินและตำแหน่ง) ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า และถามตัวเองว่าจริง ๆ ผมทำเพื่อใคร กำลังทำงานหนักเพื่อตัวเองจริง ๆ หรือเปล่า การที่เราเอาแรงงานแลกกับตำแหน่งและเงินทุกเดือน ถ้าเราขยันเราก็ยังได้เงิน แต่ถ้าวันใดเราทำงานไม่ได้ล่ะอะไรจะเกิดอะไรขึ้น ข้อดีของการทำงานบริษัทที่ผมเห็นคือ เรารู้ว่าเราจะได้เงินเท่าไหร่เมื่อตอนสิ้นเดือน แต่ความไม่แน่นอนก็มีมากมาย ไม่มีบริษัทที่มั่นคงร้อยเปอร์เซ็นต์ มีข่าวบริษัทใหญ่โตล้มละลายบ่อย ๆ และที่สำคัญคือ ตัวเราคงไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า พรุ่งนี้เราอาจจะพิการทำงานไม่ได้ ใครจะไปรู้ ถ้าจะหาความมั่นคงจากการทำงานบริษัทผมว่าคงไม่มี
เราเลือกที่จะลิขิตชีวิตตัวเอง หรือให้คนอื่นลิขิตชีวิตให้เราล่ะครับ